คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : อาการคำสาปตกค้าง
"ตารางสอน" เสียงตะโกนเรียกหน้าหอพัก ทำให้เจ้าของผมสีน้ำตาลต้องชะเง้อคอมอง ก่อนจะก้าว
เดินไปยังจุดสนใจ
"ไม่ยักรู้ว่าหอเรามีหมีแพนด้ามาแจกตารางสอนด้วย" เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยิ้มเทล้นอย่างกวน ๆ
"รู้มั้ยว่านี่มันกี่โมงแล้ว"เจ้าชายคู่ปรับถามอย่างเอาเรื่อง
"10 โมง"เธอตอบพร้อมยิ้มหน้าเจื่อน
"แล้ววันนี้ปี 1 ต้องเข้าเรียนกี่โมง" เสียงดุยังคงซักไม่เลิก
"8 โมงครึ่ง" เธอตอบพลางดึงตารางสอนจากมือเจ้าชายตรงหน้า
"แหม ผ่านไปแค่ชั่วโมงครึ่งเองงั้นสิ" เค็นดิวประชดประชัน
"พี่ไม่คิดเลยนะว่าเราจะเป็นคนที่ไม่ตรงต่อเวลาแบบนี้ ที่นี่มันเจววิส ไม่ใช่ไวท์โรส ที่เราจะทำตามใจตัวเองได้
ตลอด"เขาบ่นเป็นเป็นชุด และตามมาด้วยเสียงวิภากวิจารณ์ของรุ่นพี่
"วาเนซ่า นี่ก็แย่ไม่รู้จักปลุกเพื่อน"กริซหันมาบ่นอีกคน
"อย่าโทษวาเนซ่านะ เค้าปลุกแล้ว แต่...." ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เจ้าชายคู่กรณีก็สวนขึ้น
"แล้วยังไง ตื่นไม่ไหวงั้นสิ ทีพวกพี่นอนเกือบตี 2 ยังตื่นไหวเลย" เค็นดิวยังอบรมน้องรหัสอย่างต่อเนื่อง
"เอ้าไปเรียนได้แล้ว เพื่อนเค้าไปกันตั้งนานแล้ว"เค็นดิวถอนใจยาวพลางโบกมือไล่
"อาจารย์คะ ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ" โรริน่าขออนุญาตอาจารย์ประจำวิชาพ่อมดศาสตร์"มาทำไมป่านนี้"
เสียงขัดการสอนทำให้อาจารย์อารมณ์เสีย "ยืนรอนอกห้องจนกว่าจะหมดคาบนั่นแหละ" สิ้นเสียงสั่งประตูก็
ปิดไล่หลังดังสนั่น
หลังหมดคาบวาเนซ่าที่เดินออกมาจากห้องเรียนยื่นเอกสารประกอบการเรียนชุดหนึ่งให้โรริน่า "นี่เป็นลายละเอียดของวิชาพ่อ
มดศาสตร์"เธออธิบาย "ชั้นนึกว่าจะเป็นนางฟ้าประจำหอสอนซะอีก"โรริน่า
ถามอย่างแปลกใจ "ไม่หรอก นางฟ้ามีหน้าที่ดูแลหอ อาจมีบางองค์เท่านั้นที่สอนหนังสือ ส่วนอาจารย์ก็จะ
เป็นผู้ที่มีความสามารถเฉพาะด้านนั้น ๆ แต่จะไม่ได้อยู่ที่มหาลัยประจำ"วาเนซ่าแจกแจง "แล้วอาการป่วยจาก
คำสาป หายแล้วหรือ"เธอหันมาถามอย่างห่วงใย "ดีขึ้นแล้ว"โรริน่าตอบสั้น ๆ "แต่ชั้นว่าเธอยังหน้าซีด ๆ อยู่เลยนะ"เจ้าของผมสีส้ม
ออกความเห็น
หลังอาหารเที่ยงก็เป็นวิชาปรุงยา อาจารย์ผู้มีนามว่าเคฟ เกอร์เด็น ดูท่าทางใจดีอธิบายหลักการและวิธี
การเรียนของวิชานี้ รวมถึงการรักษาอุปกรณ์และวัตถุดิบต่าง ๆ อย่างย่อ ๆ อาจารย์ออกจากห้องก่อนเวลา 10
นาที โดยกล่าวว่าจะมาอธิบายรายละเอียดและลงเนื้อหากันในวันพรุ่งนี้
"ไปเร็วโรริน่า ชั่วโมงต่อไปเลือกคลีดี้แล้วก็ชมรม"วาเนซ่าดึงเพื่อนที่อ่อนแรงจากการเรียนและอาการป่วย
ไปยังห้องประชุมใหญ่ ที่เคยเป็นที่พำนับของบรรดากษัตริย์ ห้องประชุมใหญ่ดูน่าเกรงขาม เก้าอี้และโต๊ะถูก
จัดเรียงให้เป็นระเบียบ "เอ้า รีบ ๆ นั่ง" เสียงรุ่นพี่ตะโกนสั่งกันเป็นแถว "เอาล่ะ ๆ เราจะเลือกคลีดี้กันก่อน
แล้วค่อยเลือกชมรม"ฟาโรพูดอย่างมีอำนาจ "ในนี้จะมีรายชื่อของน้อง ๆ ทุกคน"กริซอธิบายพลางเขย่ากล่อง
เล็กในมือไปมา"เราจะให้ฟาโรเป็นคนจับฉลาก หยิบชื่อใครได้คนนั้นเป็น"เค็นดิวอธิบายต่อ ฟาโรรับกล่อง
ใบเล็กจากกริซก่อนจะชูฉลากขึ้นมา "เมฟลุย" สิ้นเสียงวาเนซ่าก็สบถออกมาแทบจะในทันที "และในปีนี้
เป็นคำสั่งใหม่ของท่านเคิร์ท ไอสแลน ให้มีผู้ช่วยคลีดี้อีก 1 คน"ฟาโรประกาศ "และเพื่อความยุติธรรม เราจะ
มีการคัดเลือกแบบใหม่ คือพี่จะส่งคทา แล้วให้น้องส่งส่งต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ ถ้าคทาสว่างในมือของใคร ผู้นั้น
จะได้เป็นลองคลีดี้"เสียงฮือฮาดังไปทั่ว"แล้วมันยุติธรรมตรงไหนล่ะคะ"หนึ่งในคู่แฝดยกมือถามอย่าง
สงสัย"คทานี้จะตอบรับกับผู้มีความเหมาะสม"บริชอธิบายก่อนจะยิ้มอย่างสะใจอะไรบางอย่าง "งั้นเริ่ม
เลย"เฟร็นส์ส่งคทาให้กับชามมิ่งผู้ที่นั่งเก้าอี้ตัวแรก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คทาถูกส่งเวียนมาเรื่อย ๆ จนถึงคน
ป่วย แต่เธอก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อคทาส่องแสงสว่างจ้าในเวลาเดียวกับที่เธอสัมผัสมันเป็นครั้งแรก"เอาล่ะ เรา
ได้ทั้งคลีดี้และลองคลีดี้มาแล้ว ต่อไปจะส่งหน้าที่ต่อให้กับปี 3 คนอื่น ๆ ส่วนผู้ที่ถูกคัดเลือกให้ไปพบกันที่
ห้องประชุมสภาในหอพักตอนนี้" ฟาโรประกาศพร้อมยิ้มเครียด
"เฮอะ น่าแปลกที่ยัยเจ้าหญิงจอมแก่นจะได้เป็นลองคลีดี้กับเค้าด้วย"ฟาโรพูดขึ้นขณะเดินกลับหอพัก ทำให้สามอัศวินต้องยิ้มให้กันอย่างมีชัยหลังจากฟาโรเดินนำหน้าไปอย่างหงุดหงิด
"พวกนายมีแผนอะไรกัน"เค็นดิวหันไปถามอย่างรู้ทัน กริซแสร้งมองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ เฟร็นส์ยิ้มให้
น้อย ๆ ส่วนบริชก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ "คทานั่นพวกนายไปเอามาจากไหน"เค็นดิวถามอย่างจับผิด ก่อนจะตีหน้าขรึม
"กริซถ้านายไม่บอก ชั้นจะสนับสนุนให้นายแต่งงานกับสเฟียร์ นายรู้ใช่ไหม ถ้าชั้นทำแบบนั้น อะไรจะเกิด
ขึ้น ที่นายยังเป็นอิสระได้ ก็เพราะชั้นนะ"เค็นดิวพูดเสียงเข้ม "โห เดี๋ยวนี้แกหัดทวงบุญคุณกันเลยหรอวะ
เอาสิ ถ้านายทำ ชั้นก็จะสนับสนุนวาเอลิส"เขาพูดกลั้วหัวเราะ "เอาน่า กริซบอก ๆ มันไปเหอะ"เฟร็นส์
ปราม"เรื่องทั้งหมดก็คือคทานั่นถูกชั้นร่ายเวทย์ตั้งเวลาเอาไว้ พอถึงเวลาที่กำหนดมันก็จะส่องแสงสว่างจ้า"กริ
ซอธิบายก่อนจะหัวเราะลั่นกับหน้าตาเครียด ๆ ของเพื่อนรัก"พวกนายทำแบบนี้ทำไม"เค็นดิวถามเสียง.
เข้ม"เอาน่า แล้วนายจะรู้ว่าทำไม"บริชยิ้มขำ ๆ
"โรริน่าจะไปไหน ยังประชุมไม่เสร็จเลยนะ"ฟาโรตะโกนเรียก เมื่อเห็นเด็กสาววิ่งออกจากห้องไปใน
ขณะที่กำลังประชุมอยู่ "เป็นอะไรของเค้านะ"เฟร็นส์อุทาน "เดี๋ยวชั้นไปดูเอง"เค็นดิวเสนอก่อนจะวิ่ง
ตามออกไป "บริชนายดำเนินการประชุมต่อ ส่วนกริซกับเฟร็นส์ตามชั้นมา ไม่เคยมีใครเสียมารยาทในที่
ประชุมสภาแบบนี้"ฟาโรสั่งอย่างโมโห โรริน่าวิ่งลงจากบันใดมายังชั้น 3 เธอล้มลงด้วยความเหนื่อยอ่อน
หัวใจเต้นรัว เหงื่อไหลออกมาเป็นสายอย่างที่ไม่เคยเป็น พลันแสงสว่างก็โอบล้อมเธอ "โรริน่า"กริซอุทาน
ยืนมองค้างอยู่บนบันใดพร้อมกับเพื่อน ๆ ทั้ง3 เมื่อแสงสว่างอ่อนแสงลง พวกเขาก็เห็นโรริน่านอนแผ่อยู่บน
พื้น เนื้อตัวมีรอยอักขระเวทย์โบราณชั้นสูงสีดำแต่งแต้มอยู่ทุกส่วน ไม้เว้นใบหน้า อักขระเวทย์เหล่านั้นส่อง
แสงดั่งจะร้องหากัน แล้วทันใดแสงสีเหลืองก็พุ่งจากอักขระเวทย์เหล่านั้น พวกเขาทั้ง 4 ได้ยินเสียงเจ้าหญิง
ตรงหน้าร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ใบหน้าซีดขาวแต่งแต้มไปด้วย
หยาดน้ำตา มือเล็กทั้งสองข้างบีบกันแน่น เธอนอนขดอยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เธอหลับตาปี๋ ก่อนจะรู้สึกว่า
ตัวลอยขึ้น เมื่อเธอลืมตาก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของคู่ปรับต่างวัย เธอดิ้นให้เขาปล่อย "ไม่สบาย
แล้วยังดื้ออีก"เขาดุกลับมา "ปล่อย"เธอสั่ง ก่อนจะถูกโยนลงบนเตียงคนป่วยที่ห้องพยาบาล "อ้าวเป็นอะไรมา
ล่ะนั่น"คุณหมอถามอย่างใจดี "คือหนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พวกพี่ 4 คนนี้ เค้าพยายามจะยัดเยียดให้หนูไม่
สบายค่ะ ขอตัวนะคะ" เธอพูดอย่างไม่สนใจสายตาของรุ่นพี่ทั้ง 4 เลย เฟร็นส์ทำหน้างง ๆ ขณะเดินตามเจ้า
หญิงจอมแก่น ก่อนทั้ง 4 จะหยุดเดินเมื่อเจ้าหญิงแห่งไวท์โรสหันหน้ามาหา "เดินตามมาทำไม มีอะไรก็ไป
ทำกันสิคะ"เธอพูดเสียงหวาน"ก็เมื่อกี้...."ฟาโรพยายามจะพูดแต่ก็จนคำพูด "เมื่อกี้มันก็แค่อาการของคำสาปที่
ตกค้าง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่ปีนี้มันทวีความรุนแรงขึ้นก็เท่านั้น แต่แค่นี้สบายมาก ชิว ๆ " เธอ
พูดจบก็ปิดประตูห้องนอนทันที ปล่อยให้สี่สหายยืนงง
"เนี่ยหรอชิว ๆ"เฟร็นส์ทิ้งท้ายด้วยท่าทางสยดสยอง
"อ้าว มารับชีทประวัติศาสตร์กันเร็ว"เสียงอาจารย์ชามัสพูดเนิบ ๆ ก่อนที่เหล่านักศึกษาจะทำตาโตเดิน
ไปรับชีทที่หน้าห้องอย่างงัวเงีย "อ้าวเปิดชีทบทที่ 1 เรื่องโลกของเรา"อาจารย์ยังพูดต่อโดยไม่ได้สนใจนัก
ศึกษาที่ฟุบนอนบนโต๊ะกันเป็นแถว ก็มันเป็นชั่วโมงแรกในตอนเช้าด้วยสิ "โลกของเราแบ่งออกเป็น 4 ทวีป
คือสโนเบิร์ก เซฟีล่า ตูนทาวน์และโอติก้า" ไม่มีใครสนใจการเรียนในชั่วโมงนี้เลย บ้างก็หลับน้ำลายยืด บ้างก็
วาดรูปเล่น บ้างก็นั่งคุยกัน ยกเว้นเจ้าหญิงผมสีน้ำตาล ที่ตั้งหน้าตั้งตาจด ก็วิชานี้มันวิชาโปรดเธอนี่ ต่อให้
เรียนคาบบ่ายก็ไม่มีปัญหา เมื่อเสียงออดหมดชั่วโมง นักศึกษาต่างวิ่งกรูออกจากห้องประวัติศาสตร์อย่างรวด
เร็ว ตรงไปยังห้องปรุงยา วิชาสุดโปรดทันที "เอาล่ะ วันนี้เป็นภาคปฏิบัติ เราจะปรุงน้ำยาลบความจำ ซึ่งไม่มี
สูตรในหนังสือ"อาจารย์เกริ่นก่อนจะเสกภาพของส่วนประสม "นี่คือมอสคาล่า เป็นผักชนิดนึงที่หาได้ไม่
ยาก หวังว่าทุก ๆ คนคงจะรู้จักมันดี ต่อไปเป็น เล็บมังกร ให้นำมาตำก่อนผสม ส่วนนี่คือเกล็ดส่วนหางของ
มังกร และนี่คือกระไสยยา ซึ่งสำคัญมาก ๆ นั่นก็คือน้ำพลับปี้ ส่วนเวทย์มนตร์ที่ต้องใช้ประกอบ อยู่บน
กระดานเรียบร้อยแล้ว เมื่อทำน้ำยาเสร็จในตักใส่ถ้วยแก้วแล้วนำมาส่ง"สิ้นเสียงนักศึกษาต่างพากันทำน้ำยา
อย่างขมักเขม้น
หอสมุดที่แยกจากตึกเรียนดูเงียบเชียบและไร้ผู้คน ต่างจากหน้าตึกเรียนที่คนหนาแน่นจนมองไม่
เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ชั้นล่างของหอสมุดเป็นห้องปฏิบัติการวิชาต่าง ๆ เพื่อให้นักศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ด้านบน
เป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีโซฟาที่นั่งมากมาย ชั้นหนังสือแน่นขนัดไปด้วยหนังสือหลายประเภท มีโต๊ะน้ำ
ชาเล็ก ๆ ตั้งอยู่ใกล้ ๆ โต๊ะครูบรรณารักษ์ ถึงแม้จะมีคนน้อยแต่มุมหนึ่งของห้องก็มีเสียงเฮฮาพูดคุยดังไม่
น้อย ทั้งสองสาวมองเห็นทรงผมที่คุ้นตาสีทอง ใบหน้าขาวเนียนและนัยน์ตาสีชมพูสวย กำลังหัวเราะร่วมวง
อยู่
"นั่นมันเมฟลุย มานั่งอะไรตรงนี้"วาเนซ่าสบถ ก่อนจะเดินตรงไปหา "แหม ดูท่าทางกำลังคุยกันสนุกเลย"วา
เนซ่าทักอย่างไม่สบอารมณ์ "ชั้นกำลังให้รุ่นพี่ติวประวัติศาสตร์ให้น่ะ อาจารย์สอนไม่เข้าใจ"เมฟลุยพูดพลาง
หันไปขอเสียงสนับสนุนจากโชเว็ว เพื่อนสนิทรของเธอ "ก็แน่ล่ะ ชั้นเห็นเธอมัวแต่คุย จะไปเข้าใจได้ไง"โร
ริน่าพูดก่อนจะยิ้มเย็นไปให้"หรือถ้าไม่เข้าใจจริง ๆ มาถามชั้นก็ได้ ชั้นจะอธิบายให้ถึงพริกถึงขิงเชียว"โรริ
น่าพูดกลั้วหัวเราะ "อุ้ยตาย ไม่ต้องหรอกจ้ะ ชั้นเกรงใจ กลัวเธอจะเหนื่อยแล้วอีกอย่างถ้าเธออธิบายไม่รู้เรื่อง
ชั้นก็เสียเวลาแย่สิจ๊ะ ใช่มั้ยคะพี่เค็นดิว"เมฟลุยทำเสียงหวานพลางโน้มตัวไปซบไหล่เค็นดิว "ต๊ายตาย ไม่มี
ใครสอนเธอหรอว่าอย่าทำแบบนั้นต่อหน้าสาธารณะชน" โรริน่าเบิกตากว้างกับทีท่าของเพื่อนร่วห้อง "บ้าน
ชั้นเขาหัวใหม่ ไม่ถือดหรอก"เมฟลุยตอบด้วยเสียงหน้าหมั่นไส้ "อ้อ ชั้นก็ลืมไปว่าสโนเบิร์กคงจะไม่ได้สอน
การมีกาลเทสะอะไรมาก"คำพูดนั้นเจ็บไปถึงหัวใจของเด็กสาวตรงหน้า "พอเสียที" แทนที่จะเป็นเจ้าหญิง
แห่งไอศซี่ปิดบท แต่กลับกลายเป็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งสโนเฟลค สร้างความคับแค้นให้กับเจ้าหญิงแห่งไวท์
โรสเป็นอย่างยิ่ง"มาเริ่มติวกันดีกว่า โลกของเราแบ่งเป็น 4 ทวีป คือเซฟีล่า ซึ่งเป็นที่อยู่ของมนุษย์ สโนเบิร์ก
เป็นที่อาศัยของมนุษย์และภูตต่าง ๆ ตูนทาวน์ เป็นที่อาศัยของเหล่าตัวการ์ตูน และสุดท้าย โอติก้า เป็น
มหาสมุทร และเป็นแหล่งอาศัยของบรรดาชาวเงือก"เค็นดิวอธิบายไปเรื่อย ๆ "ใคร ๆ ก็รู้ว่าโลกเราแบ่งเป็น 4
ทวีป คงไม่แบ่งเป็น 6 ทวีปหรอก พูดซ้ำซากอยู่ได้ ประสาท" โรริน่าเอ่ยหลังจากเค็นดิวพูดจบ เจ้าชายตรงหน้า
เพียงส่งไอเวทย์เย็น ๆ มาให้ และส่งสายตาดุ ๆ ไปปรามเพื่อนพ้องที่กลั้นหัวเราะแทบไม่อยู๋ "เฮ่ย นั่นมันนัก
ดาบชื่อดังของไวท์โรส ไปคุยด้วยดีกว่า"โรริน่าคุยกับวาเนซ่าแบบจงใจให้คนทั้งโต๊ะได้ยิน ก็แหม นักดาบ
แห่งไวท์โรสอยู่ Diamond นี่ ไม่เล่นงานนี้จะไปเล่นงานไหน โอกาสมาทั้งที แถมเธอยังรู้จักด้วย
"ท่านโรนอล"โรริน่าทำเสียงหวานพลางกระตุกแขนเสื้อนักดาบตรงหน้าเบา ๆ "อ้าว องค์หญิง"ชายหนุ่มหัน
หน้ามาหาอย่างตกใจ "ข้าน่าตกใจนักหรอ"โรริน่าเบ้ปาก ทำให้คนตรงหน้าต้องยิ้มให้อย่างเอ็นดู เขารู้จักเจ้า
หญิงองค์นี้มาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ พ่อของเขารรับราชกาลเป็นขุนนางในวังไวท์โรส แท้จริงแล้วพ่อของเขาเป็นผู้.
สนับสนุนเจ้าหญิงองค์นี้ให้เป็นรัชทายาท แม้จะมีหลายฝ่ายคัดค้าน พ่อบอกว่าเจ้าหญิงองค์นี้มีอะไรพิเศษ
ไม่เหมือนใคร เขาไม่เคยเชื่อพ่อเลย จนกระทั่งวันที่องค์หญิงตรงหน้าช่วยเค้าให้รอดพ้นจากความตายขณะ
เขาทำสงครามกับข้าศึก เมื่อ 6 ปีก่อน ตอนนั้นเขาอายุเพียง 11 ขวบเท่านั้น เขากะว่าหากเรียนจบ เขาจะ
กลับไปรับใช้เจ้าหญิงองค์นี้ "ข้าอยากให้ท่านติวหนังสือให้"โรริน่าทำเสียงออดอ้อน"นะ ท่านโรนอล"เธอ
เขย่าแขนของเขา เฉกเช่นวัยเด็ก "ทรงอยากให้กระหม่อมติว...."เขายังไม่ทันที่จะพูดจบ โรริน่าก็ใช้นิ้วแตะที่
ริมฝีปากของเขาเสียแล้ว "ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าใช้คำประเภทนั้นกับข้า"เธอแหวใส่ จนเขาต้องยิ้มเจื่อน
"ท่านต้องการให้ข้าติววิชาอะไรให้ล่ะ"เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "ดาบ กับการคลัง"เธอตอบห้วน ๆ "ได้ งั้น
เราเจอกันทุกวันจันทร์ ท่านเห็นสมควรหรือไม่"เขาถามเรียบ ๆ ก่อนเจ้าหญิงตรงหน้าจะยิ้มให้อย่างพอใจ
เธอไม่รู้หรอกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเธออย่างไม่พอใจ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกหงุด
หงิดเมื่อเห็นเด็กวุ่นวายตรงหน้า ทำท่าสนิทรสนมกับชายอื่น เขาเสยผมครั้งหนึ่ง"พี่ว่าวันนี้พอแค่นี้ดีกว่า พี่มี
ธุระ"สิ้นเสียงเขาก็เดินออกจากห้องสมุดไป ท่ามกลางสายตางงงวย ของเพื่อน ๆและรุ่นน้อง
"โรริจัง ไอ้เค็นดิวมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่กลับจากมหาลัยก็ขึ้นไปขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานของอัศวิน
ทำหน้าบอกบุญไม่รับ พอคุยกับมัน มันก็แค่พยักหน้าแล้วก็ทำงานต่อ ยังกับไปกินรังแตนงั้นแหละ"เฟร็นส์
เดินบ่นลงมาจากบันไดชั้นสาม ก็เขาเป็นอัศวินคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ที่ห้องสมุด "จริงหรอคะ งั้นต้องไปดูซะ
หน่อย"โรริน่าตอบรับพร้อมยิ้มร่า ก่อนจะวิ่งขึ้นบันใดไปอย่างรวดเร็ว
"ทำอะไรน่ะ"เธอเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานตัวแรกพร้อมชะโงกหน้าและถามเสียงใส
"แน่ะ ถามแล้วก็ไม่ตอบ มันเสียมารยาทรู้ไหม"เธอสั่งสอนคนตรงหน้าอย่างสนุกสนาน
"นี่อธิบายการบ้านข้อนี้หน่อยสิ วิธีปรุงยาล่องหนทำยังไง" โรริน่าทำเสียงออดอ้อน
"ทำไมไม่ให้นักดาบคนเก่งอธิบายให้ล่ะ มาถามพี่ทำไม"เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา โรริน่าทำจมูกฟุดฟิด
อย่างไม่สบอารมณ์ "ก็เพิ่งมาทำนี่ ไม่งั้นให้เค้าอธิบายตั้งนานแล้ว"เธอตอบพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างไว้ตัว คำ
ตอบของเธอยิ่งทำให้เจ้าชายตรงหน้าโมโหจนต้องนับหนึ่งถึงร้อย "อุ้ย...แจกันดอกไม้ สวยจัง"โรริน่าเบี่ยง
เบนความสนใจไปยังแจกันลายสวยรูปหัวใจที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างเหมาะเจาะ "Happy Valentine from
Mediza แหม รักกันจริงนะขนาดของขวัญวาเลนทายปีก่อนยังเก็บไว้เลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ "โรริน่าหัวเราะชอบใจ
จนไม่ได้สนใจไอเวทย์เย็น ๆ ที่เจ้าชายรูปงามส่งมาให้"เอาคืนมา"เสียงดุมาพร้อมมือใหญ่ที่คว้าแจกันจากมือ
เล็ก แต่เธอก็ยังไวพอที่จะแย่งมันกลับมา เพล้ง! เสียงแจกันใบน้อยหลุดจากมือเล็กตกลงกระแทกกับพื้น
อย่างแรง มันแตกกระจายไปทั่วห้อง หลังเซี่ยววินาทีนั้น ทั้งห้องเงียบกริบ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมายัง
เธออย่างเปิดเผย "ขอโทษ"เสียงแผ่วเบาจากเด็กสาวตรงหน้า ทำให้ความหงุดหงิดที่มีอยู่แล้วเพิ่มมากขึ้น เขา
โบกคทาก่อนเศษแจกันจะหายวับไปในบัดดล เขานั่งลงทำงานต่อโดยไม่ใส่ใจเด็กสาวผมสีน้ำตาล "ขอโทษ"
โรริน่าพูดซ้ำพร้อมหันหน้าหนีเสียงตะคอก "ไปไหนก็ไป จะทำงาน" เขาพูดพลางกอดอก "โรริน่าไม่ได้
ตั้งใจ"เธอทำใจดีสู้เสือหันกลับมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง "พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกให้ไปซะ"เขายังคงไม่รับคำ
ขอโทษจากเธอ "เดี๋ยวจะซื้อมาคืนให้"โรริน่าหาทางออก"แล้วมันเหมือนกันไหม"เขาถามอย่างเย็นชา เมื่อ
เห็นเด็กสาวเงียบไป เขาจึงพูดต่อ"ถ้าไม่ไป ผมจะไปเอง" โรริน่าสะอึกกับสรรพนามใหม่ที่เจ้าชายตรงหน้า
ใช้ ผม งั้นหรอ? แล้วคำว่าพี่หายไปไหน เค็นดิวหอบเอกสารไว้ในมือ ก่อนจะก้าวยาว ๆ ออกจากห้องไป เจ้า
ของนัยน์ตาสีเขียวเหลียวมอง ก่อนจะวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ "ก็ขอโทษแล้วไง บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ" เสียงที่
เธอตะโกน ไม่ได้ทำให้เจ้าของผมสีบลอนหยุดก้าวเลยแม้แต่น้อย มันกลับยิ่งทำให้เขาเดินเร็วขึ้นอีกด้วยซ้ำ
แล้วเธอก็ต้องมาหยุดยืนที่หน้าห้องพักของรุ่นพี่ปีสาม พร้อมกับเสียงปิดประตูที่ดังใส่หน้า
เขาไม่รู้ว่าเขาโกรธเธอเพราะอะไร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำดูถูกของเด็กสาว หรือการที่เจ้าหญิงทำสนิทรสนม
กับนักดาบนั่นจนออกหน้าออกตา ราชินีแห่งไวท์โรสได้ฝากฝังเธอกับเขา ไม่ใช่นักดาบนั่น เขาพยายามหาข้อ
แก้ตัวให้กับความโกรธ โดยไม่ได้สังเกตเห็นดวงตาอีกสองคู่ที่จ้องมองเขาอย่างงุนงง
"วิ่งหนีอะไรมาวะ ไอ้เพื่อนยาก" กริซแซวถามตามต้นฉบับ
"เปล่า" เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะโยนเอกสารลงบนโต๊ะ และเอนตัวนอนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
"แหม นาน ๆ จะได้เห็นแกหน้าตื่น วิ่งเข้าห้องมา ชั้นก็อยากรู้ว่าอะไรหนอ ทำให้เจ้าชายแห่งสโนเฟลคเป็น
แบบนี้ได้" กริซยังแซวไม่เลิก โดยมีเฟร็นส์เป็นลูกคู่ แล้วนัยน์ตาทั้งสามคู่ก็ต้องหันไปจ้องมองที่ประตูเมื่อได้
ยินเสียงเคาะเบา ๆ "ใครวะ" เฟร็นส์ถามอย่างแปลกใจ"ไม่น่าใช่ฟาโร เพราะปกติมันไม่เคยรู้จักคำว่า
มารยาท"เฟร็นส์ออกความเห็น
"ไม่ทราบว่ามาพบใครครับ คุณน้อง"บานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มเปิดออกกพร้อมเสี้ยวหน้าของหนึ่งใน
อัศวินแห่ง Pearl "พี่ก็น่าจะรู้นี่"โรริน่าตอบเป็นนัย เฟร็นส์พยักหน้า ก่อนจะตะโกนเรียกเพื่อนร่วมห้อง
เค็นดิวลุกนั่งก่อนจะตอบเรียบ ๆ"บอกไปว่าชั้นไม่อยู่"กริซหันมามองหน้าอย่างขอเหตุผล "นายจะไม่ถาม
เรอะว่าใคร"เฟร็นส์กล่าวตอบขณะที่ประตูยังเปิดกว้าง"น้องรหัสนายไง"เฟร็นส์เฉลย "ไม่มีอะไรต้องคุย
กันนิ"เขาตอบกลับพลางเชิดหน้า ก่อนจะหันกลับมามองที่ประตูเมื่อเสียงกร้าว ๆ ของเด็กสาวดังเข้ามาใน
ห้อง "จะออกมาดี ๆ หรือจะให้ช่วย"เขายังทำเป็นไม่สนใจกับเสียงนั้น จนลมสีขาวที่มีพลังเวทย์สูงพุ่งตรงมา
ยังเขาพร้อมกับเสียงหัวเราะใส ๆ กระแสลมนั้นเร็วและแรงจนเขาตั้งตัวไม่ติด เขากระแทกลงกับพื้นหน้า
ห้องและทรุดลงกองกับพื้นพร้อมกับที่เพื่อนทรพีปิดประตูห้องใส่ "สมน้ำหน้า"เสียงเย้ยหยันจากเด็กสาวทำ
ให้เขาหงุดหงิด "ลุกขึ้นสิ"เสียงเล็ก ๆ ยังตอแยไม่เลิก เขาส่งตายตาดุ ๆ ไปให้แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย
มีเพียงนัยน์ตาสีเขียวโตมองมาที่เขาอย่างไร้เดียงสา "ลุกขึ้นเร็วเข้า"เธอยังคงออกคำสั่ง ใช่ว่าเขาไม่อยากลุก
การที่เจ้าชายมานอนหมอบอยู่ตรงหน้าเจ้าหญิงต่างแดน สำหรับเขามันช่างไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี แต่เขาจุก จนไม่มี
แรงจะต่อว่าอีกฝ่าย "ไง ลุกไม่ขึ้นเรอะ"คำสบปรามาสของเด็กสาวทำให้เขาฝืนใจลุกขึ้น แม้จะเจ็บก็ตาม"เล่น
อะไรไม่รู้จักคิด"เขาสวนกลับทันทีเมื่อลุกขึ้นได้ แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อร่างของเด็กสาวพุ่งตรงมายัง
เขา ก่อนจะกอดตัวเขาไว้แน่น ร่างเล็กสั่นสะท้านมาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ "ไม่ว่าแล้ว ให้อภัยก็ได้" เขารีบ
พูด หากแต่คิ้วหนาต้องขมวดเข้าหากัน เมื่อเสียงหัวเราะกวน ๆ ดังมาจากเด็กสาวที่กอดเขาไว้แน่น
ความคิดเห็น