ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The White Rabbit

    ลำดับตอนที่ #37 : XXXVI_มาจิบชารอกันดีกว่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 125
      2
      21 พ.ย. 58

    THE WHITE RABBIT
    XXXVI

    มาจิบชารอกันดีกว่า







             ผมถูกปลุกด้วยเสียงระฆัง มันดังอย่างร้อนรน เเละน่ากังวล จนผมทนนอนฟังไม่ไหวเลยลุกออกมา น่าเเปลกใจที่ไมโครยังหลับเป็นตายเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

             "เฮ้ ไมโคร" ผมเรียกเขา เเต่คนที่นอนฟังเสียงระฆังเเบบบ้านถล่มเเล้วยังไม่ตื่น จะตื่่นเเค่เพราะเสียง เฮ้ ของผมเหรอ เเน่นอนว่าไม่ เเล้วจะปลุกยังไงดีล่ะ ลากตกเตียงเหมือนเมทริซปลุกผมเหรอ ไม่เอาน่า ผมไม่ได้หัวรุนเเรงขนาดนั้น

             ผมเลยเลือกวิธีซอฟต์ๆลงหน่อย ผมหยิบหมอนของตัวเองขึ้นมา เเล้วกดลงไปที่หน้าฝ่าบาทผู้นอนหลับปุ๋ยนั่น

            ... ผมไม่ได้กำลังฆาตกรรมนะ เเต่นี่เป็นวิธีปลุกคนเเบบซอฟต์ๆต่างหาก วิธีนี้ผมไม่หวงลองเอาไปใช้กันดูนะ (เฮ้ยๆล้อเล่น ไม่ดีนะจ๊ะ เผื่อเด็กๆอ่านอยู่

           ไม่ถึงนาทีไมโครก็ดิ้นพล่าน พอผมเอาหมอนออกก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาหายใจหอบ

            "เจ้าจะฆ่าข้ารึไง" ไมโครพูดติดโมโหหน่อยๆ

            "เเล้วตายรึยังล่ะ" ผมก็ตอบไปกวนๆ ส่วนไมโครก็ทำหน้างอน

             เเก๊งๆๆๆๆ

            ระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ผมเลยสบโอกาสถาม "นี่คงไม่ใช่ระฆังอรุณสวัสดิ์หรอกนะ"

            "อืม... " จู่ ๆ ไมโครก็ทำหน้าเครียด "เหตุร้าย... ระฆังบอกเหตุ" ว่าจบเจ้าตัวก็ลุกขึ้นค้นตู้เสื้อผ้าเเล้วเปลี่ยนชุดเสียเดี๋ยวนั้น

             "เหตุร้ายเหรอ?"  ผมถามยํ้า เเต่เจ้าตัวไม่ได้ฟัง เปลี่ยนชุดเสร็จก็รุดไปที่ประตูทันที

             "เจ้าห้ามไปไหนเด็ดขาด ข้าจะไปดูว่ามีเรื่องอะไร" สิ้นเสียงประตูก็ปิดปัง เหลือเเต่ผมที่ทำหน้างงๆอยู่ในห้องคนเดียว

              โอ้ว... ห้ามไปไหนเหรอ

              ...

              งั้นตามนายไปก็ไม่ถือว่าไปไหนถูกไหม?

     

     

     




             ไมโครหน้านิ่วคิ้วขมวด เมื่อได้รับข่าวร้ายจากนักเวทย์ที่ถูกส่งตัวมาจากริเวอร์วูด ที่ทำให้ผู้ฟังต่างเงียบกริบ ราอูลที่ดูจะร่าเริงมีสีหน้าเครียดเขม็ง เซอร์โซดาสที่ทำหน้าเหมือนนักปราชญ์มาตลอดตอนนี้กลายเป็นหน้าของคนปัญญาออ่นไปแล้ว เเละคนอื่นๆที่ได้ฟังก็บรรยายได้คำเดียวว่าสติเเตก

             "นานเท่าไร" ไมโครเอ่ยขึ้น

              "ข้าไม่เเน่ใจนักฝ่าบาท หากพวกมันมีเวทย์ช่วย เราอาจมีเวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น กว่าพวกมันจะมาถึงที่นี่" มาคุสเป็นฝ่ายตอบ เเละเป็นคำตอบที่ทำให้คนในที่ประชุมต่างหน้าซีดไปตามตามกัน

             "เเค่นี้ก็เหลือเฝือเเล้ว พวกเจ้ายังจะมัวรออะไรกันอยู่ รีบจัดกระบวนทัพเร็ว!!" ไมโครเเทบจะตะโกน เหล่าอัศวินต่างก็สะดุ้งพรวดเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตเเละเริ่มถ่ายทอดคำสั่ง

             "เฮลเลส เอามังกรของเจ้าออกมา บินออกสำรวจทางใต้" ไมโครสั่ง เฮลเลสพยักหน้าก่อนจะออกไปจากที่ประชุม "พวกนักเวทย์อยู่ไหนข้าต้องการเขตอาคมป้องกันประชาชนของข้า" คนใส่ฮู้ดกลุ่มหนึ่งออกไปจากห้องตามเฮลเลส    

               "ท่านไมโคราคัส อาณาจักรของข้า... ข้าต้องกลับไป..." ราอูลดูอํ้าอึ้ง เเต่ที่เขาพูดก็ถูก ราชาผู้นี้เเละอีกหลายๆคนที่มาอาศันอยู่ในที่นี้ต่างทิ้งอาณาจักรของตนเองเเละร่วมทัพกับเอริคาซี

              "ไม่หรอกอาณาจักรของท่านยังปลอดภัยดี" มาคุสเอ่ยกับราอูล ก่อนจะหันมาทางยักเวทย์ของริเวอร์วูด "ใช่หรือไม่"

              "ขอรับ ที่ริเวอร์วูดเองก็เช่นกัน พวกปีศาจน่ะบินผ่านเราไปเฉยๆ พวกมันคงไม่อยากเสียกำลังรบก่อนถึงเอริคาซีเป็นเเน่" นักเวทย์เเห่งริเวอร์วูดเอ่ย เขาดูมีความรู้พอตัว ราชาเเห่งริเวอร์วูดจึงส่งเขามาบอกข่าว "เเต่หากทัพหลักที่เอริคาซีนี้ถูกตีเเตก... ข้าก็ไม่เเน่ใจเหมือนกันว่าที่อื่นจะมีกำลังพอที่จะสู้หรือเปล่า" สิ้นคำของนักเวทย์ ทุกคนต่างกลืนนํ้าลายหนืดคอ ยกเว้นเสียเเต่ไมโคร

            "งั้นก็มาจิบชารอกันดีกว่า" ไมโครยิ้มเย็น ท่าทางสบายๆ เเต่เขารู้สึกว่าชายามเช้านี้รสชาติไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย

     

     


     

     

     

              ผมด้ยินหมดเเล้ว ทุกวาจา ทุกคำพูดเลย พวกปีศาจมาเเล้ว เเสดงว่าราชินีเเดงรู้ตัวเเล้ว เเละอีกไม่นานเอริคาซีก็จะกลายเป็นจานบุฟเฟ่ต์ให้เหล่าปีศาจ

               ว่าเเต่เจ้าเวซานไปไหน เวลาเเบบนี้ล่ะไม่ค่อยจะอยู่หรอก

              ผมถอยออกห่างจากประตู เมื่อเฮลเลสเดินออกมา ตอนนี้ผมสวมฮู้ดซึ่งปิดไปครึ่งหน้า เเล้วไม่มีใครสงสัยด้วยนะ อาจเป็นเพราะตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวาย เเล้วก็วุ่นวายจริงๆ วุ่นวายมากๆ คนเดินกันขวักไขว่จนผมต้องทำตัวลีบติดกำเเพงเพราะกลัวจะไปขวางทางใครเข้า จริงๆนะ พวกเขาดูยุ่งจริงๆ ยุ่งจนไม่รู้เลยว่ามีนักโทษหลบหนียืนหัวโด่อยู่ตรงนี้

            "นี่เจ้าน่ะ" นักเวทย์กลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากห้องประชุมเอ่ยขึ้น ผมมองเขา เหมือนเขาจะมองผมด้วย ผมชี้ที่ตัวเอง อะไรอ่ะ เรียกเราเหรอ เอ๊ย!! ไม่ใช่เฟ้ยย เกิดเขารู้ว่าผมเป็นใครขึ้นมาทำไงล่ะทำไง เตรียมเผ่นสิ!!

            "ก็เจ้านั่นเเหละ! มัวยืนบื้ออะไรอยู่ คนยิ่งน้อยๆอยู่ด้วยเจ้าคิดจะอู้เหรอ!!" นักเวทย์คนนั้นเเหกปากตะโกนใส่หน้าผม "ตามข้ามาเร็วเซ่!!"

            ผมกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ เเล้วก็ดันตามไปแบบโง่ๆด้วยนะ พลางก้มมองดูชุดตัวเองที่หยิบๆมาระหว่างทาง เเล้วมองดูชุดนักเวทย์กลุ่มนั้น มันเหมือนกันเด๊ะ เเถมยังใส่ฮู้ดคลุมหน้าเหมือนกันทั้งกลุ่มอีกต่างหาก เขาคงคิดว่าผมเป็นพวกเดียวกันล่ะมั้ง... งั้นก็ดี ผมยักไหล่ เเล้วก็เดินตามไป คนที่ตะโกนใส่หน้าผมดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า เขาสั่งนักเวทย์คนโน้นคนนี้ให้ไปทำหน้าที่               

              "เจ้า เจ้า เจ้า เเล้วก็เจ้า" หัวหน้านักเวทย์ชี้นิ้วสั่ง เเล้วก็มาหยุดที่ผมเป็นคนสุดท้าย "ไปช่วยหน่วยพยาบาล จำไว้ว่าอย่าทำงานชุ่ยๆ นี่เป็นคำสั่งของ องค์-รา-ชา เข้าใจใหม!!"

             คนทั้งหมดขานรับ เเละก็รวมถึงผมด้วย เนียนๆไปละกันเนาะ

             ผมเดินตามๆพวกนักเวทย์ไป ไม่นานก็ถึงหน่วยพยาบาล โถงใหญ่ของวังยังโดนหน่วยพยาบาลยึดอยู่ มันเเตกต่างจากตอนที่ผมมาครั้งล่าสุดนิดหน่อย ตอนนี้คนน้อยลง คนที่อาการสาหัสสุดก็เเค่มีดบาด เเต่คนที่ยังอยู่ใช้ที่นี่เป็นที่ซุกหัวนอนเเทนบ้านที่พังไป เเละท่านหัวหน้าหน่วยพยาบาลก็ไม่ว่าอะไรซะด้วย

             เเน่นอนว่าลินเน็ตต์ก็อยู่ เธอมองพวกนักเวทย์ที่พูดกับเธอด้วยสีหน้างงๆปนรำคาญที่โดนรบกวนเวลางาน

             "คุ้มกันเหรอ เกิดอะไรขึ้น" ลินเน็ตต์ถามอย่างข้องใจ "ฉันเห็นพวกอัศวินวุ่นวายกันใหญ่เลย เเล้วตอนเช้าก็มีเสียงระฆัง..."

             "ปีศาจ" ผมโพล่งออกไปโดยไม่รู้ตัว นั่นลินเน็ตต์จ้องผมเเบบเอาเป็นเอาตาย

             "มันไกล้เข้ามาเเล้ว เราต้องเตรียมพร้อม เราจะอพยพคนมาไว้ที่นี่กลุ่มหนึ่งเเละกางเขตอาคม" นักเวทย์คนหนึ่งประกาศกับหัวหน้าหน่วยพยาบาลว่าจะใช้ที่นี่เป็นจุดเซฟ

              "ว่าไงนะ" ลินเน็ตต์เบิกตากว้าง "เเล้วพวกเเกมายืนบื้ออะไรตรงนี้เล่า ทำไมไม่ไปรวมทัพหาาาา!!" เธอโหวกเหวก ทำเอานักเวทย์ที่ถึงเเม้จะมีฮู้ดปิดหน้าก็ยังเดาได้ว่าพวกเขาตกใจเเค่ไหน

              "เเต่หัวหน้าบอกให้เรา..."         

              "งั้นก็บอกหัวหน้าของพวกเเกซะว่าฉันสั่งให้พวกเเกไปร่วมทัพ!"

               นี่ล่ะลินเน็ตต์...

               "เเต่เป็นคำสั่งขององค์ราชา..."

              "ไปเดี๋ยวนี้!!"

              ต่อให้ใหญ่มาจากไหนก็ไม่มีใครกล้าขัดเจ๊เเก

              เหล่านักเวทย์มองหน้ากันเลิกลั่กถ้าพวกเขาไปก็โดนไล่ตะเพิดกลับมาใหม่นะสิ ลินเน็ตต์ทำให้พวกเขาลำบากใจซะเเล้ว

              "ก็ได้ ๆ นายน่ะมาช่วยฉันคนเดียวพอ" ลินเน็ตต์ชี้มาทางผม เเละผมก็ชี้ที่ตัวเองเป็นรอบที่สอง "เเค่นี้ก็พอเเล้วใช่ไหม ฉันได้ยินมาว่านักเวทย์กางเขตอาคมคนเดียวก็ได้นี่ จะมากันเยอะเเยะทำไมหะ ไปกันได้เเล้ว ไปๆ" ลินเน็ตต์โบกมือไล่ คราวนี้พวกนักเวทย์จึงไม่ขัดเเล้วก็ไปกันจริงๆ ส่วนผมก็โดนทิ้งไว้กับลินเน็ตต์

              "นายน่ะ" ลินเน็ตต์เรียกผม "มานี่"

              เรียกเป็นหมาเลยวุ้ย

              ผมตามเธอไป เเต่เเล้วจากที่เดินตามเฉยๆก็กลายเป็นลาก จนกลายเป็นผมโดนผู้หญิงฉุดเข้าห้อง เธอมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวใครมองอยู่ พอรอบกายไร้คน เธอจ้องเขม็งมาที่ผม

              "นายคือไวซานใช่ไหม"

              ถูกต้องขึ้นปายยย!!

              เธอจำผมได้ มันอันตรายก็จริง เเต่... ผมว่าลินเน็ตต์จะไม่เอาเรื่องผมไปบอกกับใคร เธอดูใจดีนะ ผมว่า

             "อืม" ผมตอบเเล้วยักไหล่ "เธอรู้ได้ไง"

             ลินเน็ตต์ย่นจมูก "ฉันไม่ได้โง่"

             อ๋อเหรอ งั้นคนทั้งวังก็โง่หมดเลยน่ะสิ

             "เเล้วเกิดอะไรขึ้น ฉันเห็นนายที่ลานประหาร เเล้วพวกเขาบอกว่านายใช้เวทย์กาลเวลาได้จริงรึเปล่า เเล้วเรื่องปลงพระชนพระราชานั่นอีก นายเป็นคำเหรอ ถ้างั้นนายก็ใช่คนคนเดียวกับองครักษ์ใบ้คนนั้นน่ะสิ" ผมรอลินเน็ตต์ถามจนหมด ถึงเปิดปากพูด ดูเราไม่รีบไม่ร้อนกันเลยเเฮะ นี่ๆ เมืองของเธอกำลังโดนปีศาจถล่มนะ

             "ใช่... เเต่ผมไม่ได้ใบ้ เเล้วก็ไม่ได้เป็นคนปลงพระชนพระราชา" ผมยอมรับตามจริง เเล้วก็พยายามนับว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไรเเล้วที่ผมบอกว่า 'ผมไม่ใช่คนปลงพระชนพระราชา'

             "เเต่นายมีหมายจับนี่นา ฉันควรจะส่งนายไปให้พวกอัศวินไหม ได้ยินมาว่าค่าหัวนาย..."

             "ผมว่าเรื่องที่น่าสนใจตอนนี้คือปีศาจที่กำลังมานะ" ผมจ้องตาลินเน็ตต์ เเต่เเทนที่ผมจะเห็นเงาตัวเอง กลับเห็นเป็นเหรียญทองประกายวิบวับ "เเละผมต้องการจะช่วย ไม่ได้มีเจตนาร้าย เชื่อผมเถอะ" เเละก็เชื่อผมเถอะ ผมติดคุกไปก็ไม่ได้อะไร อุสส่าติดสินบนท่านพัสดีไว้เเล้วนี่นา

              "... อืม ฉันเชื่อนาย เเล้วมีใครรู้บ้างไหมว่านายอยู่นี่" ลินเนตต์จิ้มนิ้วที่อกผม

              "อืม... ก็มีอยู่คน"

              "ใคร?"

              "ราชา"                     

              "ห๊ะ!!" ลินเน็ตต์เเทบเเหกปากร้อง "ราชาเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ ถ้าระดับราชารู้ว่ามีตัวอันตรายอย่างนายอยู่นี่เเล้วนานยังรอดได้จนป่านนี้ ฉันว่านายไม่ต้องหลบๆซ่อนๆเเล้วเเหละ"

            ผมยักไหล่ ก็เเหม คนมันไม่ชอบเป็นจุดสนใจนี่นา   

            "ลินเน็ตต์" จู่ๆก็มีคนโผล่เข้ามา ชุดของเขาบอกว่าเขาเป็นหน่วยพยาบาลคนหนึ่ง เขาจ้องผมด้วยสายตาเเปลกๆ "ข้ามารบกวนอะไรรึเปล่า"  

            "ไม่หรอก" ลินเน็ตต์ตอบ "มีเรื่องอะไร"

            "เอ่อ... มีเด็กผู้หญิงเข้ามา บอกว่ามาตามหาพี่ชาย คือเธอ... เธอทำตัวเเปลกๆ" หน่วยเเพทย์เกาหัวท่าทางอํ้าอึ้ง เหมือนไม่รู้จะรายงานอะไรกับคุณหัวหน้าดี

             ตามหาพี่ชาย...

             ผมสะดุดกับคำนี้ ลางสังหรของผมบอกให้เดินออกไป ส่วนลินเน็ตต์ก็เดินตามมาติดๆ เธอขมวดคิ้วเเน่นไม่เข้าใจในท่าทีของผม หรือเธออาจจะกลัวผมหนีก็ได้

             ดังคาด... ร่างเล็กร่างหนึ่งใส่ฮู้ดปกปิดใบหน้าไปครึ่ง ถึงผมจะไม่เห็นหน้า เเต่ไอเวทย์ที่เเผ่ออกมาจากตัวเธอโดยไม่ได้ปิดบังนั่นก็ทำให้ผมจำได้ทันที

              "เมทริซ!!" ผมกึ่งวิ่งเข้าไปหาเธอ เเล้วโอบกอดเบาๆ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เเต่เธอรอด นี่ต่างหากที่ผมพอใจ

              "ไม่เป็นอะไรใช่ไหม เเล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมาอยู่นี่ ถ้าใครรู้ว่าเป็นเธอล่ะก็เเย่เเน่" ผมผละตัวออกจากเมทริซเขย่าไหล่เธอเบาๆ เมทริซดูนิ่งๆ ฮู้ดที่คลุมหัวอยู่ทำให้ผมไม่เห็นเเววตาของเธอ

             "เด็กคนนี้ก็น้องนายเหรอ โอ้ ตายล่ะ ถ้าใครมาเห็นฉันผิดเข้าเต็มประตูเลยนะ" ลินเน็ตต์เข้ามาพร้อมคำอุทาน เธอใช้ทั้งสองมือบีบขมับของตัวเองเหมือนกลัวว่ามันจะระเบิดออก

             "เเสบตา" เมทริซเอ่ยขึ้น มือทั้งสองเธอกำมือผมเเน่น มือของเธอสั่นด้วยความกลัว

              "เจิดจ้าเหลือเกิน" เมทริซเอ่ยต่อ เสียงเธอฟังดูเยียบเย็น "เรอา... ไม่ว่าเมื่อไรเจ้าก็เจิดจ้าเสียจนเเสบตา ข้าเกลียดเเสงพวกนี้เหลือเกิน เกลียดเหลือเกิน"

               ผมมองน้องสาวด้วยสีหน้างุนงง เเวบหนึ่งที่ผมเห็นเธอเป็นคนอื่นที่ผมไม่รู้จัก

               "ดังนั้น..." เธอยังพูดต่อไปด้วยเสียงอันเยียบเย็นของเธอ "ข้าก็จะดับมันซะ"    

               ปัง!!!

              โถงใหญ่ของหน่วยพยาบาลเกิดเสียงระเบิดอย่างรุนเเรง ผู้คนต่างมองเป็นจุดเดียวกัน อัศวินกรูเข้ามา พวกเขาเห็นนํ้าเชอรี่สีเเดงที่สาดกระจายเปรอะเปื้อนไปทั่ว

             คุณเคยเอามือเเหย่เข้าไปในเครื่องบดเนื้อไหม?

             เคยมีคนบอกผมว่ากระดูกของเราจะไปติดกับเครื่องบด ทำให้มันบดไม่ได้ เเสดงว่ากระดูกของเราค่อนข้างเเข็งเลยทีเดียว

             เเต่เครื่องบดเนื้อธรรมดากับเครื่องบดเนื้อผสมพลังเวทย์ประสิทธิภาพมันเเตกต่างกันเหลือเกิน เมื่อมีพลังเวทย์ต่อให้เป็นเหล็กกล้าก็ต้องเเหลกละเอียด

             เเล้วจะอะไรกับเเค่กระดูกเปราะๆของคนคนนึง

             สติของผมหลุดไปชั่วขณะ ตามด้วยกระเพาะที่กำลังบีบรัด

             ลินเน็ตต์กลายเป็นเเค่เศษเนื้อที่ถูกบดละเอียดหลังจากที่เธอผลักผมออกมาจากรัศมีเวทย์ของเมทริซ

             ไม่สิ ไม่ใช่เมทริซ น่าจะเป็นราชินีเเดงมากกว่า

            ผมมองตาของเธอมันเเดงกํ่าเหมือนเลือดสดๆของลินเน็ตต์ที่สาดกระจายไปทั่ว ผู้คนที่เห็นภาพนั้นต่างกรีดร้องเเละวิ่งหนี เเต่ผมเห็นหน่วยเเพทย์ของลินเน็ตต์คนนึงทรุดเข่าลงเเละกลั้นสะอื้น

             ผมมองเศษเนื้อที่สาดกระจายเหล่านั้น มีฟันซี่หนึ่งอยู่ที่ปลายเท้าของผม ผมถอยห่างออกมา พยายามควบคุมสติ เเต่มันก็ยิ่งหลุดลอย ลอยไปหาลินเน็ตต์ที่อยู่ในความทรงจำของผม ครั้งเเรกที่เจอกัน เธอช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่หายใจรวยริน ในขณะที่คนอื่นยอมเเพ้เเละสิ้นหวัง เธอมองไปข้างหน้า เเละทำทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุด

             มือที่สั่นเทาของผมยื่นออกไป ปากเริ่มขยับเวทย์ที่ถนัดที่สุด

             'เวทย์กาลเวลาจะชุบชีวิตคนตายได้ไหม'

             ผมเคยถามไวซาน ตอนรู้ว่าเเม่ผมตายไปแล้ว ผมถามทั้งที้รู้อยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ นั่นมันสองพันปีมาเเล้ว พลังของผมไม่ได้มากมายขนาดนั้น

             'ได้สิ ผมก็เคยทำมาเเล้ว' ไวซานตอบผมโดยไม่ลังเล 'เเต่มันจะทำให้พวกยมทูตโกรธมาก' ไวซานหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องที่เขาเจออยู่บ่อย ผมก็เกือบจะหัวเราะตาม ยมทูตเหรอมีจริงที่ไหน เเละผมก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าผมอยู่ในโลกเเบบไหน

             'ชื่อของคุณอาจถูกเขียนไว้บนกำเเพง ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าทำดีกว่า'

             เเต่ตอนนี้มันจำเป็นมากๆเลย ผมตอบเจ้าหัวขาวในใจ

             ขนาดราชินีเเดงที่ตายไปเป็นพันๆปีเเล้วยังกลับมาตามจองล้างจองผลาญในเเดนมนุษย์ได้เลย ดังนั้นนะท่านยมทูต ผมก็มีสิทธิ์ที่จะคืนชีพคนเหมือนกัน อย่าโกรธกันล่ะ

    ---------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×