ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #5 : The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์ - บทที่ ๓

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.28K
      16
      5 ก.ค. 57

    Title : The Phonucorn เพลิงพิทักษ์ – บทที่ ๓

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Yifan x Yixing

     

     

    บทที่ ๓
    The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์

     

     

     

     

     

     

    “พวกอเนโมสหน้าโง่ เกะกะจริงๆ”

    .

    .

    .

    หลังจากเจอประโยคช็อคโลกจากชายแปลกหน้า อี้ชิงก็ได้ยืนอ้าปากค้างมองร่างสง่านั้นเดินจากไป จนเซฮุนที่ได้ยินประโยคนั้นเช่นกันต้องเดินมาลูบหลังให้กำลังใจ เขารู้จักคริสดี จริงๆคือไม่มีใครไม่รู้จักคริส ลูกชายของผู้คุมกฎสูงสุดของชาวอฟาไตร สายเลือดของผู้ต่อต้านความเท่าเทียมในฟีนูคอน

     

    “อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เราไปซื้อของกันเถอะ”

     

    “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเขาเลย”

     

    “เอาน่ะๆ”

     

    “ให้ตายเถอะ!

     

    ร่างบางโดนลากผ่านซุ้มหินที่ดูเหมือนจะเป็นทางเข้า เห็นข้อความที่เขียนด้วยตัวอักษรแปลกๆ แต่เขากลับอ่านมันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

     

    ...อฟาคอลเพรส...

     

    ตลาดนี้ดูเหมือนตลาดทั่วไปในโลกที่อี้ชิงคุ้นเคย จะต่างก็ตรงของที่วางขายเท่านั้น พวกมันเป็นของที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไร ไม่รู้ว่ามันดูน่าตื่นเต้นตรงไหน เซฮุนถึงเอาแต่ส่งเสียงออกมาตลอดทาง จนถึงร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งที่อยู่แถวกลางตลาด เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นตัวอักษรแปลกๆ แต่เขาก็สามารถอ่านมันออกอยู่ดี

     

    ...เสื้อผ้านักเรียนทั่วราชอาณาจักร...

     

    “เซฮุน”

     

    “หือ?”

     

    “นั่น...ภาษาอะไรเหรอ?”

     

    “นายไม่รู้จักมันเหรอ นายอ่านมันออกรึเปล่า?!

     

    เซฮุนดูตกใจมากกับคำถามของผม เขาหยุดชะงักก่อนที่จะเปิดประตูร้านเข้าไป แล้วหันมาจ้องผมด้วยท่าทางจริงจัง พอผมพยักหน้ารับคำถามของเขา เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางโล่งใจ

     

    “นายอ่านมันออก แต่แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอ่านออกใช่มั้ย?”

     

    “อืม”

     

    “นั่นเรียกว่าภาษาฟีนูเนียน เป็นภาษาอย่างเป็นทางการของชาวฟีนูคอน เป็นอีกเครื่องพิสูจน์ว่านายคือชาวฟีนูคอนจริงๆ นายอาจไม่รู้ตัวแต่ตอนนี้นายก็ไม่ได้พูดภาษาเดิมของนาย”

     

    “แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้พูดภาษาเกาหลี?”

     

    “เพราะฉันไม่สามารถพูดภาษาเกาหลีได้ไง”

     

    ใบหน้าหล่อยักคิ้วให้อี้ชิงพร้อมรอยยิ้มขบขัน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในร้านเสื้อผ้านั้น โทนสีของร้านคือม่วงทึบประกาย แต่ก็แอบแทรกด้วยสีทองตามขอบไม่ให้ดูมืดเกินไป ร่างบางถูกพามานั่งลงที่มุมหนึ่งของห้องเสื้อ ในขณะที่เซฮุนยังเดินไปเดินมาเพื่อเลือกเสื้อผ้าให้เพื่อนใหม่ของเขา

     

    “เป็นนักศึกษาของพีซียูเหรอจ๊ะ?”

     

    เสียงทักทายจากหญิงแปลกหน้า ทำให้อี้ชิงต้องหันไปยิ้มให้ตามมารยาท แต่ก็ไม่ได้พยักหน้ารับหรือปฏิเสธเธอ เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเข้าเรียนที่ไหน แค่รู้ว่าอยู่ๆก็มีมหาวิทยาลัยให้สิงสถิตก็ประหลาดใจมากแล้ว เขาแน่ในว่าตัวเองไม่เคยรู้จักที่นี่ นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงการส่งใบสมัครมาเลย ยังห่างไกลความเป็นไปได้อยู่มาก

     

    “ลูกของฉันก็เรียนที่นั่นนะจ๊ะ”

     

    “อ๋อครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

     

    เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างเก้กัง เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันอีกคนนั่งถัดไปจากเธอ ดวงตากลมโตของเด็กคนนั้นช่างสุกสว่างและเป็นมิตร จนอี้ชิงไม่อาจใจดำปฏิเสธไมตรีนั้นได้เลย

     

    “ยินดีเช่นกัน เราชื่อลู่หานนะ อยู่เผ่าเนโร”

     

    “อี้ชิงครับ...ปะ...เป็นชาวอเนโมส”

     

    “มาคนเดียวเหรอครับ”

     

    “เปล่า มากับฉัน!

     

    ไม่ใช่ร่างบางที่กำลังจะตอบ แต่กลับเป็นเซฮุนที่เดินกลับมาพร้อมชุดนักศึกษาสองสามชุดในมือ เขายื่นมันให้อี้ชิงเตรียมเข้าไปลอง แต่กลับหันหน้าไปมองลู่ฮานอย่างกวนประสาท โชคดีที่แม่ของลู่ฮานลุกไปดูเสื้อผ้าให้เขาเช่นกัน จึงไม่เห็นท่าทางไม่เป็นมิตรจากเซฮุน

     

    “อี้ชิงเขาเป็นเพื่อนของฉัน”

     

    “เซฮุน พูดดีๆกับเพื่อนหน่อยสิ”

     

    อี้ชิงกระซิบพูดกับเซฮุน เพราะเข้าใจว่าเพื่อนใหม่ของเขาทั้งสองคงรู้จักกันมาก่อน จากท่าทางที่ดูจะไม่ชอบขี้หน้ากันเท่าไรของทั้งคู่

     

    “ต้องขอโทษด้วยที่ผมเข้ามาพูดคุยกับเพื่อนของคุณนะครับ”

     

    “ไม่ต้องขอโทษหรอกนะถ้าไม่เต็มใจ อีกอย่างอี้ชิงเขาก็โชคดีมากๆที่มีฉันเป็นเพื่อน”

     

    “ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย”

     

    “ฉันก็แค่พูดไว้ เพื่อว่านายจะคิด!

     

    “พอได้แล้วน่ะเซฮุน...เดี๋ยวเราขอตัวไปลองชุดก่อน หวังว่าคงได้พบกันอีกนะ”

     

    อี้ชิงตัดบทเพราะกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ เอ่ยลาลู่ฮานด้วยความเสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ ออกแรงลากเซฮุนมาตามทางเดินไปห้องลองเสื้อผ้า กว่าจะลากร่างโปร่งให้พ้นลู่ฮานมาได้ก็ถึงกับหอบเหนื่อย

     

    “นายกับลู่ฮานไม่ถูกกันเรื่องอะไร ทำไมต้องหาเรื่องเขาแบบนั้น?”

     

    “เปล่า”

     

    “เปล่าแล้วนายจะพูดแบบนั้นกับเขาทำไม เป็นเพื่อนที่โรงเรียนเหรอ หรือว่าเคยยกพวกตีกันแบบที่เด็กช่างกลชอบทำใช่มั้ย?”

     

    “อะไรของนาย ฉันไม่รู้จักเด็กนั่นด้วยซ้ำ”

     

    ...เอ้า?!...

     

    เซฮุนตอบออกมาหน้าตายว่าไม่รู้จักคนที่เขาเพิ่งหาเรื่อง แถมไม่สนใจใบหน้าสวยที่ตอนนี้เหวอชนิดที่เรียกว่าปิดปากไม่ลง ร่างบางเกาศีรษะอยู่หลายทีว่าเขาเข้าใจอะไรผิดไปตรงไหน หรือ นี่จะเป็นวิธีทักทายธรรมดาแบบชาวฟีนูคอนที่เขาต้องเรียนรู้กันแน่ เหมือนกับที่ร่างสง่านั้นทำกับเขาเมื่อครู่ไง

     

    “ไปลองชุดได้แล้วอี้ชิง ฉันจะได้พานายไปซื้ออย่างอื่นต่อ เรามีเวลาไม่มากนะ”

     

    “แต่เซฮุน ฉันไม่ได้เตรียมเงินมาเลยนะ”

     

    “ไม่ต้องห่วง พ่อนายให้ฉันมาหลายฟีนเลยล่ะ”

     

    “หือ?”

     

    “ฟีนก็คือสกุลเงินของฟีนูคอนน่ะ เดี๋ยวนายก็ได้ใช้มันเองแหล่ะ”

     

    เสียงนุ่มอธิบายแบบขอไปที แล้วดันให้อี้ชิงเข้าไปในส่วนของห้องลองเสื้อผ้า ไม่ให้เป็นการเสียเวลามาก ร่างบางเข้ามายืนในห้องเสื้อผ้าขนาดกลาง ที่มีกระจกรอบด้านด้วยความรู้สึกที่ยังประติดประต่อไม่ได้ ตาเรียวสวยก้มลงมองเสื้อผ้าในมือแล้วได้แต่ทอดถอนใจ...ทั้งหมดนี่คือเรื่องจริง อย่างนั้นเหรอ?

     

    “สวยจัง”

     

    เสียงหวานเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามด้ายหลายสี ที่ใช้ปักเป็นตราสัญลักษณ์หนึ่ง บนเนื้อผ้าสีแดงอ่อนตัดกับปกคอเสื้อสีกรมประกาย มันก็ดูเหมือนเสื้อเชิตทั่วไปที่มีตราโรงเรียนที่สวยมากเท่านั้น

     

    ...หมายถึงอะไรกันนะ?...

     

    คำถามหนึ่งเกิดขึ้นในใจเมื่อดูมันอย่างใกล้ขึ้น มันเป็นรูปม้าที่มีเขาตั้งเกลียวอยู่กลางหน้าผาก แต่จะเรียกมันว่ายูนิคอนก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปาก เพราะลักษณะของมันดูดุดันด้วยเปลวไฟที่ประดับอยู่ ยิ่งมีดาบและขวานประกอบด้วยแล้ว ยิ่งดูทรงอำนาจเข้าไปใหญ่

     

    “สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเรา นั่นคือฟีนูคอน เป็นยูนิคอนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของผู้ถือกำเนิด”

     

    “อ๋อ”

     

    อี้ชิงรับคำอธิบายของเซฮุนที่พูดขึ้นเหมือนรู้ใจสั้นๆ แล้วลองสวมเสื้อชุดนั้นทั้งตัว กางเกงที่เป็นสีเดียวกับปกเสื้อเข้ารูปสวยกับขาเล็ก ใบหน้าสวยเผยยิ้มที่พอใจกับชุดนักศึกษาของตัวเอง เดินออกไปให้เพื่อนใหม่ออกความเห็นเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจซื้อมันอีกสี่ชุด

     

    “สิบฟีนจ๊ะ”

     

    “นี่ครับ”

     

    เหรียญสีเงินถูกส่งให้เจ้าของร้านที่เป็นหญิงชรา เธอไม่แม้แต่จะนับมันก่อนเก็บลงในหีบเล็กๆข้างตัวที่สามารถเปิดและปิดเองได้ ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีการขโมยหรือช่อโกงกันเหมือนโลกมนุษย์ ทุกคนจึงดูไว้ใจซึ่งกันและกันเช่นนี้ อี้ชิงมองเหรียญเงินพวกนั้นแล้วก็พอจะเข้าใจมากขึ้นว่าสกุลเงินฟีนคืนอะไร แต่ที่สงสัยคือทำไมเซฮุนพกเหรียญไว้เยอะขนาดนั้นโดยที่เขาไม่รู้ได้

     

    “นายพกเหรียญพวกนั้นไวเยอะๆได้ไงน่ะ”

     

    “พูดจาเพ้อเจ้ออีกแล้วอี้ชิง ไม่มีใครที่นี่เขาพกเงินติดตัวหรอกน่ะ เราทุกคนมีทะเบียนทรัพย์สินเป็นของตัวเองตั้งแต่ถือกำเนิด เพียงแค่พูดจำนวนเงินที่จำเป็นต้องใช้ มันก็จะถูกถอนออกมาจากทะเบียนทรัพย์สินเอง”

     

    “ฉันไม่เข้าใจ?”

     

    “เข้าใจอะไรยากจริงๆเลยนายเนี่ย มันก็เหมือนเรามีบัญชีธนาคารผูกขาดตลอดชีวิตนั่นแหล่ะ ทุกคนมีมาตั้งแต่เกิดและใช้มันไปจนตาย ต่างก็แค่ไม่ต้องไปถอนออกมาถ้าจะใช้ เราใช้การโทรจิตในการติดต่อกับมัน ถ้าอยากฝากก็แค่ใช้การส่งผ่านหีบทะเบียนทรัพย์สิน เหมือนกับที่นายเห็นในร้านเสื้อผ้านั่นแหล่ะ”

     

    “ถ้าอย่างนั้น ที่นี่ก็ไม่เคยเงินหายเลยเหรอ”

     

    “ก็ทำนองนั้น เพราะเราจะเรียกใช้เท่าจำนวนที่ใช้จริงๆไงล่ะ”

     

    “อ๋อ...อย่างนี้ฉันก็ทำได้ใช่มั้ย”

     

    “ทำได้สิ ถ้านายมีเงินในทะเบียนทรัพย์สินอ่ะนะ แต่อย่าถามมากเลยน่ะ นายยังไม่ได้เลือกแร่นักรบของตัวเองเลยไปกันเถอะ”

     

    เป็นอีกครั้งที่เซฮุนลากอี้ชิงให้เดินอย่างไม่สนใจว่าเขาจะอยากไปด้วยมั้ย เดินเลาะแผงขายของอีกไม่ไกล ก็มาถึงร้านขายของที่เซฮุนบอก

     

    ...แร่นักรบ...

     

    ขาเล็กหยุดยืนที่หน้าประตูด้วยความตื่นตะลึง ร่างบางหมุนตัวเองแล้วมองไปรอบๆด้วยความสนใจเป็นพิเศษ เขาชอบแสงไฟสีอ่อนจากโคมไฟคริสตัลนั่น ชอบผนังสีครีมที่ดูสบายตา และ ชอบความรู้สึกเย็นสบายเมื่อเดินเข้ามา

     

    “คุณลุงจาซังเป็นเผ่าเรา เขาแอบใส่ลูกเล่นสำหรับชาวอเนโมสไว้เยอะเลยล่ะ”

     

    “อื้ม ฉันชอบที่นี่นะ”

     

    ฟึบ!!!

     

    ยังไม่ทันขาดคำว่าชอบอี้ชิงก็อยากเปลี่ยนคำพูดเสียอย่างนั้น ลูกไฟที่น่าจะเผาร่างเขาได้ไม่ยาก เฉียดปลายจมูกเขาไปไม่มากก่อนจะชนเข้ากับผนังเวทของร้าน แล้วมอดดับไปเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ไม่มีร่องรอยของการเผาไหม้แม้สักนิด ตาเรียวหันกลับไปมองตามที่มาของลูกไฟนั้น แล้วก็พบกับคนที่ทำให้รู้สึกเสียบรรยากาศอีกครั้ง

     

    ...ทำไมคนเรายิ่งเกลียดยิ่งเจอ!...

     

    ตาคมมองขวางใส่ร่างบางที่มองไปที่เขาอย่างไม่ชอบใจ มือก็กุมแขนของตัวเองแน่น กัดปากทนเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ โดยมีชานยอลที่ยืนมองคริสด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านหลัง

     

    “ผมว่าคุณไม่ควรฝืนที่จะใช้แร่นักรบชนิดนี้ มันไม่สามารถทำพันธะสัญญากับสายเลือดโฟเธียไร้สิ่งเจือปนแบบคุณได้ แต่ถ้าคุณอยากลองมันอีกครั้ง ผมว่าคุณควรไปนั่งพักผ่อนก่อน ร่างกายคุณอาจรับไม่ไหว”

     

    เสียงชายสูงวัยคนหนึ่งพูดกับคริสด้วยสีหน้ากังวล ก่อนที่เขาจะหันมามองผู้มาใหม่ทั้งสองด้วยรอยยิ้มต้อนรับ เซฮุนก้มศีรษะทักทายเจ้าของร้านที่คุ้นเคยกันดี แล้วเดินนำไปที่เคาน์เตอร์อีกฝั่งของร้าน

     

    “สวัสดีเซฮุน วันนี้อยากดูแร่แบบไหนล่ะ พอจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วแวะมาหาฉันบ่อยจริงๆเลยนะ”

     

    “ผมไม่ได้มาซื้อเองครับ ผมพาหมอนี่มาซื้อน่ะ”

     

    “เพื่อนใหม่เหรอเนี่ย ฉันไม่เคยเจอเขามาก่อน ปกติเขาใช้แร่นักรบของร้านในเผ่าเหรอไง?”

     

    “เปล่าครับ เขาเพิ่งมาจากโลกฟิสสิเพรส”

     

    “โอ้ว~ ดูเหมือนตาหนูนี่จะรู้ตัวช้าไปเยอะเลยนะ...สวัสดีฉันชื่อจาซัง”

     

    “จาง อี้ชิงครับ”

     

    “เธอคงจะกลัวสินะ ใครที่มาร้านฉันครั้งแรกก็รู้สึกแบบนี้ทั้งนั้น แต่เธอเลือกถูกแล้วที่มาหาฉัน ที่นี่มีแร่นักรบที่ดีที่สุดจากทุกมุมเมืองเลยล่ะ”

     

    “จริงๆแล้วผมไม่ได้กลัวครับ”

     

    เสียงหวานออกไปไม่ได้ด้วยความถือดี แต่นั่นคือสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่จริงๆ อี้ชิงไม่รู้ว่าเขาต้องกลัวอะไร ในเมื่อเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแร่นักรบที่ทุกคนกำลังพูดถึงคืออะไร แล้วมันจะทำให้เขาเปลี่ยนไปได้มากกว่านี้อีกเหรอ

     

    ...แค่นี้ก็ถือว่าเขาประหลาดเต็มขั้นแล้ว...

     

    “เขาไม่กลัวเพราะไม่รู้จักมันครับ”

     

    จาซังพยักหน้ารับคำอธิบายของเซฮุน ก่อนจะก้มลงไปใต้เคาน์เตอร์แล้วกลับขึ้นมาพร้อมกล่องไม้เล็กๆอีกหลายกล่อง ในลังที่เขียนด้านข้างไว้ว่า อเนโมส คุ้ยหาอะไรบางอย่างในลังนั้น จนได้กล่องไม้เพียงห้ากล่องมาวางเรียงกันตรงหน้าอี้ชิง

     

    “ฉันคิดว่าเธอน่าจะเหมาะกับพวกมัน ว่าแต่เธอเป็นสายไหนล่ะ?”

     

    ท่าทางตื่นเต้นของชายสูงวัยทำให้อี้ชิงลุ้นไปด้วย ตาเรียวมองไปที่ของในกล่องไม้เล็กที่ค่อยๆถูกเปิด มันไม่ใช่แหวนอย่างที่เขาคิดไว้ตอนแรก มันเป็นเพียงคริสตัลเม็ดเท่าก้อนหินขนาดกลางสีขาว เรืองแสงขึ้นมาจนรู้สึกแสบตาเล็กน้อย

     

    “พวกเราไม่รู้ครับ ผมเลยต้องพาเขามาที่นี่”

     

    “โอ้~ ถ้างั้นก็งานใหญ่เลยนะ ถ้าเราไม่รู้ว่าเขาเป็นสายต่อสู้ หรือ สายปกป้อง”

     

    ใบหน้าสวยหันไปสบตาเซฮุนที่มองเขาอยู่ด้วยใบหน้ากังวลเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะปล่อยให้อี้ชิงเสี่ยงต่อการทำพันธะสัญญา โดยไม่รู้ว่าธาตุในกายของอี้ชิงนั้นตอบรับกับสายไหน หากร่างบางเป็นสายปกป้องแต่รับเอาแร่นักรบของสายต่อสู้ ก็อาจทำให้ธาตุในกายเดือดพล่านด้วยความทรมานได้ เหมือนกับที่คริสเพิ่งเผชิญกับการต่อต้านของแร่นักรบ จนเกิดเป็นลูกไฟธาตุออกมาจากแขนของเขา

     

    ร่างสง่าที่นั่งฟังบทสนทนานั้นอยู่ที่มุมหนึ่งกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปหากลุ่มของอี้ชิง โดยไม่สนคำทักท้วงของเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกัน

     

    “ต้องการความช่วยเหลือการผมมั้ยครับ”

     

    “อะ...เอ่อ...คุณคริส อยากจะช่วยเหรอครับ”

     

    จาซังถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เขารู้ว่าเด็กหนุ่มร่างสง่านี้สามารถไขข้อข้องใจนี้ได้ไม่ยาก คริสเป็นลูกค้าประจำคนหนึ่งที่น่าอัศจรรย์สำหรับเขา ด้วยร่างกายที่สามารถตอบรับกับสายนักรบทั้งสองได้เป็นอย่างดี คริสจึงไม่เคยมีปัญหาในการทบสอบแร่นักรบของชาวโฟเธียเลยสักครั้ง จนวันหนึ่งที่คริสแสดงประสงค์อยากผูกพันธะสัญญากับแร่ลอย ซึ่งเป็นแร่นักรบที่เกิดจากดินแดนคาบเกี่ยว ทำให้ต้องใช้ความเป็นกลางของธาตุในการสอดประสานเท่านั้นในการผูกพันธะสัญญา

     

    “ผมต้องการทดสอบแร่นักรบต่อ ถ้าพวกเขายังอยู่ตรงนี้ มันเสียเวลาของผม”

     

    “เหอะ!

     

    เสียงหวานแค่นลมออกมาจากคอด้วยความหมั่นไส้ อี้ชิงกลอกตาใส่คริสอย่างไม่คิดจะรักษามารยาทอะไรทั้งนั้น เขาเกือบจะมองว่าคริสก็มีส่วนดีอยู่บ้างแล้วเชียว หากไม่ได้รับฟังประโยคที่เห็นแก่ตัวเมื่อครู่

     

    “มีปัญหาอะไรกับฉัน”

     

    เสียงทุ้มทรงอำนาจถามออกไปพร้อมแววตาดุดันที่จงใจมองไปที่ร่างบาง เขาไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้ใส่มาก่อน ยิ่งมาจากสายเลือดอเนโมสด้วยแล้ว

     

    “ผมแค่คิดว่าถ้าคุณไม่เต็มใจช่วย ก็แค่เรียกคุณจาซังไปหาคุณก็พอ ผมไม่บังอาจให้คุณมาช่วยเหลือหรอกครับ”

     

    “จองหอง! คิดว่าไม่มีฉันแล้วชาติไหนนายจะรู้ได้เองหรอ ฉันอุตส่าห์ลดตัวลงมาช่วยอิลคอลลี่ตัวเล็กๆให้พ้นจากความทรมาน แต่ดูเหมือนการอยู่กับพวกฟิสสิเพรสมากเกินไป จะทำให้นายไม่รู้จักวิธีตอบรับไมตรีที่ถูกต้องนะ”

     

    “เอ่อ...ผมว่าเราไม่ควรจะเสียเวลามากไปกว่านี้ รบกวนคุณช่วยดูหน่อยครับ”

     

    เป็นเซฮุนที่กลายเป็นคนช่วยสงบศึกนี้เสียเอง เขาจับข้อมือเล็กยื่นไปให้ร่างสง่า แล้วมองดูการทดสอบธาตุของคริสกับอี้ชิงไม่วางตา ไม่บ่อยนักที่อยู่ๆจะมีการทดสอบธาตุด้วยวิธีธรรมชาติให้ได้เห็น จะว่าขายเพื่อนเพื่อให้ได้ดูของหายากก็ยอม ไม่ใช่แค่เซฮุนที่อยากเห็น แม้แต่ชานยอลที่เอ่ยห้ามในตอนแรกก็ยังอดเดินมาดูไม่ได้

     

    มือหนากุมมือเล็กของอี้ชิงไว้ด้วยสองมือของเขา คริสไม่ได้พูดอะไรออกมาที่เหมือนการใช้เวทร่าย เขาแค่ส่งความร้อนในกายของเขาไปที่อี้ชิงเท่านั้น ไม่นานเปลวไฟที่ซ่อนอยู่ในกายแกร่งก็เริ่มประทุขึ้นตามผิวหนัง ลามไปจนถึงลำแขนเล็กที่เขากุมไว้ด้วย ตาเรียวเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่สามารถพูดคำใดออกมาได้ เขาจ้องมองใบหน้าหล่อของชายตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่เขาไม่รู้สึกถึงความร้อนจากเปลวไฟนั้นสักนิด ใบหน้าของคริสกลับเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลไปตามโครงหน้าได้รูป

     

    “อื้อ!...”

     

    เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมอาการร้าวไปทั้งกระดูก ร่างสง่าฝืนตัวเองจนสุดจะทนทานต่อการสอดประสานของธาตุ คริสเคยทำการทดสอบธาตุเช่นนี้มาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขารู้สึกถึงการต่อสู่ที่ดุเดือดในกาย เมื่อสบตาสวยตรงหน้ายิ่งรู้สึกเจ็บใจมากขึ้น

     

    ...ทำไมเด็กนี้ไม่ทรมานเหมือนที่เขาเป็น!...

     

    ในที่สุดคริสก็ต้องจำยอมปล่อยมือเล็กนั้นออกจากการเกาะกุม ด้วยไม่สามารถทนแรงต่อต้านของสายสมที่ลอดผ่านเพลิงในกายได้ เหมือนเขากำลังถูกสายลมที่น่ารังเกียจกลืนกิน

     

    “ทำไม!

     

    “ไอ้คริสใจเย็น แกเป็นยังไงบ้างวะ”

     

    ชานยอลที่พอจะดูออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขา รีบใช้ท่อนแขนดึงร่างสง่าออกห่างร่างบางที่ดูไม่ประสีประสา รีบมองไปที่แขนแกร่งของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นรอยไม่และแสงจากเพลิงในกายยังไม่วอดดับ เพื่อรักษาร่างกายของคริสก็ยิ่งกังวล

     

    “ผมคิดว่าเราได้คำตอบแล้วครับ เด็กคนนี้เป็นสายต่อสู้”

     

    “ไอ้ชานยอลปล่อยฉัน!

     

    “เราต้องขอตัวก่อน ไว้ผมจะมาดูแร่นักรบของตัวเองวันหลังนะครับ”

     

    ชานยอลรีบตัดบทแล้วลากเพื่อนรักที่กำลังคลุ้มคลั่งออกมาจากร้าน ท่ามกลางสายตาไม่เข้าใจของเด็กหนุ่มแปลกหน้าทั้งสอง ต่างจากจาซังที่เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงหันไปมองอี้ชิงด้วยสายตากังวลอีกครั้ง

     

    ...เด็กหนุ่มผู้เกิดมาเป็นทักผู้ปกป้องและผู้ต่อสู้ ถือกำเนิดในอเนโมสแล้ว...

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    “แกโอเครึยัง”

     

    เสียงหนาถามร่างสง่าที่นั่งเงียบมาเกือบชั่วโมงด้วยความเป็นห่วง คริสไม่แม้แต่จะหันมาสนใจไมตรีนั้น ตาคมจับจ้องไปที่เปลวไฟที่กำลังหลอมแขนที่เกิดรอบไหม้ด้วยความโกรธ สำหรับคริสมันไม่ใช่แค่การทดสอบธาตุที่เขาผ่ายแพ้ แต่ที่สำคัญคือเขาแพ้ให้แก่พวกอเนโมส เผ่าลมที่แสนอ่อนแอต่างหาก

     

    “ฉันไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันถึงทำอะไรเด็กนั่นไม่ได้!

     

    “แกอาจจะกำลังอ่อนแอ อย่าคิดมากเลยคริส”

     

    “ฉันแพ้พวกอเนโมสชานยอล ฉันแพ้พวกอ่อนแอแบบนั้นได้ยังไง!

     

    “มันอาจจะเกิดจากผลข้างเคียง ของการที่แกพยายามผูกพันธะกับแร่ลอยก็ได้ อาจจะเกิดการแลกเปลี่ยนธาตุที่ทำให้แกอ่อนแอชั่วขณะ แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่หรอกนะ แกยังดูใช้เวทร่ายได้ดีเหมือนเดิม”

     

    คริสส่ายหน้าไม่ยอมรับกับสิ่งที่ชานยอลบอก เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้อ่อนแอลงอย่างที่เพื่อนว่า แต่ที่เขาสงสัยคือในเมื่อเขายังแข็งแกร่ง แล้วทำไมเขาถึงต้องแพ้เด็กนั่นจนย่อยยับขนาดนี้ ลอยไหม้ที่แขนของเขามันเกิดจากการฝืนดึงธาตุในกายมากเกินไป ในขณะที่เขายังไม่เห็นแม้แต่ลมสักสักนิดที่ส่งผ่านมาจากร่างบางนั่น

     

    ...ทำไมถึงมีแค่เขาที่ต้องเจ็บปวด...

     

    “ฉันจะไม่ยอมแพ้พวกมัน โฟเธียจะต้องเหนือกว่าอเนโมส!

     

    พรึบ!!!

     

    แขนแกร่งเกร็งแน่นก่อนจะดูดกลืนเปลวไฟที่คริสจุด เข้าไปในกล้ามเนื้อที่เริ่มแนบสนิทกันดังเดิม และ มอดดับในที่สุดด้วยความเกลียดชังในใจของเขาเอง ขี้เถ้าที่ปลิวออกมาจากกองเพลิง ปลิวหายไปกับสายลมในไม่ช้า ไม่เหลือร่องลอยของกองไฟที่โชติช่วงเมื่อครู่สักนิด

     

    “แล้วเราจะต้องเห็นดีกัน...จาง อี้ชิง!

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 3

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    รู้นะว่ากำลังสงสัยใช่มั้ยล่ะ ว่าสรุปหนูชิงของเรามันเป็นอะไรกันแน่ จริงๆแล้วการพิสูจน์ธาตุนั้นถ้าเป็นธาตุของคนละโซนจะมีการต่อสู้และคุ้มครองตัวเอง โดยคริสอาสาเพราะอยากให้ชิงเจ็บนั่นเองค่ะ ตั้งใจแกล้งมากกว่าช่วยน่ะค่ะ แต่ตัวเองดันอ่อนแอกว่าเขาซะงั้น^^

    ประกาศๆ ขออู้อัพฟิคระยะยาวค่ะ เนื่องจากแอมต้องไปเกาหลีในวันอังคารหน้า และ ยังไม่ได้เตรียมรายการเที่ยวเลย จึงขออนุญาตอู้จนถึงวันที่ 1 ก.ค. นะคะ แอมกลับ 28 เลยน่ะค่ะ โปรแกรมพิเศษสำหรับ I GOT 7 แอมน่าจะซื้ออัลบั้มใหม่มาด้วย ถ้าใครไม่รีบร้อนก็สามารถติดตามราคาได้นะคะ แอมไม่คิดค่าหิ้วค่ะ กระเป๋าเหลือเท่าไรเอามาเท่านั้น ค่าเงินเท่าไรก็ราคานั้นเลย อาจมีค่าส่งในประเทศเท่านั้นจ้า^^

     

     

     

     © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×