คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #123 : บทที่หนึ่งร้อยสิบห้า -- พี่สนเตรียมสอบ
บทที่หนึ่งร้อยสิบห้า
อากาศหนาวเย็นพร้อมกับปีใหม่ได้ผ่านพ้นไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ปีนี้เป็นอีกปีที่เราไม่ได้ฉลองปีใหม่ด้วยกันเพราะต่างคนต่างอยู่เวร พี่สนบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าจะได้อยู่เวรในวันสิ้นปีซึ่งนั่นก็หมายถึงวันที่ข้ามพ้นปีใหม่ด้วย ฝ่ายนั้นถามก่อนแล้วว่าอยากให้แลกเวรมาฉลองด้วยกันหรือเปล่า แต่พอมาดูตารางเวรของตัวเองอีกทีก็พบว่าเขาเองก็อยู่เวรในวันนั้นเหมือนกันเพียงแต่ไม่ได้อยู่ทั้งคืนเหมือนรุ่นพี่ จึงตัดสินใจว่าต่างฝ่ายต่างอยู่เวรไปนั่นแหละดีแล้ว เขาอยู่ปีสี่พี่สนอยู่ปีหกซึ่งต้องเรียนหนักด้วยกันทั้งคู่...เทศกาลสำคัญอะไรต่างๆของเราแทบจะไม่ได้มีความหมายอะไรเลยในช่วงนี้ เน้นว่างและสะดวกกันมากกว่า สำหรับเขาแล้ว...ปีใหม่ก็เป็นแค่อีกวันที่ผ่านพ้นไปเท่านั้น ถ้าเรายังอยู่ด้วยกันทุกวันแบบนี้ก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องกังวล
และเพราะตกลงกันไปแบบนั้น กว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งก็เย็นวันที่สองของปีนั่นล่ะ เราเอ่ยสวัสดีปีใหม่กันและกัน ถึงแม้ว่าอาจจะช้าไปสักหน่อยสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเราแล้วนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
“ สวัสดีปีใหม่นะ ” พี่สนเอ่ยทักเป็นประโยคแรกหลังจากเขาเปิดประตูห้องต้อนรับ
“ สวัสดีปีใหม่เหมือนกัน เมื่อคืนพี่สนเป็นไงบ้าง ? ”
“ คนไข้ก็ยังเยอะเหมือนเดิมแหละ ไม่ต่างอะไรจากปีที่แล้วหรอก ” ฝ่ายนั้นเผยยิ้มแต่ก็ดูเหนื่อยเหลือเกิน สงสัยเวรเมื่อคืนจะไม่ได้นอนเหมือนเดิม
“ แล้วเมื่อคืนพี่โทรมาหาทำไมไม่รับอ่ะ ? ”
อีกคนทำหน้าเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ “ อ้อ...ตอนเที่ยงคืนน่ะเหรอ ณัฐเผลอหลับไปน่ะ แหะๆ ”
“ อยู่เวรพร้อมกันในวันปีใหม่ คนเค้าอุตส่าห์จะโทรมาโรแมนติกซะหน่อย ดันหลับไปซะได้ ” รุ่นพี่บ่นกระปอดกระแปดแกล้งขยี้หัวเขาเบาๆ
“ ก็ไม่ได้บอกก่อนนี่ว่าจะโทรมา...ก็นึกว่าเวรจะยุ่ง ”
“ อยากเซอร์ไพรส์นี่ต้องบอกก่อนด้วยเหรอ ? ” รุ่นพี่ทิ้งตัวลงบนโซฟา
“ พี่สนล่ะก็...ปีใหม่ก็เหมือนทุกวันน่ะแหละ ” เขาอมยิ้มเข้าไปพิงซบไหล่อีกฝ่าย รีบคล้องแขนหนับ
“ เพราะ...ณัฐก็ยังรักพี่สนเหมือนเดิมไง ”
ฝ่ายนั้นยิ้มมุมปาก...ดูก็รู้ว่าคงแอบดีใจเหมือนกัน
“ เดี๋ยวนี้ปากหวานนะเรา ”
“ ติดมาจากพี่สนน่ะแหละ ” เขาแลบลิ้น
“ ไหนมาลองชิมดูซิว่าหวานแค่ไหน ? ”
รุ่นพี่โน้มหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับที่เขาคว้าต้นคออีกฝ่ายเข้ามาจูบทันที เขายอมรับเลยล่ะว่าการจูบกับคนที่เรารักมันทำให้รู้สึกดีจริงๆ...ทั้งอบอุ่น ทั้งอ่อนโยนอ่อนหวานในเวลาเดียวกัน รู้สึกหัวใจพองโตกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก เพราะอย่างน้อยๆเขาก็สัมผัสได้ว่ารุ่นพี่ยังรักเขามากแค่ไหน
“ หวานมั้ย ? ” เขาเอ่ยถามหลังจากผละริมฝีปากออก ฝ่ายนั้นมองสบตาหวานเยิ้มแต่ไม่มีคำตอบใดกลับมา ไม่แปลกเลยที่จะมีการจูบครั้งที่สองและสามตามมา จนเขาต้องบอกห้ามในที่สุด ไม่งั้นริมฝีปากของเราทั้งคู่ได้ช้ำกันแน่
“ พอแล้ว จูบไรเยอะแยะ ” ร่างเพรียวบอกทั้งที่หน้ายังแดงก่ำ
“ ฮ่ะๆๆ ให้รางวัลคนปากหวานไง ”
“ ณัฐให้รางวัลพี่สนต่างหาก ”
“ นี่พี่ได้รางวัลเหรอเนี่ย ?! ” รุ่นพี่แกล้งทำหน้าตกใจ เขายักคิ้วตอบทันที
“ แน่น้อนน ”
“ งั้นนี่คงเป็นแค่รางวัลชมเชย...มีรางวัลชนะเลิศ รออยู่ใช่มั้ย ? ”
“ แต่พี่สนชนะเลิศหลายครั้งแล้วนะ ” คำตอบที่แสนเรียบง่าย แต่ทำเอาอีกฝ่ายขำก๊ากออกมาทันที
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ” รุ่นพี่หัวเราะจนตัวโยน เขาได้แต่มองตามด้วยความงงงวย
“ ก็มันจริงนี่นา...หรือไม่จริงล่ะ ? ” เรื่องพรรค์นั้นน่ะนะ พี่สนไม่เคยขาดตกบกพร่องหรอก เหนื่อยหรือไม่เหนื่อยไม่เกี่ยว ขอแค่ไม่ใช่วันอยู่เวรเท่านั้นแหละ
“ ฮ่ะ ๆ ๆ จริงก็ได้ ”
เขาไม่สนใจแฟนจอมหื่น ลุกไปเปิดทีวีดูแล้วต่างคนต่างทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองไป รุ่นพี่เข้าไปอาบน้ำเพราะเห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปกินร้านหมูกระทะข้างนอก พออีกฝ่ายอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มานั่งเช็ดผมข้างกัน ส่วนเขานอนดูทีวีอย่างสบายใจพอเห็นฉากว่ายน้ำฉากหนึ่งบนจอทีวี ก็ทำให้นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาจนได้
“ เออใช่พี่สน !! เราเคยติดค้างกันเรื่องนึงนะ ไม่รู้ว่าพี่สนจำได้หรือเปล่า ? ” เขาดีดตัวขึ้นมานั่งทันที
“ เรื่องไร ? ”
“ จำตอนที่ณัฐไปค้างบ้านพี่สนตั้งแต่ปิดเทอมครั้งที่แล้วได้ไหม...ที่เราแข่งว่ายน้ำกันไง ”
“ อืมม แล้วไงอ่ะ ? ”
“ ก็สัญญากันว่า...ถ้าใครชนะ จะสามารถขออะไรก็ได้ แล้วตอนนั้น...ณัฐก็แข่งชนะอ่ะ ”
ฝ่ายนั้นพยักหน้าหงึกหงักเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ “ อืมม...แล้วอยากขออะไรล่ะ ? ”
อันที่จริงเขานึกเรื่องนี้ออกได้สักพักแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะขออะไรดีก็เลยปล่อยไปไม่ได้ทวงถามอะไร แต่ครั้งนี้เขานึกเรื่องที่อยากขอได้แล้วน่ะสิ
ร่างเพรียวขยับตัวเข้าใกล้เผยอมยิ้มน่ารักน่าชัง “ คือถ้าเรา...แต่งงานกันจริงๆ แบบว่า...สมมติถ้าเรามีงานแต่งกันจริงๆ เอ๊ะ ! เหมือนณัฐจะขอพี่สนแต่งก่อนเลยอ่ะ นี่เราจะแต่งงานกันจริงหรือเปล่าอ่ะ เริ่มไม่แน่ใจแล้วนะ ? ”
“ ฮ่ะ ๆ อยากได้อะไรล่ะ...พี่จะหามาให้ทุกอย่างเลย ”
เขายิ้มกว้างทันที “ เราแต่งงานกันที่ทะเลนะ !! จัดแค่งานเล็กๆก็พอ ชวนไปเฉพาะคนสนิท เพื่อนณัฐ เพื่อนพี่สน แล้วก็ครอบครัว...ของเรา ” พอนึกมาถึงจุดนี้ก็เผลอเปลี่ยนสีหน้าโดยไม่รู้ตัว...ครอบครัวของเขาเองถ้าบอกก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก แม่คงจะยินดีด้วยซ้ำ แต่ครอบครัวของพี่สนเนี่ยสิ
“ ได้สิ ”
เขาแหงนหน้าขึ้นมองทันที “ แล้ว...พ่อพี่สนล่ะ ? ”
“ ถ้าวันไหนเรียนจบแล้ว...พี่จะบอกพ่อ...ว่าเรากำลังคบกัน ”
“ จริงเหรอ ? ” หัวใจรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
“ พ่อจะยอมรับเราได้มั้ย...จะยอมรับณัฐได้เหรอ ? ” ถามออกไปแบบนั้น แต่เขาเองก็รู้ดีว่าพี่สนไม่รู้คำตอบหรอก คำตอบทั้งหมดอยู่ที่พ่อพี่สนคนเดียวเท่านั้น
“ ต้องได้สิ ”
“ จริงนะ ”
“ ผ่านปัญหาด้วยกันมาตั้งขนาดนี้แล้ว ต่อไปนี้พี่ไม่กลัวอะไรอีกแล้วล่ะ กลัวแค่อย่างเดียว คือณัฐจะเลิกรักพี่ก่อน...แค่นั้นแหละ ”
เขาหันไปนั่งประชันหน้า แล้วยกมือประคองใบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ
“ งั้นพี่สนก็ไม่ต้องกลัวแล้วนะ เพราะไม่ว่ายังไงณัฐก็จะรักพี่สนแค่คนเดียว...คนเดียวเท่านั้น...ณัฐสัญญา ”
รุ่นพี่เผยยิ้มอบอุ่นเราสองคนมองสบตากันอยู่นานแล้วอีกฝ่ายก็คว้าร่างของเขาเข้าไปกอดจนแนบชิดอกสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวเร็วของเราทั้งคู่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะรักใครได้มากมายขนาดนี้ และเป็นเรื่องโชคดีเหลือเกินที่คนๆนั้นก็รักเขามากเช่นกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะไม่ทิ้งกันไปเด็ดขาด...เขาสัญญา
********************************
ช่วงเวลาที่สำคัญของพี่สนและรุ่นพี่ปีหกได้ใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อสัปดาห์หน้าต้องสอบใบประกอบโรคศิลป์ครั้งที่ 3 (NL3) ของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีหกทั่วทั้งประเทศ ซึ่งถือเป็นการสอบครั้งสุดท้ายและยากที่สุดเลยก็ว่าได้ ถ้าสอบผ่านก็ถือว่าเรียนจบได้อย่างเต็มตัว รอแค่สอบปลายภาคให้ผ่านอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถ้าไม่ผ่านคงต้องค้างเติ่งรอสอบใหม่ปีหน้า ซึ่งไม่มีใครต้องการแบบนั้นแน่ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารุ่นพี่ปีหกหลายคนต่างพากันหวาดกลัวมากแค่ไหน
การสอบครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากจนถึงขนาดที่ว่าอาจารย์ยอมให้นักศึกษาปีหกทุกคนหยุดการทำงานนานหนึ่งสัปดาห์เต็มก่อนสอบ นอกจากนั้นยังมีการจัดติวอย่างเข้มข้นที่คณะทุกวัน ทั้งจากอาจารย์และเพื่อนหัวกะทิทั้งหลาย เรียกได้ว่าเป็นโค้งสุดท้ายที่น่าตื่นเต้นสำหรับการเรียนแพทย์มายาวนานถึงหกปีเต็มเลยก็ว่าได้ เขาเองยังรู้สึกกลัวแทนรุ่นพี่เลย
“ พี่สน สู้ๆนะ แล้วตอนเย็นจะไปหา ” เขาบอกอีกฝ่ายก่อนออกไปเรียน พี่สนยังนอนงัวเงียบนเตียงอยู่เลยเพราะวันนี้ตื่นสายกว่าทุกวันได้เนื่องจากเป็นวันติววันแรก แต่ถึงจะสะลึมสะลือยังไงก็ไม่วายมีสติชี้นิ้วที่ริมฝีปากตัวเองอย่างมีความหมาย เรื่องอย่างนี้น่ะไม่ลืมเชียวนะ...เขาส่ายหัวแล้วโน้มหน้าเข้าไปจุมพิตที่ริมฝีปากนั้นเบาๆ
“ ถ้าสอบผ่านครั้งนี้จะให้รางวัลนะ ” เขาทิ้งท้ายแค่นั้นแล้วเดินอมยิ้มออกมาจากห้องนอนทันที
เขาไปราวด์คนไข้ในตอนเช้าตามปกติซึ่งตอนนี้เขาอยู่แผนกศัลยกรรม คนไข้เยอะมากและงานหนักมากเช่นกัน กว่าจะราวด์และเลิกในแต่ละวันนานถึงทุ่มสองทุ่มเลยก็ว่าได้ มิน่าล่ะ...ช่วงนั้นพี่สนกลับดึกแทบทุกวันเลย และวันนี้ก็เช่นกัน จากที่เคยบอกรุ่นพี่ไว้ว่าจะได้แวะไปหาตอนเลิกเรียนคงทำไม่ได้แล้ว จึงได้แต่บอกให้อีกฝ่ายกลับห้องไปก่อน
“ งั้นสองทุ่มพี่จะออกมารับนะ ” พี่สนบอกทางปลายสาย
“ ได้ครับ งั้นเสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวณัฐโทรหาอีกทีละกัน ”
พอวางสายโทรศัพท์เสร็จ พวกเขาเหล่านักศึกษาก็เริ่มราวด์กับรุ่นพี่และอาจารย์ กว่าจะผ่านได้แต่ละเตียง และกว่าจะตอบคำถามได้แต่ละคำถาม ฟ้าข้างนอกก็มืดลงเสียแล้ว พอทำงานเสร็จก็ปาเข้าไปสองทุ่มอย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ เขาสะพายกระเป๋าเดินออกมาจากตึกผู้ป่วยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหารุ่นพี่ทันที
“ ฮัลโหล...พี่สน ณัฐเสร็จแล้ว ” เขากรอกเสียงบอกปลายสายเมื่ออีกฝ่ายรับโทรศัพท์ เสียงพี่สนเหมือนพึ่งตื่นเลยแฮะ พอเราตกลงนัดแนะเจอกันข้างตึกคณะเสร็จแล้วก็วางสายไป
เขาเดินผ่านส่วนของโรงอาหาร ในยามค่ำคืนแบบนี้มักจะมีนักศึกษาคณะแพทย์หรืออาจจะมีคณะอื่นปะปนมานั่งอ่านหนังสือกันอยู่เป็นประจำ ยิ่งช่วงใกล้สอบของพวกรุ่นน้องแบบนี้คนยิ่งจะเยอะเป็นพิเศษ เขากวาดสายตามองตามปกติ แล้วก็บังเอิญไปเห็นใครคนหนึ่งเข้าที่ไม่ได้เจอหน้ามานานแล้วเหมือนกัน
น้องรหัส...น้องแมท
ตอนนี้เขาอยู่ปีสี่ซึ่งต้องฝึกงานในโรงพยาบาล ส่วนน้องแมทอยู่ปีสามยังเรียนเลคเชอร์ในคณะตามปกติ เพราะการเรียนที่ค่อนข้างแตกต่างทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันสักเท่าไหร่นัก ถ้าโชคดีจริงๆก็อาจจะเดินสวนกันตามทางเดินโรงอาหาร ถ้าจำไม่ผิดซึ่งนั่นก็นานเป็นเดือนแล้ว
แต่สิ่งที่แปลกคือ...เขาเห็นน้องแมทนั่งอยู่กับใครอีกคน จะว่าเป็นรุ่นเพื่อนกันก็ไม่น่าจะใช่เพราะจำได้ว่าไม่ใช่กลุ่มเพื่อนน้องแมทนี่นา สองคนนั้นกำลังหัวเราะหยอกล้อกันด้วยท่าทางสนิทสนมเกินกว่าที่จะเป็นแค่เพื่อนกันเมื่อฝ่ายนั้นขยี้หัวอีกคนที่ตัวเล็กกว่า ท่าทางแบบนั้นทำให้เขาอดที่จะคิด...ไม่ได้
ร่างเพรียวแอบอมยิ้มก้าวเท้าเดินผ่านจนพ้นส่วนของโรงอาหาร...เดี๋ยววันหลังแอบแซวน้องแมทดีกว่าเรื่องผู้ชายคนนั้น...ดูซิจะทำหน้ายังไง ?
นั่งรอไม่นานนักรุ่นพี่ก็ขับรถมาถึง เขาขึ้นไปนั่งบนรถทันที ฝ่ายนั้นใส่เพียงเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านอนพึ่งตื่นแหงๆ
“ หิวข้าวอ่ะ ไปกินข้าวกันนะ ” รุ่นพี่เอ่ยชวนก่อน
“ พี่สนยังไม่กินอะไรอีกเหรอ ? ”
“ ก็รอกินพร้อมณัฐไง ”
“ ตัวเองนอนไม่ตื่นเองต่างหาก ”
รุ่นพี่หัวเราะออกมาทันที “ ก็เหมือนกันแหละ สุดท้ายก็ได้กินด้วยกัน ”
คำตอบที่แสนธรรมดาแต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกดีเมื่อได้ยิน นานแค่ไหนแล้วที่เราต้องรอกินข้าวพร้อมกันเสมอถ้าวันไหนไม่ได้อยู่เวร ถ้ารอไม่ไหวจริงๆก็หาอะไรกินรองท้องเล็กๆน้อยๆ แต่สุดท้ายก็ต้องไปกินด้วยกันอยู่ดี และครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ อยากกินข้าวต้มอ่ะ ” เขาเสนอความคิด เพราะช่วงนี้อากาศยังคงหนาวเย็น ได้กินข้าวต้มอุ่นๆคงจะรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียว
“ อืมม...ก็ดีเหมือนกัน ”
ร้านข้าวต้มร้านนี้ไม่ไกลจากหอพักเท่าใดนัก วันนี้คนค่อนข้างเยอะพอสมควร เราได้ที่นั่งเกือบด้านในสุดของร้าน หลังจากสั่งอาหารอันมากมายด้วยความหิวแล้ว ฝ่ายนั้นก็ถามขึ้นทันที
“ ราวด์กับอาจารย์อะไร ? ”
“ อาจารย์ xxx น่ะแหละ ถามเยอะมากเลยอ่ะ กว่าจะราวด์ผ่านได้แต่ละเตียง ”
“ อ้าวเหรอ ? ” รุ่นพี่อมยิ้ม “ อาจารย์คนนี้เคยชวนพี่เรียนศัลย์ด้วยนะ ”
เขาตกใจตาโต “ หา !! ทำไมไม่เห็นเคยบอกเลยอ่ะ ”
เป็นเรื่องที่รู้กันดีว่า หากอาจารย์คนไหนเห็นแววหรือถูกตาต้องใจลูกศิษย์คนไหนเป็นพิเศษ จะมีการชวนให้มาเรียนเฉพาะทางในด้านเดียวกัน ส่วนใหญ่มักจะเกิดในพวกเกรดสูงหรือไม่ก็ทำงานเก่งทักษะดีเหมาะกับสาขานั้นๆ หรือไม่ก็ถูกชะตาโดยส่วนตัวอะไรประมาณนั้น
แล้วพี่สนก็เป็นหนึ่งในนั้นนี่นะ ไม่เห็นจะเคยรู้เลย อันที่จริง...พี่สนก็เหมาะที่จะเป็นหมอศัลย์นะ แค่คิดก็โคตรเท่แล้ว !! แต่งานหนักสุดๆนี่สิ พี่สนจะชอบแบบนั้นแน่เหรอ ?
“ ก็...ลืมๆไปแล้ว พี่พึ่งนึกออกอ่ะ ”
“ อะไร ? เรื่องสำคัญแบบนี้ ทำไมลืมได้ล่ะ ”
“ ฮ่ะๆ ก็น่าสนใจอยู่หรอกนะ แต่พี่คงต้องใช้ทุนก่อนอ่ะ ยังไม่อยากเรียนต่อ ค่อยมาสมัครตอนใช้ทุนเสร็จแล้วก็ได้ ”
“ อะไรกันพี่สน โอกาสมาถึงมือขนาดนี้แล้ว อาจารย์อุตส่าห์ชวนเลยนะ ” เขาคิ้วขมวด
แต่รุ่นพี่กลับอมยิ้ม “ อะไร...อยากให้พี่เรียนศัลย์ขนาดนั้นเลยเหรอ ? มีแฟนเป็นหมอศัลย์ ผ่าตัดตลอด ไม่มีเวลานะจะบอกให้ จะเอาเหรอ ? ”
“ งั้นไม่เอาแล้วก็ได้ ” เขาแลบลิ้น ได้ยินดังนั้นรุ่นพี่จึงเข้ามาแกล้งเขกหัวเขาเบาๆ
“ ทีอย่างนี้ล่ะเปลี่ยนง่ายเชียวนะ ”
“ ก็ไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา พี่สนต้องอยู่กับณัฐด้วย ”
“ ว่าแต่เราเถอะ อยากเรียนอะไรต่อล่ะ ? จะจบปีสี่แล้วนี่นา ”
“ ณัฐอยากเรียนเมด (อายุรกรรม) ” เขาตอบออกมาแทบจะในทันที
“ ฮ่ะ ๆๆ เอาอันยากซะด้วย...ยังไม่ได้ลองเรียนอีกตั้งหลายวิชา อาจจะเปลี่ยนใจทีหลังก็ได้นะ ”
“ ไม่อ่ะ ณัฐคิดไว้แล้ว ว่าจะเรียนเมดนี่ล่ะ ”
“ หมอเมด... ” ฝ่ายนั้นมองหน้า “ ละเอียดจุกจิกขี้บ่นนะ ”
“ ว่าไงนะ ?! ” เขาแกล้งยื่นนิ้วทำท่าจิ้มตาอีกฝ่ายทันที หนอยย...แอบด่าเราก็บอกมาเถอะ
“ แต่ก็เหมาะกับณัฐดีนะ ”
“ เหมาะอะไร ?! ” จะหาเรื่องว่าอะไรอีกล่ะ !!
ฝ่ายนั้นเท้าคางมองหน้า “ ณัฐคงจะเป็นหมอเมดที่น่ารักมากกกเลยน่ะสิ ขอร้องอย่างเดียว อย่าจิกกัดรุ่นน้องนะ ฮ่ะๆๆ ”
“ ณัฐไม่เหมือนกิ๊กเก่าพี่สนหรอกน่า ” เขาแลบลิ้นแบร่เข้าให้ แอบเหน็บเรื่องพี่อ๊อฟรุ่นพี่เด้นเมดคนนั้นสักหน่อย ครั้งนี้เขาชนะ เย่ !!
“ ทำไมพี่มีกิ๊กเยอะจังเนี่ย ” รุ่นพี่เกาหัวงงๆ
“ ไม่รู้แหละ ”
ทิ้งท้ายกันแค่นั้นแล้วอาหารก็เริ่มทยอยมาจนเต็มโต๊ะ และเราก็จัดการอาหารตรงหน้าด้วยความหิวกันทันที ระหว่างนั้นอยู่ดีๆเขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“ อื้ออ พี่สน...ตอนเดินผ่านโรงอาหารอ่ะ ณัฐเห็นน้องแมทด้วยแหละ ”
“ แล้วไง ? ”
อืม นั่นสินะ...แล้วไง ? พี่สนทำให้เขาต้องงงด้วยเลย แล้วเขาจะบอกทำไมเนี่ย
“ ก็น้องแมท...มานั่งอ่านหนังสือกับใครก็ไม่รู้ ท่าทางสนิทกันมากเลย เหมือน... ”
เขาแอบกระซิบ “ ...เหมือนเป็นแฟนกันเลยอ่ะ ”
“ ฮ่ะ ๆ ผู้หญิงหรือผู้ชาย ? ”
“ ผู้ชายสิ ” เอ๊ะ...ทำไมเขาต้องมีคำว่า ‘สิ’ ล่ะ นี่เขามั่นใจว่าน้องแมทเป็นเกย์ถึงขนาดนี้เลยเหรอ
“ อ้าวเหรอ ? แล้วแฟนเป็นใครล่ะ ”
“ ไม่รู้เหมือนกัน หน้าไม่คุ้นเลย คิดว่าน่าจะเป็นน้องนะ แต่ไม่รู้คณะไหน ? รู้แต่ว่าน่ารักมาก...น่ารักจริงๆนะ ”
รุ่นพี่แหงนหน้ามาสบตา “ นี่คงไม่ได้หึงน้องรหัสหรอกนะ ”
“ จะบ้าเหรอ ?! ณัฐไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย แค่แปลกใจที่น้องมันมีแฟนเท่านั้นแหละ ”
“ อย่าให้ได้รู้นะ ” รุ่นพี่หรี่ตามอง ชี้นิ้วคาดโทษ
“ อะไร ?! ทำไม ?! ” เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ เดี๋ยวคืนนี้จะทำโทษคอยดู ”
และนั่น...ทำให้เขาต้องยอมสงบปากสงบคำแต่โดยดี ไม่กล้าเถียงอะไรพี่สนอีกทั้งนั้น อีกฝ่ายถึงกับหัวเราะร่วนเมื่อเห็นเขาเงียบอย่างเห็นได้ชัด...โอเค ครั้งนี้พี่สนชนะ และพอเรากินอาหารเสร็จจนอิ่มแล้วก็กลับห้องพักของเราทันที
**************************
เช้าวันถัดมาเขาไปเรียนในตอนเช้าและจุมพิตรุ่นพี่ก่อนออกไปเรียนเหมือนอย่างทุกวัน เมื่อคืนถึงพี่สนจะขู่ออกมาแบบนั้นแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำจริงหรอก พอเรากลับมาถึงห้องเขาก็อาบน้ำและเข้านอนเลย ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งอ่านหนังสือจนดึกดื่น พอรู้ตัวอีกทีก็ถูกฝ่ายนั้นนอนกอดจนเช้าเสียแล้ว
วันนี้ก็เป็นเหมือนอย่างทุกวัน ราวด์ เรียน ทำงาน กว่าจะเลิกก็มืดค่ำ รุ่นพี่บอกจะมารับเขาที่ตำแหน่งเดิม แต่ระหว่างที่เดินผ่านโรงอาหารอยู่นั้น อยู่ดีๆเขาก็เจอน้องแมทเข้าอีกรอบ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเมื่อวานเพราะอีกฝ่ายกำลังเดินสวนตรงมาทางนี้และดูเหมือนว่าจะเห็นเขาแล้วด้วยสิ เขาจึงยิ้มทักทายไป
“ อ้าว...แมท ”
“ พี่ณัฐ !! ” ฝ่ายนั้นยังยิ้มร่าเหมือนเดิมเมื่อเจอหน้าเขา และนั่นทำให้คนด้านข้างที่เดินมาด้วยถึงกับมองหน้าเขาสลับไปมา
“ พี่ณัฐไปไหนครับเนี่ย ?! อย่าบอกนะว่าพึ่งเลิก ”
“ ก็ใช่น่ะสิ นี่ก็พึ่งราวด์เสร็จเนี่ย ”
“ โห...ทำซะผมไม่อยากขึ้นปีสี่เลย ”
“ แล้วนี่มาทำอะไร อ่านหนังสือกันเหรอ ? ” เขาถามกลับ
“ อ๋อครับ...ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว ”
“ มากันสองคน...เหรอ ? ” เขาแอบถามมีความนัย อีกฝ่ายอมยิ้มออกมาทันที
“ มาติวให้น้องด้วยครับ เออนี่...น้องพายครับ เป็นน้องปีหนึ่ง ส่วนนี่...พี่ณัฐนะ เป็นพี่รหัสปีสี่พี่เอง ”
น้องพายยิ้มหวานแล้วโค้งหัวให้เขาตามธรรมเนียม รุ่นน้องปีหนึ่งเองหรอกเหรอ มิน่าล่ะเพราะปีค่อนข้างห่างกันทำให้เขาไม่คุ้นหน้าเท่าไหร่นัก ส่วนความสัมพันธ์ของสองคนนี้เขาอาจจะติดใจสงสัยต่อไป...ถ้ามือเล็กนั่นไม่คล้องเกี่ยวแขนน้องแมทไว้เบาๆราวกับแสดงความเป็นเจ้าของ อืมม...ชัดเจน
“ งั้น...พี่กลับก่อนนะ ตั้งใจอ่านหนังสือกันล่ะ ” เขายิ้มให้น้องทั้งสองคนแล้วเดินออกมาทันที เพราะป่านนี้พี่สนคงมารอแย่แล้ว และพอเดินมาถึงจุดนัด รุ่นพี่ก็จอดรถรออยู่จริงๆ เขาขึ้นไปนั่งบนรถแล้วเล่าให้อีกฝ่ายฟังทันที
“ พี่สนต้องไม่เชื่อแน่ ว่าเมื่อกี้ณัฐเจออะไร ? ”
“ อะไร ? ” ฝ่ายนั้นเหมือนไม่สนใจเคลื่อนตัวออกรถทันที
“ น้องแมทน่ะ มีแฟนแล้วจริงๆด้วย...น้องคนนั้นอ่ะชื่อพาย เป็นรุ่นน้องปีหนึ่งเราเนี่ยแหละ ”
“ คุยกันเหรอ ? ”
“ อืมม เดินสวนกันเมื่อกี้นี้เอง ”
“ แล้ว.......ไงนะ ? ” ฝ่ายนั้นลากเสียงกวน
เขาหันหน้าไปมอง “ ก็ไม่มีอะไรหรอก เล่าให้ฟังเฉยๆไง ”
หึหึ...ได้ยินแต่เสียงหัวเราะในลำคอจากอีกฝ่ายเบาๆ เขาจึงนั่งกอดอกทำปากยื่นทันที
“ งั้นครั้งต่อไปจะไม่เล่าอะไรให้ฟังเลยนะ ”
“ ฮ่ะ ๆ ไม่ได้ว่าสักหน่อย แค่จะถามต่อต่างหาก...แล้วรู้ได้ยังไงว่าเค้าเป็นแฟนกัน ”
“ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ท่าทางที่สนิทสนมกันล่ะมั้ง น้องเค้าคล้องแขนน้องแมทด้วยนะ ก็เลยค่อนข้างมั่นใจน่ะ ”
“ ก็ดีแล้วนี่นา ”
“ อืม...ก็ดี แต่ว่า...”
“ ...พี่สนกลัวว่าณัฐจะหึงน้องรหัสล่ะซี้ ” เขาแอบจิ้มแก้มอีกฝ่ายเบาๆ
“ ก็ลองดูสิ ”
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ” ร่างเพรียวหัวเราะอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางนั้น “ ไม่หรอก...ณัฐไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด ดีซะอีก...จะได้มีคู่รักแบบเราเพิ่มมาอีกหนึ่งไง ”
“ หึหึ ”
รุ่นพี่หัวเราะแบบเดิมไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ เขาเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจยืดตัวเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจ แค่จมูกกับปากสัมผัสแก้มบางเบา แต่เพียงแค่นั้นรุ่นพี่ก็หันมามองด้วยความแปลกใจ
“ หึหึ ”
เขาหัวเราะกลับแบบเดิมบ้าง พี่สนปล่อยยิ้มออกมาแทบจะในทันที แล้วหลังจากนั้นเราก็ไปหาร้านข้าวอร่อยๆกินกันในเมือง
ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม...พอกลับมาถึงห้องรุ่นพี่อาบน้ำแล้วนั่งอ่านหนังสือที่ตำแหน่งเดิมอย่างตั้งใจ เขาก็นอนอ่านหนังสือเล่นบนเตียง พอเริ่มง่วงก็วางหนังสือลงแล้วปิดตาหลับในที่สุด ผ่านไปไม่นานก็รู้สึกถึงสัมผัสอ้อมกอดที่คุ้นเคย เขาหันร่างไปซุกอีกฝ่ายด้วยความเคยชินทันที มือแกร่งนั้นกอดเอวเขาไว้หลวมๆ แล้วแสงไฟภายในห้องก็มืดดับลงเมื่อรุ่นพี่ปิดไฟที่หัวเตียง พอคิดว่ากำลังจะหลับเคลิ้มอีกรอบ โทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงก็สั่นเสียงดังแล้วเงียบเสียงลงราวกับมีข้อความเข้า เขาไม่สนใจเพราะง่วงงุนได้ที่แต่รู้สึกเหมือนพี่สนจะเอื้อมมือไปหยิบมาดู ตอนแรกเขานึกว่าเป็นมือถือรุ่นพี่ แต่พอปรือตาขึ้นมามอง...กลับพบว่าเป็นมือถือตัวเอง
ฝ่ายนั้นหันมาสบตาแล้วยื่นมือถือของเขามาให้ดู เขาพยายามขยี้ตามองเพื่อปรับแสงให้เห็นได้ชัด
‘ฮั่นแน่ ! อย่าคิดแบบนั้นนะพี่ณัฐ...ผมกับน้องพายเป็นแค่พี่น้องกัน’
ประโยคแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา แต่พี่สนให้เขาอ่านแค่นั้น...แล้วก็ชักมือกลับกดพิมพ์ข้อความส่งตอบในทันที เขาไม่สนใจปิดเปลือกตานอนด้วยความง่วง พอฝ่ายนั้นเข้ามานอนกอดไว้เหมือนเดิมจึงแอบกระซิบถามสักหน่อย
“ ส่งกลับไปว่าไงอ่ะ ? ”
“ ไม่บอก นอนกันเถอะ ดึกแล้ว ”
ได้ยินดังนั้นเขาก็ไม่อยากต่อปากต่อคำอะไรอีก จึงหลับไปทั้งอย่างนั้นเลย
ตื่นเช้ามาอีกทีเปิดมือถือดูจึงรู้ว่าพี่สนตอบกลับอีกฝ่ายไปว่า...
‘ เป็นแฟนกันก็ดีแล้ว พี่กับพี่สนยังคบกันเปิดเผยเลย ’
พออ่านแล้วก็ต้องแอบยิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ ตอบได้ดีนี่นา...ไม่มากไปไม่น้อยไป...ไม่ทำร้ายใจกันแถมยังเป็นเชิงกันท่าว่าอย่ามายุ่งอีกต่างหาก...เฮ้อ พี่สนนี่น้า
***************************
ความคิดเห็น