ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The White Rabbit

    ลำดับตอนที่ #25 : XXIV_ข้าไม่ใช่ความฝัน ข้ามีตัวตนจริง ๆ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 280
      2
      6 พ.ย. 58

    THE WHITE RABBIT
    XXIV
    ข้าไม่ใช่ความฝัน ข้ามีตัวตนจริง ๆ






           ผมตื่นมาอีกครั้งในวิหารสีขาวอันวิจิตร เสียงนํ้าไหลเอื่อยทำให้ผมต้องหันไปมองนํ้าตกเล็กๆที่อยู่ริมสุดของวิหาร ที่ตรงนั้นมีผู้หญิงคนนึงยืนอยู่ เธอดูจะขาวไปทั้งตัว ทั้งผมสีขาวชุดสีขาว ผิวเธอก็ขาวเหมือนกัน เเต่ผมไม่เห็นหน้าตาของเธอเธอหันหลังให้ผมอยู่

            "มาเเล้วเหรอ ข้ารอเจ้านานมากรู้ไหม"ผู้หญิงคนนั้นพูดทั้งที่ยังหันหลังให้ผม เมื่อผมได้ยินเสียงก็จำได้ทันทีผู้หญิงที่มาในความฝันครั้งนั้นน่ะเอง

             "คุณเป็นใครกันเเน่?"ผมถาม

             "จำที่ข้าพูดไม่ได้หรือไง เจ้าต้องตอบข้าก่อนว่าเจ้าเป็นใคร ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าข้าเป็นใคร" ผู้หญิงคนนั้นตอบ เธอเดินไปที่นํ้าตก นิ้วเรียวของเธอเเตะลงที่สายนํ้าที่ตกลงมา ผมมองลงที่ผิวนํ้านั้น เเต่ก็พบว่ามันไม่สะท้อนเงาของเธอ หรือไม่ก็เธอไม่มีเงา

            "คุณอยากจะรู้ไปทำไม?"

            "หึ... ข้าเเค่อยากมีคนคุยด้วยเท่านั้น... ข้าถูกขังอยู่ที่นี่มานานเหลือเกิน อยู่คนเดียวมันเหงานัก เจ้าเข้าใจข้าใช่ไหม" เธอเอามือออกจากผิวนํ้า เเล้วหันหน้าเข้ามาหาผม หน้าเธองามหมดจด ดวงตาของเธอเป็นสีทองดูลึกลับ เธอมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ที่ใครๆเห็นก็ต้องหลงเเน่

             "ผมเข้าใจ... ผมก็เคยอยู่คนเดียว..." ผมจ้องมองดวงตาสีทองนั่น เหมือนจิตใจเหม่อลอยไปชั่วขณะ

             "เธอก็ตัวคนเดียวสินะ" ผู้หญิงคนนั้นถาม เธอเดินเข้ามาหาผม

             "ใช่..." ผมตอบ จิตใจเหม่อลอยขึ้นเรื่อยๆ

             "ข้าเห็นนะ... ความทรงจำของเจ้า" ผู้หญิงคนนั้นกระซิบที่ข้างหูผม ผมไม่รู้ด้วยซํ้าว่าเธอเดินเข้ามาข้างหลังผมตั้งเเต่เมื่อไร "ผู้หญิงคนนั้นทิ้งเจ้าไปเหรอ เเม่ของเจ้าน่ะ" เธอพูดต่อ สติของผมเหมือนเลื่อนลอยไปแล้ว

             "เเล้วน้องสาวของเจ้าล่ะ... เขาไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตาด้วยซํ้า"

              ผมนึกถึงเมทริซ.... ใช่ เธอไม่เคยบอกอะไรผมเลย ทั้งเรื่องพ่อ เรื่องของโลกนี้... เธอบอกว่าผมไม่เกี่ยว อย่างกับ... ผมไม่ใช่ครอบครัวเธอ

              "เเล้วเพื่อนเจ้าล่ะ ข้าเห็นนะ เห็นเขาสารภาพบาป เเต่ก็ดันทิ้งเจ้า... ไว้คนเดียว"

              หน้าของเวซานลอยเข้ามา... กระต่ายขาวตัวนั้นเข้ามาช่วยผมราวกับหวังดีนักหนา สุดท้าย...

             เจ้านั่นก็หายไปอีกคน...

             "มันเจ็บใช่ไหมล่ะ .... การโดนทิ้งน่ะ" ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา เธอเอาใบหน้าสวยนั้นเข้ามาชิด เเล้วกรอกถ้อยคำอันหวานหู

             " มาสิ... มากับข้า... ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง..."

             สิ้นคำนั้นวิหารที่ผมอยู่ก็สั่นคลอนอย่างรุนเเรงใต้เท้าของผมมีรอยเเยกสีดำที่ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นหลุมดำที่ดูดกลืนผมเข้าไป

            " พวกเขาทิ้งเจ้าใช่ไหมล่ะ... ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะช่วยเจ้าเอง" เสียงของเธอยังดังก้องอยู่ในหู ผมฟังมันทั้งที่มือยังตะเกียกตะกายหาอะไรคว้าตามสัญชาตญาณเมื่อตัวเองหล่นลงไปในหลุมดำนั้น เเต่มันว่างเปล่า... ช่างว่างเปล่าเหลือเกิน

             "มาสิ... ไวซาน" มือหนึ่งยื่นเข้ามา ผู้หญิงผมขาวคนนั้นนั่นเอง เธออย่างกับเรืองเเสงในหลุมดำนี่ ผมยื่นมือออกไปพยายามจะไขว่คว้าเหมือนมันเป็นเเสงเดียวที่ช่วยให้ผมรอดไปได้

            ผมก็จับมือนั่น...

            เเละทุกสิ่งทุกอย่างก็เเตกเป็นเสี่ยง

            "เฮือกก!!.."  ผมตื่นขึ้นมาด้วยดวงตาที่เบิกโพลง เเล้วก็หอบถี่อย่างกับไปวิ่งพันเมตรมา

             ฝันเหรอ....

             ผมพยายามสูดหายใจลึกๆ ให้สติมันเข้าที่ ก่อนจะสำรวจรอบตัว ที่ที่ผมอยู่วิหารสีขาวที่อยู่ใต้สวนของวังนั่นเอง

             ทำไมผมมาอยู่นี่ล่ะ?

             ...

            อ๋อ... คำสั่งของเจ้าหญิงโอลิเวียนั่นเอง

             ผมหลับตาลงสัมผัสถึงเขตอาคมอีกอันที่ผมพึ่งสร้างมา มันเสร็จเรียบร้อย เเล้วก็สมบูรณ์เเบบตามที่เจ้าหญิงสั่ง

             ผมยังหลับตาตั้งสติ เเต่ฝันครั้งนั้นก็ยังมากวนใจ

             ฝัน... มันมาจากจิตของเราเองสินะ

             ผมลืมตาขึ้นเมื่อลมหายใจปกติ เเต่ที่อยู่ไม่สุขตอนนี้คือจิตใจ ผมนั่งพิงผนังวิหารเเล้วกอดเข่าตัวเอง

             คงจะจริง ... ก็ผมมันตัวคนเดียวอยู่เเล้วนี่

     

     



     

            มีเขตอาคมเพิ่มมาอีกชั้น ระดับมาคุสหรือจะไม่รู้...

            มาคุสที่วิ่งวุ่นทำงานดูเเลนู่นนี่นั่นเเทนราชาที่หายไปไหน(อีกเเล้ว)ก็ไม่รู้ เเล้วอยู่ๆดันมีเขตอาคมเพิ่มมาอีก มาคุสรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขตอาคมของเจ้าศิษย์น้อย ถึงเขากับคนอื่นๆจะเข้าออกได้ตามปกติ เเต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยผ่านไปเฉยๆไม่ถามไถ่ได้

             คงจะไม่มีเรื่องอะไรเลวร้ายหรอกนะ... มาคุสคิดอยู่ในใจ เเต่เเล้วก็เห็นตัวปัญหาเดินลอยๆออกมา

              "ศิษย์น้อย" มาคุสเอ่ยเรียกทันที เเต่เจ้าของชื่อยังเดินไปเรื่อยๆเหมือนไม่ได้ยินเสียงเขา

             "ศิษย์น้อย" มาคุสเรียกอีก เเต่ไวซานก็ไม่ตอบโต้ จนมาคุสลอยเข้าไปไกล้เเล้วเเตะเข้าที่หลัง

             "ศิษย์น้อย!" มาคุสเเทบตะโกนออกมา เเล้วมันก็ได้ผล ไวซานสะดุ้งเฮือกเหมือนพึ่งตื่นจากความฝัน

             "ครับท่านอาจารย์" ไวซานตอบ

             "เจ้าเป็นอะไรดูเหม่อๆนะ ข้าเรียกตั้งหลายครั้งทำไมไม่ตอบ"

             "เอ่อ... ผมไม่เป็นไรครับ เเค่ใจลอยน่ะ"

             "เจ้านี่ปากเเข็งจริง เเล้วเขตอาคมรอบวังนี่มันอะไรกัน" มาคุสเข้าประเด็นทันที เเล้วมาคุสก็เห็นศิษย์น้อยมองซ้ายมองขวาท่าทีลับๆล่อๆเหมือนกลัวใครได้ยิน

             "คำสั่งจากเจ้าหญิงโอลิเวียครับ เขตอาคมกันคนออกน่ะ... องค์หญิงไม่อยากให้กัส... เอ่อ ท่านกัสตินออกไปไหนน่ะครับ" มาคุสมองศิษย์น้อยที่ทำเสียงกระซิบกระซาบเเล้วก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ

            "องค์หญิงนะองค์หญิงใช้ศิษย์ข้าไม่กลัวเขาเหนื่อยบ้างหรือไง" มาคุสตอบเเบบไม่ได้ดูตัวเองเลย

            "เอาล่ะเจ้าไปพักผ่อนเถอะ หน้าเจ้าดูซีดๆด้วย เกิดเป็นลมล้มพับขึ้นมาก็เเย่น่ะสิ"มาคุสเตือนเเล้วตบไหล่ศิษย์ตนเองเบาๆ

            "ครับ"ศิษย์เขาตอบรับ เเล้วมาคุสก็มองเขาเดินกลับไปจนลับสายตา

             มาคุสโล่งใจไปหนึ่งเรื่ิอง เขตอาคมที่ว่านี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตซักเท่าไร เมื่อลาจากศิษย์มาคุสก็ไปหาเป้าหมายต่อไป

             "องค์ราชา!" มาคุสเรียกดักตัวปัญหาหมายเลขหนึ่งที่เห็นเงาเขาเเวบๆอยู่เเต่ไกล ก่อนจะเข้าไปหา

             "โอย ข้าหาตัวท่านตั้งนาน" มาคุสบ่น ข้าเเก่เเล้วยังก็ต้องมาทำงานอีก

             "มีเรื่องอะไรหรือท่านมาคุส"

             "พรุ่งนี้จะต้องมีการพิพากษา" มาคุสเอ่ยเสียงเข้ม

             "พิพากษา? ใคร?"

             "นักโทษที่ปลงพระชนราชายังไงเล่า"มาคุสเฉลย

             "ฮะ! มัน... มันเร็วไปหรือเปล่า ข้าขังนางไว้ก่อนไม่ได้หรือ?" ไมโครตกใจขึ้นมา ตามด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน

             "ไม่ได้ๆ ทำเช่นนั้นไม่ได้นะ ท่านเป็นราชาท่านต้องเฉียบขาด ท่านคิดว่าจะมีสักกี่คนกันที่ปลงพระชนราชาเเห่งเอริคาซีเเล้วจะรอดจนถึงตอนนี้น่ะ " มาคุสเอ่ยเสียงเข้ม เป็นอันเข้าใจว่าต่อให้ไมโครเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่ได้ผล

             "นี่องค์ราชาถึงเธอจะเป็นเพียงเด็กผู้หญิง เเต่เธอก็เกี่ยวข้องกับการปลงพระชนราชาองค์ก่อน ท่านไม่โกรธบ้างหรือไง" มาคุสเริ่มเกลี้ยกล่อมเมื่อเห็นไมโครเงียบอยู่นาน

             "ใช่ว่าข้าไม่โกรธเเต่..." เเต่เอริคจะคิดยังไงถ้าข้าทำร้ายน้องสาวเขา เวทย์ของเขาช่วยชีวิตข้าตั้งหลายครั้งเสียด้วย

             "นางจะได้รับโทษอะไร?"

             "เเน่นอน... ว่าเป็นประหาร"

             มาคุสเอ่ยโทษที่น่าหนักใจเเต่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับไมโคร เเต่เรื่องที่เขาพูดก็กระทบถึงหูคนอีกคนหนึ่งที่เเอบฟังอยู่หลังกำเเพง

             ได้ยินเรื่องดีๆเข้าเเล้ว... กัสตินคิด

             พรุ่งนี้มีการพิพากษาที่ลานประหารถ้าข้าจำไม่ผิดคงจะเป็นนอกเขตอาคมสินะ องครักษ์ส่วนหนึ่งต้องอารักขาราชา องค์หญิงองค์ชายก็คงไปกันทุกคน....

             โอกาสเหมาะมาเเล้ว

              ท่านพี่... เเล้วก็น้องชายทั้งหลาย ข้าขอโทษด้วยนะ เเต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ของข้า...

     

     

     



     

            ผมกลับมาถึงห้องเเล้วก็คิดถึงเตียงนุ่มๆ ให้ตายเถอะอยากจะนอนซักวันละสิบเเปดชั่วโมงเหมือนเเมว

             "นี่อาจารย์ไปเล่นข้างนอกกันเถอะ"

             "เมื่อวานข้าก็ออกไปตัดไม้ด้วย คราวนี้ไปด้วยกันสิ"

             เสียงของเดคเตอร์กับเดคเกียนลอยมาเเต่ไกล ผมมองเลยไปเเล้วก็เห็นสองคนนั้นจริงๆ เเถมยังมากับ... กัสตินซะด้วย

            "เเต่มีเขตอาคมกันอยู่ไม่ใช่หรือ พวกเจ้าจะออกไปยังไง"กัสตินถาม มองสองเเฝดที่เกาะเเขนเขาอยู่คนละข้าง

            "ไม่เป็นไรข้ารู้จักคนที่สร้างเขตอาคมนี่"

            "อ๊ะ เขาอยู่นั่นไง" เดคเกียนชี้มาที่ผมที่ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกล

             เวร ไม่ต้องนงต้องนอนกันเเล้ว

             "อรุณสวัสดิ์องค์ชาย" ผมทักทาย

             "เจ้าอยู่ก็ดีเลย ข้ากับอาจารย์อยากออกไปข้างนอกน่ะ เจ้าเปิดเขตอาคมให้เราหน่อยสิ"เดคเกียนเอ่ยปากขอ

              "เจ้าเป็นคนสร้างเขตอาคมยักษ์นี่เหรอ" ยังไม่ทันที่ผมจะตอบกัสตินก็ถามเเทรกขึ้นมา

              "ก็... ครับผมเอง"ผมตอบตรงๆ

              "หึหึ..."กัสตินหัวเราะออกมาเบาๆ

              "มีไรน่าขำเหรอครับ" ผมชักหมั่นใส้ซะเเล้วสิ เขตอาคมนี่ไม่ได้สร้างมาง่ายๆนะเฮ่ย  

              "เปล่า" เเค่คิดว่าจะพาเจ้ากลับไปด้วยคงไม่ใช่เรื่องง่ายเเล้วสิ กัสตินคิด

              "มัวรีรออะไรอยู่เล่า รีบพาข้าไปสิ" เดคเกียนเร่ง

              "เเต่ออกไปตอนนี้จะดีหรือขอรับ"

              "เเน่นอน ไม่ตอนนี้เเล้วจะตอนไหนล่ะ"เดคเกียนตอบอย่างมั่นใจ

               "เเต่มัน..." ผมอํ้าอึ้ง จะพาสองเเสบนี่ออกไปมันก็ได้อยู่หรอก เเต่พากัสตินออกไปนี่สิ ผมจะโดนองค์หญิงโอลิเวียเชือดหรือเปล่า จะใช้มุข 'ถ้านายเป็นพลทหาร' เหมือนไมโครสักสิบหนสองตัวนี้ก็ไม่ฟังเเน่นอน เเย่เเฮะเอาไงดีเนี่ย

             "เฮ้ จะไปไหนกันเหรอ" แฟนเทียสเดินเข้ามาพอดีเเล้วก็โบกมือทักทาย เหมือนเขาจะสนิทกับใครเร็วดีนะ

             "ข้าจะไปช่วยพวกก่อสร้างข้างนอก"

             "ไปตัดไม้น่ะ"

             "โอ้ว น่าสนนี่ ไปด้วยคนสิ"

             เฮ้ยยย ไหงสุมหัวกันงี้อ่ะ ตัดต้นไม้มันไม่ดีนะครับ ทำลายระบบนิเวศ คุณต้นไม้มีประโยชน์นะ ช่วยให้โลกไม่ร้อน(ถึงตอนนี้มันจะหนาวสุดๆก็เถอะ) เเล้วยังช่วยสังเคราะห์เเสงเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นออกซิเจนอีก( ถึงนี่จะเป็นฤดูหนาวที่ใบไม้โกร๋นหมดต้นจนไม่คิดว่ามันจะสังเคราะห์เเสงได้เเล้วก็เถอะ)

            "รออะไรกันเหรอ ไปกันสักทีสิ"

             ไอ้คุณเเฟนเทียสนี่ก็เร่งจัง!!

             "จะไปไหนกันเหรอหนุ่มๆ"เสียงโอลิเวียเจื้อยเเจ้วมาเเต่ไกล ดั่งเสียงระฆังสวรรค์ที่ช่วยชีวิตผม

             "ท่านพี่พวกเราจะไปเล่นข้างนอกน่ะ ไปตัดไม้ช่วยพวกก่อสร้างกัน" เดคเกียนตอบ

             "เราก็เลยชวนอาจารย์มาด้วย"เดคเกียนต่อ

             "ส่วนข้าเเค่ออกไปยืดเส้นยืดสายน่ะ"แฟนเทียสเสริม

             "คนหนุ่มนี่เเข็งเเรงจังเลยนะ" โอลิเวียยิ้มร่าเริง เเล้วเธอก็หันมามองที่ผม "ท่านนักเวทย์ยังไงก็ช่วยเปิดเขตอาคมให้พวกเขาออกไปข้างนอกด้วยนะ"

              อ้าว เเบบนี้เเสดงว่าให้กัสตินออกไปได้ใช่ไหม ผมมองเจ้าหญิงที่ดวงตาอ่านยากคนนั้น

             "เย่!"เดคเตอร์กับเดคเกียนเฮโรออกมาพร้อมกัน

            "นี่อาจารย์ ครั้งก่อนน่ะมีภูติตัวเล็กๆมาช่วยพวกข้าตัดไม้ด้วยเเหละ"

            "พวกนั้นร้องเพลงเพราะมาก"

            "โห...งั้นเหรอ ข้าชักอยากเห็นซะเเล้วสิ"

            เมื่อกัสตินหันไปสนใจสองเเฝด โอลิเวียก็ยิ้มให้พวกเขาเเล้วเดินมาทางผม จังหวะที่เธอเดินผ่านไปเธอหยุดพักนึง เเล้วกระซิบประโยคหนึ่งกับผม

             "อย่าให้เขาคลาดสายตาเด็ดขาด"

            ช่างเป็นนํ้าเสียงเชือดเฉือนยิ่งกว่าคมมีดอาบยาพิษซะอีก....

            จนเเล้วจนรอด ผมก็พาพลพรรคตัดไม้ทำลายระบบนิเวศ ออกนอกสถานที่ เเถมต้องคอยกำกับดูเเลน้องชายของเจ้าหญิงอีก...

            เฮ้อ... วันนี้เหนื่อยหน่อยเเล้วกัน

     

     

     



     

              "ต้นที่... หนึ่ง!!" เดคเกียนตะโกนออกมาเเบบไม่กลัวเปลืองกำลังตัดไม้ เเล้วเจ้าตัวก็ต้องมานั่งหอบฮักๆ เพราะเคยจับเเต่ดาบเพรียวๆ น้อยครั้งนักที่จะได้จับขวานด้ามโตกับเขาซักที ข้ากลัวทุกครั้งที่เขาเหวี่ยงขวานกลัวว่ามันจะเหวี่ยงมาทับเขาเสียเอง

              "หนอยยย"ส่วนเดคเตอร์เองก็ไม่ยอม เเต่เขาดูจะเเรงน้อยกว่าเดคเกียนเสียอีก        

            "ต้นที่ห้า"แฟนเทียสเองก็ดูจะเล่นไปกับเขาด้วย เเล้วก็ดูจะชนะเห็นๆ ถึงเเม้จะเป็นอันดับสองรองจากพวกภูติโอนิฮุโมะที่ถึงเเม้จะตัวเล็ก เเต่กลับจามขวานได้คล่องกว่าคนที่ตัวใหญ่กว่าเสียอีก

            ข้าเห็นเเล้วก็นึกขำ ทำไมกันนะ ทำไมข้าไม่ได้อยู่เฝ้าดูพวกเขาตั้งเเต่เเรก

            "ท่านดูมีความสุขจังนะ" เสียงหนึ่งดังขึ้นบนหัวข้า เเล้วข้าก็เห็นชายผมขาวที่นอนสบายๆอยู่บนกิ่งไม้ คนนี้เองชายหัวขาวที่นายท่านต้องการตัว ...ข้าจะหอบเขาไปตอนนี้เลยดีไหม... ไม่สิไม่ได้เเน่เขตอาคมยังอยู่ เอาไทปัสออกมาด้วยไม่ได้ง่ายๆเเน่ เเถมเดคเตอร์กับเดคเกียนก็อยู่ด้วย

           "เจ้า... ไวซานใช่ไหม"ข้าถามออกไป

            "อืม" ไวซานตอบสั้นๆ

            "พี่โอลิเวียสั่งเจ้ามางั้นสิ... ให้ตามดูข้าน่ะ"

            "หืม?... รู้ได้ไง"ไวซานเอียงคอสงสัย หรือไม่ก็เเกล้งโง่ ข้าก็ไม่รู้ว่าอันไหนเเต่ทางอวดดีเเบบนั้นมันน่าขยี้นัก

            "ข้ารู้จักนางดี"ข้าตอบเขาไป เเล้วหยิบขวานที่อยู่ไกล้มือขึ้นมาเเกว่งเล่น

            "เหรอ... เเล้วท่านไม่คิดบ้างหรือว่าเวลาที่ท่านไม่อยู่อาจทำให้นางเปลี่ยนไปก็ได้"

            คำถามของไวซานทำให้ข้านิ่งไปพักนึง เเต่ข้าก็หันไปสบตาเขาเเล้วตอบคำถามนั้น

            "ไม่...นางไม่เปลี่ยนหรอก... ไม่เคยเลย" ข้าตอบเขา เเล้วใช้ขวานในมือจามเข้าที่ต้นไม้ที่เจ้าหัวขาวนอนอยู่ ข้าฟันทีเดียวต้นไม้ก็ล้มลง พร้อมกับเจ้าตัวที่เกาะอยู่บนต้นไม้ก็จมไปในกองหิมะ

            "กิ่งไม้ฤดูนี้มันเปราะ เจ้าระวังหน่อยนะ"ข้าหัวเราะเเล้วเเกล้งขำใส่ไวซานที่เด้งตัวออกมาจากกองหิมะด้วยสีหน้าโกรธๆ ถึงข้าจะว่ามันน่าเอ็นดูมากกว่าก็เถอะ

            ข้าหัวเราะไปได้พักนึงก็ต้องขำค้างเมื่อเจ้าคนที่โมโหสาดเวทย์เข้าใส่ ลมสายหนึ่งกรีดผ่านตัวข้าไปเร็วจนได้ยินเสียงเเหลมเสียดหู เเล้วหลังจากนั้นข้าก็ได้ยินเสียงโครมใหญ่ของต้นไม้สูงที่อยู่ข้างหลังข้า เมื่อหันไปมองมันก็กลายเป็นเเผ่นไม้ที่ถูกตัดอย่างเรียบกริบแบบนำไปใช้ได้เลย ข้าหันกลับมามองเจ้าของงานฝีมือนั้นที่ยิ้มเย็นอยู่บนกองหิมะ

            "มาเเข่งกันไหมล่ะ อ้อ พอดีผมไม่ชอบใช้กำลังน่ะ อย่าหาว่าโกงละกันนะ" ไวซานพูด

            ...

            ข้าจะไม่หลงหน้าตาน่าเอ็นดูนั่นอีกเเล้ว

            หลังจากวันนั้นคณะก่อสร้างทั้งหลายก็ได้พบไม้ที่มากจนเหลือให้ปลวกกินไปทั้งปี

     

     

     

            



            โอยยยย เหนื่อยยย นอนนนน

            ผมถอนหายใจออกมายาวๆ ตอนนี้ผมเเทบจะคลานกลับห้องได้เเล้ว

            ผมไปแข่งตัดต้นไม้ทำลายระบบนิเวศกับเจ้าพวกบ้าพลังนั่นทั้งวัน จนตอนนี้ก็มืดคํ่า ไม่รู้ว่าจะบ้าเลือดไปตามพวกนั้นทำไม

             "ไวซาน...ท่านดูเหนื่อยๆนะ" เป็นไทปัสที่เข้ามาทักผม เขาตามดูผมอยู่ห่างๆตลอด บางครั้งไทปัสก็หายไปเหมือนล่องหนเวลาผมอยู่กับคนอื่น เหมือนไม่อยากให้คนในวังเห็นเขายังไงยังงั้น เเต่ที่วันนี้หายไปทั้งวันคงเพราะไม่อยากเข้าไกล้กัสตินล่ะมั้ง เเต่พอเเยกกับกัสตินเขาก็โผล่ออกมาอย่างที่เห็น

            "อืม... ว่าเเต่นายน่ะไปรู้จักกับกัสตินได้ยังไงยังไม่ได้ตอบผมเลยนะ" ผมซักเรื่องเก่ามาถาม

             "เขาเป็นคนของพ่อข้าน่ะ" ไทปัสตอบฉะฉาน ตั้งเเต่เจอกันครั้งล่าสุด เขาก็ดูจะเชื่อผมซะทุกอย่าง

            "งั้นเหรอ..."ผมเดินลากเท้าหนักๆมาถึงห้องก็รู้สึกง่วงๆไม่ได้ถามอะไรอีก ผมเปิดประตูห้องเข้าไปเหมือนเช่นเคย

           เเต่ห้องของผมดันไม่เหมือนเช่นเคยน่ะสิ...

           ผมเห็นคราบเลือดกรังลากไปตั้งเเต่พรมหน้าประตูไปจนถึงตัวเตียง เเล้วผมก็เห็นร่างหนึ่งนอนจมกองเลือดที่ยังสดอยู่ไกล้ๆเตียงของผม...

           ปัง!

           ผมปิดประตูลงทันที

           "มีอะไรเหรอ ทำไมไม่เข้าไปล่ะ" ไทปัสถามอย่างสงสัยเมื่อเห็ท่าทีเเปลกๆของผม

           "วันนี้นายนอนเเยกห้องกับผมเถอะ" ผมพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ "วันนี้ผมเหนื่อยๆน่ะ ขออยู่คนเดียวนะ"

           ไทปัสมีสีหน้างงสงสัย เเต่ก็ยอมพยักหน้ารับ ผมบอกกับสาวใช้คนนึงให้ไปเตรียมห้องให้เเฟนเทียสด้วยพอทั้งสองคนเดินออกไปจนลับตาผม ผมก็กระเเทกประตูกลับเข้าห้องตนเองทันที

           บาเรียบางถูกกางรอบห้อง ทั้งกันเสียงเล็ดลอดเเล้วก็กันอันตรายจากภายนอก ผมรุดไปที่ร่างที่นอนควํ่าอยู่ที่พรม ผมไม่สนเลือดที่เจิ่งนองนั่นเเล้วพลิกตัวคนที่นอนควํ่าอยู่ขึ้นมา

           "เวซานฟื้นสิ!!" ผมเเทบเเหกปากตะโกน ในใจเป็นกังวลจนเหมือนผมไร้สติ

            "เวซาน!!"ผมเขย่าร่างนั้น เวซานเเน่นิ่งจนเหมือนตายไปเเล้ว ตัวเขาเต็มไปด้วยเเผลฉกรร บางที่เหมือนโดนไฟลวกจนเป็นรอยดำ ผมไม่เคยเห็นเวซานเป็นเเบบนี้มาก่อนเลย ในสายตาผมเวซานเป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่จัดการได้ทุกปัญหา เเต่ตอนนี้มันกลับกัน...

            "อือ..." เวซานครางในลำคอ เเต่นั่นก็พอเเล้ว พอเเล้วที่ทำให้ผมรู้ว่าเขายังไม่ตาย ผมยกเวซานขึ้นมานอยบนเตียง เเล้วตบหน้าเขาเเรงๆเพื่อปลุก

           "นายเเกล้งตายรึไงเนี่ย ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!!" เร็วสิไอ้กระต่ายบ๊องเอ๊ย นายจะทำผมใจวายตายเเล้วนะ

           เฮ้ย! ไม่สิ ผมจะไปตบมันทำไม สภาพเเบบนี้ก็ต้องช่วยสิ!!

           ผมลุกลี้ลุกลนขึ้นมาจะใช้เวทย์ย้อยเวลาก็ไม่ได้อีก มาคุสอยู่เเถวๆนี้เขารู้เเน่ถ้ามีคนใช้เวทย์ต้องห้าม เเล้วผมก็ต้องลงเอยที่เวทย์ฟื้นฟูอันอืดอาด ผมรักษาที่เเผลกลางลำตัวก่อน เเผลนั้นอย่างกับเวซานโดนดาบใหญ่ๆสักเล่มเเทงทะลุมา

           แผลใหญ่เริ่มสมาน ผมเริ่มจะวางใจเเล้วถ้าอยู่ๆเขาไม่ไอโขลกออกมาเป็นเลือดอีก

           "เวซาน นายไปโดนอะไรมาเนี่ย?!" ผมมองเวซานที่หลังจากไอโขลกไปหลายทีเเล้วก็เหมือนรู้สึกตัวค่อยๆปรือตาขึ้นมา

           "ไวซาน.." เขาเรียกชื่อผมเสียงเบาจนเหมือนกระซิบ

           "เออ ผมอยู่นี่ไง" ผมตอบเขา

           "คุณโกรธผมหรือเปล่า.." เวซานยังพูดต่อเเม้เสียงของเขาจะดูเเหบเเห้ง "ที่ผมฆ่าพ่อคุณน่ะ..."

            "มันใช่เวลามาถามไหมฮะ!" ผมดุทันที "เเล้วนายไปโดนอะไรมาเนี่ย"

            "สงคราม..."นั่นเป็นคำสุดท้ายที่เวซานพูดก่อนร่างเขาจะกลายเป็นควันขาวๆ เเล้วก็เหลือเเค่บักกี้ เจ้ากระต่ายขาวตัวเดิม

             เขาไปโดนอะไรมากันเเน่... ที่เขาคืนร่างเดิม เเสดงว่าต้องเสียพลังไปมาก เหมือนตอนที่เหลือเเต่วิญญานอย่างตอนเเรกที่ผมเจอเขา

             ผมใช้เวทย์ฟื้นฟูให้กระต่ายตัวจ้อยจนถึงเเผลสุดท้าย เเล้วค่อยมาจัดการกับรอยเลือดในห้องผม ผมใช้เวลาไปนานทีเดียวกว่าจะได้ไปอาบนํ้าเปลี่ยนเสื้อผ้า... วันนี้มันเหนื่อยจริงๆเเฮะ...

             ผมมองร่างสีขาวตัวน้อยที่นอนอยู่บนเตียงคิงไซต์เเต่เพียงตัวเดียว

             "ฉันไม่โกรธนายหรอก" ผมพึ่งมาตอบคำถามเเรกที่เวซานถาม "สำหรับผมพ่อเป็นคนที่เลี้ยงดูผม ไม่ใช่คนที่ทำให้เกิดผม นายไม่ต้องไปกังวลหรอกนะ คนเเบบนั้นผมไม่เคยเห็นเป็นพ่อ "

              ผมพูดกับกระต่ายน้อยที่นอนสลบไม่รู้ตัว เฮ้อ... ผมคงบ้าอะไรอยู่เเน่ๆ ผมโยนตัวลงนอนบนโซฟา ใช่ครับโซฟา จะให้ไปนอนกับเจ้ากระต่ายนั่นก็กลัวนอนดิ้นทับมันซะตายก่อน กระต่ายมันยิ่งใจเสาะซะด้วยสิ

            

            เมื่อบักกี้ได้ยินเสียงลมหายใจที่สมํ่าเสมอของไวซาน เจ้ากระต่ายที่เเกล้งหลับก็ลืมตาขึ้นมา... ในใจยังมีคำสุดท้ายของไวซานที่วนลูปซํ้าในหัวไปมา

            ...ไม่เห็นต้องใช้คำรุนเเรงขนาดนั้นเลย บักกี้คิดในใจก่อนจะหลับไปเพราะความออ่นเพลีย

     

     




     

              "เขากลับมาเเล้วหรือเพื่อนเจ้าน่ะ..."

             เสียงคุ้นๆเสียงหนึ่งทำให้ผมสะดุ้งตื่น ผมหันซ้ายเเลขวาเเล้วก็เจอว่าอยู่ในห้องตัวเอง

            กับผู้หญิงผมขาวคนนั้น...

            "คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" ผมถาม หรือนี่เป็นความฝัน

            "มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไง ...เเทนที่เพื่อนที่หักหลังเจ้าน่ะ..." เธอพูดเเล้วผมก็มองเลยไปที่ร่างสีขาวตัวน้อยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

            "ไม่... เขาไม่เคยหักหลังผม" ผมตอบ นี่คือความฝันไวซาน นางเป็นความฝัน เอาชนะมันซะ เเล้วก็ตื่น

             "เจ้าอย่าทำเป็นโง่น่า... เจ้าก็เจ็บปวดไม่ใช่หรือที่เขาทิ้งเจ้า... ความเจ็บปวดที่ไม่มีเสียง..." ผู้หญิงคนนั้นมากระซิบข้างๆหูผม ภาพข้าวหน้าเบลอไปชั่วขณะ เหมือนผมเป็นคนสายตาสั้น เเต่เเล้วเมื่อผมเพ่งมองมันก็กลับมาชัดเหมือนเดิม ผมได้ยินผู้หญิงคนนั้นทำเสียงจิ๊จ๊ะเหมือนไม่พอใจ

            "คุณเป็นความฝัน" ผมพูด "คุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก"

             เมื่อผมพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ...เเต่ผมฟังเหมือนมันเป็นเสียงร้องโหยหวนมากกว่า

             "มันสายไปแล้วหนุ่มน้อย" เธอหยุดหัวเราะเเล้วหันมาเเสยะยิ้มให้ผม "เพราะข้าไม่ใช่ความฝัน ข้ามีตัวตนจริงๆ"

     

     





     

              ก๊อกๆๆๆ

             "ไวซาน ไวซาน" ไมโครเอ่ยเรียก เขากังวลนิดหน่อยว่าปลุกไวซานตั้งเเต่เช้าเช่นนี้จะรบกวนเขาหรือเปล่า เเต่เเล้วเขาก็เปิดประตูออกมาดวงตาเขาเหม่อลอย คงจะพึ่งตื่นเเน่

             "มีอะไรหรือ" ไวซานถามข้า       

             "วันนี้จะมีการพิพากษาเมทริซน่ะ"ข้าโพล่งออกไปถ้าเขาคือเอริค เขาต้องตกใจบ้างสิที่อยู่ๆจะมีการพิพากษาน้องสาวเขา ข้ารอดูปฏิกิริยาเขา เเต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่ข้าคิด ไวซานยังมีดวงตาเหม่อลอยเขาเอียงคอด้วยท่าทางสงสัย

          "เมทริซ? ใครหรือ?" เขาถามข้ากลับมา

          ข้านิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง หรือเขาจะไม่ใช่เอริคจริงๆ

           " คนที่ปลงพระชนราชายังไงล่ะ เธอจะถูกพิพากษาที่ลานประหารอีกในหนึ่งชั่วยามต่อจากนี้ เจ้าจะต้องไปเปิดเขตอาคมให้เรา" เอกอนที่ตามข้ามาเป็นคนตอบคำถามนั้นเเทนข้า

            "อืม" ไวซานตอบข้าเเล้วเขาก็เดินออกไป

            "ทำไมเขาดูเหม่อลอยจังนะ"ข้าพึมพำออกมาเมื่อเขาเดินจากไป

            "อย่างกับไม่มีวิญญาณ..." เเล้วข้าก็ได้ยินเอกอนที่กระซิบกับตัวเอง

           เเกรก เเกรกกก

           เสียงหนึ่งดังออกมาหลังประตูห้องของไวซาน เหมือนเสียงเล็บที่ครูดกับบานประตู ข้ากับเอกอนมองหน้ากันอย่างสงสัย เเต่เเล้วข้าก็เปิดประตูนั้นออกมา

            ร่างสีดำร่างหนึ่งพรุ่งพรวดออกมาจากประตูอย่างรวดเร็วข้าเห็นมันกลิ้ง... เอ่ย วิ่งออกมาเเล้วไปตามทางที่ไวซานเดินไปเมื่อครู่

            "เเมว?"ข้าเอ่ยอย่างสงสัยเมื่อวิเคราะห์จากรูปร่างกลมๆนั่นกับหูสามเหลี่ยมสองข้าง "เขาเลี้ยงเเมวด้วยเหรอ?"

        -----------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×