คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต บทที่ ๑๗
Title : The Phonucorn ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๑๗
Author : พระจันทร์สีทอง
Genre : Fantasy Romantic Drama
Warnings : Yaoi – PG 18
Pairing : Sehun x Luhan
บทที่ ๑๗
The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต
“ทำไมช่วงนี้พวกหอนู้นถึงชอบมายุ่งกับหอเราจังวะ”
ซิ่วหมินที่กำลังแง้มม่านแอบดูพูดขึ้น เขาเห็นชานยอลที่เดินไปเดินมาร่วมครึ่งชั่วโมงที่หน้าหอพักเขตเย็น แถมไม่มีทีท่าว่าจะไปไหนจนกว่าจะพบใครบางคนเสียด้วย เพื่อนๆที่เหลือมองหน้ากันว่าจะเอาอย่างไรดี เซฮุนรู้ดีว่ารุ่นพี่หนุ่มต้องการพบใคร แต่ หลังจากนอนคิดทบทวนมาทั้งคืน ดูเหมือนทางออกเดียวคือทำทุกทางให้อี้ชิงอยู่ห่างกับพวกโฟเธีย
“แอบออกหลังหอมั้ย?”
“ทำไมต้องทำแบบนั้น พี่เขามาแค่คนเดียวเองนะ”
ลู่ฮานที่ก็เหมือนชาวเผ่าอื่น ที่ไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงแล้วปัญหาของอเนโมสและโฟเธียไม่เคยเป็นอดีต เขาไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องหนี เพราะรุ่นพี่หนุ่มก็ไม่ได้แสดงท่าทางเหมือนจะมาฆ่าพวกเขาเสียหน่อย ก็แค่เดินไปเดินมาเท่านั้นเอง
“ฉันเห็นด้วยกับลู่ฮานนะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”
“แต่ฉัน...”
“มันสายเกินแก้ไปแล้วเซฮุน ไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างก็จะต้องเกิดขึ้น”
อี้ชิงพูดจบก็ออกแรงผลักบานประตูของหอพักให้เปิดออก ก้าวขาเข้าไปหาผู้มาเยือนที่แสนมั่นใจว่าจะต้องมาหาตนเองแน่ แต่ชานยอลกลับมุ่นคิ้วเมื่ออี้ชิงมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“มีอะไรกับฉันรึไง?”
“แล้วพี่มีอะไรกับผมล่ะครับ”
“ฉันไม่ได้มาหานาย ทำไมต้องมีอะไร?”
“ไม่ได้มาหาผมเหรอครับ?”
ร่างสูงหันไปมองหน้าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มด้วยความคิดไม่ต่างกัน พวกเขาคิดจะหนีทำไมตั้งแต่ต้น ในเมื่อคนที่ชานยอลมาหาไม่ใช่อี้ชิงเสียหน่อย แต่มันจะเป็นไปได้เหรอที่เรื่องของชานยอลจะไม่เกี่ยวกับอี้ชิง
“แบคฮยอน! ฉันขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย”
“กับ...ผม?”
แม้แต่แบคฮยอนที่ถูกเรียกไว้ ยังต้องชี้หน้าตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใครๆต่างก็รู้ว่าทั้งชานยอลและแบคฮยอนนั้นสุดกู่ไปคนละด้าน ดูเหมือนรุ่นพี่หนุ่มจะไม่ชอบขี้หน้ารุ่นน้องร่วมชนชั้นคนนี้ด้วยซ้ำ แต่วันนี้เขากลับเอ่ยปากเรียกและร้องขอด้วยคำพูดที่สุภาพเสียอย่างนั้น
“ใช่ นายนั่นแหละ คุยกันสักพักได้มั้ย ให้เพื่อนนายไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“เอ่อ...กะ...ก็ได้ครับ”
ขาเล็กก้าวกลับไปหารุ่นพี่หนุ่ม แล้วมองแบบให้เพื่อนทำตามที่อีกฝ่ายพูด เขารู้ว่านี่ดูไม่เข้าท่าเลยที่ชาวปาโกสจะมาสุงสิงกับไฟ แต่ในเมื่อชานยอลร้องขอเขาคงไม่ใจแข็งปฏิเสธได้ลง
“เดี๋ยวฉันตามไปนะ”
“ถ้ามีอะไรก็โทรมาแล้วกัน จะรีบมารับ”
“อื้ม”
บทสนทนาสั้นๆที่แสดงความเป็นห่วงของเพื่อน ทำให้ชานยอลถึงกับอดเคืองขุ่นในใจไม่ได้ เขาดูไม่น่าไว้ใจขนาดต้องพูดเช่นนั้นเลยรึไง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเสียเรื่องชานยอลก็ต้องรีบลากร่างเล็กหายเข้าไปในสุสานเสียก่อน
“แบคฮยอนจะเป็นอะไรมั้ย”
“คงไม่ พวกเรารู้เยอะขนาดนี้ คงไม่กล้าหรอก”
เซฮุนพูดอย่างอยากให้อี้ชิงสบายใจ ก่อนที่พวกเขาจะเดินแยกไปที่อาคารเรียนตามที่ชานยอลขอ แต่ก่อนที่จะก้าวเดินไปได้ไกล ตาคมก็เหลือบไปสบเข้ากับแววตาดุดันที่มองออกมาจากหอพักเขตร้อนเสียก่อน
...บางอย่างไม่เห็นทั้งตา แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี...
เสียงกระซิบแห่งสายลมบอกเขาให้รู้ว่าหลังม่านนั้นมีใครซ่อนอยู่ คนที่คอยเฝ้ามองเพื่อนเขามาตลอด แม้นี่จะเป็นเรื่องที่ไม่น่าชอบใจนัก แต่สำหรับเวลาที่เหลือน้อยเต็มที่สำหรับทั้งสอง เขาก็คงไม่มีสิทธิ์ไปหวงห้ามได้
<<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>
หลังเลิกเรียนเซฮุนก็รีบตรงมาที่ห้องของแบคฮยอนและอี้ชิงทันที เขายังติดใจเรื่องที่ชานยอลมาเรียกตัวแบคฮยอนไปเมื่อเช้า พอกลับมาก็ดูเหมือนแบคฮยอนจะคิดหนักเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง แล้วดูเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเขาเสียด้วย เมื่อในห้องนั้นมีเพียงแบคฮยอนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เท่านั้น
“แบคฮยอน”
“หือ? เอ้า?! มีอะไรเหรอเซฮุน”
“ฉันมาหาอี้ชิงน่ะ เขาไปไหนเหรอ”
ร่างสูงทำเป็นเบี่ยงประเด็นไปหาคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ทั้งที่ในใจของเขามันอยากจะถามออกไปตรงๆเสียเลยด้วยซ้ำ แบคฮยอนส่ายหน้าเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่ารูมเมทไปไหนเช่นกัน แต่ถึงจะตอบออกไปอย่างนั้น เซฮุนก็ยังไม่มีทีท่าจะเดินออกไปจากห้องของเขาง่ายๆ จนแบคฮยอนต้องหันไปมองเพื่อนร่างสูง ที่ตอนนี้นอนทิ้งตัวลงบนเตียงของเขาแล้ว
“งั้นขอรออี้ชิงหน่อยนะ”
“อ่า~”
“เออนี่แบคฮยอน แล้ววันนี้พี่ชานยอลเขาเรียกนายไปทำไมเหรอ คงไม่ได้นึกอยากจะสารภาพรักหรอกใช่มั้ย”
คำพูดทีเล่นทีจริงเรียกสายตาค้อนๆจากเพื่อนได้เป็นอย่างดี บรรยากาศในการล้วงหาความจริงของเซฮุนดูไม่ตรึงเครียดนัก แต่ทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ได้มักจะเกินคาดอยู่เสมอ
...แต่กับแบคฮยอนมันก็อาจจะไม่แน่...
“สารภาพรักอะไรกันล่ะ ก็แค่พูดคุยกันเรื่องของกฎหมายอฟาไตรน่ะ”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็แบบพวกเราก็มีกฎในการที่จะทำให้ทุกเผ่าในชนชั้นอยู่ร่วมกันอย่างสงบนิ ดังนั้นในทุกๆปีก็ต้องเอาปัญหามาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อกฎหมายที่เสมอภาคแก่ทุกคนในเมือง อฟาไตร”
“ฟังดูยุ่งยากเนาะ”
“ก็แบบนี้แหละ มีแต่พวกชนชั้นหัวสูงอยู่ทั้งนั้น ใครๆก็คิดถึงแค่ผลประโยชน์ของตนเองกันทั้งนั้น ใครกันล่ะจะยอมเป็นผู้เสียสละไปได้ตลอด”
แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ สำหรับการแสดงที่แนบเนียนนี้เซฮุนคงต้องบอกว่าให้แบคฮยอนเกินร้อย ทั้งเหตุผลที่บอกออกมามันช่างสอดคล้องกับท่าทางขณะพูดเหลือเกิน ดูเหมือนเป็นอฟาไตรดีๆที่ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องกฎเหล่านั้น แต่แบคฮยอนคงลืมไปว่าถ้าเป็นแบบนั้นชานยอลจะต้องคุยกับแบคฮยอนทำไม
...เกือบจะเนียนแล้วจริงๆ...
“ถ้าอย่างนั้น พี่ชานยอลเขามาพูดกับนายทำไมล่ะ เรื่องคุมกฎน่าจะเป็นเรื่องที่ต้องเจรจากับพวกหัวแข็งมากกว่า แต่กับพวกลัทธิคลั่งฟิสสิเพรสแบบนาย จำเป็นเหรอ?”
เสียงทุ้มถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ติดไปทางสงสัยมากกว่าจับผิด แต่สำหรับคนโกหกนั้นก็ถึงกับเหงื่อแตกออกมาเป็นสาย แม้เซฮุนไม่ใช่ชาวโฟเธียแต่ก็สามารถทำให้ปาโกสอย่างแบคฮยอนรู้สึกร้อนรนได้ไม่ยาก
“คะ...คือ พี่เขา...กะ...ก็แค่มาถามในฐานะที่ฉันเป็นอฟาไตร”
“อ่อ! จริงด้วย ฉันก็ลืมไปเลยว่านายคืออฟาไตร”
หากการแสดงของแบคฮยอนนั้นได้เกินร้อย ตอนนี้เซฮุนก็คงได้เกินล้านไปเสียแล้ว เพราะเขาสามารถทำให้คะแนนการแสดงของแบคฮยอนติดลบไปได้แล้ว แต่เพื่อนร่างเล็กยังไม่รู้เลยว่าหลุดเอาความลับออกมาเสียหมดแล้ว
...การช่วยเหลือเพื่อล้างมนต์สาป...
เสียงกระซิบนั้นพร่ำบอกเขาดังเช่นนั้น เซฮุนค่อยๆหยัดตัวขึ้นทีละน้อย เฝ้ามองแบคฮยอนที่เริ่มหน้าเสียลงเรื่อยๆอย่างใช้ความคิด เขาไม่ได้อยากจะรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวของเพื่อน หากแต่แค่อยากรู้ว่าเผ่าโฟเธียกำลังคิดจะทำอะไรเท่านั้น
“แบคฮยอนนาย...”
“หือ?”
“...นายรู้ใช่มั้ยว่าเรื่องทั้งหมดมันเปลี่ยนแปลงได้”
“อื้ม ฉันก็หวังว่าชาวอฟาไตร อิลคอลลี่ และ ฟิสสิเพรสจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขนะ”
“บางทีสิ่งที่นายจะทำมันอาจไม่ใช่ทางออก เรื่องบางเรื่องที่เป็นอยู่ก็ดีอยู่แล้วนี่”
แบคฮยอนหันมามองเซฮุนด้วยสีหน้าที่จริงจัง เขาเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ร่างสูงพูดมันเหมือนไม่ใช่แค่เรื่องกฎ ท่าทางของเซฮุนที่เปลี่ยนไปนั่นก็กำลังบอกเขา บอกให้รู้ว่าเซฮุนรู้อะไรที่มากกว่าคำพูดของเขา
“เซฮุน นายกำลังพยายามจะบอกอะไรฉัน?”
“อะ...เอ่อ...ก็เปล่านิ”
“นายรู้มั้ย บางเรื่องนายก็ควรจะลืมๆมันไปบ้าง ก็แค่คิดว่ามีแค่วันนี้ที่ต้องทำให้ดีที่สุดก็พอ”
“อึก!!!...เดี๋ยวฉันขอกลับห้องก่อนนะ”
มือหนากำเข้าที่อกของตนเองแน่น ก่อนจะพยายามเดินออกไปจากห้องของเพื่อนให้ปกติที่สุด แต่แค่พ้นประตูห้องที่ปิดลงอย่างเชื่องช้า ขาที่เคยแข็งแรงกลับทรุดลงอย่างทรมาน เสียงกระซิบที่ดังก้องอยู่ในอากาศตีรวนวุ่นวายไปหมด มันเหมือนเขาไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเคย เซฮุนรู้แค่อยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้เสียทีเท่านั้น แต่ขาเขาไม่มีแรงจะทำอย่างนั้น หากไม่มีมือเรียวมาช่วยพยุงเขาไว้
“เป็นอะไรน่ะเซฮุน!”
คงต้องขอบคุณลู่ฮานที่ชอบมาหาเพื่อนที่ห้องนี้เสมอ ถึงผ่านมาเจอร่างสูงที่กำลังทรมานกับร่างกายของตนเองอยู่พอดี เขาพาเซฮุนกลับห้องไปอย่างทุลักทุเล ก่อนจะโยนร่างนั้นให้นอนลงบนที่นอนของตนเอง ใบหน้าสวยมองไปรอบๆพยายามหาทางช่วย แต่ก็ติดที่เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นมาก่อน
“ละ...ลู่ฮาน!”
“ห๊ะ?! มีอะไรหรือเปล่าเซฮุน นายเป็นอะไรเนี่ย”
“ฟังที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ จดมันไว้ทั้งหมดให้ได้ทุกคำ แล้วบอกกับฉันอีกครั้งเมื่อฉันหายจากอาการปวดร้าวเช่นนี้ ได้มั้ย...”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเว้าวอน เขาหอบเหนื่อยตลอดการพูดเพื่อไม่ให้ตนเองหมดสติ ร่างบางไม่อาจรู้ได้เลยว่าสิ่งที่กำลังจะได้ฟังนั้นคืออะไร เขารู้แค่เขาไม่อาจปล่อยให้เซฮุนเป็นแบบนี้ได้ แต่ก็กลัวที่จะต้องรู้ในสิ่งที่ร่างสูงจะบอกเหลือเกิน
“ได้โปรดลู่ฮาน...ฉันเชื่อใจนายนะ”
“ซะ...เซฮุน”
“ช่วยฉันนะ”
“ดะ...ได้สิ...”
ร่างบางที่แม้จะกลัวแสนกลัว แต่ก็ไม่อาจทนเห็นเพื่อนร่วมห้องคนนี้ทนทรมานได้ สุดท้ายเลยต้องยอมทำในสิ่งที่แม้แต่ตนเองก็ไม่แน่ใจว่ามันสมควรรึเปล่า
“ชะ...ใช้เวทร่ายนะ เวทเก็บเสียงไง...อือ!...นายท่องมันได้มั้ย”
“เทอร์โทลิสเหรอ?”
“นั่นแหล่ะ...ท่องมันสิ”
“เนโร โมโน ซายโนเดียร์ เทอร์โทลิส...”
คำร่ายนั้นต้องออกเสียงตอนปลายให้เหมือนการกระซิบแผ่ว ซึ่งลู่ฮานที่เก่งวิชานี้ไม่น้อยก็สามารถเอ่ยออกมาได้อย่างดี ความยาวของหางเสียงคือช่วงเวลาที่จะสามารถกักเก็บคำพูดของคู่สนทนาไว้ได้ เป็นเวทร่ายที่ใช้กันมากในนักหนังสือพิมพ์ของฟีนูคอน สายน้ำจากมวลอากาศก่อตัวซึมซับเข้าไปในกายบาง สอดคล้องกับเสียงหวานจับใจจนกลายเป็นเวทร่าย ที่ร้อยเรียงสู่กายแกร่งที่นอนหอบเหนื่อยทีละนิด
...เครื่องบันทึกเสียงชั้นดีพร้อมแล้ว...
เสียงทุ้มเอ่ยบรรยายถึงความลับของเพื่อนตัวเล็กที่เขาได้รับรู้มา ผ่านเสียงกระซิบในสายลม ความสามารถพิเศษที่มีเพียงสายเลือดเทวาแห่งอเนโมสเท่านั้นที่รู้ และ สามารถใช้มันได้
...การได้ยินความคิดของผู้อื่น...
เซฮุนนั้นถูกสอนให้ควบคุมการได้ยินมาตั้งแต่เด็ก เพราะหูของเขาเปิดรับทุกคำพูดของความคิดผู้อื่น ความหมายของผู้จองจำที่ซ่อนอยู่ในคัมภีร์แห่งการถือกำเนิด ไม่ใช่เพียงเพราะเผ่าอเนโมสเป็นเหมือนผู้ควบคุมมนต์สาปแห่งโฟเธีย แต่มันหมายถึงการจองจำทุกคนให้อยู่แต่เพียงความเป็นจริง ตรวนที่รัดร่างของผู้กำเนิดให้ตายหรือรอดนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือความจริงเท่านั้น ที่แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็จะไม่มีสิ่งใดทำลายได้
“ซะ...เซฮุน”
มือเรียวจับมือของลู่ฮานจับไปที่มือหนาของคนที่ค่อยๆเสียงแผ่วลงเรื่อยๆ ใบหน้าหล่อเซียวลงด้วยฤทธิ์ของมนต์ร้าย ก่อนจะสลบไปหลังจากได้บรรยายความทรงจำของตนเองไว้ทั้งหมดสิ้น ลู่ฮานอังมือไปที่หน้าผากของเซฮุน จับความร้อนของร่างกายนี้ได้เป็นอย่างดี จึงลุกไปหยิบผ้ามาซับเหงื่อกาฬที่ไหลออกมาไม่หยุด
“นายไหวมั้ยนะ”
เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา กลัวว่าจะเป็นการรบกวนการพักผ่อนของร่างสูง แต่ก็ลืมไปว่าเตียงที่เซฮุนใช้อยู่นั้น มันคือเตียงของเขาเอง ดังนั้นคืนนี้นอกจากลู่ฮานจะต้องจับมือของเซฮุนไว้ตลอดคืนแล้ว เขาก็ยังต้องนอนหมอบที่ข้างเตียง ทำหน้าที่คนเฝ้าไข้ไปเสียด้วย
<<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>
จิ๊บ! จิ๊บ จิ๊บ!!
เสียงนกร้องที่ดังมาจากข้างหน้าต่าง ปลุกให้ผู้หลับใหลทั้งสองค่อยๆคืนสติ ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นก่อนรับแสงแดด ความเมื่อยล้ากัดกินร่างกายบอบบางจนร้าวไปหมด หันกลับมามองที่มือของตนเองก็เห็นว่ามันยังกุมมือของอีกคนหนึ่งไว้ ไม่รู้อะไรดลใจให้เผยร้อยยิ้มออกมาให้กับมันเช่นตอนนี้
“หึหึ”
“หัวเราะอะไรของนาย?”
คำถามจากร่างสูงเล่นเอาลู่ฮานเกือบจะปล่อยมือนั้นด้วยความตกใจ แต่เซฮุนที่แม้จะได้สติแล้วแต่เขาก็ยังกุมมือเรียวไว้แน่น เขาสงสัยว่าทำไมตนเองถึงมานอนอยู่บนเตียงของร่างบาง แต่ที่สงสัยกว่าคือเหตุผลที่ตนเองยังจับมือกับร่างบางนี้อยู่ต่างหาก กลัวว่าถ้าปล่อยไปจะไม่มีหลักฐานเท่านั้นแหละ
“ปะ...ปล่อยสิ”
“ปล่อยได้ไง เดี๋ยวไม่มีหลักฐานมาเอาผิด”
“เอาผิดอะไร?”
“ก็เอาผิดที่นายพยายามเอาเปรียบร่างกายฉันล่ะสิ หลงเสน่ห์ฉันถึงกับต้องวางยากันเลยรึยังไง”
เซฮุนถามออกไปด้วยน้ำเสียงยียวน เขาลืมไปหมดแล้วถึงสามาเหตุที่ตนเองมานอนอยู่ตรงนี้ แต่ก็คิดว่าหากตนเองมีสติดีพอแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มีทางมานอนอยู่บนที่นอนของลู่ฮานแน่นอน มันคงต้องเป็นเพราะเวทร่ายจากแม่มดร้ายผู้น่ารักนี้มากกว่า
...แต่บังเอิญว่าลู่ฮานเป็นผู้วิเศษไม่ใช่แม่มด!!!...
“ทำไมฉันต้องวางยาคนอย่างนายด้วย!”
แค่ได้ยินลู่ฮานก็เดือดดาลจนควันออกหูไปหมดแล้ว เสียงหวานเอ่ยถามกลับอย่างคนที่มีความลับเหนือกว่า เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมร่างสูงถึงลืมการช่วยเหลือที่แสนทุลักทุเลของเขาเมื่อคืนไปได้ แต่มันก็คงมีเหตุผลบางอย่างอยู่แล้ว ที่ทำให้เซฮุนถึงขนาดยอมเปิดเผยตัวตนที่ซ่อนอยู่กับคนอย่างเขา
...ใช่! ตอนนี้เขารู้ทุกอย่างจากปากของเซฮุนเองแล้ว...
“ฉันก็ถามนายอยู่นี่ไงว่าทำๆไม”
“ก็เพราะฉันไม่ได้ทำไง”
“แล้วฉันจะมานอนอยู่บนที่ของนายได้ยังไง ฉันไม่เห็นจำได้ว่าที่นอนของนายมันดีกว่าที่นอนของฉันตรงไหน”
“ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าที่นอนของฉันมันดีกว่าที่นอนของนายตรงไหน แต่คิดว่าสิ่งนี้คงพอจะตอบคำถามของนายได้บ้างล่ะนะ”
ขาเล็กเดินกลับไปที่โต๊ะของตนเอง หยิบเอาก้อนน้ำใสกลมที่เก็บคำพูดของเซฮุนเมื่อคืนออกมา ยื่นมันไปที่เหนือหัวของร่างสูงที่ก็เงยหน้ามองด้วยความสงสัยอยู่เหมือนกัน ก่อนจะออกแรงบีบจนก้อนน้ำนั้นแตกคามือ กระจายไปทั่วใบหน้าหล่อจนเปียกโชกไปหมด เซฮุนอ้าปากเตรียมจะใส่บทเทศให้กับลู่ฮานทันทีตามประสา แต่ก็ติดที่เขาดันได้ยินเสียงของตนเองดังก้องห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ทันทีที่ก้อนน้ำนั้นแตกเสียก่อน
“ฉะ...ฉันได้ยินเสียงในหัวของแบคฮยอน มันบอกว่า...”
เสียงทุ้มที่เขารู้ดีว่ามันออกมาจากปากของเขา ค่อยๆเล่าเหตุการณ์ที่ได้ยินเมื่อวาน ด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนคนใกล้ตายเต็มที ทุกประโยคนั้นเขาลืมมันไปจนหมดสิ้นแล้วในเวลานี้ คงต้องขอบคุณลู่ฮานที่เก็บมันไว้ทุกประโยคอย่างดี ความทรงจำช่วงกลางคืนที่หายไปจึงกลับมาอย่างครบถ้วน เมื่อเสียงของเขามันแผ่วลงแล้วหายไปกับอากาศ
“ทีนี้พอจะรู้ขึ้นมาบ้างมั้ย ว่าทำไมนายต้องมานอนอยู่บนที่นอนของฉัน”
“ไม่เห็นจะรู้เลย ได้ยินแต่เสียงของฉันเล่าเหตุการณ์ ไม่ได้มีภาพนิ”
“โอ เซฮุน! นายจะหัดยอมรับความจริงบ้างได้มั้ย?!”
มือหนายกขึ้นปิดหูทั้งสองข้างเมื่อลู่ฮานเริ่มแผดเสียงใส่เขาด้วยความโมโหอีกครั้ง จริงๆเขาก็จำไม่ได้หรอกว่าทำไมเขาถึงมานอนอยู่ที่นี่ ทำไมต้องจับมือเรียวนั้นไว้ตลอดคืน แต่สิ่งที่ร่างบางเอามาให้เขาฟังนั้น บอกให้รู้ว่าเขาไว้ใจให้ลู่ฮานเป็นผู้รู้ความลับนี้มากแค่ไหน
...ที่หยอกไปก็แค่มันสนุกดี...
“โอเค โอเค ขอบคุณนายมากๆนะที่ช่วยฉัน”
“ถ้าไม่เต็มใจนายก็ไม่ต้องพูดเลย”
“ได้เหรอ?!”
“เห้ย!!!”
“ล้อเล่นน่ะ ฉันรู้ว่าถ้าไม่มีนาย เมื่อคืนฉันคงแย่แน่ๆ ขอบคุณนายมากแล้วกันที่ช่วยฉันไว้”
เสียงทุ้มเอ่ยขอบคุณออกมาจากใจจริง ก้มหน้าลงอย่างคิดไม่ตกว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ความลับของแบคฮยอนทำให้เขามีเพียงสองทางเลือกที่เหลืออยู่ คือจบเรื่องมนต์สาปนี้แล้วเริ่มต้นกับตำนานบทใหม่ หรือ ดำรงมันไว้เพื่อเกียรติของอเนโมส
“อย่ามาทำหน้าคิดหนักแต่ไม่คิดจะบอกฉันนะ”
“หือ?”
“มองหน้าฉันแล้วทำหน้างงทำไมล่ะ ผิดรึไงที่ฉันเป็นแค่อิลคอลลี่ธรรมดาน่ะ”
ใบหน้าสวยกลอกตาไปรอบๆอย่างเบื่อหน่าย ลู่ฮานยังไม่ชินกับการที่จะมายอมรับว่าเซฮุนคือใคร แต่เพราะใบหน้าหล่อไม่ได้ฉายความเข้าใจขึ้นมาเลย สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง ก็ทำให้ลู่ฮานต้องพูดมันออกไปอย่างยอมรับความจริง
“นายคือสายเลือดเทวาอเนโมสที่ได้ยินทุกความคิดของคนอื่น แต่อย่าลืมว่าฉันไม่ใช่ ถ้านายอยากให้ฉันรู้อะไรมากกว่าที่ฉันเป็น ซึ่งตามสิทธิ์แล้วฉันก็ควรจะรู้ว่านายคิดอะไรบ้างถึงจะแฟร์ ฉันช่วยนายไว้ไง ลืมแล้วเหรอ?”
“พูดง่ายๆคืออยากให้ฉันเล่าความคิดของฉัน เพราะนายอยากรู้สินะ”
ร่างสูงพูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม เขารู้ว่าท่าทางของลู่ฮานมันหมายความว่าอย่างไรตั้งแต่ต้น แต่ที่ทำให้ต้องคิดหนักนั้นเป็นเพราะความเคยชินของตัวเขาเองทั้งสิ้น ผู้เป็นอาฝึกให้เขาเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่สมควร และ เขาเป็นสายเลือดเทวาที่ถูกสอนให้โกหกเก่งที่สุด เขาไม่ได้อยากจะเป็นนักโกหกดีเด่นหรืออะไรแบบนั้น แต่มันคือทางเดียวที่เขาจะซ่อนความลับในกายไว้อย่างแนบเนียน
...ยิ่งเราไม่เหมือนสิ่งที่เราเป็นมากเท่าไร ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น...
“คะ..คือ...ฉันคิดว่า...เอ่อ...”
“อย่าเอ่ออ่าสิ นี่มันฟังไม่รู้เรื่องนะ แค่พูดความจริงออกมามันยากตรงไหน ทั้งหมดที่ขอให้พูดก็แค่ความคิดของนายไม่ใช่เหรอ”
...นั่นสิ มันก็แค่พูดสิ่งที่คิดออกมา...
ตาคมมองใบหน้าสวยที่ทำสีหน้าแสดงความสงสัย ไม่เข้าใจในตัวเขาเลยสักนิด ว่าทำไมถึงไม่มั่นใจที่จะพูดความจริงออกมาเลย ทั้งที่มันคือสิ่งที่ง่ายกว่าการพูดความลับของคนอื่นที่เขารู้เป็นไหนๆ
“ฉันคิดว่าต้องทำยังไงต่อไปดี”
“นายจะบอกความลับของแบคฮยอนกับคนอื่นเหรอ?”
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกใครนิ นายเองก็เหมือนกัน”
“ฉันก็ไม่เคยคิดจะบอกหรอก ขนาดเรื่องของนายฉันรู้ยังช่วยปิดเลย”
“ขอบใจนะ”
เซฮุนไม่รู้เลยว่าวันนี้เขาต้องขอบคุณร่างบางอีกกี่ครั้ง ถึงจะสมกับสิ่งที่ลู่ฮานทำมาทั้งหมดเพื่อเขา หรือ เขาอาจจะตอบแทนทั้งหมดได้เพียงแค่เริ่มพูดความจริงกับลู่ฮานก็พอ
“เลิกพูดขอบคุณฉัน แล้วเปลี่ยนเป็นทำให้ฉันเข้าใจเถอะน่า ว่านายจะช่วยเรื่องของอี้ชิงได้ยังไง นายไม่เห็นความรักในแววตาของพี่คริสเหรอ มันชัดเจนออกขนาดนั้น”
“ก็เพราะเห็น ฉันถึงต้องมาคิดหนักอยู่แบบนี้ไง”
“บางทีฉันคิดว่าวิธีของแบคฮยอนมันอาจจะช่วยได้ ถ้าทุกอย่างจบลงไปเสียที มันก็น่าจะดีกับทุกฝ่ายไม่ใช่เหรอ”
“ไม่หรอกลู่ฮาน เรื่องของมนต์สาปมันมีอะไรที่ซ่อนอยู่มากกว่านั้น บางทีการที่มนต์สาปถูกทำลาย มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดเผยความลับของเผ่าอื่นก็เป็นได้ แค่ตอนนี้การล้างมนต์สาปยังทำให้สายเลือดเทวาค่อยๆปรากฏขึ้นมาทีละคนแล้วเลย”
“นายหมายความว่านอกจากอเนโมสกับโฟเธีย ยังมีสายเลือดเทวาคนอื่นอยู่ที่นี่งั้นเหรอ...ละ...แล้ว สายเลือดเทวาแห่งเนโรล่ะ”
“ฉันไม่รู้...”
เพราะคำตอบของเซฮุนไม่เป็นดังร่างบางวาดฝัน ใบหน้าสวยถึงดูสลดลงอย่างบอกไม่ถูก เซฮุนมองภาพนั้นแล้วอดรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วย มือหนาจึงวางลงบนไหล่บางหวังให้มันปลอบประโลมใจที่ว้าวุ่นนั้น
“...แต่ถ้ามีใครคิดถึงเรื่องสายเลือดเทวาแห่งเนโร ฉันสาบานว่าจะบอกนายนะ”
<<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>
The Phonucorn – Chapter 2.17
สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน
จุดเริ่มต้นในจุดจบกำลังจะเกิดขึ้น ระเบียบการจองหนังสือออกวันนี้แบบดึกมากๆนะคะ ใครรออยู่ใจเย็นนะคะ^^
ความคิดเห็น