คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Chapter 20
“เธอจะเอาไงต่อ”
“ไม่รู้สิ ผมกะว่าจะรอดูว่าพวกนั้นจะเอาตัวเรามาทำไม และใครใช้ให้เอาตัวเรามา”
“แล้วเตรียมหาทางหนีหรือยัง ถ้าพวกนั้นจะเอาเรามากำจัดทิ้งที่นี่”
อเลาดิถามก่อนจะมองไปรอบ ๆ ตัว ที่นี่มีสภาพเหมือนกับบ้านพักตากอากาศทั่วไป เพียงแต่ว่ามีสภาพฝุ่นจับ ใยแมงมุมขึ้นเหมือนกับไม่ได้ใช้งานมานานหลายปี ตอนนี้พวกเขาคงอยู่ในห้องนอนใดห้องนอนหนึ่งในบ้าน ดูจากขนาดของห้องที่อยู่แล้วบ้านนี้ก็คงกว้างพอประมาณ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป
“ยังเลย เพราะว่ายังไงก็คงไมคิดจะฆ่าทิ้งในเร็ว ๆ นี้แน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่จับมามัดไว้แบบนี้หรอก ผมคิดเล่น ๆ ดูว่าทางนั้นคงต้องการสอบถาม หรือใช้เราต่อรองอะไรสักอย่าง”
ฮิบาริบอกก่อนจะหันมองไปรอบตัว ตอนที่ถูกจับมาพวกเขาโดนปิดตาไว้ทำให้ไม่เห็นเส้นทางที่ผ่านมา จะมาโดนเปิดผ้าออกอีกทีก็คือตอนที่ได้มาอยู่ในห้องนี้แล้ว เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างยังอยู่ครบเลยไม่ว่าจะเป็น เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า แอร์ หรือแม้แต่โทรทัศน์ ติดแค่ว่าคงไม่ได้ใช้มานานมากแล้ว ถึงได้ฝุ่นจับหนาซะขนาดนี้ ตัวเขากับอาจารย์เลยนั่งกันอยู่ที่พื้นทั้งคู่ ถึงฝุ่นจะเยอะเหมือนกันแต่เวลาขยับตัวคงไม่ฟุ้งขึ้นมาเหมือนบนเตียงแน่
“หรือไม่ก็ จับเรามาทรมานเพื่อความสะใจ”
อเลาดิต่อให้อีก เขาไม่ชอบมองโลกในแง่ดีอย่างเดียว ถ้าเกิดไม่เป็นอย่างที่ลูกศิษย์ว่า จะได้พอทำใจได้ แต่พอเขาพูดแบบนี้ทางคนร่างเล็กก็ทำเพียงยักไหล่แล้วตอบกลับมาแบบไม่ทุกข์ร้อน
“ตามเซ้นท์ ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่ที่อาจารย์พูดนะ”
“หึ”
ฮิบาริเหลือบมองคนที่ขำออกมานิด ๆ คิดว่าก็คงรู้สึกเหมือนกันนั้นแหละ แต่เป็นพวกมองอะไรสองด้าน เพราะเวลาไม่เป็นอย่างที่คิดจะได้ตั้งตัวรับทัน ซึ่งเขาเองก็เป็นแบบนั้น แต่จากความรู้สึกทั้งหมดคิดว่าพวกนี้ยังไม่คิดฆ่าตัวเองและอาจารย์แน่นอน
“นี่ เรื่องที่ฉันถามนะ สรุปแล้วเธอจะเอายังไง”
“เรื่องอะไร”
“มาเป็นน้องชายของฉันไหม เธอจะเอายังไง”
“.....”
“นี่ สรุปว่าจะเอายังไง”
อเลาดิรุกถามเข้าไปอีกเมื่อเห็นอีกคนยังทำหน้านิ่งไม่ยอมตอบอะไร แต่เขาเห็นหรอกว่าหน้าขาว ๆ นั้นขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของคนผมสีฟางด้วยความเอ็นดู
“ก็...”
“ก็?”
“ก็...ได้”
เจ้าตัวตอบก่อนจะหันหน้าหนีไม่ยอมสบตา รู้สึกร้อนวูบวาบจนเหมือนจะระเบิดที่ใบหน้า ทั้งความอาย ความเขิน ความประหม่าเกิดขึ้นมาพร้อมกันหมดจนตัวแข็งนั่งนิ่งขยับไปไหนไม่ได้
“หึ ๆ”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นมาจากคนเป็นอาจารย์ที่ตอนนี้เริ่มขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ ร่างเล็กสะดุ้งนิดนึงแต่ก็ยังคงทำเป็นเฉย ๆ อยู่ เห็นแบบนั้นอเลาดิเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก
“นี่ คิดว่าพวกมันจะขังเราไว้นานเท่าไหร่”
ฮิบาริรีบพูดขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายชักจะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งทางนั้นเองก็ชะงักแล้วเลิกคิ้ว จากนั้นก็ถอยกลับไปแล้วตอบแบบไม่ใส่ใจนัก
“ไม่รู้สิ จนกว่าจะพอใจละมั้ง”
“.....”
“นี่ เล่าเรื่องของเธอกับพ่อของเธอให้ฟังหน่อยสิ”
“อารมณ์ไหนอีกละ”
เจ้าตัวถามพร้อมทั้งมุ่ยหน้า เมื่อกี้ยังทำท่าเจ้าเล่ห์อยู่เลย พอมาตอนนี้กลับอยู่ในสภาพขรึม ๆ อีกแล้ว สรุปแล้วนิสัยจริง ๆ ของคน ๆ นี้เป็นยังไงกันแน่เนี้ย
“ก็อารมณ์นี้แหละ เธอ...”
ผลั๊วะ!!!
“กินข้าวซะ”
คนตาฟ้ายังพูดไม่ทันจบก็มีคนเปิดประตูเข้ามาแล้วเอาจานข้าวสองจานมาวางไว้ตรงหน้าพวกเขา ฮิบาริมองจานข้าวแล้วเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ก่อนจะขยับมือที่ถูกมัดไพล่หลังเป็นสัญญาณให้รู้ว่ากินไม่ได้
“ใช้มือจับช้อนไม่ได้ก็เลียเอาซะสิ หมามันยังทำได้เลย ฮ่า ๆ ๆ”
ผลัก!!!
“โอ้ย!!!”
อเลาดิใช้เท้าถีบหน้าแข้งไอ้หมอนั้นทันทีที่มันพูดจบ ถึงจะโดนจับมาแบบนี้แต่ศักดิ์ศรีของเขาก็ยังอยู่เล่นมาพูดจาเปรียบเทียบกับเจ้าสี่เท้าแบบนี้เขาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
“แก”
หลังจากร้องจนพอใจชายร่างใหญ่ที่โดนถีบก็ตรงเข้าเล่นงานคนตาฟ้าทันที มือกร้านกระชากเส้นผมสีฟางให้เงยหน้าขึ้นแล้วตบหน้านิ่ม ๆ นั้นเต็มแรง
“อาจารย์”
ฮิบาริรีบลุกขึ้นแล้วกระแทกร่างกายใหญ่ ๆ ของชายคนนั้นหวังให้ปล่อยอาจารย์ที่ตอนนี้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของตัวเองสักที แต่นอกจากจะไม่สะเทือนแล้ว มือที่ใช้ตบหน้าอีกคนก็เปลี่ยนมาจับต้นแขนเล็กของคนผมดำแล้วเหวี่ยงใส่กำแพงทันที
“ฮิบาริ”
อเลาดิเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนตั้งท่าจะลุกขึ้นไปดูอาการของน้องชายแต่กับโดนจิกผมแรงขึ้นจนต้องเบ้หน้าเพราะความเจ็บ เจ้าตัวถุยเลือดจากการโดนตบเมื่อกี้ใส่หน้าเจ้าร่างยักษ์อย่างไม่เกรงกลัว เป็นผลให้โดนจับหัวโขกกำแพงจนเป็นแผลแตกเลือดไหลออกมาเป็นทาง
“หึ พวกไม่เจียมตัว”
“อาจารย์ แก”
คนร่างเล็กที่ลุกขึ้นมาได้แล้วออกแรงถีบไปที่ข้อพับขาจนมันทรุดลง จากนั้นก็ตามไปเตะเสยคางไปอีกทีจนมันลงไปนอนมึนอยู่ที่พื้น เห็นแบบนั้นเจ้าตัวเลยรีบวิ่งเข้าไปหาอาจารย์ที่นั่งสะบัดหัวอยู่กับกำแพงทันที เลือดสีสดไหลออกจากปากแผลลงมาตามเรียวหน้า ถึงจะไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็ก
“อาจารย์เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไร ขอโทษนะที่ทำให้เจ็บตัวไปด้วย”
“ไม่หรอก ผมเองก็กะว่าจะทำแบบนั้นเหมือนกัน อาจารย์เลือดออกเต็มเลย”
อเลาดิยิ้มให้อีกคนบาง ๆ อย่างจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่แล้วดวงตาเรียวสวยก็เบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้าตัวใหญ่ลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าถมึงทึง
“ฮิบาริ หลบเร็ว”
“อุก...”
เจ้าตัวร้องออกมาด้วยความจุกเมื่อร่างทั้งร่างโดนเหวี่ยงเข้ากับกำแพงอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวใหญ่นั้นจะเดินตามมากระชากตัวเขาให้ลุกขึ้นยืนแนบกับกำแพง จากนั้นมือใหญ่ ๆ กร้าน ๆ ก็คว้าหมับเข้าที่ลำคอขาวแล้วออกแรงบีบ
“ฮิบาริ ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ”
อเลาดิรีบลุกขึ้นกระแทกคนที่ทำร้ายน้องชายของตัวเองโดยลืมซึ่งความเจ็บ แต่ไม่ว่าจะยังไงหมอนั้นก็ไม่สะเทือนสักนิด ซ้ำมือข้างที่ว่างของหมอนั้นยับบีบต้นแขนของเขาไว้แน่น
“ฉันได้รับคำสั่งให้มาเฝ้า ห้ามฆ่า แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำร้ายพวกแกไม่ได้”
เสียงเหี้ยม ๆ พูดขึ้นก่อนจะบีบคอคนร่างเล็กแรงขึ้นจนใบหน้าขาว ๆ ตอนนี้แดงก่ำ ลมหายใจเริ่มติดขัดขึ้นเรื่อย ๆ แรงจะขยับตัวเริ่มลดน้อยลง พร้อม ๆ กับดวงตาที่เริ่มปรือปรอยอย่างคนจะหมดสติ
“ฮิบาริ ฮิบาริ ฉันบอกให้ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้ไม่ได้ยินหรือไง ปล่อยสิ”
คนร่างบางตะโกนพร้อมทั้งออกแรงดิ้นให้หลุดจากพันธนาการนี้เพื่อจะเข้าไปช่วยลูกศิษย์ที่ตอนนี้หยุดดิ้นไปแล้ว โดยไม่สนใจว่าข้อมือของตัวเองจะเริ่มแดงขึ้นจากการเสียดสีของเชือก
“ฮิบาริ...”
ปัง!!!
เสียงถีบประตูอย่างรุนแรงดังขึ้นจนทั้งคู่ต้องหันไปมอง ส่วนทางฮิบาริตอนนี้หมดสติไปแล้ว เมื่อกี้ก่อนจะหมดลมเป็นเพราะมีเสียงดังเกิดขึ้นเจ้าตัวใหญ่เลยเผลอคลายแรงบีบออกทำให้เขาหายใจเติมอาการเข้าไปทันแต่ก็หมดสติไปทันที
“แกตาย”
เสียงอย่างคนโมโหสุด ๆ มาพร้อมกับหมัดหนัก ๆ ที่ชกเข้าใส่ใบหน้าของคนร่างยักษ์ส่งลงไปนอนงงอยู่ที่พื้นทันที ชายหนุ่มผมทองรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างที่ทรุดลงทันทีที่ไม่มีสิ่งใดพันธนาการตนเองอยู่ มือแกร่งตบแก้มนิ่มเบา ๆ พร้อมเสียงเรียกชื่อเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว
“เคียวยะ เคียวยะ”
ไร้เสียงใด ๆ ตอบกลับมาจากร่างที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอด ดีโน่หันไปตวัดตามองเจ้าคนที่กล้าทำร้ายร่างกายคนที่เขารักก่อนจะแกะเชือกที่มัดข้อมืออีกฝ่ายออกแล้ววางร่างบางให้นั่งพิงกับกำแพงส่วนตัวเองก็เดินกลับไปยำเจ้าหมอนั้นต่อด้วยอารมณ์โกรธสุด ๆ
“อเลาดิ คุณไม่เป็นไรนะ”
คนโดนถามรีบส่ายหัวก่อนจะหันหลังส่งมือให้อีกฝ่ายแกะเชือกให้ทันที ด้วยร้อนใจอย่างจะรีบเข้าไปดูอาการของลูกศิษย์ที่นอนไม่ได้สติอยู่ ทางดันเต้เองก็เหมือนกัน เขารีบแกะเชือกให้อีกฝ่ายก่อนจะหันไปมองทางดีโน่ที่ทั้งต่อยทั้งกระทืบเจ้าตัวยักษ์คนนั้นจะเลือดสาดกระเซ็นเต็มไปหมดแล้วรีบไปดูอาการคนรักเก่าทันที
“ฮิบาริ ฮิบาริ ตื่นสิ ฮิบาริ”
อเลาดิใช้มือลูบไล้ใบหน้าคนที่หมดสติไปเบา ๆ พร้อมโอบกระชับร่างเล็กเข้าอ้อมอกโดยไม่สนใจว่าตอนนี้เลือดจากแผลที่ศีรษะจะไหลออกมามากมายขนาดไหน
“อเลาดิ ขอผมดูหน่อยนะ”
ดันเต้ที่อยู่ข้าง ๆ กันรับร่างที่ถูกส่งให้ก่อนจะตรวจอาการดูอย่างคราว ๆ แล้วหันไปบอกกับอีกคนที่มีสีหน้าร้อนลนอยู่พร้อมทั้งส่งผ้าเช็ดหน้าให้ใช้กดแผลไว้อีกด้วย
“เธอไม่เป็นไรมากหรอก แค่หมดสติไปเฉย ๆ”
“จริง ๆ นะ”
“อืม”
“ดันเต้เคียวยะเป็นยังไงบ้าง”
ดีโน่ที่หลังจากซ้อมเจ้ายักษ์นั้นจนสมใจแล้วเดินเข้ามาถามอาการคนร่างเล็กอย่างเป็นห่วง มือแกร่งโอบร่างบางของคนที่ไม่ได้สติเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วหันไปมองอเลาดิอย่างเป็นห่วงเช่นกันเมื่อทางนั้นเองก็เลือดออกเยอะพอดู
“แค่หมดสติไปเฉย ๆ นะ”
“งั้นหรอ งั้นก็ไปกันเถอะ”
เจ้าตัวว่าก่อนจะอุ้มร่างเล็กของลูกศิษย์ไว้แนบอกแล้วพาเดินออกจากบ้านเก่า ๆ หลังนี้อย่างรีบร้อน ตอนที่ถีบประตูเข้าไปแล้วเห็นว่าคน ๆ นี้โดนบีบคออยู่ตัวเขาแทบทรุด เหมือนแข้งขามันอ่อนแรงไปหมด แต่แล้วจู่ ๆ ความโกรธก็แล่นริ้ว ๆ ขึ้นมาทำให้รีบเข้าไปอัดหน้าไอ้คนที่มันกล้ามาทำกับคนที่เขารักแบบนี้ แล้วยิ่งเห็นว่าพอหมอนั้นปล่อยมือแล้วร่างเล็ก ๆ นั้นทรุดลงไปเขาก็ยิ่งตกใจ รีบถลาตัวเข้าไปรับไว้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะกระแทกพื้น รอยแดงที่ปรากฏให้เห็นรอบคอยิ่งเหมือนชนวนระเบิดที่ทำให้อารมณ์โมโหของเขาขาดพึง ถึงได้กลับไปจัดการเจ้าคนตัวใหญ่นั้นอีกครั้ง
ทางดันเต้เองก็ประคองคนร่างบางให้เดินออกอย่างระวังเหมือนกัน ไม่ใช่ระวังพวกที่คุมอยู่ แต่เพราะกลัวว่าจะลงเท้าหนักเกินไปจนสะเทือนถึงแผลต่างหาก เพราะพวกที่ดูแลอยู่ที่นี่ทั้งหมดโดนคนของพวกเขาจัดการไปหมดแล้ว ตอนที่ไปซื้อของกัน หลังจากเสร็จแล้วกำลังจะเดินกลับบ้าน อยู่ ๆ พวกเขาก็หันไปเห็นจังหวะที่สองคนนี้เดินขึ้นรถตู้ไปพอดี ทางดีโน่สังเกตเห็นปืนที่จี้ทั้งสองคนไว้เลยตั้งท่าจะวิ่งเข้าไปซะเดี๋ยวนั้น แต่ตัวเขาห้ามไว้แล้วบอกให้เรียกพวกลูกน้องสะกดรอยตามกันไปดีกว่า ซึ่งดีโน่เองก็รับฟังจนพวกเขาตามมาถึงที่นี่
“ทำไม ถึงตามมาได้ละ”
อเลาดิถามขึ้นมาอย่างสงสัยพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ บ้านเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่าง มีผู้ชายตัวใหญ่ 6-7 คนนอนสลบกันเกลื่อนพื้น พอมองออกไปนอกบ้านก็เห็นผู้ชายใส่สูทสีดำ ใส่แว่นตาดำยืนรออยู่ 4 คน แสดงว่าพวกนี้เป็นคนของสองคนนี้งั้นสินะ
“ออกไปซื้อของตอนนั้นพอดีนะ พอเห็นเลยรีบสะกดรอยตามมา”
“งั้นหรอ”
เจ้าตัวพยักหน้ารับก่อนจะรีบเดินตามดีโน่ให้ทันเพราะตัวเขาเองก็ห่วงน้องชายคนใหม่อยู่เหมือนกัน ถึงแม้ดันเต้จะบอกว่าแค่สลบไปเฉย ๆ แต่ความรู้สึกห่วงแบบนี้มันห้ามกันได้ที่ไหน
ดีโน่พยักหน้าให้พวกลูกน้องขึ้นรถอีกคันแล้วขับออกไป ส่วนตัวเองก็ขึ้นเบาะหลังรถอีกคันพร้อมร่างลูกศิษย์ โดยมีดันเต้เป็นคนขับ ส่วนอเลาดิก็นั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ จากนั้นก็รีบออกรถทันที
.............................................................................
Writer talk : สวัสดีคะ ตอนนี้สรุปแล้วคำตอบที่ถูกต้องคือข้อ 1 นะคะ สองพระหน่อดันเต้และดีโน่ตามมาช่วยไว้ได้ทันนะ สงสารทั้งสองคนจังเลยอะ เจ็บตัวด้วย อีกคนก็เลือดออก อีกคนก็โดนบีบคอจนสลบเลย...หึ ๆ แต่สมน้ำหน้า เจ้าตัวใหญ่นั้นที่โดนเฮียโน่ยำซะเละเลย ชิ บังอาจมาทำสุดสวยทั้งสองคนก็ต้องโดนแบบนี้แหละ
อ้อ ตอนหน้า NC อีกแล้วนะคะ NC สองตอนติดเลยด้วยละ จะรับกันได้ไหมเนี้ย คงพอกันเดาออกนะว่าคู่ใครกับคู่ใคร คู่ไหนลงก่อนคู่ไหนลงหลังก็ต้องไปลุ้นกันอีกทีด้วยนะ ส่วนใหญ่ทุกคนอยากอ่านของคู่ไหนกันก่อนอะ ระหว่าง D18 และ ดันเต้ x อเลาดิ ไรท์เตอร์อยากรู้อะ แล้วก็นะ ไรท์เตอร์ไม่ได้ส่งเมลล์ให้ใครแล้วนะคะ แต่ว่าจะใส่ลิ้งค์ไว้ให้แทนนะ ^^
ความคิดเห็น