ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #20 : The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์ - บทที่ ๑๘

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 813
      9
      22 ก.ย. 57

     

    Title : The Phonucorn เพลิงพิทักษ์ – บทที่ ๑๘

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Yifan x Yixing

     

     

    บทที่ ๑๘
    The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์

     

     

     

     

     

    “ไม่...ต้องไม่จริงใช่มั้ย”

     

    ขาทั้งสองข้างของอี้ชิงเหมือนหมดแรงลงในทันที ไม่ใช่เพียงเพราะได้รู้ว่าร่าสง่านี้เป็นสายเลือดเทวา บางอย่างบอกเขามาตั้งนานแล้วที่ว่าคริสนั้นดูจะพิเศษกว่าโฟเธียคนอื่นๆ แต่ที่เขารู้สึกเหมือนล้มทั้งยืนตอนนี้ คงเป็นเพราะคำว่า เสียสละ

     

    ...อะไรที่ชายตรงหน้าต้องเสียสละ...

     

    “พูดออกมาสิ เสียสละอะไรของพี่น่ะ!

     

    เสียงหวานตวาดถามราวกับลืมไปแล้วว่าชายตรงหน้านั้นแก่กว่าเขาถึงสองปี แถมเป็นคนที่เขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยไปแล้วด้วย คริสมองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของร่างบาง ที่ทรุดลงไปนั่งกับพื้นหญ้าสกปรกแล้วด้วยความเสียใจ ย่อตัวลงกอดเอาอี้ชิงเข้ามาแนบอก แล้วพร่ำบอกคำที่เหมือนกรีดหัวใจดวงน้อยให้ไม่เหลือชิ้นดี

     

    “ชีวิตของพี่ยังไงล่ะ”

     

    “ฮึก...ไม่จริงหรอก...ไม่เอาแบบนี้นะ”

     

    “ไม่ว่าช้าหรือเร็วมันจะต้องเกิดขึ้น อย่าพยายามฝืนมันเลยนะอี้ชิง มันคือโชคชะตาของจันทร์จรัส”

     

    แม้แต่คริสเองก็หลังรินน้ำตาลงรดกลุ่มผมเงา อี้ชิงกอดคริสแน่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน และ ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้ทำเช่นนี้

     

    “ถ้ารู้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ พี่มาบอกรักผมทำไม มาให้ความหวังกันทำไม!

     

    “เพราะพี่ไม่อยากเก็บความลับนี้ไปจนสิ้นชีพไงล่ะคนดี”

     

    เสียงทุ้มยังเอื้อนเอ่ยอย่างใจเย็น หวังให้เพียงร่างบางได้สงบลงกว่านี้ เขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ากอดร่างนี้ให้แน่นที่สุดก่อนจากลา ไม่มีคำหวานหูใดมากกว่าคำปลอบประโลมที่ออกมาจากหัวใจ

     

    ทุกคนมอบภาพของคนสองคนที่รักกันแต่คงไม่อาจมีวันได้ครองคู่อย่างหดหู่ ร่างสูงของเพื่อนรักได้แต่กำมือแน่น ไม่อาจทนดูความเจ็บปวดของคริสได้แม้มันจะเป็นความเต็มใจของคริสเองก็ตาม เสียงหนาเอ่ยก้องเหมือนยมทูตฆ้องระฆังแห่งการแยกจาก

     

    “จงอิน ปลุกสุสานพระมารดาได้”

     

    “พี่ครับ”

     

    “ก็อย่างที่คริสบอก ถึงยืดเยื้อไปก็ต้องจบแบบนี้อยู่ดี”

     

    สิ้นคำพูดของชานยอล จงอินก็จำใจเดินผ่านหน้าทุกคนไปที่พื้นที่โล่งกว้าง ที่มีเพียงหลุมศพของใครบางคน ที่ไม่มีแม้แต่แท่นคริสตัลบอกตัวตนของร่างไร้วิญญาณนั้น ผายมือทั้งสองข้างออก พร้อมพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจออกมา มันคงเป็นภาษาโบโลนีสที่มักได้ยินพวกผู้ล่ากล่าวเท่านั้น ภาษาของเผ่าสายฟ้า ฟังดูหนักแน่นและรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดเสียจริง ดินชื้นค่อยๆก่อนร่างสร้างตนจนกลายเป็นซุ้มสูงใหญ่ มีเสาทรงยุโรปล้อมรอบเป็นวงกลมทำด้วยหินอ่อน สิ่งที่ตั้งเด่นตระหง่านตรงกลางซุ้มใหญ่นั้นคือรูปปั้นของสตรีในตำนาน ผู้หญิงเพียงคนเดียวแต่เป็นผู้ให้กำเนิดเทพเจ้าทั้งหก

     

    ...พระมารดาแห่งฟีนูคอน...

     

    “พระมารดา...”

     

    ทุกคนต่างครางเป็นเสียงเดียวกันด้วยความตกใจ ไม่บ่อยนักที่ที่ชาวฟีนูคอนจะได้เห็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระมารดา แม้แต่ชาวเผ่าโบโลนีที่สามารถกล่าวคำร่ายภาษาโบโลนีสได้ บ้างคนก็ไม่อาจรู้ว่ามันซ่อนอยู่ที่ใดบนฟีนูคอน

     

    “เป็นไปได้เหรอเนี่ย”

     

    เซฮุนที่ก้าวเท้าขึ้นสู่แท่นรองของพระวิหารเป็นคนแรกพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเทวรูป ตอนนี้ทุกคนต่างน้อมคำนับต่อพระมารดาผู้ให้การถือกำเนิด ยกเว้นก็แต่อี้ชิง และ คริสที่ยังคงยืนอยู่นอกเขตของแท่นวิหาร ร่างบางส่ายหน้าไม่อยากก้าวเข้าไปใกล้รูปปั้นนั่น รู้ดีว่าหากเขาอยู่ข้างในนั้น ไม่นานเขาจะต้องฆ่าร่างสง่านี้ด้วยความจำยอม

     

    “ผมไม่อยากเข้าไป...ฮึก”

     

    “อย่าร้องสิอี้ชิง พี่ให้โอกาสนายได้เลือกแล้วนะ”

     

    “พี่ไม่ได้ให้ พี่ไม่ได้บอกว่ามันจะเป็นแบบนี้”

     

    คริสอาจให้โอกาสที่อี้ชิงจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ ด้วยการให้อี้ชิงตามหาทายาทเทวาแห่งอเนโมส แต่คริสไม่เคยแม้แต่จะปริปากบอกสักนิด ว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าใครคือผู้ผูกพันธะ คนที่ต้องเสียสละชีพนี้ก็มีเพียงเขาคนเดียว

     

    ...ในเมื่ออี้ชิงไม่รู้จะถือว่าได้เลือกได้อย่างไร...

     

    “พี่ได้บอกทุกอย่างที่เปลี่ยนแปลงได้ไปแล้ว แต่สำหรับเรื่องนี้พี่ก็จนปัญญาที่จะบอก นายอาจจะกระวนกระวายกว่านี้ก็ได้ถ้ารู้ เพราะฉะนั้นให้พี่เป็นคนเดียวที่เจ็บปวดจะดีกว่านะ”

     

    มือหนาลูบลงที่เสี้ยวหน้าสวยตรงหน้า เขารู้ว่าความทรมานที่ได้รู้ความจริงมันเป็นเช่นไร แล้วจะให้เขาบอกมันกับร่างบางได้อย่างไร เขาจะทนเห็นอี้ชิงต้องเป็นเหมือนตัวเขาได้อย่างไร

     

    ...เขาเจ็บเพียงคนเดียวก็พอ...

     

    “ผมไม่ทำหรอก”

     

    “สุดท้ายถึงอี้ชิงไม่ทำ ชานยอลก็จะตามหาสายเลือกเทวามาล้างมนต์สาปให้พี่จนได้ สุดท้ายจุดจบมันก็เป็นแบบเดิม แล้วทำไมอี้ชิงจะต้องทำให้เรื่องนี้มันยากขึ้นด้วยล่ะ ปลดปล่อยพี่จากมนต์สาปนี้เถอะนะคนดี”

     

    ใบหน้าหล่อจัดเริ่มคลอด้วยหยาดน้ำสีใสจากดวงตาคู่คม เขากุมมือเรียวไว้ด้วยมือทั้งสองข้างที่สั่นไหว บอกให้รู้ว่าเขาเองก็กลัวสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมากเพียงใด แต่จะไม่พูดออกมาให้อี้ชิงต้องเป็นกังวล เขาดีใจที่ลมหายใจนี้ได้เสียไปในน้ำมือคนที่สอนให้เขารู้จักความรัก ต่อหน้าเพื่อนที่หยิบยื่นมิตรภาพที่แสนวิเศษให้เขา

     

    ...มันมากพอแล้วสำหรับสายเลือดผิดบาป...

     

    “ผมไม่...”

     

    “อี้ชิงยังต้องรักษาสัญญา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่อยากให้รู้ไว้ว่าจนวันสุดท้ายนี้ พี่ก็ยังรักอี้ชิงจนหมดหัวใจนี้...ยูนิคอนของพี่”

     

    เรียวปากแนบชิดส่งผ่านความรักทั้งหมดที่เคยมีมาให้กับร่างบางที่ร้องไห้ไม่หยุด มือหนาที่ประคองใบหน้าสวยไว้ เริ่มคลายออกช้าๆ ก่อนจะหมุนวนร่ายเวทย์ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีอีกหนึ่งบท

     

    ...เวทย์ร่ายคุมกาย...

     

    “โฟเธีย โมโนส เซดีโอ เอโปเปรสเธียร์”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยร่ายอย่างใจเย็น เพื่อไม่ให้เวทย์ร่ายนี้ทำให้ร่างกายที่แสนบอบบางต้องสั่นกลัว เขารู้ดีว่าเวทย์ร่ายนี้ทำได้เพียงแค่ทำให้อี้ชิงเคลื่อนกายตามใจเขาสั่ง แต่มันไม่ได้ทำให้สติรับรู้ของร่างบางหายไปด้วย แววตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตานั้นต่อต้านเวทย์ร่ายที่แทรกซึมไปทุกส่วนของร่างกาย

     

    “ฮึก...ฮือ...อ...อ”

     

    เสียงหวานครางร้องไห้อย่างหนัก แม้ร่างกายจะเดินตามแรงจูงของร่างสง่าสู่พระวิหารพระมารดา คริสหยุดยืนที่หน้าเทวรูปของสตรีตรงหน้า ตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาของบรรพบุรุษ อยากถามเหลือเกินว่านี่คือสิ่งที่พระนางต้องการจริงๆใช่มั้ย การเอาเลือดของหลานจากเชื้อสายต่ำช้า ล้างมลทินให้กับต้นตระกูลอกตัญญูอย่างโฟเธีย หากนี่คือสิ่งที่พระมารดาต้องการ เขาเองก็พร้อมจะสละชีวิตนี้เพื่อคืนพรวิเศษให้แก่สายเลือดแห่งไฟสักที

     

    “จบกันสักทีนะครับ พระมารดา”

     

    ขาแกร่งย่อลงที่หน้าแท่น พร้อมเอ่ยบทกล่าวอยู่ในคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดของชาวโฟเธีย น้ำตาแห่งความสำนึกผิดที่เทพอเนโมสต้องการ หลั่งรินรดบนพื้นหินอ่อนแทบเท้าของรูปปั้นพระมารดา ที่ซึ่งด้านใต้เป็นที่พักผ่อนของพระนางผู้เป็นใหญ่

     

    “ชาวโฟเธียนั้นเต็มไปด้วยความผิด อกตัญญูแสนต่ำช้า ที่คิดล้างผลาญผู้ให้การถือกำเนิด ชาวเราไม่มีอะไรจะแลกนอกจากร่างกาย ถวายให้เป็นผู้พิทักษ์แห่งแผ่นดินเพื่อลบล้าง แม้นรู้ไม่อาจเทียบเคียงความสูญเสียของเหล่าเทวา แต่จักมอบกายถวายชีวิตนี้เพื่อล้างมลทินแห่งเทพีโฟเธียตลอดการ”

     

    ทั้งคริสและชานยอลต่างกล่าวบทสวดที่มีเฉพาะชาวโฟเธียเท่านั้นที่กล่าวได้ออกไปจนจบ ก่อนที่คริสจะหันไปมองที่อี้ชิงที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังอีกครั้ง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาแสนเศร้าของคนรักเป็นครั้งสุดท้าย มองใบหน้าของเพื่อนรักที่ก้มหลบสายตา แต่กลับสั่นเทาไปทั้งร่างอย่างน่าสงสาร

     

    ...ขอโทษที่ไม่อาจอยู่กับทุกคนต่อไปได้...

     

    “แต่ในวันนี้ ผมผู้เป็นสายเลือดเทวาแห่งเทพีโฟเธีย จะขอล้างมนต์สาปของชาวเราด้วยเลือดเนื้อของผู้ทรยศ ด้วยน้ำตาแห่งความสำนึกผิด และ เลือดเนื้อของลูกสาวผู้ชั่วช้าขอพระนางจงให้อภัยแก่ชาวโฟเธีย ขอจงคืนพรแห่งการถือกำเนิดให้แก่ชาวโฟเธีย...”

     

    ร่างสง่ากางแขนทั้งสองข้างออกกว้าง ตาคมปิดสนิทเมื่อรู้ดีว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ธาตุในกายแผดเผาเลือดเนื้อให้กายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉาน พันเกี่ยวร่างกายกำยำจนลุกเป็นไฟ แขนแกร่งกลายเป็นปีกที่พร้อมจะโยบินหนีทุกเมื่อ แต่หากตอนนี้มันกลับไม่คิดกระพือปีกโหยหาอิสระอีกแล้ว

     

    ...คริสกลายเป็นฟีนิกซ์ต่อหน้าทุกคน...

     

    ยิ่งเห็นแบบนี้ร่างบางยิ่งพยายามฝืนให้หลุดพ้นจากเวทย์ร่าย ร่างสง่าที่บอกรักเขาแท้จริงคือเจ้านกไฟในคืนจันทร์จรัส ฟีนิกซ์ที่ทุกคนบอกว่าเป็นเนื้อคู่ของเขา หากเป็นเช่นนั้นจริงทำไมถึงต้องพรากจาก ทำไมอี้ชิงถึงต้องทนเจ็บปวดอยู่เพียงฝ่ายเดียว

     

    “พี่คริส”

     

    เสียงหวานเอ่ยเรียกอีกครั้งแม้จะยากลำบาก ใจเขานั้นสั่งว่าอย่าทำแต่มือของเขากับผายออกพร้อมเรียกแร่นักรบนั้นออกมา คฑาแห่งความโศกเศร้าปรากฏกายออกมาไม่ใช่เพียงในตำนาน สีใสของผ่านดูเหมือนก่อประกายต้องแสงจันทร์

     

    ...ใครจะรู้ว่าความสวยงามนี้คือคมดาบอาบยาพิษ...

     

    “ไม่...ไม่...ไม่...”

     

    แม้จะกล่าวซ้ำไม่หยุด แต่มันไม่อาจช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปดังหวัง มือเรียวที่ถือคฑาไว้ยกสูงกว่าเดิม ตรงหน้าเขาคือร่างสง่าในร่างเจ้าฟีนิกซ์ที่สงบนิ่ง หากแต่ในของผู้ฆ่ากำลังร่ำไห้อย่างน่าสงสาร อี้ชิงไม่เคยเกลียดร่างกายของตนเองมากเท่านี้ ทำไมถึงไม่อาจควบคุมตนเองได้อย่างที่ต้องการ

     

    ...เขาไม่อยากเป็นคนที่ฆ่าคริส...

     

    “อย่า...อย่า ได้โปรด”

     

    คำภาวนาไม่มีความหมายเมื่อร่างกายนี้ไม่ได้เป็นของเขา มือเรียวยกสูงจนสุดมือ เตรียมวาดลงหมายเอาชีวิตของผู้สั่งการ

     

    ฉึก!

     

    “ไม่!!!

     

    เสียงหวานหวีดร้องอย่างรวดร้าว ไม่ต่างจากเสียงของนกยักษ์ที่แผดลั่นแสดงความเจ็บปวด เมื่อด้ามจับปักมิดลงบนกล้ามเนื้อบางอย่างตรงหน้า ตาสวยปิดสนิทแน่นพร้อมร่างกายที่ร่วงหล่นลงสู่พื้น สะอื้นไห้ไม่หยุด ไม่อยากมองใบหน้าของคนรักที่อยู่ตรงหน้า แค่รู้ว่าได้ร่างกายของตนเองคืนอี้ชิงก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคริส

     

    ...เขาสูญเสียคริสไปแล้วจริงๆ...

     

    “ได้โปรด...ด...ด!!! ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ต้องไม่ใช่!!!

     

    เซฮุนคือคนแรกที่ตรงเข้าไปจับร่างบางไว้ เขาเห็นอี้ชิงหวีดร้องแต่ไม่แม้จะยอมลืมตาขึ้นมาดูสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งรู้สึกผิดที่เป็นคนหยิบยื่นแร่นักรบแสนสวยนี้ให้แก่ร่างบาง เขาคือคนหนึ่งที่ทำร้ายอี้ชิงตามที่คริสว่า

     

    “ขอโทษ ฉันขอโทษนะอี้ชิง”

     

    ร่างสูงตรงเข้ารับร่างของเพื่อนที่กลับมาดังเดิม ทันเวลาก่อนใบหน้าหล่อจะแนบลงกับพื้นหินอ่อนของรูปปั้นพอดี ใครว่าชาวฟีนูคอนไม่มีเลือดเนื้อกัน แล้วโลหิตสีแดงที่กำลังหลั่งลงมาจากกายแกร่งนี้คืออะไร พื้นหินอ่อนเต็มไปด้วยโลหิตสีเข้ม แสงทองเรืองรองเหมือนรับรู้การล้างมนต์สาปนี้

     

    “ทะ...เทพีโฟเธีย”

     

    เสียงทุ้มที่หมอบลงไปกับร่างของเพื่อนรักที่มารองรับ เอ่ยเรียกอีกร่างหนึ่งที่นอนอยู่บนหลังของเขา มีคมหอกของคฑานั้นปักอยู่กลางอก สิ้นชีพบนหลังของสายเลือดเทวาของเธอเอง

     

    ...โลหิตนั้นก็มาจากเทพีโฟเธียอย่างแท้จริง...

     

    ตุ๊บ!

     

    ร่างของสตรีผู้สิ้นลมหายใจค่อยๆร่วงหล่นจากหลังของคริส สู้พื้นหินอ่อนด้านข้าง ตาคมเปิดขึ้นมองใบหน้าสวยของสตรีผู้เป็นตำนานแห่งการถือกำเนิดเต็มตา เขารู้ว่านี่คือเทพีโฟเธียอย่างแท้จริง เพราะนอกจากสายเลือดเทวาที่ได้รับการสืบต่อแล้ว จะไม่มีชนชั้นใดมีโลหิตอีกตามคำกล่าว แต่ที่น่าสงสัยคือทำไมที่นี่ถึงมีเทพีโฟเธีย หรือ พระนางหลบซ่อนอยู่ในเลือดเนื้อของเขามาตลอด

     

    ...สิ่งที่ทำให้เขาทุกข์ทรมานมาตลอด...

     

    ชานยอลรีบประคองร่างของคริสให้ออกห่างร่างของพระนาง ไม่ใช่ด้วยความรังเกียจ หากแต่อีกร่างกำยำที่ทรงอำนาจไม่แพ้กันกำลังย่างกายเข้ามาใกล้ แววตาสีเทาหม่นนั้นดุดัน และ โกรธแค้น

     

    ...เทพอเนโมสแห่งเมืองลม...

     

    “พระมารดาแห่งข้า”

     

    กายกำยำย่อตัวชันเข่าข้างหนึ่งขึ้นต่อหน้ารูปปั้นของผู้เป็นแม่ น้ำตาของลูกผู้ชายหลังไหลเมื่อได้มองเสี้ยวหน้าของผู้ให้กำเนิด บอกให้รู้ว่าเจ็บช้ำเพียงใดที่ต้องสูญเสียเธอไป แม่ผู้เป็นทุกอย่างของเขามาทั้งชีวิต

     

    “ทรงอยู่ที่นี่เพียงลำพังคงโศกา วันนี้ข้าเทพอเนโมสบุตรแห่งท่าน ได้นำร่างของนังน้องชั่วอกตัญญูมาถวายแด่ท่าน ถึงนางจะชั่วช้าแต่พระมารดาก็รักและโหยหานางมาตลอด วันนี้ข้าพานางมาหาท่านแล้ว ขอจงให้อภัยต่อความผิดบาปของนังน้องชั่วคนนี้ด้วยเถิดพระมารดา”

     

    แม้คำพูดที่แสนหนักแน่นนั้นจะเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น หากแต่ทุกคำพูกกลับเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อผู้หญิงทั้งสองที่สิ้นชีพลงแล้ว ความแค้นโกรธที่ชาวอเนโมสคิดมันเป็นเพียงความเคืองขุ่นของพี่ชายผู้สูญเสีย อย่างไรในสายโลหิตก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มอบให้แก่น้องสาวคนเล็ก

     

    “ไปอยู่กับพระมารดาเถิดโฟเธีย”

     

    ริมฝีปากหนาของบุรุษเพศบรรจงจูบลงที่ข้างแก้มเนียน ของน้องสาวที่สิ้นชีพด้วยน้ำมือเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะออกแรงผลักแท่นรูปปั้นให้เปิดออกด้วยแรงมหาศาลของเทพเจ้า แล้วปล่อยร่างของน้องสาวลงสู่ก้นบึ้งของผืนดินเดียวกับผู้เป็นแม่ มองดูที่พักพิงสุดท้ายของสตรีทั้งสองผู้เป็นที่รักอีกครั้ง ก่อนจะปิดแท่นหินนั้นลงอีกครั้ง ผายมือทั้งสองออกพร้อมคำร่ายที่เป็นภาษาดั้งเดิมของชาวอเนโมส สายลมโชยอ่อนที่แสดงออกถึงความเมตตา ก่อร่างกลายเป็นรูปปั้นของเทพธิดาตัวน้อยในความทรงจำ กำลังยืนอยู่ข้างรูปปั้นพระมารดา

     

    ...ขอให้สตรีที่รักทั้งสองจงอยู่ด้วยกันอย่างสงบ...

     

    “แล้วข้าจะกลับมา อยู่กับพวกท่านอีกครั้ง พระมารดาและน้องสาวผู้เป็นที่รักของข้า"

     

    ร่างกายกำยำพูดพร้อมปล่อยให้น้ำตาอีกหยดหล่นลงที่ฐานของรูปปั้น หันกลับไปมองทุกคนที่ยืนมองเขาอยู่ไม่ต่างกัน รู้ดีว่านี่คือเหล่าบุตรแห่งฟีนูคอน ลูกหลานของผู้ถือกำเนิดต่างยุค เขามองไปที่อี้ชิงเป็นคนแรกเพราะจำได้ว่าคว้าคฑามาจากมือของร่างบาง เดินเข้าไปหมายปลอบประโลมเพราะคิดว่านี่คือสายเลือดของเขา

     

    “สายเลือดแห่งข้า...”

     

    “เขาไม่ใช่สายเลือดเทวาแห่งอเนโมสหรอกครับ”

     

    มือกร้านเกือบจรดลงที่ข้ามแก้มเนียน หากแต่คริสกลับเอ่ยบอกออกมาเสียก่อนที่จะเป็นเช่นนั้น ร่างสง่าที่แม้จะอ่อนแรงจากการเสียเลือดจากปลายด้ามคฑานั้นเช่นกัน หากแต่ก็ยังพยายามที่จะเข้าไปหาอี้ชิงผู้เป็นที่รัก

     

    “ทำไมเจ้าถึงรู้สายเลือดแห่งน้องข้า”

     

    “เพราะเขาไม่มีโลหิตแห่งเทพเจ้าครับ”

     

    ความจริงที่คริสรู้ดีมาตั้งแต่ต้น ในวันที่แรกที่ได้พบกันคริสชนเข้ากับอี้ชิง ทำให้แร่นักรบที่ถือมาเฉียดเข้ากับแขนเล็ก และ มันไม่มีโลหิตติดมา นั่นจึงสร้างความแปลกใจให้กับร่างสง่า ที่ได้เห็นร่างบางถือคฑานั้นในวันประเพณีคัดสรรค์

     

    “จริงเหรอ”

     

    “ครับ ถ้าไม่เชื่อท่านจะลองดูก็ได้”

     

    อี้ชิงที่บัดนี้ลืมตาขึ้นมาแล้วนับตั้งแต่ได้ยินเสียงทรงอำนาจของเทพอเนโมส ได้แต่มองใบหน้าหล่อจัดที่แสนรักนิ่ง เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาปิดตาสนิทบ้าง แต่ก็ดีใจเหลือเกินที่ยังเห็นคริสยังคงส่งยิ้มมาให้ในตอนนี้

     

    “ขอมือหน่อยได้มั้ย ชาวอเนโมส”

     

    แขนเล็กถูกจับไว้หลังคำขออนุญาต เทพอเนโมสผายมือไปตามลำแขนนั้นเพื่อตรวจดูสายโลหิตที่หวังจะมีอยู่ในร่างบาง หากแต่มันว่างเปล่าและสิ้นหวังเหลือเกิน อี้ชิงไม่ใช่สายเลือดของเขาอย่างที่คริสว่า หากแต่เขาก็เห็นความพิเศษในร่างกายนี้

     

    ...ไหมทองแห่งฟีนูคอน...

     

    “น่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่สายเลือดของข้า หากแต่ความพิเศษในกายเจ้านั้นช่างคู่ควรกับชาวเรา”

     

    “ครับ?”

     

    ทุกคนต่างมองเทพอเนโมสอย่างไม่เข้าใจ เขายิ้มละมุนส่งให้อี้ชิงพร้อมยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กนั้นด้วยความรัก หากแต่เป็นเพียงความรักความเมตตาในแบบของผู้เป็นนาย และ สัตว์รับใช้ผู้จากลา

     

    “เจ้าคือตำนานของข้าเด็กน้อย หากแต่กายเจ้าเปลี่ยนไปจนไม่อาจจะจำได้ แต่ข้าดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง ข้าไม่อาจถือกำเนิดใหม่ได้จำต้องจากลาจากเจ้าไปแสนนาน เฝ้าฝันถึงการถือกำเนิดอีกครั้งของสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก ห่วงหาว่าเจ้าจะได้เป็นที่รักของทุกคนดังพรที่ให้ไว้มั้ย ในวันนี้ข้าไร้ข้อกังขาใดในตนเองแล้ว ดีใจจริงๆที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง ฟีนูคอนของข้า”

     

    ปากหนาบรรจงจูบลงที่กลุ่มผมดำของร่างบางอีกครั้ง เหมือนส่งผ่านความรักที่เฝ้าคำนึงหามาแสนนาน เขารู้ดีว่าในวันนี้อี้ชิงอาจไม่ใช่เจ้าฟีนูคอนน้อยคู่กาย แต่ก็ดีใจที่ได้พบมันอีกครั้งในฐานะสายเลือดแห่งสายลม

     

    “ส่วนเจ้าสายเลือดแห่งน้องข้า มลทินใดที่ข้าได้มอบให้แก่ชาวโฟเธียจะสลายสิ้น ณ วันนี้ มนต์สาปของพวกเจ้าได้ลบล้างด้วยชีวิตของน้องสาวผู้เป็นที่รักแล้ว พรแห่งการถือกำเนิดที่แท้จริงจงคืนกลับ ให้ผู้พิทักษ์แห่งโฟเธียทุกคน”

     

    คำพูดสุดท้ายจบลงก่อนที่ร่างกำยำนั้นจะลุกขึ้น เทพอเนโมสกำลังจะเดินจากไปจากพระวิหารของพระมารดา หากแต่ก็เป็นเซฮุนที่ยังคลางแคลงใจรีบวิ่งตามไป ปล่อยให้อี้ชิงได้ตรงเข้าไปหาร่างสง่า

     

    “พี่คริส ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”

     

    “เจ็บมาก แต่ยังไม่สิ้นชีพนะ”

     

    “อย่าพูดเป็นเช่นสิ ผมจะเสียใจแค่ไหนรู้มั้ยถ้ามันเกิดขึ้น”

     

    “พี่อยู่ตรงนี้แล้ว อยู่ข้างๆอี้ชิงตลอดไปไง”

     

    จุมพิตแรกแห่งการถือกำเนิดครั้งใหม่ของคริสคืออี้ชิง ใบหน้าสวยซุกลงที่ข้างใบหน้าหล่อ อดที่จะปล่อยน้ำตาแห่งความดีใจออกมาไม่ได้ ร่างสง่ายกมืออีกข้างที่ยังมีแรงขึ้นกอดร่างบางมาแนบชิดอก โดยลืมไปเลยว่าเขาก็นอนอยู่บนตักของเพื่อนรัก ที่อดที่จะตีหน้าเซ็งด้วยความหงุดหงิดใจไม่ได้

     

    ...ให้มันได้อย่างนี้สิ...

     

    คริสถูกพาตัวออกไปรักษาที่บ้านของเขา เพื่อปิดเรื่องสายเลือดเทวาให้ยังคงเป็นความลับ เช่นเดียวกับพระวิหารที่ถูกเวทย์ร่ายคืนกลับกลายเป็นผืนดินชื้นที่มีเพียงหลุมฝังศพเก่าๆ ที่เพิ่มมาอีกหนึ่งหลุมเท่านั้น ทุกคนให้สัจสัญญาต่อผู้ล่าว่าจะคงความลับนี้ตลอดไป

     

    “ผมอยากเจออี้ชิง”

     

    “ใครกันอี้ชิง”

     

    ผู้เป็นแม่ถามกลับลูกชายที่เธอกำลังนั่งป้อนข้าวต้มด้วยความสงสัย คริสฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปค่อนวัน ทั้งที่เธอทำใจตั้งแต่ลูกชายมากล่าวลา ว่าอาจไม่ได้พบใบหน้าของลูกผู้เป็นที่รักอีกแล้วแท้ๆ แต่นับตั้งแต่ร่างสง่าฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่มองหาใครบางคนอยู่ตลอดเวลา

     

    ...ใครบางคนที่ชื่ออี้ชิง...

     

    แต่คำตอบของลูกชายก็มีเพียงรอยยิ้มกรุ้มกริ่มและเงียบหายไป จนในที่สุดมารดาก็ไม่สามารถเก็บความอยากรู้ได้ในวันที่สองนี้เอง เธอเดินลงมาข้างล่างของบ้านเพื่อเอาถ้วยอาหารมาเก็บ พบเข้ากับเพื่อนรักของบุตรชายที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

     

    “สวัสดีครับคุณแม่คริส”

     

    “สวัสดีจ๊ะชานยอล”

     

    “คริสอยู่ข้างบนใช่มั้ยครับ”

     

    “ใช่จ๊ะ จะขึ้นไปก่อนก็ได้นะจ๊ะ ตอนนี้พ่อนักรักคงกำลังนั่งเหงาอยู่แน่ๆ”

     

    “พ่อนักรัก?”

     

    ร่างสูงขมวดคิ้วย่นอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ตั้งท่าจะขึ้นไปหาคริสก่อนแล้วจะลองถามดู หากแต่ก็ถูกมารดาของเพื่อนรักเรียกไว้อีกครั้งเสียก่อน

     

    “ชานยอลรู้จักเพื่อนที่ชื่อ อี้ชิง มั้ยจ๊ะ?”

     

    “อะ...เอ่อ...”

     

    ชานยอลได้แต่เกาหัวแล้วยิ้มตอบกลับไปแห้งๆ ร่างสง่าบอกเขาไว้ว่าอย่าบอกเรื่องอี้ชิงกับมารดาเป็นเด็ดขาด เพราะ ตนเองตั้งใจจะพามาให้มารดารู้จักด้วยตนเอง แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะโกหกผู้ใหญ่สักเท่าไร

     

    “...คุณแม่มีอะไรเหรอครับ”

     

    “ก็คริสเอาแต่ถามหาเพื่อนคนนี้”

     

    “มะ...ไม่มีหรอกครับเพื่อนที่ชื่ออี้ชิง ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ”

     

    ร่างสูงบอกปัดออกไปพยายามไม่พูดถึงเยอะ แล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นสองของตัวบ้านไปก่อนที่เธอจะได้โอกาสซักไซ้ต่อ เรื่องของหัวใจเพื่อนอย่างเขาคงไม่ควรเข้าไปยุ่ง ปล่อยให้แม่ลูกได้คุยกันเองจะดีกว่า

     

    ...ไม่มีจริงๆที่เป็นเพื่อน แต่รุ่นน้องก็มีอยู่คนหนึ่ง...

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 18

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    หายไปหนึ่งอาทิตย์พร้อมกลับมาแบบทิ้งปม คงมีคนสงสัยกันล่ะสิว่าแล้วเทพโฟเธียตัวเป็นๆกับเทพอเนโมสตัวเป็นๆมาได้ยังไง บอกเลยว่าปริศนานี้จะคลายออกทีละเล่มค่ะ ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกเล่มก็ได้ถ้าไม่สงสัย อันนี้ต้องขอโทษก่อนจริงๆที่ทำร้ายทุกคนทางอ้อม แต่มันเป็นอะไรที่จำเป็นต้องโยงกันจริงๆค่ะ เพราะมันเป็นจุดสำคัญของชื่อเรื่องเลยนะ จุดที่บอกให้รู้ว่าอี้ชิงคือฟีนูคอน มันต้องมีทุกเรื่องจริงๆค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ

    อีกแค่สองตอนก็จะจบพาส เพลิงพิทักษ์ แล้ว เตรียมพบกับ ตรวนกาฬวาต กันรึยังคะ รับรองว่าฮุนฮานจะมาทำให้ตัวสั่นไปทั้งกายเลยค่ะ เพราะคู่นี้จะกัดกันแบบมวยผิดคู่ 555

    เปิดจองหนังสือรอง 2/2557 สามารถตามอ่านรายละเอียดได้ที่  http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1202714 เปิดจองฟีนูคอนสองเล่มแรกแล้วนะคะ^^

     

     © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×