ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #33 : The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๑๐

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 568
      2
      3 ก.พ. 58

     

    Title : The Phonucorn ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๑๐

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Sehun x Luhan

     

     

    บทที่ ๑๐

    The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต

     

     

     

     

    “โอ้ย...ย...ย ทำไมหนังสือมันถึงหนาแบบนี้เนี่ย แค่ครึ่งเทอมเองแท้ๆ”

     

    “นายจะบ่นทำไมเนี่ย น่ารำคาญ!!!

     

    เซฮุนหันมาตวาดใส่ลู่ฮานอย่างนึกรำคาญ เพราะลู่ฮานเอาแต่บ่นแบบเดิมอยู่กว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ทั้งที่ก็น่าจะรู้ว่าเขาเองก็อ่านหนังสืออยู่ด้านหลังเท่านั้นเอง ทำไมไม่คิดบ้างว่าเขาก็กำลังเครียดที่อ่านไม่ทันเหมือนกัน

     

    “ก็ฉันมันโง่นิ ก็ต้องบ่นสิ~”

     

    “โว้ย! นายโง่ก็เพราะเอาแต่บ่นแบบนี้ไง แทนที่จะเอาเวลามาอ่านหนังสือ”

     

    “ก็ฉันง่วงนิ~”

     

    “ง่วงก็ไปนอนสิวะ!

     

    “ถ้านอนแล้วจะอ่านหนังสือทันได้ยังไง ฮือ...อ...อ~”

     

    ร่างสูงกุมขมับหนักกว่าเก่า เมื่อลู่ฮานเริ่มแหกปากร้องไห้แกล้งเขา ใบหน้าหล่อยับยู่เอาศีรษะกระแทกโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่โต๊ะหนังสือที่หันหลังชนกันอยู่ ปากกาขนนกที่ทำจากหมึกพิเศษสำหรับนักศึกษา ที่ใส่รหัสไว้เช็คกันการโกงข้อสอบจรดลงบนหน้ากระดาษขาวของสมุดลู่ฮาน เซฮุนไล่เขียนหัวข้อที่จำเป็นต้องอ่าน รวมถึงเขียนโจทย์ที่คิดว่าจะถูกนำมาเป็นข้อสอบวิชาผู้รักษาไว้ด้วย

     

    ...ไปบอกใครจะเชื่อ ชาวอเนโมสติวข้อสอบวิชารักษาให้ชาวเนโร...

     

    “อ่านตามนี้ เรื่องอื่นไม่ต้อง แล้วก็หุบปากของนายด้วย!!!

     

    เซฮุนไม่พูดเปล่า แต่เอามือหนาอุดปากบางที่อ้าค้างด้วยความตกใจแน่น จนร่างบางหายใจไม่ออกและต้องดิ้นรนหาอากาศ ถึงจะยอมปล่อยมือแล้วกลับไปนั่งที่ของตนเอง เพื่อเตรียมอ่านหนังสือต่อ

     

    “ถ้าฉันอ่านแค่นี้แล้วสอบตกทำไง?”

     

    “ให้มันตกก่อนแล้วค่อยมาพูดเถอะ”

     

    “นายก็พูดได้ดิ ก็นายไม่ได้มาตกกับฉันนิ นี่มันแผนการกำจัดคู่แข่งของนายใช่มั้ย?”

     

    ใบหน้าหล่อส่ายหน้าให้กับคำพูดที่แสนจะเพ้อเจ้อของรูมเมท ใครๆก็รู้ว่าเซฮุนเป็นถึงเด็กอัจฉริยะจากโรงเรียนผู้วิเศษอิลคอลลี่เขตเย็น นั่นหมายความว่ามันสมองของเขามันระดับท็อปของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นเลยที่เขาจะต้องมากำจัดคู่แข่งปลายแถวแบบลู่ฮาน

     

    “นายก็บอกอยู่แล้วว่านายมันโง่ แล้วทำไมคนฉลาดๆแบบฉันต้องมาตัดกำลังคนโง่ๆแบบนายด้วย ถ้าฉันจะทำแบบนั้นก็แค่ไปหาแบคฮยอนแล้วใช้แผนเดียวกันไม่ดีกว่าหรอ ยังไงแบคฮยอนก็น่าจะเป็นคู่แข่งของฉันมากกว่านายอยู่แล้ว”

     

    “ดูถูกฉันเหรอ”

     

    “จำเป็น? ก็เห็นๆกันอยู่รึเปล่าล่ะ”

     

    “นี่!!!

     

    “เมื่อไรนายจะหยุดโวยวาย แล้วก็อ่านหนังสือตามที่ฉันบอกนายไปเสียที มันน่ารำคาญนะรู้มั้ยลู่ฮาน ที่ต้องมาฟังคลื่นความถี่ที่เป็นพิษแบบเสียงนายอ่ะ”

     

    “เออ ไม่พูดก็ได้โว้ย...ย...ย!!!

     

    ปึง!!!

     

    สุดท้ายลู่ฮานก็ทนแรงโกรธของตนเองไม่ได้ จำต้องเดินมาจากห้องนอนของตนเอง แล้วเปลี่ยนที่อ่านหนังสือเป็นห้องของอี้ชิงและแบคฮยอนแทน

     

    ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

     

    “เปิดเข้ามาได้เลยครับ”

     

    เสียงของแบคฮยอนที่เชื้อเชิญ ทำให้ลู่ฮานกล้าที่จะเปิดประตูห้องเข้าไป บรรยากาศภายในห้องนี้ดีกว่าห้องของเขามาก รูมเมทสองคนกางโต๊ะทรงเตี้ยและนั่งติวหนังสือด้วยกัน เป็นภาพรูมเมทในแบบที่ลู่ฮานวาดฝันเอาไว้ไม่มีผิด ส่วนไอ้สิ่งที่ได้ในชีวิตจริงนั้นเหรอ อย่าให้บรรยายถึงความรู้สึกในใจเลย

     

    “เอ้า?! ลู่ฮาน”

     

    “เราขอมาอ่านหนังสือด้วยนะ”

     

    “เอาดิ”

     

    อี้ชิงกระเถิบพื้นที่ให้ลู่ฮานได้นั่งที่มุมหนึ่งของโต๊ะ แถมยังเคลียร์พื้นที่ให้พอสำหรับวางหนังสือเสียด้วย ร่างบางแทบอยากจะเกาะติดเอาอี้ชิงกลับไปนอนด้วยกันที่ห้อง แล้วส่งเซฮุนตัวร้ายไปไกลๆจริงๆ แต่พอหันไปเห็นรอยยิ้มแสนดีของแบคฮยอน ก็เล่นเอา จุกอกพูดไม่ออกไปเสียดื้อๆ ถ้าแบคฮยอนรู้ว่าเขาคิดจะผลักภาระตัวเป้งมาให้ มีหวังได้ตัดเพื่อนกับเขาแน่ๆ

     

    ...ใครบนโลกจะทนอยู่กับเซฮุนได้กัน...

     

    “หือ?”

     

    เพียงแค่มือเรียวเปิดหน้ากระดาษไปที่คั่นไว้ เสียงร้องด้วยความแปลกใจของแบคฮยอนก็ดังขึ้นทันที ตาเรียวกำลังมองไปที่หน้าสมุดจด ที่เขียนบางอย่างเอาไว้ผ่านตาอย่างพินิจ

     

    “ข้อสอบเก่าเหรอลู่ฮาน?”

     

    “ห๊ะ? นี่น่ะเหรอ ไม่รู้เหมือนกันสิแบคฮยอน เซฮุนเขียนให้น่ะ”

     

    “อย่างนี้ต้องเป็นหัวข้อที่มีสิทธิ์ออกแน่นอน ใครๆก็รู้ว่าเซฮุนน่ะเรียนเก่งจะตาย เราน่าจะไปขอให้เขามาช่วยสอนเรา”

     

    “อย่าเลย เซฮุนกำลังอ่านหนังสืออยู่น่ะ จะกวนหมอนั่นเปล่าๆ”

     

    “แต่เราว่าเซฮุนน่าจะเต็มใจสอนเพื่อนอยู่แล้ว ถ้าลู่ฮานไม่กล้าพูดไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเราไปขอให้เซฮุนมาสอน แล้วนายสองคนก็ไปตามซิ่วหมินมาด้วยแล้วกัน จะได้ติวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา”

     

    ทั้งที่ใจอยากจะโต้เถียงเรื่องการเอาอีกคนมาติวเสียเหลือเกิน แต่ที่ร่างบางทำก็แค่พยักหน้ารับคำไปตามระเบียบ ทั้งที่เขาเพิ่งหนีเซฮุนมาแท้ๆ สุดท้ายอี้ชิงก็ลากเอาเขากลับไปเจอร่างสูงอยู่ดี สงสัยเขาจะหนีโชคชะตาของคืนจันทร์จรัสไม่พ้นเสียแล้ว

     

    ...นี่มันโชคร้ายของปีจริงๆ...

     

    “เอาล่ะ ฉันจะจดสิ่งที่พวกนายต้องจำไว้ แล้วพวกนายก็ต้องไปหาคำตอบก่อน ฉันจะเฉลยตอนสองทุ่ม เข้าใจมั้ย?”

     

    “อือ / จ้า / อาฮะ /...”

     

    คนอื่นๆรับคำของอาจารย์พิเศษเซฮุนเป็นอย่างดี มีก็แค่ลู่ฮานที่เอาแต่นิ่งเงียบทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ ตาหวานเสมองไปทางอื่น และ ขมุบขมิบปากล้อเลียนวิธีการพูดของเซฮุน ตาคมลอบมองแล้วเงียบไปอย่างรอคำขานรับของร่างบาง พอไม่เห็นวี่แววลู่ฮานจะตอบเลยต้องยกมือผายออก

     

    “อเนโมส โมโนส ซายโนเดียร์ เธิร์สโรลล์”

     

    ยางลบเวทที่สามารถลบหมึกได้ทุกอย่างในฟีนูคอน ลอยขึ้นจากพื้นโต๊ะแล้วบินไปกระแทกกับศีรษะมนอย่างแรง เสียงหวานร้องขึ้นด้วยความเจ็บ แล้วมันยิ่งทวีคูณกว่าเก่าเมื่อลู่ฮานดันหันหน้ากลับมา ทันรับยางลบยักษ์นั่นกลางระหว่างตาพอดี

     

    ปึก!

     

    “โอ้ย!!!

     

    “เซฮุนแกเล่นแรงไปปะเนี่ย ลู่ฮานเป็นไงบ้าง”

     

    ซิ่วหมินที่นั่งใกล้ลู่ฮานที่สุดรีบเข้าไปดูใบหน้าหวานที่มีรอยแดงประดับกลางหน้า ในขณะที่เซฮุนแค่ยักไหล่อย่างไม่รู้ไม่ชี้ แล้วบอกเหตุผลที่เขาต้องลงโทษนักเรียนที่ไม่ตั้งใจเรียน

     

    “ฉันอยากให้ทุกคนทำได้ ฉันผิดเหรอที่ต้องทำโทษคนที่ไม่ตั้งใจ”

     

    “ฉันไม่ตั้งใจตรงไหน”

     

    “ถ้าตั้งใจนายคงตอบรับฉันไปแล้ว”

     

    “ไม่เห็นเกี่ยว”

     

    “ฉันเป็นครู นักเรียนคนไหนตั้งใจไม่ตั้งใจ ฉันดูออกนะ เอาล่ะทุกคนเริ่มทำโจทย์ที่ฉันให้ไปได้แล้ว พยายามทำก่อนแล้วค่อยมาดูเฉลยกันตอนสองทุ่มนะ ฉันหวังว่าจะไม่มีใครโกงหรอกเนาะ ห้องแค่นี้ศักดิ์ศรีวัดกันที่ใจแล้วกัน”

     

    สะอึกกันท้วนหน้าเพียงคำพูดเดียวของเซฮุน ขนาดอี้ชิงที่จะหันไปขอยืมของจากแบคฮยอนยังต้องเงียบไว้ก่อนเลย ส่วนคนพูดกลับนอนอ่านหนังสือ กระดิกเท้าบนเตียงคนอื่นอย่างสบายใจอยู่เสียอย่างนั้น ตาหวานกลอกไปรอบๆพยายามไม่ทำตัวให้ถูกว่าต่อหน้าคนอื่น แต่แค่ลองทำไปได้ครึ่งเดียวเขาก็เริ่มล้ากับการเปิดหาข้อมูลในหน้าต่างๆแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแรงที่จะพอทำไปถึงสองทุ่มเลย

     

    ...ลู่ฮานจะตายตั้งแต่ทุ่มนึงแล้วเนี่ย!...

     

    “ใครอยากหลับจะหลับก็ได้นะ ก็แค่เพื่อนคนอื่นอ่านอยู่อ่ะ”

     

    คำพูดเหมือนรู้ทันของเซฮุนดังขึ้น เพื่อนอีกสามคนในห้องหันมามองร่างบางเป็นตาเดียว ลู่ฮานก็รู้ว่าเพื่อนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตัวเขา ก็แค่พฤติกรรมโดยธรรมชาติเท่านั้น ที่เมื่อมีคนพูดจากำกวมเราก็ต้องอยากรู้ว่าเขาหมายถึงใคร

     

    “ก็ถ้าไม่มีใครง่วงก็ทำต่อกันเลย อีกแค่ชั่วโมงเดียวนะ นี่ฉันจับเวลาให้เหมือนทำสอบเลย”

     

    “เหอะ!

     

    ในขณะที่เพื่อนคนอื่นกำลังตั้งใจกับการทำข้อสอบที่เซฮุนบอก ลู่ฮานกลับเอาแต่สวดส่งเซฮุนจนไม่มีสมาธิทำข้อสอบ จนเวลาถึงสองทุ่มแทนที่ร่างสูงจะเฉลยข้อสอบเลย กลับเอากระดาษของทุกคนไป แล้วเขียนคำตอบกลับส่งมาให้แทน

     

    “ฉันไม่อยากสอนแค่เพื่อให้พวกนายจำ ที่ฉันอยากให้พวกนายทำคือการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง นายจะได้ไม่รู้สึกว่าการพยายามหาข้อสอบเป็นเรื่องที่ยากเกินความพยายาม ถึงแม้สำหรับบางคนจะยากมากเกินพยายามไปจริงๆก็เถอะ แต่ก็ลองดูกันก่อนแล้วกันว่าพวกนายทำมันผิดตรงไหน เพราะอะไร แล้วเดี๋ยวฉันจะอธิบายให้พวกนายฟังพร้อมกันอีกที”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยออกไปอย่างอดที่จะประชดประชันร่างบางไม่ได้ แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็แค่อยากเตือนสติให้ลู่ฮานตั้งใจเรียนมากกว่านี้ มันก็จริงว่าร่างบางก็ไม่ถึงกับว่าเรียนแย่ อย่างวิชาแร่นักรบนั้นเขาก็สามารถทำได้ดีกว่าเพื่อนคนอื่นมาก แต่เก่งโดดเพียงวิชาเดียวคงไม่มากพอ ที่ลู่ฮานจะมีคะแนนสำหรับเลือกคณะที่อยากเข้าตอนปีสองแน่ เผลอๆจะโดนส่งไปอยู่ในสาขาที่ไม่ชำนาญเสียอีก

     

    ...ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อตัวลู่ฮานเองทั้งนั้น...

     

    การทบทวนผ่านไปอย่างรวดเร็ว และ ลู่ฮานรู้ระบบการตอบคำถามแบบถูกต้องมากขึ้น มันน่าแปลกที่เขาเห็นด้วยว่าเซฮุนเป็นคนเก่ง และ มีวิธีการพูดที่สามารถเป็นอาจารย์ได้ไม่ยาก นี่อาจเป็นลักษณะของชาวอเนโมสก็เป็นได้ เพราะอาจารย์กว่าครึ่งของมหาวิทยาลัยฟีนูคอน ก็เป็นอาจารย์จากเผ่าอเนโมสแทบทั้งสิ้น

     

    “โอเค วันนี้ฉันว่าพอแค่นี้เถอะ พรุ่งนี้จะมาต่ออีกวิชาให้”

     

    “อื้ม ขอบคุณมากนะเซฮุน”

     

    “แต่พรุ่งนี้ไปห้องของฉันแล้วกันนะ ฉันขี้เกียจยกหนังสือทั้งหมดนี่มาน่ะ เดินเข้าเดินออกแล้วมีแต่พวกเขม่นเต็มไปหมด”

     

    ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะมองว่าการที่เพื่อนร่วมรุ่นหอบหนังสือกองโตผ่านเป็นเรื่องดี ต่อให้ร่างสูงยังอ่านหนังสือไม่จบทุกเล่มที่ถือมา แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าเซฮุนนั้นเริ่มอ่านแล้ว และ มีแววที่จะอ่านทั้งหมดนี้เพื่อเตรียมที่จะเข้าไปสอบในชั้นเรียนเดียวกัน

     

    ...เรียกง่ายๆว่าใครๆก็หมั่นไส้...

     

    “นายจะกลับห้องเลยมั้ย?”

     

    “ห๊ะ?”

     

    ตากลมโตเบิกกว้างกว่าเก่าเมื่อร่างสูงหันมาถาม ลู่ฮานชี้ไปที่ตนเองอีกครั้งเพื่อย้ำชัด ว่าเซฮุนกำลังหมายถึงเขาจริงๆใช่มั้ย เรียกใบหน้าเบื่อหน่ายที่ต้องทวนคำถามทุกครั้งได้ในทันที

     

    “แล้วใครมันเป็นรูมเมทกับฉันล่ะ ทำไมชอบให้ฉันหงุดหงิดเนี่ย!

     

    “ก็จะไปรู้หรอ อยู่ดีๆก็ผีเข้าชวนกลับซะงั้น เมื่อกี๊นายยังด่าว่าฉันโง่อย่างนั้นโง่อย่างนี้อยู่เลย ไม่ใช่รึไง?”

     

    “ก็นายเห็นกองหนังสือฉันมั้ยล่ะ”

     

    ที่แท้เซฮุนก็ไม่ได้ชวนลู่ฮานกลับห้องด้วยความห่วงใยแม้แต่น้อย ที่ห่วงน่าจะเป็นหนังสือกองโตของตนเอง ที่ตอนขามายังมีอี้ชิงช่วยหอบมานั่นมากกว่า ยิ่งคิดลู่ฮานก็ยิ่งควันออกหูที่ถูกถามแค่ทางผ่าน แต่จะโวยวายก็เดี๋ยวจะได้นั่งอ่านหนังสือเองให้หลับเล่นอีก เลยจำใจต้องสงบปากสงบคำ แล้วเดินเข้าไปหยิบกองหนังสือที่เหลือตามเซฮุนออกไป บรรยากาศของทางเดินเงียบๆกลับมาอีกครั้ง

     

    ...บรรยากาศของปัญหามาอีกแล้ว...

     

    ถ้าลองนึกย้อนไปดีๆจะเห็นว่าทุกครั้งที่ร่างบางเดินกลับกับรูมเมทคนนี้ ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็ตามแต่ถ้ามันเป็นทางเดิน งานไหนงานนั้นต้องมีเรื่องให้เขาคิดยุ่งเหยิง หลังจากนั้นคำพูดของเซฮุนก็จะทำให้พวกเขาต้องทะเลาะกันทุกที ไม่ว่าอย่างไรคราวนี้     ลู่ฮานก็จะเงียบไว้

     

    “นายจะไม่พูดอะไรบ้างรึไง”

     

    ...ทำไมต้องพูด...

     

    “พอนายไม่พูดแล้วบรรยากาศมันเงียบๆนะ”

     

    ...ก็คุยคนเดียวในใจไปสิโว้ย!!!...

     

    “ฉันก็ไม่บ้าพอจะพูดคนเดียวด้วยดิ”

     

    ...ห๊ะ?!!!...

     

    ลู่ฮานหันไปมองหน้าเซฮุนที่ก็เหลือบตามองเขาอยู่พอดี ไม่รู้ว่าเขาจะคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่เป็นอีกครั้งที่ลู่ฮานแน่ใจว่าไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยสักคำ แต่ความบังเอิญเท่านั้นเหรอที่ทำให้ร่างสูงตอบแบบนั้น นี่มันเหมือนการเถียงด้วยภาษาจิตเลยนะ มันเป็นไปได้จริงๆอย่างนั้นเหรอ

     

    “ว่าไงจะพูดมั้ย ไม่อย่างนั้นฉันจะด่านายให้ลั่นเลยคอยดู”

     

    “ไหนนายบอกไม่บ้า”

     

    “แล้วตรงไหนที่บ้า”

     

    “แล้วคนสติดีที่ไหนเขาด่าคนอื่นเพื่อไม่ให้มันเงียบแบบนั้นล่ะ แค่ฟังแนวคิดนายก็รู้แล้วว่านายมันโรคจิตฟ้าประทานแค่ไหน กะแล้วว่าพวกมันสมองของมหานครแบบนายมักจะเป็นบ้า”

     

    “เห้ยๆ ได้ข่าวฉันแค่พูดเล่น แต่ที่นายด่ามาทั้งหมดนั่นน่ะ นายกำลังจงใจด่าฉันทั้งนั้นเลยนะ ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะนายน่ะ อย่าลืมบุญคุณที่ฉันช่วยให้นายไม่ต้องอับอายถ้าสอบตกวิชารักษาชีพ”

     

    “ทวงบุญคุณ?”

     

    เสียงหวานเอ่ยถามออกไปอย่างยียวน ไม่ใช่เขากำลังคิดจะเนรคุณแต่อย่างใด เขาก็แค่หยอกออกไปเพราะบรรยากาศมันชวนเท่านั้น นานๆทีเขากับเซฮุนจะได้มีเวลาให้ได้คุยกันดีๆบ้าง สงสัยต้องจดไว้เลยว่าวันนี้มันเยี่ยมที่สุดในรอบปี

     

    ...ทั้งได้ความรู้ และ กวนประสาทเซฮุน...

     

    “ฉันพูดอะไรแบบนั้นรึไง นายนี่มันชักจะทำตัวสนิทกับฉันมากขึ้นทุกทีแล้วนะ ไม่ทราบว่าเราสนิทกันขนาดนั้นเลย?”

     

    “ก็เราเป็นรูมเมทกันนิ หึหึ”

     

    เสียงหัวเราะหวานหูฟังดูขบขันกับสิ่งที่ตนเองพูดไม่น้อย เล่นเอาเซฮุนก็เผลอหัวเราะออกไปตามอย่างไม่ยาก และ สุดท้ายพวกเขาก็เดินกลับมาถึงห้องพักโดยไม่เกิดเรื่องจนได้เป็นครั้งแรก หนังสือกองโตสองกอง ถูกวางไว้จนเต็มโต๊ะของเซฮุน ที่ตั้งท่าจะนั่งอ่านมันต่อ ถ้าลู่ฮานไม่พูดกวนประสาทเสียก่อน

     

    “นายนี่ประหลาดเนาะ ขยันผิดวิสัยอเนโมส ได้ยินมาว่าชาวอเนโมสส่วนมากชอบใช้แรงมากกว่าสมองไม่ใช่เหรอ”

     

    “แล้วมันผิดเหรอที่ฉันจะเป็นส่วนน้อย”

     

    ใบหน้าหล่อหันไปมองคนถามในจังหวะเดียวกับที่กำลังตอบ เขาไม่รู้ว่าลู่ฮานกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ลอยมาแทบจะชิดด้านหลัง เพื่อดูว่าเขากำลังอ่านหนังสือไปถึงไหน ใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงครึ่งคืบ ตาคมสำรวจไปทั่วใบหน้าสวยอย่างเสียไม่ได้ มันเป็นครั้งแรกๆที่เขากับลู่ฮานได้จ้องหน้ากัน โดยที่ต่างฝ่ายยังมีสติสัมปชัญญะ

     

    ...ทำไมวันนี้ลู่ฮานถึงสวยนัก...

     

    ความคิดของเซฮุนเริ่มผุดออกมาพร้อมรอยยิ้มเป็นประกายของเขา ไม่ต่างจากความคิดของลู่ฮานที่เกิดขึ้น ดวงเนตรแห่งวายุนั้นกำลังสะกดเขาให้ต้องมนต์ แต่สิ่งที่ร่างบางทำก็เพียงแค่หลบซ่อนความรู้สึกยอมรับนั้น

     

    “หือ?!

     

    ใบหน้าสวยหันหลบไปทางอื่น แสร้งทำเป็นตกใจเมื่อได้สตินึกคิดขึ้นมา ตากลมโตกลอกไปมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และมันยิ่งดูตลกเข้าไปใหญ่สำหรับเซฮุน ที่อ่านท่าทางนั้นออกทั้งหมด

     

    “ตกใจอะไรของนาย ฉันไม่ใช่รึไงที่ต้องตกใจ”

     

    “นายจะต้องตกใจทำไม”

     

    “ก็ฉันไม่รู้ว่านายมาอยู่ด้านหลังของฉันตอนที่หันมา ส่วนนายก็น่าจะรู้ตัวเองดีไม่ใช่รึไง ว่าลอยมาใกล้ฉันมากขนาดไหน”

     

    ที่เซฮุนพูดมาทั้งหมดมันถูกจนเถียงไม่ขึ้น ถึงเถียงขึ้นตอนนี้มันก็เป็นคำพูดที่ร่างบางไม่อยากใช้มันเถียงออกไปที่สุด รู้ถึงไหนคงอายไปถึงนั่น ถ้าลู่ฮานบอกว่าจริงๆเขาก็ไม่ได้รู้ตัวสักเท่าไร เพราะถูกร่างสูงที่จริงจังนั้นสะกดให้เข้าใกล้

     

    ...คนอย่างลู่ฮานจะต้องมองว่าเซฮุนหล่อทำไม?...

     

    ในขณะที่ลู่ฮานกำลังพยายามโยนความผิดทั้งหมดไปให้คำทำนาย ที่บอกว่าเขาจะต้องสนใจเซฮุน จึงทำให้ไม่ว่าเขาจะฝืนตัวออกห่างมากเท่าไร มันก็เรียกร้องจนเขาต้องเข้ามาใกล้ร่างสูงยิ่งกว่าเดิมทุกครั้ง แล้วหากเขาหยุดฝืนดวงชะตามันจะดีขึ้นมั้ย

     

    “ส่ายศีรษะแรงๆแบบนั้นเดี๋ยวสมองก็ไหลออกมาก่อนหรอก”

     

    “ฉันมีสมองให้ไหลออกมาที่ไหนล่ะ”

     

    “อ๋อลืมไป...นายมีแต่ขี้เลื่อยสินะ”

     

    เสียงทุ้มพูดออกมานิ่งๆแล้วก็หัวเราะร่วนชอบใจ เขารู้ว่าลู่ฮานไม่ได้หมายความตามที่เขาพูด ร่างบางก็แค่อยากบอกว่าร่างกายของชาวฟีนูคอนแท้จริงนั้นว่างเปล่า มีเพียงดวงจิตและธาตุแห่งการถือกำเนิดที่ก่อร่าง ชาวฟีนูคอนไม่มีเลือดเนื้อแบบชาวฟิสสิเพรส ถึงจะบอกว่ามีกระดูกหักได้ แต่มันก็แค่ทางทฤษฏีเท่านั้น หากจะพูดให้ถูกคือโมเลกุลของธาตุกำลังแตกตัวต่างหาก

     

    ...ใดๆในโลกฟีนูคอนนั้นเข้าใจยาก...

     

    “นายอยากสิ้นชีพวันนี้จริงๆใช่ปะ”

     

    “พูดเหมือนอย่างนายจะทำได้”

     

    “ฉันจะเสกน้ำให้ท่วมห้องจนนายขาดอากาศหายใจเลยคอยดู”

     

    “กว่ามันจะท่วมห้องมันคงต้องท่วมหอ และ แน่นอนว่าแค่นายสามารถทำให้ท่วมชั้นหนึ่งได้โดยไม่โดนจับได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ”

     

    เซฮุนหันมาพูดหน้าตายอย่างมีหลักการใส่ลู่ฮาน เล่นเอาร่างบางไปไม่ถูกได้แค่ตีอกชกหัวตนเองระบายความเครียด แล้วพุ่งตัวไปกดหน้ากับหมอนเพื่อกรีดร้องออกมาระบายความเครียด

     

    ...การเกิดเป็นรูมเมทเซฮุนนี่มันเครียด!!!...

     

    “อ่อนหัด มีความพยายามที่จะคิด แต่ฝีมือนายมันอ่อนหัด”

     

    คำพูดของเซฮุนเหมือนร่างสูงเอาร่างทั้งร่างตามไปกระทืบลู่ฮานให้ตายคาเตียง ใบหน้าสวยที่ยับยู่ยี่เงยหน้าหันไปค้อนใส่เซฮุนอีกครั้ง ก่อนจะปาหมอนออกไปหาเซฮุนแต่ก็ถูกเจ้าตัวรับเอาไว้ได้อยู่ดี

     

    ปึก!

     

    ฉึบ!

     

    คิ้วหนายักขึ้นเล็กน้อยอย่างโชว์ฝีมือที่เหนือชั้นกว่ามาก ก่อนจะผายอีกมือที่ไม่ได้จับหมอนใบใหญ่นั้นไว้ ร่ายเวทที่เขามองว่ามันเป็นเวทร่ายเด็กๆ แต่ลู่ฮานกลับเบิกตาดูการร่ายเวทของเซฮุนด้วยความสนใจ

     

    “อเนโมส โมโนส ซายโนเดียร์ เธิร์สโรลล์”

     

    “เหอะ! ไม่ได้แอ้มฉันหรอก”

     

    ใบหน้าสวยลอยหน้าลอยตาล้อเลียน เพราะเขาสามารถหลบหมอนใบนั้นไปได้อย่างหวุดหวิด แต่เมื่อปากบางของเซฮุนยกยิ้มร้าย ศีรษะของลู่ฮานก็ทุ่มลงจนแทบจะติดเตียงนอน

     

    ปึก!!!

     

    ...เต็มๆหัวอีกครั้ง...

     

    “โอ้ย!!!

     

    “ฉันก็บอกแล้วว่านายมันอ่อนหัด”

     

    คำพูดของเซฮุนนั้นยิ่งกว่าการตบหัวลู่ฮานให้คว่ำซ้ำสอง ร่างบางไม่ใช่คนที่เก่งในเรื่องเวทร่ายสักเท่าไร เลยไม่รู้ว่าคาถาขว้างปานั้นจะไม่หยุด จนกว่าจะสามารถปาไปถูกตำแหน่งที่ผู้ร่ายต้องการ แล้วที่เซฮุนเลือกคาถานี้แทนที่จะเป็นคาถาขว้างปาอย่างอื่น มันก็เป็นเพราะ เวทร่ายนี้จะเพิ่มความแรงของการปาตามระยะเวลาที่มันถูกร่าย เขาถึงแน่ใจว่ายิ่งลู่ฮานหลบได้มากเท่าไร เมื่อมันทำสำเร็จก็จะยิ่งสะใจเท่านั้น

     

    ...บอกแล้วว่าเซฮุนน่ะร้ายมาก!...

     

    “ฉันไม่เคยเห็นคนที่ไหนร้ายแบบนายมาก่อนเลย”

     

    “ฉันเคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดีเหรอ? คิดว่าไม่นะ”

     

    “อ๊าก...ก...ก...ก!!! ฉันจะทำยังไงกับนายดี จะทำยังไงดี จะเป็นบ้าแล้วโว้ย!

     

       เพราะรู้ว่าตนเองไม่สามารถเอาคืนอีกคนได้เลย ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เลยได้แต่ระบายอารมณ์ด้วยการทุบเตียงจนมือแดงไปหมด โดยมีเซฮุนแค่นหัวเราะมองอย่างขบขันเท่านั้น

     

                         <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 2.10

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    มาช้าไปหนึ่งวันอีกตามเคย(TT^TT) แต่เราไม่ได้หายไปอย่างเปล่าประโยชน์นะคะ แอมหายไปเคลียร์เรื่องฟิคเซ็ทฟีนูคอนมาค่า รับรองว่าเปิดสั่งซื้อบล็อกเซ็ทกลางเดือนเมษายน ฉลองสงกรานณ์อย่างแน่นอนค่ะ(^^) ไม่รู้ว่าเป็นข่าวดีมั้ยแต่จอง20คนแรกตอนนี้อาจจะไม่ได้ผ้าคลุมแล้วนะคะ เพราะร้านตัดเขาไม่รับจำนวนน้อยไป แต่เดี๋ยวแอมจะหาอย่างอื่นชดเชยนะคะ

    ส่วนคนที่สนใจสั่งซื้อหนังสือทุกเรื่อง ตอนนี้ยังเปิดจองรอง 1/2558 อยู่นะคะ และงานฟิคเดือนมีนาชนแอมสอบจึงไม่สามารถไปร่วมได้ค่ะ ดังนั้นถ้าไม่สั่งรอบนี้ต้องรบกวนเป็นรอบ 2/2558 ช่วงเดือนตุลาเลยนะคะ สามารถติดตามรายละเอียดการสั่งจองได้ที่การจองและโอนได้ที่ เหลือเวลาอีกสองอาทิตย์ให้ตัดสินใจนะคะ ตอนนี้กล่องหมดแล้วแต่ยังสามารถสั่งเล่มได้อยู่เหมือนเดิมนะคะ สำหรับคู่บัลลังก์(^^) http://my.dek-d.com/aamnakorn/writer/view.php?id=1202714

     

     

     © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×