ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #21 : The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์ - บทที่ ๑๙

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 831
      6
      28 ก.ย. 57

     

    Title : The Phonucorn เพลิงพิทักษ์ – บทที่ ๑๙

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Yifan x Yixing

     

     

    บทที่ ๑๙
    The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์

     

     

     

     

     

    ข้อดีของการเป็นผู้วิเศษคือไม่ว่าจะอะไรก็ง่ายไปหมด แขนแกร่งกลับมาเป็นปกติก่อนจะถึงกลางสัปดาห์ต่อมาเสียด้วยซ้ำ วันนี้ร่างสง่าในชุดคลุมยาวของเครื่องแบบฤดูหนาวมายืนรอร่างบางที่หน้าหอเขตเย็นอีกครั้ง แววตาทรงเสน่ห์แหงนมองไปบนทองฟ้ายามเย็นด้วยความคิดถึง เขาไม่ได้กลายเป็นฟีนิกซ์อีกเลยนับตั้งแต่คืนล้างมนต์สาปนั้น เรื่องทุกอย่างในสุสานเป็นความลับไม่มีใครล่วงรู้นอกจากผู้ร่วมเหตุการณ์ ส่วนเทพอเนโมสก็หายไปโดยไม่มีใครทราบ หลังจากที่บอกให้ทุกคนรู้ว่าทำไมอี้ชิงถึงพิเศษกว่าคนอื่น

     

    ...ฟีนูคอนของมหานคร...

     

    “ทำไมมาไวจังครับ”

     

    “เราไม่ได้นัดเวลา ทำไมไม่คิดว่านายต่างหากที่มาช้าล่ะ”

     

    รอยยิ้มหยอกล้อถูกส่งไปให้ใบหน้าสวยเป็นเชิงถามกลับ อี้ชิงส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับผิด ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้ามาหากันแล้วสวมกอดด้วยความรัก คริสไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าหากเทพีโฟเธียไม่โผล่ออกมาในคืนนั้น พวกเขาจะมีสภาพเป็นเช่นไร เขายังได้ยินเสียงร่ำไห้ของอี้ชิงทุกเมื่อที่อยู่คนเดียว รู้ว่ามันช่างเจ็บปวดกับการสูญเสียครั้งนั้น เขาคงต้องเสียใจไปตลอดชีพหากต้องจากลาเช่นกัน

     

    “กินมื้อเย็นแล้วรึยัง”

     

    “ยังเลยครับ”

     

    “งั้นไปกินที่หอพักของฉันมั้ย”

     

    ใบหน้าสวยส่ายหน้าปฏิเสธ แม้จะไม่มีกฎห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าหอพักของอีกฝ่าย แต่เพียงแค่ไปยืนอยู่หน้าหอพักฝั่งตรงข้าม อี้ชิงก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ที่ของเขาเลยสักนิด ร่างสง่ายู่หน้าอย่างแสนเอาแต่ใจ กดคางแนบชิดกับหน้าผากมนของคนในอ้อมกอด เอ่ยถามเสียงอ่อนหวังออดอ้อนให้ร่างบางยอมไปทานอาหารด้วยกัน

     

    “ไม่อยากกินข้าวด้วยกันบ้างรึไง”

     

    “อยากสิ”

     

    “งั้นก็ไปทานกันเถอะ”

     

    คริสทำท่าจะลากอี้ชิงเข้าไปที่หอของเขาทันที หากแต่มือเรียวก็ฉุดรั้งตนเองไว้ก่อนที่จะผ่านเขตน้ำพุพอดี ร่างบางยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ก็เผยยิ้มออกไปให้อย่างจริงใจ

     

    “ไหนว่าอยากทานด้วยกันไง”

     

    “ก็อยาก แต่ไม่เอาที่หอพักเขตร้อนสิครับ”

     

    “หมายความว่ายังไง”

     

    “ไปสุสานกันมั้ยครับ”

     

    เสียงหวานเอ่ยชวนเหมือนมันเป็นเรื่องที่ปกติ แต่หากใครมาได้ยินคงคิดว่านี่เป็นเรื่องบ้าที่สุด มีคู่รักที่ไหนเขาชวนกันไปดินเนอร์ในป่าช้าบ้าง อย่างน้อยก็คริสคนหนึ่งล่ะที่ไม่อยากจะเห็นด้วยเลย ตาคมกลอกไปมาพยายามบอกอี้ชิงว่าเขาไม่อยากไป แต่เพราะไม่มีทางเลือกหากอยากอยู่ด้วยกัน สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อรอยยิ้มหวานของคนตรงหน้า

     

    “นายทำฉันจะบ้า”

     

    “แค่ไปกินข้าว ทำไมต้องจะบ้า”

     

    “เพราะนายเป็นอิลคอลลี่ที่พูดจาไม่รู้เรื่องนะอี้ชิง”

     

    “พี่เป็นอฟาไตรแบบไหนถึงไม่เข้าใจภาษาอิลคอลลี่ล่ะ?”

     

    ร่างบางสวนกลับตีหน้าซื่อถาม จนสุดท้ายคริสก็ต้องเป็นฝ่ายยอมสงบปากสงบคำ ยอมให้อี้ชิงลากเข้าไปในสุสานทั้งที่ไม่ได้ถืออะไรติดตัวมาเลย แม้พื้นที่หลังม่านหมอกนี้จะถูกนิยามว่าเป็นสุสาน แต่หากมองข้ามหลุมศพคริสตัลและเหล่าดวงวิญญาณที่สนทนากันเสียงหวีด ที่นี่ก็คือว่าเป็นสถานที่เดทที่ดีไม่ใช่น้อย

     

    ...ทั้งเงียบสงบและไร้ผู้คน...

     

    “ทีนี้ก็มาถึงปัญหาหลัก เราจะทานอะไรกัน”

     

    “ผมเตรียมมาแล้ว”

     

    “เตรียม? หมายถึงตั้งใจชวนฉันมาเดทเหรอ?”

     

    “เดท? พูดอะไรของพี่เนี่ย?”

     

    อี้ชิงอดหัวเราะให้กับคำพูดของร่างสง่าไม่ได้ คริสกอดอกยู่หน้าที่เหมือนถูกหัวเราะเยาะ เขาอุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาใช้เวลาที่ต้องนอนนิ่งบนเตียง เสาะหาข้อมูลการเข้าหาของพวกฟิสสิเพรส เพราะหวังว่าจะช่วยให้สามารถเข้ากับอี้ชิงได้มากขึ้น แต่กลายเป้นว่าอีกคนมองว่าเป็นเรื่องตลกเสียอย่างนั้น

     

    “ไปเอาคำพูดแก่แดดแบบนั้นมาจากไหน”

     

    “นายนั่นแหล่ะเป็นฟิสสิเพรสแบบไหนกัน ทำไมถึงไม่รู้จักการเดทล่ะ ฟิสสิเพรสเขาต้องรู้จักกันนะ”

     

    “พูดยังกับตัวเองเคยเป็นฟิสสิเพรสงั้นแหล่ะ”

     

    เสียงหวานยิ่งเอ่ยแซวอย่างขบขัน เพราะเท่าที่จำได้เหมือนคริสจะไม่ค่อยถูกกับพวกอิลคอลลี่เสียด้วยซ้ำ แต่อยู่ๆก็มาพูดเหมือนตนเองรู้จักกับฟิสสิเพรส ซึ่งเป็นอีกชนชั้นที่ห่างไกลออกไปเป็นอย่างดี

     

    ...นี่มันเรื่องตลกที่สุดที่เคยได้ยินเลยนะ...

     

    “นี่ไม่ตลกนะ ทำไมเรื่องง่ายๆนายก็ไม่รู้ โง่จริง”

     

    ความเขินอายที่ถูกล้อเลียนโดยร่างบาง สร้างความหงุดหงิดให้กับร่างสง่าอยู่ไม่น้อย คริสเสตามองไปทางอื่นแก้เก้อเขิน แต่แล้วก็ต้องหันกลับมาสนใจอี้ชิงอีกครั้ง เมื่อร่างบางเริ่มผายมือออกหมุนวน มันเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นอี้ชิงร่ายเวทย์ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด

     

    ...อี้ชิงไม่ใช้ผู้ถือกำเนิดธรรมดา...

     

    “อเนโมส โมโนส ซายโนเดียร์ วายดาสม่าอีมาโฟส”

     

    สิ้นคำร่ายง่ายๆนั้นสายลมที่หอบเอาฝุ่นสีทองก็หมุนวนออกมาจากฝ่ามือเรียว เกี่ยวพันก่อร่างจนกลายเป็นผ้าปูพื้นสีแดงขาวตาราง อี้ชิงสะบัดผ้าในมือด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภูมิใจ ปูมันลงกับพื้นแล้วปิดท้ายด้วยการปรบมือของตนเอง คริสเอามือป้องปากเพราะกลัวว่าเสียงหัวเราะของเขาจะทำให้เสียบรรยากาศ อี้ชิงนั้นทำให้เขานึกถึงตนเองในวัยห้าขวบ ครั้งแรกที่ได้ร่ายเวทย์แบบเดียวกันนั้น

     

    ...ความภูมิใจแบบเด็กๆ...

     

    แต่ร่างบางยังไม่หยุดความซุกซนของตนเองเพียงเท่านั้น อี้ชิงถูมือเหมือนกักเก็บลมที่อยู่ในอากาศมาไว้ ก่อนผายมือออกอีกครั้งแล้วโบกพัดมันไปมารับแรงลม พร้อมเอื้อนเอ่ยคำร่ายที่คิดว่าท่องมาดีแล้ว

     

    “อเนโมส โมโนส ซายโนเดียร์ เฟรสก้าโตปีมา”

     

    “กระต๊าก! กระต๊าก! กระต๊าก! กระต๊าก!

     

    เสียงไก่งวงตัวใหญ่สองตัวร้องลั่นพร้อมวิ่งวุ่นบนผ้าปู อี้ชิงหน้าเหวอพยายามจะวิ่งเข้าไปจับพวกมัน ในขณะที่คริสที่รู้ดีว่าอะไรที่ผิดพลาดทำแค่เพียงกอดอกมองอย่างชอบใจ เขาคิดว่าร่างบางคงอยากจะเรียกอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษออกมา แต่บังเอิญจำคำร่ายมาผิดถึงกลายเป็นเรียกไก่สดออกมาถึงสองตัวเช่นนี้ หลังจากปล่อยให้อี้ชิงวิ่งวุ่นจนกายท่วมเหงื่อ คนที่กอดอกมองก็ผายมือออกพร้อมกล่าวคำร่ายอย่างชำนาญ

     

    “โฟเธีย โออีล เซดีโอ แอนนาโตป”

     

    พรึบ!

     

    เปลวไฟลุกท่วมไก่งวงทั้งสองตัว ก่อนที่มันจะสลายไปพร้อมเปลวไฟที่ดับมอดนั้น ตาสวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะต้องมาเห็นนาทีชีวิตของไก่งวงทั้งสองที่เขาร่ายเวทย์มา อี้ชิงหันไปมองใบหน้าหล่อที่มองมาเยาะเย้ยไม่ปิดบัง คริสลอยหน้าตาเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆ แล้วยังหมุนข้อมือเล่นเริ่มร่ายเวทย์อีกครั้ง

     

    “โฟเธีย โมโนส ซายโนเดียร์ เดปิโน”

     

    ติ๊ก!

     

    สิ้นเสียงดีดนิ้ว ไก่งวงอบที่เหมาะสำหรับมื้อค่ำบนโรงแรมหรูมากกว่าป่าช้าก็ปรากฏขึ้น คริสยิ่งได้ใจยักไหล่เยาะเย้ยร่างบางหนัก ทำเป็นใช้นิ้วโป้งแคะเล็บเล่นพร้อมกล่าวคำร่ายมากขึ้นเรื่อยๆ

     

    “โฟเธีย โมโนส ซายโนเดียร์ ชิสอิโมส”

     

    น้ำผลไม้รวมสองแก้วอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ขายาวก้าวมาหยุดนั่งลงในที่ตรงข้ามร่างบาง ยกแก้วน้ำผลไม้ที่ตนเองร่ายขึ้นมาเองดื่ม ตีสีหน้าดื่มด่ำอย่างหน้าหมั่นไส้ ก่อนที่จะเบิกตาราวกับตกใจกับบางอย่างใส่อี้ชิงที่กำลังจะหั่นไก่งวงพอดี

     

    “เดี๋ยวนะ!

     

    “ครับ?”

     

    “ต้องให้ฉันร่ายเทียนประดับมั้ย?”

     

    “...?”

     

    “ก็ฉันกลัวว่าถ้าขืนให้นายร่าย มันจะกลายเป็นข่าวใหญ่เผาล้างสุสานของฟีนูคอนน่ะสิ”

     

    “หน่อย...ย...ย...ย~”

     

    อี้ชิงเข่นเขี้ยวฟันอย่างสุดจะโมโหกับท่าทางล้อเรียนของคริส หั่นไก่งวงแล้วรีบยัดใส่ปากของร่างสง่า หวังจะให้หยุดยิ้มล้อเลียนแบบนั้นสักที อี้ชิงรู้แล้วว่าตนเองไม่ได้เรื่องแค่ไหน ไม่เห็นต้องมาตอกย้ำแบบนี้เลย

     

    ...ไอ้พี่คริสบ้า...

     

    “พี่ไม่เห็นต้องทำท่าดีใจเลย พี่เรียนมาตลอดชีวิต ใช้มันอยู่ประจำ ก็ต้องทำได้ดีกว่าผมเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ถ้าทำไม่ได้สิถึงจะน่าแปลกใจ”

     

    “เหรอ~ แต่นายก็อยู่ที่นี่มาตั้งสามเดือนเข้าไปละ บทเรียนอนุบาลแบบนี้ยังกล้าร่ายไม่ถูกอีกหรอ ถามจริงนะว่าให้อาจารย์ดาเฮโกงคะแนนสอบให้รึเปล่าเนี่ย”

     

    “ไม่ใช่สักหน่อย!

     

    เสียงหวานแหวขึ้นทันทีที่ถูกถามกลับด้วยคำถามชวนโมโห อี้ชิงไม่เคยคิดโกงคะแนนสอบไม่ว่าอยู่ที่ไหน มันก็แค่บังเอิญว่าเซฮุนนั้นเป็นนักเกร็งคะแนนสอบ แล้วเขาก็เป็นคนที่มีความจำเป็นเลิศเท่านั้น

     

    “แล้วจะเสียงดังทำไม ก็แค่พูดเล่นตามที่ได้ยินรุ่นน้องคนอื่นพูดมาเท่านั้น”

     

    “คนอื่นพูดว่าไงเหรอครับ”

     

    “ก็พวกนายโกงข้อสอบไงล่ะ”

     

    “ไม่จริงนะ!

     

    “แล้วทำไมถึงทำข้อสอบได้ดีขนาดนั้น แค่ร่ายเวทย์ธรรมดานายยังพลาด เป็นฉันก็สงสัยเหมือนกันล่ะ บอกความลับมาเถอะ”

     

    ใบหน้าหล่อยกยิ้มกวนประสาทใส่ ขณะที่มือก็หั่นไก่งวงตัวโตที่ได้จากการร่ายเวทย์ของร่างบางเข้าปาก เห็นใบหน้าสวยม้วนยุ่นหลังคำถามก็อดรู้สึกผิดไม่ได้

     

    “เป็นอะไรไป ฉันก็แค่ถามเล่นๆ”

     

    “เอาจริงๆนะพี่คริส ผมก็ว่ามันแปลกๆ”

     

    “หือ?”

     

    “เซฮุนน่ะ เก่งมากเลยเรื่องการเกร็งข้อสอบ”

     

    “ยังไง”

     

    “เหมือน...เขารู้อยู่แล้วว่าอาจารย์จะออกแบบนี้เลย”

     

    ร่างสง่าที่ไมได้ใส่ใจในประโยคบอกเล่านั้นนักในตอนแรก หันมาสนใจทันทีพอได้ยินเช่นนั้น เขารู้ว่าอี้ชิงไม่ได้อ่านคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดถึงไม่เอะใจ แต่เขาที่ทบทวนเรื่องราวทุกบรรทัดในบันทึกนั้นมาตลอดชีวิต รู้ดีว่ามีบางอย่างที่ประหลาดมากสำหรับเรื่องนี้ บางอย่างที่เกี่ยวกับสายเลือดเทวาแห่งอเนโมส ความหมายที่แท้จริงของคำว่าผู้จองจำ เขาอยากจะถามออกไปตรงๆถึงสิ่งที่สงสัย แต่พอคิดว่าเรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องตามหาในสิ่งที่ไร้ค่า

     

    ...ต่อแต่นี้ขอแค่มีความสุขกับอี้ชิงก็พอ...

     

    “เขาอาจจะรู้จักนิสัยของอาจารย์คนนั้นเป็นอย่างดีก็ได้”

     

    “นั่นสินะครับ”

     

    “ทานนี่หน่อยนะ”

     

    มือหนาหั่นไก่งวงอีกค่ำส่งให้ปากอิ่มได้ลิ้มรส ทั้งสองพูดคุยกันจนฟ้ามืดพร้อมทานอาหารสุดพิเศษที่พวกเขาร่ายมันขึ้นมา ราตรีนี้ยาวนานกว่าที่เคยเป็นมา มันอบอวลไปด้วยความสุขอย่างที่คริสคนเดิมไม่กล้าจินตนาการถึง หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงกำลังโบยบินบนท้องฟ้า ร่างกายร้อนลุ่มด้วยเปลวไฟ พร้อมดวงใจที่มองหาแต่ความสงบ

     

    ...แต่เดี๋ยวนะ เหมือนเขาลืมบางอย่างไป...

     

    เสียงนกนิลที่บินร่อนอยู่บนท้องฟ้า ทำให้หวนคิดถึงเจ้าฟีนิกซ์ยักษ์ที่ถูกจองจำอยู่ไกลออกไปในดินแดนเขตโฟเธีย คริสยันกายขึ้นจากที่นอนมองท้องฟ้ามืดมิดเต็มไปด้วยกลุ่มดาว อี้ชิงมองใบหน้าหล่อที่ดูตระหนกด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเงยหน้ามองตามนกตัวนั้นตามไปด้วย

     

    “คิดถึงตอนที่ได้โบยบินบนท้องฟ้าเหรอครับ”

     

    “ช่วงเวลานั้นฉันไม่อยากจะนึกถึง มันมหัศจรรย์สำหรับคนอื่น แต่สำหรับฉันมันคือความเจ็บปวด”

     

    เจ็บปวดที่เหมือนมีแค่ตนเองที่ต้องทุกข์ทรมาน โดยที่คนอื่นกลับมองว่ามันเป็นเรื่องของความผิดบาปที่สมควรชดใช้ ไฟที่ท่วมร่างไมใช่เปลวเพลิงที่แสนหวานอย่างที่ชาวโฟเธียชอบ แต่หากเป็นไฟที่เต็มไปด้วยแรงแค้นที่เผาเขายิ่งทรมาน ตอนนี้เขาหลุดพ้นมาจากมันได้แล้ว ก็ไม่อยากนึกถึงวันคืนที่ร้อนรนนั้นอีก

     

    “แล้วพี่มองอะไรล่ะครับ”

     

    “ก็แค่กำลังคิด ว่ามันจะคิดเหมือนฉันมั้ย”

     

    ใบหน้าหล่อเอียงซบลงกับศีรษะเล็กที่อิงแอบอยู่บนไหล่ของเขา มันจะมีความสุขมั้ยหากเขาปลดปล่อยมัน จะได้เคียงคู่กับคนที่รักดังเช่นเขาเป็นมั้ย

     

    ...ฉันอยากรู้ว่าแกจะคิดเช่นไร เจ้าฟีนิกซ์...

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    “ไม่คิดเลยว่านายจะตอบแทนคำว่าเพื่อนรักกับฉันแบบนี้”

     

    “ฉันอยากให้นายมีช่วงเวลาที่น่ากดจำนะ”

     

    “โดยการมาที่บ้านของบรรพบุรุษนายอีกรอบเนี่ยนะ!!!

     

    “นายจะได้คุ้นเคยกับคุณย่าทวดลำดับที่หนึ่งของฉันไง เปิดมันเร็วๆเข้า”

     

    “ฉันเกลียดนายว่ะ...โฟเธีย โมโนส เซดีโอ อาร์นิโต”

     

    แก๊ก!...แอ๊ด...ด...ด...ด

     

    เสียงบานประตูเก่าของเทวสถานเทพีโฟเธียถูกเปิดออกอีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนครั้งแรกที่พวกเขามาด้วยกัน หากแต่ครั้งนี้คริสกลับพาร่างบางมาด้วย อี้ชิงใช้เวลาตั้งสิบนาทีในการประกอบร่าง ที่นี่มีสายลมแต่มันโชยอ่อนและอุณหภูมิก็ยังสูงจนอี้ชิงแทบสลบ

     

    “พี่พาพวกเรามาที่นี่ทำไม”

     

    “พานายมาเจอกับเทพีโฟเธียน่ะสิ วันนั้นนายหลับตาแน่นคงยังไม่ทันเห็นต้นตระกูลของฉัน คงไม่เห็นความงดงามของพระนางแห่งไฟ”

     

    รอยยิ้มที่แสดงออกถึงความภาคภูมิใจในสายเลือด ทำให้อี้ชิงอดที่จะยิ้มตอบไม่ได้ ทั้งที่เมื่อหันมองเข้าไปในความมืดนั้นแล้วช่างน่ากลัวเหลือเกิด มือหนากระชับแน่นเพื่อคลายกังวลของร่างบาง ก่อนที่เขาจะร่ายเวทย์แห่งแสงสว่าง

     

    “โฟเธีย โมโนส เซดีโอ แลมปาส...เข้าไปกันเถอะ”

     

    “นี่มันบ้า ฉันยังไม่มีแฟนเลยนะเว่ย”

     

    “นายรอดออกไปได้แล้วครั้งนึง ครั้งนี้ก็ไม่ต่างหรอก”

     

    “พูดอย่างนี้กล้าสาบานมั้ยว่าแกเป็นเพื่อนฉัน!

     

    ชานยอลหัวเสียหนักกับคำพูดของคริส แต่ก็ยอมเดินเข้าไปในเทวสถานที่ตนเองร่ายเวทเปิดประตูไว้ ร่างสูงเดินไปหยุดในจุดที่มีแต่เถ้าถ่านกองโตอยู่ หันไปมองใบหน้าหล่อจัดมีความคิดไม่ต่างกัน

     

    ...ฟีนิกซ์ตัวนั้นหายไปแล้ว...

     

    “มันหายไปไหนแล้ววะ?”

     

    “ฉันก็อยู่กับนายจะรู้ได้ยังไง”

     

    ตาคมมองไปที่กองเถ้าถ่านนั้นพร้อมย่อตัวลงตรงหน้ามัน มือหนากอบเอาเศษเถ้าขึ้นมาสูดดม เขาคุ้นเคยกับการถือกำเนิดของฟีนิกซ์ รู้ดีเกี่ยวกับความเป็นไปของพวกมันทุกอย่าง เพราะไม่เคยคิดว่าเขาจะหลุดพ้นจากมันมาได้เช่นนี้ กลิ่นเถ้าในมือนั้นชื้นและอุ่นสนิท ไม่มีวี่แววของการถือกำเนิดใหม่จากกองเถ้าถ่านพวกนี้

     

    ...โดยธรรมชาตินั่นคงหมายถึงการแตกดับครั้งสุดท้าย...

     

    ฟีนิกซ์ก็คือสัตว์วิเศษชนิดหนึ่งที่มีห้วงอายุที่เกิดและแตกดับเช่นกัน แม้พวกมันจะเกิดดับอยู่หลายครั้งจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายก็ตาม เศษเถ้านี้คือร่างกายของฟีนิกซ์แต่ละตัว ทุกขนสลวยคือเลือดเนื้อที่ประกอบเป็นธาตุ หากแต่คริสก็รู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่การแตกดับครั้งสุดท้าย

     

    ...มันยังไม่ตาย...

     

    “เป็นยังไงบ้างครับ”

     

    “มันยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า”

     

    คำถามของชานยอลกับอี้ชิงมีความหมายไม่ต่างกัน ร่างสูงคงรู้ดีว่านี่เหมือนการแตกดับครั้งสุดท้ายตามที่เคยอ่าน หากแต่อี้ชิงก็แค่ถามเพราะยังไม่รู้ว่าสิ่งที่หายไปคืออะไร และ เศษเถ้าถ่านนี้สำคัญเช่นไร

     

    “มันยังมีชีวิต แต่หายไปจากที่นี่”

     

    “อะไรเหรอครับ?”

     

    ร่างบางย่อตัวลงไปจับแขนแกร่งด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะเอ่ยถามพร้อมมองใบหน้าหล่อจัดที่เศร้าหมองด้วยความเป็นห่วง อยากรู้เหลือเกินว่าสิ่งใดแฝงอยู่ในแววตาดุดันคู่นี้

     

    “มันเป็นสิ่งที่นายต้องรู้ บนโลกของฟีนูคอนไม่ได้มีฟีนิกซ์เพียงหนึ่งเดียว นี่คือเถ้าถ่านของชีวิตหนึ่งที่ถือกำเนิดมาแล้ว แต่ตอนนี้มันหายไปในที่ไหนสักแห่ง”

     

    “นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่นายผู้สร้าง กับ ทาสรับใช้ผู้จงรักได้กลับมาพบกันอีกครั้ง”

     

    “เทพอเนโมสเหรอครับ”

     

    คริสและชานยอลมองหน้ากันอย่างไร้ซึ่งคำพูดใด รู้ดีว่าไม่ใช่อย่างที่อี้ชิงคิดแน่ เทพอเนโมสเป็นพี่ชายและนายที่แสนเมตตา เขาไม่มีทางทำร้ายสัตว์วิเศษที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของพระบิดาได้แน่

     

    ...สายลมจะทำให้ไฟมอดดับ...

     

    “อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้”

     

    “นั่นสิ”

     

    ถึงมันจะยังเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เข้าใจ แต่หากมองว่าบางอย่างมันอาจเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุม ทุกคนก็อาจจะสามารถดำรงอยู่ต่อไปโดยโชคชะตาของตนเองนำทางอย่างเป็นสุข บางทีฟีนิกซ์ตนนั้นอาจเป็นร่างจำลองของเทวรูปเทพีโฟเธียก็เป็นได้

     

    ...ขอให้แกจงโชคดี เพื่อนของฉัน...

     

    “ในเมื่อไม่มีมันแล้ว พวกเราก็ควรจะรีบกลับ”

     

    “ไปสิ”

     

    มือหนากุมมือเรียวแน่น พร้อมหันไปยิ้มให้อี้ชิงพยายามไม่คิดมากอีกต่อไป เขาอาจจะเป็นสายเลือดเทวา และ ฟีนิกซ์ก็เป็นสัญลักษณ์ของต้นตระกูลที่อยากจะปกป้องไว้อย่างดีที่สุด หากแต่มองกลับกันคงเป็นไปไม่ได้ ที่เขาเพียงคนเดียวจะปกครองคนทั้งเผ่าพันธุ์ไว้ได้ หากทุกคนไม่มีศรัทธาต่อเผ่าพันธุ์ก็จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้ เหมือนที่เทพีโฟเธียไม่ศรัทธาต่อความรักของพระมารดา จนต้องสละชีพสิ้นความเป็นเทพเจ้าเช่นกัน

     

    “คือฉันก็รู้นะว่ารักกันนะ แต่เห็นหัวฉันนิดนึง ฉันไม่ใช่พนักงานเปิดประตูนะเว่ย!

     

    ชานยอลบ่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย เมื่อหันไปเห็นคริสและอี้ชิงกำลังจับมือมองกันตาหวานซึ้ง ในขณะที่เขาทำหน้าที่เพียงเปิดและปิดประตูเทวสถานเท่านั้น

     

    “ขอโทษนะเว่ย ก็นายก็มีแฟนดิ”

     

    คริสยักไหล่ให้อย่างเยาะเย้ย ก่อนจะมองประตูเทวสถานของเทพีโฟเธียค่อยๆปิดลง นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้มองมันปิดลง หากแต่ก็ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะต้องมาที่นี่

     

    ...จบสิ้นกันที มนต์สาปแห่งโฟเธีย...

     

    “ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ อยากมาทวงบ้านของบรรพบุรุษคืนรึไง”

     

    “บรรพบุรุษอะไร”

     

    “ก็นายเป็นสายเลือดเทวาแห่งโฟเธีย”

     

    “ไม่ใช่ ตอนนี้ฉันเป็นแค่ชาวโฟเธียธรรมดาแล้ว”

     

    ชานยอลยิ้มให้กับคำพูดของเพื่อนรัก เขารู้ดีว่าคริสเฝ้ารอวันนี้มาตลอดชีวิต แม้แต่ตัวเขาเองที่ไม่ต้องมีสายเลือดเทวาใดๆปนอยู่ยังสัมผัสได้ เหมือนเราได้รับอิสรภาพที่เฝ้ารอมาแสนนาน แม้ทุกอย่างจะยังดำรงไปต่อจากเดิมไม่ผิดเพี้ยน มันเหมือนเดิมจนบางครั้งยังอดถามขึ้นในใจไม่ได้

     

    ...มนต์สาปนั้นมีอยู่จริงหรือไม่...

     

    หรือมันเป็นเพียงความเชื่อที่คัมภีร์แห่งการถือกำเนิดลวงหลอกพวกเขาอยู่ ความกลัวที่เกิดขึ้นทั้งที่ไม่เคยประสบ นั่นเหรอคือมนต์สาปที่เขาว่าร้ายแรงที่สุดในพรถือกำเนิดทั้งหมด สำหรับชานยอลแล้วตอนนี้มันคงเป็นได้แค่ความเชื่อหนึ่งเท่านั้น เป็นความเชื่อที่เขาจะไม่มีวันลืมเลยทั้งชีวิต จะต้องไม่มีการเสียสละของใครเกิดขึ้นอีก...จบเสียที

     

    “ไอ้คริส ฉันดีใจนะเว่ยที่เป็นเพื่อนนาย”

     

    “อย่ามาทำซึ้ง อยู่ต่อหน้าแฟนฉันต้องเท่”

     

    “เท่ตายล่ะ จริงๆฉันยังไม่เคยเห็นนายขออี้ชิงคบเลย จริงมั้ยอี้ชิง”

     

    ร่างสูงหันไปพูดกับร่างบางอยางขอความเห็น ไปกระตุ้นต่อมนึกคิดของอี้ชิงขึ้นมาพอดี มันคือความจริงที่ว่าพวกเขายังไม่เคยพูดเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง มือเรียวค่อยๆผละออกอย่างกระดากอาย แต่ก็ถูกมือหนาคว้าไว้อีกครั้ง สายตาดุหันไปคาดโทษเพื่อนรักที่ทำให้ร่างบางเขว แต่ก็ถูกชานยอลยักไหล่ใส่อย่างไม่สนใจ

     

    “ฉันไม่เคยมีแฟน ไม่รู้นี่หว่าว่าห้ามพูด”

     

    “ไอ้...”

     

    “ไปล่ะนะ”

     

    ฟู่~

     

    ชานยอลรีบสลายร่างกับกองเพลิงที่หน้าเทวสถาน ส่วนคริสก็ได้แต่อ้าปากที่เตรียมด่าค้างไว้ อยากจะด่าเพื่อนก็ส่วนหนึ่ง แต่คงต้องรีบตามร่างบางแสนงอน ที่ไม่รู้เลยว่าเมืองโฟเธียนั้นไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะมาเดินเล่น

     

    “เดี๋ยว อย่าเพิ่งไปสิอี้ชิง!

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 19

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    แล้วฟิคเราก็มีโหมดมุ้งมิ้งนะคะ ช่วงนี้แอมเร่งทำโปรเจคจบค่ะ เลยไม่มีเวลามาอัพระหว่างอาทิตย์เลย ส่วนวันนี้ใครว่างก็ไปเจอกันที่เอสนะคะ ไปรับเลย์กันเยอะๆนะคะ^^

    อีกแค่ตอนเดียวก็จะจบพาส เพลิงพิทักษ์ แล้ว เตรียมพบกับ ตรวนกาฬวาต กันรึยังคะ รับรองว่าฮุนฮานจะมาทำให้ตัวสั่นไปทั้งกายเลยค่ะ เพราะคู่นี้จะกัดกันแบบมวยผิดคู่ 555

    เปิดจองหนังสือรอง 2/2557 สามารถตามอ่านรายละเอียดได้ที่  http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1202714 เปิดจองฟีนูคอนสองเล่มแรกแล้วนะคะ^^

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×