ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ BETWEEN US ✖ [SF/OS l KAIHUN ft. EXO]

    ลำดับตอนที่ #7 : :: Fraternity #พี่รหัสไคฮุน [1/2]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.76K
      37
      4 ก.ค. 58

     

     

     

     

     

     

     

    เฟรชชี่... คุณคาดหวังกับการได้เริ่มต้นใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยมากแค่ไหน?

     

    เราทุกคนต่างคาดหวังว่าจะสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเองมากขึ้น มีอิสระมากขึ้น ไม่ต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของใคร ไม่มีกฏระเบียบเคร่งครัดอย่างตอนอยู่ไฮสคูล ไม่ต้องคอยถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองจอมเฮี้ยบดุตักเตือน

     

    พวกเราต่างเข้ามหา'ลัยตามความชอบ ความถนัด และความสนใจของแต่ละคน ทั้งหมดก็เพื่อไฝว่หาความรู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพที่ตนเองไฝ่ฝัน...

     

    แต่นี่น่ะหรือสิ่งที่ โอเซฮุน ต้องพบเจอในวันเปิดภาคเรียนวันแรก

     

    "เมื่อไหร่จะเงียบกันวะ!!"

     

    กริบ

     

    เสียงพูดคุยทำความรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของกันและกันเงียบลงทันทีที่ชายหนุ่มร่างสูงชะรูดตะโกนขึ้น เซฮุนมองกลุ่มผมสีเทาของคนที่ยืนเด่นอยู่เบื้องหน้าฟูฟ่องปลิวไปตามแรงลม ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเป็นรุ่นพี่ของพวกเขา และเป็นคนพาปี 1 แทบทุกคนในสาขามานั่งกองรวมกันอยู่ตรงนี้ด้วย

     

    "เขียนชื่อตัวเองแล้วก็คล้องป้ายชื่อไว้ที่คอทุกคน" รุ่นพี่ผมเทาออกคำสั่งอีกครั้ง  "มือเขียนไปหูก็ฟังไปด้วย! สิ่งแรกที่ต้องจำให้ขึ้นใจคือ มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง มาพร้อมเป็นเพื่อน! เข้าใจนะ!"

     

    น้ำเสียงดุดันไม่ได้ลดลงเลยตลอดครึ่งชั่วโมงที่เริ่มนั่งอยู่ตรงนี้แล้วฟังชายหนุ่มตะโกนถึงเรื่องระเบียบวินัยต่างๆ ราวกับเพิ่งเข้าโรงเรียนประถมไม่ใช่มหา'ลัย ทั้งยังบอกเป็นเชิงบังคับว่าต้องเคารพรุ่นพี่ทุกคน และประโยคถัดมาก็ทำให้น้องๆปี 1 ทุกคนโห่ร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

     

    "ชื่อรุ่นพี่ทุกคนตั้งแต่ปี 2 ยันปี 4 ก็ต้องจำให้หมด! ไม่ต้องมาโห่ แค่ให้เคารพให้จำชื่อรุ่นพี่แค่นี้ทำไม่ได้หรอวะ!!"

     

    เซฮุนเอาป้ายชื่อที่เพิ่งเขียนเสร็จคล้องคอตัวเองก่อนจะถอนหายใจอย่างหน่ายๆ เริ่มแล้วสินะ ที่เค้าว่า 'รับน้อง' น่ะ ไล่สายตามองใบหน้าที่แสดงออกถึงความดุดันอย่างพิจารณา ขอโทษรุ่นพี่ผมเทาอยู่ในใจที่ใบหูของคนตรงหน้าเด่นชัดจนเขานึกขำ เหลือบมองป้ายชื่อปราดเดียวสมองของเขาก็จดจำไว้จนขึ้นใจว่า...

     

    รุ่นพี่ผมเทาและหูกางคนนั้นชื่อ ชานยอล

     

    "ใครไม่พอใจก็ลุกออกไป!! แล้วจะได้รู้ว่าคนที่มันไม่ต้องการพี่หรือเพื่อนร่วมสาขามันเป็นยังไง!" ทุกคนนั่งนิ่งไม่มีใครกล้าขยับตัว บรรยากาศน่าอึดอัดขึ้นเรื่อยๆเมื่อชานยอลเอาแต่เก๊กขรึมและพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นทุกประโยค

     

    "ดีนะที่พี่ว๊ากหล่อ ไม่อย่างนั้นฉันจะลุกออกไปจริงๆ ให้ตายเถอะ! ใครจะไปชอบเวลาโดนตะคอกใส่กัน"

     

    "เอาน่า พอตอนรับน้องจบเลิกว๊ากแล้วเขาอาจจะเป็นรุ่นพี่แสนดีคนนึงเลยก็ได้"

     

    เสียงหญิงสาวสองคนที่ซุบซิบนินทารุ่นพี่ชานยอลดังอยู่ข้างหูเขาแทบจะตลอดเวลา ไม่รู้ว่าพวกเธอเป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า แต่ถ้าไม่ล่ะก็มันน่าประหลาดใจนิดหน่อยที่พวกเธอสามารถคุยกันได้อย่างออกรสทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน ก็ตอนนี้โอเซฮุนยังไม่รู้จักหรือเอ่ยปากพูดกับใครซักคนเลยน่ะสิ

     

    "เจ็บคอยังครับเพื่อน"

     

    คนมาใหม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่เบาและไม่ดังนัก แต่ทุกคนคงได้ยินและหันไปสนใจชายหนุ่มคนนั้นว่าเป็นใครกัน มือหนาตบบ่าชานยอลเบาๆที่เอาแต่ว๊ากน้องๆอยู่นานสองนาน

     

    "มึงแหละ เป็นพี่ว๊ากภาษาเหี้ยไร มาสายชิบหาย"

     

    "กูไปเอากระดาษพวกนี้มาให้น้องจับพี่รหัส ไม่ได้ยืนแหกปากสร้างความอึดอัดรำคาญใจให้น้องๆแบบมึง"

     

    "โว้วววว!!" เสียงโห่ร้องด้วยความถูกอกถูกใจดังครืนเมื่อได้ยินประโยคโดนใจจากรุ่นพี่อีกคนที่มีตำแหน่งพี่ว๊ากเหมือนกัน แต่ดูเหมือนทั้งสองคนจะมีลักษณะการพูดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

     

    วินาทีต่อมาทุกคนก็เงียบกริบอีกครั้งเพราะถูกสายตาของรุ่นพี่ชานยอลปราดมองด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกระแอมไอ ขยับปากเหมือนจะพูดบางอย่างแต่ก็ถูกเพื่อนคนหนึ่งที่เอาป้ายชื่อมาให้ขัดจังหวะเสียก่อน

     

    เซฮุนเห็นว่ารุ่นพี่ที่เข้ามาใหม่รับป้ายชื่อมาคล้องคอ ในจังหวะนั้นก็ใช้สายตาคมดุมองเพื่อนตัวเองราวกับกำลังเตือนว่าเข้ามาไม่ดูสถานการณ์เอาเสียเลย ต่อมาชายหนุ่มผิวแทนก็หันมาหารุ่นน้องปี 1 อีกครั้ง เขาไล่มองทุกๆคนอย่างเชื่องช้าราวกับต้องการเก็บรายละเอียด

     

    ลมหายใจสะดุดกึกเมื่อดวงตาคมเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เลื่อนมาหยุดอยู่ที่เขา... เซฮุนทำใจกล้าจ้องนัยน์ตาสีดำขลับกลับไปอย่างพิจารณาเช่นกัน แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายหลบสายตาไปก่อนเพราะไม่อาจต้านทานสายตาดึงดูดของอีกฝ่ายไหว มือบางยกขึ้นทาบแก้มตัวเองอย่างไม่รู้ตัวเมื่อรู้สึกว่ามันร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ

     

    รุ่นพี่คนนั้นร้ายกาจจริงๆ

     

    "เอาล่ะ พี่ชื่อจงอิน ส่วนไอ้คนบ้าอำนาจนี่ชื่อชานยอล เชื่อว่ามันยังไม่ได้แนะนำตัวใช่มั้ยล่ะ" เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อพูดจบประโยค

     

    "ยิ้มไรกัน! ...มึงอีกคน" ทุกคนมีสีหน้าอึกอักไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้าหงอราวกับกลัวรุ่นพี่ผมเทาเสียเต็มประดาหรือจะหัวเราะดี เพราะรุ่นพี่จงอินเอาแต่ทำหน้าตาล้อเลียนเพื่อนตัวเองให้น้องๆเห็นยามที่อีกคนเผลอ สุดท้ายทุกคนก็เงียบลงเมื่อจงอินสั่งให้ฟังเขาพูด

     

    "ชานยอลคงพูดไปเยอะแล้วแต่พี่จะพูดอีกครั้งในแบบของพี่ละกัน..." จงอินเงียบรอดูปฏิกิริยา และภาพที่เห็นค่อนข้างน่าพอใจทีเดียวเมื่อทุกคนกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อจากนี้

     

    "อย่างแรกมีใครสงสัยหรือเปล่าว่า 'มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง มาพร้อมเป็นเพื่อน' เนี่ยมันเพื่ออะไร? แน่นอนว่าไม่ได้มีไว้เพื่อกดขี่กัน ในปี 1 ที่นั่งอยู่ตรงนี้อาจมีคนอายุมากกว่าพวกพี่สองคน แต่พวกพี่ปี 2 แล้วถ้าจะให้เรียกปี 1 ว่าพี่มันก็ค่อนข้างลำบากใจว่าไหม?"

     

    ทุกคนพยักหน้าตามอย่างไม่รู้ตัว ถึงแม้การเคารพกันตามอายุจะเป็นเรื่องสำคัญแต่พอมีเรื่องระดับชั้นการศึกษาเข้ามาด้วยมันก็ทำให้เกิดความยุ่งยากขึ้นเหมือนกัน ก็เลยใช้วิธีนี้ตัดปัญหาไปซะ

     

    "เพราะฉะนั้นในรั้วมหา'ลัยแห่งนี้ลืมเรื่องเคารพกันตามอายุไปก่อน... ต่อมาเรื่องจำชื่อและเคารพรุ่นพี่" เสียงฮือฮาดังขึ้นมาเป็นระรอก และส่วนมากคงมาจากความไม่พอใจ บางคนตะโกนขึ้นมาว่ารุ่นพี่ตั้งเยอะตั้งแยะจะจำหมดได้ยังไง ซึ่งเขาเข้าใจความรู้สึกของน้องๆตอนนี้ดี ริมฝีปากหยักยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ "พี่ไม่ได้ให้จำหมดภายในวันนี้วันเดียว ความจริงแล้วไม่ได้อยากให้จำอะไรขนาดนั้นหรอก พวกพี่ๆแค่อยากให้รุ่นน้องรู้จักกับรุ่นพี่ไว้ มีอะไรจะได้มาปรึกษาพูดคุยกันได้ พวกเราอยู่สาขาเดียวกันสนิทกันไว้มันก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ? ส่วนเรื่องเคารพก็แล้วแต่น้องๆแล้วล่ะ..."

     

    "อะไรของมึงวะ"จงอินยิ้มอีกครั้งเมื่อเพื่อนสนิทกระซิบรอดไรฟันอย่างแผ่วเบาแต่กลับแฝงไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

     

    "นี่มันยุคไหนแล้ว มาแหกปากตะคอกใส่แบบนี้มันน่าเคารพไหม? เรื่องนี้มันเป็นปัญหาของพวกรุ่นพี่ทั้งหลายมากกว่าว่าควรทำตัวยังไงให้รุ่นน้องเคารพ ไม่ใช่ขู่ให้กลัว หรือออกคำสั่ง แต่คนเราก็ควรมีสิ่งนี้อยู่ในตัวอยู่แล้ว... ความนอบน้อมและเคารพคนที่โตกว่า... ถูกไหม?"

     

    พยักหน้าตามอีกแล้ว เซฮุนเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆเลย เขาไม่รู้ตัวว่าตลอดเวลาที่รุ่นพี่ผิวแทนพูดอยู่นั้นเขาเอาแต่จ้องมองริมฝีปากหนาคู่นั้น มุมปากรังแต่จะหยักยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี สายตาคมที่ใช้มองทุกคนแสดงถึงความจริงจังและทุกประโยคที่เอ่ยออกมานั้นพูดด้วยเหตุผลให้น้องๆเข้าใจ ว่าแท้จริงแล้วที่ชานยอลออกคำสั่งหรือว๊ากไปนั่นเป็นเพราะอะไร

     

    เพียงแค่จงอินรู้จักใช้คำพูดและอธิบายให้เข้าใจ มากกว่าออกคำสั่งให้ทำตาม และดูเหมือนมันค่อนข้างจะได้ผล ถ้าชายหนุ่มเป็นนายกที่กำลังหาเสียงเลือกตั้ง เขาคงโน้มนาวใจผู้ฟังได้มากมายทีเดียว

     

    "พูดมากไปละ ให้น้องออกมาหยิบม้วนกระดาษไปคนล่ะแผ่น จากนั้นแนะนำตัวแล้วบอกด้วยว่าพี่รหัสตัวเองเลขอะไร เข้าใจนะ" ชานยอลเอ่ยเสียงดังฟังชัดพรางล้วงมือเข้าไปในโหลแก้วใสซึ่งมีม้วนกระดาษขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่บรรจุอยู่ มือใหญ่ควานไปทั่วโหลให้ม้วนกระดาษคละกันมากกว่าเดิม จากนั้นก็เริ่มให้รุ่นน้องออกมาจับเลขพี่รหัสของตัวเองทีละคน

     

    "เอ่อ...สวัสดีครับ ผมชื่อโดคยองซู พี่รหัสผมเลข 61 ครับ"

     

    "โว้วววว เอาแล้วมึง"

     

    "น้องโครตซวยเลยว่ะ"

     

    "น้องต้องสู้นะเว่ย 555555555"

     

    ประโยคแปลกๆดังขึ้นทั่วสารทิศจากรุ่นพี่ปี 2 ที่มารอฟังว่าน้องคนไหนจะจับได้เลขรหัสของตัวเอง คยองซูทำหน้าเหวอหลังจากได้ยินคำใบ้ถึงพี่รหัสกลายๆ เซฮุนเองก็รู้สึกสงสารเพื่อนใหม่คนนี้ขึ้นมา ดูเหมือนเพื่อนตาโตที่เพิ่งได้ทำความรู้จักกันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้จะเจอปัญหาซะแล้ว

     

    "คนต่อไป!"

     

    เซฮุนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสายตาของชานยอลจ้องมองมา... จงอินก็ด้วย... ไม่สิแทบทุกคนเลยต่างหาก พอหันมองซ้ายมองขวาบวกกับจังหวะที่คยองซูเดินมานั่งลงข้างๆเขาอีกครั้งถึงได้รู้ตัวว่าถึงตาของเขาที่จะออกไปจับพี่รหัสแล้ว

     

    ทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นแต่ตอนนี้เซฮุนกำลังหัวใจเต้นแรงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ในตอนที่ล้วงมือลงไปในโหลแก้วเขากวาดสายตามองรุ่นพี่มากมายที่รายล้อมอยู่ เขาไม่อยากคาดหวังว่าพี่รหัสจะต้องดูแลเขาเป็นอย่างดีหรือคอยช่วยเหลือเขาทุกเรื่องตลอดการใช้ชีวิตในมหา'ลัยนี้

     

    เซฮุนแกะเชือกที่ผูกม้วนกระดาษเอาไว้อย่างระมัดระวังแต่ดูเหมือนมันจะไม่ให้ความร่วมมือเพราะเขาแกะมันไม่ออก จนสุดท้ายต้องรูดเชือกที่พันรอบอยู่ออกจากกระดาษแทน

     

    ในวินาทีที่เขาคลี่กระดาษออกแล้วพลิกมันให้เหล่ารุ่นพี่ได้เห็น ตอนนั้นเองคนที่ยืนมองรุ่นน้องนิ่งๆมาตลอดอย่างจงอินก็หลุดยิ้มออกมา แต่น่าเสียดายที่เซฮุนไม่ทันได้เห็น

     

    "ผมชื่อโอเซฮุน ... พี่รหัสผมเลข 88 ครับ" แนะนำตัวพร้อมกับบอกเลขที่ตัวเองได้เสร็จก็ค้อมศีรษะเล็กน้อยอย่างคนมีมารยาท แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องทำหน้าเหรอหราเพราะประโยคเอ่ยแซวจากรุ่นพี่ที่เริ่มโหวกเหวกขึ้นมาอีกครั้ง

     

    "เข้!! มองน้องรหัสด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่าไงวะครับ พี่เบอร์ 88"

     

    "น้องเหมือนจะโชคดีว่ะ มีพี่รหัสดูอบอุ๊นนน อบอุ่น"

     

    "แต่จริงๆแม่งโครตเจ้าเล่ห์ 55555555"

     

    เซฮุนระบายยิ้มแห้งๆ ก่อนจะยกมือลูบท้ายทอยตัวเองอย่างประหม่า เขาเดินกลับไปนั่งที่ตัวเองด้วยความสับสน ที่บอกว่าเหมือนจะโชคดีนั่นมันยังไงกันแน่นะ ทั้งยังบอกว่าดูอบอุ่น แต่ก็เจ้าเล่ห์ เขางงไปหมดแล้ว

     

    ไล่สายตามองพี่ปี 2 แต่ล่ะคน เขาขอคิดเอาเองว่าพี่รหัสของเขาคงไม่ใช่ผู้หญิงแน่ๆ แต่ดูแล้วก็ไม่มีใครเข้าข่ายในคีเวิร์ดที่ได้ยินมาเลยซักคน ถ้าที่ล้อมรอบอยู่ไม่น่าจะใช่ก็เหลือแค่สองคนสุดท้ายที่ยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้า เลือกที่จะมองผ่านรุ่นพี่หัวเทาไปจนคนสุดท้าย ดวงตาใสราวกับลูกแก้วหลุบลงเมื่อเห็นสายตาของรุ่นพี่จงอินจ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว

     

    "มีปัญหาอะไรโอเซฮุน" เจ้าของชื่ออ้าปากค้างก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธจนหน้าม้าฟุ้งกระจาย เขาแค่พยายามเดาว่าใครคือพี่รหัสของตัวเองก็เท่านั้น แต่จงอินกลับดุเขาเฉยเลย จากนั้นไม่ว่าจะทำอะไรรุ่นพี่ผิวแทนก็คอยแต่จะเรียกหรือไม่ก็ดุทางสายตาจนเขาเริ่มเกร็งไปหมด

     

    แต่นี่มันแกล้งกันชัดๆ !

     

    นึกสงสัยว่าทำไมถึงเอาแต่เรียกเขาอยู่ได้ทั้งที่ไม่ได้ทำตัวมีปัญหาเลยแม้แต่น้อย แล้วปี 1 ก็มีตั้งหลายคนเรียกชื่อเขาบ่อยอย่างกับจำชื่อเขาได้คนเดียว แต่พอนึกขึ้นได้ว่ามีป้ายชื่อคล้องคออยู่เซฮุนก็ได้แต่แค่นหัวเราะให้กับความสงสัยของตัวเอง

     

    สูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะเงยหน้ามองรุ่นพี่จงอินอีกครั้ง คราวนี้คิ้วหนาข้างหนึ่งเลิกขึ้นเล็กน้อยทั้งที่หัวคิ้วก็ย่นเข้าหากันนิดหน่อย ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มพร้อมกับมือหนาที่ยกขึ้นเสยผมตัวเองอย่างนึกรำคาญ จบท้ายด้วยการยักคิ้วข้างเดียวใส่เขาน่ะ... มัน...

     

    ให้ตายเถอะ! เซฮุนไม่ได้คิดไปเองแน่ๆว่ารุ่นพี่คนนั้นจงใจทำท่าทางแบบนั้นใส่เขา ไม่รู้จะอธิบายยังไงนอกจากว่ามันกวนประสาทสิ้นดี...

     

    แต่พอคนทำคือคิมจงอิน เขากลับมองว่ามันเท่เสียอย่างนั้น ถึงจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ ยามที่ชายหนุ่มอธิบายหรือยืนพูดอยู่ข้างหน้านั้นดวงตาคมมักฉายแววจริงจังอยู่เสมอ แต่ตอนที่มองมายังเขานัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นกลับฉายแววขี้เล่นและเจ้าเล่ห์

     

    เจ้าเล่ห์?!... ไม่หรอกน่า จงอินคงไม่ใช่พี่รหัสของเขาหรอก... ใช่ไหม?

     

     

     

     

     

     

    x

     

     

     

     

     

     

    เซฮุนฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับการรับน้องในมหาวิทยาลัย เขาได้รู้จักกับเพื่อนๆที่มาจากต่างที่ต่างถิ่นมากขึ้น บางคนมาจากต่างจังหวัด ที่มาไกลสุดก็คงหวงจื่อเทาเพื่อนใหม่อีกคนที่มาจากประเทศจีน สำเนียงเกาหลีเปล่งปร่าของเขามักจะเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆได้เสมอ

     

    การเริ่มต้นใหม่ในรั้วมหาลัยเป็นแรงผลักดันอย่างหนึ่งที่บังคับให้เราโตขึ้นไปอีกขั้น และต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นเช่นกัน และเซฮุนคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นถ้าเทียบกลับตอนเดินเข้ามาวันแรกแล้วโดนรุ่นพี่ชานยอลตะโกนใส่ ถึงจะบอกว่าเป็นหน้าที่ก็เถอะ...

     

    “จื่อเทา พี่รหัสฝากขนมมาให้” เซฮุนเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะถึงแม้ชื่อที่ถูกเอ่ยถึงจะไม่ใช่เขา แต่ก็อดสนใจไม่ได้ ตอนนี้พวกเขานั่งกันอยู่สามแต่รุ่นพี่จงอินกลับเอาขนมถุงใหญ่เข้ามาให้จื่อเทาคนเดียว เขาล่ะน้อยใจพี่รหัสของตัวเองจริงๆ... ทั้งที่เพื่อนคนอื่นๆเดินหอบขนมมากมายที่ได้จากพี่รหัสแต่เขายังไม่ได้อะไรเลย

     

    เซฮุนไม่เคยได้อะไรจากพี่รหัสเลย!

     

    “คยองซูไปซื้อน้ำให้ชานยอลหน่อย ส่วนที่เหลือมันบอกให้นายซื้อขนมที่อยากกินได้”

     

    เจ้าของชื่อเบ้ปากก่อนจะกลับมาตีหน้านิ่งเหมือนเดิม เขาไม่ได้อยากได้เงินที่เหลือแล้วก็ไม่ได้อยากกินขนมอะไรทั้งนั้น แต่ชานยอลก็เอาแต่ส่งคนโน้นคนนี้มายื่นเงินให้เขาแล้วก็ใช้ให้ไปซื้อน้ำอยู่เรื่อย แล้วรุ่นน้องแบบเขาสามารถทำอะไรได้บ้างล่ะนอกจากรับเงินมาแล้วไปซื้อน้ำตามคำสั่ง รุ่นพี่คนนี้นี่ยังไงกันนะ

     

    “คยองซูได้พี่ชานยอลเป็นพี่รหัสชัวร์” จื่อเทาหันมาป้องปากกระซิบกระซาบกับเซฮุน และเขาก็เห็นด้วย เพราะถ้าไม่ใช่พี่รหัสจะมายุ่มย่ามกับคยองซูทำไม อีกอย่าง... ถ้าสิ่งที่พวกเขาสองคนคิดมันเป็นจริง รุ่นพี่ชานยอลก็เป็นพี่รหัสที่ไม่ได้เรื่องเลย เอาแต่ใช้น้องรหัสตัวเองอยู่ได้

     

    “ถ้าจะนินทาเพื่อนฉันก็ให้มันเบาๆหน่อย”

     

    เซฮุนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นไม่ได้ไกลจากใบหูของเขาเท่าไหร่เลย หันไปทางต้นเสียงถึงได้รู้ว่าจงอินยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ที่ผิดแปลกไปคือท่าทางของชายหนุ่มผิวแทนมากกว่า ที่โน้มตัวลงมาเพื่อพูดประโยคเมื่อครู่อย่างใกล้ชิดจนเขาขนลุกซู่ไปหมด ... ทุกอย่างรอบตัวพร่ามัวมีเพียงใบหน้าหล่อเหลาของรุ่นพี่จงอินที่เด่นชัดในตอนนี้ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมอย่างเผลอไผล พอได้มองใกล้ๆแบบนี้ถึงได้เห็นว่านัยน์ตาของอีกคนเป็นสีน้ำตาลเข้ม..

     

    เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าดวงตาคมคู่นั้นกำลังจะสื่ออะไรออกมา บางครั้งมันฉายแววอ่อนโยนแต่บางครั้งก็ดุดัน ภาพวันแรกที่จงอินทำหน้าตากวนประสาทใส่พร้อมกลับสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาฉายชัดขึ้นมาในหัว เซฮุนไม่เคยเจอใครที่สื่อทุกอย่างออกมาผ่านทางสายตาได้ชัดเจนเท่านี้มาก่อน

     

     

    หรือจริงๆแล้ว... เซฮุนไม่เคยสบตากับใครอย่างลึกซึ้งแบบนี้เลยต่างหาก

     

     

    เปาะ!

     

    เสียงเหมือนฟองสบู่ถูกเข็มแหลมๆเจาะให้แตกดังขึ้นมาในหัว เซฮุนกระพริบตาปริบๆราวกับเพิ่งตั้งสติได้หลังจากมือหนาดีดนิ้วตรงหน้าเขาคนเกิดเสียง จากนั้นจงอินก็ยืดตัวกลับไปยืนอยู่ในท่าทางปกติพร้อมกับล้วงมือทั้งสองข้างลงกระเป๋าอย่างหน้าตาเฉย

     

    “ส่วนนายโอเซฮุน พี่รหัสนายบอกให้ไปกับฉัน”

     

    “ค..ครับ? ผมหรอ?”

     

    ไม่รู้ว่าเพราะเขาล้มลุกคลุกคลานกับดินหรือโดนปะแป้งตอนรับน้องมากเกินไปถึงได้รู้สึกมึนไปหมดแบบนี้ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวัน สมองของเด็กหนุ่มตัวผอมถึงได้ประมวลผลช้าไปหมด แต่ไอ้อาการวิ้งๆเหมือนจะหน้ามืดแบบนี้ไม่ได้เกิดจากการมองตากับจงอินนานๆแน่ ... ไม่ใช่แน่นอน!

     

     

    .

    .

    "เรากำลังจะไปไหนกันหรอครับ" สุดท้ายเซฮุนก็ตัดสินใจถามออกมา เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังจะพาเขาไปไหน นี่ก็เดินมาไกลจนจะถึงหน้าประตูมหา'ลัยอยู่แล้ว

     

    "พี่จงอิน"

     

    คนที่เดินนำเขาอยู่ประมาณห้าก้าวหยุดฝีเท้าลง เซฮุนก็เช่นกัน... ทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างอยู่ชั่วอึดใจคนถูกเรียกก็หันกลับมา สองมือล้วงกระเป๋าด้วยความเคยชิน พร้อมกับเอ่ยประโยคสั้นๆออกมาอย่างหน้าตาเฉย

     

    "กินข้าว"

     

    "ครับ?"

     

    เซฮุนหลุบสายตาลงเมื่อเห็นริมฝีปากหยักยกยิ้มแบบที่ใครๆเห็นก็ต้องรู้สึกวูบไหว ชั่วขณะหนึ่งที่เขาเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวและปล่อยให้ความคิดมากมายวิ่งเข้ามาในหัวเต็มไปหมด ทำไมเขาต้องเกร็งและทำตัวไม่ถูกทุกครั้งเวลาอยู่กับคนตรงหน้า ทั้งที่เขายังพูดคุยกับรุ่นพี่คนอื่นได้สบายๆ แต่พอเป็นคิมจงอินทุกอย่างก็ตีรวนไปหมด ทั้งรอยยิ้มยียวน หรือสีหน้าทะเล้นกวนประสาท ทว่าเขากลับมองว่ามันดูดีและมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

     

     

    บ้าไปแล้วโอเซฮุน

     

     

    "เลิกก้มหน้าแล้วก็เดินตามมาเร็วๆ ฉันหิวแล้ว" ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆมองข้อมือตัวเองที่ถูกมือหนากุมเอาไว้ ขาของเขาก็ก้าวตามแรงที่ฉุดให้เดินไปด้วยกันถ้าไม่อยากหน้าแหกไปกับพื้นเสียก่อน

     

    สุดท้ายก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารหน้ามหา'ลัยจนได้ คนตัวผอมยังคงนั่งเกร็งตั้งแต่สั่งอาหารจนพนักงานมาเสริฟ กลีบปากสีชมพูอิ่มอ้าปากค้างไว้ราวกับจะถามอะไร แต่สุดท้ายก็เม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง สงสัยเหลือเกินว่าทำไมจงอินต้องลากเขามากินข้าวด้วย

     

    ถามไปสิเซฮุน จะกลัวอะไร ... เก่งในความคิดได้ไม่นานก็ต้องสะดุ้งเพียงแค่รุ่นพี่เอ่ยถามออกมาราวกับอ่านใจเขาออก

     

    "กินสิ นั่งตัวลีบอยู่นั่น กลัวฉันหรือไง"

     

    "คือ... ที่บอกว่าพี่รหัสให้ผมมากับพี่" จงอินพยักหน้ารับ "คือให้มากินข้าวกับพี่หรอครับ?"

     

    ชายหนุ่มผิวแทนหลุดหัวเราะออกมาจนคนถามต้องขมวดคิ้ว โอเซฮุนคิดว่าเขาไม่ได้เล่าเรื่องตลกให้ฟังนะ มีอะไรน่าขำกัน

     

    "ใช่ ... ทำไม? กินข้าวกับฉันไม่ได้หรอ"

     

    "ไม่ใช่นะครับ แต่ว่า ... ผมกินข้าวกล่องที่รุ่นพี่เตรียมไว้ให้ก็ได้"

     

    รุ่นพี่จงอินหัวเราะอีกแล้ว อารมณ์ดีมากจากไหนกันถึงได้เอาแต่ยิ้มแบบนั้นแล้วก็หัวเราะอยู่ได้ วินาทีต่อมาเด็กหนุ่มตัวบางก็ต้องหลุบสายตาลงเมื่อถูกสายตาคมจ้องมองมา

     

    "ฉันยังจำสีหน้าก้ำกลืนของนายตอนที่เคี้ยวข้าวพวกนั้นได้อยู่เลย ทำเป็นมาพูด"

     

    ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มพร้อมกับมองรุ่นน้องตรงหนาด้วยแววตาเอ็นดูอย่างเปิดเผย จงอินรู้ว่าเซฮุนเกร็งเวลาอยู่กับเขา นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มผิวแทนอยากจะละลายพฤติกรรมเหล่านั้นทิ้งไปให้หมด ทว่าอาการเขินจนบางครั้งเห็นริ้วแดงบนดวงหน้าขาวที่เกิดขึ้นเพระเขาจงใจเล่นหูเล่นตาใส่ ตอนนั้นแหละที่ทำให้จงอินรู้สึกพอใจเหลือเกิน ... เลยกลายเป็นว่ายิ่งเซฮุนขวยเขิน ทำตัวไม่ถูกเขายิ่งอยากแกล้งเข้าไปใหญ่

     

    “สีหน้าผม? พี่สังเกตสีหน้าผมด้วยหรอครับ” แววตาที่หงอเหมือนลูกแมวเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นซุกซนและแฝงไปด้วยความอยากรู้อย่างเห็นได้ชัด

     

    “ก็ ... ฉันก็สังเกตรุ่นน้องทุกคนนั่นแหละ”

     

    จงอินหรี่ตามองกลีบปากบางที่เปิดขึ้นพร้อมกับพยักหน้าราวกับเข้าใจที่สิ่งเขาพูด แต่ไอ้รอยยิ้มซุกซนนั่นน่ะทำให้รู้ว่า โอเซฮุนกำลังกวนประสาทเขามากกว่า

     

    “กินเข้าไปเลย” ตักข้าวคำโตยัดใส่ปากเด็กนั่นด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้สายตาค้อนๆเป็นการตอบแทน วินาทีต่อมาก็เปลี่ยนเป็นระบายยิ้มอ่อนโยนอย่างไม่สามารถห้ามได้

     

    ในเมื่อเซฮุนยิ้มกว้างจนตาปิดเหมือนต้องการจะบอกว่าที่มองค้อนไปเมื่อครู่แค่แหย่เล่น เพียงเท่านั้นเขาก็ไม่รู้แล้วว่าต้องทำวิธีไหนมุมปากเขาถึงจะเป็นปกติ และเลิกยกยิ้มให้กับความน่ารักของเด็กตรงหน้าซักที...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk : มาช่วยน้องฮุนตามหาพี่รหัสกันค่ะ

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ <3

    sf เรื่องแรกของเราไม่คิดว่าจะมีคนเล่นแท็กด้วย ถึงจะไม่กี่คนแต่ก็ดีใจนะ TT

    ฝากด้วยค่า

     

    .

    .

    #พี่รหัสไคฮุน

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×