ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #14 : The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์ - บทที่ ๑๒

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 939
      11
      18 ส.ค. 57

    ช่วยแอมหน่อยนะคะมิตรรักทั้งหลาย 
    กดไปตามลิ้งค์ โหวต ชื่อ โสมวรรณ วงษ์กวน นะคะ
    คนโหวตมีสิทธิ์ลุ้นบัตรงาน Tofu Music Festival 2014 2 ใบนะคะ^^

    http://tofupopradio.becteroradio.com/event/TofupopCoverDance/vote

     

     

    Title : The Phonucorn เพลิงพิทักษ์ – บทที่ ๑๒

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Yifan x Yixing

     

     

    บทที่ ๑๒
    The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์

     

     

     

     

     

     

    “เซฮุน”

     

    เสียงหวานเอ่ยเรียก เมื่อเห็นว่าร่างโปร่งเดินออกมาจากบ้านของตนเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นเวลากว่าชั่วโมงแล้วที่อี้ชิงเอาแต่นั่งรออยู่ตรงหน้าบ้านตนเอง เขาตั้งใจว่าจะใช้ช่วงหยุดยาวนี้คุยกับเซฮุนให้รู้เรื่อง

     

    “เอ้า?! มานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย?”

     

    “มารอนาย ว่าแต่จะออกไหนเหรอ”

     

    “เปล่า ก็แค่ว่าจะลองไปดูที่สถานีว่ามีงานอะไรให้ทำบ้าง อยู่บ้านคนเดียวแล้วมันเบื่อๆ แต่ถ้านายมีอะไรจะถามฉันก็ไม่ไปแล้ว”

     

    “งั้นไปคุยกันในบ้านนาย”

     

    “เห้ย! ตองไปคุยที่บ้านนายสิถึงจะถูก นายเป็นคนที่จะชวนคุยนะเว่ย”

     

    “ได้ไงล่ะ คุณป้าดาเฮอยู่ในบ้านน่ะสิ”

     

    “แล้ว?”

     

    “ฉันจะคุยกับนายเรื่องเจ้านี่”

     

    เพียงแค่เห็นแร่นักรบที่ตนเองให้ไป เซฮุนก็แทบจะเดินกลับเข้าไปเปิดประตูบ้านให้อี้ชิงตามต้องการทันที ร่างบางไม่ลีลาให้มากความ ยิงคำถามตรงใส่ร่างโปร่งทันทีที่ประตูปิดลง

     

    “นายรู้เรื่องแร่นักรบอันนี้อยู่แล้ว”

     

    “รู้อะไร?”

     

    “อย่ามาทำหน้าซื่อตาใสใส่ฉันนะเซฮุน พี่คริสบอกฉันว่ามันเป็นอาวุธวิเศษ และ นายไม่ได้มันมาจากผู้ล่าด้วย นายโกหกทำไม ไปเอามันมาจากไหนกันแน่”

     

    “เห้ย! ไปกันใหญ่แล้วอี้ชิง ฉันไม่ได้โกหกนะ”

     

    “ฉันได้คุยกับผู้ล่าของสุสานมหาวิทยาลัยแล้ว!

     

    คำพูดเด็ดขาดของอี้ชิงเล่นเอาใบหน้าหล่อหดลงถนัดตา เซฮุนเสตาหนีไปทางอื่น ก่อนจะหันกลับมามองอี้ชิงอีกครั้ง พอเห็นว่าอี้ชิงไม่ยอมละความพยายามที่จะรู้ง่ายๆ เลยจำใจต้องบอกความจริงออกไป

     

    “เออๆบอกแล้วก็ได้!

     

    “ว่าไงล่ะ?”

     

    “จาซังจ้างฉันให้เอามาให้นายให้ได้”

     

    “จ้าง? นี่นายกล้าขายฉันเลยหรอเจ้าเพื่อนบ้า!

     

    ร่างบางหัวเสียหนักเมื่อรู้ว่าถูกเซฮุนหลอกเข้าจริงๆ มุ่งตรงอยากจะเข้าไปทุบร่างโปร่งให้หลาบจำ แต่เพราะตระหนักได้ว่านี่มันบ้านของเซฮุน เลยยอมเก็บกักอารมณ์ไว้ก่อน กอดอกจ้องหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายแทน

     

    “อย่ามองอย่างนั้นสิ ตอนแรกฉันก็หนักใจที่จะช่วยนะ แต่เห็นว่านายก็ต้องหาแร่นักรบใหม่อยู่แล้ว อีกอย่างเขาให้มาฟรีก็ไม่น่าจะมีอะไรนิ"

     

    “แต่นายมาเอาเงินที่พ่อฉันไปแล้วนะ!

     

    “ความโลภมันก็ไม่เข้าใครออกใครหรอกน่า~”

     

    “โดยเฉพาะคนแบบนายน่ะสิ!

     

    “ยอมรับ~”

     

    เซฮุนเอ่ยเสียงอ่อนอย่างเอาใจ เขาก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้กับอี้ชิงจริงๆ ตอนแรกที่ถูกขอร้องเขาปฏิเสธเพราะเห็นว่าอาจเป็นภัยกับอี้ชิง แต่พอต้องมาหาแร่นักรบให้อี้ชิงใหม่จาซังก็เสนอเงินมาด้วย จำนวนก็ไม่มากมายแค่เกือบยี่สิบฟีนเท่านั้นเอง เขาคิดจะหัวหมอบอกว่าเอาไปให้อี้ชิงเลือก แต่บังเอิญร่างบางดันต้องตากับของที่ได้มาพอดี จะห้ามก็กลัวจะถูกเพื่อนประณามเลยปล่อยตามน้ำมาจนตอนนี้ ไม่คิดเลยว่าร่างบางจะรู้เรื่องแล้วจริงๆ

     

    ...พวกโฟเธียก็ปากโป้งเหมือนกันนิ...

     

    “ให้อภัยฉันเถอะ รู้แล้วจริงๆว่าทำผิด”

     

    “นายรู้มั้ยว่าทำฉันโดนหมายหัว”

     

    “ถึงฉันไม่ทำนายก็โดนพี่คริสหมายหัวอยู่แล้วนิ”

     

    “แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้โดนแค่พี่คริส ตอนนี้พวกคนอื่นๆก็มองฉันแปลกๆ”

     

    “ก็แค่คนอื่น ฉันไม่ทิ้งนายหรอกน่ะ”

     

    “นายทิ้งฉันล่ะเอาตายแน่!

     

    ร่างบางชี้นิ้วคาดโทษใส่เซฮุน ที่ยกมือทำท่ายอมจำนนในทุกทาง เมื่อเหตุการณ์สงบอี้ชิงก้มานั่งหน้าเครียด เขาไม่ได้มาแค่จะเอาความจริงเท่านั้น เขายังมีเรื่องที่ต้องปรึกษาเซฮุนอีกเรื่อง

     

    “เซฮุน ฉันจะทำยังไงดี พี่คริสขอให้ฉันช่วย”

     

    “เขาจะให้นายช่วยอะไร?”

     

    ถึงคำถามจะออกมาเป็นอย่างนั้น แต่แววตาและสีหน้าของเซฮุนเหมือนอยากจะถามมากกว่า ว่าน้ำหน้าอย่างอี้ชิงจะเอาอะไรไปช่วยคุณอฟาไตรผู้สูงส่งพวกนั้นได้ มันไม่ใช่เรื่องที่แม้แต่เขาจะทำได้

     

    “แก้มนต์สาป”

     

    “พูดอะไรออกมาอี้ชิง!

     

    เสียงของร่างโปร่งดังขึ้นด้วยวามตกใจ นี่ขนาดเขาที่ว่าไม่ค่อยเคร่งพิธีกรรมมากมายยังไม่เห็นด้วย ไม่อยากจะคิดว่าหากชาวอเนโมสคนอื่นมาได้ยินคำว่ามนต์สาปในดินแดนลมจะแย่แค่ไหน มนต์สาปเป็นเหมือนเรื่องต้องห้ามของชาวอเนโมสเช่นกัน เพราะมันเป็นตราสัญลักษณ์ของการสูญเสียที่ใหญ่หลวงที่สุดของเทพอเนโมส

     

    ...พระมารดาผู้แสนรัก...

     

    “หมอนั่นเล่าอะไรให้นายฟัง นายถึงคิดว่าจะต้องช่วยพวกนั้น ชาวโฟเธียไม่ควรได้รับการให้อภัย การสูญเสียแลกกับการสูญสิ้นมันถูกต้องแล้วอี้ชิง เลิกคิดเรื่องที่จะช่วยพวกนั้นได้เลย ไม่เช่นนั้นไฟจะลามมาถึงตัวนาย”

     

    คำพูดที่กักเก็บความโกรธแค้นไว้ไม่อยู่ของเซฮุนทำให้อี้ชิงได้แต่นิ่งเงียบ เขาไม่อาจพูดได้ว่าเข้าใจสิ่งที่เซฮุนพูด เพราะเขาถึงแม้จะเป็นชาวอเนโมสแต่ก็ไม่ได้ถือกำเนิดในดินแดนนี้ เขารู้เรื่องของเหล่าเทพเจ้าจากคำเล่าของคนอื่น คริสอาจจะผิดที่เล่าความเจ็บปวดในมุมของโฟเธียเท่านั้น แต่อี้ชิงยังเชื่อว่าความเจ็บปวดที่คริสแสดงออกมามันคือเรื่องจริง เป็นของจริงที่ไม่ใช่แค่ลวงหลอกเพื่อชิงคฑานี้

     

    “ฉันจะบอกให้นะ พวกโฟเธียไม่เคยสำนึกต่อความผิด จริงๆเขาไม่ควรได้ชื่อว่าผู้พิทักษ์ พวกนั้นก็แค่คนบาปที่ไม่มีวันสำนึก ตามคำกล่าวของเทพอเนโมส คนผิดควรได้รับโอกาสหากสำนึก แต่แท้จริงแล้วไม่มีคนผิดใดสำนึกผิด ผู้ถือกำเนิดเกิดเป็นสิ่งวิเศษต้องคิดก่อนกระทำเสมอ”

     

    “แล้วนายไม่คิดบ้างเหรอ ว่าเทพอเนโมสอาจไม่ได้กล่าวไว้จริง”

     

    เสียงหวานเพียงแค่เอ่ยออกไปอย่างใจคิด แต่มันเหมือนหมัดหนักที่สร้างรอบแผลช้ำให้กับชาวอเนโมสอย่างเซฮุน แววตาผิดหวังมองตรงมาที่อี้ชิงอย่างไม่ชอบใจนัก เขาอาจไม่ใช่คนที่เคร่งศาสนา แต่ก็ไม่เคยละเลยต่อคำกล่าวทั้งนั้น

     

    “ทำไมนายถึงพูดแบบนี้!

     

    “นายจำที่ซูโฮพูดได้มั้ย”

     

    “ฉันไม่รู้จักมัน มันจะพูดอะไรฉันก็ไม่สนทั้งนั้นแหล่ะ!

     

    “แล้วนายรู้จักเทพเจ้าอเนโมสจริงๆเหรอ”

     

    เป็นอีกครั้งที่คำถามของอี้ชิงเหมือนน้ำเย็นที่สาดเข้าหน้าของเซฮุน แต่คราวนี้กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนได้สติ นั่นสิ! เขาเองก็ไม่เคยรู้จักกับเทพเจ้าองค์นี้เป็นการส่วนตัวจริงๆ อย่างว่าแต่คุยเลย เขาเกิดไม่ทันเทพอเนโมสมีชีวิตด้วยซ้ำ

     

    “คำกล่าวในคัมภีร์นั้นมีเพื่อให้เรามีสิ่งยึดเหนี่ยว ไม่ใช่ให้จมปลักไม่เงยหน้ามองฟ้ามองดิน มันแค่ย้ำเตือนถึงความดีที่คนรุ่นหลังสั่งสมไว้ให้ไม่ใช่เหรอ”

     

    ...ก็จริง...

     

    แต่ถึงจะคล้อยตามคำพูดของอี้ชิง แต่มันก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้เซฮุนแปรพรรคไปเข้าข้างอีกฝ่ายเช่นร่างบาง เขาหลบตาหนีไม่โต้เถียงหรือยอมรับออกไป อี้ชิงเห็นว่าเซฮุนเงียบไปเลยตดสินใจพูดในสิ่งที่คิดต่อ

     

    “ฉันอยากช่วยพวกเขา แค่อยากให้ต่างคนต่างมีชีวิต ต่างเริ่มต้นใหม่จากสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่เสียไปแล้ว ฉันรู้ว่าการสูญเสียมันเจ็บช้ำยังไง”

     

    “แต่นายไม่มีวันเข้าใจการสูญสิ้นแบบชาวฟีนูคอนหรอก”

     

    แววตาเจ็บปวดที่เริ่มเอ่อไปด้วยหยาดน้ำสีใสคลออยู่เต็มเบ้า เซฮุนไม่คิดว่าอี้ชิงเข้าใจการสูญเสียที่เขาพูดถึงสักนิด เขารู้ว่าอี้ชิงนั้นมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน แต่มันเป็นห้วงอารมณ์ของพวกฟิสสิเพรสเท่านั้น หากร่างบางเป็นผู้ถือกำเนิดอย่างเต็มตัวคงเข้าใจคำว่าเสี้ยวดวงจิตที่แตกสลาย เหมือนกับใจของเซฮุนที่ไม่เป็นรูปร่างนักหลังจากบุพพการีทั้งสองจากไป

     

    “นายสูญเสียความรักไป แต่ความทรงจำของนายยังอยู่ โลกภายนอกไม่ตัดสายออกเป็นคนละส่วน ก็แค่อยู่คนละภพแต่ยังให้หลงดีใจว่าเขายังอยู่รอบๆ แต่สำหรับพวกเรากับคนตายเหมือนคนละเส้นทางเดิน เขาเลี้ยวซ้ายเราก็จะเลี้ยวขวา เราจะไม่มีได้พบเขาอีก นอกเสียจากในสุสาน ที่ซึ่งมีแค่ผู้ล่าที่เห็นพวกเขาเท่านั้น”

     

    “บางทีการจดจำอาจจะเจ็บปวดมากกว่า”

     

    เสียงหวานเอ่ยออกไปด้วยความรู้สึกวูบโหวง ทุกอย่างที่เซฮุนพูดเป็นความจริง เขาไม่มีทางเข้าใจการสูญเสียในแบบฟีนูคอน เขาแค่กลายร่างเป็นชาวฟีนูคอน แต่เพราะยังจดจำทุกอย่างบนโลกมนุษย์ได้ ความรู้สึกเดิมๆจึงไม่จากลาไปไหน

     

    “ฉันได้ถามในสิ่งที่ต้องการแล้ว ขอตัวนะ”

     

    ขาเล็กก้าวออกมาจากบ้านฝั่งตรงข้าม ไม่ได้ตรงกลับบ้านแต่เขาแค่คิดถึงสถานที่หนึ่งเท่านั้น ไม่รู้หรอกว่าเขาจะไปที่นั่นได้ไหม ก็แค่อยากลองไปที่นั่นเท่านั้น

     

    ...โลกใบเดิม...

     

    ฟิ้ว~

     

    การเดินทางครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งไหน สายลมพัดเอ่ยเย็นนานกว่าทุกครั้ง เป็นครั้งแรกที่อี้ชิงเดินทางทั้งที่ยังลืมตา เขาเห็นช่วงเวลาที่ภาพตรงหน้าเลือนหายไป และ ชัดขึ้นอีกครั้งในสถานที่ใหม่ ในมุมที่สูงกว่าตึกยี่สิบชั้นกลางกรุงโซล

     

    ...โลกมนุษย์...

     

    “ฉันฝันอยู่รึเปล่า...”

     

    ร่างบางเอ่ยถามตนเองซ้ำๆในใจกับภาพตรงหน้า ภาพของบ้านช่องท้องถนนที่คุ้นตา เหมือนมันจะเป็นสถานที่ที่จากไปจริงๆ แม้แต่ดาดฟ้าที่เขายืนอยู่นี้ เขาก็จำได้ว่าเคยมองขึ้นมาจากด้านล่างของตึก มันเป็นตึกเก่าที่ก่อด้วยอิฐสีแดง จำได้ว่าเหมือนจะเป็นห้องเช่าราคาถูก แต่เขาก็แค่เดินผ่านไม่เคยแวะเข้าใช้บริการ

     

    ฟิ้ว~

     

    “ลุงก็คิดว่าเด็กดื้อที่ไหน”

     

    น้ำเสียงเอ็นดูของชายวัยทำงานที่อยู่ด้านหลัง เรียกให้ตาสวยวาดไปมองด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นคุณลุงบ้านตรงข้ามก็ทำเพียงยิ้มบางๆส่งไปให้เป็นการทักทาย

     

    “สวัสดีครับ ลุงคิบอม”

     

    “ทำไมถึงมาไกลขนาดนี้”

     

    “ขนาดไกลขนาดนี้คุณลุงยังหาผมเจอเลย”

     

    “เรด้าในสมองมันแจ้งเตือนไม่หยุด ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า”

     

    “ก็...ว่างน่ะครับ”

     

    อี้ชิงเลือกโกหกออกไป เพราะคิดว่าถึงเล่าอะไรออกไปก็คงไม่ช่วยอะไร สายตาทอดมองไปไกลด้วยความคิดถึง พาลให้คิบอมที่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆอดเป็นห่วงไม่ได้

     

    “คิดถึงเพื่อนที่นี่เหรอ?”

     

    “คิดถึงครับ ถ้าเป็นตอนนี้ผมคงเพิ่งจะเปิดเทอม”

     

    “รู้รึเปล่าว่าการไปเจอฟิสสิเพรสโดยไม่ได้รับอนุญาตมันผิดกฎ”

     

    “ผมไม่ได้คิดจะฝืนกฎหรอกน่ะ”

     

    เสียงหวานหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อคุณลุงข้างบ้านที่ดูใจดีเสียเหลือเกินเริ่มตีหน้าดุเมื่อพูดถึงกฎ เขาได้ยินผู้เป็นพ่อพูดถึงเพื่อนคนนี้ว่าบ้านงานอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ทราบด้วยว่าคุณลุงคิบอมคือคนที่ช่วยซ่อนเขาให้เป็นมนุษย์มาตลอด

     

    “ผมจะไม่ทำให้ลุงเดือดร้อนหรอกครับ”

     

    “ลุงแหรอจะเดือดร้อน กฎของพวกฟิสสิเพรสอาจมีไว้เพื่อปกป้องผู้มีอำนาจ แต่กฎของชาวฟีนูคอนทุกข้อมีไว้เพื่อป้องกันผู้ถือกำเนิดทุกคน รู้มั้ยทำไมถึงมีกฎห้ามพบฟิสสิเพรส?”

     

    อี้ชิงพยายามทบทวนวาทำไม แต่แล้วก็ไม่เข้าใจความหมายของคำถามนั้นเช่นกัน จึงเลือกที่จะส่ายหน้าปฏิเสธออกไป

     

    “เมื่อก่อนมีฟิสสิเพรสเกิดใหม่เป็นอิลคอลลี่ พวกเรายินดีต้อนรับผู้ถือกำเนิดทุกคนอย่างไร้กฎเกณฑ์ แต่เป็นพวกเขาที่ไม่สามารถทนทานต่อความเป็นฟิสสิเพรสได้ พวกเขากลับมาหาด้วยความรู้สึกที่คิดถึง และ กลับไปด้วยหัวใจที่แตกสลายจนสิ้นชีพด้วยความทุกข์แสนสาหัส จึงเกิดเป็นกฎหมายเพื่อคุ้มครองเรากับฟิสสิเพรส ให้ห่างกันในจุดที่สมควรเท่านั้น”

     

    “ทำไมล่ะครับ”

     

    “หึหึ เพราะอารมณ์ของฟิสสิเพรสนั้นยากจะคาดเดา แต่ผู้ถือกำเนิดจะไม่มีวันลืมสิ่งที่จากมา”

     

    มันเป็นคำพูดที่เป็นจริงที่สุด อี้ชิงยังจดจำวันที่เขาเกิดอุบัติเหตุ ยังจำความรู้สึกขนาดร่างโบยบินบนท้องฟ้ายามพลบค่ำ ความร้อนของเครื่องยนต์ที่เกิดประกายไฟลุกโชนขึ้น จนถึงการสลายร่างกลายเป็นอากาศได้ดี มันคือการตายจากสิ่งที่เราเป็นอย่างแท้จริง เป็นความรู้สึกที่ผู้ถูกกระทำจึงจะเข้าใจ

     

    “ฟิสสิเพรสถึงโศกเศร้าก็ชั่วครู่ เมื่อเรากลับมายังที่นี่ บางครั้งพวกเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าเราเป็นใคร มีความสำคัญแค่ไหนกับเขาเมื่อก่อน เขาก็แค่ลบเราออกไปพร้อมกับคำว่าจากลาเท่านั้นเอง แต่สำหรับคนที่ไม่เคยจากไปจะพูดได้เต็มปากเช่นนั้นเหรอ?”

     

    เป็นอีกครั้งที่ร่างบางนิ่งไปอย่างเข้าใจในสิ่งที่คิบอมบอก สุดท้ายความผิดหวังที่คนที่รักไม่แม้แต่จะจำเราได้ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนหัวใจแตกสลาย แล้วจึงสิ้นใจดับสูญไปเองในที่สุด ช่างเป็นการสิ้นลมหายใจที่ทรมานกว่าครั้งแรกหลายเท่า เมื่อลองคิดว่าหากเป็นตัวเขาต้องประสบเหตุการณ์เดียวกัน ก็คงจะแตกดับด้วยความโศกเศร้าที่มีในใจเช่นกัน เขาควรดีใจดีมั้ยที่คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา คนหนึ่งได้ตายจากเขาไปแสนไกลแล้ว ส่วนอีกคนก็คอยปกป้องเขาแม้ในที่ๆเต็มไปด้วยความต่าง

     

    ...พ่อแม่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของอี้ชิง...

     

    “โชคดีที่ผมไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท”

     

    “ต้องบอกว่าโชคดีที่พ่อของเธอเลี้ยงเธอมาแบบนี้”

     

    “พ่อรู้ว่าผมไม่ใช่ฟิสสิเพรสเหรอครับ”

     

    “เขาต้องรู้อยู่แล้ว ในวันที่เธอเกิดเขารับพรแห่งการถือกำเนิดจากลุงไปเอง ลุงเคยบอกเขาว่าอย่าหนีสิ่งที่เป็น แต่เขาปฏิเสธว่าเธอไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะแตกต่างจากฟิสสิเพรส เขายืนกรานที่จะซ่อนเธอไว้ที่นี่ ปกปิดสิ่งที่เธอเป็นเพื่อความปลอดภัยของเธอเอง เขารักเธอและอยากให้เธอได้เป็นในสิ่งที่ต้องการ”

     

    “ผมก็รักพ่อของผมมากครับ”

     

    “ฉันก็รักเขาและเธอมาก”

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    อี้ชิงไม่อาจอ่านความหมายของคำว่ารักที่คิบอมมอบให้ได้อย่างตรงใจ แต่ก็ขอบคุณคิบอมออกไปจากใจจริง ขอบคุณที่ทำให้เขาได้ใช้ชีวิตแบบฟิสสิเพรสมาจนถึงตอนนี้ ความรู้สึกขอบคุณที่ไม่มีที่สิ้นสุด

     

    “กลับบ้านไปได้แล้ว ถ้าหายไปนานกว่านี้พ่อเธอจะเป็นห่วง”

     

    “ครับ”

     

    ร่างบางยอมเดินทางกลับไปยังฟีนูคอน แต่เขาไม่ได้กลับบ้านอย่างที่คิบอมบอก เขาเลือกมาโผล่ที่อฟาคอลเพรส ตอนนี้ไม่อยากกลับไปเจอหน้าของเซฮุนเลย

     

    ฟิ้ว~

     

    ฟู่~

     

    ปึก!

     

    “โอ้ย!

     

    สองเสียงร้องด้วยความเจ็บเป็นเสียงเดียวกัน เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ทันตั้งตัวที่จะเจอกันพอดีขนาดนี้ มันไม่ใช่แค่เดินมาชนเพราะยืนขวางทาง แต่ไฟหนึ่งลูกกับสายลมที่ปลิวผ่านมันก่อร่างทั้งสองซ้อนทับกันพอดี จึงกลายเป็นต่างฝ่ายต่างผลักกันเพื่อก่อร่างของตนเอง บทสรุปคือกระเด็นทั้งคู่

     

    “ขอโทษครับ”

     

    “นายอีกแล้วเหรอ!

     

    “ผมแล้วมันทำไมครับ?”

     

    คราวนี้อี้ชิงสวนกลับอย่างหัวเสีย การที่เขาบอกว่าไม่อยากเจอเซฮุน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากเจอคนอื่นแทนเสียหน่อย โดยเฉพาะคนอื่นอย่างร่างสง่านี้บอกเลยว่า...อย่าได้พานพบ!!!

     

    “ก็ไม่ทำไม ก็แค่เกะกะ”

     

    “ผมก็มาของผม พี่นั่นแหล่ะอีกแล้วเหรอ?”

     

    ...สรุปคริสผิด?...

     

    ร่างสง่าอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่เคยถูกใครสวนกลับด้วยประโยคที่พูดใส่คนอื่นก่อน เลยไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดีถึงจะเหนือกว่า และ ปัญหาใหญ่คือเขาไม่เคยด้อยกว่าใคร เลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเวลานี้ เอาเป็นว่าเดินตามร่างบางไปเรื่อยๆ คิดได้ว่าจะตอกกลับอย่างไรค่อยทำแล้วกัน

     

    “ตามผมมาทำไมครับ?”

     

    อี้ชิงหันไปถามด้วยความสงสัย เมื่อชำเลืองไปเห็นว่าร่างสง่ายังคงเดินตามมา นับตั้งแต่ปากทางเข้า จนตอนนี้เขาเดินมาจนแทบจะถึงกลางตลาดอฟาคอลเพรสแล้ว ตอนแรกอี้ชิงตั้งใจจะมาสำรวจดูเพราะเขาไม่เคยมาคนเดียว แต่มาหมดอารมณ์ก็ตรงหันไปก็เจอหน้าบึ้งๆของคนที่ตามเนี่ยแหล่ะ

     

    “ใครตามนาย ในตลาดนี้มีนายเดินคนเดียวรึไง?”

     

    “อ๋อ~...ตามคนอื่น”

     

    ร่างบางสวนกลับด้วยคำพูดยียวน ก่อนจะทำเป็นเดินลอยหน้าลอยตาไม่สนใจคริส แรกๆก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง แต่พอเดินมาเจอเข้ากับร้านมายากล ที่หน้าร้านมีการแสดงอยู่ก็ลืมคนที่เดินตามมาได้สนิท

     

    “โห! เก่งมากอ่ะ”

     

    อี้ชิงตื่นเต้นกับแค่กลเสกดอกไม้ที่หลอกเด็ก คริสกลอกตากับท่าทางตื่นเต้นแล้วนิยามมันว่าเป็นการเสแสร้ง แต่พอนึกขึ้นได้ว่าของแบบนี้อาจจะหาดูได้ยากสำหรับพวกฟิสสิเพรส เลยนิยามให้อี้ชิงใหม่ว่าเป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุงแทน ไม่รู้ว่าบ้านอี้ชิงอยู่ขอบชายแดนติดทะเลหรืออย่างไร ถึงได้ทำตัวห่างไกลพรมแดนเช่นนี้

     

    “ก็แค่เสกดอกไม้”

     

    มือเรียวที่ปรบมืออยู่หยุดชะงัก หันไปมองใบหน้าหล่อที่เชิดอยู่อย่างไม่ชอบใจ เบะปากใส่แล้วพูดจายั่วโมโหอีกคน

     

    “พูดยังกับทำอย่างเขาได้”

     

    “ทำไมฉันจะทำไม่ได้ คนอยากฉันเสกให้ได้เป็นสวน!

     

    “ก็แสดงมาสิ อย่ามาดีแต่ปากนะครับ~”

     

    ...กล้าท้าคนอย่างคริส แสดงว่าชีวิตคงไม่เคยร้องไห้!...

     

    “โฟเธีย โออีล เซดีโอ ลัลลูเดียร์”

     

    ปิ้ง! ปิ้ง! ปิ้ง! ปิ้ง! ปิ้ง! ปิ้ง! ปิ้ง! ปิ้ง!

     

    เสียงเหมือนคาถานางฟ้าใจดีเวลาเสกของให้ซิลเดอเรลล่าดังขึ้นติดกันไม่หยุด อี้ชิงมองไปที่รอบๆตัวเขาด้วยความตื่นเต้น ลืมไปเลยว่าถ้าร่างสง่าทำได้เขาก็จะต้องเสียหน้า ตอนนี้เขาเพลิดเพลินกับการที่สิ่งของหลายอย่างกลายเป็นดอกไม้ เพียงชั่วครู่ดอกไม้หลากหลายชนิดก็กระจายตัวเต็มพื้นถนนของตลาดเป็นทางยาว

     

    ส่วนคนที่ร่ายเวทเรียกทุ่งดอกไม้ออกมา ก็กอดอกภูมิใจแล้วอดยิ้มตามไปกับท่าทางลิงโลดของร่างบางไม่ได้ คราวนี้คริสทำมันได้ดีจริงๆ เขาทำให้เด็กหลายคนที่ยืนดูมายากลนั้นอยู่มีความสุข รวมไปถึงอี้ชิงที่เพิ่งติดอยู่กับอารมณ์เศร้าหมองด้วย

     

    “หึหึ ทีนี้นายจะว่ายังไง ยังจะปากเก่งว่าฉันอยู่มั้ย”

     

    “ไม่ว่าแล้วครับ แต่ขอสายรุ้งด้วยได้มั้ยล่ะ”

     

    “ได้คืบจะเอาซอกรึไง!

     

    “ทำได้มั้ยล่ะ ก็แค่สายรุ้ง”

     

    “ทำไมจะทำไม่ได้ ก็แค่สายรุ้ง!

     

    ร่างสง่ากอดอกหน้าเครียดอีกครั้งกับคำท้าครั้งใหม่ เขาไม่ค่อยได้ร่ายเวทกิ๊กก๊อกพวกนี้เท่าไร แต่ก็ไม่ได้ถึงกับลืมมันสนิทเลยเสียทีเดียว ฝ่ามือหนาผายออกอีกครั้งตั้งท่าเตรียมร่ายเวทตามที่คิดออก

     

    “โฟเธีย โออีล เซดีโอ โอลานีโอ”

     

    เพียงสิ้นเสียงกล่าว สายรุ้งใหญ่ก็ทอดยาวจากต้นน้ำตรงปากทางเข้าอฟาคอลเพรส จรดเขตแดนของตลาดติดกับเขตถนนราชการ คริสทำทั้งหมดขึ้นเพียงเพราะแค่เขาสนุกกับการได้ทำให้อี้ชิงหัวเราะ จนลืมเรื่องการเอาชนะที่ทำให้ต้องเดินตามร่างบางนี้มาค่อนตลาดไปเสียสนิท มันไม่ง่ายที่คนที่เย็นชาและหยิ่งทระนงจะยิ้มได้ แต่อี้ชิงสามารถทำให้คริสรู้สึกตลกกับท่าทางเก้กัง อมยิ้มกับรอยยิ้มหวานที่ส่งไปให้เด็กๆที่วิ่งเข้าหา

     

    ...มีความสุขกับความสุขของอี้ชิงไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว...

     

    “พี่คริสสร้างลำธารได้มั้ยครับ~”

     

    “นี่มันตลาดนะ จะให้ฉันตัดสำธารผ่านตลาดได้ที่ไหนกันล่ะ!

     

    “อ่อนเหรอ~”

     

    “อย่าท้านะจางอี้ชิง หึหึ”

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 12

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    โหดมาหลายตอน ต่อจากนี้จะหวานปนขมไปเรื่อยๆนะคะ อิอิ ฮุนเป็นตัวเองของเรื่องต่อไป อย่าคาดหวังกับบทบาทในเรื่องนี้ของฮุนมากนะคะ อิอิ^^

    ปล. อย่าลืมไปโหวตแอมที่ http://tofupopradio.becteroradio.com/event/TofupopCoverDance/vote ชื่อ โสมวรรณ วงษ์กวน นะคะ คนโหวตมีสิทธิ์ลุ้นบัตรเข้างานราคา 4000 บาท 2 ใบค่ะ^^

    เปิดจองหนังสือรอง 2/2557 สามารถตามอ่านรายละเอียดได้ที่  http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1202714

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×