คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ยี่สิบ -- มีแฟนแล้ว
บทที่ยี่สิบ
...อู้ยย....ยย..... เจ็บจัง...
แถมยังรู้สึกปวดหัวเพราะฤทธิ์เหล้าอีกต่างหาก...
เขาตื่นนอนได้สักพักแล้ว...แต่ยังคงรู้สึกเจ็บระบมที่ส่วนทางด้านหลังอยู่ ตอนนี้จึงได้แต่นอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะไม่อยากจะขยับกายเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเจ็บถึงขนาดนี้...
แต่ที่แปลกใจกว่าคือ...ตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาเขาก็เห็นแต่เตียงที่ว่างเปล่า
พี่สนไปไหนแต่เช้านะ..?
ขณะที่นอนเล่น...เขาได้แต่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน...ก็ชวนให้รู้สึกเขินอายอีกครั้ง...
....นี่เขากับพี่สน...มีอะไรกันแล้วเหรอ ? .... ไม่อยากจะเชื่อเลย
มิหนำซ้ำ...ถ้าจำไม่ผิด เขายังเป็นฝ่ายเชิญชวนอีกต่างหาก
....หน้าไม่อายเลยเรา....!!
ก็เมื่อคืนเขาเมานี่นา...คนเมาย่อมไม่ผิดใช่มั้ย ? คิดได้ดังนั้นก็....
อ้ากกกก.!!!!..อยากจะกระชากเส้นผมตัวเองแล้วโขกกำแพงสักสามที
....ถ้าพี่สนกลับมาแล้วเขาจะมองหน้าฝ่ายนั้นยังไงดี ! ทำหน้าไม่ถูกเลยจริงๆ
...เขินจังแฮะ...
เร็วกว่าที่ใจคิด...สักพักเสียงลูกบิดประตูก็ดังขึ้น ณัฐรีบปิดตาโดยสัญชาตญาณทันที...พลางนึกว่า แล้วเขาจะแกล้งทำเป็นหลับทำไมเนี่ย...?!
เขาได้ยินแต่เสียงเหมือนกำลังเปิดตู้เสื้อผ้า เมื่อคิดว่าฝ่ายนั้นน่าจะกำลังหันหลังอยู่ เขาจึงเปิดเปลือกตามอง ตอนนี้ร่างพี่สนใส่แค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียว และกำลังหาอะไรไม่รู้ในตู้ แต่แล้วสายตาเขาก็พลันไปเห็นสิ่งหนึ่งบนร่างกายกำยำนั้นทันที
เอ๋.....พึ่งรู้...... ?
ณัฐพยายามเพ่งมองว่าเขาไม่ได้มองผิดไป
พี่สน....มี ‘ลายสัก’ ด้วยเหรอ
ณัฐมองภาพตรงหน้า...เมื่อคืนเขาไม่เห็นว่าพี่สนมีรอยสักก็เพราะว่า รอยสักของรุ่นพี่อยู่บริเวณกลางบั้นเอวทางด้านหลัง แต่เขาเห็นเฉพาะส่วนด้านหน้าของพี่สนเท่านั้น
ลายสักของพี่สนนั้นเป็นรูป.....ปีกนกที่กางปีกออกกว้าง...ดูแล้วทั้งสวยและสง่างาม
เห็นอย่างนี้แล้ว.....ทั้ง เท่ ทั้ง เซ็กซี่ เลยแฮะ
หวา...นี่เขาเป็นคนโรคจิตแอบมองพี่สนอีกแล้ว...
และไม่ทันตั้งตัว...ฝ่ายนั้นก็หันหลังกลับมามอง ณัฐจึงรีบปิดเปลือกตาโดยเร็ว
เมื่อกี้พี่สนจะเห็นทันมั้ยนะ ? คงไม่เห็นหรอกมั้ง...แล้วเขาก็แกล้งทำเป็นหลับต่อไป
เขารู้สึกได้ว่าร่างนั้นกำลังเดินเข้ามาทางนี้....
แย่แล้วๆ !
แล้วทันใดนั้นก็มีมืออุ่นมาสัมผัสที่แก้ม...ไม่นานฝ่ายนั้นก็ประทับจุมพิศลงมาที่ริมฝีปากเขาเบาๆเช่นกัน
“ อรุณสวัสดิ์ ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
ณัฐตัดสินใจเปิดเปลือกตาขึ้น ก็เห็นอีกฝ่ายทำหน้ายิ้มแป้นรออยู่อย่างนั้น
แสดงว่ารู้อยู่แล้วสินะ ว่าเขาตื่นแล้ว... ไม่น่าเลยเรา
ณัฐไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้แต่หลบสายตาอีกฝ่ายแบบเขินๆ
“ เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้ออะไรมาให้กินนะ ”
“ ไม่เป็นไรครับ...ผมไม่หิว ” ครั้งนี้เขาพูดจริงๆ เพราะปกติเขาไม่ค่อยได้กินข้าวเช้าสักเท่าไหร่
“ ณัฐ !”
เขาแหงนหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
“ ต่อไปนี้...เรียกแทนตัวเอง ว่า ‘ณัฐ’ สิ ”
ร่างเพรียวทำหน้างง
“ ก็ เรียกว่า ‘ผม’ มันห่างเหินกันยังไงไม่รู้ ตอนนี้เราเป็น ‘แฟน’ กันแล้วนะ เรียกว่า ‘ณัฐ’ ดีกว่า น่ารักดีด้วย ” พี่สนพูดพร้อมกับยิ้มหวานให้
หวา!....เขารู้สึกว่า...ตัวเองต้องกำลังหน้าแดงอยู่แน่ๆเลย
จากการกระทำเมื่อคืน...มันเกินเลยมาจนถึงขั้นนี้แล้ว...คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
....เขากับพี่สน...เป็น ‘แฟน’ กันแล้ว...งั้นเหรอ ?
‘แฟนกัน’ !?
“ ต่อไป...ถ้าเรียก ‘ผม’ อีก จะจูบลงโทษ ” ร่างสูงพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
ณัฐได้แต่ทำหน้าง้ำใส่ เพราะไม่รู้จะทำอะไรได้ดีกว่านี้แล้ว
“ แล้ว....พี่ไม่รีบไปเรียนเหรอครับ ? ” ณัฐหันไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้ผนังด้านหนึ่ง ตอนนี้บอกเวลาเจ็ดโมงสิบห้าแล้ว
“ อ๋อ... ” ร่างสูงทำหน้าไม่สนใจ
“ วันนี้...พี่ไม่อยากไปน่ะ ”
ณัฐได้แต่มองหน้าฝ่ายนั้นแบบไม่เข้าใจ ...ไม่อยากไป ก็ไม่ไป ได้ด้วยเหรอ ?...เรียนแบบนี้ก็มีด้วย
“ ยังไงเหรอครับ ? ”
“ ก็แบบว่า... ตอนเช้าเป็นเลคเชอร์แล้วมันไม่ได้เช็คชื่อ พี่ก็เลย...รอไปเรียนแค่แล็บตอนบ่ายไง ”
“ หา...มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ ? ”
เขาเข้าใจดี...ปกติเลคเชอร์ของพวกเขาก็ไม่มีเช็คชื่อเหมือนกัน แต่ว่าทุกคนก็จะมาเรียนกันทั้งนั้น ก็ไม่เห็นจะขาดกันสักคนเลย หรือว่า...เป็นปีสามแล้วมันเรียนคนละแบบกันงั้นเหรอ ? มันก็ไม่ใช่นี่นา ....แสดงว่ามีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้น
นั่นคือ...พี่สนขี้เกียจไปเรียนเอง...
เขาไม่เข้าใจชีวิตของพี่สนจริงๆเลย ทำไมถึงชอบทำอะไรที่มันนอกกรอบอย่างนี้อยู่เรื่อยเลยนะ
“ มีสิ...อันที่จริง...ก็มีเฉพาะกลุ่มพวกพี่เนี่ยแหละ ” ฝ่ายนั้นหัวเราะแห้งๆราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“ แต่...พี่กำลังจะสอบกลางภาคอาทิตย์หน้าแล้วไม่ใช่เหรอครับ ? ” ณัฐถามด้วยความฉงน
ถ้าจะสอบแล้วยังทำตัวแบบนี้อีก มีหวัง...แย่แน่ๆ
“ ไม่ต้องห่วงหรอก...พี่เป็นพวกนิสัยเสีย ชอบอ่านเอง ถ้าไปเรียนก็มีแต่หลับ...สู้กลับมานอนหอให้สบายตัวเสียดีกว่า ”
เอาเข้าไป...กลอนอะไรของพี่แกเนี่ย !
เฮ้อ...พึ่งเคยเห็นเนี่ยแหละ ถึงแม้ว่าจัมโบ้เพื่อนเขาจะขี้เกียจแค่ไหน? แต่มันก็ไปเรียนเลคเชอร์เกือบทุกคาบ แค่คนนี้เนี่ยสิ...ไม่ยอมไปเรียนซะงั้น แล้วอย่างนี้จะไหวเหรอ ?
“ ไม่ต้องทำหน้ามุ่ยแบบนั้นหรอก ” ฝ่ายนั้นบีบจมูกเขาส่ายไปมา
“ เรื่องเรียน..พี่จัดการได้อยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ”
“ ผมไม่ได้เป็นห่วงซะหน่อย ” ณัฐรีบค้านโดยไม่ทันระวังว่าเขาพูดอะไรออกไป
ทันใดนั้นพี่สนก็ก้มลงจุมพิตที่ปากเขาเบาๆ
ณัฐตกใจมาก!!...ก็เขายังไม่ได้แปรงฟันเลยด้วยซ้ำ...
“ แต่ที่จริง...แกล้งพูดผิดบ่อยๆก็ได้นะ...พี่ชอบ ” ฝ่ายนั้นยิ้มร่าเริง
เฮ้อ...พี่สนเนี่ย บ้าจริงๆเลย ! ให้ตายเถอะ
“ พี่ไม่อยากให้ณัฐไปเรียนเลย.... ” อยู่ดีๆฝ่ายนั้นก็ถอนหายใจเสียงดัง
“ หา ? ” เป็นรุ่นพี่ที่ดีมาก...ชวนเขาลงเหวให้ขี้เกียจตามกันซะงั้น
พี่สนหันหน้าหันมามอง พร้อมกับพูดด้วยสายตาอ้อนๆ
“ ก็พี่อยากอาบน้ำกับณัฐ อยากกินข้าวกับณัฐ อยากจู๋จี๋กับณัฐ...ทั้งวันเลย ”
‘ปุ’ หมอนใบเล็กที่เขาหยิบได้จากข้างตัวก็ลอยไปสู่หน้าของพี่สนในทันที !!!
นั่นเพราะความเขินของเขามันมาถึงจุดสูงสุด
เขานึกภาพที่ได้อาบน้ำกับฝ่ายนั้น นั่งจู๋จี๋กระหนุงกระหนิงกันเหมือนคู่รักทั่วไปแล้วก็ต้องหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง
มาพูดอะไรแบบนี้เนี่ย! .... จะตรงเกินไปแล้ว
“ กล้าหือรือกับ ‘สามี’ รึไง ! ” พี่สนแกล้งจับกดข้อมือทั้งสองข้างของเขาไว้ แต่ใบหน้านั้นกลับเปื้อนยิ้มไม่สมกับคำพูดนั้นเลยสักนิด
ณัฐตกใจตาโต พูดมาได้ไม่อายปาก “ จะบ้าเหรอ ? ใครเป็นสามี ! ”
“ ก็ณัฐเป็นภรรยาของพี่ และพี่ก็เป็นสามีของณัฐไง รึจะเอาแบบชาวบ้านๆ ”
“ ณัฐเป็น มะ...”
“ พอแล้ว ๆ ๆ ” เขารีบห้ามเกือบไม่ทัน
เขาไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย ! จะไปเป็นเมีย เอ๊ย ภรรยา ใครได้ไง...
แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดประโยคหนึ่งออกมา เขาเกือบจะกระโดดเด้งตัวหนีไปให้ได้
“ ณัฐ....อยากขออีกรอบ...อ่ะ ” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยใบหน้าอันแสนหื่นแต่แกล้งทำเป็นเสียงอ้อน
หา! ไม่มีทางซะหรอก ตอนนี้ส่วนด้านหลังนั้นยังเจ็บระบมอยู่เลย จะพลิกตัวแต่ละทีก็ลำบากลำบน จะนั่ง..จะเดินได้มั้ยก็ไม่รู้..? ฝันไปซะเถอะ
เขาไม่รู้ว่ากำลังแสดงสีหน้าออกมาแบบใด รู้แต่ว่ามันทำให้อีกฝ่ายหัวเราะ
“ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ.... ถึงแม้ว่าพี่จะอยากกินณัฐมากแค่ไหน...แต่พี่รู้ดีว่าต้องอดทน เพราะเดี๋ยวร่างกายของ 'ที่รัก' จะทนไม่ไหวเอา ไว้รอให้ตรงนั้นหายดีก่อน...เดี๋ยวเราค่อยมาเริ่มฝึกวิทยายุทธกันใหม่...เนอะ ? ”
มาน้ง มาเนอะ อะไร !!! ฝึกวิทยายุทธอะไรกัน ? ไม่เอาด้วยหรอก
แถมเมื่อกี้ยังมาพูดว่า ‘ที่รัก’ อีก จะหวานไปไหนเนี่ย!
และทันใดนั้นพี่สนก็ดึงผ้าห่มออกอย่างรวดเร็ว !
“ เฮ้ย! ” เขาตกใจจนตาถลน มือไม้ก็รีบปิดส่วนล่างพัลวัน...อยู่ดีๆจะมาเปิดผ้าห่มก็ไม่บอกกัน
ไอ้พี่สนบ้า !!
แล้วหลังจากนั้น พี่สนก็เข้ามาอุ้มร่างของเขาไว้ในอ้อมแขนได้อย่างง่ายดาย
“ จะอายทำไม...เมื่อคืนก็เห็นกันหมดแล้ว ” ฝ่ายนั้นยิ้มล้อ
“ พี่จะทำอะไรอ่ะ ?? ” ณัฐถามหน้าแดง มือนั้นก็พยายามปิดตรงส่วนนั้นไว้เช่นเดิม ตอนนี้ทั้งเขิน ทั้งหนาว....
“ ไปอาบน้ำให้สบายตัวกันเถอะ...” ร่างสูงพูดพร้อมกับยิ้มกว้างเสียจนมองแล้วแทบจะละลาย
แล้วพี่สนก็พาเขามุ่งตรงออกจากห้องนอนไปทันที
“ ไม่เอ๊า !!!! ”
*****************
พี่สนมาส่งเขาที่หอก็เกือบแปดโมง แต่ยังดี...ที่เขาอาบน้ำแล้ว เพราะแค่มาแต่งตัวก็คงไปเรียนทัน
พูดถึงเรื่องอาบน้ำตอนเช้า...อันที่จริง เขาตั้งใจว่าจะอาบเองคนเดียวนั่นแหละ แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมเสียให้ได้ เขาก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน เลยต้องทนเขินแล้วปล่อยให้ฝ่ายนั้นอาบให้แต่โดยดี
แต่เท่าที่ดูแล้ว...เหมือนมันจะไม่ใช่การช่วยอาบน้ำ แต่เรียกว่า พยายามแต๊ะอั๋งเขาตลอดเวลาน่าจะถูกกว่า มือนั้นก็พยายามลูบไล้ไปพัลวัน ขัดขืนเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จเสียที จนทำให้เขาต้องเสียเวลากับการอาบน้ำไปเสียนาน
และเป็นจริงดังคาด...วันนี้เขาจึงเข้าเรียนสาย
ณัฐพยายามรีบเข้าไปนั่งสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่เว้นที่นั่งว่างไว้ให้เขาหนึ่งที่
“ ไอ้เชี่ยณัฐ! ”
นั่นเป็นคำทักแรกของเพื่อนรักตัวอ้วนที่ทักมา..มันช่างเป็นคำหวานรื่นหู แต่ยังดีที่แพรยังคงยิ้มกว้างมาให้
“ ทำไมเมื่อคืนไม่กลับมานอนหอ..?! ” เจ้าตัวอ้วนตวาดแบบกระซิบพร้อมกับมองเขาด้วยสีหน้าประมาณว่า...ต้องคาดค้านเอาคำตอบให้ได้
“ โทษที...เมื่อคืนไปกินเลี้ยงฉลองกันที่บ้านรุ่นพี่...แล้วทีนี้ก็...เมากัน...ก็เลย นอนนั่นกันหมดเลย ” เขาโกหกหน้าตายด้วยความรู้สึดผิดน้อยๆ
อันที่จริง ก่อนที่มาถึง เขารู้อยู่แล้วว่าไอ้จัมโบ้ต้องถามเขาแน่นอน เขาจึงคิดคำตอบที่.. ‘เสมือนจริง’...เตรียมพร้อมไว้แล้ว
แต่กลับรู้สึกผิดและละอายใจเหลือเกินเมื่อเห็นหน้าเพื่อนทั้งสอง...
“ ไอ้บ้า...แล้วทำไมไม่โทรมาบอกวะ ? ”
“ ก็มันเมา...ก็เลย...ลืม ” เขาหันหน้าไปมองเพื่อนตัวอ้วน
“ โทษทีว่ะ ”
อยู่ดีๆเพื่อนก็เปลี่ยนน้ำเสียงและสีหน้าทันที
“ เฮ้ย....พี่ทำไมดีงี้วะ ? ”
“ ดีไง ? ” เขาแปลกใจ
“ ก็พาไปเลี้ยงเหล้าน่ะสิวะ ” ไอ้จัมโบ้พูดพลางทำตาโต
ใช่สินะ...ถ้าจะให้พูดถึงว่ารุ่นพี่พารุ่นน้องกินเหล้านั้น มันไม่ค่อยมีให้เห็นกันหรอก เพราะเป็นอะไรที่ใครๆก็ถือกัน เพราะถือว่าเป็นการพาน้องให้พาไปในทางที่เสียหาย แต่กลุ่มพี่สนนั้น ยินดีแหกกฎนั้นอย่างสิ้นเชิง...เพราะพวกพี่เขาไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว
“ อือ...ก็พึ่งได้ลองกินเมื่อคืนเนี่ยแหละ...เมาเลย ” เขาพูดถึงสภาพเมื่อคืน
“ แต่ยังดี...ที่กูไม่ใช่พวก เมาแล้วอาละวาด หรือเมาแล้วอ้วก ”
แต่เมาแล้ว ‘กล้า’อย่างเขาเนี่ยสิ....อันตรายยิ่งกว่า ....เขาได้แต่คิดในใจ
“ อิจฉาว่ะ...กลุ่มมึงเนี่ย ”
“ รู้ไหม...ตอนแรกที่มึงหายไปสองคืน กูนึกว่ามึงหายไปไหน ? ” อยู่ดีๆเจ้าตัวอ้วนก็หันมาถาม
“ หายไปไหน ? ” เขาถามพลางหยิบสมุดเล่มออกมาจากกระเป๋า
“ กูนึกว่ามึง...ไปอยู่กับแฟน...”
ณัฐได้ยินดังนั้นก็ตกใจหน้าเผือดสี !!!
แต่มือเร็วกว่าคำตอบ เขาฟาดสมุดเล่มเล็กนั้นเข้าหน้าไอ้จัมโบ้อย่างเร็ว แพรที่ได้ยินประโยคนั้น ก็วางมือจากการจดเลคเชอร์ทันที
“ ไอ้บ้า !! พูดไรวะ ” เขารีบละล่ำละลักถามออกไปให้ปกติที่สุด...แต่ใจเขาสิ เต้นรัวเร็วราวกับมีคนมาตีกลองอยู่ข้างใน หรือว่าเพื่อนเขารู้แล้ว...เป็นไปไม่ได้ จะรู้ได้ไง
“ ไอ้เชี่ยนี่ ! ” เพื่อนเขาลูบหัวตัวเองป้อยๆ “ ก็ตอนนั้นที่มึงปรึกษาเรื่องคนที่มึงชอบไง ? กูก็เลยคิดว่ามึงมีแฟนแล้วแหงๆ แล้วยังมาหายไปไม่กลับมานอนหอตั้งสองคืน...โผล่มาอีกทีก็ตอนเช้า...แล้วทำเป็นไม่พูดไม่จา มันน่าสงสัยนะเว้ยเฮ้ย ! ”
“ ณัฐมีแฟนแล้วเหรอ ? แล้วณัฐชอบใครอ่ะ ? ” แพรเลิกสนใจอาจารย์แล้วหันมาคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาอีกคนด้วยใบหน้าที่ทั้งประหลาดใจและสนใจใคร่รู้อย่างที่สุด
บ้าไปแล้ว...ไอ้จัมโบ้ดันเอาเรื่องที่เขาเคยพูดออกมาลอยๆเพราะกลุ้มใจในตอนนั้นมาปะติดปะต่อได้อย่างถูกต้อง
ใช่! มันพูดไม่ผิดเลย...ทุกครั้งที่เขาหายไป เขาอยู่กับพี่สน...และพี่สนก็เป็น
ฟะ ฟะ...แฟน เขาจริงๆ
ซ้ำยังมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแล้ว...อีกต่างหาก
แต่เพื่อนของเขาแค่เดาเท่านั้น แสดงว่ายังไม่รู้เรื่องอะไร...เพราะฉะนั้น จะให้รู้เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอันขาด
“ เดาได้เป็นตุเป็นตะเลยนะมึง ” เขาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ราบเรียบที่สุด
“ ก็แน่ล่ะ...กูว่ามันไม่แปลกหรอก ที่มึงจะมีแฟนสักคน แต่ถ้ามึงพยายามปิดกันล่ะก็...นั่นล่ะ ‘แปลก’ ของจริงเลย ” ฟังแล้วเหมือนเป็นคำพูดขู่ของมันมากกว่า
แล้วแพรก็สะกิดจัมโบ้เบาๆพร้อมกับกระซิบ “ ณัฐมันชอบใครอ่ะ? ”
ฝ่ายนั้นส่ายศีรษะไปมา “ ไม่รู้...มันไม่ยอมบอก ”
เฮ้อ...เมื่อกี้เสียวสันหลังวาบๆ ถ้าพวกเพื่อนรู้ว่าเขามีแฟน แล้วก็ต้องพยายามสืบกันอย่างแน่นอนว่าคนๆนั้นเป็นใคร และในที่สุดก็ต้องรู้ว่าแฟนที่ว่านั้น เป็น ‘ผู้ชายคนหนึ่ง’ ที่มีนามว่าพี่สนนั่นเอง ใครมันจะไปยอมรับได้วะ ? มีหวัง...ได้เห็นปฏิกิริยารังเกียจจากเพื่อนๆแน่
“ ณัฐ...มีอะไรปิดพวกเรารึเปล่า ? ” แพรที่ตอนนี้ขอออกโรงบ้าง
“ หา ?? ” เอาแล้วไง เขานึกว่าจะจบ...แต่กลับไม่จบเสียนี่
เขากำลังโดนเพื่อนทั้งสองรุมจ้องจับผิดอย่างสุดกำลัง ตอนนี้เขาไม่รู้หรอกว่าได้แสดงกิริยาพิรุธอะไรออกไปบ้าง เพราะกำลังพยายามเค้นหาคำตอบจนปวดสมอง
ไอ้จัมโบ้หรี่ตามอง “ มึง...กำลังคบกับแก้มป่าววะ ? ”
“ ไอ้บ้า...ไม่ใช่เว้ย! ” แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าโกรธหรือน้อยใจอะไรทั้งนั้น
“ ณัฐมีแฟนแล้วใช่มั้ย ? ” แพรเอ่ยถามเขาอีกครั้ง
โธ่เว้ย.!!! ..อยากหายตัวได้จริงๆเลย ไอ้พวกเพื่อนก็ดันเล่นสงครามจิตวิทยากันเสียนี่
“ ใคร? บอกพวกกูมา ” จัมโบ้เสริมขึ้น
" ไม่มี " เขาพยายามตอบออกไป แต่มันกลับฟังดูไร้น้ำหนักยังไงไม่รู้
“ .............. ” ตอนนี้เขาจึงแกล้งทำเป็นเงียบแล้วพยายามทำตัวให้สงบแทน ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปนี่นา จะโกหกก็กลัวไม่เนียน
“ ได้ !!! ” สองคนนั้นทำหน้าพยักเพยิดพร้อมกัน
*******************
จริงดังคาด.....วันนั้นทั้งวันเขาก็ ‘ถูกเมิน’ จากเพื่อนรักทั้งสอง
ไอ้พวกบ้านี่...ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ เขาพูดด้วยก็ไม่ยอมตอบ คุยกันแค่สองคน ทั้งที่เดินไปด้วยกันสามคนก็ทำเหมือนกับเขาเป็นอากาศธาตุอย่างงั้นแหละ
ในเมื่อไม่มีทางเลือก เขาจึงตัดสินใจ
“ เออ ๆ ๆ ๆ บอกก็ได้ ” เขาพยายามตะโกนพูดไล่หลังออกไป หลังจากที่ถูกเพื่อนทำเป็นไม่สนใจไยดีมาทั้งวัน
แล้วสองคนนั้นก็เปลี่ยนท่าทีหันมาสนใจเขาอย่างรวดเร็วทันที สงสัยคงจะแกล้งทำเมินกันจนเหนื่อยแล้ว...
ตอนนี้เพื่อนตัวดีทั้งคู่ก็เอาแต่จ้องเขาจนตาจะถลนพลางรอคำตอบ แพรนั้นก็ยิ้มลุ้นด้วยใจระทึก เขาตลกท่าทางของเพื่อนจริงๆ
“ มึงมีแฟนแล้วใช่มั้ย ?”
“ คนนั้นเป็นใคร ? ”
ทั้งสองคำถามถูกยิงมาพร้อมกัน แต่มาจากคนละคนกัน
เขาสูดลมหายใจลึกเข้าปอด ได้แต่หวังว่าถ้าบอกไปคงจะไม่เป็นไร..
“ ใช่ ” และ “ บอกไม่ได้ ” ณัฐตัดสินใจตอบออกไปในที่สุด
เขากล้าที่จะบอกออกไป..เพราะว่าทั้งสองคือเพื่อนสนิทของเขา
แต่เรื่องที่ว่าแฟนเขาคือพี่สนนั้น...จะบอกไม่ได้เป็นอันขาด!
เมื่อเขาพูดออกไปแพรก็ทำตาโตแล้วยิ้มกว้างพลันจะถามต่อ แต่ไอ้จัมโบ้ยังคงหรี่ตามอง
“ มีแฟนแล้ว...แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นใครงั้นเหรอ ? ” ไอ้จัมโบ้ยังสงสัยไม่เลิก
ไอ้เพื่อนบ้า!...เลิกสงสัยได้แล้ว เพราะเขาบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว...ไม่ได้จริงๆ
“ ขอถามคำถามสุดท้ายนะ ? ” จัมโบ้จ้องเขาตาเป็นมัน
น่านไง...ไอ้บ้านี่ !!! ยังจะมาถามอะไรอีก...บอกมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเว้ย
คำถามจากไอ้จัมโบ้...รู้สึกเสียวสันหลังยังไงไม่รู้ ??
“ ใช่คณะเรารึเปล่า ? ” แพรเอ่ยถามขึ้นแทน ไอ้จัมโบ้พยักหน้าตกใจ เพราะเป็นคำถามที่มันตั้งใจจะถามเหมือนกัน
เอาไงดีดันมาถามแบบนี้...ถ้าพูดว่า บอกไม่ได้...ก็กลัวเพื่อนจะโกรธ แต่ถ้าบอกว่าเป็นคนคณะอื่นก็กลายเป็นโกหกเพื่อน พาลให้เขารู้สึกผิดอีก
แต่ว่า...ถ้าลองคิดดูดีๆแล้ว....ถ้าเขาบอกว่าเป็นคนคณะเดียวกัน...พวกนี้ก็ทายไม่ถูกอยู่ดี เพราะมีตั้งหลายชั้นปี ในคณะมีนักศึกษาเกือบพันด้วยซ้ำ และถ้าตัดเหลือแค่ผู้หญิงก็ประมาณห้าร้อยคนเห็นจะได้ คิดได้ดังนั้นก็...
ณัฐจึงพยักหน้าช้าๆเป็นคำตอบ
แพรตบมือดังป้าบ! ไอ้จัมโบ้ทำท่าเหมือนจะถามอะไรอีก แต่ณัฐรีบยกมือห้ามไว้ก่อน
“ ขอบอกไว้ก่อนนะ...ว่าบอกได้แค่นี้...แค่นี้จริงๆ ”
เพื่อนทั้งสองทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย...แต่แพรกลับมามีสติได้เร็วกว่า
“ ได้ ถ้าณัฐยังไม่พร้อม...เราจะรอวันที่ณัฐพร้อมจะบอกละกัน ”
นี่แพรยังมาหวังว่าเขาจะบอกคำตอบนั้นอีกเหรอเนี่ย !
เขาจึงได้แต่พยักหน้าเนือยๆกลับไป
แล้วกลับมาคิดอีกทีว่า.....ในความเป็นจริงแล้ว มันจะเป็นไปได้ด้วยเหรอ? ที่เขาจะสามารถปิดเพื่อนไปได้ตลอดรอดฝั่ง ยังไงสักวันหนึ่งเรื่องก็ต้องเปิดเผย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน
เฮ้อ...แต่ขออย่าให้วันนั้นมาถึงกว่าที่ใจคิดละกัน
****************
ความคิดเห็น