คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 15
“ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังได้ไหม”
อเลาดิถามขึ้นเมื่อตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนกำลังนั่งรวมกันอยู่ที่ห้องดื่มน้ำชาที่บ้านของลูกศิษย์ หลังจากที่ทานข้าวเย็น แยกย้ายกันอาบน้ำจัดการธุระของตัวเองกันเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็มานั่งรวมกันอยู่ที่นี่
“คะ เรื่องทั้งหมดมันเริ่มจาก...”
แกรนด์เซียอธิบายเรื่องราวออกมาให้ทั้งสองคนฟัง ฮิบาริที่รู้อยู่แล้วก็ทำเพียงนั่งมองโน้นมองนี่ไปเรื่อยส่วนอเลาดิตั้งใจฟังสิ่งที่เธอเล่าออกมาอย่างตั้งใจ ด้วยเพราะเธอเล่าอย่างรื่นไหลจึงฟังดูว่าไม่ใช่เรื่องโกหก บวกกับเธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาตลอดเวลา ผู้ชายสองคนในห้องจึงยิ่งสงสารเธอเข้าไปอีก จึงทำให้ไม่ได้สังเกตถึงสิ่งผิดปกติเล็กน้อยยามเธอพูดถึงเรื่องของดันเต้
“เขา ไม่น่าจะทำแบบนี้ได้เลยจริง ๆ นะ”
อเลาดิพูดขึ้นมาเบา ๆ เมื่อฟังจบ หน้าตาซื่อ ๆ ที่แสดงออกมาถึงความใจดีและอ่อนโยนนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าตัวสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงเขาอย่างนั้นหรอกหรอ
“คุณจะไม่เชื่อฉันก็ไม่เป็นไรนะคะ ฉันเข้าใจ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
ฮิบาริมองคนสองคนตรงหน้าสลับไปมาแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจพูดออกมาด้วยเสียงนิ่งเรียบ
“อาจารย์จะตัดสินใจยังไงผมไม่รู้หรอกนะ หรือถ้าจะเข้าข้างดันเต้ผมก็ไม่ว่า แล้วแต่จะตัดสินใจ”
“ฉันไม่เข้าข้างใครทั้งนั้นแหละ”
เจ้าตัวตอบขึ้นมาทันที ตอนนี้ในหัวหวนนึกถึงสีหน้าของดันเต้ตอนที่เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง แล้วเปรียบเทียบกับคนตรงหน้านี้ที่เพิ่งจะผ่านมาหยก ๆ บอกตามตรงว่าเขาไม่รู้จะเชื่อใครดีจริง ๆ ตอนที่นั่งฟังแกรนด์เซียเล่ารู้สึกเหมือนสมาธิของเขาจะถูกดึงไปอยู่กับน้ำตาของเธอซะมากกว่า เพราะความรู้สึกสงสารที่เกิดขึ้นมันทำให้ไม่ได้คอยจับสังเกตเท่าที่ควร
“นั้นแหละ ผมถึงได้บอกว่าแล้วแต่อาจารย์จะตัดสินใจ”
คนผมดำบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมตัวกลับห้องโดยมีอีกสองคนลุกตามด้วย ทั้งสามแยกย้ายกันกลับห้องนอนของตัวเองแล้วพากันเก็บตัวเงียบไม่ได้คุยกันอีกเลย
22.20 น.
“เฮ้อ...”
ฮิบาริยังคงนอนไม่หลับหลังจากที่กลับห้องมาพักใหญ่ ๆ เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วก็ไม่เข้าใจตัวเอง เมื่อตอนเช้าเขาไปคุยกับดันเต้เรื่องของแกรนด์เซีย ตอนสายตัวเขาเผลอไปมีอะไรกับอาจารย์ที่ปรึกษา ตอนบ่ายความรู้สึกดีแปลก ๆ เริ่มเกิดขึ้นเมื่อได้อยู่กับดีโน่แค่สองต่อสอง ช่วงเย็นพวกเขาไปทานอาหารด้วยกันแล้วพบกับดันเต้และอเลาดิ เขากันดันเต้ทะเลาะกันแล้วดีโน่ก็เข้ามาขวางจนกลายเป็นว่าเขาทะเลาะกับเจ้าตัวด้วย และแล้วแกรนด์เซียก็โผล่เข้ามา จากนั้นอเลาดิและแกรนด์เซียก็เดินทางกลับมาค้างอยู่ที่บ้านของเขา แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ...
...เขาโกรธกับดีโน่อีกแล้วสินะ
“เฮ้อ...”
เจ้าตัวถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะพลิกตัวนอนหงายยกมือก่ายหน้าผาก เขานอนพลิกไปพลิกมาสิบรอบเป็นอย่างต่ำแล้วแต่ก็นอนไม่หลับสักที ทำไมถึงต้องคิดมากเรื่องของอาจารย์หัวทองนั้นด้วยนะ ไม่เห็นจะเข้าใจสักนิด
“ฮิบาริ”
ดวงหน้าสวยหันไปทางประตูทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อทางนั้นเรียกซ้ำมาอีกครั้ง เจ้าตัวทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้
“มีอะไร”
“ธุระ มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เอาเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม อาจารย์เห็นหรือเปล่าว่านี่มันก็ทุ่มแล้ว”
อเลาดิเหลือบตามองนาฬิกาในห้องของคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาต ทำเอาฮิบาริอ้าปากค้างก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดตามเข้ามาหลังจากปิดประตูเสร็จ
“อาจารย์มีธุระอะไร”
“เธอเจอกับผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง”
“หือ??”
คิ้วเรียวบนใบหน้าสวยเลิกขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเจอคำถามที่ไม่คาดคิดจากคนตรงหน้า ก่อนเจ้าตัวจะหันหน้าไปอีกทางแล้วตอบออกไป
“เธฮเข้ามาบอกผม ว่าเธอท้องกับดันเต้”
“แล้วเธอก็เชื่อ?”
อเลาดิถามอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะเชื่อใจคนอื่นได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ มันน่าจะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่เป็นแรงจูงใจ
“ผมฟังเธอเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง เธอเล่าเหมือนกับที่ได้ยินอีกครั้งในวันนี้ นั้นยิ่งทำให้ผมเชื่อว่าเธอไม่ได้โกหก”
“เธอแพ้น้ำตาผู้หญิง”
“ก็แล้วจะทำไมละ”
ฮิบาริตอบกลับหน้ามุ่ย เขาแพ้น้ำตาผู้หญิงแล้วมันเป็นเรื่องที่ผิดหรือไง อีกอย่างที่เขาช่วยเพราะเขาสงสารเด็กที่จะเกิดมาโดยไม่มีพ่อต่างหาก แม้ว่าตอนนี้เธอจะแท้งไปแล้วก็เถอะ
“แล้วเธอคิดว่าดันเต้จะทำอย่างนั้นจริง ๆ หรือเปล่า”
“อาจารย์กำลังจะว่าแกรนด์เซีย”
“ฉันไม่ได้ว่า แค่ให้เธอนึกดู...ผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารจริง ๆ แต่เธอไม่รู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ขัด ๆ ไปบางหรือไงเวลาที่ฟังเรื่องราวเหล่านั้น จะบอกว่าเธอเชื่อผู้หญิงคนนั้นหมดทั้งใจโดยไม่มีความคิดที่จะฟังดันเต้อธิบายเลยใช่ไหม”
อเลาดิบอกก่อนจะนั่งจ้องหน้าอีกคนที่ก้มหลบไม่ยอมสบตากับเขา เขารู้ว่าเจ้าตัวก็ต้องคิดเหมือนกันแหละเรื่องนี้นะ แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เด็กคนนี้ลืมนึกถึงเรื่องที่ควรจะเป็น บอกตามตรงเขาเองตอนที่ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของแกรนต์เซียเขาก็เกือบจะเชื่อเธอทั้งใจเหมือนกัน แล้วก็เกือบจะคิดไปแล้วว่าดันเต้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ นี่ถ้าไม่เอากลับมาคิดอีกทีก็คงหาจุดจับสังเกตไม่ได้แน่
ฮิบารินั่งก้มหน้าจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ทำไมเขาจะไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องที่อเลาดิบอก แต่ความรู้สึกขัดแย้งที่เกิดขึ้นเขาคิดว่ามันเป็นเพราะตัวเขายังอคติกับเธออยู่ในเรื่องของดันเต้ แล้วไหนจะเรื่องเด็กอีก ใครจะรู้ละว่าเขาอ่อนไหวและให้ความสำคัญกับเรื่องของครอบครัวมาก เพราะรู้ว่าความสุขที่ได้รับจากครอบครัวมันเป็นสิ่งที่มีค่ามาก และความเจ็บปวดจากครอบครัวที่มีก็เหมือนไม่มีมันก็เจ็บปวดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นเด็กดี แล้วก็เป็นห่วงคนอื่นมาก แต่อย่าให้ความสงสารที่มีมาทำให้ลืมข้อเท็จจริงทั้งหมดสิ”
“ผมรู้ ผมก็เคยคิดถึงทุก ๆ อย่างที่อาจารย์พูดมานะ แต่ผมคิดว่าที่เกิดความขัดแย้งในใจขึ้นเป็นเพราะผมยังอคติกับเธออยู่ ผมเลยรู้สึกผิด และอยากจะทดแทนตรงส่วนที่รู้สึกไม่ดีกับเธอตรงนี้ด้วยการช่วยเธออย่างเต็มที่”
“ฉันถึงได้บอกว่าฉันรู้ว่าเธอเป็นเด็กดี แต่รู้ไหมว่าการจะเป็นเด็กดีต้องมองทุกอย่างด้วยความเป็นจริง อย่าใช้ความรู้สึกของตัวเองแค่คนเดียวเป็นตัวตัดสินทุก ๆ คน เธอต้องคอยรับฟังเหตุผลของคนอื่นแล้วนำมาวิเคราะห์ด้วย เข้าใจหรือเปล่า”
อเลาดิบอกก่อนจะยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีรัตติกาลอย่างแผ่วเบา ลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้สำหรับเขาแล้วเจ้าตัวกลายเป็นคนพิเศษสำหรับเขาไปซะแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรแต่เขาก็รู้สึกชอบในตัวเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก
“แล้วเรื่องของแกรนด์เซียจะทำยังไง ผมอยากช่วยเธอนะ ผมสงสารเธอ”
“งั้นเรามาสืบหาความจริงด้วยกันไหม ใครถูกว่าตามถูกใครผิดว่าตามผิด งานนี้ถ้าดันเต้ผิดจริงฉันเองก็จะช่วยเธอลงโทษเขาเอง”
“อาจารย์พูดจริง ๆ หรอ”
“อืม”
“...เอางั้นก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนว่าตอนนี้ผมเทใจให้แกรนด์เซียอยู่นะ”
ฮิบาริบอกก่อนจะกอดอกทำหน้าจริงจังใส่อีกฝ่ายที่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า แล้วเมื่อกี้เด็กคนไหนที่คล้อยตามเขาไปแล้วหายไปไหน ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ใช่คนเดียวกับเมื่อครู่นี้แน่นะ
“เธอนี่มัน”
เจ้าตัวพูดได้แค่นั้นก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เจ้าของห้องนั่งคิดถึงคำพูดเมื่อกี้ของคนที่จากไปแล้ว สรุปแล้วตอนนี้เขาควรจะยอมฟังสิ่งที่ดันเต้จะอธิบายงั้นสินะ
“แล้วทำไมผมจะต้องไปด้วยเล่า”
“ไม่ไปแล้วจะรู้ได้ยังไง เธออย่าดื้อได้ไหม”
“ผมไม่ได้ดื้อนะ แต่ผมไม่อยากไป”
“เธอจะอะไรนักหนาเนี้ย”
อเลาดิบ่นก่อนจะมองเด็กที่บ่นกระปอดกระแปดไม่ยอมออกไปข้างนอกกับเขา ตอนนี้เป็นเวลาสายแล้วละ แล้วแกรนด์เซียก็ขอตัวกลับไปตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะงั้นเวลานี้จึงเป็นเวลาเหมาะที่พวกเขาจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และอย่างแรกที่ต้องทำเลยก็คือการให้คนหัวดื้อคนนี้ไปเจอกับดันเต้
“ผมไม่ได้อะไรเลยนะ แต่ผมไม่ไป”
“ก็นั้นแหละ ไม่อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าความจริงคืออะไร”
“ก็...เมื่อวานผมเพิ่งจะว่าเขาไปเองนะ แล้วจะให้...”
ฮิบาริพูดเสียงเบาลงก่อนจะยืนก้มหน้า เห็นแบบนั้นอเลาดิเลยถอนหายใจก่อนจะเดินมายืนข้าง ๆ แล้วยกมือโอบไหล่เล็กไว้อย่างให้กำลังใจ
“เชื่อสิ ดันเต้ไม่ถือสาอะไรเธอหรอกน่า”
“อาจารย์รู้ได้ยังไง ไปรู้ใจเขาแบบนั้นได้ยังไง”
“ช่างฉันเถอะ อีกอย่างหึงดันเต้หรือไง”
อเลาดิบอกเสียงเรียบแต่ฮิบาริสิแยกเขี้ยวใส่ในทันที อารมณ์แบบนี้ยังจะมาแซวเขาอีก แถมแซวแบบหน้าตายด้วย แล้วขอประทานโทษ จะบอกว่า ณ ตอนนี้เขาไม่ได้คิดอะไรกับดันเต้แล้วนะ
“ผมห่วงอาจารย์หรอกไม่ได้หึง ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าดันเต้ไม่ได้ผิดจริงผมไม่ยอมให้คนรู้จักเข้าไปยุ่งกับเขาแน่”
“นั้นก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะงั้นตอนนี้ก็ไปหาดันเต้กันได้แล้ว รู้อยู่ไม่ใช่หรอว่าบ้านเขาอยู่ไหน”
“เดี๋ยวสิเดี๋ยว ขอเวลาเตรียมใจก่อนไม่ได้หรือไง”
เจ้าตัวบอกหน้ามุ่ย พร้อมทั้งยื้อยุดแขนตัวเองกับอาจารย์ที่ปรึกษาที่พยายามจะลากเขาออกไปให้ได้ ทั้งคู่เถียงกันไปเถียงกันมาจนกระทั้งลูกน้องคนสนิทของคนผมดำเดินเข้ามารายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณเคียวครับ”
“มีอะไรเท็ตสึ”
“นายท่านกลับมาแล้วครับ”
“อะไรนะ”
ดวงหน้าสวยที่ซีดลงไปถนัดตาเรียกให้อเลาดิมองอย่างสงสัย อยู่ ๆ คนที่ดูปกติดีแบบนี้ก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเพียงเพราะใครบางคนกลับมา ดวงตาสีดำสนิทฉายแววหวาดกลัวออกมาให้อเลาดิยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ฮิบาริหันไปมองคนถามก่อนจะส่ายหน้าตอบเบา ๆ เจ้าตัวสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะเดินออกไปที่หน้าเรือนเพื่อรอต้อนรับคนที่กลับมาโดยมีอเลาดิเดินตามหลังไปด้วย
“ยินดีต้อนรับกลับครับท่านพ่อ”
“อืม”
ใบหน้าดุ ๆ ตวัดมองลูกชายตัวเองก่อนจะตอบรับในลำคอเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองคนมาเยือนที่ยืนอยู่ด้านหลังลูกชาย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ดวงตาอย่างผู้มีอำนาจจ้องมองคนผมสีฟางอย่างกดดัน
“อเลาดิครับ ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของ ฮิบาริ เคียวยะ”
อเลาดิแนะนำตัวเองออกไปเมื่อรู้สึกได้ถึงความกดดันที่ผู้ชายคนนี้แผ่ออกมา แต่ทำไมเหมือนเขาจะสัมผัสได้ว่าภายใต้แววตาดุกร้าวคู่นั้นแฝงไว้ด้วยความโหยหา และตัวเขาเองก็โหยหาอีกฝ่ายเช่นกัน
“ท่านพ่อครับ อาจารย์มาพักอยู่กับผมที่นี่...”
“เข้าไปคุยกันในบ้าน”
ฮิบาริคนลูกยังอธิบายไม่ทันจบคนเป็นพ่อก็พูดขัดขึ้นมา คนร่างสูงเดินนำทั้งสองเข้าไปในเรือนโดยไม่ลืมชำเลืองมองอาจารย์ที่ปรึกษาของลูกชายด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เขาสะดุดตาตั้งแต่โครงหน้าที่เหมือนกันกับเขาและลูกชายแล้ว ไหนจะสีตาที่เขาคุ้นเคยอีก ขอให้เป็นอย่างที่คิดเถอะ ขอให้เป็นแบบนั้นที
“อันดับแรก เคียวยะ เธอมีความผิดที่พาแขกมาค้างที่บ้านโดยไม่บอกฉัน”
“ขอโทษครับ”
ฮิบาริก้มหน้ารับคำตำหนิด้วยความรู้สึกหน่วง ๆ ในอก สำหรับท่านพ่อแล้วไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็รู้สึกว่ามันจะผิด จะไม่ถูกใจไปเสียทุกครั้ง ก็รู้อยู่หรอกว่าผิดแต่ทำไมถึงต้องว่าเขาต่อหน้าคนอื่นด้วยนะ ตอนนี้อาจารย์ก็กำลังนั่งมองพวกเขาอยู่ด้วย
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่ผมเป็นคนตื้อจะมาที่นี่เอง ถ้าจะว่าก็ว่าผมเถอะครับ”
อเลาดิพูดแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าลูกศิษย์โดนพ่อว่าก็เพราะตนเอง เป็นเพราะว่าเมื่อวานเขาตื้อที่จะมาเองจริง ๆ เพราะงั้นถ้าจะว่าก็ควรจะมาว่าเขาสิถึงจะถูก ตอนนี้เขาก็พอจะเข้าใจแล้วด้วยว่าทำไมฮิบาริถึงได้เป็นเด็กเอาแต่ใจในสายตาคนอื่น เป็นเพราะเจ้าตัวแค่อยากจะอ้อน อยากจะมีใครให้ความสนใจ แล้วก็พูดคุยกับใครได้อย่างสะดวกใจเท่านั้นเอง
“กับเธอถ้าอยากจะมาก็ได้ตามสบาย แต่ว่าต้องให้เคียวยะมาขออนุญาตฉันก่อนเพราะเด็กคนนี้ไม่มีสิทธิ์ในเรือนหลังนี้”
ฮิบาริเจ็บแปล๊บในช่วงอกกับคำพูดของคนเป็นพ่อ ขอบตาร้อนผ่าวคลายกับน้ำตาจะไหลออกมาซะให้ได้ มือที่วางอยู่บนหน้าขากำแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าไปในเนื้อ ฟันขาวขบลงบนริมฝีปากล่างจนห้อเลือด
“ถ้าเป็นอย่างนั้นผมเลือกที่จะไม่มาที่นี่ครับ เพราะมันจะทำให้ลูกศิษย์ของผมลำบากใจที่ต้องมาขออนุญาตคุณ”
“เธอ!!!”
“ขอโทษทีนะครับ แต่ว่าวันนี้ผมขออนุญาตพาฮิบาริ เคียวยะออกไปทำธุระข้างนอก แล้วตอนเย็นจะพากลับมาส่ง”
“ฉันไม่อนุญาต”
ฮิบาริผู้พ่อตวาดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ เขารู้สึกเสียหน้ามากที่แขกในเรือนทำพฤติกรรมแบบนี้ใส่ ส่วนอีกความรู้สึกนึงคือเสียใจที่อเลาดิปฎิเสธเขาอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ เขารู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้จริง ๆ แล้วก็อยากให้มาบ่อย ๆ ด้วย แต่ว่าทำไมถึงไม่รับความหวังดีจากเขา แต่กับเลือกเจ้าเด็กคนนั้น
“ตามใจคุณครับ”
อเลาดิบอกก่อนจะลุกขึ้นไปประคองคนที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างสงสาร เขารู้แล้ว เขาเข้าใจความรู้สึกของเด็กคนนี้แล้วว่าทำไม
“เคียวยะ ถ้าเธอกล้าออกไปก็อย่ากลับเข้ามาในเรือนนี้อีก”
ฮิบาริที่กำลังจะลุกตามอีกฝ่ายชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อที่จ้องมองเขาอยู่เหมือนคนเคียดแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน น้ำตาที่ไม่เคยคิดจะให้คนเป็นพ่อเห็นไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เจ้าตัวนั่งนิ่งมองหน้าพ่อของตัวเอง ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีอาการตัวสั่นอย่างที่คนร้องไห้ควรจะเป็น มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมแววตาตัดพ้อและไม่เข้าใจที่แสดงออกให้คนสำคัญที่สุดในชีวิตเห็นก็เท่านั้น
....................................................................
Writer talk : มาแล้ว ๆ รอกันนานไหมคะ คือจะบอกว่าเนื้อเรื่องต่อจากนี้อาจจะเครียดนิดหน่อยนะ เพราะมันหมายถึงว่าจะมีเรื่องเครียด ๆ สองเรื่องใหญ่เกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งเรื่องของแกรนด์เซียแล้วก็ท่านพ่อของเคียว ๆ ด้วย ยังไงก็เอาใจช่วยทั้งสี่คนกันต่อไปนะคะ (เรื่องย่อยก็ประมาณเฮียดันเต้ก็ยังเครียดอยู่ แล้วก็เฮียโน่ยังงอนกับเคียว ๆ อยู่ด้วย)
ปล.คุณ cool ไรท์เตอร์ส่งเมลล์ให้แล้วนะคะ เป็นเมลล์ใหม่ที่ให้มาเมลล์นี่คะ scool1234@yahoo.co.th
ความคิดเห็น