ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #26 : The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๓

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 741
      3
      2 พ.ย. 57

     

    Title : The Phonucorn ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๓

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Sehun x Luhan

     

     

    บทที่ ๓

    The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต

     

     

     

     

     

    “อี้ชิงจะเป็นอะไรมั้ย?”

     

    นี่เป็นคำเดิมที่พูดออกมาราวๆร้อยกว่าครั้งตลอดหนึ่งชั่วโมง นับตั้งแต่อี้ชิงถูกเรียกตัวไปที่ห้องอธิการบดี ลู่ฮานเหมือนจะเป็นกังวลว่าเพราะเขายื่นน่องไก่นั่นให้อี้ชิง จึงทำให้ร่างเล็กนั้นต้องมีปัญหา แต่ร่างบางก็ไม่กล้าพอที่จะปรึกษาเซฮุน ที่เอาแต่จิ๊ปากบอกว่ารำคาญคำถามนี้มากแค่ไหน ลู่ฮานจึงทำได้แค่พูดคนเดียวอยู่บนเตียงของตนเองเท่านั้น

     

    “คงไม่เป็นอะไรมั้ง แล้วถ้าเป็นละ...”

     

    “หยุดพูดมากสักทีได้มั้ย มันน่ารำคาญนะ!!!

     

    ในที่สุดฟางเส้นสุดท้ายของเซฮุนก็ขาดลง ร่างสูงปล่อยเท้าลงมากระแทกพื้นห้องแสดงถึงห้วงอารมณ์ที่คุกรุ่น จนลู่ฮานที่นั่งอยู่บนเตียงไม่ไกลถึงกับสะดุ้ง ถดตัวไปชิดผนังอย่างอัตโนมัติ แต่ยังไม่ทันไรเซฮุนก็คว้าแขนเล็กให้ลงมาจากเตียงอย่างแรง ตามแรงขืนของลู่ฮานที่จะไม่ยอมให้ถูกลากไปง่ายๆ

     

    “นายจะทำอะไรฉันน่ะ!!!

     

    “ก็บ่นมากนัก ก็จะพาลงไปรอไง ฉันจะไม่ยอมรำคาญคนเดียวหรอกนะ เป็นคนยังไงกัน เสี่ยว ลู่ฮาน ถึงได้ปากเล็กปากน้อยพูดคำเดิมๆไม่จบไม่สิ้นสักที!

     

    “ฉันไม่ได้ปากเล็กปากน้อย!

     

    “ปากเล็กปากน้อย นายมันตาแก่ขี้บ่นเนโร นิสัยก็จู้จี้เป็นผู้หญิงเชียวล่ะ สมแล้วที่เขาว่าบุรุษแห่งเนโรมักจะมีนิสัยคล้ายผู้หญิง น่ารำคาญ!!!

     

    “งั้นที่เขาว่าบุรุษแห่งอเนโมสนั้นกะล่อนก็คงไม่ต่างกัน”

     

    “มันก็เรื่องของพวกฉัน จอมจุ้น!!!

     

    ลู่ฮานรู้สึกเดือดพล่านในทุกประโยคที่เซฮุนพูดออกมา ไม่ว่าคำพูดไหนที่เสียงทุ้มนั้นเปล่งออกมา มันก็กรีดหัวใจของชาวเนโรคนนี้จนแสบร้อนไปหมด แต่คำพูดร้ายกาจที่เขาไม่ค่อยได้ใช้กับใคร มันกลับไม่ทำให้ผิวหนังหนากร้านของชาวอเนโมสสะเทือนได้เลย

     

    ...น่าโมโหที่มีแต่ตนเองต้องเจ็บใจ...

     

    “มีอะไรจะพูดมากอีกมั้ย?”

     

    “ฉันไม่ได้พูดมาก!

     

    “งั้นก็เดินสักที ฉันไม่อยากแตะต้องตัวนายนานๆ กลัวจะเป็นโรคผิวหนังเพราะสิงอยู่ในน้ำมากเกินไป ถามจริงๆนะว่าชีวิตนี้พวกเนโรเขาเป็นโรคเชื้อรากันทุกคนเลยใช่ปะ ดูนายสิลู่ฮานเริ่มมีเกลื้อนขึ้นแล้วนะ”

     

    “โอ เซฮุน!!!

     

    เสียงหวานแผดลั่นเมื่อร่างสูงปล่อยระเบิดลูกสุดท้ายใส่ แล้วทำเป็นเดินลอยหน้าลอยตาออกจากห้องไป เป็นผลให้ขาเล็กต้องรีบวิ่งตามไปเพื่อต่อปากต่อคำอย่างไม่ยอมแพ้ สุดท้ายก็เลยกลายเป็นว่าเขาลงมานั่งที่ห้องโถงตรงทางเข้าของหอพัก พร้อมกับเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารอีกสองคน และ อีกหนึ่งตัวมารที่ชื่อเซฮุน

     

    “อย่าทำหน้ายู่แบบนั้นสิลู่ฮาน”

     

    “นายก็ไปถามเพื่อนนายสิ ว่าเมื่อไรจะเลิกทำหน้ากวนประสาทใส่ฉัน”

     

    “ฉันจะทำหน้ายังไงแล้วนายมายุ่งอะไรด้วย นี่มันหน้าฉัน”

     

    “ก็มันเกะกะลูกตาฉัน!

     

    “นายก็ไปมองทางอื่นสิ”

     

    “ได้!!!

     

    สิ้นคำไล่นั้นลู่ฮานก็เลือกจะเดินไปยืนที่หน้าต่างบานใหญ่ ที่ไม่ห่างจากจุดเดิมที่นั่งนัก เขาอยากเห็นอี้ชิงเป็นคนแรก แต่เพียงไม่นานที่เขามายืน ร่างสง่าของบุรุษแห่ง    โฟเธียที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดีก็เดินผ่านมาเสียก่อน คริสไม่ได้เดินไปทางหอพักของพวกเขตร้อนอย่างที่ควรจะเป็น

     

    “หือ?”

     

    ร่างบางมองตามไปอย่างสงสัย ในเมื่อคริสมาแล้วทำไมอี้ชิงยังคงไร้วี่แววจะปรากฏตัว ลู่ฮานมองตามไปจนคริสเกือบจะเดินเข้าไปในม่านหมอกที่กั้นสุสานไว้อยู่แล้ว ชั่ววูบหนึ่งที่คริสเหลือบตามองกลับมา มันดูดุดันและเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ที่ทำให้    ลู่ฮานต้องรีบหลบตัวเข้ามาหลังม่าน แล้วก็เป็นเซฮุนที่มองเห็นท่าทางแปลกๆของลู่ฮานเข้าพอดี

     

    “หลบอะไรของนาย”

     

    เสียงทุ้มถามออกไปเรียกสายตาของเพื่อนทั้งสอง ที่อยู่ร่วมห้องโถงได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงเด็กหนุ่มอีกคนที่เดินเข้ามาพร้อมตะกร้าใส่ไหมพรมด้วย ลู่ฮานที่ยังดูมีความตื่นกลัวอยู่ในแววตาเงยหน้าขึ้นสบตาคมแล้วรู้สึกใจชื้นขึ้น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องนี้ ถึงคริสเห็นก็คงไม่กล้าทำอะไรเขาแน่

     

    “ฉันเห็นพี่คริสกับผู้ล่า เดินเข้าไปในสุสาน”

     

    “แล้วอี้ชิงล่ะ?!

     

    เซฮุนเริ่มนั่งไม่ติดพอกัน ลุกไปในตำแหน่งที่ลู่ฮานยืนอยู่ และ เห็นหลังของ    ร่างสง่าหายเข้าไปในม่านหมอก ที่ติดอยู่กับทางเดินของหอพักพอดี หันมามองร่างบางที่เริ่มมีสีหน้าวิตกกังวลหนัง

     

    “เห็นอี้ชิงเดินเข้าไปด้วยมั้ย?”

     

    “ไม่ มีแค่เขาสองคนเท่านั้น”

     

    “แล้วอี้ชิงไปไหนล่ะ”

     

    คำถามของแบคฮยอนมันก็เหมือนๆกับคำถามในหัวของเพื่อนๆทุกคน ยกเว้นก็แค่หนึ่งคนที่ยังนั่งถักไหมพรมสบายใจอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง

     

    “ตีโพยตีพายไปก็เท่านั้น ไม่มีใครเห็นอี้ชิงในนั้นเสียหน่อย”

     

    คำพูดลอยๆจากคนที่ยังคงถักไหมพรมอยู่ เหมือนเรียกสติของเพื่อนทั้งสี่ที่กระเจิดกระเจิงให้เข้าที่ เซฮุนเผลอจับมือลู่ฮานที่เย็นชื้น ให้เดินตามมานั่งลงที่โซฟายาวตัวเดิม ไม่มีคำพูดถากถางให้ต้องเถียงกันเหมือนตอนแรก ทุกคนก็แค่มองหน้ากันด้วยความกังวล พวกเขารู้ดีว่าหากอี้ชิงต้องเข้าไปในสุสานคงไม่ใช่เรื่องดี แม้แต่วิธีเรียกแร่นักรบอี้ชิงก็ทำไม่เป็น แล้วอย่างคริสเหรอจะช่วยอี้ชิงจากอันตรายพวกนั้น

     

    “นายโอเครึเปล่าอี้ชิง นายโดนลงโทษยังไง ลู่ฮานบอกว่าเห็นพี่คริสเดินตามพวกผู้ล่าเข้าไปทางสุสาน”

     

    การรอคอยที่ใช้เวลาไม่น้อยจบลง เมื่อบานประตูของหอพักเขตเย็นเปิดออก และเป็นแบคฮยอนที่เดินไปประคองปลอบอี้ชิงไว้ เซฮุนไม่กล้าถามอะไรออกไปทันที เพราะสีหน้าของเพื่อนใหม่ดูไม่สู้ดีนัก จึงทำได้แค่ปล่อยให้คนอื่นยิงคำถามออกไป แล้วรอดูว่าอี้ชิงจะตอบคำถามไหนก่อน

     

    “ในสุสานมีอะไรเหรอ?”

     

    “ก็พวกผีน่ะ หลายเผ่าพันธุ์ หลายเชื้อชาติ มันยากที่จะควบคุม ส่วนมากจะเป็นความรับผิดชอบของผู้ล่าจากเผ่าโบโลนี พวกนั้นสามารถโดนน้ำได้ระดับหนึ่ง และ ทนความร้อนได้เช่นกัน จึงง่ายกว่าถ้าเจอพวกผีพราย หรือ ผีที่เป็นดวงจิตของโฟเธีย”

     

    “ผู้ล่าคือใคร?”

     

    เซฮุนเริ่มนั่งไม่ติดเมื่ออี้ชิงเอาแต่ถามคำถามออกมา เขาอยากรู้บทลงโทษของร่างเล็กมากกว่า พยายามเพ่งจิตไปที่คำพูดต่างๆนั้นอย่างใจเย็น แต่ยิ่งมันมีแต่ความว่างเปล่า เขาก็เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาทีละนิด

     

    “เหมือนยมทูตของฟีนูคอน สวมชุดคลุมสีดำสนิทประกายม่วงเมื่อต้องแสงจันทร์ ไม่มีใครเคยเห็นร่างกายของพวกเขา ไม่รู้ว่าพวกเขาคือใคร รู้แค่พวกเขาอยู่ที่นี่กับพวกเรา อาจเป็นนักศึกษาคนใดคนหนึ่งของมหาวิทยาลัย กระจายตัวอยู่ในทุกๆเขตในฐานะประชากรของเราทั้งที่ไม่ใช่ บางตำนานบอกว่าเขาทำงานเพื่อล้างบาปให้เทพีแห่งเขา แต่ไม่มีที่ไหนกล่าวถึงความผิดของเทพีโบโลนี”

     

    “หรือมันอาจจะไม่ใช่ความผิดของพระนางก็ได้”

     

    ตาคมวาดมองเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่มาอยู่ในวงสนทนาตั้งแต่ต้นอีกครั้ง เขาพยายามสังเกตทุกอย่างจดจำทุกคำพูดของคนๆนี้ แต่มันยากเหลือเกินที่เขาจะมีสมาธิต่อสายตาสงบนิ่งกว่า เหมือนมีบางอย่างในตัวของคนตรงหน้า บอกเขาว่าอย่าได้สงสัยในความเป็นคนๆนี้เลย

     

    ...ทำไม?...

     

    “นายหมายถึงอะไร นายพูดเหมือนไม่เชื่อในคัมภีร์ถือกำเนิด ตั้งแต่เมื่อช่วงอาหารค่ำแล้วนะ”

     

    “ฉันไม่ได้บอกว่าฉันไม่เชื่อในคัมภีร์ถือกำเนิด แต่ฉันไม่เชื่อในเรื่องที่ไม่มีอยู่จริงต่างหากล่ะ”

     

    “นายจะบอกอะไรพวกเรา”

     

    “ก็แค่จะบอกว่า อย่าเชื่อในเรื่องที่นายไม่ได้รู้ได้ด้วยตัวเอง คนทุกคนมีชะตาชีวิตที่ถักทออยู่ น่าจะเชื่อในสิ่งที่จำเป็นกับชีวิตก็พอแล้ว”

     

    ...แล้วอะไรกันที่จำเป็นต่อการถือกำเนิด...

     

    เซฮุนอยากถามออกไปเช่นนั้น เขาอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่อยู่ในใจของคนๆนี้ ดวงใจที่ปิดกั้นต่อความถูกและความผิด แต่ยังไม่ทันที่เขาจะมีความกล้าพอจะถามออกไป เด็กหนุ่มก็เดินถือตะกร้าไหมพรมของตนเองออกไปเงียบๆ เหมือนกับตอนที่เขาเดินเข้ามาอยู่ตรงนี้เงียบๆ

     

    “ฉันว่าหมอนั่นน่ะประหลาด พูดแต่อะไรประหลาดๆ”

     

    “แต่มันก็จริงของมันนะซิ่วหมิน ทำไมเราไม่เคยสงสัยว่าตำนานพวกนั้นจริงรึเปล่า ทั้งที่พวกเราไม่เคยเจอมันด้วยตัวเอง บางอย่างอาจถูกบิดเบือนเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ของตัวเองก็ได้”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยออกไปด้วยใจที่สับสน เขามองเห็นความแปรปรวนนั้นในแววตาของลู่ฮานเช่นกัน ความรู้สึกที่อยากจะเชื่อมันสุดใจ แต่ก็ยังไหวติงต่อคำพูดที่ดูเหมือนจะตอกย้ำให้เห็นชัด ว่าทุกๆความเชื่อในฟีนูคอนมันไม่มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงสักนิด

     

    ...ก็แค่เสียงเล่าขานของบรรพบุรุษ...

     

    “แต่ฉันเชื่อในสายเลือดแห่งปาโกสนะเซฮุน ฉันเชื่อในตำนานของเผ่าเรา”

     

    “จะยังไงก็ช่างเถอะ ว่าแต่นายโดนลงโทษอะไรกันแน่อี้ชิง อย่าบอกนะว่าให้ไปนั่งเฝ้าสุสานนั่น”

     

    ร่างสูงกล่าวปัดเพราะเขารู้ดีว่าแรงศรัทธาของชาวปาโกสนั้นรุนแรงมากแค่ไหน ในบรรดาหกธาตุแห่งการถือกำเนิด ชาวปาโกสถือว่ามีพวกเคร่งศาสนามากกว่าเผ่าอื่น แม้แต่ซิ่วหมินที่เป็นเพื่อนของเขา อยู่กับเขาที่เรียกว่าเป็นมารความเชื่อเลยก็ว่าได้ แต่ซิ่วหมินก็ยังไม่เคยไหวตามคำพูดเขาสักนิด มันคงไร้ประโยชน์ที่จะพูดกับแบคฮยอนเช่นเดียวกัน

     

    “ฉันไม่ได้ถูกลงโทษอะไร ท่านอธิการบดีบอกว่ายกโทษให้เหลือแค่ตักเตือน เพราะฉันเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่น่ะ”

     

    “แล้วนายถามถึงเรื่องสุสานทำไมล่ะ?”

     

    “เพราะฉันคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับพี่คริสที่ต้องเข้าไปในนั้น ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่หาเรื่องเขาด้วยเหมือนกัน แต่เขาถูกลงโทษให้ไปพิทักษ์ผู้ล่าจนกว่าจะถึงวันจันทร์จรัสอะไรสักอย่าง”

     

    “หยุดคิดที่จะเอาพวกเราเข้าไปเกี่ยวกับบทลงโทษนี้ โดยเฉพาะตัวนายเองนะ อยู่ห่างๆหมอนั่นไว้น่ะดีที่สุด ถ้าอยากมีชีวิตปีหนึ่งที่ปลอดภัยน่ะนะ อีกสามคืนก็ถึงวันจันทร์จรัสแล้ว เก่งอย่างหมอนั่นไม่จำเป็นต้องใช้เวทชุบชีวิตหรอกน่ะ”

     

    “หือ?”

     

    ลู่ฮานไม่ได้สนใจกับสิ่งที่อี้ชิงพูดต่อเลยสักนิด เขากำลังให้ความสนใจกับคำพูดของเซฮุนมากกว่า มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่างบางรู้สึกแปลกๆกับคำพูดที่มักลอยขึ้นมาของเซฮุน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเซฮุนถึงพูดดักขึ้นมาได้ ทั้งที่อี้ชิงก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีออกมาว่าอยากช่วยคริสขนาดนั้น จะว่าเพราะเป็นเพื่อนรักกันก็คงไม่ใช่ หรือ เพราะเซฮุนจะแอบชอบอี้ชิงกันนะ

     

    ...จะเป็นไปได้รึเปล่าล่ะ?...

     

    “แต่เรามีส่วนผิด”

     

    “นายเอาเวลาที่รู้สึกผิดไปหัดใช้แร่นักรบให้เป็นก่อนวันประลองเถอะไป”

     

    “นั่นสิอี้ชิง ยังไงพี่คริสเขาก็ไม่เดือดร้อนกับเรื่องนี้หรอก”

     

    แบคฮยอนกล่าวออกไปอย่างคนที่รู้จักคริสเป็นอย่างดี จริงๆชื่อเสียงของคริสในการใช้แร่นักรบก็ดังไปทั่วฟีนูคอน แค่พวกเขารู้ว่าอี้ชิงปลอดภัยมันก็มากพอแล้ว เพื่อนทั้งห้าแยกย้ายกันกลับห้องของตนเอง รวมถึงลู่ฮาน และ เซฮุนที่ไม่ได้พูดอะไรต่อกันอีกเลยด้วย ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนหลังจากร่ายเวทเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ต่างจากชาวเนโรที่คลั่งไคล้การชำระล้างร่างกายแบบพวกฟิสสิเพรส

     

    ...การอาบน้ำ...

     

    ห้องน้ำของหอพักมักจะมีแต่ชาวเนโรเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่ยิ่งดึกก็ยิ่งไม่มีใครใช้ห้องน้ำนี้สักคน ลู่ฮานทอดกายอยู่กลางสายน้ำตามลำพัง หลังเนียนแนบกับขอบอ่างน้ำขนาดใหญ่ หันไปทางกระจกบานใหญ่ที่ฉายภาพพระจันทร์กลางท้องฟ้ายามราตรี หัวสมองคิดถึงเรื่องราวมากมายที่เจอมาตลอดทั้งวัน ทั้งเด็กชายแปลกหน้าที่เขาไม่ชอบพฤติกรรมเท่าไร แต่กลับเชื่อและสนใจในทุกคำพูดของคนๆนั้นอย่างบอกไม่ถูก หรือ แม้แต่พฤติกรรมแปลกๆที่เซฮุนแสดงออกมาด้วย

     

    ...คนพวกนี้ต่างจากเขาเหลือเกิน...

     

    “เฮ้อ~”

     

    “ถอนหายใจออกมาแรงๆแบบนั้น มันไม่ดีนะรู้มั้ย”

     

    เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังอย่างที่ร่างบางไม่ทันได้ตั้งตัว ตากลมโตหันไปมองเพียงเล็กน้อย พอเห็นว่าคนที่เข้ามาใหม่คือใครก็ชะงักไปชั่วขณะ

     

    ...พวกอเนโมสในห้องน้ำของเนโรเนี่ยนะ?...

     

    “นายมีอะไร”

     

    “เห็นนายไม่ยอมกลับไปห้อง เลยต้องมาดูให้แน่ใจว่านายไม่ได้สิ้นชีพคาอ่างน้ำไปแล้ว”

     

    “เหอะ!

     

    “มีเรื่องให้ต้องคิดเยอะรึไง ถึงได้ต้องแช่น้ำนานขนาดนี้”

     

    “ฉันก็แค่...ไม่อยากกลับไปที่ห้องเท่านั้นเอง”

     

    เสียงหวานที่เหมือนลังเลในการตอบครั้งนี้ เลือกจะตอบออกไปอย่างกวนประสาทเล็กน้อยแทน เขาคิดว่าคำพูดแบบนี้จะทำให้เซฮุนเลิกเสแสร้งทำเป็นพูดดีกับเขา แล้วกลับมาพูดจาร้ายกาจแบบที่เขาคุ้นเคยแทน

     

    “ฉันหน้าด้านนะ แค่คำพูดเด็กๆของนาย มันไม่สะเทือนหรอก”

     

    “ห๊ะ?!

     

    เซฮุนพูดออกมานิ่งๆแล้วยังหัวเราะเบาๆปิดท้าย จนลู่ฮานที่หันกลับไปทางหน้าต่างต้องรีบหันกลับมามองใบหน้าหล่ออีกครั้ง

     

    ...ทำไมถึงมาพูดดีต่อกัน...

     

    มันไม่ง่ายเลยที่คนที่ตั้งป้อมกับเราตั้งแต่แรก จะมาพูดจาหยอกล้อให้เกิดเสียงหัวเราะเช่นนี้ ยิ่งเห็นว่าขายาวค่อยๆย่อตัวลงนั่งกับขอบอ่างน้ำ ดวงตากลมโตก็ยิ่งเบิกกว้างและเต็มไปด้วยความสงสัยที่ไม่สิ้นสุด

     

    “ก็แค่เห็นว่าดึกมากแล้ว ถ้านายต้องอยู่คนเดียวคงไม่ดี”

     

    “ทำไมจะต้องไม่ดี”

     

    “นายไม่กลัวผีพรายรึไง พวกนั้นชอบแอบเข้ามาในหอนะ”

     

    ...ชาวเนโรที่ไหนกลัวผีพราย?...

     

    คำพูดของเซฮุนกำลังทำให้ลู่ฮานต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังก้อง เขาไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเรื่องที่เครียดแค่ไหนของชาวเผ่าอื่น ที่ต้องพบเจอกับพวกผีพรายที่ชอบหวีดร้องและก่อความวุ่นวาย แต่สำหรับชาวเนโรที่อยู่กับน้ำมาตั้งแต่ถือกำเนิด พวกผีพรายก็ไม่ต่างอะไรจากชาวเนโรเลยสักนิด อาจจะเกรี้ยวกราดผิดนิสัยชาวเนโรไปบ้าง แต่พวกเขาที่เป็นแบบนี้ก็มีอยู่บ้าง

     

    ...เรียกง่ายๆคือเขาแยกไม่ออกเลยไม่รู้จะกลัวอะไร...

     

    “หยุดหัวเราะนะลู่ฮาน!

     

    เสียงหัวเราะของลู่ฮานกำลังทำให้เซฮุนเสียหน้า และ เริ่มหัวเสียขึ้นมาเรื่อยๆ เขาอุตส่าห์ตั้งใจจะผูกมิตรกับร่างบาง ในฐานะรูมเมทสักหน่อย แต่แค่เริ่มก็ดูจะไม่เข้าท่าเลยสักนิด มือหยาบเอื้อมไปปิดปากบางไว้แน่น เหมือนเซฮุนพยายามทำให้ลู่ฮานขาดอากาศหายใจมากกว่า

     

    “อาย...ใอ...ไอ่...ออก...ก...ก...ก”

     

    ร่างบางดิ้นพล่านพยายามบอกว่าเขาขาดอากาศหายใจ เซฮุนที่แม้จะฟังรู้เรื่องแต่ก็ไม่ยอมหยุดแกล้ง ทำแบบนั้นจนเห็นว่าลู่ฮานพยายามกัดมือของตนเอง ถึงได้ยอมปล่อยมือออก แล้วระเบิดหัวเราะเป็นการแก้แค้นใส่แทน

     

    “แฮ่กๆๆๆ”

     

    “ฮะฮะฮ่า สมน้ำหน้า”

     

    “นายมันเป็นคนแบบนี้เองสินะ!

     

    “ใช่ ฉันก็เลวๆแบบนี้แหละ”

     

    “ทำไมไม่รู้สึกผิดซะบ้าง!

     

    “ทำไมต้องรู้สึกผิดซะบ้างล่ะ ฮะฮะฮ่า”

     

    “เพราะมันแสดงออกถึงจิตสำนึกของคนในเผ่านายยังไงล่ะ!!!

     

    “เหรอ? ฉันว่ามันไม่เกี่ยวกับคนในเผ่าที่ฉันถือกำเนิดเลยสักนิด ผู้วิเศษทุกคนก็เลือกเป็นในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็นกันทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าการถือกำเนิดในธาตุนั้นจะทำให้เราทุกคนเหมือนกันนิ ไม่อย่างนั้นนายก็คงไม่เป็นชาวเนโรที่ไม่สามารถถักไหมพรมได้หรอกจริงมั้ยล่ะ?”

     

    “หือ? นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”

     

    ตาคมเบิกกว้างขึ้นเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดสิ่งที่ไม่สมควรออกไป ยิ่งร่างบางจ้องเขาตาไม่กระพริบ ยิ่งทำให้เซฮุนรู้ว่าเขาพลาดมากแค่ไหน ที่ปล่อยให้ความสนุกสนานชั่ววูบหลุดคำพูดนั้นออกไป

     

    “ว่ายังไง นายรู้มันได้ยังไง!

     

    “จะมาเสียงดังใส่ฉันทำไมล่ะ”

     

    “นายเป็นใครกันแน่เซฮุน”

     

    เสียงหวานเลือกจะถามออกไปนิ่งๆ ตากลมโตไม่มีแววตาหยอกล้อ หรือ หวาดกลัวต่อคำตอบของร่างสูงเลยสักนิด มันทำให้ร่างสูงรู้ว่าต่อให้เขาตีหน้าขึงขังทำเป็นไม่พอใจไปตอนนี้ ลู่ฮานก็ยังคงไม่หยุดความสงสัยนี้แน่

     

    “อเนโมส โมโนส ซายโนเดียร์ เอสฟิลิม่อน”

     

    “ตอบมานะซะ...”

     

    ลู่ฮานที่รู้ดีว่าเซฮุนกำลังพยายามทำอะไรบางอย่าง พยายามเอื้อมมือไปรั้งฝ่ามือที่ค่อยๆโบกพัด พร้อมปากหยักที่เอ่ยคำร่ายที่เขาไม่คุ้นนักออกมา ตากลมโตค่อยๆอ่อนล้าเมื่อถูกสายลมที่ก่อตัวบนฝ่ามือหนา พัดผ่านใบหน้าที่สวยราวสตรีเพศ ศีรษะเล็กค่อยๆเอียงลงจนซบเข้ากับขอบอ่างอย่างแรง ดีที่เซฮุนเอามือเข้ามารองไว้ได้ทัน จึงไม่เกิดการกระแทกให้ผิดสังเกต

     

    ...เขาทำแรงเกินไปรึเปล่า?...

     

    ยิ่งเห็นใบหน้าที่โรยแรงของคนที่ยังไม่ได้สติ ความรู้สึกผิดก็ยิ่งก่อตัวขึ้นในใจของเขา ร่างบางคงไม่คุ้นชินกับเวทร่ายที่ต้องใช้กำลังจากอีกฝ่ายด้วยเช่นนี้ เซฮุนรู้ว่ามันอาจไม่เป็นผลดีสำหรับผู้รับที่อ่อนแรง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนักสำหรับลู่ฮาน เขาจะเปิดเผยความลับของเผ่าให้ชาวเผ่าอื่นรู้ไม่ได้

     

    “ขอโทษ”

     

    “อื้อ...อ...อ...อ~”

     

    เสียงหวานครางขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ค่อยได้สตินัก แต่ร่างกายกลับพยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้น เซฮุนจ้องเข้าไปในดวงตาหวานช่ำ ก่อนจะเอ่ยถามคำถามที่เขาก็ไม่มั่นใจนักออกไป บางทีการถามออกไปอาจทำให้ลู่ฮานเกิดสงสัยขึ้นมาอีกก็ได้

     

    “นายคิดว่าฉันเป็นใคร”

     

    “นายคือ โอ เซฮุน รูมเมทของฉันไง”

     

    “ใช่ฉันคือรูมเมทของนาย”

     

    “...ใช่ นายคือเซฮุน”

     

    ร่างบางอ้อมแอ้มพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนสติทั้งหมดจะดับลงไปอีกครั้ง คาไหล่ของร่างสูงที่ตั้งใจฟัง ว่าลู่ฮานจะพูดอะไรออกมาให้เขาต้องกังวลมั้ย พอเห็นอีกคนล้มคอพับคออ่อนคาไหล่ไป ก็ได้แต่ปล่อยให้เสียงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ดึงร่างบางออกมาเขย่าให้แน่ใจ ว่าลู่ฮานเพิ่งจะสลบคาไหล่ของเขาไป

     

    “ตื่นสิ จะไม่แต่งตัวรึไง”

     

    “อือ...อ...อ~”

     

    “เฮ้!!! ลู่ฮาน”

     

    “อือ...อ...อ~”

     

    “หึหึ”

     

    เซฮุนได้แต่ส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมงัวเงียเป็นเด็กๆของคนที่หลับคาไหล่ ตาคมกดต่ำลงที่ร่างบางอย่างไม่ได้ตั้งใจ เห็นสัดส่วนที่ผันไปตามร่างกายของสตรีมากกว่าบุรุษ แล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

     

    “นาย...ย...ย ตื่นมาแต่งตัวก่อน”

     

    “แม่ อย่ากวนลู่สิ จะนอน...น...น~”

     

    “โว้ย ฉันไม่ใช่แม่นาย...ย...ย...ย~”

     

    ร่างสูงได้แต่บ่นขึ้นอย่างหัวเสีย ก่อนจะรวบรวมความกล้าพอที่อุ้มร่างเปลือยเปล่าขึ้นมาจากน้ำ แล้วฝืนไม่ให้ร่างกายทำอะไรไปตามต้องการ สิ่งที่เขาควรจะทำคือร่ายเวทเรียกเสื้อผ้ามาปิดให้ร่างบาง แต่มือเจ้ากรรมมันสั่นจนผายผิดผายถูกอยู่หลายครั้ง กว่าจะทำได้สำเร็จตามที่ควรจะเป็น เซฮุนก็แทบจะโหม่งหัวลงกับอ่างน้ำให้รู้แล้วรู้รอด

     

    “ฉันจะจำไว้เลย ว่านายคือลู่ฮานตัวป่วน!

     

    ปากหยักเอ่ยบ่นไปตลอดทางเดินเงียบสนิทยามค่ำคืน ทั้งที่บนหลังก็ยังแบกร่างบางที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องไว้ ปากบ่นว่ารำคาญลู่ฮานเสียเหลือเกิน แต่เซฮุนก็ไม่เข้าใจตนเองเลยสักนิด ว่าทำไมถึงไม่สามารถสั่งให้ขาเดินไวๆได้อย่างเคย เขาเดินช้าจนรู้สึกเหมือนว่าจะจำได้เลยว่าเขายิ้มออกไปมากแค่ไหน ตลอดทางเดินยาวที่มีร่างของลู่ฮาน หลับอยู่บนหลังเช่นนี้

     

    ...มันก็แค่ความรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนเท่านั้น...

     

                         <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 2.3           

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    แอมต้องรีบไปทำโปรเจคต่อค่ะ แต่อ่านทุกคอมเม้นต์ติชมแล้ว ขอบคุณมากๆนะคะ^^

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×