คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #74 : บทที่หกสิบเก้า -- แว่ว2
บทที่หกสิบเก้า
ลมหนาวยังคงพัดผ่านจนทำให้อุณหภูมิแต่ละวันลดลงเรื่อยๆ เขารู้สึกตื่นเต้นดีใจนิดหน่อยเพราะอากาศที่กรุงเทพฯไม่เคยหนาวขนาดนี้ แต่ที่นี่อากาศเย็นเสียจนต้องค้นเสื้อกันหนาวในตู้มาใส่เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย และหนาวมากเสียจนรุ่นพี่ต้องไปหาซื้อผ้าพันคอและถุงมือมาใส่ให้
และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่อากาศหนาวเย็นมากเช่นกัน...
“ ณัฐแต่งแบบนี้แล้วน่ารักมากเลยรู้ไหม ? ” ฝ่ายนั้นยิ้มกรุ้มกริ่มหลังจากพยายามใส่ผ้าพันคอสีน้ำตาลอ่อนให้เขา...ซึ่งเข้ากันดีกับชุดไหมพรมแขนยาวสีขาว
“ แน่ล่ะ ” ร่างเพรียวเชิดหน้าอย่างภูมิใจ
แต่ที่จริงไม่อยากจะบอกเลยว่า...ชุดเสื้อฮู้ทสีดำที่รุ่นพี่กำลังใส่อยู่ตอนนี้ ก็ทำให้พี่สนดูเท่อย่าบอกใครเหมือนกัน นายแบบก็นายแบบเถอะ !!
“ ถ้าไม่ห่วงเรื่องที่ต้องไปเรียน พี่คงจะจับณัฐกดตรงนี้เลย ” รุ่นพี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
เขาอมยิ้มเขินอาย
“ เมื่อคืนยังไม่พออีกหรือไง ? ” ร่างเพรียวพูดเสียงเบา แต่แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ ไม่รู้ว่าเพราะอากาศหนาวหรือเพราะอะไรกันแน่
เมื่อคืนอากาศหนาวมาก...หลังจากนอนกอดกันกลมเพื่อเพิ่มความอบอุ่น สักพักฝ่ายนั้นก็เริ่มซุกซนเข้ามาหยอกล้อกับร่างกายของเขา...ไล้สัมผัสไปเรื่อยๆจนเสื้อผ้าของเราทั้งคู่หายไปจากร่างกายตอนไหนก็ไม่รู้
แปลกมาก...ทั้งที่อากาศหนาว แต่กลับรู้สึกอบอุ่นได้อย่างน่าประหลาด บทรักที่แสนเร่าร้อนได้เริ่มต้นขึ้นและผ่านพ้นไปด้วยความสุขสม รุ่นพี่จุมพิตที่หน้าผากเบาๆก่อนนอนและเราทั้งสองก็ตระกองกอดกันเนื้อแนบเนื้ออย่างนั้นจนถึงเช้า
...รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากจริงๆ...
“ ไม่พอหรอก...ไม่มีวันพอ ” ฝ่ายนั้นตอบกลับมา
“ ก็พี่สนหื่นนี่นา ” เขากระซิบบ่น
“ ที่รักใส่ถุงมือมั้ย ? ” รุ่นพี่ยื่นถุงมือสีน้ำตาลอ่อนซึ่งเป็นเซ็ทเดียวกับผ้าพันคอมาให้
“ ไม่เอาอ่ะ...แต่ว่า ”
เขายื่นมือออกไปรับ แล้วจัดการใส่ให้คนตรงหน้าทันที
“ ให้พี่สนใส่ดีกว่า ”
รุ่นพี่ยิ้มกว้างมาให้ และร่างทั้งสองก็เคลื่อนตัวเข้า..จูบกัน..ราวกับว่ามีแรงดึงดูดอยู่ระหว่างกลาง
“ ไปเรียนกันเถอะ ”
“ ครับ ”
***************************
การเรียนในวันนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะเป็นการเรียนภาควิชาบรรยาย จึงไม่แปลกเลยที่คาบเรียนนี้จะรู้สึกว่าห้องดูกว้างขึ้นถนัดตา เพราะเพื่อนบางคนคงกำลังต่อสู้กับอากาศหนาวอยู่ใต้ผ้าห่มภายในห้องของตัวเองอยู่แน่นอน
เขานั่งในตำแหน่งประจำกับเพื่อนสนิททั้งสอง เพราะอาจารย์ยังไม่มาสอน เพื่อนคนอื่นๆจึงยังคงพูดคุยสนทนากันเสียงดังเจี้ยวจ้าว และเดินผ่านไปมาตามปกติ
“ เอ๋ ?? ” เสียงใสของแพรดังขึ้น ขณะที่กำลังจ้องมองมือถือของตนเอง
เขาหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ
เธอหันมาสบตาเขา แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทันที “ อาทิตย์หน้า... ”
“ ทำไมเหรอ ? ” ร่างเพรียวทำหน้าสงสัย
เธอยิ้มมีเลศนัยมากขึ้น “ อิอิ อาทิตย์หน้า....วันเกิดใครเอ่ย ? ”
ได้ยินดังนั้นเขาก็หลุดยิ้มออกมา “ นี่แพรจำได้ด้วยเหรอ ? ”
“ แหม...จำได้สิ แพรอุตส่าห์บันทึก ‘วันเกิดณัฐ’ ไว้ในมือถือเลยนะ ”
ไม่แปลกเลยที่แพรจะรู้โดยไม่ต้องถาม เพราะทุกคนจะมีใบข้อมูลของเพื่อนในชั้นปีอยู่แล้ว ในนั้นมีตั้งแต่ชื่อ ชื่อเล่น วันเกิด โรงเรียนมัธยมที่จบมา รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ของทุกคน เพราะพวกเราปีหนึ่งจัดทำขึ้นกันเอง จะได้สามารถติดต่อกันได้โดยสะดวก
“ ฮ่ะ ๆ ๆ จะซื้อของขวัญอะไรให้ณัฐดีน้า ?? ” เธอทำหน้านึกคิดกับตัวเอง
“ ซื้อต้นกระบองเพชรไง !! ” ไอ้จัมโบ้พูดเสริมขึ้นมา
“ หือ ? ทำไมอ่ะ ? ” แพรถามขึ้น ส่วนเขาก็สงสัยเหมือนกัน
“ ก็...เข้าห้องหอแล้ว ”
“ ก็อยากให้ ‘ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร’ ไง ” เพื่อนตัวอ้วนเอ่ยแซว
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ งานวันเกิดนะ ไม่ใช่งานแต่งงาน ” แพรหัวเราะร่า ส่วนเขาก็ได้แต่อมยิ้ม เพราะเป็นครั้งแรกที่ไอ้จัมโบ้พูดแซวแบบนี้ รู้สึกเหมือนว่า...มันจะสนิทใจเรื่องนี้มากขึ้นแล้วสิ
“ อันนั้นเขาพูดถึงกระบอง แต่มึงพูดถึงต้นไม้ ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย ” เขาตอบกลับ
“ มันก็เหมือนๆกันน่ะแหละ ”
“ แต่ว่า...จะไปเลี้ยงฉลองกันที่ไหนดี ? ”
“ ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะเลี้ยง ” เขาพูดอมยิ้ม
“ ใช่สิ !! เขาก็คงอยากจะฉลองกับแฟนเขา ” ไอ้จัมโบ้พูดเสียงสูงหันหน้าไปพยักเพยิดกับแพร
“ เนอะ ?? ”
“ ช่ายยยยยยยยย ” เธอลากเสียงยาว แล้วหัวเราะคิกคักๆ จนเขาไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี
“ ไม่ใช่สักหน่อย...พี่สนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงปกติ
“ อ้าว ? ยังไม่ได้มีแพลนกันหรอกเหรอ ? ” แพรหันมาถามต่อ
“ อืมม ” เขายิ้มบาง
“ แต่ณัฐก็ไม่ได้คิดมากหรอกนะ ไม่ต้องมีของขวัญก็ได้ ขอแค่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันเหมือนเดิมก็พอ ”
“ เหมือนอย่างวันนี้...แค่แพรจำวันเกิดณัฐได้ก็ดีใจแล้ว ”
แพรยิ้มหวานมาให้ “ จริงเหรอ ? ”
“ ฮ่ะ ๆ ๆ จริงสิ ”
ระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งสนทนากันนั้น เพื่อนคนอื่นๆก็เดินผ่านไปมาตามทางเดินตามปกติ แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อยคือ...มีบางคนจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ พอเขาหันไปสบตา คนเหล่านั้นก็แกล้งมองไปทางอื่นแทน ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอรู้สึกว่ามีหลายคนมากขึ้นก็เริ่มแปลกใจ
มีอะไรหรือเปล่านะ ??
*****************************
...ช่วงพักกลางวัน...
วันนี้โรงอาหารยังคงแน่นขนัดเหมือนเคย เพราะทั้งนักศึกษา บุคลากรเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งญาติผู้ป่วยต่างมารับประทานอาหารกันที่นี่ทั้งนั้น
ณัฐตัดสินใจเลือกต่อคิวซื้ออาหารที่ร้านข้าวราดแกงร้านประจำ แพรเลือกร้านข้าวมันไก่ที่อยู่ไม่ไกล และจัมโบ้ก็ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวอีกทางฝั่งหนึ่ง
เมื่อถึงคิว...เขาเอ่ยบอกเมนูที่เคยทานเป็นประจำทั้งสองอย่างไป ไม่นานคุณป้าก็ยื่นจานอาหารมาให้ เขาหันกลับหลังแยกออกมาจากแถวเพื่อเดินมาเอาช้อนส้อม แต่วินาทีต่อมากลับมีร่างๆหนึ่งที่มาจากไหนไม่รู้มาชนกระแทกไหล่เขาอย่างจัง !!!
จานข้าวร่วงลงสู่พื้น...เศษอาหารกระจายไปทั่วทุกทิศ !!!
ร่างเพรียวได้แต่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาหันไปมองร่างๆนั้นทันที ก็พบว่าเป็นรุ่นพี่ผู้หญิงนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งที่ในความคิดแรกเขานึกว่าฝ่ายนั้นจะรีบละล่ำละลักเอ่ยขอโทษขอโพย แล้วก็ตามด้วยหน้าที่ของเขาที่ต้องบอกว่าไม่เป็นไร แต่แล้ว...กลับไม่ใช่ !!!...อย่างสิ้นเชิง
เพราะฝ่ายนั้นมีสีหน้าถมึงทึงราวกับโกรธใครมา และมองมาที่เขาด้วยสายตา...รังเกียจเหยียดหยาม จนเขาอดที่จะหวาดกลัวไม่ได้
“ พอดีมองไม่เห็นน่ะ ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วเดินไปทางอื่นทันที ปล่อยให้เขาได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น
ที่เดินชนเมื่อกี้ ไม่ขอโทษก็ไม่ว่าหรอกนะ !!
แต่...ไอ้สายตาและท่าทางเมื่อกี้นี่ล่ะ !!! มันหมายความว่ายังไง ???
แต่ระหว่างที่กำลังยืนอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น...
“ คุณหมอ...คุณหมอ ” เสียงคุณป้าร้านข้าวเอ่ยเรียกจากทางด้านหลัง เขาค่อยๆหันตามเสียงนั้นอย่างงงงวย
“ ครับ ”
“ จานนั้นช่างมันเถอะ เดี๋ยวป้าตักจานใหม่ให้ ” คุณป้ายิ้มอย่างใจดี
“ ขอบคุณคุณป้ามากนะครับ ” เขาตั้งสติและยิ้มบางกลับไปให้ ก่อนที่จะรับจานข้าวจานใหม่มาและเอ่ยขอบคุณอีกสองครั้ง จนคุณป้าหัวเราะ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาเล่าให้เพื่อนสนิททั้งสองฟังทันที แพรทำหน้านิ่วคิ้วขมวดฟังอย่างตั้งใจ ส่วนไอ้จัมโบ้ก็ยังคงทำตัวตามสบายของมันไปตามปกติ
“ มึงไปทำอะไรให้ใครโกรธหรือเปล่า ? ”
“ ไม่เคยเว้ยย ” เขารีบปฏิเสธ
“ แบบไม่รู้ตัวไง ”
“ อ้าว...ถ้าไม่รู้ตัว แล้วกูจะรู้ได้ไงล่ะว่าเรื่องอะไร ? ”
“ แพรก็ว่ามันแปลกๆนะ เพราะเท่าที่ฟังณัฐเล่า เหมือนเค้า ‘ตั้งใจ’ มาชนเลยอ่ะ ”
“ อืมม...ณัฐก็พยายามจะคิดว่ามันคงเป็นอุบัติเหตุ แต่พอเห็นสายตาแบบนั้นแล้วณัฐก็รู้เลยว่ามัน...คงไม่ใช่ ”
“ แล้วพี่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ ? ณัฐรู้จักมั้ย ? ”
“ ไม่อ่ะ ! รู้แต่ว่าเป็นรุ่นพี่ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นปีสองหรือปีสาม แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ปี 4,5,6 แน่นอน เพราะยังไม่ได้ใส่ชุดกาวน์น่ะ ”
“ อืมม ” แพรทำหน้าคิ้วขมวด
“ แต่หน้าตาไม่ค่อยคุ้น สงสัยเป็นพี่ปีสามมั้ง ” เขาบอกไปตามที่คิด เพราะว่าปีหนึ่งอย่างพวกเขาได้ร่วมงานกับปีสองบ่อยครั้งมากกว่า จึงอาจจะพอจำหน้ารุ่นพี่ได้บ้าง แต่นี่เขาไม่รู้สึกคุ้นเลยแฮะ
“ .................................. ”
หลังจากที่ฟังเขากับแพรพูดกันอยู่นาน จัมโบ้จึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง...
“ กูว่านะ... ”
“ อาจจะเป็นกิ๊กพี่สน หรือไม่ก็เป็นคนที่แอบชอบพี่สนมากๆก็ได้ ฮ่ะ ๆ ๆ ”
มันพูดแค่นั้นแล้วก็ลุกขึ้นไปซื้อของหวานมากินเพิ่มทันที...ปล่อยให้เขากับแพรได้แต่มองหน้ากันอย่างงงๆ
*****************************
หลังจากกินข้าวเที่ยงกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพร...หญิงสาวร่างเล็กก็ขอแยกตัวเพื่อเข้าห้องน้ำ
“ เจอกันที่ห้องเรียนเลยละกันนะ แพรขอเข้าห้องน้ำก่อน ” เธอเอ่ยบอกเพื่อนสนิทก่อนที่จะรีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำหญิงที่อยู่ไม่ไกลทันที
ระหว่างที่กำลังทำธุระอยู่ภายในห้องน้ำห้องหนึ่งที่อยู่มุมสุดอย่างสบายใจ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคนเดินเข้ามาในห้องน้ำ นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย...ถ้าไม่ใช่เพราะเขาบังเอิญมาได้ยินบทสนทนาของคนเหล่านั้นน่ะสิ !!!
“ ............................ ”
“ ฉันว่านะ...ชัวร์ !!! ” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ แต่ไม่เห็น ‘เหมือน’ เลย....ทั้งสองคน ” หญิงสาวคนที่สองเอ่ยบ้าง
“ ตอนแรกฉันก็คิดแบบแกแหละ ใครล่ะจะคิดว่า... ” เสียงนั้นลดลงจนแทบจะกระซิบ
“ ...พี่สนจะ ‘เป็น’ น่ะ ”
“ แต่ณัฐนี่ก็ไม่แน่หรอก...หน้าตาน่ารักออกขนาดนั้น อาจจะ ‘เป็น’ ก็ได้ ”
“ แล้วแกรู้ได้ไง ? ” เสียงที่สามเอ่ยถาม
“ ก็ฉันอยู่หอพักเดียวกันกับพี่สนนี่นา เห็นณัฐมาหาพี่สนที่หอบ่อยๆ แล้วคู่นี้ก็ไปไหนมาไหนด้วยกันประจำแหละ ”
“ เค้าอาจจะแค่สนิทกันเฉยๆก็ได้ม้างงง ? ”
“ แค่สนิทอะไรล่ะ ? เวลาเห็นเดินไปด้วยกันหัวเราะคิกคักกระหนุงกระหนิงยังกะคนจู๋จี๋กันเลยแก ไม่ใช่แค่แถวหอนะ ออกไปข้างนอกยังเจอเลย ไม่อย่างนั้น...คนอื่นๆจะ ‘ลือ’ เหมือนกันเหรอ ”
“ อีกอย่างอ่ะนะ...คู่นี้ ฉันสังเกตการณ์มานานแล้วย่ะ !! ”
“ อือ...ฉันก็เคยเห็นสองคนนี้ไปดูหนังด้วยกันตั้งนานแล้วเหมือนกัน แล้วก็เห็นตอนไปกินข้าวครั้งนึง ”
“ เห็นมะ ??!!! ”
“ เฮ้อ...เสียดายอ่ะแก ณัฐน่ารักมากเลย ฉันชอบมองอยู่บ่อยๆ ”
“ อือ...ใช่ คนอะไรก็ไม่รู้ เหมือนมีแสงประกายวิ้งๆออกมาตลอดเวลา ยิ้มทีแล้วจะละลายตาม ”
“ มิน่าล่ะ...ถึงทำให้พี่สนเปลี่ยนใจไปเป็นเกย์ได้ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ”
“ แต่ฉันก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี ว่าพี่สนจะ ‘เป็น’ นะ ”
“ ทำใจเถอะแก เพราะฉันมั่นใจมาก ว่าสองคนนี้ต้องเป็นแฟนกันชัวร์ !! ”
“ เฮ้อ...อิจฉาณัฐอ่ะ ”
“ เฮ้อ...อิจฉาพี่สนด้วย ”
สิ้นประโยคนั้น ประตูห้องน้ำห้องสุดท้ายก็เปิดผ่างออกทันที !!!
หญิงสาวร่างเล็กที่ได้ยินการสนทนาทุกคำพูด ค่อยๆเดินออกมาด้วยใบหน้าที่สงบเยือกเย็นพยายามข่มอารมณ์หงุดหงิดนั้นไว้ ก่อนที่จะใช้หางตามองเพื่อนทั้งสามทีละคนที่ตอนนี้กำลังทำหน้าอึ้งจนตาค้างกันเลยทีเดียว
“ เอ่อ...แพร ?? อยู่นี่ตั้งแต่ตอนไหนเหรอ ? ” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างลนลาน
“ ตั้งแต่..........แรก......... ” เธอพูดช้าๆเน้นคำ
“ งะ งั้นเหรอ ? ”
แพรพยายามไม่สนใจ รีบเดินออกมาจากห้องน้ำทันที !!
หญิงสาวพยายามระงับความรู้สึกว้าวุ่นใจเอาไว้
...คนอื่นๆรู้เรื่องของณัฐกับพี่สนแล้วงั้นเหรอ ?... แต่ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก เพราะเธอคิดว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงแน่นอน แล้วตอนนี้เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ ?
ควรจะบอกเรื่องนี้กับณัฐดีไหม ? เพราะถ้าบอกไป เธอมั่นใจว่าณัฐจะต้องคิดมากอย่างแน่นอน
หญิงสาวร่างเล็ก เดินกลับเข้ามาในห้องเรียน ก็เห็นเพื่อนสนิททั้งสองคนกำลังนั่งอยู่แถวด้านหลังที่เป็นที่ประจำของเรา
“ ณัฐ...?? ” เธอเอ่ยเรียกเพื่อน แล้วนั่งลงด้านข้างทันที
“ หือ ?? ”
“ คือว่า... ” เธอพยายามมองสบตา ก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกไปว่า
“ แพรมีอะไรจะบอก... ”
เธอตัดสินใจแล้ว...ว่าควรจะบอกความจริงที่ได้ยินมาให้เจ้าตัวได้รู้ เพราะว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป สิ่งที่เธอได้ยินมาเมื่อครู่ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วว่าไม่ใช่แค่กลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่รู้ ‘เรื่องนี้’ ...แต่อาจหมายถึงคนจำนวนมากกว่านี้ก็เป็นได้
ยิ่งรู้เร็วเท่าไหร่...ยิ่งรับมือได้เร็วเท่านั้น !
“ อะไรเหรอ ? ” ฝ่ายนั้นทำหน้าตั้งใจฟัง
“ คือ... ”
“ .................................. ”
“ แพรคิดว่า......คนอื่นๆคงรู้เรื่องของณัฐกับพี่สนแล้วแหละ ”
***************************
ความคิดเห็น