ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #43 : The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต บทที่ ๒๐ {จบบริบรูณ์}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 644
      2
      28 ธ.ค. 58

     

    Title : The Phonucorn ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๒๐

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Sehun x Luhan

     

     

    บทที่ ๒๐

    The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต

     

     

     

     

     

    “กินนี่หน่อยสิ”

     

    “ไม่เอา ฉันกินไปแล้วนายแหละกินบ้างดิ”

     

    “ก็อยากให้นายกินเยอะๆ แห้งไปแล้วนะ”

     

    “เขาเรียกหุ่นดีต่างหากล่ะ นายก็ตัวพอๆกับฉันยังจะพูดมาได้”

     

    เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นทุกครั้ง แต่ประโยคที่เซฮุนกับลู่ฮานใช้พูดกันนั้น มันค่อนข้างจะเปลี่ยนไปมาก จนซิ่วหมินที่นั่งอยู่ใกล้ๆทั้งคู่ได้แต่ส่งสายตาไปถาม ไมต่างจากแบคฮยอนและอี้ชิง ที่กินข้าวไปก็มองหน้ากันไปอย่างเกี่ยงกันให้ถาม แต่สุดท้ายหน้าที่อันยิ่งใหญ่ก็ไปตกที่คนนอกกลุ่ม ที่สังเกตการณ์อยู่ข้างๆพวกเขามาตลอด

     

    ...จะเป็นใครได้ นอกเสียจากซูโฮ...

     

    “พวกนายคบกันเหรอ?”

     

    “เห้ย! เปล่า!!!

     

    “เปล่าได้ไง ก็เห็นๆกันอยู่นิ”

     

    “เออ ใช่!!!

     

    เพื่อนทั้งสามพร้อมใจกันสนับสนุนสิ่งที่ซูโฮพูด พร้อมทั้งมองหน้าเพื่อนทั้งสองอย่างเอาคำตอบ แต่ใบหน้าหล่อก็แค่หันไปมองเสี้ยวหน้าของรูมเมทที่นั่งอยู่ตรงข้าม อมยิ้มเล็กน้อยแล้วทำเป็นหยิบมันฝรั่งขึ้นมากัดเล็กน้อย

     

    “ยังไงๆ พูดมาเลยนะพวกนาย เห็นกัดกันไม่เว้นวัน เอาเวลาตอนไหนไปรักกันได้วะ ฉันล่ะงง”

     

    “ไม่เห็นจะยากเลยซิ่วหมิน ก็พวกนี้เขาก็นอนด้วยกันทุกคืนนิ”

     

    “อย่าพูดอย่างนั้นดิแบคฮยอน ลู่ฮานเสียหายนะ”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยโต้แย้งแทน ทั้งที่ตอนแรกยังไม่มีใครคิดเกินเลย แต่พอเซฮุนร้อนตัวขึ้นมาเท่านั้น เพื่อนทั้งโต๊ะก็หันไปมองหน้าเขาด้วยสายตาจับผิดยิ่งกว่าเก่า

     

    “อะไรคือลู่ฮานเสียหายวะ?”

     

    “นั่นสิเซฮุน แบคฮยอนแค่หมายถึงว่าพวกนายเป็นรูมเมทกันเท่านั้นเอง”

     

    “ละ...แล้วไงอ่ะ ฉันก็แค่อธิบายไง”

     

    “ไม่จำเป็นรึเปล่าวะ?”

     

    ซิ่วหมินหลิ่วตามองยิ่งสงสัยมากขึ้น แต่เพราะรู้นิสัยของเพื่อนสนิทดีว่าอย่างไรเซฮุนคงไม่ยอมเปิดปาก จึงเลือกหันไปหาร่างบางที่ทำเนียนเงียบ เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเป้าสายตาของใคร

     

    “ลู่ฮาน...”

     

    “เห้ย! มีไรก็ถามฉันดิ”

     

    “หุบปากไปเลยแกอ่ะ แกมันโกหกเก่งจะตายฉันไม่ถามคนอย่างแกหรอก”

     

    “อะไรวะ ฉันเป็นชาวอเนโมสนะ”

     

    “แกน่ะตัวดีเลยอย่าให้พูด กลับมาที่ลู่ฮานหน้ามนคนน่ารักดีกว่า ฉันเชื่อว่าชาวเนโรจะไม่โกหกนะจ๊ะ”

     

    “เอ่อ...”

     

    ร่างบางได้แต่เสสายตามองไปรอบๆอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร มันก็จริงตามที่เซฮุนพูดไปทั้งหมด พวกเขาไม่ได้ตกลงว่าเป็นอะไรกันตั้งแต่วันนั้น ก็แค่อยู่ด้วยกันมากขึ้น และ ประโยคที่เถียงกันมันก็ดูหวานกว่าเมื่อก่อนเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าจะถามไปทำไม กลัวว่ามันจะทำให้การอยู่ด้วยกันอึดอัดเสียมากกว่า

     

    “เอ่ออะไรลู่ฮาน มีไรก็พูดมาเถอะ”

     

    “ก็ตามที่เซฮุนพูด”

     

    “นัดกันมาปะวะตอบแบบนี้”

     

    เพราะลู่ฮานยืนยันแบบนั้น เพื่อนทั้งสามเลยไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ ต่างจากซูโฮที่ฟังการสอบสวนของซิ่วหมินตั้งแต่แรก ได้แต่กลอกตาไปรอบๆอย่างเบื่อหน่าย

     

    “ถามแบบนั้นชาติไหนจะได้คำตอบล่ะ”

     

    “หือ?”

     

    “ต้องถามแบบนี้สิ ลู่ฮานเป็นแฟนเซฮุนแล้วใช่มั้ย?”

     

    “เอ่อ...ยะ...ยังนะ”

     

    “แล้วทำไมต้องตักอาหารให้กันอ่ะ”

     

    “อะ...เอ่อ...อันนั้นก็ไม่รู้นะ”

     

    “แสดงว่าเซฮุนยังไม่ขอเป็นแฟนสินะ แล้วนายล่ะเซฮุน ทำไมไม่ขอลู่ฮานคบล่ะ ดูเหมือนพวกนายก็ชอบกันอยู่นิ?”

     

    “อูย...ย...ย~”

     

    คำถามของซูโฮเล่นเอาเพื่อนทั้งสามที่ลุ้นไปด้วยถึงกับต้องส่งเสียออกมาในความชำนาญของเพื่อนที่ปกติจะเงียบจนไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยซ้ำ แต่บทจะจริงจังก็เล่นเอาทุกคนไม่กล้าจะมองสบตาเลยสักนิด

     

    “ว่าไง?”

     

    “ก็...แล้วทำไมฉันต้องทำตามนายบอกด้วยล่ะ”

     

    “แล้วทำไมต้องไม่ทำด้วยล่ะ พวกนายก็รู้ใจกันแล้วนิ?”

     

    “ก็...ใช่นะ”

     

    ตอนนี้กลายเป็นเซฮุนที่หันไปมองหน้าลู่ฮานเพราะสถานการณ์พาไป พอเห็นแบบนั้นซูโฮก็ยักไหล่ให้ทุกคน เหมือนจะบอกว่าเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือคงเป็นหน้าที่ของเซฮุน ที่แสดงสีหน้าคิดหนักเมื่อมองลู่ฮาน

     

    “ทำไมเราไม่คบกันล่ะ”

     

    “ละ...แล้วนายมาถามฉันทำไมล่ะ”

     

    “ก็กำลังคุยกับนายให้รู้เรื่องไง ว่านายติดปัญหาอะไรถึงไม่คบกับฉัน”

     

    “เอ้า?! ก็นายไม่ขอเองไม่ใช่รึไง”

     

    “ต้องให้ฉันขอก่อนเหรอ?”

     

    “กะ...ก็ต้องแบบนั้นสิ”

     

    ลู่ฮานเองก็เริ่มสงสัยกับประโยคที่ตนเองพูดขึ้นมาแล้ว สรุปพวกเขาทำไมถึงไม่คุยเรื่องนี้กันก่อนหน้านี้ ทั้งที่ไม่ว่าใครจะเลือกพูดก่อน ต่างก็รู้ว่าหัวใจของพวกเขาสองคนมันตรงกันแค่ไหน

     

    “ถ้าฉันขอฉันต้องเป็นคนกุมอำนาจนะ”

     

    “อำนาจอะไร?”

     

    “อำนาจในการเป็นฝ่ายรุกไง โอเค!

     

    “หือ?”

     

    “คบกันเถอะลู่ฮาน?”

     

    “เอ่อ...?”

     

    “ไม่ตอบแสดงว่าโอเค ตามนี้นะฉันคือคนกุมอำนาจนี้แล้ว”

     

    เพื่อนทั้งโต๊ะต่างอ้าปากค้างไม่ต่างจากร่างบาง ยิ่งเซฮุนยิ้มด้วยความสบายใจยิ่งไม่เข้าใจ นี่คงเป็นการคบกันที่ไวและรวดเร็วที่สุด เนื่องจากมีแค่ฝั่งเดียวที่ตกลงกับตนเองเสร็จก็มีความสุขอยู่คนเดียว ในขณะที่ลู่ฮานที่นั่งอยู่เฉยๆก็มีแฟนเป็นรูมเมทของตนเองเสียอย่างนั้น ยังทำได้แค่มองหน้าเซฮุนอย่างไม่เข้าใจ

     

    ...ลู่ฮานยังไม่เข้าใจอำนาจของฝ่ายรุก...

     

    “นี่มันไม่ให้เกียรติชาวเนโรเลยนะ”

     

    ซูโฮที่เงียบลงไปแล้วหันมาค้อนใส่เซฮุนด้วยความหงุดหงิด เขาไม่พอใจแค่เซฮุนตัดสินเองทุกอย่าง โดยที่ลู่ฮานได้แต่เพียงนั่งฟัง ทุกอย่างคงจบสวยและง่ายเกินไปสำหรับซูโฮ

     

    “อะไรของนาย?”

     

    “ทำไมนายไม่ให้ลู่ฮานได้เลือก นายต้องขอแบบน่าประทับใจหน่อยดิ”

     

    “เรื่องแบบนั้นใครเขาจะมาทำต่อหน้าเพื่อนกันล่ะ”

     

    “ลับหลังนายจะทำรึไง”

     

    “ก็แน่นอนสิ นายไม่รู้ก็เงียบไปเถอะน่ะ”

     

    “ได้! ฉันเงียบวันนี้ แต่จะจับตามองนายไว้ จะดูว่ามนุษย์ไร้ความรู้สึกแบบนายจะทำอะไรได้”

     

    “เออ ฉันทำได้แน่!

     

    เซฮุนเค้นฟันใส่ซูโฮท่าทางเอาเรื่อง ที่กล้ามาดูถูกเขาว่าจะไม่สามารถทำเรื่อง โรแมนติกใส่ลู่ฮานได้ ทั้งที่ถ้าเอาตามจริงแล้วร่างสูงก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แบบพวกบรรยากาศที่จะพาให้พวกเขาอยู่ในห้วงแห่งความรักนั้น

     

    ...เซฮุนก็แค่รอเวลาอยู่เท่านั้นเอง...

     

    เรื่องนี้เลยกลายเป็นเรื่องที่กวนเซฮุนอยู่ตลอดวัน อาจจะเพราะความคิดของเพื่อนๆที่ยังติดใจเรื่องนี้ด้วย เขาได้ยินมันทุกอย่างแม้แต่เรื่องความคิดของลู่ฮาน ร่างบางแอบมองเขาด้วยคำถาม ประมาณว่าตนเองเป็นแฟนเซฮุนจริงๆเหรอ เขาก็อยากหันไปพูดใส่ว่าก็จริงอยู่แล้ว ถึงเขาไม่พูดออกไปมันก็เหมือนพวกเขาคบกันอยู่แล้ว แต่ก็กลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไป เพื่อนๆก็จะรู้ความลับของเขามากขึ้น แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เขาคงอกแตกตายก่อนแน่ๆ เซฮุนต้องทำอะไรบางอย่าง

     

    “นี่”

     

    “หือ?”

     

    “เลิกเรียนไปเอาของเป็นเพื่อนหน่อยนะ”

     

    “ที่ไหน?”

     

    “เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองแหละ”

     

    “อ่า...~”

     

    เสียงหวานขานรับแบบขอไปที่ แต่แล้วก็ต้องหันมามองหน้าของร่างสูงอีกครั้ง แล้วช้อนตามองลงไปที่ฝ่ามือหนาที่กุมอยู่ ความรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะ เร่งให้ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้น แต่ก็อดจ้องใบหน้าหล่อด้วยความสงสัยไม่ได้

     

    ...อยู่ดีๆก็มาจับมือกันในห้องเรียนเนี่ยนะ...

     

    “ทำอะไร...”

     

    “จับมือไง”

     

    “จะมาจับทำไมอ่ะ”

     

    “อยากจับมือแฟนไม่ได้เหรอ”

     

    “เดี๋ยวคนอื่นเห็น”

     

    “ก็อะไรแค่คนอื่นเห็น เขามองกันทั้งห้องแล้ว”

     

    พอเซฮุนพูดอย่างนั้นลู่ฮานถึงเพิ่งสังเกต ว่าทั้งคนที่นั่งอยู่ข้างๆและด้านหลัง ต่างก็มองมาที่มือของพวกเขาทั้งนั้น พอเห็นแบบนี้มันเลยอดดึงมือตนเองกลับมาซ่อนอยู่ตรงหน้าขาไม่ได้ โดยไม่ทันคิดว่านี่ยิ่งเข้าทางของร่างสูงเข้าไปใหญ่ เก้าอี้ถูกเคลื่อนเข้ามาจนซ้อนหลังร่างบาง

     

    “หือ? มาใกล้ทำไมอ่ะ”

     

    ลู่ฮานหันไปถามด้วยความสงสัยหนัก แต่ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรออกมา เซฮุนก็แค่ยิ้มและแสดงให้เห็นทางกาย แขนข้างหนึ่งโอบไปที่พนักพิง ส่วนอีกมือล้วงเข้าไปใต้โต๊ะ แล้ววางซ้อนทับมือเรียวของลู่ฮานที่หน้าขา เซฮุนไม่เคยคิดถึงข้อดีของการที่มือของเขามีขนาดใหญ่มาก่อน จนกระทั่งเขาได้วางมือลงบนขาเล็ก แล้วมันทำให้เขารู้สึกถึงผิวเนียน ภายใต้กางเกงเนื้อดีจากร้านชื่อดัง บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามหาวิทยาลัยสั่งกางเกงเป็นแบบขาสั้น มันจะดีกว่านี้ขนาดไหน

     

    ...คงฟินจนลืมอาจารย์กับเพื่อนในห้องไปแล้ว...

     

    “เห้ยๆ เอาแค่พอประมาณมั้ยแก~”

     

    สุดท้ายซิ่วหมินที่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของเพื่อน จำต้องเป็นคนที่พูดขึ้นมาขัด แต่มีเหรอที่เซฮุนจะยอมปล่อยโอกาสของตนเองหลุดลอย ใบหน้าหล่อก็แค่หันไปมองด้วยหางตา แล้วก็หันกลับมาตั้งใจเรียนต่อ ทั้งที่มือก็ยังไม่ยอมปล่อยจากร่างบางเลย

     

    “อย่าเลิกกันนะ ฉันจะซ้ำให้กระอักเลือดเลย”

     

    “ไม่เลิกเว่ย”

     

    “เหรอ”

     

    “เออ ปีหน้าฉันจะเป็นเนื้อคู่วันจันทร์จรัสกับลู่ฮานแล้ว”

     

    เซฮุนประกาศตัวจองตำแหน่งเนื้อคู่ของลู่ฮาน ก่อนจะหันกลับอ้อนร่างบางที่นั่งฟังบทสนทนาอยู่ ซึ่งก็ทำให้ลู่ฮานต้องนั่งหน้าแดงไปจนจบคาบ พอระฆังเรียนดังขึ้นเซฮุนก็ลากลู่ฮานออกไปที่สวนด้านหลังตึกเรียนทันที ซึ่งเป็นเวลาที่แทบไม่มีนักเรียนมาแถวนี้มากนัก ตอนนี้สุทธิอยู่ที่สองคนเท่านั้น

     

    ...เซฮุน กับ ลู่ฮาน...

     

    “พามาที่นี่ทำไม นายจะมาเอาอะไรเหรอ?”

     

    “มาเอาของสำคัญน่ะ”

     

    “ชิ้นใหญ่มากเลยเหรอถึงต้องให้ฉันมาด้วยน่ะ”

     

    “ก็...ใหญ่อยู่”

     

    ตาคมกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของร่างบางอย่างพินิจคำตอบ แต่ที่ตอบไปก็แค่กวนประสาทตามประสาเท่านั้น เมื่อเทียบกับเซฮุนแล้วดูเหมือนลู่ฮานจะน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์เสียเยอะ

     

    ...เรียกว่าสมกับที่เป็นร่างบางเลยล่ะ...

     

    “ทำไมต้องมองเราแบบนั้น”

     

    ร่างบางที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิดถามด้วยความสงสัย ใบหน้าหวานที่เอียงลงมองนั้นน่ารักจนเซฮุนอดยิ้มให้ไม่ได้ จากที่น่ารักแต่พออ้าปากค้างด้วยความสงสัย ร่างสูงคิดว่ามันตลกมากเสียจนไม่สามารถหยุดหัวเราะได้แทน

     

    “ฮะฮะฮ่า!

     

    “อะไรของนายเนี่ย?”

     

    “ก็นายตลกจริงๆนิ หึหึ”

     

    “เพี้ยนรึไงนั่น ถ้านายจะไร้สาระแบบนี้ล่ะก็ ฉันขอตัวก่อนแล้วกันนะ”

     

    “เห้ยๆ เดี๋ยวก่อนดิ!

     

    เซฮุนรีบเดินไปดักหน้ากางแขนไม่ให้ร่างบางไป ลู่ฮานยอมหยุดรอดูว่าเซฮุนจะมาไม้ไหนกับเขาอีก มือหนาจับมาที่ฝ่ามือเล็กกว่ากุมแน่นเหมือนกลัวมันจะหลุดหาย แล้วพาเดินไปจนถึงพุ่มไม้ที่พวกเขาเคยมาหลบซ่อนด้วยกัน

     

    “อะไรเนี่ย?”

     

    “เข้าไปเอาของให้ฉันหน่อยสิ”

     

    “ในนี้เหรอ?”

     

    ลู่ฮานถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าของอะไรที่เซฮุนทำหล่นลงไปในพุ่มไม้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างสูงเอาเวลาที่ไหนมาที่นี่ ทั้งที่พวกเขาก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเลยนับตั้งแต่พ้นคืนแห่งมนต์สาป

     

    “มันคืออะไรเหรอ”

     

    “กุญแจน่ะ”

     

    “กุญแจของอะไร ทำไมนายต้องมาหาด้วย เดี๋ยวฉันใช้เวทร่ายปลดให้ก่อนก็ได้ แล้วนายค่อยไปซื้อที่ล็อคใหม่ไง”

     

    “เอ่อ...”

     

    ...ทำไมต้องมาฉลาดเอาตอนนี้ด้วยวะ?...

     

    ร่างสูงกลอกตาไปรอบๆอย่างคิดไม่ถึง ปกติลู่ฮานจะว่าง่ายและทำตามเขาอย่างไม่มีข้อสงสัย เวทร่ายที่ลู่ฮานพูดถึงเขาก็ชำนาญในการใช้ดี เขารู้ว่ามันสามารถทำได้ง่ายเพียงการร่าย แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือลู่ฮานจะคิดถึงมันได้เนี่ยสิ

     

    “มาเดี๋ยวร่าย...”

     

    “เห้ย! ไม่เอาแบบนั้นดิ พอดีมันเป็นกุญแจที่สำคัญกว่านั้นอ่ะ”

     

    “อะไรของนาย?”

     

    “หมายถึงของที่ต้องใช้ไขน่ะ มันสำคัญมากๆ”

     

    “ยิ่งสำคัญก็ต้องรีบยิ่งปลดมันสิ เอามาดูสิว่ามันคืออะไร”

     

    ร่างสูงทึ้งหัวตนเองจนยุ่งไปหมดเมื่อลู่ฮานไม่ยอมทำตามที่เขาวางแผนไว้ง่ายๆ พอปากบางทำท่าจะพูดจากวนประสาทอีก เซฮุนเลยต้องรีบเอามือปิดปากของลู่ฮานไว้ แล้วกดศีรษะให้มุดลงไปในพุ่มไม้ทันที

     

    “โอ้ย!

     

    เสียงหวานร้องออกมาเมื่อถูกกระทำเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าเซฮุนไม่รู้สึกผิดที่ต้องทำแบบนี้กับลู่ฮาน แต่เพราะสถานที่นี้มันเป็นสถานที่แรกที่เขารู้สึกเหมือนรู้ใจตนเอง เขาถึงอยากให้ได้เอากุญแจมาซ่อนไว้ที่นี่

     

    ...กุญแจที่สำคัญที่สุด...

     

    “หาให้หน่อยนะลู่ฮาน”

     

    “ทำไมต้องเป็นฉันด้วยเนี่ย? ว่าแต่มันเป็นกุญแจยังไง”

     

    “เป็นกุญแจเก่าๆ”

     

    “แค่กุญแจเก่าๆเนี่ยนะ?”

     

    ลู่ฮานถามขึ้นเหมือนจะไม่เห็นด้วยเท่าไร ที่เขาต้องมาหากุญแจเก่าๆของเซฮุน แต่ก็ก้มหาให้จนเจอ มันดูเหมือนจะเป็นแค่กุญแจเก่าๆจริงๆ ไม่น่าเชื่อเลยสักนิดว่ามันเป็นกุญแกที่เก็บของสำคัญไว้

     

    ...คุ้นๆว่าจะเป็นกุญแจตู้หนังสือ?...

     

    “อันนี้ใช่...”

     

    ร่างบางที่โผล่ขึ้นมาจากพุ่มไม้ได้แต่ผงะไป เพราะอยู่ๆเซฮุนก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แถมรอบร่างสูงนั้นยังเหมือนถูกกำกับด้วยเวทร่ายจองจำไว้เสียด้วย แต่ที่ลู่ฮานไม่เข้าใจคือร่างสูงจะขังตนเองไว้ทำไม

     

    ...ไม่มีใครทำเซฮุนแบบนี้แน่...

     

    “นายเป็นอะไรเนี่ย?”

     

    “ฉันถูกจองจำ”

     

    “มะ...หมายความว่าไง?”

     

    “ลู่ฮาน ฉันเองก็เพิ่งเข้าใจความหมายของคำว่าผู้จองจำของชาวอเนโมสได้ไม่นาน แค่ได้เจอนายฉันเหมือนได้เจอทุกคำตอบที่ตามหามาตลอด นายคือคนที่มาเปลี่ยนทุกความเชื่อของฉันนะ”

     

    ลู่ฮานยิ่งกว่างงกับสิ่งที่ได้ยิน เซฮุนปกติต้องพูดด้วยท่าทางหยอกล้อเขาไม่ใช่เหรอ เขาไม่ชินกับแววตาจริงจังของร่างสูงที่มองมาเลย มันทำให้เขาทำตัวไม่ถูก

     

    “ผู้จองจำในความหมายที่ซ่อนอยู่ มันหมายถึงผู้ที่ถูกจองจำ ไม่ใช่ฉันที่เป็นผู้จองจำมนต์สาปแห่งโฟเธีย แต่ชาวอเนโมสทุกคนต่างหากที่ถูกจองจำด้วยอำนาจ ความหลงระเริงในอำนาจที่เหนือกว่า ทำให้ฉันกลายเป็นผู้วิเศษที่แสนชั่วร้าย ฉันเชื่อในสิ่งที่ผิดมาตลอด จนกระทั่งมาเจอนายมารู้จักสิ่งที่แท้จริงกว่าอำนาจแห่งอเนโมส นายทำให้ฉันรู้ว่ามิตรภาพนั้นสำคัญกว่าสิ่งที่ฉันยึดถือ ทำให้รู้ว่าการมีคนที่สำคัญอยู่ข้างตัว มันสำคัญกว่าการมีทาสรับใช้มากมาย”

     

    ขายาวก้าวเข้าไปใกล้พุ่มไม้นั้นมากกว่าเดิม ทั้งที่ร่างกายยังถูกตรวนเวทร่ายที่เขากำกับเองรัดอยู่ เขาอยากจะประคองใบหน้าสวยนั้นด้วยมือทั้งสองข้าง อยากจะพรมจูบเพื่อบอกให้รู้ถึงความรู้สึกมากมายภายในใจ ความรักของเขาที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันที่อยู่ด้วยกัน

     

    ...ตอนนี้มันล้นเกินจะเก็บไว้...

     

    “การขอคบของฉันมันไม่สวยหรูเท่าไร เป็นเพราะเจ้าพวกนั้นแท้ๆเลย แต่ถึงยังไงนายก็คงไม่คิดว่าการบอกรักครั้งแรกของฉันมันจะห่วยหรอกนะ”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยออกไปอย่างหยอกล้อทีเล่นทีจริง จนลู่ฮานอดจะหลุดอมยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ มุมโรแมนติกของเซฮุนกำลังทำให้เขาสำลักได้ไม่ยาก

     

    “แล้วจะให้ฉันทำอะไรเนี่ย”

     

    “นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”

     

    “จะให้เข้าใจอะไรกันล่ะ นายยังไม่ได้บอกอะไรฉันเลย”

     

    “ย่า!!! ที่เมื่อกี๊ทำไมนายถึงรู้ดีนักล่ะ พอเรื่องง่ายๆทำไมไม่เข้าใจมันสักที”

     

    “เหรอ นี่เรื่องง่ายงั้นสิ?”

     

    “มากอ่ะ นายมีกุญแจ ส่วนฉันถูกโซ่รัด เข้าใจยัง?”

     

    “ไม่เลยสักนิด? นี่มันกุญแจตู้หนังสือไม่ใช่รึไง แล้วมาเกี่ยวอะไรกับโซ่ที่รัดตัวนายล่ะ โซ่ที่รัดตัวนายก็แก้เองได้ไม่ใช่เหรอ”

     

    “โอ้ย~ ให้ตายเลยลู่ฮาน นายนี่มันสุดยอดจริงๆ”

     

    เซฮุนอยากจะลงไปดิ้นๆแล้วทึ้งศีรษะแรงๆกับคำพูดของร่างบาง มันก็จริงตามที่ลู่ฮานพูดออกมาทั้งหมด แต่คนอะไรไม่คิดจะเข้าใจความหมายลึกซึ้งเองเลยสักนิด ถ้าลู่ฮานยังเป็นแบบนี้ แล้วสิ่งที่เขาพยายามทำมามันจะหวานได้อย่างไร อยากจะโวยวายออกไปเสียงดังๆสักครั้ง แต่เมื่อมองใบหน้าหวานที่แสนใสซื่อ ก็คงทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น

     

    “เฮ้อ~โอเคเดี๋ยวอธิบายเองก็ได้ ฉันจะบอกนายว่าตอนนี้ฉันก็เหมือนเซฮุนคนเก่าไง ฉันถูกความคิดชั่วร้ายรัดไว้แน่นจนยากที่จะแก้ แต่กุญแจในมือนายมันช่วยฉันได้นะ อยู่ที่ว่านายอยากจะเป็นลู่ฮาน ที่ช่วยเซฮุนคนนี้มั้ยเท่านั้นเอง นายพร้อมที่จะปลดปล่อยความทุกข์ในใจฉันมั้ย”

     

    ตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย ไม่รู้ทำไมใจของเขามันถึงเต้นแรงนักแค่รอคำตอบเท่านั้น ความมั่นใจที่ว่าลู่ฮานไม่มีทางปฏิเสธมันก็หายไปหมด คงเป็นเพราะใบหน้าสวยแค่มองเขานิ่งๆ แววตาคิดหนักแบบนั้นมันทำให้เกิดอาการกลัวขึ้นมาเสียไม่ได้ เซฮุนกุมมือตนเองแน่น ก่อนจะคลายออกมือรอยยิ้มสวยเผยขึ้น บอกให้รู้ว่าเขาถูกหลอกแล้ว

     

    “ได้สิ ก็ฉันเป็นผู้ชุบชีวิตนิ”

     

    “หึหึ”

     

    เสียงหัวเราะเบาๆที่ออกมาจากปากบางของทั้งสอง ทำให้เซฮุนรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ เขาเอ่ยร่ายเวทปลดโซ่ในใจ แล้วใช้สองแขนโอบกอดร่างบางจนแทบจมหายลงไปกับอกแกร่ง กระซิบพูดกับลู่ฮานเบาๆแต่ใช้ใจตะโกนออกไปถึงกัน

     

    “ขอบคุณนาย ที่เข้ามาปลด ตรวนกาฬวาต นี้ ขอบคุณที่นายเข้ามานะ ฉันรักนายลู่ฮาน รักกันไปชั่วนิรันดร์เถอะนะ”

     

    “อือ”

     

    กาฬวาตร้ายสงบลงแล้วด้วยหยดน้ำน้อย และ สองใจที่ผูกกันด้วยรักมากมาย นับจากนี้เซฮุนไม่อาจรู้ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเนื้อคู่ของลู่ฮานได้มั้ย เขารู้แค่เขาจะไม่มีวันหนีหายไปไหนไกลอีก เขาอาจไม่ได้ตกหลุมรักร่างบางในวันแรกที่พบเจอ แต่เขาจะขอเป็นรัก นิรันดร์ตลอดกาลให้ได้ จะใช้ปีกเล็กๆที่ไม่ได้อาบด้วยเพลิงของเขา พยุงหยดน้ำนั้นไว้ตราบเท่าความรักทั้งหมดที่คนๆหนึ่งจะมีได้

     

                         <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 2.20

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    หายไปเกือบสองอาทิตย์กลับมาพร้อมข่าวร้าย(อีกแล้ว) เป็นไข้เลือดออกนะคะ TT หมอจะยึดคอม(อีกแล้ว) แต่ตอนนี้ทุคนยังสามารถแจ้งโอนมาได้นะคะ แต่แอมจะมาบอกว่าแอมจะไม่ได้ตอบสักระยะ มีอะไรน่าจะได้ตอบไว้ทางเพจกับทวิตที่เล่นผ่านมือถือได้ค่ะ ลิ้งค์ร้าน

    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1202714

    กำหนดการโอนตอนนี้เลื่อนออกนะคะ เพราะมีปัญหาเรื่องการพิมพ์เล่มที่ต้องเปลี่ยนร้าน และ ทำให้ต้องไปพิมพ์ร้านที่พิมพ์บล็อกค่ะ จึงทำให้ล่าช้าลงไปอีกกำหนดการเลยจะยาวขึ้นด้วยค่ะ© themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×