ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #103 : บทที่เก้าสิบห้า -- Freshy night ปี 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.39K
      3
      13 มี.ค. 55

    บทที่เก้าสิบห้า


       
    ร่างเพรียวถือของกินเดินแทรกผ่านผู้คนมานั่งที่เก้าอี้พักสำหรับสตาฟบริเวณด้านข้างของงานแทน นั่งกินเพลินๆพลางดูคนในงานสักพัก ตัวต้นเหตุของเรื่องก็เดินเข้ามาหา

    “ มานั่งอยู่ที่นี่เอง เดินไวเหมือนกันนะเรา ”

    “ พี่สนตามมาทำไม ? ”  เขาทำหน้าบูด จิ้มไส้กรอกกิน พยายามไม่สนใจ

    ร่างสูงนั่งลงด้านข้าง “ เอ้า ถามแปลก ก็มาตามหาแฟนไง ปล่อยให้อยู่ห่างตัวไม่ได้ เดี๋ยวคนมาจีบเอา...ไม่ได้ๆ ”

    “ คิดเองทั้งนั้น ไม่มีใครมาจีบสักหน่อย ”

    ฝ่ายนั้นยิ้มเหลือบตาคมหันมามอง...โธ่ พี่สน ! อย่ามายิ้มแบบนี้ได้ไหม เห็นแล้วมันจะใจละลาย

    “ อืมๆ ไม่มีใครมาจีบ ก็ไม่มี ”

    “ ไม่ต้องมามองแบบนี้เลยนะ ”  ก็ตอนนี้รุ่นพี่ ยิ้มหวานมองมาทางเขาไม่หยุดเลยน่ะสิ

    “ ขำคนน่ารักไง...น่ารักแล้วยังไม่รู้เรื่องอะไรอีก ”

    ฟังแล้วเหมือนจะถูกชม แต่ก็เหมือนจะถูกว่าในเวลาเดียวกัน 

    “ เอ๊ะ ! หมายความว่าไงอ่ะพี่สน ? ”

    ยังไม่ทันได้พูดต่อ ฝ่ายนั้นก็หยิบข้าวเกรียบแผ่นใหญ่ใส่ปากของเขาทันที แล้วยังหัวเราะร่วนอีกต่างหาก จากที่กำลังงงอยู่...เขาเลยรีบหยิบข้าวเกรียบแผ่นใหญ่กว่ายัดปากอีกฝ่ายเหมือนกัน ฮึ ! หัวเราะดีนัก  เราต่างฝ่ายต่างหัวเราะกัน เขาจึงหยิบไส้กรอกแถมให้อีกอันไป สมน้ำหน้า แล้วฝ่ายนั้นก็เคี้ยวตุ้ยจนเต็มปากเลยน่ะสิ

    “ ฮ่ะ ๆ ๆ ”

    ไม่ทันได้สังเกตว่าเสียงเพลงบนเวทีได้หยุดไปนานแล้ว และวงต่อไปก็กำลังเตรียมตัวอยู่บนเวที ขาดก็แต่...มือกีตาร์ของวงเท่านั้น

    “ ฮัลโหล ๆ เทส ๆ ” เสียงคุ้นเคยลอยผ่านหูไป เขาไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไรนัก

    “ เอ่อ...ขอเชิญมือกีตาร์ของวงปีสี่ขึ้นบนเวทีด้วยนะครับ...มึงจะสวีทกับแฟนไปถึงไหนครับ...กูเห็นแล้วอิจฉาครับ ”

    ได้ยินดังนั้นแล้วเขาก็ต้องชะงักมือ รีบหันไปมองบนเวทีทันที คาดไม่ผิดจริงๆ เพราะคนที่ยืนเด่นเป็นสง่าจับไมค์เรียกเสียงกรี๊ดอยู่กลางเวที นั่นคือ...พี่เก่ง นักร้องนำของวง และทุกคนในวงก็พร้อมกันบนเวทีหมดแล้ว เหลือก็แต่...พี่สนเท่านั้น

    สายตาคนหลายคู่รวมถึงนักดนตรีต่างมองมาที่พวกเขา บางคนก็อมยิ้ม บางคนก็แปลกใจมองอย่างสงสัยเพราะน้องปีหนึ่งคงยังไม่รู้เรื่องนี้

    โอยย...อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ซะจริงๆ

    “ อ้าว...ประกาศออกสื่อแบบนี้ก็มันส์สิครับพี่น้อง ”  รุ่นพี่บ่นกับตัวเองก่อนที่จะหันหน้ามาบอก

    “ พี่ไปเล่นดนตรีก่อนนะครับ ที่รักนั่งให้กำลังใจพี่อยู่ตรงนี้นะ ห้ามไปไหน พี่ต้องมองเห็นตลอดด้วย รู้ป่าว ? ”
    ไม่วายที่จะหันมาชี้นิ้วสั่งซะยืดยาว เขาได้แต่พยักหน้าเร็วๆกลับไป ผลักอีกคนให้รีบลุกออกไปสักที คนหันมามองเต็มเลย อายนะเนี่ย !!

    ‘ วี้ดดดด วิ้วววววว !!! ’ เสียงโห่ร้องแซวพอเป็นพิธีให้รุ่นพี่ที่กำลังเดินขึ้นบนเวที ฝ่ายนั้นมีรอยยิ้มฉายบนใบหน้า หยิบกีตาร์ขึ้นมาปรับเสียงอย่างชำนาญ กระซิบกระซาบกับนักร้องสักเล็กน้อย ก่อนที่ดนตรีสุดมันส์จะเริ่มต้นขึ้น

    วันนี้รุ่นพี่แต่งตัวมาค่อนข้างธรรมดา แค่เสื้อยืดคอวีสีขาว กางเกงยีนส์สีซีดขาดประปรายเซอร์พอเป็นพิธี รองเท้าผ้าใบคู่โปรด สร้อยเงินประดับที่ข้อมือสักเล็กน้อย เพียงแค่นี้ก็ทำให้ดูดีเสียจนละสายตาไม่ได้ แล้วยิ่งถือกีตาร์สีดำสีตัดกันตัวนั้นอีกล่ะ

    ถึงแม้ว่าบนเวทีจะประกอบด้วยนักดนตรีหลายคน แต่สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่คนเพียงคนเดียวเท่านั้น...เพราะนิ้วแกร่งกำลังโชว์โซโล่กีตาร์ให้พริ้วไหวตามอารมณ์ในท่อนสำคัญของเพลง ท่าทางสุดเท่นั้นทำให้ต้องมนต์สะกดได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าถ้ากะพริบตาเพียงแค่ครั้งเดียวเขาอาจจะพลาดฉากสำคัญไป

    ตึก ตัก...ตึก ตัก...ตึก ตัก  !!

    มือแกร่งนั้น...ไหล่กว้างนั้น...ลำคอนั้น...ดวงหน้า...ริมฝีปากนุ่ม...จมูกที่ชอบมาคลอเคลียอยู่เป็นประจำ

    อ้ากกกก...นี่เขาเป็นคนโรคจิตหรือเปล่าเนี่ย ?! แค่มองพี่สนก็จินตนาการถึงเรื่องลึกซึ้งระหว่างเราไปได้ ร่างเพรียวสะบัดหัวสองสามครั้งไล่ความฟุ้งซ่านออกไป  ไม่ไหวๆ แล้วร่างกายก็รู้สึกถึงลำคอแห้งผาก...คิดได้ดังนั้นก็เดินออกไปหาน้ำกินดีกว่า

    เขาจึงละสายตาจากคนรักบนเวทีชั่วคราว ไม่อย่างนั้นสมองจะคิดเตลิดไปมากกว่านี้ ลุกออกเดินผ่านฝูงชนเป้าหมายคือโซนอาหารบริเวณด้านข้างห้องโถงอีกฝั่งทันที จะว่าไปเขามางานนี้ก็มากินอย่างเดียวเลยนะเนี่ย ฮ่ะ ๆ  ถือน้ำหวานมาได้สองแก้วก็ตั้งใจจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม แต่แล้ว...กลับเห็นบางคนเข้าเสียก่อน

    “ อ้าว น้องแมท ! ” เขาทักออกไป แต่ฝ่ายนั้นเหมือนสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยเห็นหน้ามันเป็นแบบนี้มาก่อนเลยแฮะ ปกติเห็นเฮฮาร่าเริงออกจะตายไป

    “ กินอะไรหรือยังเนี่ย ? รีบหาอะไรกินนะ เดี๋ยวช่วงต่อไปเขาก็จะเริ่มประกวดหนุ่มหล่อ-สาวสวยกันแล้ว เตรียมตัวไว้นะ เดี๋ยวจะไม่ทัน ”  เขายิ้มบอก มือก็ประคองแก้วน้ำทั้งสองไปด้วย เพราะเอามาซะล้นเลย หวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าจะหกมั้ยเนี่ย ?

    ฝ่ายนั้นส่ายหน้าเป็นคำตอบ พลางส่งสายตาอ้อน  “ ผมนั่งกินกับพี่ณัฐได้มั้ยครับ ? ”

    เขาแอบอมยิ้ม  “ เอ้า...เอาสิ งั้นก็ตักอาหารมา มานั่งกินด้วยกัน งั้นเดินตามมานะ ”  เขาบอกแล้วออกเดินต่อทันที ยืนนานไม่ได้เดี๋ยวคนมาชนแล้วน้ำจะหกเอา

    เห็นแต่มันยิ้มกว้าง แล้วรีบไปตักอาหารทันที 

    “ ครับๆ เดี๋ยวผมตามไปนะ ”

    นั่งด้วยกันที่ตำแหน่งเดิม แต่คนด้านข้างกลายเป็นน้องแมทแทน

    “ พวกพี่เลือกอาหารกันได้อร่อยมั้ย ? ”  อันที่จริงคนเลือกก็ไม่ใช่ฝีมือของเขาหรอก แต่เป็นสตาฟฝ่ายอาหารเพื่อนเขานั่นแหละ ถามเผื่อเพื่อนสักหน่อย

    “ อื้มม อร่อยครับ แต่ผมว่าค็อกเทลแบบนี้ มันสวยงาม หรูหราก็จริง แต่กินไม่ค่อยอิ่มนะพี่ ผมว่าเป็นกับข้าวหลายๆถาดกันไปเลย เอาข้าวสวยมาด้วย อิ่มดี ”

    เออ จะว่าไป น้องมันก็พูดถูกนะ เหมือนได้กินแค่คำสองคำ พอกลับไปดูอีกทีว่าจะตักใหม่ ก็ใกล้จะหมดแล้วซะงั้น อืมม...แล้วจะเอาข้อมูลนี้ไปบอกเพื่อนฝ่ายอาหารทีหลังละกันนะ

    “ พี่ณัฐ ? ” คนด้านข้างเรียก

    “ หือ ? ”

    “ ถ้าผมได้ประกวดจริง พี่ณัฐจะอยู่เชียร์ผมมั้ย ? ”

    เห็นทำหน้าตาจริงจัง นึกว่าเรื่องอะไร ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง

    “ เห้ย ก็ต้องเชียร์ดิ ไม่ให้เชียร์น้องรหัสตัวเองจะให้เชียร์ใคร ”

    ฝ่ายนั้นเผยยิ้มเล็กน้อย  “ สัญญาแล้วนะ ห้ามผิดคำพูดด้วย ”

    “ เออดิ ”

    แล้วมันก็ก้มหน้ากินอาหารต่อ

    “ ทำไม ? หรือว่าอยากได้ป้ายไฟเชียร์ด้วย เอามั้ย ๆ ”  เขาแกล้งแซวเล่น

    “ ถ้าได้แบบนั้นก็เยี่ยมเลยพี่ !! ” ไอ้น้องรหัสยิ้มกว้าง เห็นแล้วมันทนไม่ได้

    นี่แน่ะ ! เขาเลยตบเหม่งมันไปหนึ่งที...ข้อหาทำให้หมั่นไส้

    “ โอ้ยย ! พี่ณัฐอ่ะ ”

    “ สมน้ำหน้า ”

    ฝ่ายนั้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ แต่กลับยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเหมือนปกติที่มันเคยเป็น อืมม...กลับมาเป็นแบบเดิมค่อยดีหน่อย เห็นหน้าหงอยๆแล้วใจคอไม่ดี

    มัวแต่คุยกับน้องรหัสจนเพลิน หันไปอีกที อ้าว ?...วงดนตรีหายไปจากเวทีแล้ว พี่สนก็ด้วย สงสัยเล่นเสร็จแล้วมั้ง เขาชะเง้อคอมองสักพัก แล้วเดินไปไหนกันล่ะเนี่ย ? และความโดดเด่นของรุ่นพี่ก็ทำให้มองเห็นได้ไม่ยาก เพราะเห็นอีกฝ่ายกำลังคุยกับรุ่นพี่วงดนตรีอีกวงที่ข้างเวทีก่อนที่จะเดินเบียดผู้คนตรงมาทางนี้ ระหว่างนั้นยังมีการทักทายคนรู้จักมาตลอดทางอีกแน่ะ ไม่วายที่เขาจะแอบเห็นสายตาของน้องปีหนึ่งบางคนที่มองด้วยความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด  อืมม...ยังฮ๊อต เหมือนเดิม
    แต่เอ๊ะ ! ทำไมพอเดินใกล้เข้ามาถึงเห็นว่า...หน้าบูดขนาดนั้นล่ะเนี่ย ? ไปโกรธใครมาเหรอ ?

    “ พี่ณัฐ...ผมไปก่อนนะครับ พอดีเพื่อนเรียกทางนั้นอ่ะ ” น้องแมทมาสะกิดแขนเบาๆ เขาได้แต่พยักหน้าตอบกลับไป

    “ แล้ว...อย่าลืมสัญญานะ ”

    “ อ๋อ อืมมๆ ”

    น้องแมทลุกเดินออกไป พร้อมกับที่รุ่นพี่เดินมาถึงพอดี สายตาคมมองตามฝ่ายนั้นไม่ลดละ

    “ ไปไหนล่ะ ? ทำไมไม่นั่งด้วยกัน ”

    พี่สนทิ้งร่างนั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงเก้าอี้ แล้วแย่งแก้วน้ำหวานจากมือของเขาไปกินทันที

    เขามองแบบงงๆ  “ น้องมันไปหาเพื่อนน่ะ ”

    ร่างสูงส่งเสียงแค่นจมูก  “ ฮึ ? นึกว่าจะแน่ ” 

    “ อะไร ? พี่สนไปโกรธกับใครมาเนี่ย ! หน้าบูดเป็นตูดเป็ดไปได้ ”

    สายตาคมหันมามองเขาช้าๆ  “ นี่ไม่รู้จริงๆเหรอ...ว่าพี่เป็นอะไร ? ”

    ไม่พูดเปล่า ยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกแน่ะ นี่มันในงานเลี้ยงนะ ? อายคนอื่นเขาบ้างเถอะ รู้สึกใบหน้าของตัวเองร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที

    “ ณัฐจะไปรู้เหรอ ? ” มือบางค่อยๆดันหน้าอีกฝ่ายออก

    “ เมื่อกี้ ใครก็ไม่รู้...หายไป พอกลับมาอีกที ดันพาคนอื่นมานั่งตรงนี้ด้วย ”

    รู้ได้เลย ว่าพี่สนหมายถึงเรื่องอะไร ?

    “ ก็...ณัฐแค่ไปหาน้ำมากินแป๊บเดียวเอง แล้วก็...เดินสวนกับน้องแมทพอดี น้องมันขอมานั่งกินด้วย แค่นั้นเอง ”  เขารีบบอกความจริง

    แต่รุ่นพี่ก็ยังคงเงียบ หยิบน้ำหวานแก้วที่สองมากินต่อ

    “ พี่สนอ่ะ...โกรธเหรอ ? ”

    “ ........................... ” ไม่ตอบ

    “ เมื่อกี้ บนเวทีอ่ะ แฟนใครก็ไม่รู้เล่นกีตาร์เท่มากเลย ! โคตรเก่งเลยอ่ะ ”  ประสานมือทั้งสองข้างพร้อมกับยิ้มกว้างทำตาปริบๆ

    “ ............................ ” ไม่ได้ผล

    มือเรียวบางจับไปที่ต้นขาอีกฝ่าย ค่อยๆออกแรงนวดเบาๆ

    “ พี่สน ไม่งอนนะ ๆ ๆ เค้าหายไปแป๊บเดียวเอง ไปเอาน้ำมาให้พี่สนกินด้วยน่ะแหละ นี่ง้อเต็มที่แล้วนะเนี่ย ไม่เอามากกว่านี้แล้วนะ ”

    เห็นแต่ฝ่ายนั้นนั่งก้มหน้าไหล่สั่นๆ สังเกตดีๆพึ่งรู้ว่ากำลังหัวเราะอยู่  เขาจึงเปลี่ยนจากนวดขา เป็นหยิกที่แขนทันที   โอ๊ยย !!

    “ พี่สนบ้า นี่แกล้งณัฐเหรอ ? ”

    “ ไม่ได้แกล้งสักหน่อย...งอนจริง ”

    “ แล้วเมื่อกี้หัวเราะทำไม ? ”

    “ ก็...ณัฐง้อน่ารักนี่นา ” ไม่พูดเปล่ายังทำตาเยิ้มใส่ด้วย เดี๋ยวเอานิ้วจิ้มตาซะเลยนี่ กำลังจะง้างมือออกไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายคว้าข้อมือเข้าเสียก่อน

    ‘หมับ’ ใบหน้าอีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ...แต่ลืมไปว่าโลกนี้ไม่ได้มีเราแค่สองคน


    “ อะแฮ่ม ๆ ๆ !!! ”


    ได้ยินเสียงใครสักคนกระแอมแอยู่ใกล้ๆบริเวณด้านหลังรุ่นพี่ เขาเอี้ยวตัวไปมองพร้อมพี่สน แต่ฝ่ายนั้นก็ยังไม่ปล่อยมือเขาออกอยู่ดี  เห็นกลุ่มเพื่อนรุ่นพี่ ทั้งพี่กฤต พี่นนท์ พี่เม้ง พี่ปอร์เช่ ขาดก็แต่พี่โต้งกับพี่ฉัตรเท่านั้น และพี่เก่งก็พึ่งจะเดินตามมาสมทบทีหลัง

    “ พวกกูมาขัดจังหวะพลอดรักมึงรึเปล่าวะเนี่ย  !? ” พี่กฤตยิ้มกรุ้มกริ่มถาม  จนเขาทำหน้าไม่ถูกแล้วเนี่ย

    “ เฮ้ยยย !! พวกมึงก็มาเหมือนกันเหรอวะ ? ทำไมเมื่อกี้ตอนกูอยู่บนเวทีแล้วมองไม่เห็น ” พี่สนเอ่ยทักเพื่อนด้วยความดีใจ

    “ แม่งง ใช่สิ ! มึงก็มองแต่แฟนมึงนิ ” พี่ปอร์เช่แกล้งงอน

    “ โห ไอ้นี่ ! ไม่ต้องมาแซวกู ได้ข่าวว่ามีแฟนใหม่แล้ว ไม่เล่าให้กูฟังบ้าง เป็นไงบ้างว้า ? ”  รุ่นพี่แซว กลับทันที ฝ่ายนั้นก็ยิ้มมุมปาก ยักไหล่ประมาณว่า...ระดับนี้แล้วอ่ะนะ

    เป็นธรรมดาที่รุ่นพี่จะทักกันราวกับไม่ได้เจอหน้ากันมานาน นั่นเป็นเพราะว่า พอขึ้นชั้นปีสี่แล้ว ต่างคนก็อยู่คนละบล็อก ไม่ได้เรียนด้วยกันแล้ว นานๆถึงจะเจอกันที หรือไม่ก็ต้องนัดเจอกันนอกเวลาอย่างนี้แหละถึงจะมีโอกาสได้รวมตัวกันแบบนี้

    “ อ้าว แล้วนี่ไอ้โต้งกับไอ้ฉัตรล่ะ ? ” อืมม...เขาเองก็ไม่เห็นเหมือนกันแฮะ

    “ มันอยู่เวร แลกเวรมาไม่ได้ ก็เลยสมน้ำหน้ามันไปแล้วแหละ ฮ่ะ ๆ ”  พี่นนท์ตอบ

    “ น้องณัฐ...หวัดดีครับ ” พี่กฤตเอ่ยทักเขาก่อน หลังจากทักทายกับพี่สนไปแล้ว รุ่นพี่คนอื่นจึงหันมาให้ความสนใจเขาบ้าง

    “ หวัดดีครับ พี่ๆ ”  เขายิ้มกว้างตอบ

    “ น้องณัฐ ไปทำอะไรมาเนี่ย !! น่ารักขึ้นค่อดๆเลยอ่า ”  พี่เม้งทักสำเนียงแปลก ยิ้มหน้าระรื่นย้ายร่างมานั่งข้างๆเขาทันที ไม่พูดเปล่ายังยื่นมือมาขอจับมืออีกต่างหาก

    “ ไอ้เม้ง  มองเฉยๆ ไม่ต้องจับ ”  พี่สนปัดมือเพื่อนออกทันที

    “ ไอ้นี่  แค่นี้ก็หวง !  แฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนกูนั่นแหละ ”

    “ ไอ้เชี่ย ! คติอะไรของมึงเนี่ย ? แฟนกูก็แฟนกูเว้ย ไม่เกี่ยว ”

    “ ใช่ซี้...เดี๋ยวนี้เค้าออกสื่อ เมื่อกี้ไอ้เฮี้ยเก่งก็แกล้งประกาศออกไมค์ซะด้วย สงสัยจะยิ่งถูกใจมึงเลยล่ะสิ ” เห็นแต่พี่เก่งยักคิ้วให้พี่เม้ง...นี่แกล้งพี่สนงั้นเหรอ ?

    เขาหันไปทางรุ่นพี่แล้วก็ต้องประหลาดใจ เพราะเห็นพี่สนยิ้มเขิน...สาบานได้ว่า ‘ยิ้มเขิน’ จริงๆ เขารีบบันทึกภาพนั้นไว้ในความทรงจำโดยเร็ว เพราะไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก โอ้...น่าเหลือเชื่อ

    “ แล้วนี่อะไร พวกมึงมารวมตัวกันได้เนี่ย ! ” พี่สนรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

    “ เออ นี่แหละ ว่าจะมาชวนมึงไปด้วย ไปร้านอาเฮียหลังมอกัน เราไม่ได้กินกันนานแล้วนะเว้ย ”  พี่กฤตชวน

    “ เฮ้ยยยย... ” เห็นรอยยิ้มฉายบนใบหน้ารุ่นพี่ ดูก็รู้ว่าอยากไปมาก แล้วฝ่ายนั้นก็หันมาทางเขาแกล้งตีหน้าซื่อ

    “ ที่รักให้พี่ไปหรือเปล่าครับ ? ” เท่านั้นแหละ

    “ อ้วกกกก แหวะ !! ” เสียงของกลุ่มเพื่อนพี่สนนั่นเอง

    “ อ้าว ไม่เจอกันแป๊บเดียว นี่ท้องกันแล้วเหรอเนี่ย ? ให้กูทายนี่คงท้องไม่มีพ่อด้วยล่ะสิ ”

    “ ไอ้เชี่ยสน !! เลิกเล่นได้แล้ว เอางี้กูถามน้องณัฐให้เอง ” พี่เม้งบอก

    “ น้องณัฐไปด้วยกันมั๊ยครับ ? ปล่อยไอ้สนทิ้งไว้นี่แหละ มันปากหมา ”  ได้ยินแต่เสียงคนด้านข้างสบถด่าเพื่อนเบาๆ

    “ คือ พวกพี่ไปกันเถอะครับ ณัฐว่าจะอยู่ดูต่อ ”

    “ อ้าว ? ” คราวนี้เป็นเสียงทุ้มของคนด้านข้างแทน  “ ยังจะอยู่ต่ออีกเหรอ ? ไม่มีอะไรแล้วนี่นา ”

    “ ก็ณัฐอยากดูประกวดหนุ่มหล่อ-สาวสวยปีนี้นี่นา ”

    “ เออใช่ กูก็อยากดูรุ่นน้องน่ารักๆเหมือนกันนะ ปีนี้ยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาเป็นไงบ้าง ? ”  พี่นนท์เสริม

    เขาหันไปมองทางเวที สังเกตว่างานก็กำลังจะเริ่มแล้วเหมือนกัน เพราะพิธีกรเสียงใสเริ่มประกาศเรียกน้องปีหนึ่งที่ได้รับคัดเลือกกันแล้ว

    “ งั้นพี่อยู่ดูด้วย ” พี่สนบอก

    “ พี่อยู่ด้วย...พี่ก็อยู่ด้วย...งั้นพี่อยู่ด้วยคน ”  ตามมาอีกประมาณสามเสียง

    “ เอ่อ สรุปงั้นดูงานนี้ก่อนละกัน เสร็จแล้วเราก็ค่อยไปพร้อมกัน ดีไหม ? ”  พี่กฤตกล่าวสรุป


    แล้วเราทุกคนก็นั่งดูงานประกวดหนุ่มหล่อ-สาวสวยด้วยกันอย่างที่เขาเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อน รุ่นพี่คนอื่นเดินไปหาของกินกันแล้ว ส่วนเขาและพี่สนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาทอดสายตามองบนเวทีดูรุ่นน้องทั้งหกคนที่ยืนทำท่าทางเก้ๆกังๆ แล้วหวนนึกถึงความรู้สึกเมื่อปีที่แล้วตอนที่เขาได้ยืนอยู่ตรงนั้น

    “ พี่สน ? รู้หรือเปล่าว่าปีที่แล้ว...ตอนณัฐยืนอยู่ตรงนั้น ณัฐตื่นเต้นมากเลย ไม่อยากจะขึ้นไปด้วยซ้ำ แต่ก็ถูกเพื่อนบังคับ ” เขายิ้ม

    “ อย่าไปโทษเพื่อนเลย พวกพี่เองนี่แหละ ที่เลือกณัฐ ”

    ร่างเพรียวตาโตมองหน้ารุ่นพี่ที่กำลังเกาคางยิ้มกรุ้มกริ่ม 

    “ ก็พวกพี่เป็นสตาฟปีสามเป็นฝ่ายเลือกคนเข้าประกวดนี่นา แต่พี่ไม่ได้เลือกนะ เพื่อนผู้หญิงเลือก แต่พี่ก็รู้ว่าณัฐอ่ะถูกเลือก ”
    เขาอมยิ้ม  “ เหรอ ? แล้วไงอีก ”  อยากฟังต่ออีก เรื่องตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่รู้จักกัน

    “ แล้ว...ณัฐก็วาดรูปไง ”

    “ แล้วพี่สนก็ขึ้นไปเป็นแบบ ” เขาเสริมให้

    “ แล้วเราก็จูบกันหลังเวที ”

    “ พี่สนเล่าลัดไปหรือเปล่า ? ”  เขาเขินอายทุบแขนฝ่ายนั้นไปหนึ่งที

       
    ร่างเพรียวหันมามองบนเวทีอีกรอบ คนที่เขาคิดว่ายังไงก็ได้เข้าประกวดอยู่แล้วกำลังยืนอยู่บนเวทีด้วย...ใช่ ! น้องแมท ก็ได้เป็นหนึ่งในหกของผู้เข้าประกวด เขาเองไม่แปลกใจเลยด้วยซ้ำเมื่อได้ยินพิธีกรประกาศเรียกชื่อน้องรหัสของเขา

    “ อ้าว...นั่นไอ้น้องรหัสณัฐนี่นา ” เสียงรุ่นพี่เอ่ยทักชี้ไปด้านบนเวที

    แล้วทำไมต้องมีคำว่า ‘ไอ้’ ด้วยล่ะเนี่ย ?
       
    “ ชื่อ น้องแมท ต่างหาก ”
       
    “ เออ นั่นแหละ ”
       
    ไม่อยากจะเถียงกับพี่สนแล้ว คนอะไร ? หึงทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเขา ทั้งเพื่อนบ้างล่ะ ทั้งคุณครูสอนศิลปะบ้างล่ะ แล้วยังน้องรหัสคนนี้อีก ไม่เว้นแม้แต่คนเดินตามท้องถนนที่บังเอิญมองมาทางเขา ถึงแม้ว่า...เรื่องครูพี่โจ พี่สนอาจจะเดาถูกสักนิดนึงก็จริง แต่น้องแมทนี่มันไม่มีอะไรเลยจริงๆนะ แค่เพราะเป็นผู้ชาย เป็นน้องรหัสและมนุษยสัมพันธ์ดีเกินไปเท่านั้นเองเหรอ ? ก็เลยทำให้พี่สนคิดมากไปเอง  เฮ้อ...

       
    ถึงคราวที่รุ่นน้องหน้าตาดีบนเวทีได้แสดงความสามารถพิเศษกันแล้ว จะเรียกว่าโชคดีหรือเปล่านะ ? เพราะน้องแมทได้แสดงเป็นคนแรกเลยน่ะสิ เขาปรบมือส่งกำลังใจเชียร์ให้น้องรหัสสักหน่อย แต่ก็ไม่วายถูกคนด้านข้างจับแขนทั้งสองข้างให้วางลงทันที แต่เขาก็ไม่สน...ก็ยกมือมาปรบต่ออยู่ดี จากที่มือของรุ่นพี่วางพาดพนักเก้าอี้ของเขาไว้ ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นกอดอกพิงเก้าอี้ตัวเองแทน
       
    พยายามไม่สนใจคนด้านข้าง สายตาจับจ้องมองขึ้นไปบนเวที เห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาอันเป็นเอกลักษณ์ของน้องรหัส ที่ตอนนี้ในมือมีกีตาร์โปร่งหนึ่งตัวและมืออีกข้างจับไมค์ไว้แน่น ท่าทางมั่นใจไม่มีการตื่นเวทีเหมือนเขาเลยสักนิด สายตาฝ่ายนั้นมองกวาดไปทั่วทุกทิศ

    “ ผมมีเพลงๆหนึ่งจะร้องครับ ”

    “ กับเพลงที่มีชื่อว่า.... Just so you know…. ”

    เสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือดังสนั่นจากสาวๆทั้งหลายทั่วทั้งห้องโถง เสียงกรี๊ดดังพอๆกับวงดนตรีของใครบางคนก่อนขึ้นแสดงซะอีก เป็นแค่ปีหนึ่ง...ไอ้น้องคนนี้มันก็เป็นที่นิยมได้ไวเหมือนกันนะเนี่ย

    เสียงดีดกีตาร์เริ่มต้นอย่างระทึกใจ คนบนเวทีดูเจิดจรัสเมื่อเริ่มเปล่งเสียง โดยเฉพาะสำเนียงภาษาอังกฤษที่ชัดเจนเพราะของแท้มาเอง นั่นยิ่งทำให้ผู้ชมปรบมือดังสนั่นยิ่งกว่าเดิม  [กดฟังเพลงเพื่อเพิ่มอรรถรสเด้อ]

    I shouldn't love you but I want to
    I just can't turn away
    I shouldn't see you but I can't move
    I can't look away

    I shouldn't love you but I want to
    I just can't turn away
    I shouldn't see you but I can't move
    I can't look away

    And I don't know how to be fine when I'm not
    'Cause I don't know how to make a feeling stop

    Just so you know
    This feeling's taking control of me
    And I can't help it
    I won't sit around, I can't let him win now

    Thought you should know
    I've tried my best to let go of you
    But I don't want to
    I just gotta say it all
    Before I go
    Just so you know

    It's getting hard to be around you
    There's so much I can't say
    Do you want me to hide the feelings
    And look the other way

    And I don't know how to be fine when I'm not
    'Cause I don't know how to make a feeling stop

    This emptiness is killing me
    And I'm wondering why I've waited so long
    Looking back I realize
    It was always there just never spoken

    พอน้องแมทร้องมาถึงท่อนนี้ ฝ่ายนั้นก็หันหน้ามามอง...ถ้าไม่คิดไปเอง เหมือนจะมองมาทาง ‘เขา’ ซะด้วยสิ และมีเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่หันมามองทางนี้

    I'm waiting here...been waiting here...

    คนบนเวทีโซโล่กีตาร์อย่างพริ้วไหวคิดว่าคงจะฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี แล้วก็ร้องเข้าท่อนฮุคอีกรอบ ฝ่ายนั้นก็หันไปมองฝูงชนหน้าเวทีและแจกจ่ายรอยยิ้มเหมือนเดิม

    Just so you know....


    พอจบเพลง ผู้ชมปรบมือและส่งเสียงกรี๊ดดังยาวนานมากกว่าทุกครั้ง จนพิธีกรต้องมาป่าวประกาศให้หยุดกันเสียที น้องรหัสของเขาดูเด่นเป็นสง่ามากกว่าเดิมเสียอีก โค้งหัวให้ผู้ชมเป็นการปิดท้าย

    ว้าวว...เป็นโชว์ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ทั้งเสียงกีตาร์ เสียงร้อง แล้วยังอารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมาอีก เพลงนี้เขาก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน เมื่อกี้ก็ฟังทันบ้างไม่ทันบ้าง ไม่ได้เข้าใจความหมายไปซะหมด แต่ก็ถือว่าน้องมันร้องและเล่นได้เพราะมากทีเดียว เฮ้อ...หนักใจแทนผู้เข้าประกวดคนอื่นจริงๆ น้องแมทมาแรงนะเนี่ย !

    ‘หมับ’ ! 

    จากที่กำลังปรบมือชื่นชมน้องรหัสอยู่ มือแกร่งของคนด้านข้างก็เข้ามาจับมือของเขาไว้ ประสานนิ้วมือทั้งห้าเข้าด้วยกัน แล้วดึงให้ลุกขึ้นยืนทันที

    “ ไปกันเถอะ ”

    “ หา ? ไปตอนนี้เลยเหรอ ยังประกวดไม่เสร็จเลย ”

    “ ไม่ดูแล้ว ”

    “ เฮ้ยพวกมึง ไปกันเถอะ ไปกินเหล้ากัน แม่ง !!! ”

    แล้วทำไมต้องมีคำสบถท้ายประโยคด้วยล่ะเนี่ย ?

       
    เพื่อนคนอื่นทำหน้างงเล็กน้อย แต่ก็ยอมลุกออกไปทั้งหมดโดยไม่มีการถามถึงเหตุผลใดๆทั้งสิ้น คาดว่าแต่ละคนก็อยากออกไปกินเหล้ากันแล้วแหละ เพียงแค่เขาอยากอยู่ต่อ พี่สนก็เลยต้องอยู่ด้วย และคนอื่นก็เลยต้องอยู่ตามเท่านั้นเอง
       
    เขามองร่างสูงด้านข้างที่กำลังเดินจูงมือเขาอยู่ ตอนนี้หน้าตาไม่ค่อบสบอารมณ์เท่าไหร่ อะไรกัน ? เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลยนี่นา อุตส่าห์ง้อจนหายงอนแล้วแท้ๆ นี่กลับมางอนใหม่อีกแล้วเหรอ ?

       
    “ พี่สน ? ”


    ฝ่ายนั้นตีหน้าขรึมหันมามอง แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ มือใหญ่ยังคงกอบกุมมือเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไปไหน

       
    ...น่ากลัวจัง...



    *****************************


    ___Talk___

    Credit : Just so you know by jesse mccartney เป็นศิลปินที่เพื่อนชอบแล้วเอามาให้เราฟังบ่อยๆ ฟังไปฟังมา เราก็เลยชอบตามไปด้วยเลย  มันเป็นกฏของการฟังตามเพื่อนนั่นเอง (จิ้นเจซซี่เป็นหน้าน้องแมทได้ไม่ว่ากัน แต่ต้องหัวสีดำนะ ไม่ใช่หัวสีทอง)

    ปล1. สำหรับใครที่อ่านแล้วตะขิดตะขวงใจ แปลเพลงได้ไม่ลื่นไหล แล้วมันฮึดฮัดฟึดฟัดๆ อ่านไม่ได้อารมณ์ นี่เลย >> สำหรับคำแปลเพลงนี้เด้อ  ที่ไม่แปะมิวสิคเพลงลงไป ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะตอนจบมันไม่เหมือนกัน  :m16:

    ปล2. น้องแมทเป็นตัวละครสำคัญจริง...แต่ยังไม่ใช่เวลาของฮีตอนนี้นะ  แค่เอามาเปิดตัวก่อน ไม่ต้องเครียดกันน้า ยังรักกันๆๆ

    ปล3. คนแต่งหนีไปบวช(ชี) ก่อนน้าา สักวันสองวัน เดี๋ยวจะกลับมาใหม่เด้อ
    ไปล่ะ แวบบบบ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×