คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #61 : บทที่ห้าสิบเจ็ด -- com med2
บทที่ห้าสิบเจ็ด
อากาศในแต่ละวันค่อนข้างร้อน ทั้งๆที่ก็ใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่แสงแดดในทุกวันก็ยังคงแผดเผาจนต้องเหงื่อไหลไคลย้อยไปตามๆกัน เพราะแต่ละวันต้องทำหน้าที่สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบอาชีพของชาวบ้าน...ในหนึ่งกลุ่มจะต้องรับผิดชอบบ้านหลายหลังทำให้กินเวลาในการสัมภาษณ์ชาวบ้านยาวนานเกือบทั้งวัน
บางวันยังต้องจัดงานวิชาการที่ให้ความรู้กับชาวบ้านเกี่ยวกับโรคต่างๆที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุในชุมชนไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคเกาต์ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีบริการการตรวจร่างกายทั่วไปให้กับคนเฒ่าคนแก่ที่มาร่วมงาน ทำให้มีผู้ที่สนใจมาเข้ารับบริการอย่างล้นหลาม...ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ทำไปเพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน ทำให้สนุกไม่น้อยเลยทีเดียว
การบริการแก่ชุมชนมีอีกมากมาย ทั้งแนะนำการแปรงฟันให้ถูกวิธี การรณรงค์การเก็บและคัดแยกขยะในชุมชน รวมไปจนถึงงานใหญ่ที่เป็นผลงานที่ยั่งยืนแก่ชุมชนอย่างเช่น...การสอบถามปัญหาต่างๆในหมู่บ้านเพื่อนำมาประมวลผลและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยต้องนำเสนอให้แก่ผู้นำของชุมชน
หน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเราเหล่านักศึกษามีมากมาย...ไม่เว้นแม้กระทั่งการจัดกิจกรรมสันทนาการเพื่อให้ความรู้และความบันเทิงแก่เด็กๆที่เป็นลูกหลานชาวบ้านในชุมชนอีกต่างหาก
ไม่แปลกเลยที่ร่างกายของพวกเขาจะรู้สึกเหนื่อยล้าเสียจนต้องเอนกายพักผ่อนตั้งแต่ยังหัวค่ำ
และวันนี้ก็เช่นกัน...หลังจากที่กินอาหารเย็นและทำความสะอาดจานชามจนเสร็จเรียบร้อย พอเวลาสองทุ่มเขาก็รีบเข้านอนทันที
หลังจากที่เผลอนอนหลับเป็นเวลานาน...เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาตีสองกว่าๆ
กลางดึกที่เงียบสงัด...ขณะนั้นเพื่อนทุกคนกำลังนอนหลับสนิท เขาลุกขึ้นมาด้วยความงัวเงียแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวหวังว่าจะไปอาบน้ำชำระร่างกายเสียหน่อย
ห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน...บรรยากาศรอบตัวมืดมิดและวังเวงชวนให้ขนลุก เพราะบ้านทุกหลังปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว และถนนหนทางก็ยังไม่มีหลอดไฟที่พอจะส่องแสงเข้ามาให้เห็น...อาศัยก็เพียงแต่แสงจันทร์ในยามราตรีเท่านั้น
แต่สำหรับเขาตอนนี้...จะให้เปลี่ยนใจไม่อาบน้ำเลยย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าวันนี้ทำงานมาทั้งวัน ทั้งเหงื่อออกจนชุ่มเสื้อผ้า ทั้งฝุ่นจากดินลูกรังที่ติดตามตัวและใบหน้าจนหนาเขรอะ ทำให้ความต้องการที่จะอาบน้ำมีมากกว่าความกลัวเสียด้วยซ้ำ
เขาจึงตัดสินใจรีบสาวเท้าอย่างรวดเร็วเดินมุ่งตรงไปยังห้องน้ำ แล้วเปิดไฟในทันที
แต่...แสงไฟสีส้มดวงเล็กส่องแสงเพียงแค่สลัว เขาจึงรีบปฏิบัติภารกิจในการอาบน้ำชำระร่างกายอย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าตอนอาบเมื่อครั้งยังเรียน รด. ในสมัย ม.ปลายเสียอีก
ไม่ถึงห้านาที...ร่างกายของเขาก็สะอาดสะอ้านเรียบร้อยดี ความสดชื่นทำให้ความกลัวเมื่อครู่ลดลงได้อย่างชัดเจน เขาพันผ้าเช็ดตัวแค่ครึ่งท่อนเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างสบายใจด้วยความเคยชิน เพราะสภาพแบบนี้ในเวลานี้คงไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาบังเอิญเห็นเข้า
เมื่อเดินถึงตัวบ้าน...เขาก็ค่อยๆเปิดประตูไม้ที่เชื่อมทางเข้าสู่ตัวบ้านอย่างช้าๆ
และในจังหวะนั้นเอง !!!!
หัวใจของเขาพลันกระตุกวูบเพราะรู้สึกว่ามีเงาดำตะคุ่มทอดผ่านสายตาเข้ามา !!!!
เขาพยายามมองเงาดำที่น่ากลัวนั้นด้วยหัวใจที่เต้นระทึก !!!!
“ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ” เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังมาจากร่างตรงหน้าทำลายความเงียบสงัดลง เขาตกใจจนร่างแข็งทื่อไปทั้งตัว !!!
แต่สมองรีบคิดพิจารณาภายในเสี้ยววินาที...เขาจึงรีบถลาตัวเข้าไปหาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว !!!!
ฝ่ามือคว้าส่วนบน หวังว่าจะหยุดเสียงโหยหวนที่ทำให้เขาตกใจจนแทบสิ้นสตินั้นได้ ร่างนั้นขยับดิ้นภายใต้การควบคุมของเขา และเสียงได้เงียบลงกลายเป็นเสียงอู้อี้ทันที...
แต่แล้วทันใดนั้น...เขาก็รู้สึกว่าปลายเท้าของเขาที่ยังคงเปียกชื้นค่อยๆไถลด้วยความไม่มั่นคง ร่างของเราทั้งคู่จึงเซล้มลงไปทางด้านหน้า วูบผ่านอากาศโดยรอบอย่างรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที...เขารีบปล่อยมือเพื่อเตรียมประคองร่างกาย ก่อนที่แสงไฟภายในบ้านจะส่องแสงสว่างจ้าจนแสบตา
“ เหวอ ????!! ”
ตึงงงง !!!!
“ อื้อออ !!! ”
พรึ่บ !!!!
เสียงกระแทกของวัตถุมีน้ำหนักจากสองร่างกระทบพื้นเสียงดัง แล้วแสงไฟก็ส่องสว่างเผยให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เฮือกกก !!!
เขาได้ยินเสียงลมหายใจของใครอีกคนที่ดังมาจากเหนือศีรษะ
ร่างสูงรีบเปิดเปลือกตาเพื่อมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ก็พบว่า...เขาทับร่างของใครคนหนึ่งในสภาพลำตัวแนบชิดติดกัน
แต่ยังไม่ใช่แค่นั้น...เพราะว่าใบหน้าของเราทั้งคู่ยังอยู่ในระยะที่ใกล้กันมาก...มากเสียจน...
“ สน...ทำอะไรอ่ะ ?!!!!! ” น้ำเสียงแสดงความตกใจของหญิงสาวอีกคนที่อยู่อีกฝั่งเอ่ยขึ้น
เขารีบผละริมฝีปากที่กำลังบดเบียดและร่างสูงใหญ่ของตัวเองออกจากร่างข้างใต้นั้นอย่างรวดเร็ว
อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้...เขาล้มลง...แล้วปากดันไปโดนกับปาก...ของ...
“ แกทำอะไรใบหม่อนอ่ะ ?? ” หญิงสาวคนเดิมเอ่ยถามด้วยความลนลาน
“ ................!!!!!................. ”
เขาได้แต่นั่งตกใจทำตาโตเพราะกำลังงงกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น เห็นใบหน้าของพี่ใบหม่อนที่กำลังช็อกไม่แพ้กัน แล้วเปลี่ยนไปมองทางพี่ตุ๊กตาเจ้าของเสียงเมื่อครู่สลับกันไป
“ เฮ้ย !! ไอ้สน ”
เสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นมาทางด้านหน้า เขารีบชะโงกหันไปมอง ก็เห็นว่า ‘กฤต’ ได้เดินมาจนถึงตัวเขาแล้ว พร้อมกับคนอื่นๆภายในบ้านที่กรูเข้ามาทั้งหมดและมองมาที่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางคนพลางทำตาโตด้วยความตกใจ แต่บางคนก็ทำหน้างงงวยเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
มาอะไรกันหมดวะเนี่ย ??!! คงต้องเป็นเพราะเสียงกรี๊ดของพี่ใบหม่อนเมื่อกี้แน่ๆ
“ เฮ้ย...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?? ” เสียงพี่พลหัวหน้ากลุ่มดังแทรกขึ้น พร้อมกับมองมาที่พวกเขาด้วยความสงสัย
“ ก็... ”
“ ก็...เมื่อกี้...พอเปิดไฟ...ก็เห็น... ” พี่ตุ๊กตาพยายามจะอธิบายสิ่งที่เห็นพร้อมกับมองเขากับพี่ใบหม่อนสลับกันไปมา
“ ...หกล้ม ” เขาพูดต่อท้ายให้ หลังจากที่รวบรวมสติได้แล้ว
“ .................................. ”
พี่พลทำหน้างง
“ อะไรนะ ??...เสียงกรี๊ดเมื่อกี้เพราะล้มเองหรอกเหรอ ? ”
“ เอ่อ....เอ่อ.... ” พี่ใบหม่อนอึกอัก ใบหน้าเธอเริ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ
“ เหรอ ? ใบหม่อน ” พี่พลซักไซ้
อีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้าก้มตา แล้วไม่นาน...ใบหน้าที่เป็นสีชมพูเข้มนั้นก็ได้พยักหน้าอย่างช้าๆ
สนแหงนหน้ามองรุ่นพี่ทุกคนที่กำลังยืนวงล้อมเราทั้งสามคน
“ ครับ...ผมกับพี่หม่อนล้ม เพราะว่ามืด...ก็เลยมองไม่เห็นทาง ” เขารีบเสริมให้ทันที
“ แล้วที่เมื่อกี้...ตุ๊กตาตะโกนว่าแกทำอะไรใบหม่อนล่ะ ? ”
“ ก็... ” เขามองหน้าพี่ใบหม่อนที่ตอนนี้ได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่แบบเดิม
“ ไม่มีอะไรครับ มันเป็นอุบัติเหตุ ผมกับพี่หม่อนหกล้ม...ก็แค่นั้น ”
“ อ้าว...แล้วแกทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะสน? ” พี่พลทำหน้าสงสัย
“ ก็ผมพึ่งอาบน้ำเสร็จ ”
“ ตอนตีสองกว่าเนี่ยนะ ? ”
“ ครับ ”
เขาด้วยพูดด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉย เหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยสักนิด
“ แล้วสองคนนี้มาทำอะไรดึกๆดื่นๆล่ะ ? ” ฝ่ายนั้นหันไปถามหญิงสาวสองคนบ้าง
“ พอดีว่าหม่อนเขาอยากเข้าห้องน้ำ...เราเห็นว่ามันดึกแล้ว...ก็เลยเดินมาเป็นเพื่อนกัน ” พี่ตุ๊กตาตอบแทน
“ เหรอ ? ”
“ สรุปคือ...น้องสนพึ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วใบหม่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วตรงนี้มันมืด...มองไม่เห็น...ก็เลยเดินชนกันงั้นเหรอ ? ” พี่พลสรุปให้ฟังด้วยท่าทางผู้นำ
“ ครับ ” เขาตอบพร้อมกับที่พี่ใบหม่อนพยักหน้าเบาๆ
“ เฮ้อ... ” รุ่นพี่ถอนหายใจ...แล้วมองหน้าพวกเขาสลับกันไปมา
“ นึกว่ามีอะไรเสียอีก...ตกใจหมด ? ”
พี่ตุ๊กตาได้แต่ก้มมองเพื่อนสาวด้วยความห่วงใย เพราะพี่หม่อนยอมรับออกมาขนาดนั้น เธอจึงไม่กล้าที่จะโต้แย้งอะไรอีก
“ ถ้างั้น...ก็ไม่มีอะไรแล้วนะ ทุกคนไปนอนต่อกันได้แล้ว ” รุ่นพี่บอกคนอื่นด้วยเสียงเด็ดขาดแล้วหันมามองที่พวกเขา
“ ส่วนน้องสนก็ไปแต่งตัวซะ สองคนนี้...ก็ไปเข้าห้องน้ำเถอะ เดี๋ยวเราจะเดินไปเป็นเพื่อน...”
“ แล้วทำไมไม่เอาไฟฉายมาด้วยล่ะเนี่ย ? ” ประโยคสุดท้ายฝ่ายนั้นได้แต่บ่นกระปอดกระแปดเบาๆ
เขาได้แต่มองตามหลังคนอื่นๆที่ทะยอยกันเดินเข้าไปในบ้าน จะเหลือก็แต่เพียงเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้นที่กำลังจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะต้องการรู้ความจริง
“ อะไรอีกล่ะ ? ” เขาถามออกไป
“ มึงเล่าให้กูฟังหน่อยสิ ” ฝ่ายนั้นกระซิบเสียงเบาเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกัน
“ เล่าอะไร ? ”
“ เพราะกูรู้สึกเหมือนมันจะมีอะไรมากกว่านี้ ”
“ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ”
“ จริงเหรอวะ ที่มึงกับพี่หม่อนแค่ล้ม... ” ฝ่ายนั้นยังคงซักไซ้ต่อ
“ เออ !! ”
“ แล้วทำไมพี่หม่อนต้องหน้าแดงเหมือนลูกตำลึงขนาดนั้น แล้วทำไมพี่ตุ๊กตาต้องทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไร ? มึงตอบกูมาเดี๋ยวนี้ !! ”
เขาหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างเหนื่อยหน่าย
“ กูบังเอิญล้มลงไป ‘ จูบ ’ กับพี่หม่อน แล้วพี่ตุ๊กตาดันมาเห็นเข้าพอดี มึงพอใจยัง ?? ”
“ ไอ้เชี่ย !!! ” เสียงเรียกแห่งความกันเองดังขึ้นด้วยความตกใจ...จนรุ่นพี่คนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว
**************************************
เรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน...วันต่อมาทุกคนภายในบ้านก็ไม่มีใครสนใจอีก จะมีก็แต่เพียงพี่ใบหม่อนและพี่ตุ๊กตาเท่านั้น
พี่ตุ๊กตาที่ยังคงชอบใช้สายตามองมาที่เขาอยู่เรื่อยๆ แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงพยายามที่จะไม่ใส่ใจ
ส่วนพี่ใบหม่อนนั้น...ทุกครั้งที่เจอกัน เขาก็สังเกตว่าอีกฝ่ายมีท่าทางที่เขินอายอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการสงบปากสงบคำเวลาที่พูดจากับเขา ทั้งใบหน้าที่เป็นสีชมพูอ่อนเวลาที่เผลอสบตากัน...เฮ้อ...เรื่องแบบนี้ทำไมเขาจะไม่รู้
“ พี่หม่อนครับ ” เขาแอบเดินเข้าบ้านตามหลังอีกฝ่ายโดยที่ไม่ให้รู้ตัว เพราะวันนี้ทั้งวันที่เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายหาเรื่องหลบหน้าเขาตลอด จนเขาต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง
อีกฝ่ายหยุดเดินแล้วหันมามองอย่างช้าๆ
“ อ๊ะ...น้องสน มีอะไรเหรอ ? ” ท่าทางของเธอไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเดิมเลย
“ คือ...ผมขอคุยด้วยได้มั้ยครับ ? ”
เธอทำตาลึกลัก ก่อนที่จะตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ อ๋อ...ได้สิ ”
ตอนนี้ไม่มีใครเดินเข้ามาในส่วนบริเวณบ้าน เขาจึงตัดสินใจพูดออกไปทันที
“ เรื่องเมื่อคืน... ” เขาเกริ่นนำอย่างช้าๆ
“ .................................... ”
“ เมื่อคืน...ผมขอโทษนะครับ ” เขาก้มหัวให้อย่างสุภาพ
“ เอ่อ...ขอโทษเหรอ ขอโทษทำไมล่ะ ? ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ใบหน้าของเธอก็เริ่มเป็นสีชมพูขึ้นมาอีกครั้ง
“ ก็ตอนนั้นผมตกใจเสียงกรี๊ด...คิดอะไรไม่ออกก็เลยต้องรีบเข้าไปปิดปากพี่หม่อน ”
“ แต่ว่า...ผมก็ดันทำให้เราล้ม แล้วยังไป...เอ่อ...โดนปากพี่หม่อนอีก ”
“ ผมขอโทษนะครับ ”
เขาตัดสินได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าควรจะหาโอกาสมาขอโทษรุ่นพี่ให้ได้ เพราะถึงยังไง...อีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิง ถึงแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะเป็นแค่ ‘อุบัติเหตุ’ ก็เถอะ
เธอก้มหน้าก้มตาแล้วเอ่ยเสียงเบา
“ น้องสน...ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก พี่รู้ว่าน้องสนไม่ได้ตั้งใจ ”
“ พี่หม่อน...ไม่โกรธผมใช่มั้ยครับ ? ”
“ ไม่หรอก ” เธอคลี่ยิ้มบางออกมา
“ พี่เข้าใจ ”
เมื่อได้ยินคำพูดและเห็นรอยยิ้มนั้น เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก จึงส่งยิ้มกว้างตอบกลับไปเช่นกัน
**************************************
...กลางดึกคืนนั้น...ที่ระเบียงหน้าบ้าน...
หญิงสาวที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่อลอย ใบหน้าดวงนั้นยามที่ต้องแสงจันทร์ในยามค่ำคืนดูแล้วสวยงามละมุนตาอย่างที่ใครเห็นเป็นต้องประทับใจ
สายตาเธอจับจ้องที่ดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าอันมืดมิด...พลางคิดเรื่องของ ‘ใครคนหนึ่ง’ ที่พึ่งรู้จักได้ไม่นาน...
เธอค่อยๆลูบไล้ริมฝีปากเรียวเล็กของตัวเองอย่างช้าๆ แล้วหัวใจก็พลันพองโตขึ้นเรื่อยๆ
ทุกครั้งที่นึกถึง ‘เหตุการณ์นั้น’ ร่างทั้งร่างก็รู้สึกเหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา ทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้เสียทุกครั้งไป
เธอไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน...ทำไมนะ ?
ทั้งๆที่ผ่านมา...มีผู้ชายมาอ้อนวอนขอความรักจากเธอตั้งมากมาย แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะสนใจเลยสักครั้ง ได้แต่เฝ้ารอ ‘ใครสักคน’ ที่โชคชะตาฟ้ากำหนด...คนๆหนึ่งที่จะทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวได้อย่างจริงจัง คนที่อยากจะรักจนถอนตัวไม่ขึ้น คนที่เฝ้ารอมานาน...
...และเธอก็คิดว่าได้พบแล้ว...
ตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรกในวันที่ประชุมรวม...เธอก็รู้สึกประทับใจคนๆนั้นทันที เขาเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ปีสาม...ที่ใครๆต่างก็พากันรู้จักและเรียกชื่อว่า.... ‘สน’
แล้วยิ่งได้รู้ว่าบังเอิญได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับ...เป็นโชคชะตาที่นำพาให้คนที่รู้สึกถูกใจให้มาอยู่ใกล้ๆกัน
เธอได้แต่ตั้งตารอให้ถึงวันประชุมในแต่ละครั้ง เพราะอยากจะพบหน้า อยากจะพูดคุยด้วย และทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกัน...หัวใจของเธอก็พลันล่องลอยราวกับคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ทั้งตื่นเต้น...ทั้งดีใจ...ทั้งประหม่าสลับกันไป
ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นจะเป็นคนไม่ค่อยพูดจาและเหมือนจะไม่ได้สนใจเธอมากมายนัก แต่ท่าทางแบบนั้นแหละที่ทำให้ยิ่งรู้สึกประทับใจ
เพราะเป็นสิ่งที่แตกต่าง...จากผู้ชาย ‘คนอื่น’
คนๆนี้...ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ...ร่างกายเหมือนจะหลอมละลายได้ในพริบตาเดียว...ถ้าเพียงแค่ถูกอีกฝ่าย...มองสบตา
แล้วยิ่งมีเหตุการณ์นั้น...เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวาน !!!
อุบัติเหตุที่ทำให้เราทั้งสองคน...เสมือนได้จูบกัน...ความรู้สึกที่ทั้งตกใจ ทั้งดีใจเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ตอนนั้นรู้เพียงแต่ว่า...ร่างของเธอสะท้านหวั่นไหวจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลันรู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นคนที่...โชคดีเหลือเกิน...ที่ได้รับจูบนั้น
หรือเป็นเพราะ...โชคชะตากลั่นแกล้งให้เธอ ‘หลงใหล’ คนๆนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
เฮ้อ...
หญิงสาวเอื้อมมือมากุมหน้าอกข้างซ้ายของตนเบาๆพลางหายใจเข้าออกลึกๆ
นี่เรากำลัง...ตกหลุมรัก... ‘น้องสน’ เหรอ ?
************************************
ความคิดเห็น