ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic VIXX] JukeBoxx

    ลำดับตอนที่ #2 : [SF - Hyuk] Taint 2 - มีเพียงเเจฮวานเท่านั้นที่เข้ามาคุยกับเขาอย่างเเสนดี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 246
      0
      17 เม.ย. 58

    Warning! : abuse , violent , incest

    Rate : M (Mature)

    Please don’t ban it if you don’t like the issue above just leave this fiction alone.

    Please don’t ban. I work really hard for this one.

    หมายเหตุ : เรื่องที่ไรท์เขียนขึ้นนี้เป็นเรื่องที่สังคมไม่ควรให้การยอมรับ เป็นปัญหาที่ควรจะหมดไปจากสังคม ไม่ควรมีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมในครอบครัว และการขืนใจเด็ก

     

     

     

     

     

     

     

    Taint 2

    มีเพียงแจฮวานเท่านั้นที่เข้ามาคุยกับเขาอย่างแสนดี

     

     

    “อ๊ะ...อ๊ะ!...พะ...พ่อ...อ๊า!! เขาครางดังเมื่อถึงจุดสุดยอด บางทีซางฮยอกก็สงสัยว่าเสียงที่ลอดผ่านปากนี้ไปเป็นเสียงของใครทำไมมันฟังดูมีความสุข เขาไม่ควรจะสุขหรือยอมรับไปตามการย่ำยีนี้สิ แต่ให้ตายเขาไม่อาจห้ามปฏิกิริยาตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์นี้ได้ และถ้าเขาไม่ส่งเสียงออกมา ก็จะต้องถูก ลงโทษอย่างหนักอยู่ดี

     

     “ลูกมันดีๆตัวนึง” ฮันซอนอินพูดและมองมาทางเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยราคะ  ถึงแม้จะใช้น้ำเสียงอ่อนโยนแต่คำพูดที่แหบหายไปในลำคอพวกนั้นบาดลึกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า กรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะในจิตใจ “ลูกชอบให้กระแทกตรงนี้ใช่มั๊ยล่ะ ใช่มั๊ย” ร่างสูงใหญ่กระแทกเข้าไปตรงจุดกระสันต์ของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ต้องแอ่นรับสัมผัสน่าปรารถนาและน่าขยะแขยงไปในเวลาเดียวกัน หัวไม่สามารถหยุดโยกไปตามจังหวะกระแทกกระทั้นได้

     

    “เด็กสกปรกของพ่อ” เมื่อซอนอินเสร็จธุระกับตัวเขาก็ถอนตัวเองออกจากตรงกลางหว่างขาทั้งสองของฮยอก ยกมือลูบใบหน้าเล็กแผ่วเบา คว้าเสื้อผ้าตัวเองมาแต่งให้เรียบร้อยและพร้อมไปทำงาน นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลา 9 โมงเช้า เขาไม่เคยสนใจว่าเด็กคนนี้ต้องเข้าโรงเรียนตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว ถ้าเขาอยากทำเมื่อไหร่เด็กคนนั้นก็มีหน้าที่แค่ตอบสนองอย่างเต็มที่เท่านั้น

     

    เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดดังปังเป็นสัญญาณว่าพ่อออกไปแน่ๆ น้ำตาของฮยอกก็ไหลออกมาเป็นทาง ไม่คร่ำครวญหรือสะอื้นใดๆ เพียงแค่ปล่อยให้น้ำตาพวกนี้ไหลออกไปอย่างเงียบๆ คราบบนที่นอนที่เลอะเทอะทั้งน้ำใคร่และเลือด ความสกปรกที่ไม่มีวันซักออกพวกนี้ก็เหมือนตัวเขา มลทินพวกนี้...สลักแน่นจนเขาเองก็รังเกียจร่างกายนี้เช่นกัน

     

     

     

     

     

     

    ซางฮยอกมาถึงโรงเรียนตอน 11 โมง หลังจากหลับต่อและพยายามลุกมาทำการบ้านแต่ก็ทำไม่เสร็จอยู่ดี แถมเมื่อคืนไม่มีเวลาจะทำเพราะโดนกักตัวเอาไว้จนเช้าอีก เขาเดินอย่างเอื่อยเฉื่อยเข้าห้องเรียน ก้มหน้าลงมองเท้าที่ก้าวเดินไปเรื่อยๆของตัวเองอย่างไม่สนใจใคร เขาไม่สบตาใคร แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าสบตาเขาอยู่ดี มีคนบอกว่าซางฮยอกดูเป็นคนน่ากลัว ตาโตกลมที่ไร้แววกับมุมปากที่ไม่ค่อยยกขึ้นยิ้มพวกนั้นทำให้คนถอยห่างอัตโนมัติ แต่เขาจะเอาแรงที่ไหนมาแย้มยิ้มให้คนพวกนั้นกันเล่า ทุกวันนี้ก็หลับในห้องเรียนวันละหลายๆคาบอยู่แล้ว แต่ที่แย่กว่าพวกที่บอกว่าเขาดูน่ากลัวคือพวกที่บอกว่าเขามีรัศมีแห่งความเย้ายวนแผ่ออกรอบตัว บอกว่าเขาดูเซ็กซี่แต่ก็ลึกลับ น่าค้นหาแต่ก็ระแวงที่จะเข้ามารู้จักเช่นกัน เขาอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้คนพวกนั้นบอกว่าเขานั้นเย้ายวน เพราะได้เห็นปากที่บวมเจ่อมาโรงเรียนในบางวัน เพราะคิสมาร์กที่ปิดไม่มิดในบางที่ หรือว่าเพราะการเดินอ้าขากว้างเพื่อเลี่ยงความเจ็บช่วงล่างกัน

     

    “สวัสดี ฮยอกคาวาอี้~~~ แต่ก็มียกเว้นอยู่คนหนึ่งที่ยังคงพยายามจะคุยกับเขาอยู่ อีแจฮวาน หัวหน้าห้องผิวเข้มหน้าค่อนไปทางลูกครึ่ง ผู้ซึ่งเชื่อว่าการทำหน้านี้ให้ดีจะต้องพูดคุยกับเพื่อนทุกคนในห้อง เป็นคนที่มีรอยยิ้มแจกจ่ายไปทั่วจนบางครั้งฮยอกก็สงสัยว่าจะปวดหน้าจากการยิ้มมากไปหรือปล่าว

     

    “อืม สวัสดีฮยอง” ซางฮยอกตอบกลับ อาจจะดูเป็นการตอบรับที่เย็นชาแต่เขายังรู้สึกล้าจากเหตุการณ์เมื่อเช้าอยู่ แจฮวานอายุแก่กว่าซางฮยอกหลายปี แต่เพราะกลับมาจากเมืองนอกและตั้งใจว่าจะเริ่มเรียนมัธยมปลายใหม่แต่ต้นทำให้พวกเขาได้อยู่ในชั้นเรียนเดียวกัน แจฮวานเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเพื่อที่จะคุยกันได้ถนัดก็เลยสังเกตเห็นรอยช้ำบางๆที่ริมปาก ด้วยความเป็นห่วงเลยยื่นมือเข้าไปใกล้หวังจะแตะแผลนั้นแต่กลับถูกอีกคนปัดมือออกทันที  

     

    “โอเค ไม่จับๆ” ยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ เขาจำได้ฮยอกเคยบอกว่าไม่ค่อยชอบให้จับตัวเท่าไหร่ “แต่นายอยากได้ยาแต้มหน่อยไหม” สายตาที่มองมาทำฮยอกรู้สึกขอบคุณ...อยู่ชั่วแวบหนึ่งก่อนที่จะเริ่มรู้สึกตัว

     

    คนๆนี้เป็นห่วงเราจริงๆหรอ หรือว่ากำลังต้องการตัวเรา? ปกติสายตาของเด็กหนุ่มมักจะนิ่งจนดูหยิ่ง แต่วันนี้แจฮวานกลับเห็นความกลัวที่แวบขึ้นมา แม้จะไม่ชัดเจน แต่ก็เผลอยื่นมือออกไปแตะบ่าอีกฝ่ายเพื่อหวังจะปลอบประโลม

     

    พอเห็นมือที่ยื่นออกมาก็เห็นภาพพ่อยื่นมือมาจับซ้อนทับกัน รับรู้ถึงอุณหภูมิมนุษย์ฮยอกก็หลับตาลงแน่นและพึมพำอ้อนวอน “อย่าทำอะไรผมเลย ได้โปรด”

     

    ห้องกำลังเงียบ เสียงเพียงเสียงเดียวที่ดังขึ้นมาจึงได้ยินกันทั่ว พวกผู้ชายที่ได้ยินก็พากันหัวเราะขบขันเสียงดัง ส่วนพวกผู้หญิงก็หันมามองทางแจฮวานและฮยอกด้วยสายตารังเกียจ ถึงแม้ทุกคนจะไม่กล้ามองตาฮยอกก็ตาม

     

    คนผิวเข้มโต้กลับเสียงดังว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเขานะฉันแค่พยายามจะจับตัว ทุกคนถึงได้เลิกสนใจแล้วกลับไปวุ่นวายกับธุระของตัวเองต่อ แจฮวานหันกลับมามองที่นั่งที่เมื่อครู่ก็พบมันว่างเปล่าเสียแล้ว

     

     

     

     

     

    ............................................................................................

    เอาจริงๆแจฮวานรู้สึกผิดมากๆนะที่ทำอีกคนขายหน้ากลางห้องเรียนแบบนั้น ทั้งๆที่จำได้ว่าฮยอกไม่ชอบการถูกแตะตัวแต่ก็เผลอจนได้ ตัวเขาเองเป็นคนชื่นชอบความอบอุ่นจากร่างกายคนอื่นเพราะมันให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย

     

    สุดท้ายวันนี้ทั้งวันก็ยังไม่ได้ขอโทษ พอจะเดินเข้าไปหาอีกคนก็หลบหายไปในฝูงชนอยู่เรื่อย ตอนเย็นเขาเลยไปหาครูที่ปรึกษาขอที่อยู่อีกฝ่ายมา อ้างว่าจะเอาหนังสือเรียนที่จะต้องอ่านสอบวันพรุ่งนี้ไปให้ คุณครูยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนให้ที่อยู่บ้านนั้น

     

     

     

     

    ตอนนี้แจฮวานกำลังยืนอยู่หน้าประตูอพาร์ตเม้นท์ห้อง 402 วางแผนไว้ว่าจะมาขอโทษและพาไปเลี้ยงขนมร้านใกล้ๆเป็นการไถ่โทษ แผนเจ๋งเลยใช่มั๊ยล่ะ เคาะประตูไปสองสามครั้งแล้วก็มองสำรวจอพาร์ตเม้นท์อย่างทั่วๆ ที่นี้ดูเก่าและซอมซ่อคงจะให้เช่าราคาถูกอยู่ล่ะ หลังจากเคาะไปแปปเดียวก็ได้ยินเสียงตึงตังเหมือนมีคนวิ่งมาก่อนประตูตรงหน้าจะถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง

     

    “แจฮวานฮยอง” ฮยอกมองมาทางเขามาด้วยแววตาสงสัย เห็นชัดเลยว่าอีกคนรีบมาเปิดเพราะแรงหายใจหนักๆนั่น “ฮยองมีอะไร” น้ำเสียงที่ใช้ถามแสดงความหงุดหงิดเปิดเผย แจฮวานตีความว่าอีกคนไม่พอใจเรื่องในวันนี้ แต่เขาตีความผิด

     

    “วันนี้ฮยองมาชวนไปกินขนมกัน ฮยองเลี้ยงเองนะ ไถ่โทษที่วันนี้ฉันทำไม่ดีไป” พูดพร้อมกับแสดงสีหน้าสำนึกผิด ฮยอกมองใบหน้านั้นครู่เดียวก่อนจะรีบกวาดสายตาไปทั่วๆบริเวณนอกห้อง

     

    “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้โกรธฮยองอยู่แล้ว” มันเกือบจะเป็นการโกหก เขาไม่ชอบที่ถูกจับตัวแบบนั้นเพราะความร้อนของร่างกายคนเป็นสิ่งที่เขารังเกียจที่สุด แต่ตอนนี้ต้องหาทางไล่อีกคนให้ออกไปพ้นบริเวณนี้โดยเร็ว ก่อนที่พ่อของเขาจะกลับมา นี่มันใกล้เวลามากแล้ว เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าถ้าพ่อเห็นว่าเขาคุยกับเพื่อนจะต้องถูกลงโทษอะไรในกิจกรรมตอนกลางคืน

     

    แจฮวานรู้สึกผิดแผน ยังรู้สึกไม่อยากยอมแพ้ เขาอุตส่าห์มาถึงที่ยังไงก็จะลากอีกคนออกไปให้ได้ เพราะอย่างนั้นก็เลยเริ่มใช้แผนสอง “งั้นขอใช้ห้องน้ำหน่อยได้ไหม” แสร้งบิดตัวไปมาแสดงความเร่งด่วน

     

    ฮยอกที่กำลงจะออกปากไล่เลยไม่กล้า คนตรงหน้าดูต้องการใช้ห้องน้ำ แม้จะกังวลว่าพ่ออาจจะกลับมาในช่วงเวลาใกล้ๆนี้แต่ถ้าให้ใช้สักครู่คงไม่เป็นไรเลยตัดสินใจออกปากอนุญาติให้อีกคนเข้ามา “ก็ได้ครับ แต่ใช้เร็วๆนะครับ เดี๋ยวพ่อผมจะกลับมาแล้ว” แจฮวานมองกลับมาด้วยแววตาตั้งคำถามว่าทำไมเขาต้องรีบ ก็แค่พ่อกลับมาบ้านไม่ใช่หรอ แต่ฮยอกก็เพียงแค่พูดสำทับด้วยน้ำเสียงกังวล “รีบๆใช้เถอะครับ”

     

    พอประตูห้องน้ำถูกปิดลง เสียงรองเท้าคู่ที่เขาคุ้นหูเป็นที่สุดก็ดังมาเรื่อยตามขั้นบันได ฮยอกเคาะประตูห้องน้ำที่อีกคนพึ่งเข้าไปได้แค่ครู่เดียว กระแทกสันมืออย่างแรงและรัว ตะโกนเสียงดังลั่นเข้าไปในห้องน้ำ “ออกมา! ฮยองออกมาจากห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลย! ในห้องน้ำไม่มีหน้าต่าง และในห้องนี้ก็ไม่มีหน้าต่างใดๆที่ถูกใช้งานมานานมากแล้ว ดังนั้นทางหนีทีไล่เดียวที่จะออกจากอพาร์ตเม้นท์ห้องนี้ไปได้คือประตูหน้าเท่านั้น

     

    แจฮวานที่ไม่เข้าใจเรื่องตะโกนกลับมา “ฉันยังไม่เสร็จสักหน่อย” แต่ฮยอกก็ไม่ลดแรงที่กระแทกสันมือลงประตู “ออกมา ออกมาเดี๋ยวนี้!“ เสียงเขาร้อนรนอย่างที่สุด ตอนนี้ไม่ได้กังวลแค่ตัวเองแล้ว เขาเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของแจฮวานด้วย ถ้าพ่อเข้ามาเจอ ใครจะไปรู้ว่าคนๆนั้นคิดจะทำอะไร อาจทำร้ายเพื่อนเขาด้วยก็ได้

     

    ในที่สุดแจฮวานก็ออกมาจากห้องน้ำ แต่เขาออกมาช้าไป เพราะซอนอินไขกุญแจเปิดประตูเข้ามาพอดี...

     

    “สวัสดีลูกรัก” พ่อถอดรองเท้าออกแล้ววางไว้ข้างประตูอย่างเรียบร้อย วางกระเป๋าเอกสารในมือลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ พอสายตาเหลือบเห็นว่ามีแขกอีกคนในบ้าน ก็ฉีกยิ้มกว้างแสดงความพึงพอใจทันที “วันนี้ลูกพาเพื่อนมาบ้านด้วย” ฮยอกรีบจับข้อมือแจฮวานแล้วกระชากมาหลบหลังตัวเองทันที บีบข้อมือนั้นแน่นจนข้อนิ้วฮยอกขาวซีด ส่วนตัวพ่อก็ปิดประตูบานข้างหลังตัวเองลง พร้อมกดปุ่มเสียงดังคลิกว่าล็อคเรียบร้อย

     

    แจฮวานตกใจฮยอกไม่น้อยกับการกระทำรุนแรงตั้งแต่ตอนเคาะประตูห้องน้ำและตะโกนเรียกเสียงดังแล้ว แต่ก็สังเกตเห็นได้ว่าอีกคนตัวสั่น ยิ่งคุณพ่อฮยอกเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ ร่างกายของเด็กตรงหน้าก็จะสั่นเทาหนักขึ้นเท่านั้น ฮยอกบังคับให้แจฮวานก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ ทั้งสองได้ยินพ่อพูดแสดงความยินดีที่ได้เห็นหน้าเพื่อนของลูกชาย เอ่ยวาจาต้อนรับอย่างเป็นมิตร ก่อนจะตามมาด้วยการถามชื่อเสียงเรียงนาม

     

    แจฮวานคิดว่ามันเป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่จะทักทายพ่อของเพื่อนกลับ แต่แรงบีบข้อมือที่แน่นขึ้นเบี่ยงความสนใจเขาไป ฮยอกรีบตอบกลับเสียงเบาก่อนที่แจฮวานจะได้ทันเปิดปากพูดอะไร “ไม่เป็นไรครับพ่อ เดี๋ยวผมพาเพื่อนไปส่งแล้วครับ” ร่างเล็กไม่ยอมสบตาผู้ใหญ่เพียงคนเดียวภายในห้องนี้ คิดหาทางหนีอย่างเต็มที่ แต่ปัญหาคือพ่อยืนอยู่หน้าประตูพอดี

     

    ซางฮยอกสูดหายใจลึกเข้าปอด เขากำลังจะทำเรื่องบ้าๆ เขากำลังจะทำในสิ่งที่เพิ่มปัญหาให้กับตัวเองชัดๆ แต่แจฮวานเป็นคนๆเดียวที่ดีกับเขา ไม่ได้ ยังไงเพื่อนเพียงคนเดียวก็ต้องได้ออกไปจากที่นี่

     

    ฮยอกออกวิ่งทั้งๆที่ยังจับมือแจฮวานแน่น ส่งผลให้อีกคนต้องวิ่งตามด้วย พุ่งเข้าหาพ่อตัวเองก่อนจะซัดหมัดเอาเต็มๆที่หน้า คุณพ่อเจ็บและเห็นว่าเลือดไหลออกจากจมูก ฮยอกหมุนลูกบิดอย่างแรงแล้วกระชากประตูบ้านเปิด ก้าวขาออกนอกประตูมาได้สามก้าวก่อนจะรู้สึกถึงแรงกระชากกลับ

     

    เขาหันไปเห็นว่าพ่อจับปลายแขนเสื้อข้างนึงของคนในมือเขาไว้ ภาพหลังจากนี้เหมือนภาพสโลโมชั่น ทุกอย่างเชื่องช้าไปหมด ทั้งตอนที่พ่อดึงอีกคนอย่างแรงจนหลุดไปจากการเกาะกุมของเขา ทั้งตอนที่แจฮวานล้มลงไปกองที่พื้น แล้วค่อยๆถูกพ่อดึงขึ้นจากพื้นเพื่อมากอดไว้แน่น เขาเห็นแววตาตกใจของแฮวาน เห็นแววตาตั้งคำถาม และเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของพ่อค่อยๆขยายกว้างจนชัดเจน ทำไมทั้งๆที่ทุกอย่างช้าขนาดนั้น เขาถึงทำอะไรไม่ได้เลยนะ แขนที่ยื่นออกไปคว้าได้เพียงความว่างเปล่า

     

    ใบหน้าฮยอกซีดลงเรื่อยๆและเรื่อยๆ กล่าวเบาด้วยเสียงขลาดกลัว “ปล่อยเขาไปเถอะครับ ได้โปรด” แม้จะรู้ดีใจแก่ว่าการอ้อนวอนไม่เคยเกิดประโยชน์อะไร เพราะถ้ามันช่วยอะไรได้ชีวิตของเขาคงไม่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ แต่ ณ ขณะนี้มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้  

     

    ซอนอินที่ได้ยินคำพูดขอร้องยังคงมีรอยยิ้มประดับหน้าเหมือนดังตอนที่ก้าวเท้าเข้าบ้านมาและพบเพื่อนลูกชาย รอยยิ้มนี้ยิ่งทำให้ฮยอกหายใจติดขัดเข้าไปอีก

     

    “บางที...เราน่าจะใช้เขาในเรื่องที่เราจะทำด้วยกันนะ” จากยิ้มสวยผันเป็นยิ้มแสยะ ได้ยินเสียงค้านในลำคอของลูกชาย แจฮวานที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตรงหน้าก็รู้กลัวยิ่งขึ้น แต่เขาไม่รู้หรอก...ไม่ว่าเขาจะกลัวเท่าไหร่ ความกลัวของเขายังคงไม่เพียงพอ

     

    “พ่อไม่ปล่อยเขาหรอก ไหนๆเขาก็มาอยู่ในบ้านของเราแล้วนี่” กระชับสิ่งมีชีวิตเล็กๆในอ้อมกอดแน่นเข้าไปอีก นี่เป็นวันแรกที่แจฮวานเห็นเพื่อนร่วมห้องมีอารมณ์เยี่ยงมนุษย์ มีความโกรธ กลัว รังเกียจเหมือนกับคนอื่นๆ เขาได้เห็นอารมณ์มากมายนี้ในวันเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีหรือเปล่า

     

    ฮยอกลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้น น้ำตาเริ่มมากองกันที่ขอบตา “แค่ผม คืนนี้แค่ผมเถอะครับ” เงยหน้าสบตาพ่อด้วยแววตาที่เว้าวอนอย่างที่สุด “อะไรก็ได้ จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ปล่อยเขาไปเถอะครับ ผมสัญญาว่าผมจะทำทุกอย่างที่พ่อต้องการ ผมสัญญา ขอร้องเถอะครับ”

     

    ซอนอินแสยะยิ้มเหี้ยม ส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ล่ะ” ก่อนที่ใครจะทันรู้ตัว ซอนอินก็คว้าโคมไฟใกล้มือฟาดท้ายทอยแจฮวานเต็มแรง แจฮวานรู้สึกว่าเขาเริ่มมองเห็นทุกอย่างด้วยสายตาพล่าเบลอ ก่อนที่สติทั้งหมดจะดับวูบ เขาได้ยินเสียงแว่วๆว่า

     

    “เราต้องการผู้ชมสำหรับโชว์คืนนี้”












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×