ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic VIXX] JukeBoxx

    ลำดับตอนที่ #8 : [OS - Hongbin x Hyuk] Postman Han Sanghyuk

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 138
      1
      17 พ.ค. 58


     


     

     

     

    Postman Han Sanghyuk

    Pairing : Hongbin x Hyuk / Hyuk x Hongbin

    Tag : Slice of life

    Note : จริงๆไม่ได้ตกลงคู่ไว้นะ เเล้วเเต่คนอ่านเลือก เเต่เขียนชื่อทั้งสองคู่ลงในชื่อเรื่องก็กลัวว่าจะยาวไป 555

    เเละเรื่องนี้เป็น one shot ที่ยาวที่สุดที่เราเคยเขียนมา~

     

     

     

     

     

     

     

     

    ถ้าพูดถึง

    เสียงกริ่งปริศนา...

    พัสดุที่ถูกส่งมาวันเดิมและเวลาเดิม...

    พร้อมคนส่งที่ใส่หมวกปิดบังใบหน้า....

    คุณจะคิดว่านี่เป็นนิยายสยองขวัญหรือปล่าว ?

    เสียใจด้วย ที่ว่ามานั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นกับอีฮงบินทุกวันอาทิตย์ตอนสิบโมงเช้า มันเป็นเรื่องธรรมดาสุดๆที่เกิดขึ้นติดกันมานานกว่าสามเดือนแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    อีฮงบินเป็นวิศวกรหนุ่มที่หน้าตาดี (ตามคำนิยามของเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่ว่าเขาชมตัวเอง) ขยัน มุ่งมั่น และทะเยอทะยานจนได้รับความไว้วางใจให้ทำงานที่บ้านและเข้ามาส่งงานที่บริษัทเพียงอาทิตย์ละครั้ง ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดี เขาสามารถลดการปะทะกับกลุ่มลูกค้างี่เง่า หรือสาวๆที่มาแจกขนมจีบทุกวัน

     

    เพราะทำงานที่บ้านทำให้เขาออกแบบตารางชีวิตตัวเองได้ตามต้องการ แต่ถึงอย่างนั้นชีวิตเขาในแต่ละวันก็ค่อนข้างคล้ายๆกัน ตื่น 7โมง ออกไปจ๊อกกิ้งถึง 8 โมงแล้วกลับห้องมาลงมือทำอาหารกิน หย่อนก้นลงโซฟานุ่มเพื่อดูข่าวเช้าจนจบ แล้วค่อยขยับตัวไปลงมือทำงานที่ถูกส่งมาทางอีเมลล์ จิ้มๆคอมไปจนกว่างานจะเสร็จ ระหว่างนั้นก็มีกินมื้อเที่ยง กินขนมจุบจิบ แล้วก็งดมื้อเย็นเพราะกินขนมมากไปจนติดเป็นนิสัย แต่ถ้าช่วงไหนไม่มีงานเลยเขาก็จะรับจ๊อปเล็กๆ เช่นรับแปลเอกสารต่างประเทศ เขียนบทความลงคอลัมน์วิชาการฟิสิกส์บ้างเป็นบางครั้ง หรือออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะและร่วมกิจกรรมอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในตัวเมืองเล็กๆแห่งนี้

     

    ชีวิตเขาเรียบง่ายและเป็นเช่นนี้มานานปีกว่าแล้ว แต่ช่วงนี้ สิ่งหนึ่ง กำลังเพิ่มเข้ามาในตารางชีวิตของเขา

     

    สิ่งหนึ่งที่มักมาหลังเสียงกริ่งตอนสิบโมงเช้าวันอาทิตย์...

     

    “กริ๊ง” เสียงกริ่งหน้าประตูห้องดังขึ้น ฮงบินค่อยๆเงยหน้าขึ้นจากจอคอม นวดคอไล่ความเมื่อยขบก่อนจะบิดตัวไปลุกเปิดประตูอย่างเชื่องช้า ถึงจะไม่อยากรับพัสดุแปลกๆที่ข้างในเป็นนมขวดรสสตอร์เบอร์รี่ที่เย็นจัดเหมือนพึ่งออกจากตู้เย็นกับขนมแล้วแต่อีกหนึ่งอย่าง แต่ก็เคยลองไม่ออกไปรับแล้วเป็นไงล่ะ

     

    บุรุษไปรษณีย์หนุ่มก็แหกปากหน้าห้องเขาอยู่นานจนห้องข้างๆต้องออกมาช่วยตะโกนเพราะรำคาญเต็มที

     

    เรื่องนี้จะทำเขาอายไปอีกนาน

     

    “สวัสดีครับ” กล่าวทักทายบุรุษไปรษณีย์หนุ่มออกไปก่อนเพราะรู้ดีว่ายังไงอีกคนก็ไม่เงยหน้าขึ้นมาหรือพูดอะไรทั้งนั้น แถมชอบดึงปีกหมวกลงมาปิดหน้าอยู่เรื่อย ไม่อยากมองหน้าเขาขนาดนั้นเลยหรอไง!

     

    แต่วันนี้ฮงบินตัดสินใจแน่วแน่(จากในห้อง)มาแล้วว่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง เขาจะไม่รับของที่ไม่จ่าผู้ส่งอีก มันดูน่าสงสัยเกินไป (ถึงของข้างในจะอร่อยมากๆก็เถอะ)

     

    “ถ้าคุณส่งพัสดุนั่นอีก ผมเกรงว่าผมคงรับไว้ไม่ได้นะครับคุณบุรุษไปรษณีย์”

     

    เด็กหนุ่มกระซิบกลับมาเสียงเบา เบาจนฮงบินคิดว่าเขาหูฝาด “ซังฮยอก”

     

    “อะไรนะครับ”

     

    “ฮันซังฮยอก” เสียงเบาๆตอบกลับมาอีกครั้งทำให้ฮงบินเข้าใจว่า อ่อ พ่อหนุ่มนี่ชื่อซังฮยอกสินะ อะไรกันส่งของกันมาสามเดือนพึ่งได้รู้ชื่อก็วันนี้!

     

    “โอเคครับ คุณฮันซังฮยอก” ฮงบินยิ้มกว้างอย่างที่มั่นใจว่าถ้าอีกคนเงยหน้าขึ้นมามองจะต้องยอมฟังเขาบ้าง แต่ก็อย่างเคยอีกคนไม่เงยขึ้นมาหรอก “คือผมจะไม่รับพัสดุที่ถูกส่งมาอย่างประหลาดนี่นะครับ”

     

                “แต่ว่า....ข้างหน้าจ่าชัดเลย...ว่าเป็นชื่อ...คุณฮงบิน...ครับ” ค่อยๆพูดด้วยท่าทางมึนๆ น่ารักอ่ะ! แต่ไม่ได้นะฮงบิน อย่าตกหลุมพรางเด็ก ว่าแล้วคนแก่กว่าก็พูดขึ้นอีกครั้ง

     

                “ไม่ว่ายังไงผมก็คง...”

     

                “ช่วยรับไปด้วยเถอะครับ!” เด็กหนุ่มพูดขัดขึ้นมาเสียงดังแล้วยัดพัสดุต้องสงสัยใส่มือฮงบินทันที ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดหนีไปอย่างว่องไว

     

                ฮงบินที่สุดท้ายก็ได้ของมาอยู่ดีได้แต่มองตามหลังไปอย่างงๆ เหมือนโดนหลอกให้รับยังไงชอบกล คิดแล้วก็ขำ นี่กลัวเขาไม่รับขนาดนั้นเลยหรอ คึคึ

     

    ยังไงก็ตาม เขาต้องรีบกลับเข้าห้องไปปั่นงานต่อแล้วสิ เฮ้อ~

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

                “โอยยยย ขอบคุณฮะพระเจ้า ขอบคุณ จ๊วบ” ฮงบินที่ตื่นเต้นดีใจสุดขีดกำลังกระโดดโลดเต้นไปตลอดทางกลับบ้าน ปากก็พูดไม่หยุดบางทีก็กลับมาจูบซองจดหมายในมืออีกครั้ง ใครจะคิดว่าผลงานตัวใหม่ที่เขาเป็นหัวหน้าจะถูกใจลูกค้าสุดๆจนถึงขั้นเสนอทริปท่องเที่ยวเมืองชางวอนเป็นการขอบคุณ เขาอยากไปชางวอนมามากนานแล้ว ก็ที่นั่นเป็นเมืองเกิดของนักเต้นคนนึงที่เขาชื่นชอบมากๆชื่อชาฮัคยอน ฮัคยอนฮยองน่ะสุดยอดไปเลยล่ะ เมื่อคืนเขายังฟังรายการวิทยุที่พี่เขาเป็นคนจัดอยู่เลย อบอุ๊น อบอุ่น เป็นคนมากความสามารถจริงๆ / ยกนิ้วโป้งให้

     

                แทนที่จะขึ้นรถใต้ดินอย่างที่ทำทุกครั้งฮงบินกลับเลือกที่โดดขึ้นรสบัสแทน และเมื่อมาถึงที่หมายฮงบินก็ยังคงกระโดดดึ๋งๆไปเรื่อยๆจนลมแอร์เย็นฉ่ำปะทะหน้า

     

                ...ไปรษณีย์

     

                ใช่แล้วเขาต้องมาบอกเด็กซางฮยอกนั่นว่าอาทิตย์นี้เขาจะไม่อยู่บ้าน ไม่ต้องเอาของมาส่งนะ

     

     

                ทันทีที่ซางฮยอกเห็นว่าคนที่เข้ามาใหม่เป็นใครเด็กหนุ่มก็มุดเคาน์เตอร์แทบไม่ทัน โอยยย มาหาถึงที่เลยเฮ้ย สิ่งสำคัญตอนนี้คือเขาต้องหนี หนีก่อนที่จะระเบิดตัวตาย

     

                แต่แล้วอยู่ดีๆรุ่นพี่วอนชิคก็จับคอเสื้อเขาไว้มั่น “ทำงาน พ่อหนุ่ม ทำงานดีๆหน่อย” รุ่นพี่คนนี้น่ากลัวมากเลยล่ะ ชอบมองหน้านิ่งๆใส่เขาอยู่เรื่อย เลยต้องค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัว “ครับ” กลืนน้ำลายที่เฝื่อนคอลงไปย่างยากลำบากแล้วยืดตัวขึ้นมา ก่อนจะกลืนน้ำลายอีกเอื๊อกเมื่อตาไปสบเข้ากับเจ้าของรอยยิ้มหวานตรงหน้า

     

                ซางฮยอกจะไม่ไหวแล้วครับท่าน

     

                “คุณซางฮยอกครับ คืออาทิตย์นี้ผมไม่อยู่นะครับ ถ้าคนนั้นส่งของมาให้ผมให้ซางฮยอกทานเลยนะ” ก่อนจะวิ๊งค์ให้อีกทีนึง “ขอบคุณที่เอาของมาส่งให้ผมมากนะครับ” ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่ก่อนจะออกจากไปรษณีย์ไป ทำไงได้ล่ะ ตอนนี้อีฮงบินคนนี้กำลังมีความสุขสุดๆเลยน่ะสิ ถึงแม้คุณซางฮยอกจะไม่โต้ตอบแต่ก็รับรู้แล้วแหละน้า

     

                ทันทีที่เห็นลูกค้าคนล่าสุดออกไป คิมวอนชิกก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างกวนๆชี้นิ้วไปยังทางที่อีกคนเพิ่งเดินผ่าน “แฟน?” เหมือนจะถามแต่หน้าตานี่แบบฟันธงไปเองแล้ว

     

                “ไม่ใช่ๆ” ซางฮยอกปฏิเสธเรียกสายตาจากเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆที่มองมาด้วยสายตาล้อเลียน

     

                “งั้นก็ชอบเขาหรอ” ซางฮยอกตอบไม่ไหวเลยเอามือมาปิดหน้า แต่หูนี่เริ่มแดงแล้วล่ะนะ เหอเหอ วอนชิกฮยองคนนี้เห็นชัดเลยครับ “จีบซะสิ”

     

                พอเห็นว่าน้องไม่ยอมตอบก็เลยหัวเราะเล็กๆก่อนจะตบบ่าแล้วหันไปทำงานตัวเองต่อ ส่วนซางฮยอกก็ตอบกลับเสียงเบา มีเพียงตัวเขาที่ได้ยินคำตอบนี้ “ก็...จีบอยู่”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             .

             .

             .

                ในที่สุดก็เข้าเดือนที่สี่สำหรับของอร่อยปริศนา ในวันอาทิตย์สัปดาห์ที่สองของเดือน ทันทีที่เห็นว่านาฬิกาเก้าโมงห้าสิบเจ็ดฮงบินก็ลุกจากเก้าอี้ย้ายมานั่งหน้าประตูห้องแทน เปิดประตูรออีกคนที่จะมา

     

                แล้วก็โป๊ะเช๊ะ! ซางฮยอกโผล่มาที่หน้าประตูห้องตอนสิบโมงพอดี “ของ...ครับ”

     

                “เข้ามาสิ” นอกจากจะไม่รับแล้วฮงบินยังลุกขึ้นมากวักมือเรียกให้เข้าห้อง พอเดินไปถึงส่วนโต๊ะกลางห้องก็ชี้นิ้ว “วางตรงนี้” แล้วเดินหายเข้าไปตรงส่วนครัว

     

                ซางฮยอกที่ยังเอ๋อไม่หายก็อ้าปากพะงาบๆเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจหุบปากลงแล้วเดินตามเข้าห้อง

     

                เมื่อเห็นว่าแขกนั่งลงได้ (ซึ่งแน่นอนกว่าเด็กนี่จะนั่งได้ก็เอาแต่ปฏิเสธไปหลายรอบ สุดท้ายฮงบินเลยต้องถามออกไป แล้วนายต้องส่งใครต่อจากนี้ไหมล่ะซางฮยอกเลยต้องส่ายหัวอย่างช้าๆว่าไม่มีครับ) ฮงบินก็วางขวดน้ำหลายรสเต็มโต๊ะ “อยากกินอะไรก็กินเลยนะ” ส่วนตัวเขาเลือกหยิบนมสตอร์เบอร์รี่ยี่ห้อเดียวกับที่ได้มาบ่อยๆ

     

                “พี่ ชอบกินอะไรอย่างอื่นอีกไหมครับ”

     

                “หืม” ฮงบินมองไปทางเด็กหนุ่มอย่างสงสัย “นายรู้จักคนส่ง?”

     

                พยักหน้านิ่มๆเหมือนจะยังงงไม่หายตั้งแต่ได้เข้าห้องมา ดูแล้วก็ตลกดี

     

                “งั้นก็ฝากบอกเข้าด้วยว่าฉันชอบ...” แล้วฮงบินก็ร่ายลายชื่อขนมกรุบกรอบสุขภาพเสียที่เขาชอบกินบวกกับนมรสตอร์เบอร์รี่ยี่ห้อที่เขาชอบ เอาเป็นว่าเยอะจนเห็นเด็กหนุ่มหน้าเหวอไปเลย ฮงบินที่รู้สึกเอ็นดูฮยอกมาหลายครั้งของเช้านี้ก็กลั้นขำเต็มที่ แต่ด้วยความเป็นคนเส้นตื้นอยู่แล้วสุดท้ายก็เลยกลายเป็นระเบิดหัวเราะออกมาซะงั้น ถึงจะไม่รู้หรอกว่าฮยองตรงหน้าหัวเราะเรื่องอะไรแต่รอยยิ้มนี่ เห็นแล้วชวนให้มีความสุขตามจริงๆ ฮยอกเลยเผลอหัวเราะตามไปด้วยอีกคน

     

                “จริงสิ ฉันไม่เคยแนะนำตัวเองเป็นทางการเลย” อยู่ดีๆก็หยุดขำแล้วหันมามองทางฮยอกซะดื้อๆ

     

                “คุณฮงบิน” เด็กหนุ่มตอบกลับมาให้ รู้จักกันอยู่แล้วนี่ครับ

     

                “ไม่ใช่อย่างน้าน” คนพี่ส่งเสียงโวยวายกลับมาเบาๆ ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนเหยียดเต็มความสูงแล้วโค้งตัวเหมือนเวลาเขาโค้งลูกค้า “สวัสดีครับผมอีฮงบิน วิศวกรชำนาญการของบริษัท V ครับ”

     

                ฮยอกที่มองตามอย่างขำเลยยืนขึ้นแล้วโค้งตามบ้าง “สวัสดีครับผมฮันซางฮยอก บุรุษไปรษณีย์แถวบ้านคุณครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              .

              .

              .

                “เมื่อตอนที่ฉันไม่อยู่บ้านอ่ะ ฉันไปเมืองชางวอนเพื่อไปเจอไอดอลของฉันมา” บนโต๊ะที่มีพัสดุใหม่มาส่ง มีฮงบินและซางฮยอกนั่งกันอยู่เป็นประจำเหมือนทุกครั้งหลังซางฮยอกเอาของมาส่งตลอด 5 เดือนมานี้ ฮงบินที่กำลังกินขนมกรุบกรอบกำโตแล้วดูดน้ำเข้าไปอึกใหญ่ก็หันมาพูดต่อ “แล้วฉันก็ได้เจอ” ตาโตๆฉายประกายความสุข ตัวบิดไปมาเมื่อนึกถึงความหลังนั่น อย่างกับฝันที่เป็นจริงน่ะ เขาติดตามผลงานคนๆนี้มาตั้งแต่ตอนมัธยมปลายปีสาม แต่แล้วเมื่อความคิดไปสะดุดกับเรื่องหนึ่งเขาก็หยุดบิดตัวทันที เบะปากแทน “เจอเขาอยู่กับแฟน” แล้วก็เบ้หนักเข้าไปใหญ่

     

                ซางฮยอกยื่นมือมาลูบหลังเล็กเบาๆ “เสียใจ...ด้วยครับ” ลูบไปลูบมาจนปากเป้ๆนั่นกลับมาอยู่ในตำแหน่งปกติซางฮยอกก็ถามอย่างสงสัย “ว่าแต่ ไอดอลคุณคือใครหรอครับ”

     

                เมื่อเห็นว่ามีคนถามถึงคนที่เขานับถือ ตากลมก็กลับมาเจิดจ้าสดใสทันที เหมือนมีพลังงานปริศนาฉีดความสุขเข้าเส้นเลือดอีฮงบินกันเลยทีเดียว ว่าแล้วคนพี่ก็คว้ามือถือมาเปิดโชว์คลิปเต้นมากมาย ปากก็บอกเล่าว่าเจ๋งแค่ไหน พร้อมทั้งกรอกหูความประทับใจตามไปด้วย

     

                พอหมดคลิปที่เขานับว่าเป็นคลิปสำคัญฮงบินก็ถอนหายใจออกหนักๆ ทิ้งมือถือและตัวเองลงกับโซฟาในห้องทันที “พี่แทคอุนนะพี่แทคอุน! งื้อออออ”

     

                พอได้ยินชื่อ ซางฮยอกก็หูผึ่งทันที “พี่แทคอุน?”

     

                และแน่นอน โดนค้อนมาวงใหญ่พร้อมใบหน้าสวยที่งอง้ำ “แฟนพี่ฮัคยอนน่ะสิ!” ร่างเล็กระเบิดอารมณ์ใส่ ตะโกนเสียงดังลั่นห้อง “อีตาผู้ชายบ้า หนอยย แค่บ่ากว้างกว่า สูงกว่า และรู้จักพี่ฮัคยอนมานานกว่าเท่านั้นแหละ งือออ” แล้วก็กลิ้งไปมาอยู่แบบนั้น

     

                ซางฮยอกมองโซฟาด้วยสายตาสงสาร ดูมันทำงานหนักทนพี่ฮงบินกลิ้งทับอยู่แบบนั้น ละสายตาจากโซฟานิ่มมาเป็นใบหน้าสวยที่บิดนิดๆจากความหงุดหงิดแล้วก็กลั้นยิ้มแทบไม่ทัน ขนาดทำตัวบ้าๆบอๆแบบนี้ยังน่ารักเลย

     

                ย้อนกลับไปย่อยข้อมูลสุดท้าย เหมือนพอเข้ามาห้องนี้แล้วโดนดูดสมองอยู่เรื่อย คิดช้าตลอด เอ๋อตลอ-

     

              เดี๋ยวนะ!

     

    เหมือนข้อมูลใหม่จะทำเอาฮยอกตกใจไม่ใช่น้อย เขารู้ตัวว่ากำลังเสียมารยาทแบบสุดๆแต่ก็ถามว่า “พี่ชอบผู้ชาย?”

     

                ฮงบินที่กลิ้งไปมาบนโซฟาพอได้ฟังคำถามนั้นก็หยุดกึก “ฉันเป็นไบ” ว่าแล้วก็ดิ้นต่อ กลิ้งทั่วโซฟาก่อนจะชะงักอีกรอบ แล้วฉันจะบอกเจ้าเด็กนี่ทำไมล่ะเนี่ย เด็กนี่ไม่ชอบไบหรือปล่าว

     

                ใบหน้าหวานค่อยๆช้อนขึ้นมองตาอีกคนอย่างกล้าๆกลัว ซางฮยอกใจดี เป็นเด็กดี และเป็นเพื่อนที่สนุกกันมาซักระยะละ ถ้าเรื่องรสนิยมทางเพศของเขาจะทำให้เด็กหนุ่มอึดอัดใจจะทำยังไงดี เขาชอบคุยกับฮยอกอยู่...

     

                เมื่อเห็นถ้าอีกคนดูลุกลี้ลุกลน ซางฮยอกก็ยิ้มให้ทีนึง “ครับ” แล้วก็ลูบผมฮงบินไปมา ฮงบินหลับตาลงช้าๆอย่างสบายใจ อย่างน้อยเจ้าเด็กนี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรน่ะน้า

     

              พอลืมตาขึ้นมาได้ ฮงบินก็บ่นหงุงหงิงต่อเรื่องฮัคยอนฮยองกับแทคอุนฮยองต่อทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             .

             .

             .

                ผ่านไปจนถึงกลางปี ตอนนี้ก็ 8  เดือนแล้วที่ซางฮยอกได้เข้าห้องนั้นทุกครั้งหลังส่งของ 8 เดือนแล้วที่เขารู้จักกันมา หลังๆไม่ใช่แค่ว่าจะมาส่งขนม บางครั้งซางฮยอกก็โผล่มาชวนฮงบินไปกินขนมเจ้าอร่อยแก้เครียดจากงาน ชวนไปทำกิจกรรมที่สวนกลางเมือง แล้วบางวันฮงบินก็มาชวนเขาที่หน้าบ้านให้ไปวิ่งจ๊อกกิ้งเป็นเพื่อนด้วย

     

                รู้จักกันมานานจนพักหลังๆทั้งสองคนก็รู้ข้อดีข้อเสียของอีกฝ่าย จากตอนแรกที่เจอกันอาทิตย์ละครั้ง ครั้งละ 3 นาที หลังก็กลายเป็น 10 นาที , 1 ชั่วโมง ไปจนถึงหนึ่งวัน และมากกว่านั้นคือนัดออกมาเที่ยว ออกมาเจอกันอาทิตย์ละหลายๆวัน

     

                ระหว่างทางเดินจากไปรษณีย์ไปยังจุดหมายที่ซางฮยอกจดจำจำนวนก้าวเท้าได้อย่างแม่นยำ ก็หวนไปคิดถึงตอนที่เจอฮงบินครั้งแรก เป็นการเจอกันที่เรียบง่าย ก็แค่ฮงบินมาที่ไปรษณีย์พร้อมกับเพื่อนจมูกโตมากๆคนนึง ทั้งสองคนทำธุระไปหัวเราะไป ถึงแม้จะเสียงดังจนเกือบจะใกล้เคียงกับการรบกวนคนอื่นๆ แต่เสียงสดใสกับรอยยิ้มมีความสุขก็ทำให้คนหงุดหงิดอย่างเขาค่อยๆคลายคิ้วขมวดและยิ้มบางๆออกมา ซางฮยอกเองที่เจอวันแย่ๆในการทำงานมาก็รู้สึกขอบคุณคนแปลกน้าคนนั้น

     

                ครั้งถัดมาคือตอนที่เขาไปร้านของชำในตัวเมืองแล้วเห็นคนแปลกหน้าคนเดิมซื้อนมสตอร์เบอร์รี่พร้อมยิ้มไปมาอย่างฟินสุดๆ

     

                หลังจากนั้นครั้งที่สาม สี่ ห้า ซางฮยอกเลยสร้างโอกาสให้ตัวเอง

     

                อาจจะบอกได้ว่ามันเริ่มจากการติดใจในรอยยิ้มแถมลักยิ้มสวย แต่ยิ่งได้รู้จักเขากลับยิ่งชอบมากขึ้นไปอีก

     

    เหมือนตกหลุมใหญ่ๆ แต่กลับไม่ค่อยอยากจะขึ้นไปเลยแฮะ

     

                ...ตกหลุมรัก...น่ะ (ซางฮยอกขอไอให้ความกระแดะของตัวเองสักที แค่กๆ)

     

     

     

     

                พอมาถึงหน้าห้องคนพี่กลับไม่ได้มานั่งรออยู่ด้านหน้า ก็มีบ้างวันแบบนี้ วันที่อีกคนกำลังตั้งอกตั้งใจทำงาน หรือว่าเผลอหลับจนไม่ได้มานั่งรอ

     

                ซางฮยอกยื่นมือไปจับลูกบิดประตูบิด ...ห้องล๊อค

     

                น้อยครั้งที่อีกคนจะล๊อคห้อง ว่าไงดีล่ะ เหมือนกับปลดล็อกกลอนเพื่อรอให้เขาเข้ามายังไงอย่างนั้นล่ะ คิดไปก็เท่านั้นซางฮยอกลงมือเคาะประตูเรียกเจ้าของห้องมาเปิด

     

                ประตูเปิดพร้อมใบหน้าอิดโรย พอเปิดเสร็จก็เดินหันหลังกลับเข้าห้องทันที

     

                ซางฮยอกกวาดสายตาหาโต๊ะที่ปกติเขาวางพัสดุให้ แต่ปรากฏว่าโต๊ะตัวดังกล่าวกลับรกจนไม่มีที่ให้เขาวาง จริงๆทั้งห้องก็รกจนแทบเดินไม่ได้แล้วแหละ

     

                ซางฮยอกเห็นอย่างนั้นเลยถกแขนเสื้อขึ้น ฮยองไม่ใช่คนชอบห้องรก สงสัยงานคงงานเยอะแฮะ คิดแล้วก็คว้าถุงขยะมาหยิบขยะเกลื่อนกลาดในห้องไปทิ้ง

     

     

     

     

                หลังจากเก็บจนหมดก็ทำช็อคโกแลตร้อนไปให้ เพราะคิดจะผ่อนคลายอีกคนลงบ้าง เดินไปหาแล้วค่อยๆนวดไหล่ให้ ฮงบินเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบนวดก็ละมือลงจากงาน หลับตาลงแผ่วเบารับสัมผัสแสนสบาย

     

                “ช่วงนี้งานเยอะหรอฮยอง” หลังๆมานี้พวกเขาไม่ได้เรียกคุณกันแล้ว เป็นฮยอกเองที่ขอให้เรียกกันอย่างสนิทกันมากขึ้น

     

                ฮงบินไม่ตอบแต่พยักหน้า นั่นทำให้รู้ว่าอีกคนเหนื่อยมากแค่ไหน แต่แล้วน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างช้าๆจากเปลือกตาที่ปิดอยู่ก็ทำให้ฮยอกแตกตื่นผละมือจากบ่ากว้างแล้วรัดอีกคนเข้าอ้อมกอดทันที “เป็นอะไรฮะฮยอง ไม่เป็นไรนะฮยอกอยู่ข้างๆฮยองแล้ว ไม่เป็นไรนะครับ”

     

                การเรียกอย่างน่ารักนั้นฟังกี่ครั้งก็ทำให้จิตใจของฮงบินรู้สึกดีขึ้นได้เสมอ เหมือนอ้อมกอดแน่นๆแค่นี้ก็ทำให้เขารู้สึกดีจากงานบ้าๆตรงหน้า หันตัวไปยกสองแขนกอดเด็กหนุ่มกลับ หัวคิ้วขมวดค่อยๆผ่อนออกพร้อมกับหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะเท่าๆกัน “งาน...เหนื่อย” ซุกหน้าลงกับอกแข็งแรงนั้นอย่างสบายใจขึ้น “แก้มา...สามรอบ...แล้ว ลูกค้า...บ้า” สบถนิดหน่อยอย่างหงุดหงิด พูดถึงเรื่องนี้ทีไรทำเอาขึ้นทุกที

     

                ซางฮยอกคลายอ้อมกอดเล็กน้อยแต่ไม่ได้ผละออก แค่ให้สายตาเขาสามารถสบกับอีกคนได้ “งานส่งเมื่อไหร่ครับ”

     

                “พรุ่งนี้” ตอบกลับมาพร้อมน้ำเสียงหมดแรง

     

                “งั้นหรอครับ” ว่าเสร็จก็โยกอีกคนไปมาเบาๆเหมือนเวลากล่อมเด็ก “ไม่เป็นไรน้า ฮงบินฮยองน่ะเป็นฮยองที่สุดยอดมาก งานจะต้องเรียบร้อยแน่” ก้มตัวลงมาเล็กน้อยก่อนจะกดจูบกับกระหม่อมอย่างอ่อนโยน “เสร็จทันแน่นอนครับ”

     

                “อื้ม” ฮงบินค่อยๆหลับตาช้าๆอย่างรู้สึกอุ่นใจขึ้น เขาคงทำมันเสร็จทันอย่างฮยอกว่าอยู่แล้ว

     

     

     

     

     

              เช้าวันถัดมาฮงบินก็สามารถทำมันเสร็จทันได้จริงแม้จะเกือบๆตีห้าก็ตาม ฮยอกที่มานั่งเชียร์เขาตั้งแต่เช้าก็เป็นคนเอาข้าวมาป้อน เอาขนมมาล่อบ้าง แถมยังมานวดไหล่เป็นระยะเวลาเห็นเขาขยับด้วยท่าทางตลกๆเพราะเมื่อยไปหมด

     

                อีกไม่นานดวงอาทิตย์คงขึ้นมาฉายแสงเต็มท้องฟ้า หลังจากกดปุ่ม ‘send’ และได้คำว่า ‘approve’ กลับมา เขาก็รู้สึกง่วงขึ้นมาดื้อๆ แปลกใจที่ตัวเองถ่างตามาได้นานขนาดนี้ ถ้าเป็นปกติคงเผลอหลับไปไม่รู้กี่รอบแล้ว

     

                คงต้องขอบคุณใครบางคนล่ะนะ J

     

              ว่าแล้วก็ยกผ้านวมผืนโตมาคลุมเด็กที่นั่งหลับคาโต๊ะไป ส่วนตัวเองก็ไปนอนโซฟาใกล้ๆกัน เพียงแค่หัวถึงหมอนก็หลับฟี้ไปทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

             .

             .

             .

                สัปดาห์ถัดมาซางฮยอกลดหมวกลงเมื่อมาอยู่ที่หน้าห้องเดิมๆก็ถอนหายใจหนัก เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องแสร้งแต่งตัวบุรุษไปรษณีย์ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ทุกครั้งที่มาที่นี่ในเมื่อจริงๆแล้วเขาไม่ได้ทำงานวันอาทิตย์ แต่เขาก็แต่งมาได้ตั้งเกือบ 9 เดือนแล้วนี่นา ถอนหายใจอีกครั้งให้กับความโง่เง่าและขี้ขลาดของตัวเอง จะเล่นบทเป็นบุรุษย์ไปรษณีย์ไปอีกนานแค่ไหนกัน ซางฮยอกเอ๋ย...

     

                กำลังจะยื่นมือไปเช็คลูกบิดประตูแบบทุกครั้ง แต่มีถุงกระดาษแขวนอยู่ ซึ่งหน้าถุงเขียนว่า ให้ซางฮยอกคุง

     

                วันนี้แปลกๆแฮะ...

     

                เปิดถุงออกมาก่อนจะเจอกับ ...กุญแจ?

     

                ไม่รอช้าซางฮยอกไขเข้าห้องทันที

     

     

     

     

                เปิดประตูห้องเพื่อเจอกับห้องที่หน้าตาเหมือนเดิมที่เขาแวะเวียนมาอย่างยาวนาน สะอาด เป็นระเบียบตามสไตล์คนรักความเนี๊ยบ

     

    “ฮงบินฮยองครับ” แต่แม้ว่าจะเดินหาทั่วก็หาเจ้าของห้องไม่เจอ ห้องไหนๆก็พากันล๊อกไปหมดสุดท้ายก็ไปจบที่โต๊ะทำงานตัวที่อีกคนนั่งประจำ

     

              ...กุญแจอีกดอกวางอยู่อย่างเรียบร้อย มีโน๊ตแผ่นเล็กๆวางอยู่ใต้มันเขียนด้วยลายมือเจ้าของห้องว่าห้องนอน

     

                รู้สึกผิดนิดๆที่มารุกล้ำความเป็นส่วนตัวของอีกคนขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยไปนอนในห้องนอนฮงบินฮยองมาก่อน (ก็มาบ่อยขนาดนี้ก็ต้องมีไปหลับไปนั้นบ้างแหละเวลาเล่นเกมดึก หรือดูหนังผีด้วยกัน – หนังประเภทที่ฮงบินชอบมากสุดแต่ซางฮยอกไม่ได้ปลื้มเท่าไหร่) แต่คราวนี้รู้สึกแปลกๆ ทั้งสงสัย รู้สึกผิดนิดๆ และ...ตื่นเต้นกับอะไรก็ตามที่อยู่หลังประตูนี้

     

                แอ๊ด

     

                ประตูถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ฮยอกยื่นหัวไปมองรอบห้องอย่างกล้าๆกลัว แต่แล้วสายตาก็สะดุดกับกระดาษแผ่นเล็กที่แปะลงที่พื้นเรียงกันไปหากล่องของขวัญสีแดงที่ตั้งอยู่มุมห้อง

     

                สวัสดีคุณบุรุษไปรษณีย์ฮยอกกี้

     

    วันอาทิตย์สิบโมงตรง

     

    จะมาพร้อมกับนมสตอร์เบอร์รี่ที่ฮยองชอบมากๆและขนมอื่นๆ

     

    รู้จักกันมานานแล้วนะ J

     

    ดีใจที่เราได้รู้จักกัน

     

    ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ

     

    ทั้งในวันที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

     

    และในวันที่เหนื่อยล้า

     

    ช่วยอยู่ไปด้วยกันไปนานๆแบบนี้ได้ไหม

     

    ยิ่งอ่านรอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกดีแบบสุดๆกำลังกลั่นตัวเป็นน้ำตาที่คลอหน่วงอยู่ ซางฮยอกไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายนัก แต่ความประทับใจจากความตั้งใจดีของคนพี่ก็ทำให้เขาแทบกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่

     

    เอื้อมมือไปเปิดฝากล่องออกก่อนจะเห็นข้อความที่ทำเอาฮยอกตบแขนตัวเองทันที

     

    เขากำลังฝัน กำลังฝันแน่ๆ

     

    แต่แล้วมืออุ่นๆที่มายั้งไม่ให้เขาตีตัวเองซ้ำ แกะมือเขาออกช้าๆก่อนจะสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง เสียงกระซิบประโยคเดียวกันกับในกล่องชิดริมหูก็ยืนยันว่าเขา ...ไม่ได้ฝันไป

     

    “เป็นแฟนกันนะ”

     

     

     

     

     

     



     

     

     

     

     

    “อื้ม”

     

               

               

     

     

    ตอนนี้กำลังมีความสุขแบบขั้นสุด 555 เขียนจบได้ไงเนี่ยยยย

     

    เรื่องนี้ยาวที่สุดตั้งแต่ไรท์เขียนมา แต่เป็นแนวที่อยากเขียนมานานแล้วแนวหนึ่ง - ช้า เรียบๆ ไม่ใช่รักแรก แต่เป็นความสนใจแรกที่โยงให้มาเจอกัน

     

    จำนวนวันที่หายไปเท่ากับจำนวนหน้าที่อัพมา อนุญาตให้คิดว่าเราอัพวันละหน้าได้~ 5555 แถมยังออกครบ 6 คนเลยด้วย (For the first time~~~)

     

    ชอบไม่ชอบยังไง ติชม คอมเม้นท์กันได้เลยนะคะ 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×