ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The White Rabbit

    ลำดับตอนที่ #27 : XXVI_ผมจะพาท่านหนีเอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 293
      1
      6 พ.ย. 58

    THE WHITE RABBIT
    XXVI
    ผมจะพาท่านหนีเอง







             บูม!!

             กัสตินอัดบอลไฟเข้าใส่ผม บาเรียที่อุสส่าสร้างเเตกไปอีกอันอย่างน่าเสียดาย ผมเบี่ยงตัวหลบอย่างยากลำบาก กัสตินส่งบอลไฟมาให้ไม่มีหยุด จนผมไม่มีโอกาสตอบโต้

             ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างอาจจะสายเกินไป... ผมคงไม่มีเวลาขนาดมาฆ่าเขาเเน่

             เมทริซพี่กำลังไปช่วยนะ...

             ระหว่างที่ผมกำลังหลบอย่างชุลมุน ตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าหูเเมวที่หลบขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ ผมไม่รู้เจ้านี่เป็นใคร หรือตัวอะไร เอาเป็นว่ามันช่วยผมเเสดงว่ามันเป็นคน(?)ดี

            "เฮ้!! เเกน่ะลงมาช่วยกันบ้างเซ่!!" ผมตะโกนเเข่งเสียงระเบิดตูมตามของบอลไฟ เจ้าหูเเมวดูเหมือนจะได้ยินมันเลยตะโกนกลับ

             "ข้าสู้เขาไม่ไหวหรอก!"

             เเล้วใครบอกให้ไปสู้ด้วยเล่า...

             โดยที่ไม่รู้ตัวผมก็จัดการส่งเวทย์เคลื่อนย้ายใส่เจ้าหูเเมว เเล้วให้มันไปโผล่บนหัวกัสติน ทันทีที่ส่งไปผมก็ได้ยินเสียงเเมวร้องเหมือนตกจากหลังคา

             โอ๊ะ โทดทีส่งให้สูงไปหน่อย

             ชั่วจังหวะที่กัสตินตกใจกับการปรากฏตัวของเจ้าหูเเมว เขาก็หยุดพายุลูกไฟของเขา เกิดเป็นช่วงเวลาอันน่อยนิดพอให้ผมร่ายเวทย์สักเวทย์นึง

           ลมรอบตัวผมเริ่มพัดเเรงเหมือนพายุเข้า กัสตินเองก็รู้สึกตัวเหมือนกัน

            เจ้าเเมวถูกกัสตินสะบัดออก มันกระดอนหล่นตุบมาทางผม ทางไทปัสที่โดนกัสตินล็อกตัวไว้ก็ได้โอกาสหยิบกริชเล่มเล็กที่พกติดตัวไว้เเทงเข้าไปที่มือของกัสตินจนเขาต้องปล่อยมือออก ไทปัสฝากกริชไว้บนเเขนของกัสตินเเล้ววิ่งกลับมาหาผม

            โอเค ครบคนละนะ

            กัสตินไม่สะทกสะท้านกับกริชที่เเทงลงบนเเขนเขา ดวงตาเหี้ยมเกรียมของเขามองหาเป้าหมาย เเล้วก็ไวซานที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้

            ยังไม่ทันที่กัสตินจะร่ายเวทย์ ก็เกิดลมพายุขนาดย่อมๆขึ้น พายุหมุนควงอย่างรุนเเรงพัดเอาหิมะที่อยู่รอบสวนตีกลับไปทั่วจนทำให้ทัศนียภาพขุ่นมัว กัสตินต้องเอาเเขนมาบังดวงตาทันทีเพื่อกันหิมะ เเต่นั่นก็เป็นช่องทางให้ไวซานกับพลพรรคเเวบเข้าเวทย์เคลื่อนย้ายได้ เมื่อคนร่ายเวทย์หายไปพายุก็หยุดลง

           กัสตินสถบอย่างไม่พอใจ เขาสัมผัสถึงไอเวทย์ของไวซานเเล้วร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายเพื่อตามไปบ้าง

           เเต่เวทย์เคลื่อนย้ายนั่นก็ไม่ได้ผล...

           "ให้ตายสิ..."กัสตินอยากเอาหัวโขกกำเเพงให้ตายเสียตรงนั้น เขาลืมไปว่ายังมีเขตอาคมรอบวังที่กันเขาออกอยู่อีกชั้นนึง

     

     



       

           ถุงผ้าสีดำถูกเอามาคลุมหัวเมทริซ เพรชฆาตกดหัวเธอลงบนเเท่นประหาร ใจเธอเต้นระสํ่าอย่างควบคุมไม่ได้ เมทริซพยายามหายใจลึกๆ ทำใจให้สงบก่อนที่จะจากโลกนี้ไป เเต่ลมหายใจของเธอกลับปนไปด้วยเสียงสะอื้น

           ฉันยังไม่อยากตาย...

           เมทริซพยายามข่มนํ้าตา เธอได้ยินเสียงครืดคราดของใบมีดอยู่บนหัวเธอ อีกสักพักใบมีดนั่นก็จะหล่นลงมา... เพียงครั้งเดียวชีวิตเธอก็จะดับ

           รอบกายเธอเงียบเชียบ เเสดงว่ามันไกล้เข้ามาเเล้ว เมทริซหลับตา อย่างน้อยเธอก็ตายตาหลับ

           เเต่รอบกายเธอก็ยังเงียบ....

           "เมทริซ!" ใครบางคนเรียกชื่อเธอ เเล้วดึงเธอออกมาจากเเท่นประหาร ถุงผ้าสีดำถูกดึงออก ใบหน้าของผู้ช่วยเหลือก็ปรากฏเเก่สายตาของเมทริซ

           "เมลโล่?"เธอเรียกชื่อเจ้าหูเเมวออกมาเบาๆ"เธอมาที่นี่ทำไม กลับไปซะ!!"

           "ไม่ต้องห่วงข้าไม่ได้มาคนเดียวเสียหน่อย" เจ้าหูเเมวตอบเล็บที่คมเกินมนุษย์ของมันตัดเชือกบนตัวเมทริซออกเเล้วปล่อยเธอเป็นอิสระ

            เมทริซหันไปรอบด้านอย่างมึนงง ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายเธอล้วนหยุดนิ่ง เว้นเเต่เมลโล่ กับชายผมขาวเเล้วก็เด็กชายอีกคนนึง...

            ครับ... เวทย์หยุดเวลาได้ถูกใช้เเล้ว              

            ผมมองเมทริซที่ได้เจ้าเมลโล่ช่วย ผมมาช่วยเธอได้หวุดหวิด จริงๆเเล้วก็เเทบไม่ทันเพราะผมต้องใช้ไม้ตายอย่างเวทย์กาลเวลา

           เฮ้อ... ค่าหัวขึ้นอีกจนได้

           ผมมองเมทริซที่เป็นอิสระ เธอเองก็มองมาที่ผมเหมือนกัน น่าเสียดายที่เธอคงไม่รู้ว่าผมคือเอริค เพราะผมมีคราบของไวซานอยู่

           "พี่คะ..."

           ...

            ห๊ะ?

          "พี่คะ... ฮึก..." เมทริซเรียกผม เธอเริ่มสะอื้น นํ้าตาหยดร่วงลงมาหยดเเล้วหยดเล่า โดยไม่รู้ตัวผมก็เดินไปเเล้วนั่งลงเช็ดนํ้าตาให้เธอเเล้ว

           "ไม่เป็นไรนะ พี่มาช่วยเเล้ว" ผมพูด ไม่มีอะไรต้องปิดบังเเล้ว ผมไม่รู้ว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นผม เซ้นส์ระหว่างพี่น้องล่ะมั้ง

            "หนูขอโทษ.."เธอโผเข้ามากอดผมทันที ผมกอดเเล้วลูบหลังเธอเบาๆอย่างปลอบประโลม

            "หนูขอโทษที่ปิดบัง หนูขอโทษที่ไม่เคยบอกอะไรพี่เลย" เมทริซพูดปนสะอื้น "หนูขอโทษที่ไม่ตามหาพี่ทั้งๆที่รู้ว่าพี่อยู่นี่"

             "หนูขอโทษ..." สิ้นคำเมทริซก็ปล่อยโฮออกมา

             "พี่ก็ขอโทษนะ..."ผมพูดบ้าง รู้สึกว่าที่ดวงตามีนํ้าใสๆหยดลงมา

            ผมคิดไปได้ยังไงว่าเมทริซจะทิ้งผม? ผมคิดไปได้ยังไงว่าเธอไม่เห็นผมเป็นครอบครัว? ผมคิดเเบบนี้กับน้องสาวได้ยังไง?

            "พี่ขอโทษ..."ผมพูดคำเดิมซํ้า กอดเธอเเน่นขึ้น เเล้วร้องไห้หนักขึ้น

            "ทำไมพี่ถึงมาช้า รู้ไหมว่าหนูกลัว!" เมทริซขึ้นเสียงทั้งๆที่ยังร้องไห้โฮ เธอทุบตีเเผ่นหลังของผมหนักๆ

           "พี่ขอโทษนะ..."

           "จากนี้พี่ต้องกินเเครอท! ต้องกินเเครอททุกวันด้วย!... ฮึก...ฮือออๆ"

            "พี่ขอโทษ... เเต่ไม่เอาเเครอทได้ไหม..."

            "ไม่ ไม่! พี่ต้องกิน ฮึกๆ.. ฮืออๆ..."

            ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่เมทริซร้องไห้ ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่ผมพูดขอโทษ เเต่มันรู้สึกเหมือนเนิ่นนานที่อยู่ในห้วงเวลาที่ถูกหยุดนั่น

             ... เเต่มันหยุดไม่ได้ชั่วนิรันด์ เพราะจู่ๆมันก็เเตกออก ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้สั่ง

            "ไวซาน..." เสียงของมาคุสปะทุขึ้นก่อนใคร นํ้าเสียงนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง เสียดาย เเล้วก็โกรธ

            ไม่นึกว่ามาคุสจะทำได้... เขาหยุดเวทย์กาลเวลาของผมได้      

            ผมมีพลังเวทย์ล้นเหลือก็จริง ผมรู้เวทย์เยอะก็จริง ผมเรียนรู้เวทย์มนต์เร็วก็จริง เเต่ยังไงผมก็พึ่งเรียนเวทย์ได้สี่เดือน ดังนั้นสิ่งที่ผมขาดไปก็คือประสบการณ์ครับ

            "ขอโทษด้วยนะครับอาจารย์" ผมพูดเเล้วอุ้มเมทริซขึ้น เสียงฮือฮาจากฝูงชนประดังเข้ามา        

            "ข้าว่าเเล้วเชียว... เวทย์ย้อนเวลาเมื่อวานก็ของเจ้าสินะ" มาคุสเอ่ยด้วยนํ้าเสียงที่ขึ่นมัว สอ่งนั้นบอกว่าเขาเริ่มโกรธจัด

            ต้องเผ่นละล่ะ...

           ผมวิ่งออกมาจากลานประหารทันที ในจังหวะที่ทุกคนกำลังตกใจนี่เป็นจังหวะที่เหมาะ เจ้าหูเเมวกับไทปัสก็วิ่งตามมา คนที่ไหวตัวไวที่สุดคือมาคุส โซ่เส้นหนาของเขาพุ่งขึ้นมาจากพื้นทันที ผมหลบมันมาได้เส้นนึงอย่างหวุดหวิด ผมอุ้มเมทริซมาด้วยเลยต้องระวังเป็นพิเศษ

             คนที่ไหวตัวเป็นคนที่สองคือเฮลเลส เขารีบถ่ายทอดคำสั่ง

            "ตามไปดัก..."

            "โอ้ย ปวดหัวจังเลย"

            เเต่เฮลเลสก็ต้องหยุดคำสั่งไว้เมื่อผู้ไหวตัวคนที่สามอย่างไมโครเคลื่อนไหวด้วยการเเกล้งเป็นลมล้มตึงไปซะอย่างนั้น

            "องค์ราชา!!"

            ขอให้เจ้าหนีรอดนะไวซาน ราชาหนุ่มส่งกำลังใจไปให้

            กลับมาที่ไวซานที่ตอนนี้กำลังวิ่งไม่คิดชีวิต

           "ท่านคือเอริคหรือ คนที่ปลงพระชนราชาองค์ก่อนน่ะ" ไทปัสวิ่งขึ้นมาขนาบข้างเเล้วยิงคำถาม

            "ผมคือเอริค เเต่ไม่ใช่คนที่ปลงพระชนราชาซะหน่อย จำไว้ด้วย!" ผมตะโกนกลับ มันใช่เวลามาถามเรื่องนี้ไหมเนี่ย

            "เเล้วครั้งก่อนท่านหนียังไง"ไทปัสถาม

            "หะ?"ผมไม่ได้ยิน เพราะวุ่นอยู่กับการหนีเเละทำลายโซ่ของมาคุสอยู่

            "ครั้งก่อนน่ะ  ท่านหนีออกจากวังมาได้ยังไง"

            "ครั้งก่อนเหรอ... ผมขี่กระต่ายกลับน่ะ"

            กระต่าย...

           ...

           เวรเเล้วไง!! ลืมเจ้าบักกี้ซะสนิทเลย รึจะกลับไปเอาตอนนี้ดี ไม่ดีกว่า บักกี้ซะอย่างตายเเล้วยังชุบวิญญาณมาใหม่ได้ เอ๊ะ เเต่ทำเเบบนี้จะดูเย็นชาไปรึเปล่านะ    

            "เจ้ากระต่ายตัวนี้น่ะเหรอ" เจ้าหูเเมวหิ้วหูของเจ้ากระต่ายที่หลับสนิทตัวนึงมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนมันกำลังวิ่งจ๊อกกิ้งมากกว่าวิ่งหนีอัศวินทั้งขโยง

             ผมมองกระต่ายตัวนั้น รูปร่างมันเหมือนพึ่งโดนหมาฟัดมา ใช่เเล้ว ไอ้กระต่ายบักกี้ของผมนี่เอง

            "นายไปเอามาจากไหนน่ะ"

            "อยู่ในห้องเจ้าน่ะ เจ้าไม่ควรทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้านตัวเดียวนะ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่บาดเจ็บ รู้ไหมว่ามันจะทำให้เหงาเมื่อไม่เห็นหน้าเจ้านายมันอาจตรอมใจตายได้นะ... "

            "หยุดเลย!! มันใช่เวลามาบ่นไหมเนี่ย!!"ผมตะคอกใส่

            วิธีเดิมอย่างขี่กระต่ายกลับเป็นอันต้องตัดไป ผมพยายามใช้เวทย์หยุดเวลาเพื่อหาโอกาสหนี เเต่มาคุสเหมือนรู้ทันเขาส่งโซ่มาสกัดผมอีกจนผมต้องร่ายเวทย์เพื่อทำลายมัน นี่เเหละจุดออ่นของนักเวทย์ใช้เวทย์ซ้อนกันไม่ได้

             "ผมจะพาท่านหนีเอง" ไทปัสพูดขึ้น ผมไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าไง เเต่อยู่ๆเจ้าเด็กไทปัสก็วิ่งเร็วธรรมชาติ เขาวิ่งขึ้นหน้าผม เล็บของเขางอกยาวออกมันฉีกโซ่ของมาคุสที่ขวางทางขาดสะบั้น

            ร่างกายของไทปัสเริ่มเปลี่ยนไป ผมสีเปลือกข้าวของเขาเริ่มกลายเป็นสีขาว เเล้วก็มีเขาโค้งงอกออกมา ไทปัสเริ่มตัวใหญ่ขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ

            "ข้างหน้ามีหน้าผา!!" เจ้าหูเเมวเอ่ยอย่างขวัญเสีย เเต่ไม่ทันเพราะไทปัสที่วิ่งนำหน้าโดดลงไปแล้ว ผมกับเจ้าหูเเมวหยุดกึกที่หน้าผานั่น

            "มันจนมุมเเล้ว!" เหล่าอัศวินเริ่มล้อมวงเข้ามา พวกเขายิ้มเหี้ยมอย่างได้ใจเมื่อรู้ว่าผมกลายเป็นหมาจนตรอก

            เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่งระหว่างผมกับเจ้าหูเเมวเมื่อมองลงไปที่เหวลึก

             "ขอบอกไว้ก่อนนะ"เจ้าหูเเมวพูดขึ้น"ข้ากลัวความสูง"

             "รู้อะไรไหม" ผมยิ้มให้เขา "ถ้านายอยากชนะความกลัว นายก็ควรเผชิญหน้ากับมัน" เเล้วผมก็ถีบเจ้าหูเเมวลงไปเกิดเป็นเสียงเเมวตกหลังคาอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะโดดลงไปตาม

            "มันโดดลงไปแล้ว!" เหล่าอัศวินวิ่งมามุงดูที่หน้าผา ไม่นึกว่าจะมีใครกล้าขนาดนั้น เเล้วพวกเขาก็มองลงไป

           กรรรร!!!

           ร่างสีขาวของมังกรฟ้าทยานขึ้นมาจากเหวลึก ลมที่พัดจากปีกกว้างทำเอาเหล่าอัศวินตกใจจนล้มลง  ตามด้วยเสียงคำรามอย่างทรงอำนาจของมังกรยักษ์ปะปนด้วยเสียงของเเมวที่กลัวความสูง ฟังดูเข้ากันพิลึก

     

     

     



              เมื่อเจ้าของเขตอาคมอยู่ห่างไปไกล เขตอาคมก็เริ่มออ่นเเอลง กัสตินอัดเวทย์ใส่มันเเตกไปด้วยความโมโหโกรธา เขาได้ยินเสียงมังกรคำรามมาแต่ไกล ก็ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวด้วยอารมณ์โกรธ

            "พวกเจ้าหนีไม่รอดหรอก!"

    ---------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×