ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #40 : The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๑๗

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 539
      2
      21 เม.ย. 58

    Title : The Phonucorn ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๑๗

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Sehun x Luhan

     

     

    บทที่ ๑๗

    The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต

     

     

     

     

     

    “ทำไมช่วงนี้พวกหอนู้นถึงชอบมายุ่งกับหอเราจังวะ”

     

    ซิ่วหมินที่กำลังแง้มม่านแอบดูพูดขึ้น เขาเห็นชานยอลที่เดินไปเดินมาร่วมครึ่งชั่วโมงที่หน้าหอพักเขตเย็น แถมไม่มีทีท่าว่าจะไปไหนจนกว่าจะพบใครบางคนเสียด้วย เพื่อนๆที่เหลือมองหน้ากันว่าจะเอาอย่างไรดี เซฮุนรู้ดีว่ารุ่นพี่หนุ่มต้องการพบใคร แต่ หลังจากนอนคิดทบทวนมาทั้งคืน ดูเหมือนทางออกเดียวคือทำทุกทางให้อี้ชิงอยู่ห่างกับพวกโฟเธีย

     

    “แอบออกหลังหอมั้ย?”

     

    “ทำไมต้องทำแบบนั้น พี่เขามาแค่คนเดียวเองนะ”

     

    ลู่ฮานที่ก็เหมือนชาวเผ่าอื่น ที่ไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงแล้วปัญหาของอเนโมสและโฟเธียไม่เคยเป็นอดีต เขาไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องหนี เพราะรุ่นพี่หนุ่มก็ไม่ได้แสดงท่าทางเหมือนจะมาฆ่าพวกเขาเสียหน่อย ก็แค่เดินไปเดินมาเท่านั้นเอง

     

    “ฉันเห็นด้วยกับลู่ฮานนะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”

     

    “แต่ฉัน...”

     

    “มันสายเกินแก้ไปแล้วเซฮุน ไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างก็จะต้องเกิดขึ้น”

     

    อี้ชิงพูดจบก็ออกแรงผลักบานประตูของหอพักให้เปิดออก ก้าวขาเข้าไปหาผู้มาเยือนที่แสนมั่นใจว่าจะต้องมาหาตนเองแน่ แต่ชานยอลกลับมุ่นคิ้วเมื่ออี้ชิงมาหยุดอยู่ตรงหน้า

     

    “มีอะไรกับฉันรึไง?”

     

    “แล้วพี่มีอะไรกับผมล่ะครับ”

     

    “ฉันไม่ได้มาหานาย ทำไมต้องมีอะไร?”

     

    “ไม่ได้มาหาผมเหรอครับ?”

     

    ร่างสูงหันไปมองหน้าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มด้วยความคิดไม่ต่างกัน พวกเขาคิดจะหนีทำไมตั้งแต่ต้น ในเมื่อคนที่ชานยอลมาหาไม่ใช่อี้ชิงเสียหน่อย แต่มันจะเป็นไปได้เหรอที่เรื่องของชานยอลจะไม่เกี่ยวกับอี้ชิง 

     

    “แบคฮยอน! ฉันขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย”

     

    “กับ...ผม?”

     

    แม้แต่แบคฮยอนที่ถูกเรียกไว้ ยังต้องชี้หน้าตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใครๆต่างก็รู้ว่าทั้งชานยอลและแบคฮยอนนั้นสุดกู่ไปคนละด้าน ดูเหมือนรุ่นพี่หนุ่มจะไม่ชอบขี้หน้ารุ่นน้องร่วมชนชั้นคนนี้ด้วยซ้ำ แต่วันนี้เขากลับเอ่ยปากเรียกและร้องขอด้วยคำพูดที่สุภาพเสียอย่างนั้น

     

    “ใช่ นายนั่นแหละ คุยกันสักพักได้มั้ย ให้เพื่อนนายไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันไปส่ง”

     

    “เอ่อ...กะ...ก็ได้ครับ”

     

    ขาเล็กก้าวกลับไปหารุ่นพี่หนุ่ม แล้วมองแบบให้เพื่อนทำตามที่อีกฝ่ายพูด เขารู้ว่านี่ดูไม่เข้าท่าเลยที่ชาวปาโกสจะมาสุงสิงกับไฟ แต่ในเมื่อชานยอลร้องขอเขาคงไม่ใจแข็งปฏิเสธได้ลง

     

    “เดี๋ยวฉันตามไปนะ”

     

    “ถ้ามีอะไรก็โทรมาแล้วกัน จะรีบมารับ”

     

    “อื้ม”

     

    บทสนทนาสั้นๆที่แสดงความเป็นห่วงของเพื่อน ทำให้ชานยอลถึงกับอดเคืองขุ่นในใจไม่ได้ เขาดูไม่น่าไว้ใจขนาดต้องพูดเช่นนั้นเลยรึไง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเสียเรื่องชานยอลก็ต้องรีบลากร่างเล็กหายเข้าไปในสุสานเสียก่อน

     

    “แบคฮยอนจะเป็นอะไรมั้ย”

     

    “คงไม่ พวกเรารู้เยอะขนาดนี้ คงไม่กล้าหรอก”

     

    เซฮุนพูดอย่างอยากให้อี้ชิงสบายใจ ก่อนที่พวกเขาจะเดินแยกไปที่อาคารเรียนตามที่ชานยอลขอ แต่ก่อนที่จะก้าวเดินไปได้ไกล ตาคมก็เหลือบไปสบเข้ากับแววตาดุดันที่มองออกมาจากหอพักเขตร้อนเสียก่อน

     

    ...บางอย่างไม่เห็นทั้งตา แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี...

     

    เสียงกระซิบแห่งสายลมบอกเขาให้รู้ว่าหลังม่านนั้นมีใครซ่อนอยู่ คนที่คอยเฝ้ามองเพื่อนเขามาตลอด แม้นี่จะเป็นเรื่องที่ไม่น่าชอบใจนัก แต่สำหรับเวลาที่เหลือน้อยเต็มที่สำหรับทั้งสอง เขาก็คงไม่มีสิทธิ์ไปหวงห้ามได้

     

    <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    หลังเลิกเรียนเซฮุนก็รีบตรงมาที่ห้องของแบคฮยอนและอี้ชิงทันที เขายังติดใจเรื่องที่ชานยอลมาเรียกตัวแบคฮยอนไปเมื่อเช้า พอกลับมาก็ดูเหมือนแบคฮยอนจะคิดหนักเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง แล้วดูเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเขาเสียด้วย เมื่อในห้องนั้นมีเพียงแบคฮยอนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เท่านั้น

     

    “แบคฮยอน”

     

    “หือ? เอ้า?! มีอะไรเหรอเซฮุน”

     

    “ฉันมาหาอี้ชิงน่ะ เขาไปไหนเหรอ”

     

    ร่างสูงทำเป็นเบี่ยงประเด็นไปหาคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ทั้งที่ในใจของเขามันอยากจะถามออกไปตรงๆเสียเลยด้วยซ้ำ แบคฮยอนส่ายหน้าเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่ารูมเมทไปไหนเช่นกัน แต่ถึงจะตอบออกไปอย่างนั้น เซฮุนก็ยังไม่มีทีท่าจะเดินออกไปจากห้องของเขาง่ายๆ จนแบคฮยอนต้องหันไปมองเพื่อนร่างสูง ที่ตอนนี้นอนทิ้งตัวลงบนเตียงของเขาแล้ว

     

    “งั้นขอรออี้ชิงหน่อยนะ”

     

    “อ่า~”

     

    “เออนี่แบคฮยอน แล้ววันนี้พี่ชานยอลเขาเรียกนายไปทำไมเหรอ คงไม่ได้นึกอยากจะสารภาพรักหรอกใช่มั้ย”

     

    คำพูดทีเล่นทีจริงเรียกสายตาค้อนๆจากเพื่อนได้เป็นอย่างดี บรรยากาศในการล้วงหาความจริงของเซฮุนดูไม่ตรึงเครียดนัก แต่ทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ได้มักจะเกินคาดอยู่เสมอ

     

    ...แต่กับแบคฮยอนมันก็อาจจะไม่แน่...

     

    “สารภาพรักอะไรกันล่ะ ก็แค่พูดคุยกันเรื่องของกฎหมายอฟาไตรน่ะ”

     

    “ทำไมล่ะ?”

     

    “ก็แบบพวกเราก็มีกฎในการที่จะทำให้ทุกเผ่าในชนชั้นอยู่ร่วมกันอย่างสงบนิ ดังนั้นในทุกๆปีก็ต้องเอาปัญหามาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อกฎหมายที่เสมอภาคแก่ทุกคนในเมือง อฟาไตร”

     

    “ฟังดูยุ่งยากเนาะ”

     

    “ก็แบบนี้แหละ มีแต่พวกชนชั้นหัวสูงอยู่ทั้งนั้น ใครๆก็คิดถึงแค่ผลประโยชน์ของตนเองกันทั้งนั้น ใครกันล่ะจะยอมเป็นผู้เสียสละไปได้ตลอด”

     

    แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ สำหรับการแสดงที่แนบเนียนนี้เซฮุนคงต้องบอกว่าให้แบคฮยอนเกินร้อย ทั้งเหตุผลที่บอกออกมามันช่างสอดคล้องกับท่าทางขณะพูดเหลือเกิน ดูเหมือนเป็นอฟาไตรดีๆที่ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องกฎเหล่านั้น แต่แบคฮยอนคงลืมไปว่าถ้าเป็นแบบนั้นชานยอลจะต้องคุยกับแบคฮยอนทำไม

     

    ...เกือบจะเนียนแล้วจริงๆ...

     

    “ถ้าอย่างนั้น พี่ชานยอลเขามาพูดกับนายทำไมล่ะ เรื่องคุมกฎน่าจะเป็นเรื่องที่ต้องเจรจากับพวกหัวแข็งมากกว่า แต่กับพวกลัทธิคลั่งฟิสสิเพรสแบบนาย จำเป็นเหรอ?”

     

    เสียงทุ้มถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ติดไปทางสงสัยมากกว่าจับผิด แต่สำหรับคนโกหกนั้นก็ถึงกับเหงื่อแตกออกมาเป็นสาย แม้เซฮุนไม่ใช่ชาวโฟเธียแต่ก็สามารถทำให้ปาโกสอย่างแบคฮยอนรู้สึกร้อนรนได้ไม่ยาก

     

    “คะ...คือ พี่เขา...กะ...ก็แค่มาถามในฐานะที่ฉันเป็นอฟาไตร”

     

    “อ่อ! จริงด้วย ฉันก็ลืมไปเลยว่านายคืออฟาไตร”

     

    หากการแสดงของแบคฮยอนนั้นได้เกินร้อย ตอนนี้เซฮุนก็คงได้เกินล้านไปเสียแล้ว เพราะเขาสามารถทำให้คะแนนการแสดงของแบคฮยอนติดลบไปได้แล้ว แต่เพื่อนร่างเล็กยังไม่รู้เลยว่าหลุดเอาความลับออกมาเสียหมดแล้ว

     

    ...การช่วยเหลือเพื่อล้างมนต์สาป...

     

    เสียงกระซิบนั้นพร่ำบอกเขาดังเช่นนั้น เซฮุนค่อยๆหยัดตัวขึ้นทีละน้อย เฝ้ามองแบคฮยอนที่เริ่มหน้าเสียลงเรื่อยๆอย่างใช้ความคิด เขาไม่ได้อยากจะรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวของเพื่อน หากแต่แค่อยากรู้ว่าเผ่าโฟเธียกำลังคิดจะทำอะไรเท่านั้น

     

    “แบคฮยอนนาย...”

     

    “หือ?”

     

    “...นายรู้ใช่มั้ยว่าเรื่องทั้งหมดมันเปลี่ยนแปลงได้”

     

    “อื้ม ฉันก็หวังว่าชาวอฟาไตร อิลคอลลี่ และ ฟิสสิเพรสจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขนะ”

     

    “บางทีสิ่งที่นายจะทำมันอาจไม่ใช่ทางออก เรื่องบางเรื่องที่เป็นอยู่ก็ดีอยู่แล้วนี่”

     

    แบคฮยอนหันมามองเซฮุนด้วยสีหน้าที่จริงจัง เขาเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ร่างสูงพูดมันเหมือนไม่ใช่แค่เรื่องกฎ ท่าทางของเซฮุนที่เปลี่ยนไปนั่นก็กำลังบอกเขา บอกให้รู้ว่าเซฮุนรู้อะไรที่มากกว่าคำพูดของเขา

     

    “เซฮุน นายกำลังพยายามจะบอกอะไรฉัน?”

     

    “อะ...เอ่อ...ก็เปล่านิ”

     

    “นายรู้มั้ย บางเรื่องนายก็ควรจะลืมๆมันไปบ้าง ก็แค่คิดว่ามีแค่วันนี้ที่ต้องทำให้ดีที่สุดก็พอ”

     

    “อึก!!!...เดี๋ยวฉันขอกลับห้องก่อนนะ”

     

    มือหนากำเข้าที่อกของตนเองแน่น ก่อนจะพยายามเดินออกไปจากห้องของเพื่อนให้ปกติที่สุด แต่แค่พ้นประตูห้องที่ปิดลงอย่างเชื่องช้า ขาที่เคยแข็งแรงกลับทรุดลงอย่างทรมาน เสียงกระซิบที่ดังก้องอยู่ในอากาศตีรวนวุ่นวายไปหมด มันเหมือนเขาไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเคย เซฮุนรู้แค่อยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้เสียทีเท่านั้น แต่ขาเขาไม่มีแรงจะทำอย่างนั้น หากไม่มีมือเรียวมาช่วยพยุงเขาไว้

     

    “เป็นอะไรน่ะเซฮุน!

     

    คงต้องขอบคุณลู่ฮานที่ชอบมาหาเพื่อนที่ห้องนี้เสมอ ถึงผ่านมาเจอร่างสูงที่กำลังทรมานกับร่างกายของตนเองอยู่พอดี เขาพาเซฮุนกลับห้องไปอย่างทุลักทุเล ก่อนจะโยนร่างนั้นให้นอนลงบนที่นอนของตนเอง ใบหน้าสวยมองไปรอบๆพยายามหาทางช่วย แต่ก็ติดที่เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นมาก่อน

     

    “ละ...ลู่ฮาน!

     

    “ห๊ะ?! มีอะไรหรือเปล่าเซฮุน นายเป็นอะไรเนี่ย”

     

    “ฟังที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ จดมันไว้ทั้งหมดให้ได้ทุกคำ แล้วบอกกับฉันอีกครั้งเมื่อฉันหายจากอาการปวดร้าวเช่นนี้ ได้มั้ย...”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเว้าวอน เขาหอบเหนื่อยตลอดการพูดเพื่อไม่ให้ตนเองหมดสติ ร่างบางไม่อาจรู้ได้เลยว่าสิ่งที่กำลังจะได้ฟังนั้นคืออะไร เขารู้แค่เขาไม่อาจปล่อยให้เซฮุนเป็นแบบนี้ได้ แต่ก็กลัวที่จะต้องรู้ในสิ่งที่ร่างสูงจะบอกเหลือเกิน

     

    “ได้โปรดลู่ฮาน...ฉันเชื่อใจนายนะ”

     

    “ซะ...เซฮุน”

     

    “ช่วยฉันนะ”

     

    “ดะ...ได้สิ...”

     

    ร่างบางที่แม้จะกลัวแสนกลัว แต่ก็ไม่อาจทนเห็นเพื่อนร่วมห้องคนนี้ทนทรมานได้ สุดท้ายเลยต้องยอมทำในสิ่งที่แม้แต่ตนเองก็ไม่แน่ใจว่ามันสมควรรึเปล่า

     

    “ชะ...ใช้เวทร่ายนะ เวทเก็บเสียงไง...อือ!...นายท่องมันได้มั้ย”

     

    “เทอร์โทลิสเหรอ?”

     

    “นั่นแหล่ะ...ท่องมันสิ”

     

    “เนโร โมโน ซายโนเดียร์ เทอร์โทลิส...”

     

    คำร่ายนั้นต้องออกเสียงตอนปลายให้เหมือนการกระซิบแผ่ว ซึ่งลู่ฮานที่เก่งวิชานี้ไม่น้อยก็สามารถเอ่ยออกมาได้อย่างดี ความยาวของหางเสียงคือช่วงเวลาที่จะสามารถกักเก็บคำพูดของคู่สนทนาไว้ได้ เป็นเวทร่ายที่ใช้กันมากในนักหนังสือพิมพ์ของฟีนูคอน สายน้ำจากมวลอากาศก่อตัวซึมซับเข้าไปในกายบาง สอดคล้องกับเสียงหวานจับใจจนกลายเป็นเวทร่าย ที่ร้อยเรียงสู่กายแกร่งที่นอนหอบเหนื่อยทีละนิด

     

    ...เครื่องบันทึกเสียงชั้นดีพร้อมแล้ว...

     

    เสียงทุ้มเอ่ยบรรยายถึงความลับของเพื่อนตัวเล็กที่เขาได้รับรู้มา ผ่านเสียงกระซิบในสายลม ความสามารถพิเศษที่มีเพียงสายเลือดเทวาแห่งอเนโมสเท่านั้นที่รู้ และ สามารถใช้มันได้

     

    ...การได้ยินความคิดของผู้อื่น...

     

    เซฮุนนั้นถูกสอนให้ควบคุมการได้ยินมาตั้งแต่เด็ก เพราะหูของเขาเปิดรับทุกคำพูดของความคิดผู้อื่น ความหมายของผู้จองจำที่ซ่อนอยู่ในคัมภีร์แห่งการถือกำเนิด ไม่ใช่เพียงเพราะเผ่าอเนโมสเป็นเหมือนผู้ควบคุมมนต์สาปแห่งโฟเธีย แต่มันหมายถึงการจองจำทุกคนให้อยู่แต่เพียงความเป็นจริง ตรวนที่รัดร่างของผู้กำเนิดให้ตายหรือรอดนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือความจริงเท่านั้น ที่แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็จะไม่มีสิ่งใดทำลายได้

     

    “ซะ...เซฮุน”

     

    มือเรียวจับมือของลู่ฮานจับไปที่มือหนาของคนที่ค่อยๆเสียงแผ่วลงเรื่อยๆ ใบหน้าหล่อเซียวลงด้วยฤทธิ์ของมนต์ร้าย ก่อนจะสลบไปหลังจากได้บรรยายความทรงจำของตนเองไว้ทั้งหมดสิ้น ลู่ฮานอังมือไปที่หน้าผากของเซฮุน จับความร้อนของร่างกายนี้ได้เป็นอย่างดี จึงลุกไปหยิบผ้ามาซับเหงื่อกาฬที่ไหลออกมาไม่หยุด

     

    “นายไหวมั้ยนะ”

     

    เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา กลัวว่าจะเป็นการรบกวนการพักผ่อนของร่างสูง แต่ก็ลืมไปว่าเตียงที่เซฮุนใช้อยู่นั้น มันคือเตียงของเขาเอง ดังนั้นคืนนี้นอกจากลู่ฮานจะต้องจับมือของเซฮุนไว้ตลอดคืนแล้ว เขาก็ยังต้องนอนหมอบที่ข้างเตียง ทำหน้าที่คนเฝ้าไข้ไปเสียด้วย

     

    <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    จิ๊บ! จิ๊บ จิ๊บ!!

     

    เสียงนกร้องที่ดังมาจากข้างหน้าต่าง ปลุกให้ผู้หลับใหลทั้งสองค่อยๆคืนสติ ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นก่อนรับแสงแดด ความเมื่อยล้ากัดกินร่างกายบอบบางจนร้าวไปหมด หันกลับมามองที่มือของตนเองก็เห็นว่ามันยังกุมมือของอีกคนหนึ่งไว้ ไม่รู้อะไรดลใจให้เผยร้อยยิ้มออกมาให้กับมันเช่นตอนนี้

     

    “หึหึ”

     

    “หัวเราะอะไรของนาย?”

     

    คำถามจากร่างสูงเล่นเอาลู่ฮานเกือบจะปล่อยมือนั้นด้วยความตกใจ แต่เซฮุนที่แม้จะได้สติแล้วแต่เขาก็ยังกุมมือเรียวไว้แน่น เขาสงสัยว่าทำไมตนเองถึงมานอนอยู่บนเตียงของร่างบาง แต่ที่สงสัยกว่าคือเหตุผลที่ตนเองยังจับมือกับร่างบางนี้อยู่ต่างหาก กลัวว่าถ้าปล่อยไปจะไม่มีหลักฐานเท่านั้นแหละ

     

    “ปะ...ปล่อยสิ”

     

    “ปล่อยได้ไง เดี๋ยวไม่มีหลักฐานมาเอาผิด”

     

    “เอาผิดอะไร?”

     

    “ก็เอาผิดที่นายพยายามเอาเปรียบร่างกายฉันล่ะสิ หลงเสน่ห์ฉันถึงกับต้องวางยากันเลยรึยังไง”

     

    เซฮุนถามออกไปด้วยน้ำเสียงยียวน เขาลืมไปหมดแล้วถึงสามาเหตุที่ตนเองมานอนอยู่ตรงนี้ แต่ก็คิดว่าหากตนเองมีสติดีพอแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มีทางมานอนอยู่บนที่นอนของลู่ฮานแน่นอน มันคงต้องเป็นเพราะเวทร่ายจากแม่มดร้ายผู้น่ารักนี้มากกว่า

     

    ...แต่บังเอิญว่าลู่ฮานเป็นผู้วิเศษไม่ใช่แม่มด!!!...

     

    “ทำไมฉันต้องวางยาคนอย่างนายด้วย!

     

    แค่ได้ยินลู่ฮานก็เดือดดาลจนควันออกหูไปหมดแล้ว เสียงหวานเอ่ยถามกลับอย่างคนที่มีความลับเหนือกว่า เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมร่างสูงถึงลืมการช่วยเหลือที่แสนทุลักทุเลของเขาเมื่อคืนไปได้ แต่มันก็คงมีเหตุผลบางอย่างอยู่แล้ว ที่ทำให้เซฮุนถึงขนาดยอมเปิดเผยตัวตนที่ซ่อนอยู่กับคนอย่างเขา

     

    ...ใช่! ตอนนี้เขารู้ทุกอย่างจากปากของเซฮุนเองแล้ว...

     

    “ฉันก็ถามนายอยู่นี่ไงว่าทำๆไม”

     

    “ก็เพราะฉันไม่ได้ทำไง”

     

    “แล้วฉันจะมานอนอยู่บนที่ของนายได้ยังไง ฉันไม่เห็นจำได้ว่าที่นอนของนายมันดีกว่าที่นอนของฉันตรงไหน”

     

    “ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าที่นอนของฉันมันดีกว่าที่นอนของนายตรงไหน แต่คิดว่าสิ่งนี้คงพอจะตอบคำถามของนายได้บ้างล่ะนะ”

     

    ขาเล็กเดินกลับไปที่โต๊ะของตนเอง หยิบเอาก้อนน้ำใสกลมที่เก็บคำพูดของเซฮุนเมื่อคืนออกมา ยื่นมันไปที่เหนือหัวของร่างสูงที่ก็เงยหน้ามองด้วยความสงสัยอยู่เหมือนกัน ก่อนจะออกแรงบีบจนก้อนน้ำนั้นแตกคามือ กระจายไปทั่วใบหน้าหล่อจนเปียกโชกไปหมด เซฮุนอ้าปากเตรียมจะใส่บทเทศให้กับลู่ฮานทันทีตามประสา แต่ก็ติดที่เขาดันได้ยินเสียงของตนเองดังก้องห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ทันทีที่ก้อนน้ำนั้นแตกเสียก่อน

     

    “ฉะ...ฉันได้ยินเสียงในหัวของแบคฮยอน มันบอกว่า...”

     

    เสียงทุ้มที่เขารู้ดีว่ามันออกมาจากปากของเขา ค่อยๆเล่าเหตุการณ์ที่ได้ยินเมื่อวาน ด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนคนใกล้ตายเต็มที ทุกประโยคนั้นเขาลืมมันไปจนหมดสิ้นแล้วในเวลานี้ คงต้องขอบคุณลู่ฮานที่เก็บมันไว้ทุกประโยคอย่างดี ความทรงจำช่วงกลางคืนที่หายไปจึงกลับมาอย่างครบถ้วน เมื่อเสียงของเขามันแผ่วลงแล้วหายไปกับอากาศ

     

    “ทีนี้พอจะรู้ขึ้นมาบ้างมั้ย ว่าทำไมนายต้องมานอนอยู่บนที่นอนของฉัน”

     

    “ไม่เห็นจะรู้เลย ได้ยินแต่เสียงของฉันเล่าเหตุการณ์ ไม่ได้มีภาพนิ”

     

    “โอ เซฮุน! นายจะหัดยอมรับความจริงบ้างได้มั้ย?!

     

    มือหนายกขึ้นปิดหูทั้งสองข้างเมื่อลู่ฮานเริ่มแผดเสียงใส่เขาด้วยความโมโหอีกครั้ง จริงๆเขาก็จำไม่ได้หรอกว่าทำไมเขาถึงมานอนอยู่ที่นี่ ทำไมต้องจับมือเรียวนั้นไว้ตลอดคืน แต่สิ่งที่ร่างบางเอามาให้เขาฟังนั้น บอกให้รู้ว่าเขาไว้ใจให้ลู่ฮานเป็นผู้รู้ความลับนี้มากแค่ไหน

     

    ...ที่หยอกไปก็แค่มันสนุกดี...

     

    “โอเค โอเค ขอบคุณนายมากๆนะที่ช่วยฉัน”

     

    “ถ้าไม่เต็มใจนายก็ไม่ต้องพูดเลย”

     

    “ได้เหรอ?!

     

    “เห้ย!!!

     

    “ล้อเล่นน่ะ ฉันรู้ว่าถ้าไม่มีนาย เมื่อคืนฉันคงแย่แน่ๆ ขอบคุณนายมากแล้วกันที่ช่วยฉันไว้”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยขอบคุณออกมาจากใจจริง ก้มหน้าลงอย่างคิดไม่ตกว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ความลับของแบคฮยอนทำให้เขามีเพียงสองทางเลือกที่เหลืออยู่ คือจบเรื่องมนต์สาปนี้แล้วเริ่มต้นกับตำนานบทใหม่ หรือ ดำรงมันไว้เพื่อเกียรติของอเนโมส

     

    “อย่ามาทำหน้าคิดหนักแต่ไม่คิดจะบอกฉันนะ”

     

    “หือ?”

     

    “มองหน้าฉันแล้วทำหน้างงทำไมล่ะ ผิดรึไงที่ฉันเป็นแค่อิลคอลลี่ธรรมดาน่ะ”

     

    ใบหน้าสวยกลอกตาไปรอบๆอย่างเบื่อหน่าย ลู่ฮานยังไม่ชินกับการที่จะมายอมรับว่าเซฮุนคือใคร แต่เพราะใบหน้าหล่อไม่ได้ฉายความเข้าใจขึ้นมาเลย สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง ก็ทำให้ลู่ฮานต้องพูดมันออกไปอย่างยอมรับความจริง

     

    “นายคือสายเลือดเทวาอเนโมสที่ได้ยินทุกความคิดของคนอื่น แต่อย่าลืมว่าฉันไม่ใช่ ถ้านายอยากให้ฉันรู้อะไรมากกว่าที่ฉันเป็น ซึ่งตามสิทธิ์แล้วฉันก็ควรจะรู้ว่านายคิดอะไรบ้างถึงจะแฟร์ ฉันช่วยนายไว้ไง ลืมแล้วเหรอ?”

     

    “พูดง่ายๆคืออยากให้ฉันเล่าความคิดของฉัน เพราะนายอยากรู้สินะ”

     

    ร่างสูงพูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม เขารู้ว่าท่าทางของลู่ฮานมันหมายความว่าอย่างไรตั้งแต่ต้น แต่ที่ทำให้ต้องคิดหนักนั้นเป็นเพราะความเคยชินของตัวเขาเองทั้งสิ้น ผู้เป็นอาฝึกให้เขาเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่สมควร และ เขาเป็นสายเลือดเทวาที่ถูกสอนให้โกหกเก่งที่สุด เขาไม่ได้อยากจะเป็นนักโกหกดีเด่นหรืออะไรแบบนั้น แต่มันคือทางเดียวที่เขาจะซ่อนความลับในกายไว้อย่างแนบเนียน

     

    ...ยิ่งเราไม่เหมือนสิ่งที่เราเป็นมากเท่าไร ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น...

     

    “คะ..คือ...ฉันคิดว่า...เอ่อ...”

     

    “อย่าเอ่ออ่าสิ นี่มันฟังไม่รู้เรื่องนะ แค่พูดความจริงออกมามันยากตรงไหน ทั้งหมดที่ขอให้พูดก็แค่ความคิดของนายไม่ใช่เหรอ”

     

    ...นั่นสิ มันก็แค่พูดสิ่งที่คิดออกมา...

     

    ตาคมมองใบหน้าสวยที่ทำสีหน้าแสดงความสงสัย ไม่เข้าใจในตัวเขาเลยสักนิด ว่าทำไมถึงไม่มั่นใจที่จะพูดความจริงออกมาเลย ทั้งที่มันคือสิ่งที่ง่ายกว่าการพูดความลับของคนอื่นที่เขารู้เป็นไหนๆ

     

    “ฉันคิดว่าต้องทำยังไงต่อไปดี”

     

    “นายจะบอกความลับของแบคฮยอนกับคนอื่นเหรอ?”

     

    “ฉันไม่จำเป็นต้องบอกใครนิ นายเองก็เหมือนกัน”

     

    “ฉันก็ไม่เคยคิดจะบอกหรอก ขนาดเรื่องของนายฉันรู้ยังช่วยปิดเลย”

     

    “ขอบใจนะ”

     

    เซฮุนไม่รู้เลยว่าวันนี้เขาต้องขอบคุณร่างบางอีกกี่ครั้ง ถึงจะสมกับสิ่งที่ลู่ฮานทำมาทั้งหมดเพื่อเขา หรือ เขาอาจจะตอบแทนทั้งหมดได้เพียงแค่เริ่มพูดความจริงกับลู่ฮานก็พอ

     

    “เลิกพูดขอบคุณฉัน แล้วเปลี่ยนเป็นทำให้ฉันเข้าใจเถอะน่า ว่านายจะช่วยเรื่องของอี้ชิงได้ยังไง นายไม่เห็นความรักในแววตาของพี่คริสเหรอ มันชัดเจนออกขนาดนั้น”

     

    “ก็เพราะเห็น ฉันถึงต้องมาคิดหนักอยู่แบบนี้ไง”

     

    “บางทีฉันคิดว่าวิธีของแบคฮยอนมันอาจจะช่วยได้ ถ้าทุกอย่างจบลงไปเสียที มันก็น่าจะดีกับทุกฝ่ายไม่ใช่เหรอ”

     

    “ไม่หรอกลู่ฮาน เรื่องของมนต์สาปมันมีอะไรที่ซ่อนอยู่มากกว่านั้น บางทีการที่มนต์สาปถูกทำลาย มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดเผยความลับของเผ่าอื่นก็เป็นได้ แค่ตอนนี้การล้างมนต์สาปยังทำให้สายเลือดเทวาค่อยๆปรากฏขึ้นมาทีละคนแล้วเลย”

     

    “นายหมายความว่านอกจากอเนโมสกับโฟเธีย ยังมีสายเลือดเทวาคนอื่นอยู่ที่นี่งั้นเหรอ...ละ...แล้ว สายเลือดเทวาแห่งเนโรล่ะ”

     

    “ฉันไม่รู้...”

     

    เพราะคำตอบของเซฮุนไม่เป็นดังร่างบางวาดฝัน ใบหน้าสวยถึงดูสลดลงอย่างบอกไม่ถูก เซฮุนมองภาพนั้นแล้วอดรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วย มือหนาจึงวางลงบนไหล่บางหวังให้มันปลอบประโลมใจที่ว้าวุ่นนั้น

     

    “...แต่ถ้ามีใครคิดถึงเรื่องสายเลือดเทวาแห่งเนโร ฉันสาบานว่าจะบอกนายนะ”

     

                         <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 2.17

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    จุดเริ่มต้นในจุดจบกำลังจะเกิดขึ้น ระเบียบการจองหนังสือออกวันนี้แบบดึกมากๆนะคะ ใครรออยู่ใจเย็นนะคะ^^

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×