ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The White Rabbit

    ลำดับตอนที่ #16 : XV_ศิษย์น้อยของข้าเอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 261
      1
      6 พ.ย. 58

     THE WHITE RABBIT

    XV

    ศิษย์น้อยของข้าเอง





           "ขออภัยที่ข้ามารบกวนท่านเวลานี้ ดูเหมือนท่าน... จะยุ่งมาก" ข้านั่งลงตรงข้ามกับมาคุส บนโต๊ะของเขามีกองหนังสือมากมายเต็มไปหมด ข้าไม่สมควรมารบกวนเขาเวลานี้เลย

             "ก็ค่อนข้างยุ่งล่ะนะ ข้าพึ่งรับศิษย์มาคนนึง ข้าอยากเเนะนำศิษย์น้อยของข้าผู้นี้ให้ท่านรู้จักจริงๆ องค์ราชา" มาคุสตอบ เเต่ข้าเคยได้ยินว่าท่านหมอหลวงผู้นี้ไม่คิดรับศิษย์นี่...

            "จริงหรือ เช่นนั้นข้าอยากก็เห็นเขา..."

             ปึง!!

             เสียงอะไรบางอย่างดังขัดคำพูดของราชา เมื่อหันไปที่ต้นเสียงก็เห็นประตูบานหนึ่งในบ้านของมาคุสที่มีฝุ่นคลุ้งออกมาตามซอกประตู

            "นั่นเสียงอะไรน่ะ"เอกอนเอ่ยถามก่อน อัศวินที่ตามข้ามาก็มองไปทางประตูพร้อมมือที่จับด้ามดาบคู่กาย อัศวินพวกนี้นี่ก็จริงๆเลย เเค่นี้ไม่เห็นต้องระวังขนาดนั้นเลยก็ได้

             "อ้อ คงจะเป็นศิษย์น้อยของข้าเอง.... ไวซาน เกิดอะไรขึ้นน่ะ" มาคุสตะโกนเรียกชื่อลูกศิษย์ของเขาซึ่งน่าจะอยู่หลังบานประตู

              "อ่า....เอ่อ.... ผมทำหนังสือร่วงน่ะครับ" เสียงตอบกลับดังมาจากหลังบานประตู เป็นเสียงของเด็กหนุ่มที่ฟังดูตกอกตกใจ

             "เจ้านี่ไม่รู้จักระวังเลยน้า เดี๋ยวข้าช่วยเก็บ..."

             "ไม่เป็นไรหรอกครับ!!!  ของเเค่นี้ผมเก็บเองได้ ผมกลัวว่าจะรบกวนเวลาของอาจารย์กับเเขกซะเปล่า"คนหลังประตูตอบกลับมาอย่างรีบร้อน

              "จะอย่างนั้นก็ได้..."มาคุสเออออไปตามศิษย์ เเล้วกลับมาสนทนากับเเขกตนเองเช่นเดิม "เเล้วท่านล่ะมาหาข้าถึงที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ"

              "อย่างที่ท่านทราบ วันนี้ข้ามีประลองกับแฟนเทียส ที่ป่าปีศาจข้าอยากให้ท่านไปเป็นประจักษ์พยานในการประลองนี้ด้วย"

             "ท่านหมายถึง... จะให้ข้าไปดูงานประลองหรือ?" มาคุสเอียงคออย่างข้องใจ เป็นจังหวะเดียวกับเสียงโครมอีกครั้งหลังบานประตูห้องหนังสือของเขา

              "เอ่อ... ใช่ เเต่ถ้ามันรบกวนเวลาของท่าน..."

              "โอ้ยย ไม่ๆ ไม่เลย ข้าต้องไปอยู่เเล้ว เเหมท่านมาหาข้าถึงบ้านเช่นนี้จะปฏิเสธได้อย่างไร ท่านเตรียมตัวประลองเถอะ เดี๋ยวข้า...เดี๋ยวข้ากับศิษย์ของข้าจะตามไป" มาคุสตอบรับง่ายดาย ยังไงซะพาเจ้าศิษย์น้อยไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกคงดีกว่าเรียนจากหนังสือล่ะนะ

             "ขอบคุณท่านมากที่สละเวลา" เมื่อมาคุสตอบรับคำเชิญ ไมโครก็ยิ้มออก เขากับอัศวินองครักษ์ที่ตามมาอีกขโยงก็ทยอยออกไปจากบ้านคนเเคระเฒ่า

              เเละเมื่อตัวปัญหาออกไปแล้ว ผมก็ได้เวลาเปิดตัวซะที.... เฮ้อ......

              "เจ้าคงได้ยินเเล้วใช่ไหม" มาคุสถามเมื่อผมเดินออกมา เขาคงหมายถึงที่ไมโครชวนให้ไปงานประลอง

              "ครับ" เเน่นอนก็เงี่ยหูฟังอยู่ตั้งนาน

             " เอาล่ะวางหนังสือไว้ตรงนี้สิ เเล้วก็เตรียมตัวไปกันได้เเล้ว "

              ฮะ!! จะไปจริงดิ!!

             ผมวางหนังสือไว้ตรงที่มาคุสบอก ผมมองเงาตัวเองในกระจกที่อยู่ไกล้ๆตรงนั้น ตอนนี้ผมไม่หลือเค้าเดิมของคนที่ชื่อเอริคเลยก็จริง เเต่ผมก็ยังเป็นผมอยู่ดี เป็นคนที่ร่ายเวทย์ฝังไว้ที่หลังไมโคร

             เเละเเน่นอนว่าเจ้านั่นต้องรู้ตัวเเน่ ถ้าผมอยู่ไกล้ ถึงผมจะมั่นใจในเวทย์ของเวซานมากเเค่ไหน เเต่ก็ยะงอดกังวลไม่ได้อยู่ดี

             "ราชาเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกันนะ เวทย์ข้าก็ไม่มีปัญหานี่..." ระหว่างนั้นมาคุสก็ง่วนอยู่กับเวทย์ลวงตาของตัวเองที่ใช้บังบ้านตนไว้

             ผมรู้ดีอยู่เเล้วว่าบ้านของเขามีเวทย์ลวงตา ถ้ามาคุสไม่พามาเองก็คงมาถึงบ้านเขาไม่ได้ ...เเล้วไมโครเข้ามาได้ยังไง?

             ผมเดินออกไปนอกบ้านคู่กับมาคุส ตรงหน้าผมคือบาเรียบางๆที่เเทบมองไม่เห็น สิ่งนี้ทำให้คนที่อยู่ข้างนอกมองบ้านมาคุสเป็นเเค่กำเเพงผุๆเท่านั้น

             "คนที่สามารถเข้ามาได้ก็มีเพียงเจ้าเวซานนั่นล่ะ ส่วนราชาข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นเวทย์ด้วยซํ้าไป"    

             อืมๆ ก็เคยได้ยินอยู่ว่าไมโครใช้เวทย์ไม่เป็น...

             ฮะ...เดี๋ยวนะ เมื่อกี้บอกว่าไงนะ ?!

             "วะ...เวซาน ผ่านเวทย์ลวงตาของท่านมาได้เหรอครับ?"

             "ใช่เเล้ว ข้าก็ยังข้องใจอยู่เลย ข้าก็คิดอยู่เเล้วว่าเจ้าตัวดีนั่นไม่ใช่คนธรรมดา บางทีอาจไม่ใช่คน..." จากนั้นมาคุสก็พล่ามทฤษฎีว่าด้วยความเป็นไปได้ของเวซานซึ่งผมไม่ได้ฟัง...

            เวซานเป็นคนเดียวที่สามารถผ่านเวทย์ลวงตาไม่ธรรมดาของมาคุสได้ .... ก็เห็นๆกันอยู่เเล้วว่าใครเป็นคนพาไมโครเข้ามา    

             ไอ้เจ้าบ้านั่นนนนนนน!!!

             "เอ่อ...ศิษย์น้อยเจ้าเป็นอะไรรึเปล่า" มาคุสถามเมื่อเห็นผมอยู่ก็กุมขมับ เเต่คำพูดของมาคุสก็ยิ่งทำให้ผมเครียดไปอีก.... ศิษย์น้อยเนี่ยนะ?!

             "ผมไม่เป็นไรหรอก ท่านไปเตรียมตัวเถอะ" ผมบอกปัดเเล้วยืนสงบสติอยู่เงียบๆ

             ฝีมือเจ้าเวซานเเน่ๆ คิดอะไรอยู่กันน้า ไม่สิเจ้านั่นอาจจะคิดถูกก็ได้...      

            ผมยืนเหม่อมองไปบนท้องฟ้าสีขาวโพลนยามเหมันต์ ... ดูเหมือนหิมะจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเช้าลมไม่เเรงขนาดนี้นี่นา

             "พายุกำลังมา" มาคุสที่มายืนข้างๆผมตั้งเเต่เมื่อไรไม่รู้ พูดขึ้น พร้อมยื่นเสื้อคลุมสีนํ้าตาลมาให้ "อากาศไม่เป็นใจเอาซะเลย" มาคุสพึมพำกับตัวเอง เเล้วกระชับเสื้อคลุมชุดเล็กของตน ก่อนจะดึงฮู้ดขึ้นมาคลุมหัวกันหิมะที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

            ผมสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ที่ไม่ค่อยจะช่วยให้อุ่นขึ้นสักเท่าไร ทันใดนั้นเองผืนหิมะใต้เท้าพลันส่องเเสงสีฟ้าซึ่งเป็นสีประจำเวทย์ของมาคุส สีของอักขระเวทย์เเต่ละคนจะไม่เหมือนกันนั่นดูเป็นเรื่องที่เเปลก เเต่มันก็ดูเป็นเอกลักษณ์ดี อย่างของมาคุสเป็นสีฟ้า ของบักกี้เป็นสีชมพูเกือบเเดง ส่วนของผมเป็นสีขาว

            "ไปละนะ" มาคุสให้สัญญาน ก่อนที่วงเวทย์ของเขาจะเปล่งประกายเจิดจ้า เเละสถานที่ที่ผมยืนอยู่ก็เปลี่ยนไป...

     

     

     

            เวซานยืนนิ่งท่ามกลางหิมะที่โปรยลงมาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยจนบรรยากาศโดยรอบเป็นสีขาวโพลนกระทั่งนํ้าตกสูงที่อยู่ตรงหน้าเขายังเป็นนํ้าเเข็งทั้งสาย เวซานมองตามสายนํ้านั้นในใจพลางคิดทบทวนอดีตที่เกิดขึ้น

            ไม่ผิดเเน่ ที่นี่ ตอนที่กลับมาโลกนี้กับเอริค...

             ป่าปีศาจ เเละที่นี่ก็มีปีศาจชุกชุมสมชื่อ ทั้งๆที่ไม่ใช่เเดนปีศาจเเท้ๆ เเต่ป่าปีศาจก็ใช่ว่าจะอันตรายเสมอไป ไม่เช่นนั้น องค์ราชาคงไม่เลือกที่นี่เป็นสถานที่ประลองหรอก ...

            "เเล้วไวซานล่ะเขาไม่มาด้วยหรือ" แฟนเทียสที่พึ่งจิ้มปีศาจต้นไม้ที่พยายามงับเขาไปเป็นมื้อเที่ยง เอ่ยถามขึ้นมา

            "ไม่ทราบสิขอรับ คงเเล้วเเต่เขาจะเลือกล่ะ"

            "งั้นเหรอ" เเฟนเทียสเช็ดดาบที่เปื้อนเลือดเขียวๆของเจ้าปีศาจต้นไม้เล่น ก่อนจะพูดต่อ "ที่นี่ปีศาจเยอะจริงๆเลยนะ ถึงจะมีเเต่พวกชั้นตํ่าก็เถอะ" เเฟนเทียสบ่น เเละไม่มีท่าทีจะเลิกเพราะเขามารอที่นี่เกือบชั่วโมงนึงเเล้ว 

            "เเล้วเมื่อไรเจ้านั่นจะมานะ ให้เเขกบ้านเเขกเมืองรอนานเเบบนี้ได้ยังไง" นั่นไงไม่ยอมหยุดจริงๆด้วย

            เขาเปล่าให้คุณรอซะหน่อย คุณมาก่อนเวลาเองไม่ใช่เหรอ...

            "มาเเล้วขอรับ" เวซานยืนนิ่งก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้แฟนเทียสต้องหันซ้ายทีขวาที เมื่อไม่เห็นมีใครนอกจากอัศวินของเขา เเฟนเทียสก็เตรียมจะเอาเรื่องคนหลอกดาว เเต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร สัญชาตญาณของเขาก็เตือนให้รู้ถึงอันตรายเสียก่อน...

             เคร้งง!!

            เสียงเหล็กปะทะกังวาลไปทำลายความเงียบของป่า ไมโครที่โผล่มาตั้งเเต่เมื่อไรไม่รู้ หันดาบเข้าตัวเเฟนเทียส ซึ่งเจ้าชายน้อยก็ไม่ทำให้เสียใจหันดาบตนเข้ารับอย่างทันท่วงที

             "กลัวข้านักหรือไงถึงได้ใช้วิธีลอบกัดเเบบนี้" เเฟนเทียสจับดาบตนเเน่น เเต่เขาก็รู้สึกถึงกำลังที่มากกว่าจากราชาองค์นี้

             "ข้าเเค่อยากรู้ว่าเเค่องค์ชายน้อยอย่างท่านจะมีปัญญารับมือข้าหรือเปล่าเท่านั้นเอง" ไมโครไม่สะทกสะท้านกับคำด่าเจ็บเเสบนั่น เเต่ตอกกลับไปอย่างเจ็บเเสบไม่เเพ้กัน

             ดาบทั้งสองผละออกจากกัน เป็นจังหวะที่เวซานเห็นบุคคลที่อยู่หลังไมโคร ถึงใบหน้าของทั้งสองจะถูกปิดไว้เเต่ไม่ผิดเเน่ ... ร่างหนึ่งเตี้ยอย่างคนเเคระ ร่างหนึ่งสูงเพรียวลม ไวซานกับมาคุสนั่นเอง ฝีมือมาคุสสินะเวทย์เคลื่อนย้ายที่เเม่นยำนั่น

             อัศวินทั้งขโยงของฝ่ายโพราซอนเเละเอริคาซีถอยห่างจากระยะการต่อสู้ ถึงเเม้ฝ่ายโพราซอนจะไม่พอใจที่ราชาของอีกฝ่ายใช้วิธีลอบกัดเช่นนี้ เเต่ก็ทำได้เพียงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาจิกกัดเท่านั้น

            ยกเว้นเเต่เพียงผู้เดียว...

            จีนอสอัศวินคู่กายของเเฟนเทียสคอยปกป้องอยู่หลังเจ้านายตนเสมอเเต่เเค่ห่างสายตาไปพักเดียว ก็เกือบโดนเจ้าราชานั่นจ้วงเอาเสียเเล้ว เช่นนั้นครั้งนี้ข้าก็ขอไม่พลาดอีก ดาบของจีนอสปัดป้องดาบของเอกอนที่พยายามลอบเเทงข้างหลังได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่อัศวินร่างใหญ่ดั่งหินผาอย่างจีนอสจะรุกไล่เอกอนที่เพรียวลมกว่าอย่างเห็นได้ชัดออกห่างจากนายตน องครักษ์ทั้งสองเปิดฉากเดือดตั้งเเต่เริ่มเเรก มีเพียงเหล่าเจ้านายทั้งสองที่ยังมองหน้ากันนิ่งไม่คิดจะบุกสักที

             " หึ... อย่าทำปากดีไปหน่อยเลยราชา เจ้าคงกลัวชื่อของนักรบเเห่งโพราซอนจนถึงได้ใช้วิธีไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้"

            " ใครกันที่กลัว ไม่ใช่ท่านพ่อของท่านหรอกหรือ ที่ไม่กล้าเเม้เเต่จะมาเหยียบอาณาจักรข้า "

             ...ดูเหมือนทั้งสองคนยังไม่คิดประดาบเเต่อยากประลองฝีปากกันก่อน       

             เเต่ก็ถือว่าดีที่สุดเเล้วที่ไมโครไม่ได้หันมาสนใจศิษย์ใหม่ของมาคุสอย่างผม

             หลังจากวาร์ปออกมาจากบ้านมาคุส ผมก็มาโผล่ที่วังหลวง มาคุสเสนอเเผนลอบกัดเด็ดๆให้ ซึ่งไมโครก็ยอมรับโดยไม่สนใจศักดิ์ศรีราชาเเม้เเต่น้อย สุดท้ายผมเลยโดนวาร์ปอีกรอบมาที่นี่พร้อมเหล่าอัศวิน เวทย์ของมาคุสเเม่นยำจนน่าทึ่ง ถึงผมจะใช้เวทย์เคลื่อนย้ายระยะไกลเช่นนี้ได้เเต่ก็คงไม่สามารถมาส่งใครมาถึงนี่ได้ตรงกบาลของอีกคนเป๊ะๆเเน่ 

             จะว่าไป... เมื่อกี้เห็นเจ้าเวซานอยู่นี่นา หายไปไหนเเล้วฟะ ไวชะมัดยาด

             "ศิษย์น้อยเมื่อครู่ข้าว่าข้าเห็นพี่เจ้านะ เจ้าเห็นรึเปล่า"

             นั่นไง... ว่าเเล้วว่ามาคุสต้องเห็น ถามได้ตรงใจผมจริงๆครับท่านอาจารย์

             "ไม่นี่ขอรับ" ผมโกหกไป เจ้าเวซานคงไม่อยากให้มาคุสรู้หรอกว่าตัวเองอยู่นี่ เเถมยังอยู่ฝ่ายตรงข้ามซะด้วยสิ...

            เคร้งง!!

            เสียงโลหะปะทะกันดังสนั่น เรียกสมาธิของผมให้จดจ่ออยู่ที่การประลองทั้งไมโครเเละแฟนเทียสเริ่มเอาจริงกันเเล้ว ฝีมือทั้งสองคนสูสีกันเลยทีเดียวเชียว การปะทะที่หนักหน่วงขึ้นทำให้ผมเริ่มลุ้นว่าใครจะชนะ

            ....เเต่ผมก็เป็นองครักษ์คนนึงของไมโครนี่นา จะอยู่เฉยๆคงไม่ได้ งานนี้ขอเเจมด้วยเเล้วกัน

             รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นกลางใบหน้าของไวซาน ทำเอามาคุสเเอบสะดุ้ง ไม่ทันได้สังเกตท่าทางของแฟนเทียสที่ดูเเปลกไป เจ้าชายหัวเเดงการเคลื่อนไหวช้าลง พยายามป้องกันดาบของไมโครทุกๆดาบ เขามั่นใจว่าดาบราชาองค์นี้ยังไม่เคยโดนเนื้อเขาสักนิด เเต่ทุกๆครั้งที่เขาพยายามสร้างเเผลให้ฝ่ายตรงข้าม เเผลนั้นกลับย้อนมาโดนตัวเขาเองอย่างไม่ทราบสาเหตุ       

             "ท่านเล่นตลกอะไรเนี่ย" เเฟนเทียสขึ้นเสียงถาม ก่อนจะถีบตัวถอยห่างจากระยะดาบของไมโคร ฝ่ายราชาเองก็ดูเเปลกใจเช่นกัน เเต่ไม่ใช่เเปลกใจในคำพูดของแฟนเทียส เเต่เป็นเสียงกระซิบเบาๆจนเหมือนเขาจะหูฝาดไปเอง เสียงที่เขาเคยได้ยินเพียงครั้งเดียวจนเกือบจะลืมเลือน ...

             'ผมจะช่วยนายเอง'

             เจ้าอยู่ที่นี่หรือ เอริค?

          

     

     

     

               อีกด้านในเขตเมืองหลวง พบกับตัวละครที่(เกือบ)ถูกลืมเลือน

               "ไปไหนกันหมดนะ..." ไทปัสเปิดเข้ามาในห้องพักของไวซานกับเวซานพี่น้องหัวขาวที่เขาพึ่งเจอได้วันเดียว เเล้วทั้งสองคนนั้นก็หายไปซะเฉยๆไม่บอกไม่กล่าวกันซักคำ ทำเอาไทปัสที่อุสส่า เผื่อเเผ่มื้อเช้ายกถาดอาหารมาให้ ตรงยืนเก้ออยู่ตรงนั้นเสียก่อน

             "รึว่าจะหนีไปจับเจ้าผีดิบกันเเค่สองคน" ไทปัสพึมพำกับตัวเอง "เเน่ๆเลย เจ้าสองตัวนั่น!!" ไทปัสเเทบจะเขวี้ยงจานอาหารทิ้งถ้าไม่นึกขึ้นได้ซะก่อนว่าอาหารจานนี้มันขูดรีดเงินเก็บเขาไปเท่าไร

            "...เเต่ไม่อยู่ก็ดีเหมือนกันเเฮะ" ไทปัสยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะวางถาดอาหารลง เเล้วกวาดตามองไปรอบห้องจนไปสะดุดกับเป้ใบหนึ่งซึ่งถ้าเขาจำไม่ผิดน่าจะเป็นเป้ของเวซาน ดูท่าเเล้วเจ้าของเป้ท่านนี้คงไม่คิดจะระวังตัวเท่าไรถึงได้วางไว้โต้งๆไม่เเคร์สายตาหัวขโมยน้อยอย่างไทปัสเอาซะเลย

              "เฮ้.... เวซานฉันขอดูเป้นายหน่อยนะ" ไทปัสขออย่างมีมารยาทเเต่มันคงจะมีมารยาทมากกว่านี้ถ้าเจ้าของชื่ออยู่ด้วย

             "อ้อ ดูได้เหรอ ขอบใจมากน้า~" หัวขโมยน้อยเข้าโหมดพูดเองเออเอง ความหน้าด้านระดับไทปัสซะอย่างใครมันจะไปเทียบได้

              "หุหุหุ" เจ้าหัวขโมยน้อยทำหน้าเจ้าเล่ห์เเล้วมุ่งไปที่เป้าหมายของตัวเองก่อนจะค้นของในนั้นออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวสารพัดถูกโยนออกมากองๆไว้กับพื้น ถ้าไทปัสดูดีๆคงจะเห็นชุดสีดำตัวน้อยของเจ้ากระต่ายบักกี้อยู่ด้วย

            "เจ้าขี้เหนียวนั่นเอาเงินเก็บไว้กับตัวงั้นเหรอเนี่ย" ไทปัสบ่นเมื่อไม่เจอเหรียญสักเเดงเดียว "ไม่สิ๊ มันน่าจะมีของมีค่าบ้างล่ะน้า" เจ้าหัวขโมยน้อยเเทบจะเอาหัวมุดเข้าไปในถุงผ้า จนมือคลำสะเปะสะปะไปเจอกล่องไม้เเข็งๆที่อยู่ก้นกระเป๋า 

             "อะไรเนี่ย" ไทปัสหยิบมันขึ้นมา กล่องไม้ขนาดเท่าฝ่ามือดูเก่าเเก่เเต่ความสวยงามคงลายไม้ยังคงอยู่ เเละด้วยความอยากรู้อยากเห็นไทปัสจึงถือวิสาสะเปิดมันออกมา ภายในกล่องเป็นวัตถุทรงกลมเเบน มีสายโซ่ห้อยคล้องมันไว้ ไทปัสนึกได้ทันทีเมื่อเห็นมัน

             "...นาฬิกาพก" หัวขโมยน้อยเอ่ยด้วยความเเปลกใจ พลางหันซ้ายเเลขวาตามสัญชาติญานเมื่อเเน่ใจว่าไม่มีใครอยู่จึงค่อยๆบรรจงหยิบมันขึ้นมา นาฬิกาหกเรือนนี้ทำจากเงิน มันยังดูใหม่กริ๊กทั้งๆที่น่าจะผ่านกาลเวลามานานเเล้ว ไทปัสดูจากลวดลายที่สลักบนนาฬิกาเเล้วมั่นใจว่ามันไม่ใช่ศิลปะยุคนี้เเน่

             ไทปัสเอานาฬิกาพกวางลงที่เดิม ถึงจะสวยเเต่ก็ไม่ได้ดูมีราคาซักเท่าไร แถมมันพังเเล้วซะด้วย เข็มไม่กระดิกเลย

               ระหว่างที่เอานาฬิกาพกวางที่เดิม ไทปัสก็บังเอิญเห็นกระดาษเเผ่นนึงที่วางอยู่ก้นกล่อง เป็นกระดาษสีชาที่ไกล้จะย่อยสลายไปตามกาลเวลาเเล้ว เเต่ดูเหมือนเจ้าของจะดูเเลรักษามันอย่างดีทั้งเจ้ากระดาษเเผ่นนี้กับนาฬิกาพกถึงได้ไม่มีฝุ่นเกาะเลย

            เเละตามนิสัยไทปัสจัดการสอใส่เกือกทันใด หยิบกระดาษออกมาก่อนจะเปิดดู เเต่บนกระดาษเเผ่นนั้นไม่ใช่ตัวหนังสือหรือรหัสลับเเต่อย่างใด เเต่เป็น.... รูปผู้หญิง?

            "ใครเนี่ยสวยเเฮะ....อย่าบอกนะว่าเจ้านั่นมันมีความรักกับเขาด้วย" ไทปัสพิจารณารูปวาดอย่างสนอกสนใจ เป็นรูปของหญิงสาวที่มีใบหน้าอันออ่นโยน ดวงตาคมสวย เเละรอยยิ้มที่ชวนเคลิบเคลิ้ม ต้องยอมรับในฝีมือคนวาดจริงๆ ที่สามารถคงความสวยงามของหญิงท่านนี้ไว้ได้เเม้กระดาษที่ใช้วาดจะเก่าเข้าขั้นเก็บไว้พิพิธภัณฑ์ได้เเล้ว

             ไทปัสเก็บนาฬิกากับรูปวาดเข้าที่เดิมให้เรียบร้อย ถ้าเวซานเก็บดีขนาดนี้คงเป็นของสำคัญจริงๆ...

             "กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!"

               ไทปัสสะดุ้งเฮือกกับเสียงกรี๊ดลั่นปานเห็นฟ้าถล่ม ที่ดังอยู่ด้านนอก

               "อะไรฟะนั่น กรี๊ดอย่างกะตึกถล่ม..."

              ครืนนน.... โครม!!!

              โอเค... เหมือนมันจะถล่มจริงๆเเฮะ

              ไทปัสโกยอ้าวไม่คิดชีวิตออกจากห้องไปทันที เมื่อรู้สึกได้ถึงเเรงสั่นสะเทือนเเละรอยเเตกที่กระจายเป็นใยเเมงมุมในห้องที่เขาอยู่ สัญชาติญานบอกเขาให้วิ่งออกมานอกตึกที่อยู่ ก่อนที่มันจะพังลงมา....

             โครมมมม!!!!  

              เเล้วมันก็พังลงมาจริงๆ

              "กรี๊ดดดดด ปีศาจ!!!"

              หญิงที่วิ่งออกมาเหมือนกับเขาชี้ไปที่มุมนึงของตึกปรากฏร่างปีศาจครึ่งมนุษย์ครึ่งค้างคาวที่ตัวประมาณเด็กเล็กๆดวงตาสีเเดงกลมโตเท่าไข่ห่านกระพริบปริบๆไปมาดูน่ารัก เขี้ยวน้อยๆงอกออกมาที่มุมปาก เเต่มันจะดูน่ารักมากถ้ามันไม่กำลังฉีกกินเนื้อของผู้หญิงคนนึงอยู่

               เเละ....มันจะดูน่ารักว่านี้ ถ้าไม่มากันเป็นร้อยตัว!!!

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×