คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : Chapter 27
“ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยไป อืม...ให้อเลาดิไปอาบที่ห้องก่อนด้วยแล้วกัน ฉันเองก็ยังไม่ได้ให้แม่บ้านจัดห้องไว้ให้”
“จัดห้อง?”
คนร่างบางถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาสีดำสนิทมองหน้าคนเป็นพ่อก่อนจะหลุบต่ำลงอย่างความเคยชิน เห็นแบบนั้นคนเป็นพ่อเลยยิ้มแล้วตัดบทไปก่อน
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันให้เรียบร้อยก่อนเถอะ แล้วค่อยออกมาฟัง ส่วนอเลาดิเดี๋ยวฉันจะให้แม่บ้านเอาชุดสำรองไปให้เปลี่ยนก่อนนะ”
“ครับ”
เจ้าตัวตอบรับก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะจูงมือคนที่ยังทำหน้างง ๆ ให้ไปด้วยกันด้วย เพราะฉะนั้นตอนนี้ในห้องของคนเป็นเจ้าบ้านถึงได้เหลือคนอยู่เพียงสามคนเท่านั้น
“เธอสองคนเป็นใคร”
“ผมชื่อดีโน่ คาวัลโลเน่ครับ เป็นอาจารย์ของเคียวยะ”
“ผมชื่อดันเต้ คาวัลโลเน่ครับ เป็นพี่ของเคียวยะ”
ทั้งคู่ตอบคำถามด้วยท่าทางเกรง ๆ ถึงแม้คน ๆ นี้จะหน้าตาคลายกับสองคนที่พวกเขารักมากแค่ไหน แต่ไม่อยากจะบอกว่าเขาทั้งคู่รักไม่ลงกันเลยทีเดียว เมื่อเจอดวงตาดุ ๆ ตวัดมอง
“เป็นพี่น้องกัน”
“ครับ”
ฮิบาริคนพ่อจ้องคนสองคนตรงหน้าไม่วางตา อะไรบางอย่างมันบอกกับเขาว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์กับลูกชายทั้งสองของเขาลึกซึ้งกว่านี้ ดวงตาคมเลยจ้องมองทั้งคู่อย่างกดดันแล้วถามสิ่งที่คาใจออกไป
“แล้วกับอเลาดิ พวกเธอเป็นอะไรกับเขา”
“เป็นเพื่อนครับ”
ดีโน่เป็นคนตอบออกมา ดันเต้เองก็พยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้มันรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กดดันยังไงไม่รู้แหะ
“เป็นอะไรกันมากกว่านี้หรือเปล่า”
“เอ่อ...”
ดีโน่ไม่รู้จะพูดยังไงดี ดันเต้เองก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน ก่อนทั้งคู่จะหันมามองกันเองแล้วผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อคลายอาการประหม่า แล้วก็เป็นดันเต้ที่พูดขึ้นมาก่อน
“ผมเป็นคนรักเก่าของเคียวยะครับ แต่ว่าตอนนี้เลิกกันแล้ว”
คนเป็นเจ้าบ้านขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนี้ รู้สึกเหมือนจะมีอารมณ์โกรธประทุขึ้นมา แต่แล้วเขาก็สงบจิตสงบใจแล้วมองดูว่าอะไรที่ทำให้ลูกชายของเขาหันไปชอบเพศเดียวกันได้แบบนี้
...เป็นเพราะอยากได้ความเอาใจใส่ ต้องการมีคนคอยปกป้องดูแล
อืม น่าจะเป็นเหตุผลนี้แหละ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยใส่ใจเจ้าตัวเลยสักครั้ง พอคิดได้แบบนี้ก็เหมือนกับจะทำความเข้าใจได้ ความโกรธที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เลยค่อย ๆ ลดลงจนไม่เหลือในที่สุด
“เลิกกันแล้วก็เลยกลายเป็นพี่?”
“คือจริง ๆ ตอนนี้เขาก็กำลังโกรธผมอยู่นะครับ เรื่องที่เขาโดนจับตัวไปก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมด้วย เพราะผู้หญิงคนนั้น”
“ฉันพอจะได้ฟังจากโทรศัพท์มาคร่าว ๆ แล้วละ”
ดันเต้มองคนตรงหน้าอย่างเดาความคิดไม่ออก ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำหน้าได้นิ่งสนิทขนาดนี้กันนะ เคียวยะกับอเลาดิถึงจะมีหน้านิ่ง ๆ แบบนี้เหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ยังแสดงสีหน้าอย่างอื่นออกมาบ้างขณะพูด แต่จะว่าไป พอมาเปรียบเทียบแบบนี้แล้วสามคนนี้ดูหน้าตาคล้ายกันดีนะ เคียวยะกับคุณพ่อจะเหมือนกันก็ไม่แปลก แต่อเลาดินี่สิ ไปหน้าเหมือนสองพ่อลูกนี่ได้ยังไง
“ครับ”
“แล้วเธอละ เกี่ยวข้องยังไงกับลูกชายฉัน”
“ก็อย่างที่บอกครับ ว่าเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ ส่วนที่มากกว่านั้นคือผมชอบเคียวยะครับ”
ดีโน่ตอบออกไปตรง ๆ โดยไม่มีอ้อมค้อม และคำตอบนั้นก็ทำเอาพี่ชายร่วมสายเลือดเกือบอ้าปากค้าง เมื่อกี้ที่เขาสารภาพออกไปยังนึกหวั่น ๆ อยู่เลย โชคดีที่ทางนั้นไม่เอาความอะไรมาก อาจเพราะเห็นว่าเลิกกันไปแล้วด้วย แต่มาคราวนี้ น้องชายเขาจะรอดไหมเนี้ย
“ชอบ? คนรัก?”
“ครับ”
“เธอคิดว่าฉันเป็นคนใจดีขนาดไหน”
ผู้อาวุโสที่สุดในห้องถามออกมาเสียงเรียบ ดวงตาคมดุจ้องมองคนที่ตอบคำถามของเขาแบบไม่มีอ้อมค้อม ดวงตาสีอำพันที่สบมองกลับมามีแต่ความแน่วแน่และตรงไปตรงมา เขาอยากจะยิ้มให้กับความไม่เกรงกลัวนี้จริง ๆ แต่ไม่เอาดีกว่า ถ้ายิ้มให้ตอนนี้เดี๋ยวหมอนี่จะเหลิง ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะถูกใจเจ้าหนุ่มตรงหน้าเข้าแล้วก็เถอะ
“ไม่ทราบครับ”
“แล้วรู้ไหมว่าฉันหวงลูกชายมาก”
“พอรู้ครับ”
“แล้วทำไมถึงยังกล้าบอกว่าชอบลูกชายฉัน”
ดีโน่จ้องคนตรงหน้านิ่งอย่างไม่หวั่นเกรง ไม่ใช่ความรู้สึกที่ไม่เคารพ หากแต่เขาอยากแสดงความจริงใจให้ได้เห็นก็เท่านั้น รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันรับกันไม่ค่อยได้หรอก ยิ่งเป็นตระกูลญี่ปุ่นโบราณแบบนี้ด้วย แต่เขาก็ยังอยากจะให้รู้ว่าเขาจริงใจกับลูกชายบ้านนี้มากจริง ๆ
“เพราะผมชอบ อันที่จริงต้องเรียกว่ารักด้วยซ้ำไป และเพราะผมรัก ผมถึงอยากให้ได้รู้ไว้ว่าการที่ผมจะเข้าหาลูกชายของคุณไม่ใช่เพียงเพื่อหวังผลอะไร แต่เพราะผมรักเขาด้วยใจถึงอยากจะดูแลปกป้องเขาให้ถึงที่สุด”
“คิดว่าฉันจะให้เข้าหาเคียวยะได้ง่าย ๆ หรือไง คิดอะไรสั้นเกินไปหรือเปล่า”
ฮิบาริคนพ่อพูดด้วยสีหน้านิ่ง ๆ ถึงแม้เขาจะถูกใจเจ้าหนุ่มนี่ขนาดไหน แต่จะยังไงก็คงต้องรอถามลูกชายก่อนว่าความรู้สึกตรงกันหรือเปล่า ถ้าชอบเหมือนกัน เขาจะยอมปล่อยให้ก็ได้ เพราะที่ผ่านมาก็บังคับเจ้าตัวเขามาเยอะแล้ว แต่ถ้าไม่ชอบเขาก็จะกีดกันผู้ชายคนนี้ออกจากชีวิตของลูกเขา เอาเป็นว่านับแต่นี้เขาจะตามใจลูกชายคนเล็กแบบไม่มีข้อแม้เลยด้วย ถือว่าให้คุ้มค่ากับการที่เจ้าตัวต้องเสียใจตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา
“ใครจะมองยังไงก็ตามแต่ ในเมื่อผมรักของผม ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรผมจะไม่ยอมแพ้แน่ ๆ”
“หึ”
ดันเต้มองคนที่แสยะยิ้มตรงหน้าแล้วก็ให้ชักเกรง ๆ ว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ ในเมื่อน้องชายของตัวเองก็พูดจาแบบนั้นออกไป แต่ยังคิดได้ไม่ถึงไหนก็ต้องตกใจกับประโยคต่อมา
“เตรียมตัวไว้เถอะ เพราะไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นที่หวงเคียวยะ อเลาดิเองก็หวงน้องชายไม่แพ้ใครเหมือนกัน”
“อเลาดิหวงน้องชาย?”
ดีโน่ทวนคำขึ้นมางง ๆ สมองเริ่มประมวลผลคำพูดที่ได้ยินมาก่อนจะเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างตกใจ ซึ่งทางดันเต้เองก็มีสีหน้าท่าทางไม่ต่างกัน
“อเลาดิคือลูกชายคนโตของฉัน เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเคียวยะ”
“ห๊ะ!!!”
อารามตกใจทำเอาสองพี่น้องคาวัลโลเน่สำรวมกิริยาเอาไว้ไม่อยู่ ทั้งคู่ตะโกนเสียงดังแถมยังทำท่าช็อคค้างกันอีกต่างหาก แต่พอเห็นว่าเจ้าบ้านเริ่มจะขมวดคิ้วอย่างคนอารมณ์ไม่ค่อยดีแล้วก็กลับมาสงบเสงี่ยมกันเหมือนเดิม เหมือนกันจริง ๆ อาการไม่ชอบเสียงดัง ๆ เนี้ย เหมือนกันทั้งสามพ่อลูกเลย
“อเลาดิคือลูกของคุณจริง ๆ หรอครับ”
ดันเต้ถามขึ้นหลังจากกลับมานั่งเรียบร้อยเหมือนเดิม ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือการพยักหน้ารับจากผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เห็นแบบนั้นเขาเองก็มีเรื่องจะต้องบอกเหมือนกัน
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมเองก็มีเรื่องจะต้องบอกเหมือนกันครับ”
“อะไร”
“ผมเองก็ชอบลูกชายของคุณเหมือนกันครับ ผมชอบอเลาดิ”
“หืม?”
ฮิบาริคนพ่อขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายพูด เขาจ้องหน้าคาวัลโลเน่คนพี่นิ่ง ๆ เหมือนกับตอนที่จ้องดีโน่ และแววตาที่ได้ตอบกลับมาก็เหมือนกับดวงตาสีอำพันนั้นไม่มีผิด ดวงตาสีส้มแดงที่แสดงถึงความมุ่งมั่นและตรงไปตรงมา
“ถ้าคุณจะถามอะไร ผมเองก็ขอยืนยันในคำตอบเดียวกันกับน้องชายของผม ว่าผมรัก และจะไม่ยอมแพ้ต่ออะไรทั้งสิ้น”
ดันเต้พูดออกมาพร้อมทั้งจ้องตากับคนตรงหน้าอย่างจริงจัง เขาเห็นว่าแวบนึงที่คน ๆ นั้นขมวดคิ้ว ก่อนจะกลับมาตีหน้านิ่งเหมือนเดิมแล้วไม่พูดอะไรต่อ
พวกเขาสามคนนั่งกันเงียบ ๆ แบบนั้นอยู่นานพอสมควร เสียงขออนุญาตก็ดังมาจากหน้าห้อง และคนที่พูดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฮิบาริ เคียวยะ
“ท่านพ่อ ขออนุญาตครับ”
เสียงหวานที่ดังขึ้นทำเอาฮิบาริคนพ่อได้สติ เจ้าตัวบอกอนุญาตออกไป ก่อนจะได้ยินเสียงเลื่อนประตูให้เปิดออก จากนั้นก็มีร่างสองร่างเดินเข้ามาในชุดยูคาตะสีดำและน้ำเงินเข้ม
“มากันแล้วหรอ ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกเธอหน่อย ส่วนสองคนนี้รีบกลับหรือเปล่า”
“เอ่อ ไม่รีบครับ แต่ถ้าให้กลับก็กลับได้ครับ”
พูดไปแล้วดีโน่ก็แทบจะกัดลิ้นตาย ดันเต้ที่ได้ยินแบบนั้นก็แทบจะบิดเอวให้ร้องจ้ากถ้าไม่ติดว่าตอนนี้มีคนสามคนกำลังมองมาทางพวกเขาแล้วขมวดคิ้วกันอย่างพร้อมเพรียง
“ถ้าไม่รีบก็อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ฉันมีเรื่องต้องคุยกับลูกชายฉัน เพราะฉะนั้นจะให้คนพาไปดูบริเวณบ้านก็แล้วกัน”
“ได้ครับ”
“เคียวยะไปตามมินาโกะมาหน่อยไป”
“ครับท่านพ่อ”
เจ้าตัวรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องไป เพียงครู่เดียวก็กลับมาพร้อมหญิงรับใช้คนหนึ่ง เธอเข้ามารับคำสั่งก่อนจะเชิญพี่น้องคาวัลโลเน่ให้เดินตามออกไป พอห้องทั้งห้องเหลือกันเพียงสามคน ผู้มีศักดิ์เป็นพ่อก็เรียกชื่อลูกชายคนเล็กทันที
“เคียวยะ”
“ครับท่านพ่อ”
“ฉันขอโทษ”
อเลาดิมองภาพตรงหน้ายิ้ม ๆ น้องชายของเขากำลังทำหน้าเหมือนคนช็อคโลก ดวงตาสีดำสนิทเบิกกว้างขึ้นอย่างน่ารัก แถมริมฝีปากสีสวยยังอ้าออกนิด ๆ อีกด้วย ส่วนคนเป็นพ่อตอนนี้ก็กำลังเก๊กขรึมทั้งที่เขาดูออกว่ากำลังเกิดอาการประหม่า เพราะถึงจะอายุมากแค่ไหน แต่เวลาเขินอายที่แก้มก็มีสีแดง ๆ ขึ้นเหมือนกันนั้นแหละ
“ท่านพ่อ ทำไม...”
“อเลาดิเป็นคนเตือนสติฉัน แล้วพอมาลองคิดดูก็จริงอย่างที่เจ้าตัวว่า ฉันทำร้ายเธอ ทำให้เธอเสียใจมาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เธอไม่มีความผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ คนที่ผิด คนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่ใคร ก็ตัวฉันเองนี่แหละ”
คนเป็นพ่อพูดออกมาพร้อมทั้งจ้องหน้าลูกชายคนเล็กไปด้วย เขาเลยได้เห็น แววตาสั่นไหวก่อนที่น้ำใส ๆ จะไหลรินออกมา เจ้าตัวเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ก่อนจะอ้าปากถาม
“มันเรื่องอะไรกันครับ ผมไม่เข้าใจที่ท่านพ่อพูด”
“ฉันน่ะ ก่อนหน้าที่จะมาอยู่กับเธอและแม่ของเธอ ฉันเคยมีครอบครัวมาก่อน มีภรรยาและลูกชายหนึ่งคน จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันไปทำผู้หญิงอีกคนหนึ่งท้อง ฉันถูกพ่อบังคับให้รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นเลยต้องทิ้งครอบครัวนั้นมา แล้วก็มาอยู่กับแม่ของเธอ...”
น้ำตาใส ๆ ไหลรินออกมามากขึ้นเมื่อฟังมาถึงตรงนี้ เจ้าตัวเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องได้แล้วว่าการกระทำทั้งหมดที่ท่านพ่อทำกับเขาก่อนหน้านี้เกิดจากอะไร รวมถึงคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นี่มีส่วนเกี่ยวข้องยังไงกับเขา ยิ่งถ้าเอาเรื่องราวของอเลาดิมาผสมรวมกัน จุดจบของเรื่องคงไม่ต้องถามถึง
“ฉันทำดีกับเธอทุกอย่างเวลาที่แม่ของเธอยังอยู่เพราะถูกขอเอาไว้ พอผู้หญิงคนนั้นเสียไปฉันถึงได้ทำเย็นชาและห่างเหินแบบนั้น เพราะคิดมาตลอดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของเธอ โดยไม่ได้ย้อนดูตัวเองเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แท้จริงแล้วมันเริ่มมาจากใคร...”
“ท่านพ่อ”
“ฉันขอโทษนะ เคียวยะฉันขอโทษ”
คนเป็นพ่อพูดออกมาด้วยเสียงสั่น ๆ จมูกเริ่มจะแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เพราะอยู่ต่อหน้าลูกชายทั้งสองคนเขาถึงไม่อยากจะร้องไห้ เรื่องในวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเมื่อเช้าลูกชายคนโตของเขาไม่ได้เตือนสติไว้ แล้วคิดดูว่าเขาจะต้องทำร้ายลูกชายของตัวเองไปอีกเท่าไหร่ ต้องทำให้หัวใจดวงนั้นบอบช้ำไปอีกเท่าไหร่ ห้วงความคิดหยุดลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงเบา ๆ ที่ลูกชายคนเล็กเอ่ยถามออกมา
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้...ผมกอดท่านพ่อได้ใช่ไหมครับ”
ไม่ต้องรอให้ได้คำตอบ ร่างทั้งร่างก็ถูกมือแกร่งคว้าเข้าไปหา อ้อมกอดอบอุ่นกอดรัดร่างของลูกชายคนเล็กเอาไว้ ก่อนจะดึงเอาลูกชายคนโตที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเดียวกัน
“ฮึก ท่านพ่อ”
“ฉันรักพวกเธอสองคนมากนะ เคียวยะ อเลาดิ”
“ผมก็รักพ่อกับน้องเหมือนกันครับ”
“ผมเองก็รักทั้งสองคนนะ”
และในที่สุดคนเป็นพ่อก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองคนร้องไห้ออกมาทั้งคู่แล้ว ความดีใจที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้รอยยิ้มยินดีเกิดขึ้นอีกครั้งในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา มือแกร่งโอบกอดร่างของคนสำคัญที่สุดในชีวิตทั้งสองคนไว้อย่างแน่นหนา จมูกโด่งกดลงบนเรือนผมสีฟางสวย ก่อนจะย้ายมากดจูบลงบนเรือนผมสีดำสนิทที่อยู่ใกล้ ๆ กัน
คนเป็นลูกทั้งสองคนก็กอดพ่อของตัวเองไว้แน่น อีกมือหนึ่งก็กอดกันเองแล้วยิ้มออกมา อเลาดิเลือนไปจูบที่หน้าผากน้องชายเบา ๆ แล้วเงยขึ้นหอมแก้มพ่อไปฟอดหนึ่ง เห็นแบบนั้นคนอายุน้อยสุดเลยเอาบ้าง มือที่กอดเอวพี่ชายอยู่เปลี่ยนเป็นคล้องคออีกฝ่าย ดึงเข้ามาใกล้ ๆ แล้วจูบที่แก้มเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปหอมแก้มคนเป็นพ่อบ้าง
“ผมรักท่านพ่อมากนะ รักอา...”
เจ้าตัวชะงักไปเมื่อกำลังจะเรียกคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ว่าอาจารย์ หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างคนไม่พอใจ เมื่อสุดท้ายแล้วพูดไม่ออกว่าจะเรียกอีกฝ่ายว่ายังไงดี
“เรียกอาจารย์เหมือนเดิมก็ได้มั้ง”
อเลาดิเองก็ชะงักไปเหมือนกัน เจ้าตัวเปลี่ยนมานั่งดี ๆ เพราะตอนนี้คนเป็นพ่อเองก็ปล่อยกอดไปแล้วเมื่อเห็นว่าพวกเขาชะงักไป ที่ปล่อยก็ไม่ใช่อะไร เอามือไปเช็ดน้ำตานั้นแหละ จะว่าไปพอคิดถึงกอดเมื่อกี้แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ดีเหมือนกันนะ แต่ที่แน่ ๆ คือการได้กอดพ่อกับน้องแบบนี้แล้ว มันอบอุ่นอย่าบอกใครเลย
“แล้วถ้าปีหน้าอาจารย์ไม่ได้สอนผมแล้วละ ยังเรียกอาจารย์อยู่มันจะดูแปลก ๆ นะ”
“หรือเธอจะเรียกฉันว่าพี่”
คนเป็นน้องทำท่าคิดหนัก เจ้าตัวก้มหน้านิ่งอย่างพยายามนึกว่าจะหาสรรพนามอะไรมาแทนที่คำว่าอาจารย์ดี ถึงแม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่ถ้าจะให้เรียกแบบนั้นเลยเขาว่ามันคงจะต้องรู้สึกกระดากปากมากแน่ ๆ เลย อีกฝ่ายเองก็คงต้องแสลงหูไม่แพ้กัน
“เป็นพี่น้องกันก็เรียกพี่เรียกน้องแบบนี้ก็ดีแล้ว จะต้องคิดให้มากความไปทำไม”
ทั้งคู่หันไปมองหน้าพ่อแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ค้านอะไร สรุปก็เอาตามนั้นแล้วกัน ดวงตาสีดำสนิทมองพี่ชายและพ่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วก็ยิ้มออกมาบาง ๆ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในที่สุด ก็จะมีวันนี้อย่างคนอื่นเขาสักที
“ว่าแต่ว่า สองคนที่มาด้วยนั้นนะ เป็นอะไรกัน”
“เอ่อ...”
คนเป็นพ่อแกล้งถามขึ้นมาทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว พอเห็นว่าลูกชายทั้งสองคนเงียบไปก็แอบยิ้มไม่ให้ทั้งคู่เห็น ก่อนจะหลิวตามองอย่างคาดคั้น แล้วสุดท้ายก็ถอนใจออกมาเมื่อไม่มีวี่แววว่าลูกชายจะตอบอะไร
“ฉันรู้แล้วนะความสัมพันธ์ของพวกเธอสี่คน”
“ระ รู้แล้ว ท่านพ่อรู้”
“พ่อรู้แล้วหรอครับ”
“อืม”
อเลาดิก้มหน้าลงอย่างไม่รู้จะปฎิเสธยังไง ทางด้านน้องชายเองก็จนด้วยคำพูดเหมือนกัน พอเห็นว่าลูก ๆ ก็ยังคงนั่งก้มหน้านิ่งเหมือนเดิม คนเป็นพ่อก็พูดขึ้นมา
“ตอนแรกฉันโกรธนะ ที่รู้ว่าลูกชายมารักมาชอบเพศเดียวกันแบบนี้ แต่พอคิดได้ว่าเหตุผลคืออะไร ฉันก็เลยยอมรับและก็พร้อมจะรับฟังสิ่งที่พวกเธอจะพูดด้วย”
“ท่านพ่อ ผม...”
“ฉันรู้เคียวยะ เป็นเพราะฉันทำให้เธอเสียใจและไม่เคยดูแลเธอเลยสักครั้ง การจะโหยหาความอบอุ่น หรือหาใครสักคนมาปกป้องดูแลไม่ใช่เรื่องแปลก และฉันเองก็จะไม่ห้ามด้วย ถ้าเธอชอบกันจริง ฉันก็จะอยู่ของฉันแบบนี้ แล้วไปเคลียร์ไปตกลงกันได้เมื่อไหร่ก็มาบอก แต่ถ้าไม่ชอบ ก็อย่าหวังว่าเจ้าหนุ่มนั้นจะได้เข้ามาเหยียบที่เรือนของเราอีก”
“เอ่อ...”
“ส่วนเธอนะอเลาดิ ฉันไม่รู้ว่าเธอถูกเลี้ยงมายังไง เห็นตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะรักร่วมเพศได้เลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเธอเองก็คือลูกชายของฉัน ฉันยอมอนุญาตให้น้องชายของเธอไปแล้ว พี่ชายอย่างเธอฉันก็จะไม่ห้าม อย่างที่ฉันบอกกับเคียวยะ ไปเคลียร์และตกลงกันให้เรียบร้อย ได้เรื่องยังไงก็มาบอกฉัน ถ้าชอบฉันก็ยินดีจะรับ แต่ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันก็จะไม่ให้มายืนแม้แต่หน้าบ้าน”
“พ่อ...”
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับพวกเธอแค่นี้ ไปพักผ่อนกันได้แล้วละ หรือไม่อย่างนั้นจะไปพาสองคนนั้นชมเรือนของเราก็ได้ ไว้เวลาอาหารเย็นเมื่อไหร่ฉันค่อยออกไปทีเดียว”
เจ้าบ้านฮิบาริพูดออกมาโดยไม่สนใจท่าทีอึกอักพูดไม่ออกของลูกชายทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย เขาพูดในสิ่งที่คิดไปหมดแล้ว จากนั้นจะเป็นยังไงก็แล้วแต่การตัดสินใจของทั้งคู่เองนั้นแหละ
“ขอบคุณมากนะครับ”
ทายาททั้งสองคนค้อมหัวให้คนเป็นพ่ออย่างจะขอบคุณจากใจจริง พวกเขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้คนสำคัญของตัวเอง ซึ่งฝ่ายนั้นก็ยิ้มบาง ๆ ตอบกลับมาก่อนจะพยักหน้าให้ ร่างสองร่างในชุดยูคาตะสีเข้มถึงได้ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องมา
………………………………………………………………….
Writer talk : ตอนนี้มาแบบเคลียร์ ๆ เลยเนาะ ด้านคุณพ่อนะเคลียร์กันจบทั้งสองฝ่ายเลยนะ ที่นี้ก็เหลือแต่ตัวพวกเขาเองแล้วละ จะบอกให้ว่าตอนนี้รักท่านพ่อสุดใจ เป็นพ่อที่ดีมากเลยอะ(ได้ข่าวว่าเคยบอกว่าท่านพ่อใจร้ายมาก ๆ เลยไม่ใช่หรอ) รู้ไหมว่าตอนที่เฮียโน่พูดว่าชอบเคียว ๆ ต่อหน้าท่านพ่อนะ เป็นอะไรที่ลุ้นมากมายเลยละว่าท่านจะมีอารมณ์แบบไหน รู้สึกตื่นเต้นและกลัวแทน แต่พอสุดท้ายผลลัพท์ออกมาแบบนี้แล้วโล่งใจสุด ๆ การแต่งตอนนี้เป็นอะไรที่สนุกมากจริง ๆ ไรท์เตอร์จำได้ว่าตอนนี้ใช้เวลาสองชั่วโมงก็ออกมาเสร็จสรรพได้แบบนี้เลยนะเนี้ย ภูมิใจจัง ^_^
ความคิดเห็น