ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #50 : บทที่สี่สิบหก -- ไขปริศนา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.34K
      12
      20 พ.ย. 52

    บทที่สามสิบหก

     



                

                “  ผม...แค่  ”


      
                “ คิดถึงพี่สนมาก...แค่นั้นเองครับ ”  เด็กหนุ่มตอบด้วยเสียงสั่นเครือ



     
                ชายแก่เห็นท่าทางเศร้าของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ

                เมื่อครู่...ที่เขาถูกขอร้องให้เล่าความจริงเกี่ยวกับคุณหนูต้นสนให้ฟังนั้น  เขาก็พร้อมและยินดีที่จะทำ    เพียงแต่ว่า...เขาแค่อยากมั่นใจในความรู้สึกของเด็กหนุ่มเท่านั้นเอง

     
                คนที่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดต่อหน้าเขา   แล้วตอนนี้ก็พร่ำบอกว่า...คิดถึง...คุณหนูต้นสนนั้น  คงจะ
    ไม่ใช่คนที่มีความรู้สึกต่อคุณหนูแบบธรรมดาทั่วไปแน่ๆ....

     
                งั้นแสดงว่า...เป็นคนนี้เองเหรอ..???!!


     

                ไม่น่าเชื่อ  !!!

     




    ************************

     

     

               ...เมื่อหกวันก่อน...  



               ขณะที่เขากำลังนั่งเล่นเปียโนเก่าในบ้านหลังเล็กของตัวเองนั้น  อยู่ดีๆคุณหนูต้นสนก็โผล่มาเยี่ยมเยือนหลังจากที่ไม่ได้เจอ
    หน้ากันราวๆห้าหกปีเห็นจะได้


               ฝ่ายนั้นโตเป็นหนุ่มขึ้นมากและดูหล่อเหลาจนแทบจะจำไม่ได้   แต่ที่เปลี่ยนไปนั้นไม่ใช่แค่ร่างกายที่เจริญเติบโตไปตามวัย  หากแต่เป็น...สีหน้าและแววตา...นั้นต่างหาก 

     
                แววตาหม่นหมองของคนที่มีความทุกข์ในใจ...ตอนนี้ได้หายไปแล้ว    อีกทั้งคุณหนูยังดูสดชื่นและมีความ
    สุขกว่าเมื่อก่อนมากทีเดียว 


     


                “ ตาทอง...สบายดีมั้ยครับ ? ”  เด็กหนุ่มเอ่ยถามหลังจากนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าที่มีรอยขาดวิ่น
    ประปราย

     


                 “ ตาสบายดี  แล้วคุณหนูล่ะ ? โตเป็นหนุ่มจนตาจำเกือบไม่ได้ ”  ชายแก่วางถ้วยชาให้กับชายหนุ่ม
    ตรงหน้า


     

                  “ ผมหล่อขึ้นใช่มั้ยล่ะครับ ? ”  ฝ่ายนั้นยิ้มทะเล้น...รอยยิ้มนั้นทำให้เขารู้สึกเบาใจขึ้นมาก


     

                  “ ฮ่ะ ๆ ๆ คุณหนูของตา...ตอนไหนก็หล่อ ”




                  “ ตาทองก็ยังไม่เปลี่ยนเลยนะครับ  ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลย ”


     

                   “ ฮ่ะ ๆ   ขอบใจ...ขอบใจ ”


     

                  ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่บทสนทนาทักทายกันตามปกติธรรมดา  แต่กลับทำให้เขารู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ  ราวกับได้ย้อน
    เวลากลับไปในอดีต...ได้นึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็กของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า...

     


                 “ ว่าแต่...ตอนนี้คุณหนูเรียนหมออยู่ใช่มั้ย ? ”

     


                 “ ใช่ครับ...ผมเรียนปีสามแล้ว ” 

     


                  “ เรียนยากหรือเปล่า ? ”

     


                  ชายหนุ่มเผยยิ้มบาง  “ ก็ยากครับ...แต่ก็เรียนได้ ”

     


                  “ ใช่สิ ”
     
                  “ แล้วคุณหนูต้นไผ่ล่ะ  ได้ข่าวว่าไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา...ใช่มั้ย ? ”

     


                  “ พี่ไผ่ไปเรียนที่ฝรั่งเศสได้สามปีแล้วครับ...ต่อเอก ‘ไวโอลิน’ ”


     

                  ชายแก่ยิ้มกว้าง
     
                  “ ฮ่ะ ๆ  ตาว่าแล้ว...สุดท้ายก็หลงรักไวโอลิน” 




                  “ ตอนที่คุณหนูต้นไผ่ไปต่อโรงเรียนดนตรีอยู่ที่กรุงเทพ  พอกลับบ้านมาทีไรก็แวะมาที่นี่..มาเล่าให้ตาฟังใหญ่เลย...
    ว่าชอบเสียงไวโอลินอย่างนั้นอย่างนี้   ฮ่ะ ๆ  เอาจริงเอาจังกับไวโอลินมากกว่าเปียโนจนได้สินะ  ” 





                  “ ครับ ”   เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มบาง


     


                  “ แล้ว...คุณหนูล่ะ ? ”


     

     
                   “ ............................ ”


     


                  เขาเริ่มเอ่ยถามอย่างช้าๆ
     
                  “ คุณหนูเป็นอย่างไรบ้าง ?  ”


     


                   “ ผมเหรอครับ ? ”


     


                   “ ใช่......เรื่องเปียโน ”


                   “ คุณหนูไม่อยากกลับไปเล่นอีกเหรอ ? ”





                  ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่กล้าถามคำถามนี้ออกไปแน่นอน  เพราะมั่นใจว่าคำตอบที่ได้คงจะเป็นการปฏิเสธด้วยท่าทีที่เย็นชา
    เหมือนเคย    แต่ตอนนี้...เมื่อได้เห็นแววตาของอีกฝ่าย  หัวใจของคนแก่อย่างเขากลับรู้สึกมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย





                  “ ผม... ”




                  ชายหนุ่มยิ้มบางเป็นคำตอบ   เขาเห็นดังนั้นก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก  

                  ที่อีกฝ่ายมาหาเขาถึงที่บ้านอย่างนี้แสดงว่าจะต้องเป็นข่าวดีจริงๆสินะ





                  “ ผมกำลังพยายามครับ ” 

     




    ********************************

     

     

                 ...ณ...ห้องพัก...

     

                 ชายชราและเด็กหนุ่มเคลื่อนย้ายออกมาจากห้อง  แล้วนั่งลงบนโซฟาสีแดงตัวใหญ่ 
    ร่างเพรียวเดินไปหาน้ำดื่มมาบริการราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง...และไม่นาน  บทสนทนาก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง


     

                 “ หลาน...อยากถามตาเรื่องอะไรล่ะ ? ”  ชายแก่เอ่ยถามช้าๆ


     

                 หลังจากที่เขาร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าคุณตา  และเผลอพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป...ตอนนี้เขาจึงไม่กลัว
    ที่จะถูกฝ่ายนั้นสงสัยอะไรอีกต่อไปแล้ว
     
                  เพราะว่า...เขาอยากรู้เรื่องราวของพี่สน...มากกว่าอะไรทั้งหมด


     


                  “  เอ่อ...  ”

     

                 เมื่อพยายามคิดหาคำถามแรกอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูดออกไป

                 “ คุณตา...รู้จักพี่สนมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอครับ ? ”  



     
                 ชายชรายิ้มกลับมาอย่างอ่อนโยน
     
                 “ ใช่แล้วล่ะ  อย่างที่บอก...ตาเป็นช่างประจำบ้าน ”  




                 “ ก่อนที่พวกคุณหนูยังไม่เกิด  ตามีโอกาสได้ทำงานรับใช้คุณผู้หญิง  คอยดูแลปรับเสียงเปียโนแกรนด์หลังใหญ่ให้  และพอ
    พวกคุณหนูเกิด  ก็มีเปียโนอีกสองหลังเพิ่มขึ้นมาในบ้าน ก็เลยเป็นหน้าที่ประจำของตาไปโดยปริยาย ”  



                 “ ถึงจะไม่ได้ไปทุกวัน  แต่ตาก็จะคอยไปเช็คให้เดือนละสองครั้ง...จนกระทั่งคุณผู้หญิงกับพวกคุณหนูไปอยู่ต่างประเทศ
    นั่นแหละ  ตาถึงได้หยุดไป...  ”




                  เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย

                  “ ไปอยู่ต่างประเทศเหรอครับ ? ”




                  “ ใช่...ถ้าจะให้เล่านี่เรื่องยาวเลยล่ะ ”  ชายชรามองมาทางเด็กหนุ่ม 




                  แต่เขาก็ยังคงมีสายตามุ่งมั่นรอฟังต่อ  จนทำให้ชายแก่ถอนหายใจแล้วส่ายหัวน้อยๆ




                   “ งั้นตาจะเล่าตั้งแต่แรกเลยละกันนะ ”




                   เขาผงกหัวน้อยๆและได้แต่นึกขอบคุณอีกฝ่ายอยู่ในใจ




                   ชายชราเล่าต่ออย่างช้าๆ

                   “ ยี่สิบกว่าปีก่อน...ช่วงที่คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายแต่งงานกันใหม่ๆ   คุณผู้หญิงก็เป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงในประเทศพอ
    สมควรแล้ว  ตาเริ่มได้เข้ามารับใช้ท่านก็ตอนนี้แหละ ”



                   “ หลังจากนั้นไม่นาน...คุณผู้หญิงก็ได้ให้กำเนิดลูกชายฝาแฝดทั้งสอง  นั่นก็คือ...คุณหนูต้นไผ่และคุณหนูต้นสน ”



                   “ คุณผู้หญิงมีความตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกทั้งสองด้วยตัวเธอเอง  เธอจึงตัดสินใจถอนตัวออกจากวงการโดยไม่มีการลังเลแม้แต่
    น้อย  ตรงนี้แหละ...เป็นสิ่งที่ตานับถือคุณผู้หญิงมาตลอด   เพราะถึงแม้เธอว่าจะเป็นเพียงแค่สาวน้อยวัยละอ่อนที่พึ่งจะแต่งงาน...แต่เธอก็เป็นนักเปียโนที่กำลังโด่งดังและอนาคตไกล ”



                   “ แต่พอมีลูก...เธอก็กล้าที่จะหยุด  และยอมทุ่มเททุกอย่างให้กับลูกชายทั้งสองที่รักมากยิ่งกว่าชีวิต ”



                   “ คุณผู้หญิงเฝ้าเลี้ยงดูลูกชายอย่างทะนุถนอม  ตรงกันข้ามกับคุณผู้ชายที่ยังคงทำงานหนัก...เพราะธุรกิจกำลังไปได้ดี  จึง
    ไม่ค่อยมีเวลาได้มาดูแลลูกสักเท่าไหร่  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณผู้หญิงย่อท้อ  เพราะเธอก็ได้ทำหน้าที่แม่ที่ดีต่อไปอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ”



                   “ พอพวกคุณหนูโตได้ประมาณสามขวบ  คุณผู้หญิงก็เริ่มสอนทั้งคู่ให้เล่นเปียโน”
     

     

                   “ ฮ่ะ ๆ ๆ ”   ชายชราหัวเราะเบาๆเมื่อนึกถึงภาพในอดีต

                   “ ตอนนั้นตาจำได้ว่าเหมือนคุณผู้หญิงพยายามจับปูใส่กระด้งเลยล่ะ  โดยเฉพาะ ‘แฝดพี่’ นี่ซนอย่างกับลิง  แต่ถึงจะเล่นบ้างซนบ้างไปตามประสาเด็ก   แต่ก็ถือว่ามีฝีมือทั้งคู่...ไม่เสียแรงที่มีแม่เป็นถึงนักเปียโน ”



                   “ และพอผ่านไปหลายปีก็เริ่มที่จะเห็นผลลัพธ์...คุณหนูต้นสนฝีมือพัฒนาไปเร็วมาก  สำหรับตาแล้ว...ถือว่าได้เห็น
    เด็กที่มี ‘พรสวรรค์’ ทางด้านดนตรีอีกคนหนึ่งเลยล่ะ   เพราะอายุแค่ 5 ขวบ คุณหนูก็สามารถกวาดรางวัลรายการใหญ่ได้แล้ว...นำหน้าพี่ชายไปไกลเลยทีเดียว  ”

     


                   “ พี่สน...เก่งมากเลยเหรอครับ ? ”  เขาถามออกไป

     

                   ชายชราพยักหน้ารับ

                   “ ใช่แล้วล่ะ...ได้เลือดอัจฉริยะของแม่มาเต็มๆ ” 



                   “ นักเปียโนที่ไหวพริบดี...โสตประสาทดี...และ ‘ฉลาดที่จะเล่น’  น่ะหาได้ยาก  แต่ถึงจะเก่งแค่ไหนก็ยังมีข้อเสีย




                   “  ข้อเสียอะไรเหรอครับ ? ”




                   “ ข้อเสียของคุณหนูต้นสนมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น.....คือ..... ‘ขี้เกียจซ้อม’ ไปหน่อยเท่านั้นเอง  ฮ่ะ ๆ 
    ทั้งๆที่มันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่นักดนตรีทุกคนควรมีด้วยซ้ำ  ”


     

                   พอได้ยินดังนั้นเขาก็ได้แต่ผงกหัวตามน้อยๆ...เพราะเรื่องความขี้เกียจของพี่สนนั้นเขาเองก็รู้ดีเช่นกัน


     

                   “ แล้ว...หลังจากนั้นล่ะครับ ? ”




                   ชายชราเริ่มเล่าอีกครั้ง

                   “ พอพวกคุณหนูอายุได้เจ็ดขวบ  คุณผู้หญิงก็คิดว่าลูกทั้งสองโตพอแล้ว....จึงตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่วงการเปียโนอีกครั้ง



                   “ ช่วงที่เธอหยุดพักไปนั้น  เธอไม่ได้ห่างหายจากการฝึกซ้อมเลยแม้แต่น้อย  ทำให้เมื่อกลับมายืนบนเวทีของนักเปียโนมือ
    อาชีพ  ก็ทำให้เธอกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งได้อย่างง่ายดายและดูเหมือนว่าจะยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ  เพราะหลังจากนั้นไม่นาน...เธอก็ได้โลดแล่นบนเวทีระดับโลกอย่างที่ตั้งใจไว้ ”



                    “ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้กระมัง...ที่ทำให้คุณผู้หญิงตัดสินใจไปอยู่ที่ต่างประเทศ  และไม่นาน...ก็พาลูกชายทั้งสอง
    ไปอยู่ด้วย ”




                    พอฟังมาถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกสงสัยทันที...ก็เพราะ คุณตาไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยน่ะสิ !!




                   “ แล้วพ่อพี่สนล่ะครับ ? ”




                   “ คุณผู้ชายน่ะเหรอ ? ”   

                   “ ตารู้แต่ว่า...ท่านไม่ได้คัดค้านคุณผู้หญิงเลย  ปล่อยให้เธอไปอยู่ต่างประเทศอย่างที่ต้องการ...แถมยังไม่มีการยื้อ
    ลูกชายทั้งสองไว้อีก ”




                   ทำไมพ่อพี่สนถึงกล้าปล่อยให้คนที่ตัวเองรักไปอยู่ไกลกันขนาดนั้น...แล้วยังเรื่องลูกชายอีก

                   พ่อพี่สน...กับแม่พี่สน...มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่านะ ??




                   “ แล้ว...ทำไม ? ไม่แบ่งลูกกันล่ะครับ ”  อยู่ดีๆเขาก็นึกอยากถามเรื่องส่วนตัวขึ้นมา




                   “ เท่าที่ตารู้...คุณท่านทั้งสองไม่ได้เลิกรากันนะ ”  

                   “ เหมือนกับ...ยินดีทั้งสองฝ่าย ”




                   ชายชราส่ายหัวน้อยๆ

                   “ เฮ้อ...เรื่องระหว่างคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงอย่ามาถามตาเลยนะ  มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ตาก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ”




                   พอได้ฟังดังนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึก...ไม่เข้าใจ

                   แสดงว่า...ยอมแยกทางกันโดยดีงั้นเหรอ ?  อะไรจะง่ายดายขนาดนั้น

                   แล้วแม่พี่สนไม่เสียใจเหรอ ?...แล้วพี่สนกับพี่ไผ่ล่ะ ?





                  “ แล้ว...หลังจากนั้นล่ะครับ ? ”


     

                  “ พอไปอยู่ต่างประเทศได้ 5 ปี... ”




                  ชายชราถอนหายใจหนัก

                  “ ...คุณผู้หญิงก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ”




                  ได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกหดหู่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก  ทั้งๆที่เขาพึ่งจะได้รู้จักตัวตนของแม่พี่สนจากคำบอกเล่าของคุณตาแค่ไม่กี่
    นาทีที่ผ่านมา  แต่กลับรู้สึกราวกับว่าฝ่ายนั้นกำลังมีชีวิตอยู่จริง...และตอนนี้...ก็ได้ทราบข่าวว่าเธอเสียชีวิตแล้ว




                  “ อุบัติเหตุ...อะไรเหรอครับ ? ”




                  “ รถยนต์พลิกคว่ำ ”


      
                  ชายชราทำหน้าสลดขึ้นมาทันที

                  “ แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้นหรอกนะ ”




                  “ ทำไมเหรอครับ ? ” 




                  “ เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากนี้ต่างหาก ”




                  “ พอทราบข่าวว่าคุณแม่เสียชีวิต...คุณหนูทั้งสองก็เสียใจมาก    มากเสียจน...กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยล่ะ 
    วันที่ต้องกลับมาประเทศไทย...ทั้งคู่ดูหมองเศร้าน่าสงสารมาก  ตาเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจแทน ”



                   “ พอจัดการเรื่องงานศพเสร็จเรียบร้อย...หลังจากนั้นก็ต้องมาอยู่บ้านหลังใหญ่กันแค่สองคนพี่น้อง  เฮ้อ...แม่ก็มาเสีย 
    พ่อก็ยังไม่ค่อยใส่ใจอีก...ถึงจะมีคนใช้อยู่เต็มบ้านแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ” 



                   “ ตาเห็นพวกคุณหนูเศร้าแล้วก็รู้สึกใจจะขาดตาม...โดยเฉพาะ... ”




                    “ คุณหนูต้นสน...น่ะสิ ”




                    “ พี่สน...เป็นอะไรเหรอครับ ? ”  เขาตั้งใจรอฟังจนแทบจะกลั้นหายใจ




                    “  ยังดีที่แฝดคนพี่เป็นคนเข้มแข็ง...พอเวลาผ่านไปก็เริ่มทำใจได้   แต่ ‘แฝดคนน้อง’ เนี่ยสิ... ”



                    

                    “ เพราะตั้งแต่นั้นมา...ก็ไม่เคยแตะต้องเปียโนอีกเลย !! ”

     



                   ชายชราถอนหายใจยาว

                   “ มีอยู่ครั้งหนึ่ง...ตาเห็นคุณหนูต้นสนนั่งมองเปียโนหลังใหญ่ที่คุณผู้หญิงเคยเล่นให้ฟังอยู่เป็นประจำ ”  



                   “ คุณหนูนั่งมองจากที่ไกลๆด้วยสายตาเจ็บปวด....น้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง...แต่กลับ....ไม่มีเสียงสะอื้น
    ใดๆเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน ”

     





                   “ และหลังจากนั้น ”

     





                   “ ตาก็ไม่เคยเห็นคุณหนูร้องไห้อีกเลย ”

     







    ************************

     




                    ...หกวันก่อน...

     



                   “ ตาทองครับ ? ”  ชายหนุ่มหันกลับมาหา  เมื่อเขากำลังพยายามปิดประตูบ้านเพื่อจะเดินไปส่งอีกฝ่ายให้ถึงรถสีขาวคัน
    หรูที่จอดอยู่ไม่ไกล




                   ฝ่ายนั้นเดินทางมาหาเขาถึงที่บ้าน...และได้บอกข่าวดีที่สุดให้เขาได้รับรู้ ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินเพื่อไปหาพี่ชายที่ฝรั่งเศส

                   ข่าวดีนั้นก็คือ...คุณหนูต้นสนจะกลับมาเล่นเปียโนอีกครั้ง...

                   เขารู้สึกดีใจ...ดีใจจริงๆ





                   “ อะไรเหรอครับคุณหนู ? ”




                   ชายหนุ่มโผเข้ามาสวมกอดเขาไว้เบาๆ  ร่างสูงใหญ่นั้นคลุมร่างของเขาจนเกือบมิด


                   “ ขอบคุณ...ตาทองมากนะครับ ”

     


                  ได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกตื้นตันใจเสียจนคนแก่อย่างเขาต้องน้ำตาซึมออกมา

                  “ คุณหนู... ”

     


                  ฝ่ายนั้นผละกอดแล้วเผยรอยยิ้มกว้าง

                  “ แล้วผม...จะกลับมาเล่นเปียโนให้ตาทองฟังนะครับ ”

     


                  เขาผงกหัวยิ้มรับด้วยความปิติ และหัวใจของเขาเต็มตื้นจนน้ำตาแทบไหล

                  “ ครับคุณหนู ”

     




                  แล้วเขาก็เดินมาส่งคุณหนูต้นสนจนถึงรถ   แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะปิดประตู...ทันใดนั้น...อีกฝ่ายก็ร้องเรียกเขา
    เสียงดังจนทำให้ตกใจ




                  “  ตาทองครับ !? ”




                  “ ตาตกใจหมดเลยลูก...มีอะไรเหรอ ? ”




                  อีกฝ่ายยิ้มแบบเด็กๆ

                  “ ฮ่ะ ๆ  ตาทองรู้ไหมว่า ?? ”

     



     
                   “ ผมเจอคนที่...ชอบ ‘โชแปง’ ...เหมือนคุณแม่ด้วย ”

     

     


                   “ จริงเหรอครับ ”





                   ร่างสูงยิ้มกว้างจนตาหยี

                   “ ใช่ครับ...เขา ‘น่ารัก’ มากๆเลย...เดี๋ยววันหลังจะพามาแนะนำให้รู้จักนะ ”





                  ชายชรายิ้มขันในท่าทีของชายหนุ่มตรงหน้า

                  “ แสดงว่าคนนี้...ต้องเป็น ‘คนสำคัญ’ ของคุณหนู...ใช่มั้ยครับ ? ”





                  “ ฮ่ะ ๆ ๆ ”  ชายหนุ่มยิ้มแบบเขินๆ

                  “ ตาทองรู้ทันผมอีกแล้ว...งั้นผมไปดีกว่า ”  ชายหนุ่มปิดประตูรถทันที

     



                  “ ลาก่อนครับคุณหนู...เดินทางให้ปลอดภัยนะครับ ”

     



                  “ ลาก่อนครับ ”


     



                  แล้วรถยนต์สีขาวก็เคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ...เขาได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายจนลับสายตา


     


                  ....คุณหนูต้นสน...





                  ....ตาดีใจ....ที่คุณหนูมีความสุขนะครับ....

     





    *************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×