คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #54 : ตอนที่ 36 : อีกครั้ง (เพิ่มตอน 35)
งงล่ะซี้ที่ไม่มีตอน 35 น่ะ อย่างงค่ะ มันอยู่นี่
http://writer.dek-d.com/Zokin/story/viewlongc.php?id=330152&chapter=36
เชิญตามสบายค่าาาาา!!!
ตอนที่ 36 : อีกครั้ง...
....................
คล้ายสายลมบังคับให้หลับตาลง หากลืมตาอีกครั้ง…ภาพเบื้องหน้ากลับเปลี่ยนไป..
.................
.........
....
..
.
‘ทำไม...’ .ใบหน้าคมคายดูเรียบเฉย กระนั้น พอมองเข้าไปในดวงตาสีเทา อารมณ์ภายในนั้นกำลังไหววูบราวกับคลื่นซัดด้วยความสับสน จับจ้องมองร่างบางนิ่งราวกับช็อก โดยเจ้าตัวยังกระซิบขอโทษซ้ำไปซ้ำมา
คล้ายบางอย่างกำลังหลุดลอกออกจากตัวชิคัง ค่อยๆสลายหายไปช้าๆตามคำพูดปนสะอื้นของจอมอสูรผู้งดงาม กระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างดูกระจ่างชัด..นัยน์ตาสีเทาเปลี่ยนจากแข็งกร้าวมาเป็นตกใจ ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเลื่อนลอย ก่อนจบลงที่สีหน้าสุดท้าย..สีหน้าเศร้าสร้อย เจ็บปวด..
‘นี่ข้าทำอะไรอยู่..?’
ชิคังรู้สึกอยากอาเจียน
‘เมื่อกี้ข้ากำลังทำอะไร..?’
มือที่ตรึงข้อมือเล็กจนแดงช้ำถูกดึงออกเบาๆ พร้อมกายที่สอดลึกเข้าไปก็ถูกดึงออกทำให้ร่างเบื้องใต้สะดุ้งและครางด้วยความเจ็บ หากริมฝีปากอิ่มก็ยังไม่เลิกกระซิบคำว่าขอโทษ..มันทำให้ชิคังรู้สึกเหมือนตัวเองถูกแทงในอก ดวงตาคู่คมมองเรือนร่างขาวและกัดฟันแน่เมื่อเห็นรอยกัดกับรอยช้ำเต็มไปหมด
“ข้าไม่อยากไห้เจ้าเจ็บเซ็ตโชมารุ..ถ้าเจ้าเจ็บเพราะเจ้านั่นข้าจะไม่ยอมอีกแล้ว..จะไม่ปล่อยเจ้าไป..ข้าไห้สัญญา”
เจ้าคนปลิ้นปล้อน..แกมันไอ้จอมตอแหลชิคัง!
มือหนากำเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกลงเนื้อแต่ก็หาสนใจไม่ ร่างกายของเขาเริ่มสั่น..ไม่เข้าใจว่าตัวเองเกือบทำเรื่องอะไรลงไป...เกือบทำให้คนๆนี้...
ไหนพูดเองไง..ว่าจะไม่ยอมให้ใคร..ทำให้เจ็บปวด..
สัญญาเองแท้ๆว่าจะปกป้อง จะคอยดูแล..จะทะนุถนอม...ไม่ยอมให้ใครแตะต้อง...
...แล้วดูสิ่งที่แกทำสิ...
แกทำให้เซ็ทโชมารุเจ็บ..ทำร้ายจนต้องร้องไห้..แล้วยัง..
ทำลายเขา..
‘ข้ามันเลว..!’
“อย่าเจ็บเลยนะ ข้าขอโทษ มันเป็นความผิดของข้า...ของข้าเอง..”
ดวงตาสีเทาหลุบลง แม้แต่ตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังไม่เลิกขอโทษราวกับไม่รับรู้อาการของร่างสูง ชิคังมองอสูรหนุ่มด้วยสายตาสั่นไหว คล้ายบ้างอย่างกระแทกอกเขาจนอยากกระอักบางอย่างออกมาจากดวงตา
..อย่าเจ็บงั้นรึ..?..ใครกันแน่ที่เจ็บ..เจ้าไม่ใช่รึ..?
เจ้าต่างหากที่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวน..ไม่ใช่ข้า
“เจ้ามันบ้า...” ชิคังกระซิบ ร่างบางทำหน้ามุ่ย ปากอยากด่าร่างสูงว่าข้าไม่ได้บ้าซักหน่อย!..แต่เสียงกลับแหบพูดออกไปไม่ได้ จึงได้ขยี้ตาเบาๆและสะอื้นตอบชิคังด้วยคำเดิม
“ขอโทษ..ข้า..ขอโทษ..”
..หยุดซักทีได้มั้ย..
ดวงตาสีเทาหรี่ลงๆช้าๆก่อนจะหลุบลงสนิท สูดลหายใจเข้าปวดช้าๆด้วยทีท่าสงบเพื่อกลั้นของบางอย่างที่รื้นขึ้นในอก
“เซ็ตโชมารุ..ไม่ต้องแล้ว” ชิคังกระซิบ “ไม่ต้องขอโทษแล้ว..ไม่ต้อง”
ยิ่งมากคำขอโทษเท่าใด ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองมากกว่าเดิม
เขาแทบไม่อยากนึกภาพพอคิดว่าถ้าไม่มีเสียงเบาหวิวนี้เรียกสติเสียก่อนจะเกิดอะไร อยู่ๆคนตัวโตกลับชะงัก เสียงครางจากเซ็ตโชมารุกับเรียวขาเรียวที่เกร็งเบาๆจะทำให้ชิคังสะอึกหยัดกายขึ้นทันที
พระเจ้า เลือด..!
ผ้าปูที่นอนตรงระหว่างขาของเซ็ตโชมารุเปื้อนเลือดเป็นดวง ซึ่งมันหยดผ่านต้นขานวลอย่างเชื่องช้าทีละหยดๆ ‘บ้าเอ๊ย!..ข้างในคงฉีก’
“ชิคัง...” เสียงนุ่มหูกระซิบเบาๆแทรกความคิดขึ้นมา “ข้าเจ็บ..”
มือไม้หนารู้สึกเก้กัง คล้ายลืมโลกไปชั่วขณะก่อนเปิดปากถามเสียงเบาตะกุกตะกัก“ซ..เซ็ต..เจ็บมากรึเปล่า.. ” ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าเบาๆก็ยิ่งทำให้ในลำคออุดตันด้วยความสำนึกผิด
“ข้าขอโทษ..” ชิคังกระซิบ “ไม่เป็นไรนะ..ข้าจะหายามาให้ แป๊บเดียวก็หายนะ”
เสียงอันอ่อนโยนและใบหน้าคมซึ่งกลับมาอบอุ่นห่วงใยเช่นชิคังที่เซ็ตโชมารุรู้จักราวกับพังความอัดอั้นลง...ทำให้น้ำตามากมายพากันร่วงกรูจากดวงตาคู่สวย จอมอสูรพยายามกลั้นการสะอึกจากการ้องไห้อย่างหนักโดยการปิดปากแน่น แต่เพราะอะไรบางอย่าง เขาไม่อาจหยุดน้ำตานี้ได้เลย ทว่าร่างสูงกลับดึงมือเล็กออก ก่อนโน้มตัวลงประทับรอยจูบบนแก้มชื้นแดงจัด ทั้งใช้นิ้วโป้งปาดไล่น้ำตาจากแก้มแดงเรื่อ
“อย่าร้อง...ได้โปรด..ไม่ทำอะไรแล้ว อย่าร้องนะ” เขากระซิบปลอบ
ชิคังพูดแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา และคอบซับน้ำตาอยู่อย่างงั้น แต่ดูเหมือนคำพูดจะไม่เข้าหูเจ้าตัวทำให้ชิคังต้องกระชับวงแขนแน่นขึ้นเป็นการปลอบโยน นานหรือบางทีอาจพียงแค่ชั่วครู่ถึงเริ่มรู้ว่าร่างในอ้อมกอดนั้นนิ่งไปอย่างผิดสังเกต พอร่างสูงก้มหน้าฟังก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอบอกว่าเจ้าตัวเผลอผล็อยหลับไปแล้ว
ชายร่างสูงวางจอมอสูรลงบนเตียงอย่างนิ่มนวลโดยไม่ลืมห่มผ้าให้ ก่อนนั่งตรงขอบเตียง ใช้ดวงตาสีเทามองดวงหน้าเรียวสวยนิ่งแทบไม่กระพริบตา สำรวจตั้งแต่แก้มเนียนขาว ริมฝีปากซึ่งถูกจูบจนห้อเลือด แม้แต่หยาดน้ำตาซึ่งกราวเป็นประกายบนแพขนตาหนา ทำให้จอมอสูรดูงดงามบอบบางราวกับจะแตกสลายเพียงแค่จับต้อง
ชิคังเองก็เกือบทำให้พังเหมือนกัน...
ร่างสูงผมเทาลุกขึ้นและเดินช้าๆออกจากห้องไป
ภายนอกหลงเหลือเพียงความเงียบงัน บนพื้นไม่ไกลจากประตู ชิคังเห็นชามข้าวต้มเย็นชืดหกเรี่ยราดคว่ำหน้าอยู่ คนถืออย่างเขาแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำหลุดมือเมื่อไหร่...
“เป็นไง..?”
คำถามดังมาจากเบื้องหลังแต่น้ำเสียงฟังขบขัน เพียงแค่นั้นเขาก็รู้ว่าใคร ร่างสูงจึงก้มกายลงเก็บชามข้าวต้มโดยไม่พูดอะไร ทำให้จิคาคุเอ่ยเสริมอย่างข้องใจ “ทำหน้าแบบนั้นหรือว่ารสชาติแย่? แปลกนะ ข้าคิดว่าอร่อยเสียอีก..”
เพล้ง!!
เพียงประโยคเดียว ชามข้าวต้มเมื่อครู่ก็ปลิวเฉียดศีรษะทองๆไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด และแตกกระจายทันทีเมื่อกระทบพื้น ดวงตาสีดำสนิทสบกับสีเทาราวหมอกซึ่งตอนนี้กำลังกลายเป็นพายุ
“อย่าคิดจะเปิดปากพูดเรื่องนี้อีกหากเจ้ายังอยากมีลิ้นอยู่...เจ้ายักษ์ทรยศ” ชิคังขู่เสียงเย็นเยือก แต่จิคาคุกลับเลิกคิ้ว ทวนเสียงสูง
“ทรยศ? อะไรๆก็ทรยศๆ ข้าก็แค่ทำหน้าที่ของข้าเท่านั้น มันก็เหมือนเจ้าหนี้ปกติที่พอรู้ว่าลูกหนี้คิดเบี้ยวเลยต้องใช้ไม้แข็งกันไว้...ผิดตรงไหนรึ?” ร่างสูงหัวเราะหึ รู้สึกดีอย่างประหลาด “แต่ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะเก่งทั้งนอกและในเตียง...”
แต่ไม่ทันพูดต่อกลับถูกกระชากคอเสื้ออย่างแรงจนน่าคะมำ ใบหน้าทั้งสองเกือบชิดกัน จับจ้องซึ่งกันและกันระหว่างดวงตาสีราตรีขบขัน กับนัยน์ตาเทาขุ่นโกรธ
“เจ้ากล้าแอบดู?!”
คิ้วเข้มสีทองเลิกขึ้นอย่างแปลกใจราวกับไม่เข้าใจว่าชิคังจะโมโหอะไร “เจ้าสนอะไร? หรือว่าหวง? อา..คงอยากเก็บฉากดีๆไว้คนเดียวสินะ” จิคาคุกระตุกยิ้มมุมปากยิ่งยามเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มบีบคอเสื้อแน่นขึ้นตามอารมณ์ก็ยิ่งสนุก ก่อนเอ่ยส่งท้ายด้วยเสียงเบาๆ หากจี้จุด
“และข้าไม่คิดเลยนะว่าวิธีอ้อมๆสวยหรูที่เจ้าพูดถึงจะทำให้ใครคนหนึ่งทรมานถึงกับพูดแบบนั้นออกมา...”
พายุพลันถูกดูดหาย คล้ายประโยคจากเสียงทุ้มนุ่มตีแสกหน้าเขาอย่างจัง หมอกสีเทาอันรุนแรงกลืนเป็นความรู้สึกเจ็บปวดและหม่นหมองลงในชั่วอึดใจ ราวกับแสงดวงสุดท้ายที่เรียกว่าแค้นและโกรธกำลังซึมหายลงไปช้าๆเหลือเพียงดวงตาสีเทาแสนเศร้า
ชิคังหลุบตาลง ค่อยๆปล่อยมือและถอยหลังไปช้าๆจนแผ่นหลังชนประตู โดยไม่ต้องให้ใครพูอะไร ร่างสูงใหญ่ก็ทรุดลงนั่งช้าๆ มือเรียวหนาถูกยกลูบหน้าเบาก่อนวางปิดตรงดวงแน่น
ข้าทำอะไรอยู่..
ข้าจะทำอย่างไรต่อไปดี...
ตลอดมา..ก็รู้ว่าเซ็ตโชมารุเจ็บและตัวเองก็เจ็บปวดตามไป แต่สาเหตุส่วนใหญ่ไม่ใช่หยดน้ำตานั่น...แต่เพราะหมอนั่นร้องให้ใครต่างหาก
ดูสิ...แม้ตอนที่เจ้าเริ่มร้องไห้เพราะเขาพามิซึเนะมา จงใจให้เจ็บปวดเพื่อตนเองจะได้กอดปลอบบนเตียง เฝ้าพูดซ้ำๆด้วยคำหวานๆเอาแต่ได้ว่า ‘ข้าอยู่นี่นะๆ’ ...แล้วยังตอนนั้นอีกเล่า ตอนที่นาราคุถูกเกวียนชนจนเป็นเจ้าชายนิทรา ชิคังยังนึกอิจฉาที่เซ็ตโชมารุร้องไห้เพื่อมัน...เพื่อนาราคุ
เขาบอกตัวเองว่าการเห็นอีกฝ่ายร้องไห้คือเรื่องเจ็บปวดโดยทำตาบอดหูหนวกมาเสมอว่าใคร..คือ...คนต้นเหตุที่ทำให้ร้องไห้
ปลอบว่าข้าอยู่นี่นะงั้นเหรอ..น่าขำ..สิ่งที่เขาควรพูดในตอนนั้น...
‘ข้าอยู่นี่ คนที่ทำให้เจ้าร้องไห้อยู่ตรงนี้...ดังนั้นเลิกร้องไห้ซักทีเถอะ’
‘ทั้งๆที่เจ้าเจ็บ เหตุใดข้าถึงยังมัวอิจฉาหึงหวงอยู่ได้ ทำไม..ทำไมถึงไม่หยุดและเลิกทำไห้ร้องไห้ แต่ข้ากลับฆ่าหัวใจเจ้า จนต้องร้องไห้อย่างนี้ซ้ำทุกวันๆเป็นปี...นี่ข้ามองข้ามความทรมานของเจ้าไปได้อย่างไร..?’
นาน...กว่าชิคังจะกระซิบขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ
“ตลอดมานี้ข้ามัวมองอะไร...?”
ไม่มีผู้ใดตอบคำถามของเขา ซึ่งชิคังไม่หวังจะให้ใครตอบมัน ก่อนชิคังจะลืมตาขึ้นช้าๆ
“เจ้าบอกใช่มั้ยว่าวิธีของข้ามันอ้อมค้อม...ทั้งๆที่คนอื่นบังคับให้รัก หรือแม้แต่ลบความทรงจำของคนที่ตัวเองต้องการรัก..?”
“ข้าก็เห็นแต่คนทำแบบนั้น..” จิคาคุยักไหล่น้อยๆ มือหนาเสยเส้นผมสีทองเบาและนั่งแปะลงข้างๆชิคังอย่างถือสิทธิ์ พร้อมเอ่ยเปรย “...อยากขออะไรจากข้ารึเปล่าล่ะ นายท่าน..?”
ชิคังหลับตาลงและยิ้มน้อยๆ
“..เออ”
ใช่...คำขอที่ข้าควรขอตั้งแต่แรก..โดยเอาเวลาไปเสียกับวิธีอ้อมค้อมแบบคนดีอย่างนั้น..ทั้งๆที่ข้ากับคนอื่นก็ไม่ต่างกันแท้ๆ
“...คำปรารถนาของข้า คือ........”
เจ้าดวงตาสีดำสนิทฟังความต้องการนั้นด้วยดวงตาเรียบเฉย และหัวเราะน้อยๆ
“แค่นี้ก็จบ...”
....................................................
ในอดีต มีหลายรั้งที่ยามป่วยจนไข้ขึ้นสูง...ท่านพ่อก็มักจะมานั่งข้างเตียงและวางมือบนศีรษะ ไม่ยอมไปไหนจนกว่าไข้จะลดลง...และเขาก็จะจับมือนั้นไว้แน่นไม่ปล่อยจนท่านพ่อถึงกับบ่นทั้งๆยังยิ้มว่า ‘ถ้าโตไปอย่าทำแบบนี้ล่ะ อายคนอื่นแย่’
…………..
…….
…
.
ดวงตาสีทองปรือเปิดอย่างเพลียๆ อดแปลกใจไม่ได้ว่าท่านพ่อสั่งให้คนมาทาสีห้องเขาใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะมันช่างแตกต่างกันจริงๆ ก่อนความทรงจำเดิมๆจะทำให้เจ้าตัวระลึกได้เลือนลางว่าตันเองไม่ได้อยู่ในปราสาทแต่อยู่ในบ้านที่เลือกกับชิคัง และมือใหญ่ซึ่งเขาจับมันไว้แน่นก็ไม่ใช่มือของพ่อ...แต่เป็นของชิคัง
“หลับสบายดีมั้ย..?” ร่างสูงถามขึ้นยามสบกับดวงตาคู่สวยคู่เดิม นั่นทำให้ร่างบางรู้สึกโล่งใจยามเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนคุ้นเคยบนริมฝีปากของอีกฝ่าย...ชิคังคนเดิมกลับมาแล้ว แต่เพื่อความแน่...
“เจ้าจะไม่ตวาดข้าแล้วใช่มั้ย?” เซ็ตโชมารุถามเพื่อความแน่ใจ และเห็นว่ามีความเศร้าเคลือบบนดวงหน้าคมครู่หนึ่ง
“ไม่ล่ะ...” เปลือกตาสีน้ำผึ้งหลุบลง ชิคังส่ายหน้าน้อยๆและย้ำอีกครั้ง “ไม่ตวาดแล้ว...”
ไม่อีกแล้ว...
ความเงียบเป็นเรื่องต่อมาในบทสนทนา อาจเพราะชิคังไม่รู้จะพูดอะไร หรือเซ็ตโชมารุยังคงไม่มีแรงเหลือพอจะเอาคืนร่างสูง ทั้งสองจึงไม่ได้พูดอะไรกัน ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า กระทั่งชิคังเอ่ยทำลายบรรยากาศสงบขึ้น
“แปลกดีนะ..” ดวงหน้าหวานมองต้นเสียงที่เอ่ยขึ้นมาลอยๆ และเห็นว่าดวงตาคู่นั้นเหม่อมองไปที่ไหนซักแห่งด้วยใบหน้าเศร้า
“เจ้ายังอยู่ตรงนี้กับข้า..หลังจากผ่านเรื่องพวกนั้นมาแล้ว”
เซ็ตโชมารุตอบผ่ากลางขึ้นมาทันที “เพราะข้าลุกไม่ขึ้นต่างหากล่ะ...”
คำพูดตรงๆทำให้คนตัวโตกว่าต้องถอนหายใจเบาและอมยิ้มซึ่งดูหงอยอย่างชัดเจน จอมอสูรมองท่าทางแบบนั้นและเปิดปากถามลองเชิง
“เจ้าไม่อยากให้ข้าอยู่ที่นี่..?”
“เปล่า!” ชิคังถึงกับหันขวับมาปฏิเสธแทบไม่ทัน ก่อนจะทำหน้างุ่นง่านยามถูกดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งกลับมา “แค่คิดว่า..มันบ้ามากๆเท่านั้น”
ชายหน้าสวยเลิกคิ้วก่อนยิ้มมุมปาก
“อือ...อาจบ้าจริงๆก็ได้ เพราะแม้แต่ตอนนี้ข้ากลับไม่รู้สึกเกลียดเจ้าอย่างที่คิดไว้..แปลกดี”
ร่างสูงเบิกตากว้าง คล้ายจะพูดอะซักอย่างก่อนหยุดชะงัก ส่ายศีรษะระด้วยท่าทางไม่อาจรับได้ ในใจร่างแบ่งภาคหนุ่มไม่เข้าว่าทำไมอีกฝ่ายถึงนิ่งเสียขนาดนี้
“เจ้าบ้ารึ? ทั้งๆที่ข้าทำเรื่องตั้งมากมายขนาดนั้น...เจ้าควรฆ่าข้าให้ตายด้วยซ้ำ!”
คนที่นอนนิ่งเพราะขยับกายไม่ได้เหลือบมองร่างสูงเล็กน้อย ชิคังพอรู้ว่าถูกจ้องก็ชะงักและเบือนสายตาหนีไป หากเซ็ตโชมารุยังพอทันเห็นความสำนึกผิดลึกล้ำในนั้น ดวงตาสีทองอำพันจึงหลุบลง โดยไม่ให้ชิคังอ่านได้ว่าภายในนั้นมีอะไร
“ที่จริงก็เกลียดนะ...”
คำสั้นๆที่ถักทอจากเสียงนุ่มหูพาลให้ใจในอกกระตุกวูบแต่กลับนิ่งงัน เบือนดวงตาไปมองที่เท้าอย่างยอมรับมัน หากเซ็ตโชมารุไม่ได้เอ่ยเสริมขึ้นเบาๆ
“แต่ความชอบมันมีมากกว่าความเกลียดก็เท่านั้น..”
ตาคู่คมเบิกกว้างก่อนหันขวับมาหาร่างบนเตียงทันทีราวกับไม่เชื่อหู และไม่มีใครหยุดยั้งคำที่ดังออกจากริมฝีปาดได้รูปของจอมอสูรหนุ่มได้
“พอจิคาคุพูดว่าเจ้าฆ่านาราคุ ข้าก็ช็อกมากและคิดในทันทีว่านี่มันเรื่องอะไร...มันเกิดขึ้นเร็วจริงๆเมื่อความคิดจะฆ่าเจ้าให้ตายอย่างทรมานเข้ามาในหัว ช่วงไม่กี่วินาทีนั้นข้าอยากให้เจ้าตายตามนาราคุไป ซึ่งข้าไม่คิดขัดข้องมันเลยซักนิด...ความเกลียดและความโกรธนี่น่ากลัวนะ...”
ชิคังฟังถึงกับหน้าซีดเผือด เซ็ตโชมารุรู้สึกถึงการเกร็งจากร่างสูงผ่านมือที่กุมกันอยู่จึงต้องลืมตาขึ้นช้า ใช้นัยน์ตาสีน้ำผึ้งคู่งามจ้องมองเนตรสีหมอกนิ่ง ขณะร้อยยิ้มบางๆทาบลงบนมุมปากสีสวย
“อือ...สีหน้าคล้ายๆแบบนี้แหละ”
ประโยคเสริมจากร่างบางเปลี่ยนใบหน้าให้ดูงงวย ขณะเซ็ตโชมารุผินหน้ามาข้างๆเพื่อให้ได้มองชัดขึ้นพาลจนคนถูกจ้องใจสั่นน้อยๆ
“ถึงจะแวบเดียวก่อนเจ้าจะจะต่อยหน้าจิคาคุ แต่ข้าก็เห็นว่าเจ้าทำหน้าอย่างไรตอนนั้น...หน้าคล้ายๆแบบนี้แหละ”
...แวบเดียวสั้นๆหากนานแสนนานสำหรับสายตาเขา..ราวกันดวงหน้าคมแปรเปลี่ยนเป็นหน้าของเด็กหลงทางหาทางออกไม่เจอ…
“ แค่วินาทีนั้นรู้มั้ย...ว่าทั้งสีหน้าและดวงตาของเจ้ากำลังบอกขอโทษข้ามากมายขนาดไหน…”
ชิคังถึงกับแข็ง...ไม่..เขาไม่รู้..ตอนนั้นแทบไมรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นเพียงแค่รู้ว่าชีวิตของตัวเองและเซ็ตโชมารุซึ่งวาดหวังไว้กำลังพังลงเพราะความสอดรู้ของจิคาคุ ตัวมันก็วิ่งลิ่วเข้าไปต่อยหน้าเจ้านั่นแล้ว ก่อนอสูรหนุ่มจะเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยเสียงนุ่มหู
“อยู่ๆข้าก็คิดว่า ‘นี่มันชิคังนะ..’ นั่นทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าคือเจ้า...ถึงจะพยายามทำตัวหน้ากลัวเลียนแบบนาราคุขนาดไหน แต่ข้ากลับเห็นว่าภายในลึกๆ ยังมีคนงี่เง่าคนเดิมยืนอยู่ในนั้น แถมจ้องมองมายังข้าด้วยสายตาสำนึกผิดหยั่งกับหมาหงอยอีกต่างหาก…ก็เลยหมดอารมณ์โกรธเลยน่ะสิ”
สีหน้าของคนพูดคล้ายเหนื่อยใจ โดยไม่ยอมละสายตาไปจากชิคังเลยแม้แต่น้อย และร่างสูงเองก็ถูกดวงตาคู่นั้นสะกดไว้ ดวงตาสีอำพันคล้ายกำลังจมลึกลงไปในความรู้สึกเขา และตีบางอย่างข้างในนั้นจนแตกกระจาย ทำให้ชิคังซึ่งอดกลั้นฟังมานานค่อยๆพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
“สมองเจ้ามันผิดปกติ...”
ดูมันด่า..
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นกับคำพูดฟังระคายหู พลางบ่นด้วยเสียงหงุดหงิด “ถ้าอยากโดนเอาคืนนักก็รอให้ข้าหายดีเสียก่อน ก่อนจะถึงตอนนั้นจงเตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะเพราะข้าจะอัดเจ้าจนลืมหน้าเดิมไปเลย...จะได้เลิกเปรียบเทียบตัวเองเสียที...”
‘กลัวข้าเปรียบเทียบตัวเองงั้นรึ..?’ ทำไมไม่อาจรู้...ชิคังได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวขึ้น
“ไม่นึกเสียใจทีหลังแน่นะ...” ชิคังทวนถามเสียงเบา มือเล็กซึ่งกำลังกุมอยู่ส่งความอบอุ่นบางอย่างมาสู่ร่างกายเขาพร้อมกับคำพูดที่ถูกเอ่ยออกมา
“ข้าไม่เคยเปลี่ยนใจ...” เซ็ตโชมารุเหลือบตามองไปที่เพดานก่อนเอ่ยอีกครั้งด้วยเสียงเบาๆ
“ถึงจะไม่ได้รัก...แต่เจ้าก็เป็นคนสำคัญของข้าอยู่ดี...”
..คนสำคัญ...แต่ไม่ใช่คนที่รัก
‘เป็นคนสำคัญ...แค่นี้คงพอ’
น่าแปลก ไม่รู้ความรู้สึกดีใจนี้มันมาจากไหน..ทั้งที่ยังเศร้าและยังเจ็บในอกอยู่ไม่หาย...แต่เพราะคำว่าคนสำคัญล่ะมั้ง
ชิคังก้มหน้ามองร่างบางที่เริ่มปรือตาลงอีกครั้งด้วยท่าทางเพลียๆ...ริมฝีปากบางเฉียบจึงปรากฏรอยยิ้มอันอ่อนโยนก่อนเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งอย่างช้าๆ ดวงน้าคมดีใจแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดภายในช่วงวินาทีโดยไม่มีใครรู้สาเหตุของมันแม่แต่ร่างบางซึ่งถูกกุมมืออยู่บนเตียง
“ทำไม..เจ้าต้องมาบอกข้าตอนนี้ด้วย...”
มือหนาซึ่งชื้นเหงื่อน้อยๆกระชับมือเล็กแน่นเรียกดวงตาสีน้ำผึ้งเงยมองใบหน้าคมด้วยความแปลกใจ แต่ไม่ทันเอ่ยถามว่าเป็นอะไรรึเปล่าก็ถูกกระตุกแขน ดึงเข้าสู่อ้อมกอดของชิคังอย่างรวดเร็ว
“ทำไมต้องมาบอกว่าข้าเป็นคนสำคัญตอนนี้ด้วย..”
ตอนนี้...?
ชิคังกระซิบเสียงพร่า เนตรสีอำพันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยขณะร่างถูกฝังอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง ใบหน้าสวยกดแนบกับอกอุ่นๆจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตัก เซ็ตโชมารุรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตรงบ่า ขณะร่างสูงวางคางเกยบนไหล่บอบบาง พร้อมทั้งโอบกระชับรอบตัวเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“ชิคัง...?” คำถามที่คิดจะเอ่ยตอนแรกหลุดรอดออกมาในที่สุด “เป็นอะไร..?”
คิ้วเรียวสวยมุ่นเข้าหากันพอไม่ได้ยินคำตอบนอกจากอ้อมแขนซึ่งรัดแน่นรอบกาย ก่อนชะงักกึกเมื่อสัมผัสบางอย่างชื้นๆบนไหล่
“ชิคัง..ร้องไห้เหรอ?” เสียงนุ่มหูเริ่มกังวล ก่อนพยายามดันตัวออกเพื่อมองหน้าร่างสูงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับถูกแรงที่มากกว่ากดแน่นให้แนบชิดกับอก
“ปล่อยก่อนสิ..นี่...ร้องไห้ทำไม?”
เซ็ตโชมารุไม่เคยเห็นชิคังร้องไห้มากก่อนนับตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา นั่นยิ่งทำให้ร่างบางร้อนใจว่าอะไรเป็นค้นเหตุทำให้ชิคังร้องไห้...ทันใดนั้น ราวกับคิดบางอย่างออกมาได้ เซ็ตโชมารุจึงกระซิบถามเบาๆด้วยเสียงขอโทษ
“ข้า..พูดอะไรให้เจ้าเจ็บรึ..?”
เสียงหัวเราะหึกลับกลายเป็นคำตอบราวกับมีเรื่องตลก
ชิคังซุกใบหน้าเข้าหาเส้นผมสีเงินสวยเงียบๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลรื้นหยดลงบนไหล่เล็กเบาๆ ร่างสูงปล่อยให้ร่างบางถามต่อไปอย่างไม่สนใจเนื้อความและฟังเพื่อจดจำน้ำเสียงนุ่มหูนั้นช้าๆ ว่าจังหวะและหางเสียงยามเซ็ตโชมารุพูดเป็นอย่างไร...ดมกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้คล้ายอยากฝังมันลงในความคิด ทั้งยังกอดรัดร่างบางแน่นราวกับจะทำให้ความอบอุ่นนี้ติดตัวเขาไปตลอดกาล...แต่ทั้งๆที่กอดแน่นแล้ว ทั้งจำกลิ่นก็แล้ว หัวใจของเขากลับสะอื้นเพราะมันช่างเป็นสิ่งเตือนใจน้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
“เซ็ต..” เจ้าของชื่อชะงักเมื่อแว่วได้ยินเสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “ฟังข้านะ...ข้าขอโทษ..ข้าขอโทษต่อทุกสิ่งที่ข้าทำลงไป ที่ทำให้เจ้าต้องทรมานเรื่อยมา..รวมทั้งเรื่องที่ข้ากำลังจะทำต่อไปนี้ด้วย”
สิ่งที่กำลังจะทำ..?
ก่อนอ้อมกอดแกร่งจะคลายออก และชิคังดึงตัวออกมาเผชิญหน้าเขาตรงๆ ดวงตาสีเทาเข้มฉายความเศร้าแบบที่เซ็ตโชมารุไม่เคยเห็นมาก่อนจนตัวเองยังนึกทรมานในอกพอเห็นน้ำตาค่อยๆไหลผ่านตาขวาลงบนแก้มของชิคัง
“แค่ซักครั้ง...และข้าจะไม่ขออะไรอีก” ร่างสูงกระซิบ และอ้อนวอน “จูบข้าได้มั้ย?..จูบข้า...เพราะข้าเป็นข้า ไม่ใช่ใครทั้งนั้น”
เซ็ตโชมารุมองคนเบื้องหน้าด้วยดวงตาสีทองสับสน แต่ไม่รู้ทำไมถึงเขยื้อนเข้าหาอีกฝ่าย ชิคังก็ปรือดวงตาสีเทาแสนเศร้าลงเป็นการตอบรับ เซ็ตโชมารุจึงเลื่อนใบหน้าเข้าหาช้าๆ แต่สำหรับชิคังซึ่งหลับตาอยู่มันช่างนานแสนนานจนใจเต็นรัว
ไม่ช้า จมูกของร่างสูงก็ได้กลิ่นหอมเดิมๆลอยเตะจมูกและสัมผัสถึงความนุ่มจากเส้นผมระใบหน้า ริมฝีปากรับรู้ว่ามีลมหายใจร้อนๆเป่ากระทบช้าๆ และยิ่งชัดขึ้นราวกับบอกใบ้ว่าปากของทั้งสองใกล้กันแค่ไหน ชิคังหัวใจเต้นถี่ขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่ทันใดนั้น ลมหายใจร้อนๆที่เป่ากระทบปากกลับหายไปเสียดื้อ และค่อยๆเขยื้อนขึ้นสูงมาที่หน้าผาก
ดวงตาสีเทาปรือขึ้นทันทีเมื่อเซ็ตโชมารุจุมพิตอย่างอ่อนโยนบนหน้าผากของเขา
“ทำไม..?” ชิคังถามขึ้นอย่างสับสน ขณะเซ็ตโชมารุถอนริมฝีปากออก
ทำไม...ไม่ใช่ตรงปาก…?
คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนพูดตรงๆ “เพราะเป็นชิคังก็เลยเป็นตรงนี้”
นิ้วเรียวขาวแตะบนริมฝีปากของตัวเองและแตะมันลงบนหน้าผากของคนตัวสูงกว่าเบาๆ
“เพราะมันเป็นที่พิเศษ...ข้าเก็บไว้ให้เจ้าคนเดียวเท่านั้น”
คล้ายมีบางอย่างแทงฉึกลงบนอกยามได้ยินและเห็นรอยยิ้มหวานบนดวงหน้างดงามราวกับนางฟ้า...ทั้งๆที่ไม่ใช่การจูบที่ดูดดื่มอะไร ไม่ใช่ตรงปากด้วยซ้ำ
..แต่น้ำตาที่ใกล้แห้งกลับรื้นขึ้นมาอีกครั้ง...
ร่างที่พึ่งถูกปล่อยจากการถูกพันธนาการกลับถูกกระชากเข้ามาสู่อ้อมกอดเดิมอีกครั้ง ร่างบางถึงกับอุทานอย่างตกใจเมื่อใบหน้ากระแทกกบัอกแกร่งอีกครั้ง ไม่ทันเอ่ยคำว่า ‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?’ ถ้อยคำซึ่งกระซิบเบาๆด้วยเสียงทุ้มต่ำก็ทำให้คำถามดังกล่าวเงียบหายไป
“ข้ารักเจ้า...”
ชิคังกระชับอ้อมกอดมากขึ้น “ข้ารักเจ้า เซ็ตโชมารุ...เพียงคนเดียวเท่านั้น...คนเดียวที่ข้าจะรักตลอดไป..”
เซ็ตโชมารุไม่อาจพูดอะไรได้นอกจากปล่อยร่างให้อีกฝ่ายกอดต่อไปอย่าถือสิทธิ์ ขณะที่ตัวเองกำลังสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ช่างเป็นฉากที่หวานซึ้งกินใจดีจริง..แต่หมดเวลาที่ข้าไห้ไว้แล้ว คราวนี้ถึงตาข้าทำงานบ้างล่ะ”
เสียงอีกเสียงโพล่งขึ้นเอาดื้อๆ และต้นเสียงไม่ได้ดังมากจากใครนอกจากร่างสูงเพรียวของนักพเนจรหนุ่มซึงยืนพิงประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มปกติ
‘งาน..งั้นรึ?’
ไม่ทันที่อสูรหนุ่มจะถามใครว่างานที่ว่าหมายถึงอะไรกลับถูกดักคอด้วยร่างซึ่งกอดรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ ดวงตาสีทองมองเจ้าของวงแขนอย่างแปลกใจและเห็นว่าดวงหน้าคมคายดูเครียดเกร็งขนาดไหน
ก่อนหลังเย็นวาบยามนึกถึงเรื่องเป็นไปได้
“ชิคัง...เจ้าขอคำปรารถนาจากจิคาคุงั้นรึ..?”
เขาถามอย่างไม่แน่ใจอีกฝ่าย แต่ความเงียบและดวงตาสีเทาซึ่งเหลือบขึ้นมาสบกลับชวนให้ร่างกรีดร้องตามสัญชาติญาณ “เจ้า...เจ้า...ขออะไร..?”
คราวนี้ไม่มีความเงียบ เพราะชิคังเปิดปากพูดในที่สุด “เรื่องคงไม่จบแบบนี้ ถ้าหากคนๆหนึ่งไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก...”
ชิคังยังคงพูดต่อไปขณะเซ็ตโชมารุเริ่มดิ้นในอ้อมแขน พยายามดันตัวออกจากแขนกำยำ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...ถ้าจิคาคุทำงานเสร็จ เจ้าก็จะไม่ต้องเสียใจยามนึกถึงนาราคุอีกแล้ว แต่เจ้าจะจดจำข้าได้...ความทรงจำของข้าจะไม่มีวันหายไป”
ความทรงจำ?..คนที่ไม่ควรมี?...นาราคุ?..
ดวงตาสีทองเบิกกว้างเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร ก่อนจะทั้งตะกุยและผลักเพื่อหนีออกจากอ้อมกอดราวกับกรงขังของชิคัง “ไม่! ไม่นะ! ชิคัง..อย่าทำแบบนี้!!”
“ไม่เจ็บหรอกคนสวย...ข้าจะทำเบาๆ”เสียงของจิคาคุดังมากจาข้างหลัง ร่างบางถึงกับผวาหันไปมองก็พบว่าร่างสูงมาอยู่ข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“อย่าเข้ามา!”
ร่างบางอยากหนีหายไปซะ แต่กลับถูกรัดแน่นแนบกับแผ่นอกกว้าง ฝืนบังคับไม่ให้ไปไหน มือเล็กทุบลงบนอกนั่นพื่อดันตัวออกแต่ร่างสูงกลับนิ่งราวกับรูปปั้น
“ชิคัง ปล่อยข้า! ไหนบอกว่ารักข้าไง! เจ้าทำแบบนี้ทำไม!?”
ชิคังหลุบตาลงต่อการดิ้นและการตวาดอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนกระซิบข้างหูเซ็ตโชมารุๆเบาๆด้วยเสียงอ่อนโยน
“ข้ารักเจ้า...”
ไม่!! ข้าไม่อยากลืม! ข้าไม่อยากลืม!!
“ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้คนเดียว ข้าสัญญา”
ภาพใบหน้าคมคายประดับด้วยเส้นผมหยักศกยาวสีดำสนิทและเนตรสีทับทิมพลันหวนให้นึกถึงท่ามกลางการดิ้นรน ทุกสีหน้าของนาราคุ..และทุกคำพูดซึ่งเพียงฟังก็ใจเต้น
“ข้าคิดถึงเจ้า..”
“ข้าจะทำ แต่เพราะต้องการหาใช่ชดใช้”
“..ข้า..รัก..เจ้า..”
นาราคุ..ข้าไม่อยากลืมเจ้า
ไม่ทันได้หลุดออกจากพันธนาการ มือหนาของจิคาคุก็ตะปบลงมา ภาพทั้งมวล ล้วนทั้งเสียงก็ดับวูบลงคล้ายทั้งโลกตกลงไปในบ่อมืดมิด แว่วให้ไดเยินก็แค่คำพูดเบาๆของชิคัง
“...ได้โปรดอย่าเกลียดข้าเลย...”
จะลืมได้ยังไง...
ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไร..
นาราคุ...ถ้าข้าลืม..ข้าจะตายมั้ย?
“ข้ารักเจ้า เซ็ตโชมารุ...” เสียงของชิคังแว่วไห้ได้ยินราวกับไกลแสนไกล ก่อนโลกจะหายไปจากความคิดจริงๆ
..บอกข้าที...
..........................................................................................
จบ....
...
...
..
.
(คนอ่าน : (ง้างหม้อ ไห กะละมังเตรียมขว้าง - -***)
จ๊ากกก! เซล้อเล่นค่า~~! ^^''' แหะๆ ทุกท่านคงไม่เชื่อว่าจบจริงหรอกนะ ถ้าจบตรงนี้จริงคงไม่ใช่แค่หม้อกะละมังเนอะ บางท่านคงเตรียมอีโต้ สปาต้า ขวาน ทิฟฟี่ (?) ระเบิดมือไว้แน่ << ตายสิเอ็ง - -
เซ็ตฯ : อย่างเจ้า...นาร์ปาล์มก็ไม่ตายหรอก....- -
เซ : กรี๊ด! ท่านติดเจ้าหยิกหยอยนั่นมาใช่มะ ข้าน้อยไม่ใช่แมลงสาบนะยะ!! TAT
ปล.มันกำลังจะจบๆๆๆ *-*
ปล.2 รักคนอ่านนนนนนนนนนนน~~~! ><
ความคิดเห็น