ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้กลีบเมฆ

    ลำดับตอนที่ #8 : อาการคำสาปตกค้าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63
      1
      13 มี.ค. 51

         "ารางสอน" เสียงตะโกนเรียกหน้าหอพัก ทำให้เจ้าของผมสีน้ำตาลต้องชะเง้อคอมอง ก่อนจะก้าว

    เดินไปยังจุดสนใจ


    "ไม่ยักรู้ว่าหอเรามีหมีแพนด้ามาแจกตารางสอนด้วย" เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยิ้มเทล้นอย่างกวน


    "รู้มั้ยว่านี่มันกี่โมงแล้ว"เจ้าชายคู่ปรับถามอย่างเอาเรื่อง


    "10 โมง"เธอตอบพร้อมยิ้มหน้าเจื่อน


    "แล้ววันนี้ปี 1 ต้องเข้าเรียนกี่โมง" เสียงดุยังคงซักไม่เลิก


    "8 โมงครึ่ง" เธอตอบพลางดึงตารางสอนจากมือเจ้าชายตรงหน้า


    "แหม ผ่านไปแค่ชั่วโมงครึ่งเองงั้นสิ" เค็นดิวประชดประชัน


    "พี่ไม่คิดเลยนะว่าเราจะเป็นคนที่ไม่ตรงต่อเวลาแบบนี้ ที่นี่มันเจววิส ไม่ใช่ไวท์โรส ที่เราจะทำตามใจตัวเองได้

    ตลอด
    "เขาบ่นเป็นเป็นชุด และตามมาด้วยเสียงวิภากวิจารณ์ของรุ่นพี่


    "วาเนซ่า นี่ก็แย่ไม่รู้จักปลุกเพื่อน"กริซหันมาบ่นอีกคน


    "อย่าโทษวาเนซ่านะ เค้าปลุกแล้ว แต่...." ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เจ้าชายคู่กรณีก็สวนขึ้น


    "แล้วยังไง ตื่นไม่ไหวงั้นสิ ทีพวกพี่นอนเกือบตี 2 ยังตื่นไหวเลย" เค็นดิวยังอบรมน้องรหัสอย่างต่อเนื่อง


    "เอ้าไปเรียนได้แล้ว เพื่อนเค้าไปกันตั้งนานแล้ว"เค็นดิวถอนใจยาวพลางโบกมือไล่


     
    "าจารย์คะ ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ" โรริน่าขออนุญาตอาจารย์ประจำวิชาพ่อมดศาสตร์"มาทำไมป่านนี้"
    เสียงขัดการสอนทำให้อาจารย์อารมณ์เสีย
    "ยืนรอนอกห้องจนกว่าจะหมดคาบนั่นแหละ" สิ้นเสียงสั่งประตูก็

    ปิดไล่หลังดังสนั่น
     

      
       ลังหมดคาบวาเนซ่าที่เดินออกมาจากห้องเรียนยื่นเอกสารประกอบการเรียนชุดหนึ่งให้โรริน่า
    "นี่เป็นลายละเอียดของวิชาพ่อ

    มดศาสตร์
    "เธออธิบาย "ชั้นนึกว่าจะเป็นนางฟ้าประจำหอสอนซะอีก"โรริน่า

    ถามอย่างแปลกใจ
    "ไม่หรอก นางฟ้ามีหน้าที่ดูแลหอ อาจมีบางองค์เท่านั้นที่สอนหนังสือ ส่วนอาจารย์ก็จะ

    เป็นผู้ที่มีความสามารถเฉพาะด้านนั้น
    แต่จะไม่ได้อยู่ที่มหาลัยประจำ
    "วาเนซ่าแจกแจง "แล้วอาการป่วยจาก

    คำสาป
    หายแล้วหรือ
    "เธอหันมาถามอย่างห่วงใย "ดีขึ้นแล้ว"โรริน่าตอบสั้น "แต่ชั้นว่าเธอยังหน้าซีด อยู่เลยนะ"เจ้าของผมสีส้ม

    ออกความเห็น

        
      ลังอาหารเที่ยงก็เป็นวิชาปรุงยา อาจารย์ผู้มีนามว่าเคฟ เกอร์เด็น ดูท่าทางใจดีอธิบายหลักการและวิธี

    การเรียนของวิชานี้
    รวมถึงการรักษาอุปกรณ์และวัตถุดิบต่าง อย่างย่อ อาจารย์ออกจากห้องก่อนเวลา 10

    นาที
    โดยกล่าวว่าจะมาอธิบายรายละเอียดและลงเนื้อหากันในวันพรุ่งนี้   

        
    "ไปเร็วโรริน่า ชั่วโมงต่อไปเลือกคลีดี้แล้วก็ชมรม"วาเนซ่าดึงเพื่อนที่อ่อนแรงจากการเรียนและอาการป่วย

    ไปยังห้องประชุมใหญ่
    ที่เคยเป็นที่พำนับของบรรดากษัตริย์  ห้องประชุมใหญ่ดูน่าเกรงขาม เก้าอี้และโต๊ะถูก

    จัดเรียงให้เป็นระเบียบ
     
    "เอ้า รีบ นั่ง" เสียงรุ่นพี่ตะโกนสั่งกันเป็นแถว  "เอาล่ะ เราจะเลือกคลีดี้กันก่อน

    แล้วค่อยเลือกชมรม
    "ฟาโรพูดอย่างมีอำนาจ "ในนี้จะมีรายชื่อของน้อง ทุกคน"กริซอธิบายพลางเขย่ากล่อง

    เล็กในมือไปมา
    "เราจะให้ฟาโรเป็นคนจับฉลาก หยิบชื่อใครได้คนนั้นเป็น"เค็นดิวอธิบายต่อ  ฟาโรรับกล่อง

    ใบเล็กจากกริซก่อนจะชูฉลากขึ้นมา
    "เมฟลุย" สิ้นเสียงวาเนซ่าก็สบถออกมาแทบจะในทันที "และในปีนี้

    เป็นคำสั่งใหม่ของท่านเคิร์ท
    ไอสแลน ให้มีผู้ช่วยคลีดี้อีก 1 คน
    "ฟาโรประกาศ "และเพื่อความยุติธรรม เราจะ

    มีการคัดเลือกแบบใหม่
    คือพี่จะส่งคทา แล้วให้น้องส่งส่งต่อ กันไปเรื่อย ถ้าคทาสว่างในมือของใคร ผู้นั้น

    จะได้เป็นลองคลีดี้
    "เสียงฮือฮาดังไปทั่ว"แล้วมันยุติธรรมตรงไหนล่ะคะ"หนึ่งในคู่แฝดยกมือถามอย่าง

    สงสัย
    "คทานี้จะตอบรับกับผู้มีความเหมาะสม"บริชอธิบายก่อนจะยิ้มอย่างสะใจอะไรบางอย่าง "งั้นเริ่ม

    เลย
    "เฟร็นส์ส่งคทาให้กับชามมิ่งผู้ที่นั่งเก้าอี้ตัวแรก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คทาถูกส่งเวียนมาเรื่อย จนถึงคน

    ป่วย
      แต่เธอก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อคทาส่องแสงสว่างจ้าในเวลาเดียวกับที่เธอสัมผัสมันเป็นครั้งแรก
    "เอาล่ะ เรา

    ได้ทั้งคลีดี้และลองคลีดี้มาแล้ว
    ต่อไปจะส่งหน้าที่ต่อให้กับปี 3 คนอื่น ส่วนผู้ที่ถูกคัดเลือกให้ไปพบกันที่

    ห้องประชุมสภาในหอพักตอนนี้
    " ฟาโรประกาศพร้อมยิ้มเครียด

         "ฮอะ น่าแปลกที่ยัยเจ้าหญิงจอมแก่นจะได้เป็นลองคลีดี้กับเค้าด้วย"ฟาโรพูดขึ้นขณะเดินกลับหอพัก ทำให้สามอัศวินต้องยิ้มให้กันอย่างมีชัยหลังจากฟาโรเดินนำหน้าไปอย่างหงุดหงิด


    "พวกนายมีแผนอะไรกัน"เค็นดิวหันไปถามอย่างรู้ทัน กริซแสร้งมองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ เฟร็นส์ยิ้มให้

    น้อย
    ส่วนบริชก็ทำไม่รู้ไม่ชี้
    "คทานั่นพวกนายไปเอามาจากไหน"เค็นดิวถามอย่างจับผิด ก่อนจะตีหน้าขรึม

    "กริซถ้านายไม่บอก ชั้นจะสนับสนุนให้นายแต่งงานกับสเฟียร์ นายรู้ใช่ไหม ถ้าชั้นทำแบบนั้น อะไรจะเกิด

    ขึ้น
    ที่นายยังเป็นอิสระได้ ก็เพราะชั้นนะ
    "เค็นดิวพูดเสียงเข้ม "โห เดี๋ยวนี้แกหัดทวงบุญคุณกันเลยหรอวะ

    เอาสิ
    ถ้านายทำ ชั้นก็จะสนับสนุนวาเอลิส
    "เขาพูดกลั้วหัวเราะ "เอาน่า กริซบอก มันไปเหอะ"เฟร็นส์

    ปราม
    "เรื่องทั้งหมดก็คือคทานั่นถูกชั้นร่ายเวทย์ตั้งเวลาเอาไว้ พอถึงเวลาที่กำหนดมันก็จะส่องแสงสว่างจ้า"กริ

    ซอธิบายก่อนจะหัวเราะลั่นกับหน้าตาเครียด
    ของเพื่อนรัก
    "พวกนายทำแบบนี้ทำไม"เค็นดิวถามเสียง.

    เข้ม
    "เอาน่า แล้วนายจะรู้ว่าทำไม"บริชยิ้มขำ  

     

         "รริน่าจะไปไหน ยังประชุมไม่เสร็จเลยนะ"ฟาโรตะโกนเรียก เมื่อเห็นเด็กสาววิ่งออกจากห้องไปใน

    ขณะที่กำลังประชุมอยู่
    "เป็นอะไรของเค้านะ"เฟร็นส์อุทาน "เดี๋ยวชั้นไปดูเอง"เค็นดิวเสนอก่อนจะวิ่ง

    ตามออกไป
    "บริชนายดำเนินการประชุมต่อ ส่วนกริซกับเฟร็นส์ตามชั้นมา ไม่เคยมีใครเสียมารยาทในที่

    ประชุมสภาแบบนี้
    "ฟาโรสั่งอย่างโมโห โรริน่าวิ่งลงจากบันใดมายังชั้น 3  เธอล้มลงด้วยความเหนื่อยอ่อน

    หัวใจเต้นรัว
    เหงื่อไหลออกมาเป็นสายอย่างที่ไม่เคยเป็น พลันแสงสว่างก็โอบล้อมเธอ
    "โรริน่า"กริซอุทาน

    ยืนมองค้างอยู่บนบันใดพร้อมกับเพื่อน
    ทั้ง3  เมื่อแสงสว่างอ่อนแสงลง พวกเขาก็เห็นโรริน่านอนแผ่อยู่บน

    พื้น
    เนื้อตัวมีรอยอักขระเวทย์โบราณชั้นสูงสีดำแต่งแต้มอยู่ทุกส่วน ไม้เว้นใบหน้า อักขระเวทย์เหล่านั้นส่อง

    แสงดั่งจะร้องหากัน
    แล้วทันใดแสงสีเหลืองก็พุ่งจากอักขระเวทย์เหล่านั้น พวกเขาทั้ง 4 ได้ยินเสียงเจ้าหญิง

    ตรงหน้าร้องด้วยความเจ็บปวด
      ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม  ใบหน้าซีดขาวแต่งแต้มไปด้วย

    หยาดน้ำตา
    มือเล็กทั้งสองข้างบีบกันแน่น เธอนอนขดอยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เธอหลับตาปี๋ ก่อนจะรู้สึกว่า

    ตัวลอยขึ้น
    เมื่อเธอลืมตาก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของคู่ปรับต่างวัย เธอดิ้นให้เขาปล่อย
    "ไม่สบาย

    แล้วยังดื้ออีก
    "เขาดุกลับมา "ปล่อย"เธอสั่ง ก่อนจะถูกโยนลงบนเตียงคนป่วยที่ห้องพยาบาล "อ้าวเป็นอะไรมา

    ล่ะนั่น
    "คุณหมอถามอย่างใจดี "คือหนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พวกพี่ 4 คนนี้ เค้าพยายามจะยัดเยียดให้หนูไม่

    สบายค่ะ
    ขอตัวนะคะ
    " เธอพูดอย่างไม่สนใจสายตาของรุ่นพี่ทั้ง 4 เลย เฟร็นส์ทำหน้างง ขณะเดินตามเจ้า

    หญิงจอมแก่น
      ก่อนทั้ง 4 จะหยุดเดินเมื่อเจ้าหญิงแห่งไวท์โรสหันหน้ามาหา
    "เดินตามมาทำไม มีอะไรก็ไป

    ทำกันสิคะ
    "เธอพูดเสียงหวาน"ก็เมื่อกี้...."ฟาโรพยายามจะพูดแต่ก็จนคำพูด "เมื่อกี้มันก็แค่อาการของคำสาปที่


    ตกค้าง
      ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่ปีนี้มันทวีความรุนแรงขึ้นก็เท่านั้น  แต่แค่นี้สบายมาก ชิว
    " เธอ

    พูดจบก็ปิดประตูห้องนอนทันที
    ปล่อยให้สี่สหายยืนงง


    "เนี่ยหรอชิว "เฟร็นส์ทิ้งท้ายด้วยท่าทางสยดสยอง

        
       "อ้าว มารับชีทประวัติศาสตร์กันเร็ว"เสียงอาจารย์ชามัสพูดเนิบ ก่อนที่เหล่านักศึกษาจะทำตาโตเดิน

    ไปรับชีทที่หน้าห้องอย่างงัวเงีย
    "อ้าวเปิดชีทบทที่ 1 เรื่องโลกของเรา"อาจารย์ยังพูดต่อโดยไม่ได้สนใจนัก

    ศึกษาที่ฟุบนอนบนโต๊ะกันเป็นแถว
    ก็มันเป็นชั่วโมงแรกในตอนเช้าด้วยสิ
    "โลกของเราแบ่งออกเป็น 4 ทวีป

    คือสโนเบิร์ก
    เซฟีล่า ตูนทาวน์และโอติก้า
    " ไม่มีใครสนใจการเรียนในชั่วโมงนี้เลย บ้างก็หลับน้ำลายยืด บ้างก็

    วาดรูปเล่น
    บ้างก็นั่งคุยกัน ยกเว้นเจ้าหญิงผมสีน้ำตาล ที่ตั้งหน้าตั้งตาจด ก็วิชานี้มันวิชาโปรดเธอนี่ ต่อให้

    เรียนคาบบ่ายก็ไม่มีปัญหา
      เมื่อเสียงออดหมดชั่วโมง นักศึกษาต่างวิ่งกรูออกจากห้องประวัติศาสตร์อย่างรวด

    เร็ว
    ตรงไปยังห้องปรุงยา วิชาสุดโปรดทันที  
    "เอาล่ะ วันนี้เป็นภาคปฏิบัติ เราจะปรุงน้ำยาลบความจำ ซึ่งไม่มี

    สูตรในหนังสือ
    "อาจารย์เกริ่นก่อนจะเสกภาพของส่วนประสม "นี่คือมอสคาล่า เป็นผักชนิดนึงที่หาได้ไม่

    ยาก
      หวังว่าทุก คนคงจะรู้จักมันดี
    ต่อไปเป็น เล็บมังกร ให้นำมาตำก่อนผสม ส่วนนี่คือเกล็ดส่วนหางของ

    มังกร
      และนี่คือกระไสยยา ซึ่งสำคัญมาก นั่นก็คือน้ำพลับปี้ ส่วนเวทย์มนตร์ที่ต้องใช้ประกอบ อยู่บน

    กระดานเรียบร้อยแล้ว
    เมื่อทำน้ำยาเสร็จในตักใส่ถ้วยแก้วแล้วนำมาส่ง
    "สิ้นเสียงนักศึกษาต่างพากันทำน้ำยา

    อย่างขมักเขม้น

          อสมุดที่แยกจากตึกเรียนดูเงียบเชียบและไร้ผู้คน ต่างจากหน้าตึกเรียนที่คนหนาแน่นจนมองไม่

    เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
    ชั้นล่างของหอสมุดเป็นห้องปฏิบัติการวิชาต่าง เพื่อให้นักศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ด้านบน

    เป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีโซฟาที่นั่งมากมาย
    ชั้นหนังสือแน่นขนัดไปด้วยหนังสือหลายประเภท  มีโต๊ะน้ำ

    ชาเล็ก
      ตั้งอยู่ใกล้ โต๊ะครูบรรณารักษ์  ถึงแม้จะมีคนน้อยแต่มุมหนึ่งของห้องก็มีเสียงเฮฮาพูดคุยดังไม่

    น้อย
       ทั้งสองสาวมองเห็นทรงผมที่คุ้นตาสีทอง ใบหน้าขาวเนียนและนัยน์ตาสีชมพูสวย กำลังหัวเราะร่วมวง

    อยู่


    "
    นั่นมันเมฟลุย มานั่งอะไรตรงนี้"วาเนซ่าสบถ ก่อนจะเดินตรงไปหา "แหม ดูท่าทางกำลังคุยกันสนุกเลย"วา

    เนซ่าทักอย่างไม่สบอารมณ์
    "ชั้นกำลังให้รุ่นพี่ติวประวัติศาสตร์ให้น่ะ อาจารย์สอนไม่เข้าใจ"เมฟลุยพูดพลาง

    หันไปขอเสียงสนับสนุนจากโชเว็ว
    เพื่อนสนิทรของเธอ
    "ก็แน่ล่ะ ชั้นเห็นเธอมัวแต่คุย จะไปเข้าใจได้ไง"โร

    ริน่าพูดก่อนจะยิ้มเย็นไปให้
    "หรือถ้าไม่เข้าใจจริง มาถามชั้นก็ได้ ชั้นจะอธิบายให้ถึงพริกถึงขิงเชียว"โรริ

    น่าพูดกลั้วหัวเราะ
    "อุ้ยตาย ไม่ต้องหรอกจ้ะ ชั้นเกรงใจ กลัวเธอจะเหนื่อยแล้วอีกอย่างถ้าเธออธิบายไม่รู้เรื่อง

    ชั้นก็เสียเวลาแย่สิจ๊ะ
    ใช่มั้ยคะพี่เค็นดิว"เมฟลุยทำเสียงหวานพลางโน้มตัวไปซบไหล่เค็นดิว "ต๊ายตาย ไม่มี

    ใครสอนเธอหรอว่าอย่าทำแบบนั้นต่อหน้าสาธารณะชน
    " โรริน่าเบิกตากว้างกับทีท่าของเพื่อนร่วห้อง "บ้าน

    ชั้นเขาหัวใหม่
    ไม่ถือดหรอก
    "เมฟลุยตอบด้วยเสียงหน้าหมั่นไส้ "อ้อ ชั้นก็ลืมไปว่าสโนเบิร์กคงจะไม่ได้สอน

    การมีกาลเทสะอะไรมาก
    "คำพูดนั้นเจ็บไปถึงหัวใจของเด็กสาวตรงหน้า "พอเสียที" แทนที่จะเป็นเจ้าหญิง

    แห่งไอศซี่ปิดบท
    แต่กลับกลายเป็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งสโนเฟลค สร้างความคับแค้นให้กับเจ้าหญิงแห่งไวท์

    โรสเป็นอย่างยิ่ง
    "มาเริ่มติวกันดีกว่า โลกของเราแบ่งเป็น 4 ทวีป คือเซฟีล่า ซึ่งเป็นที่อยู่ของมนุษย์  สโนเบิร์ก

    เป็นที่อาศัยของมนุษย์และภูตต่าง
     ตูนทาวน์ เป็นที่อาศัยของเหล่าตัวการ์ตูน และสุดท้าย โอติก้า เป็น

    มหาสมุทร
    และเป็นแหล่งอาศัยของบรรดาชาวเงือก
    "เค็นดิวอธิบายไปเรื่อย "ใคร ก็รู้ว่าโลกเราแบ่งเป็น 4

    ทวีป
    คงไม่แบ่งเป็น 6 ทวีปหรอก พูดซ้ำซากอยู่ได้ ประสาท
    " โรริน่าเอ่ยหลังจากเค็นดิวพูดจบ เจ้าชายตรงหน้า

    เพียงส่งไอเวทย์เย็น
    มาให้ และส่งสายตาดุ ไปปรามเพื่อนพ้องที่กลั้นหัวเราะแทบไม่อยู๋
    "เฮ่ย  นั่นมันนัก

    ดาบชื่อดังของไวท์โรส  ไปคุยด้วยดีกว่า
    "โรริน่าคุยกับวาเนซ่าแบบจงใจให้คนทั้งโต๊ะได้ยิน ก็แหม   นักดาบ

    แห่งไวท์โรสอยู่
    Diamond นี่ ไม่เล่นงานนี้จะไปเล่นงานไหน โอกาสมาทั้งที แถมเธอยังรู้จักด้วย

    "
    ท่านโรนอล"โรริน่าทำเสียงหวานพลางกระตุกแขนเสื้อนักดาบตรงหน้าเบา "อ้าว องค์หญิง"ชายหนุ่มหัน

    หน้ามาหาอย่างตกใจ
    "ข้าน่าตกใจนักหรอ"โรริน่าเบ้ปาก ทำให้คนตรงหน้าต้องยิ้มให้อย่างเอ็นดู  เขารู้จักเจ้า

    หญิงองค์นี้มาตั้งแต่ยังเล็ก
    พ่อของเขารรับราชกาลเป็นขุนนางในวังไวท์โรส  แท้จริงแล้วพ่อของเขาเป็นผู้.

    สนับสนุนเจ้าหญิงองค์นี้ให้เป็นรัชทายาท
    แม้จะมีหลายฝ่ายคัดค้าน
     พ่อบอกว่าเจ้าหญิงองค์นี้มีอะไรพิเศษ

    ไม่เหมือนใคร
      เขาไม่เคยเชื่อพ่อเลย จนกระทั่งวันที่องค์หญิงตรงหน้าช่วยเค้าให้รอดพ้นจากความตายขณะ

    เขาทำสงครามกับข้าศึก
    เมื่อ 6 ปีก่อน ตอนนั้นเขาอายุเพียง  11 ขวบเท่านั้น  
     เขากะว่าหากเรียนจบ เขาจะ

    กลับไปรับใช้เจ้าหญิงองค์นี้
     
    "ข้าอยากให้ท่านติวหนังสือให้"โรริน่าทำเสียงออดอ้อน"นะ ท่านโรนอล"เธอ

    เขย่าแขนของเขา
    เฉกเช่นวัยเด็ก
    "ทรงอยากให้กระหม่อมติว...."เขายังไม่ทันที่จะพูดจบ โรริน่าก็ใช้นิ้วแตะที่

    ริมฝีปากของเขาเสียแล้ว
    "ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าใช้คำประเภทนั้นกับข้า"เธอแหวใส่ จนเขาต้องยิ้มเจื่อน

    "
    ท่านต้องการให้ข้าติววิชาอะไรให้ล่ะ"เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "ดาบ กับการคลัง"เธอตอบห้วน "ได้ งั้น

    เราเจอกันทุกวันจันทร์
    ท่านเห็นสมควรหรือไม่
    "เขาถามเรียบ ก่อนเจ้าหญิงตรงหน้าจะยิ้มให้อย่างพอใจ 

     
    เธอไม่รู้หรอกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเธออย่างไม่พอใจ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกหงุด

    หงิดเมื่อเห็นเด็กวุ่นวายตรงหน้า
    ทำท่าสนิทรสนมกับชายอื่น  เขาเสยผมครั้งหนึ่ง
    "พี่ว่าวันนี้พอแค่นี้ดีกว่า พี่มี

    ธุระ
    "สิ้นเสียงเขาก็เดินออกจากห้องสมุดไป ท่ามกลางสายตางงงวย ของเพื่อน ๆและรุ่นน้อง

        
       
    "รริจัง ไอ้เค็นดิวมันเป็นอะไรก็ไม่รู้  ตั้งแต่กลับจากมหาลัยก็ขึ้นไปขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานของอัศวิน 

    ทำหน้าบอกบุญไม่รับ
      พอคุยกับมัน มันก็แค่พยักหน้าแล้วก็ทำงานต่อ
      ยังกับไปกินรังแตนงั้นแหละ"เฟร็นส์

    เดินบ่นลงมาจากบันไดชั้นสาม
    ก็เขาเป็นอัศวินคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ที่ห้องสมุด 
    "จริงหรอคะ งั้นต้องไปดูซะ

    หน่อย
    "โรริน่าตอบรับพร้อมยิ้มร่า ก่อนจะวิ่งขึ้นบันใดไปอย่างรวดเร็ว

         "ทำอะไรน่ะ"เธอเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานตัวแรกพร้อมชะโงกหน้าและถามเสียงใส


    "แน่ะ  ถามแล้วก็ไม่ตอบ มันเสียมารยาทรู้ไหม"เธอสั่งสอนคนตรงหน้าอย่างสนุกสนาน


    "นี่อธิบายการบ้านข้อนี้หน่อยสิ  วิธีปรุงยาล่องหนทำยังไง" โรริน่าทำเสียงออดอ้อน


    "
    ทำไมไม่ให้นักดาบคนเก่งอธิบายให้ล่ะ มาถามพี่ทำไม"เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา โรริน่าทำจมูกฟุดฟิด

    อย่างไม่สบอารมณ์
    "ก็เพิ่งมาทำนี่ ไม่งั้นให้เค้าอธิบายตั้งนานแล้ว"เธอตอบพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างไว้ตัว คำ

    ตอบของเธอยิ่งทำให้เจ้าชายตรงหน้าโมโหจนต้องนับหนึ่งถึงร้อย
    "อุ้ย...แจกันดอกไม้  สวยจัง"โรริน่าเบี่ยง

    เบนความสนใจไปยังแจกันลายสวยรูปหัวใจที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างเหมาะเจาะ
    "Happy Valentine from

    Mediza
    แหม รักกันจริงนะขนาดของขวัญวาเลนทายปีก่อนยังเก็บไว้เลย ฮ่า "โรริน่าหัวเราะชอบใจ

    จนไม่ได้สนใจไอเวทย์เย็น
    ที่เจ้าชายรูปงามส่งมาให้
    "เอาคืนมา"เสียงดุมาพร้อมมือใหญ่ที่คว้าแจกันจากมือ

    เล็ก
    แต่เธอก็ยังไวพอที่จะแย่งมันกลับมา
     เพล้ง! เสียงแจกันใบน้อยหลุดจากมือเล็กตกลงกระแทกกับพื้น

    อย่างแรง
      มันแตกกระจายไปทั่วห้อง  หลังเซี่ยววินาทีนั้น ทั้งห้องเงียบกริบ  นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมายัง

    เธออย่างเปิดเผย
     
    "ขอโทษ"เสียงแผ่วเบาจากเด็กสาวตรงหน้า ทำให้ความหงุดหงิดที่มีอยู่แล้วเพิ่มมากขึ้น เขา

    โบกคทาก่อนเศษแจกันจะหายวับไปในบัดดล
    เขานั่งลงทำงานต่อโดยไม่ใส่ใจเด็กสาวผมสีน้ำตาล
    "ขอโทษ"

    โรริน่าพูดซ้ำพร้อมหันหน้าหนีเสียงตะคอก
    "ไปไหนก็ไป จะทำงาน"  เขาพูดพลางกอดอก "โรริน่าไม่ได้

    ตั้งใจ
    "เธอทำใจดีสู้เสือหันกลับมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง "พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกให้ไปซะ"เขายังคงไม่รับคำ

    ขอโทษจากเธอ
    "เดี๋ยวจะซื้อมาคืนให้"โรริน่าหาทางออก"แล้วมันเหมือนกันไหม"เขาถามอย่างเย็นชา  เมื่อ

    เห็นเด็กสาวเงียบไป
    เขาจึงพูดต่อ
    "ถ้าไม่ไป ผมจะไปเอง" โรริน่าสะอึกกับสรรพนามใหม่ที่เจ้าชายตรงหน้า

    ใช้
       ผม งั้นหรอ
    ? แล้วคำว่าพี่หายไปไหน เค็นดิวหอบเอกสารไว้ในมือ ก่อนจะก้าวยาว ออกจากห้องไป เจ้า

    ของนัยน์ตาสีเขียวเหลียวมอง
    ก่อนจะวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ
    "ก็ขอโทษแล้วไง บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ" เสียงที่

    เธอตะโกน
    ไม่ได้ทำให้เจ้าของผมสีบลอนหยุดก้าวเลยแม้แต่น้อย มันกลับยิ่งทำให้เขาเดินเร็วขึ้นอีกด้วยซ้ำ

    แล้วเธอก็ต้องมาหยุดยืนที่หน้าห้องพักของรุ่นพี่ปีสาม
    พร้อมกับเสียงปิดประตูที่ดังใส่หน้า

         เขาไม่รู้ว่าเขาโกรธเธอเพราะอะไร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำดูถูกของเด็กสาว หรือการที่เจ้าหญิงทำสนิทรสนม

    กับนักดาบนั่นจนออกหน้าออกตา
    ราชินีแห่งไวท์โรสได้ฝากฝังเธอกับเขา ไม่ใช่นักดาบนั่น เขาพยายามหาข้อ

    แก้ตัวให้กับความโกรธ
      โดยไม่ได้สังเกตเห็นดวงตาอีกสองคู่ที่จ้องมองเขาอย่างงุนงง




    "วิ่งหนีอะไรมาวะ ไอ้เพื่อนยาก" กริซแซวถามตามต้นฉบับ



    "เปล่า" เขาตอบสั้น ก่อนจะโยนเอกสารลงบนโต๊ะ และเอนตัวนอนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์


    "แหม นาน จะได้เห็นแกหน้าตื่น วิ่งเข้าห้องมา  ชั้นก็อยากรู้ว่าอะไรหนอ ทำให้เจ้าชายแห่งสโนเฟลคเป็น

    แบบนี้ได้
    " กริซยังแซวไม่เลิก โดยมีเฟร็นส์เป็นลูกคู่  แล้วนัยน์ตาทั้งสามคู่ก็ต้องหันไปจ้องมองที่ประตูเมื่อได้

    ยินเสียงเคาะเบา
    "ใครวะ" เฟร็นส์ถามอย่างแปลกใจ"ไม่น่าใช่ฟาโร เพราะปกติมันไม่เคยรู้จักคำว่า

    มารยาท
    "เฟร็นส์ออกความเห็น

        
       
    "ม่ทราบว่ามาพบใครครับ คุณน้อง"บานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มเปิดออกกพร้อมเสี้ยวหน้าของหนึ่งใน

    อัศวินแห่ง
    Pearl "พี่ก็น่าจะรู้นี่"โรริน่าตอบเป็นนัย เฟร็นส์พยักหน้า ก่อนจะตะโกนเรียกเพื่อนร่วมห้อง 

     
     เค็นดิวลุกนั่งก่อนจะตอบเรียบ "บอกไปว่าชั้นไม่อยู่"กริซหันมามองหน้าอย่างขอเหตุผล  "นายจะไม่ถาม

    เรอะว่าใคร
    "เฟร็นส์กล่าวตอบขณะที่ประตูยังเปิดกว้าง"น้องรหัสนายไง"เฟร็นส์เฉลย "ไม่มีอะไรต้องคุย

    กันนิ
    "เขาตอบกลับพลางเชิดหน้า ก่อนจะหันกลับมามองที่ประตูเมื่อเสียงกร้าว ของเด็กสาวดังเข้ามาใน

    ห้อง
    "จะออกมาดี หรือจะให้ช่วย"เขายังทำเป็นไม่สนใจกับเสียงนั้น จนลมสีขาวที่มีพลังเวทย์สูงพุ่งตรงมา

    ยังเขาพร้อมกับเสียงหัวเราะใส
      กระแสลมนั้นเร็วและแรงจนเขาตั้งตัวไม่ติด เขากระแทกลงกับพื้นหน้า

    ห้องและทรุดลงกองกับพื้นพร้อมกับที่เพื่อนทรพีปิดประตูห้องใส่
    "สมน้ำหน้า"เสียงเย้ยหยันจากเด็กสาวทำ

    ให้เขาหงุดหงิด
    "ลุกขึ้นสิ"เสียงเล็ก ยังตอแยไม่เลิก เขาส่งตายตาดุ ไปให้แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย

    มีเพียงนัยน์ตาสีเขียวโตมองมาที่เขาอย่างไร้เดียงสา
      
    "ลุกขึ้นเร็วเข้า"เธอยังคงออกคำสั่ง ใช่ว่าเขาไม่อยากลุก

    การที่เจ้าชายมานอนหมอบอยู่ตรงหน้าเจ้าหญิงต่างแดน
    สำหรับเขามันช่างไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี แต่เขาจุก จนไม่มี

    แรงจะต่อว่าอีกฝ่าย
    "ไง ลุกไม่ขึ้นเรอะ"คำสบปรามาสของเด็กสาวทำให้เขาฝืนใจลุกขึ้น แม้จะเจ็บก็ตาม"เล่น

    อะไรไม่รู้จักคิด
    "เขาสวนกลับทันทีเมื่อลุกขึ้นได้  แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อร่างของเด็กสาวพุ่งตรงมายัง

    เขา ก่อนจะกอดตัวเขาไว้แน่น ร่างเล็กสั่นสะท้านมาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ "ไม่ว่าแล้ว ให้อภัยก็ได้" เขารีบ

    พูด หากแต่คิ้วหนาต้องขมวดเข้าหากัน เมื่อเสียงหัวเราะกวน ดังมาจากเด็กสาวที่กอดเขาไว้แน่น

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×