ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #19 : The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์ - บทที่ ๑๗

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 830
      8
      14 ก.ย. 57

    Title : The Phonucorn เพลิงพิทักษ์ – บทที่ ๑๗

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Yifan x Yixing

     

     

    บทที่ ๑๗
    The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์

     

     

     

     

     

    “สายเลือดของเทวาแห่งโฟเธียน่ะ”

    .

    .

    .

    “ก็นายไงเพื่อนรัก!

     

    ตาคมปิดสนิทที่ในที่สุดความลับที่เก็บซ่อนก็เปิดเผย เขาไม่รู้ว่าชานยอลรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่ภาวนาให้มันไม่ออกมาจากปากของเพื่อนรักมาตลอด เขารู้ว่าร่างสูงเองก็คงคิดหนักที่ต้องพูดเรื่องนี้ออกมา พวกเขาเติบโตมาด้วยกันทั้งชีวิตนี่คือมิตรแท้ คริสรู้ว่าชานยอลไม่ได้มีความสุขที่รู้ว่าเขาจะต้องตาย

     

    “สุดท้ายนายก็พูดออกมา”

     

    “นายบีบให้ฉันต้องพูด ฉันพยายามที่สุดแล้วที่จะช่วยนาย นายเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันรักมากที่สุด ฉันไม่เคยอยากรู้ว่านายคือใคร”

     

    “พอรู้ว่าต้องฆ่าฉัน รู้สึกยังไงวะ”

     

    “ฉันไม่ใช่คนที่จะฆ่านาย จะให้รู้สึกอะไรวะ”

     

    “แต่นายคือคนที่เลือกว่าจะฆ่าฉันตอนไหนเลยนะเว่ย”

     

    “ฉันให้นายเลือกวันนั้นเองมาตลอด รอมาตลอดว่ามันจะถึงวันที่นายพูดเมื่อไร ความจริงที่ว่านายคงไม่อยู่กับฉันไปจนวันสิ้นชีพ”

     

    แม้จะเหมือนเป็นแค่บทสนทนาระหว่างเพื่อน ที่กำลังนั่งคุยกันตามประสาเพื่อนสนิท แต่หากรับรู้ถึงน้ำเสียงที่ส่งผ่าน จะรับรู้ได้ทันทีถึงความเจ็บปวดของคนสองคน ที่เติบโตร่วมทุกข์สุขไม่เคยจากกันมาก่อน

     

    “ฉันเคยคิดถึงวันที่เราสิ้นชีพ การจากลาของใครสักคนที่จะมาถึงก่อน มันเศร้าและเหงามากจนกลัวเหลือเกิน จนวันที่ฉันรู้ความจริงว่านายคืออะไร ฉันเลิกคิดถึงมันพยายามเห็นแก่ตัว พยายามจะไม่เจ็บปวดเมื่อรู้ว่านายจำต้องเสียสละ แต่รู้อะไรมั้ยไอ้คริส ฉันไม่เคยทำมันได้เลยว่ะ ฉันจะทนให้เพื่อนเจ็บปวดคนเดียวได้ไงวะ”

     

    “นายต้องทำให้ได้สิชานยอล นี่คือโชคชะตาของฉันนะ ส่วนนายก็มีโชคชะตาของนาย”

     

    คริสพูดออกไปพยายามให้ชานยอลยอมรับความจริง เขารู้เรื่องนี้ดีตั้งแต่วันคืนจันทร์จรัสแล้ว รู้ว่าเขาไม่อาจฝืนชะตาชีวิตที่กำลังจะเกิดได้ ที่ร่างสง่าตัดสินใจเข้าร่วมพิธีจันทร์จรัสในปีนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาอยากรู้ว่าตนเองเหลือเวลาอีกแค่ไหนด้วยมากกว่า แต่กลายเป็นว่าเขาเห็นอี้ชิงในนั้น ความสงสัยทำให้เขาเฝ้ามองใบหน้าสวยนั้นอย่างพินิจ และ กลายเป็นความรักในที่สุด

     

    ...สุดท้ายเขาก็แค่ผู้ถือกำเนิดที่อยู่ภายใต้การควบคุมของโชคชะตา...

     

    “ว่าแต่นายรู้ได้ยังไง”

     

    “ฉันเก็บมันได้ บนที่นอนของนาย”

     

    ร่างสูงพูดพร้อมคลานผ่านความมืดก้มลงไปหยิบหีบเล็กออกมาจากใต้เตียง แม่กุญแจไม่มีลูกกุญแจไข มันล็อคแน่นหนาด้วยเวทย์ร่ายที่ดีที่สุดจากชานยอล ฝ่ามือหยาบผายออกพร้อมโบกสะบัดไปตามช่องอากาศ เกิดเปลวไฟขึ้นบนผ่ามือพร้อมคำร่ายที่ยากจะได้ยินจากผู้วิเศษทั่วไป ด้วยกฎหมายเวทย์ร่ายต้องห้ามหนึ่งในหกบังคับไว้

     

    ...เวทย์ปลดปล่อยแห่งอเนโมส...

     

    “โฟเธีย โมโนส เซดีโอ ไอเคนโนซิส”

     

    “ถ้าคนอื่นรู้เข้า นายตายแน่”

     

    คิ้วหนาขมวดเครียดเมื่อได้ยินคำร่ายที่เพื่อนรักใช้ ก่อนจะก้มลงมองหีบกล่องในมือที่เริ่มคลายเสียงล็อคหลายชั้นออก แล้วเปิดขึ้นเองโดยไม่ต้องออกแรง ตาคมเบิกกว้างรับสิ่งที่เห็นอยู่ข้างใน ขนนกที่กำลังลุกไปด้วยเปลวไฟ มันพยายามจะหนีออกจากหีบกล่องในมือ แต่เพราะเวทย์ร่ายจองจำจึงไม่อาจทำได้

     

    “ฉันตื่นขึ้นมากลางดึก ไม่เห็นนายอยู่ในห้องเลยตั้งใจแค่จะออกไปหา ไม่คิดว่าจะเจอนายกำลังกลายร่างเป็นฟีนิกซ์ ขนของนายมันร่วงลงมาตอนนายกำลังขึ้นบิน ฉันคิดว่าจะแค่เก็บไว้รอให้มันดับมอด แต่มันพยายามหนีฉันเลยต้องขังมันไว้”

     

    “มันพยายามจะดับมอดแล้วกลับมาหาฉัน”

     

    คริสเปิดรอยแผลที่ช่วงเอวให้เพื่อนดู ขนนกนี้คือส่วนหนึ่งของธาตุของเขา มันก็แค่พยายามจะสลายไปเพื่อก่อร่างเป็นเขา บ่อยครั้งที่คริสมักพลัดขนหล่นไว้ในที่ต่างๆ แต่พวกมันก็จะกับมาก่อร่างเสมอ แต่หลังจากสองคืนก่อนวันจันทร์จรัสแผลนี้ก็เกิดขึ้น คงเป็นเพราะเช่นนี้ชานยอลจึงไม่ได้อยู่จนจบพิธี คงจงใจตามดูเขา

     

    “ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนาย”

     

    “ฉันรู้”

     

    ร่างสง่าเผยยิ้มอย่างเข้าใจและไม่นึกโกรธกับสิ่งที่เพื่อนทำ ก่อนจะหยิบขนนกเพลิงนั้นออกมาจากหีบแล้วกำมันแน่น ดูดซับเปลวเพลิงนั้นกลับเข้าไปสู่ร่างกาย จนเนื้อแผลไหม้แนบชิดกลับมาดังเดิม

     

    “นายถามฉันมาเยอะแล้ว ฉันขอถามนายบ้างสิ”

     

    “เอาเลย”

     

    “นายรู้ตั้งแต่เมื่อไรว่าตัวเองเป็นสายเลือดเทวา”

     

    “ตั้งแต่ฉันเกิด ทุกราตรีมีแต่ความทรมาน”

     

    “แต่ทำไมฉัน...ไม่เคยรู้”

     

    ทั้งที่เพื่อนรักของเขาอยู่ใกล้เขาแค่นี้ ทำไมเขาถึงได้ไม่เคยรับรู้ความลับของเพื่อนมาก่อน ทำไมชานยอลถึงเป็นคนโง่ที่คิดว่าจะมีมิตรภาพที่ยืนยาวอยู่ฝ่ายเดียว

     

    “ไม่เห็นจะแปลก ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกนะที่เก่งเรื่องเวทย์ร่าย”

     

    “นายใช้มันกับฉันหรอวะ”

     

    “ฉันใช้มันกับหลายคน พ่อสอนให้ฉันป้องกันตัวไว้”

     

    “ควบคุมฉันเหรอ”

     

    “ก็แค่ทำให้นายหลับ ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นเท่านั้น”

     

    ตาคมหลบสายตาของร่างสูงที่มองมาในความมืด เขาละอายเกินกว่าที่จะบอกว่าไม่ไว้ใจชานยอลได้ ทั้งชีวิตเขามีแค่ชานยอลที่เป็นเพื่อนแท้เพียงคนเดียว แต่สายเลือดเทวาไม่อาจไว้ใจใครได้ อดีตสอนให้เรารู้ว่าเราจะตายหากไว้ใจคนอื่น ถึงแม้คนนั้นจะเป็นมิตรของเราก็ตาม บรรพบุรุษของเขาหลายคนสิ้นชีพเพราะมิตรที่คิดทรยศ ขายเพื่อนให้แก่พวกอเนโมสเพื่อครองมนต์สาป

     

    “แต่วันนั้นที่นายไปเจอฉัน ฉันแค่เห็นว่านายหลับไปแล้ว ไม่คิดว่านายจะตื่นขึ้นมากลางดึกได้”

     

    “ฉันก็ไม่ได้อยากตื่นมาเห็น นายคิดว่าฉันรู้สึกยังไง ที่ว่าตัวเองกำลังวางแผนฆ่าเพื่อนของตัวเอง ทั้งที่นายคือเพื่อนรักคนเดียวของฉัน แค่คนเดียวที่โตมาพร้อมกับฉัน”

     

    น้ำเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดของเพื่อน บอกให้คริสรู้ว่านี่คือมิตรแท้ในแบบที่บรรพบุรุษของเขาไม่เคยได้รับ ร่างสง่าตรงเข้าไปกอดเพื่อนในความมืดเพื่อเป็นการขอบคุณ น้ำตาของชานยอลกำลังทำให้เขารู้สึกอยากขอโทษนับพันครั้ง

     

    ...ขอโทษที่ไม่เชื่อใจนาย...

     

    “ไม่ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง สัญญากับฉันชานยอล นายต้องอยู่ให้ได้ อยู่แบบไม่มีฉันให้ได้นะ”

     

    “ไอ้ชั่วคริส จะทิ้งฉันยังกล้ามาขอคำสัญญาอีก”

     

    “ก็ฉันไม่อยากสิ้นชีพทั้งที่ใจยังยึดติดนี่หว่า แค่อี้ชิงคนเดียวฉันก็จะตายแล้ว”

     

    “ฉันสัญญา สัญญาว่าจะดูแลอี้ชิงของนายด้วยเลย”

     

    มือหยาบกุมเสื้อของเพื่อนกอดตอบ แทนคำสัญญาทั้งหมดที่จะมอบให้คนๆหนึ่งได้ คริสกอดเพื่อนรักแน่นกว่าที่เคยเป็น นี่คือสิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดแล้วในตอนนี้ อี้ชิงที่ยังไม่รู้ว่าต้องฆ่าเขา คงเหลืออีกเวลาไม่มากที่คืนล้างมนต์สาปจะมาถึง เขาจะบอกร่างบางอย่างไรว่าจงอย่าหลับตา จงอย่าร้องไห้แล้วฆ่าเขาด้วยรอยยิ้ม เขาอยากขอมันจากอี้ชิงเหลือเกิน แต่มันคงยากเกินไปที่ร่างบางจะมอบให้เขาได้

     

    “ฝากด้วยนะชานยอล ฉันรักเขาจริงๆ ฉันรักอี้ชิงเหลือเกินว่ะ”

     

    “ด้วยชีวิตของฉันเลย ฉันจะดูแลเขาแทนนายเอง”

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    “เป็นอะไรเหรออี้ชิง ทำไมยังไม่นอนล่ะ”

     

    แบคฮยอนถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเดินกลับมาจากข้างนอกในเวลาเกือบเที่ยงคืน แต่อี้ชิงยังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ กอดเข่าแน่นไม่ไหวติงราวรูปปั้น

     

    “หือ? กลับมาแล้วเหรอแบคฮยอน”

     

    คำถามที่ถูกส่งมาให้ราวกับเพิ่งได้สติ ทำให้ร่างเล็กอดเป็นห่วงไม่ได้ แบคฮยอนวางหนังสือที่ถือติดมือมาด้วยลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่ข้างๆร่างบางที่หันมามองเขานิ่งๆ อังมือไปที่หน้าผากมนด้วยความเป็นห่วง ท่าทางของอี้ชิงไม่ดีนับตั้งแต่ที่กลับมาเมื่อช่วงหัวค่ำ แต่พอเพื่อนๆถามว่าหายไปไหนมาก็ไม่ยอมบอก จนเซฮุนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง

     

    “นายเป็นอะไรรึเปล่า บอกฉันได้นะ”

     

    “เปล่านิ”

     

    “จะเปล่าได้ไงอี้ชิง หน้านายไม่ดีตั้งแต่เย็นแล้วนะ เป็นแบบนี้เพื่อนๆเป็นห่วงนะ ถึงฉันจะดูไม่ค่อยเอาไหนก็เถอะ แต่ก็พร้อมจะรับฟังนายเสมอนะ”

     

    “ขอบคุณนะแบคฮยอน”

     

    ร่างบางเอ่ยขอบคุณ พร้อมทั้งกอดไปที่เอวคอดของเพื่อนเบาๆ แนบหน้าลงกับอกของแบคฮยอนอย่างหาที่พึ่ง ร่างเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาแล้วลูบไปที่ศีรษะทุยนั้นเบาๆ

     

    “มาอ้อนฉันทำไมเนี่ย?”

     

    “ก็นายน่ารักเสมอเลยแบคฮยอน นายน่ะเป็นเพื่อนที่เจ๋งที่สุดเลยนะ”

     

    “เจ๋งคืออะไรน่ะ?”

     

    “หมายถึงเป็นเพื่อนที่แสนวิเศษของฉัน นายเป็นอฟาไตรที่ทำให้อิลคอลลี่อย่างฉันมีความเชื่อ เชื่อว่าเราไม่ได้ต่างกันตรงไหน”

     

    “ก็ไม่ได้ต่างกันจริงๆนิ ทุกสิ่งบนฟีนูคอน มันไม่มีอะไรเพอร์เฟ็คหรอก”

     

    “บนโลกฟิสสิเพรสของฉันก็เหมือนกัน”

     

    “ไม่มีใครไม่เห็นแก่ตัว แม้แต่เทพเจ้าของเราเอง”

     

    แบคฮยอนเอ่ยออกไปอย่างแผ่วเบา ลูบศีรษะเล็กนั้นเพลินจนลืมไปแล้วว่ากำลังพูดถึงเรื่องของอี้ชิงอยู่ ใบหน้าหวานช้อนตามองเพื่อนที่กอดไว้อย่างขอบคุณ แต่เพราะเห็นแบคฮยอนนิ่งไปจึงนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อเช้า

     

    “แล้วเมื่อเช้าพี่ชานยอลเขาทำอะไรนายรึเปล่า”

     

    “เปล่า แค่คุยกัน”

     

    “บอกได้มั้ยว่าเรื่องอะไร”

     

    “เป็นแค่คำขอของเพื่อนที่รักเพื่อนมาก มากเสียจนลืมไปว่ามันกำลังเป็นการเห็นแก่ตัว และ ทำร้ายคนอื่นอย่างร้ายกาจน่ะ”

     

    “หือ?”

     

    พอพูดจบร่างเล็กก็ดันเพื่อนออกจากอก ราวกับนึกขึ้นได้ว่าเขามีบางอย่างจำเป็นต้องพูดกับอี้ชิง คำเตือนที่เขารับรู้มาจากรุ่นพี่ที่แสนเยือกเย็นผิดธรรมชาติโฟเธียนั่น

     

    “อี้ชิง นายต้องใจแข็งนะ”

     

    “เรื่องอะไรล่ะ?”

     

    “ทุกเรื่อง กับทุกๆคน”

     

    “ทำไม?”

     

    “เพราะทุกคนเห็นแก่ตัว ทุกคนคิดแต่จะเอาเปรียบนาย อย่าไว้ใจใครง่ายๆ”

     

    “เดี๋ยวแบคฮยอน พี่ชานยอลบอกอะไรกับนายกันแน่”

     

    ร่างบางไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆแบคฮยอนที่แสนดี ถึงได้บอกให้เขาระวังตนเองจากคนรอบข้าง ทั้งที่ปกติจะเป็นแบคฮยอนเสมอที่บอกให้เขามองเห็นมิตรภาพนั้นสำคัญ มันต้องมีอะไรมากกว่าการร้องขอธรรมดา

    “เขาอยากให้ฉันทำบางอย่างเพื่อช่วยพี่คริส แต่ถ้าทำแบบนั้นฉันอาจจะต้องทำร้ายใครบางคน ทำร้ายนายด้วย ฉันทำไม่ได้หรอก”

     

    “เขาขอให้นายทำอะไร”

     

    “หาสายเลือดเทวาแห่งอเนโมส”

     

    คำขอที่เหมือนกันจากสองเพื่อนรัก เล่นเอาอี้ชิงชาไปทั้งร่างกาย หากแต่จุดหมายที่ตามหาของทั้งสองนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง

     

    “นายจะตามหาได้ยังไง”

     

    “ฉันมีวิธีนะ”

     

    “นายจะไม่ทำแบบนั้นแบคฮยอน นายจะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้”

     

    “แต่...”

     

    “นายยังไม่ได้รับปากว่าจะช่วยเขาใช่มั้ยแบคฮยอน อย่ารับปากเขาเลยนะ อย่าเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวกับมนต์สาปนี้”

     

    อี้ชิงได้แต่ภาวนาในใจให้เรื่องมันจบแค่ตรงนี้ เขาไม่อยากให้คนใกล้ตัวแม้แต่คนเดียวเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมนต์สาปจะมีผลและจองจำทุกคนที่วุ่นวายจนโชคร้ายไปหมด แต่อี้ชิงก็คงลืมไป

     

    ...ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว...

     

    “ฉันขอโทษนะอี้ชิง ตอนนั้นฉันรู้แค่ว่ามันอาจจะช่วยนายได้”

     

    เปลือกตาบางหลับสนิทด้วยความรู้สึกเสียใจที่เพื่อนของเขาต้องเข้ามาเกี่ยว แบคฮยอนเริ่มร้องไห้อย่างใจไม่ดี ไม่ต่างจากอี้ชิงที่นิ่งไปทั้งที่น้ำตากำลังตกในเป็นสายในขณะนี้

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    เป็นอีกวันที่อี้ชิงออกมาพบชานยอลอยู่หน้าหอพักเขตเย็น คราวนี้ไม่มีการหลบซ่อนหรือหวาดกลัว ร่างบางตรงเข้าไปหารุ่นพี่ร่างสูง แล้วซัดหมัดใส่ใบหน้าหล่อจนเซเกือบล้มลงไปกับพื้น ตาดุวาดมองมาที่อี้ชิงอย่างไม่เข้าใจ แฝงไปด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่างชัดเจน หากไม่เห็นแก่คริสแล้วล่ะก็ ชานยอลคงได้บีบแขนเล็กๆที่บังอาจต่อยเขาจนหักไปแล้ว

     

    “เป็นบ้ารึไง!

     

    “พี่น่ะสิเป็นบ้ารึไง เอาแบคฮยอนเข้ามาเกี่ยวเรื่องนี้ทำไม!

     

    “เขาบอกนายเหรอ?”

     

    “มันไม่สำคัญว่าใครบอกผม แต่พวกพี่ไม่ควรเอาพวกเขามาเกี่ยว ผมสัญญาไปแล้วว่าผมจะทำให้ จะไม่ผิดคำสัญญาไงล่ะ!

     

    “ถ้ามันง่ายแค่คำสัญญา โลกใบนี้คงไม่มีมนต์สาป จำเอาไว้อี้ชิง!

     

    เสียงหนาเอ่ยออกไปอย่างนึกสะท้อนถึงเรื่องของตนเอง กว่าค่อนคืนที่ชานยอลรอให้คริสกลายร่างกลับมาจากการเป็นฟีนิกซ์ และ พูดคุยถึงการล้างมนต์สาปอย่างจริงจัง เขาไม่คิดเลยว่าการสูญเสียมันจะเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที คงไม่มีใครรู้ว่าชานยอลตั้งอดทนมาแค่ไหน เมื่อคริสพูดถึงวันและเวลาที่เหมาะสมสำหรับการล้างมนต์สาป

     

    ...ทำไมต้องเป็นเขาที่สูญเสียเพื่อนรักไป...

     

    ยิ่งกว่านิสัยแย่ทั้งหมดของคริสที่เขารับได้ คือร่างสง่าไม่ใจแข็งพอที่จะมานัดวันเวลากับร่างบางตรงหน้า เขาจึงถูกร้องขอในฐานะเพื่อนที่คริสเรียกมันว่าครั้งสุดท้าย ให้เป็นคนมาบอกเรื่องนี้ให้อี้ชิงได้รู้ ส่วนเจ้าตัวก็ขอเดินทางกลับบ้านไปเพื่อล่ำลาครั้งสุดท้าย

     

    “คริสฝากฉันมานัดนาย”

     

    “พี่คริสเหรอ ทำไมเขาไม่มาบอกเอง?”

     

    “คริสไม่ว่าง แต่เขาจะไม่ผิดนัดของนายแน่นอน”

     

    “ที่ไหนครับ”

     

    “วันเสาร์ที่สุสานก่อนสี่ทุ่มนะ ที่ต้นไม้ใหญ่กลางสุสาน”

     

    “แต่วันเสาร์...”

     

    “ไม่มีแต่อี้ชิง พวกเราจะรอนายที่นั่น”

     

    เพราะชานยอลเอ่ยชัดเจนว่าไม่ให้มีข้อแม้ อี้ชิงจึงจำใจพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ เสาร์ที่จะถึงนี้ก็อีกเพียงแค่สองวันเท่านั้น บางอย่างบอกเขาว่าตลอดสองวันนี้เขาจะไม่มีทางได้เจอคริส ทั้งที่ใจเขามันเต็มไปด้วยคำถามมากมาย

     

    แผ่นหลังกว้างห่างออกไปช้าๆอย่างนิ่งสงบ ตาสวยมองตามจนลับไม่กล้าขยับไปไหน จนกระทั่งเซฮุนที่ดูเหตุการณ์อยู่ตลอดต้องเดินเข้าไปหาอี้ชิงเสียเอง แรงเขย่าที่แขนทำให้ร่างบางได้สติแล้วหันไปหาเพื่อน

     

    “เขาว่ายังไง”

     

    “ก็แค่มานัด”

     

    “มันถึงเวลาแล้วเหรออี้ชิง”

     

    “ฉันก็ไม่รู้สิเซฮุน บางทีฉันยังไม่อยากให้มันจบตอนนี้”

     

    “เร็วแค่ไหน”

     

    “วันเสาร์นี้น่ะ”

     

    “ฉันจะโทรจิตบอกอากับพ่อของนายเอง เราจะอยู่ด้วยกันวันเสาร์นี้ พวกเราทั้งหมดนะอี้ชิง”

     

    คำสัญญาที่หนักแน่นจากเซฮุน แต่มันรวมไปถึงเพื่อนๆทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วย อี้ชิงวาดยิ้มสวยอย่างขอบคุณทุกคนที่ได้เป็นเพื่อนกัน แม้จะช่วงเวลาสั้นๆที่มันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น แต่อี้ชิงกับรู้สึกเหมือนมันมีสายสัมพันธ์ที่ยาวนาน เพราะทุกสิ่งในฟีนูคอนล้วนเกิดจากสายใยแห่งชีวิต

     

    “ขอบคุณมากนะทุกคน”

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    ตาสวยเหม่อมองออกไปบนท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้ม ก่อนจะก้าวเดินผ่านม่านหมอกกั้นเสียงเข้าไปภายในสุสาน บรรยากาศเงียบสงบมีเพียงเสียงหวีดหวิวของสายลม และ เสียงร้องไห้ที่ดังมาเป็นระยะจากดวงจิตที่ไม่นิ่งสงบ ความรู้สึกที่เหมือนถูกจ้องมองจากใครบางคนตามมาเป็นระยะ แต่เพื่อนทั้งห้าพยายามมองข้ามแล้วเดินต่อไปยังที่นัดหมาย เซฮุนบอกให้ไปก่อนเวลานัดเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แต่กลับเห็นคริส ชานยอล และ จงอินยืนคุยกันอยู่ก่อนแล้ว

     

    “พี่...”

     

    จงอินเป็นคนแรกที่ที่เอ่ยเรียกรุ่นพี่ทั้งสองให้รู้ตัว พวกเขาไม่คิดว่าอี้ชิงจะมาไว้ก่อนเวลานัด แถมยังเอาเพื่อนมาด้วยถึงสี่คน

     

    “...พวกเขามาแล้ว”

     

    ร่างสง่าหลับตาแน่นก่อนจะหันไปมองใบหน้าสวยที่แสนคิดถึง มอบท่วงท่าทุกกิริยาไว้ในความทรงจำสุดท้าย เผยยิ้มบางๆรับร่างบางที่อยู่ห่างเพียงเอื้อมมือออกไป แต่อีกหน่อยคงไม่สามารถทำได้แม้แต่ในความคิด

     

    “ไม่คิดว่าจะมาถึงก่อนเวลา”

     

    “พวกเราอยากให้มันจบลงไปเร็วๆน่ะครับ”

     

    “อ่า...”

     

    เสียงทุ้มได้แต่ครางรับเบาๆ รู้ว่าอี้ชิงไม่ได้หมายความว่าอยากจะปลิดชีพเขา ตามความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ร่างบางนั้นยังไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะต้องทำ อาจเป็นเรื่องที่ยากเสียยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้ทั้งหมด เซฮุนบอกว่าเขาอาจต้องฆ่าใครบางคน เพราะชีวิตย่อมต้องล้างด้วยชีวิต แต่ตอนนี้มีเพียงรุ่นพี่ทั้งสองและชายแปลกหน้าอีกคน

     

    “คนนี้เหรอครับ สายเลือดโฟเธีย”

     

    “ไม่บังอาจขนาดนั้น”

     

    จงอินรีบยกมือในท่ายอมแพ้ เขาไม่อาจเอื้อมขนาดจะแอบอ้างตนเองให้เป็นถึงสายเลือดเทวาแห่งโฟเธีย เพราะขนาดเป็นแค่อิลคอลลี่ธรรมดาแห่งโซม่า เขายังไม่มีคุณสมบัติมากพอเลยด้วยซ้ำ

     

    “นี่ไม่ใช่โฟเธีย เขาคือ คิม จงอิน เผ่าโซม่าน่ะ”

     

    เป็นลู่ฮานที่มักทำงานร่วมกับพวกโซม่าอยู่บ่อยครั้งชี้แจงให้อี้ชิงฟัง ก่อนจะหันไปมองจงอินอย่างไม่ไว้ใจ ลู่ฮานรู้จักจงอินดีว่ากลับกลอกขนาดไหน มีบางครั้งที่พวกเขาทำงานด้วยกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ จงอินเคยหาข่าวบางอย่างมาขายเขา

     

    “ฉันปลาบปลื้มนะที่ผู้จ้างเก่าจำได้”

     

    “นายมาทำไมที่นี่ เกี่ยวอะไรกับอี้ชิง”

     

    “ฉันไม่ได้ทำงานให้เพื่อนนาย แน่นอนว่ายังไงก็ไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวด้วยหรอก ฉันทำงานให้พวกพี่เขาต่างหากล่ะ”

     

    “คิดอะไรอยู่ถึงทำงานกับจงอิน”

     

    “คิดว่าไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ไง”

     

    ร่างสง่าสวนกลับคำถามของลู่ฮานอย่างทันท่วงที พวกเขาไม่มีทางเลือกจริงๆที่ต้องทำงานกับจงอิน ไม่ได้มีพวกโซม่ามากนักที่เข้าใจภาษาโฟเธียรัส แถมยังสามารถเอ่ยคำกล่าวปลุกสุสานพระมารดา ซึ่งเป็นภาษาของพวกโบโลนีได้อีกด้วย จงอินถ้าไม่นับความปลิ้นปล้อนก็ถือว่าเป็นคนมีความสามารถมาก

     

    “แล้วเขายังไม่มาหรอครับ”

     

    “ใครเหรอ?”

     

    “สายเลือดเทวาของโฟเธีย”

     

    “เขามาแล้ว”

     

    “หือ?”

     

    อี้ชิงเอียงคออย่างยังไม่เข้าใจในสิ่งที่คริสพูด ก่อนจะต้องปิดปากแน่นด้วยความตกใจ เมื่อร่างสง่ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมพูดคำกล่าวสั้นๆ ที่เหมือนล้างผลาญจิตใจดวงน้อยจนย่อยยับ

     

    “คนที่นายต้องล้างมนต์สาป คนเดียวที่ต้องเสียสละ...”

     

    เสียงทุ้มแผ่วเบาลงอย่างไม่อยากจะพูดมันออกมาเช่นกัน ความเจ็บปวดที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้ในแววตาดุดันคู่นี้ ต่อหน้าคนที่น้อมกายรับว่ารักอย่างสุดใจ

     

    “...อยู่ตรงหน้านายแล้ว อี้ชิงของฉัน”

     

    “ไม่...ต้องไม่จริงใช่มั้ย”

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 17

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    หายไปหนึ่งอาทิตย์พร้อมกลับมาแบบช็อคๆ อีกแค่สามตอนก็จะจบพาส เพลิงพิทักษ์ แล้ว เตรียมพบกับ ตรวนกาฬวาต กันรึยังคะ รับรองว่าฮุนฮานจะมาทำให้ตัวสั่นไปทั้งกายเลยค่ะ เพราะคู่นี้จะกัดกันแบบมวยผิดคู่ 555

    เปิดจองหนังสือรอง 2/2557 สามารถตามอ่านรายละเอียดได้ที่  http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1202714 เปิดจองฟีนูคอนสองเล่มแรกแล้วนะคะ^^

     

     © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×