คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8
“จะเดินมาพร้อมผมทำไมกันเนี้ย”
คนร่างบางผมดำพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเหลือบไปมองใบหน้าที่ทำสีหน้าไร้อารมณ์ของคนข้างตัวแล้วก็ได้แต่หงุดหงิด ดวงหน้าสวยเลยสะบัดฉับไปอีกทางอย่างไม่ค่อยจะพอใจ
“ต้องไปที่เดียวกันอยู่แล้ว จะเดินคนละรอบให้เสียเวลาไปทำไม”
อเลาดิบอกก่อนจะหันมองไปทางคนตัวเล็กกว่าที่สะบัดหน้าหนีไปอีกทางแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาละไม่เข้าใจอารมณ์ของเด็กคนนี้เลยสักนิด เมื่อวานที่กะว่าจะไปกินข้าวเย็นด้วยแล้วกลับ สุดท้ายก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อตอนที่พวกเขาตื่นขึ้นมากันมันเป็นตอนทุ่มกว่า ๆ แล้ว แล้วเด็กอีกสามคนก็หายตัวกันไปหมดแล้วด้วย สุดท้ายเลยนั่งกินข้าวแล้วก็ค้างที่นั้นมันซะเลย พอตอนเช้าถึงได้ต้องมาเดินไปโรงเรียนด้วยกัน
“งั้นก็ไม่ต้องมาเดินใกล้ผม”
“จะไปห้องเดียวกัน เดินด้วยกันนี่ละ”
“อ๊ะ...”
ฮิบาริร้องขึ้นมาอย่างตกใจก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าที่อยู่ ๆ ก็ขยับมาเดินเบียดกันกับเขา คนตัวเล็กเลยขยับหนีแต่ก็โดนอีกคนเดินมาเบียดกันอีก
“อะไรกันเนี้ย”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะตามดูเธอ เพราะงั้นก็ต้องเดินด้วยกันสิ”
“แล้วมันเกี่ยวกันไหม”
“เธอก็คิดให้มันเกี่ยวสิ หรือทำไม่ได้กัน มันสมองที่มีก็ไม่ใช่ว่าจะน้อย กับเรื่องแค่นี้ไม่หน้าจะเหลือบ่ากว่าแรง”
“อาจารย์”
“ทำไม”
“อาจารย์อย่ามาท้าผมนะ”
“ฉันก็ท้าเธออยู่ทุกวันแต่ไม่เห็นเธอจะทำอะไรเลยนี่หน่า...จะว่าไป ทำไมกันนะ”
อเลาดิว่าก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนเกือบชิดแล้วยักคิ้วให้ ฮิบาริชะงักอย่างตกใจแล้วก้าวขาไปข้างหลัง เสียแต่ว่าตรงนั้นมันมีถุงพลาสติกที่ใครทิ้งไม่เป็นที่ไว้ไม่รู้นี่สิ เจ้าตัวเลยลื้นพรืดหงายหลังลงไป ดีที่ว่าคนตรงหน้าใช้มือช้อนเอวรับไว้ทัน ภาพตอนนี้เลยกลายเป็นเหมือนฉากหนังในทีวีที่นางเอกล้มหงายหลังแล้วพระเอกช้อนตัวรับไว้
“ปล่อยได้แล้ว”
ฮิบาริว่าก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายออกไป ดีที่ตอนนี้เดินถนนอยู่ยังไม่ถึงโรงเรียนเลยไม่มีคนเห็น ถึงจะมีพวกที่ขับรถผ่านก็ไม่เป็นไร แวบเดียวคงจำพวกเขาไม่ได้หรอก
“ขอบคุณก่อน”
อเลาดิบอกก่อนจะกระชับเอวอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น ซึ่งคนโดนนอกจากจะไม่ทำตามแล้วกลับยิ่งโวยวายมากขึ้นไปอีก สองมือเล็ก ๆ ดันตัวอีกฝ่ายออกจากตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
“บอกให้ปล่อยไง ปล่อย ๆ ๆ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”
“เธอนั้นแหละ บอกให้ขอบคุณไงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอ”
“ผมนะรู้เรื่อง แต่อาจารย์ไม่รู้เรื่อง ผมบอกว่าให้ปล่อยไงปล่อย”
คนร่างเล็กโวยวายทั้งยังพยายามดันตัวอีกฝ่ายออกจากตัวเอง แต่คนโดนกลับไม่ยอมแพ้ ยิ่งกระชับเอวบางเข้ามาแนบตัวยิ่งขึ้นมือเรียวสวยคว้าข้อมือเล็กของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ดันตัวเขาออกพร้อมทั้งชะโงกหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้น
“บอกให้ขอโทษ”
“ขอโทษ”
“พูดดี ๆ หางเสียงหายไปไหน”
“ขอโทษครับ”
ฮิบาริตะโกนขึ้นมาอย่างจำยอมเมื่อหน้าของอีกคนชักจะเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ อเลาดิที่เห็นแบบนั้นยิ้มออกมาบาง ๆ แล้วยอมปล่อยตัวอีกฝ่ายออก...จะว่าไปเจ้าเด็กนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ
“ก็แค่นี้”
“โรคจิต...ไม่มีจรรยาบรรณของความเป็นครูเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าผอ.บ้านั้นก็ไม่รู้ไปขุดมาจากไหน นิสัยไม่ดีทั้งคู่เลย นั้นก็อย่างแล้ว นี่ก็ยังจะมาทำแบบนี้กลางทางเดินอีก คนขับรถผ่านไปผ่านมาตั้งเยอะ หน้าหนาเป็นบ้า...”
“บ่นอะไร”
อเลาดิเหลือบตามองคนที่บ่นอะไรออกมายาวเหยียดแล้วขมวดคิ้ว เขาได้ยินแว่ว ๆ ว่ากำลังว่าเขาอยู่หรือเปล่านี้แหละไม่แน่ใจเลยลองถามดู
“เปล่า”
ฮิบาริสะบัดเสียงใส่ก่อนตั้งท่าจะเดินจากไป แต่แล้วสายตาดันเหลือบไปเห็นรถยนต์คันสีแดงที่ดูจะคุ้นตาไม่น้อยจอดอยู่เลยหยุดชะงัก อเลาดิที่เห็นอีกฝ่ายทำท่ามองไปยังอีกทางหนึ่งหันไปมองทางนั้นบ้างแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นรถยนต์คนแดงแสนคุ้นตาจอดอยู่
“นั้นมัน”
“รถของดีโน่”
สิ้นคำ คนสองคนเดินลงมาจากรถด้วยสีหน้าต่างกัน ดันเต้มองหน้าคนร่างเล็กผมดำอย่างรู้สึกผิดก่อนจะหันไปมองคนร่างบางผมสีฟางด้วยแววตาเศร้าสร้อย ส่วนดีโน่มองมาทางคนตาฟ้าด้วยแววไม่พอใจ แต่แล้วก็ใส่ความโมโหลงไปด้วยเมื่อหันมามองคนตาสีดำ
“เมื่อกี้ทำอะไรกัน”
“ตามีไม่เห็นหรือไง”
ฮิบาริตอบสวนขึ้นมาทันทีที่ดีโน่ถามจบ ซึ่งพอได้ยินคำตอบแบบนั้นคนผมทองที่โมโหอยู่แล้วยิ่งทวีความโมโหมากขึ้นไปอีก แต่แล้วเสียงของคนตาฟ้ากลับขัดขึ้นมาซะก่อน
“มาทำอะไรกันที่นี่”
“ผมกำลังจะไปส่งดีโน่ที่โรงเรียนนะ พอดีว่ารถผมเสียเลยต้องของยืมรถเจ้าตัวเขาก่อน”
“อืม”
อเลาดิตอบรับเป็นเชิงรับรู้ แล้วหันไปมองหน้าดีโน่ที่กำลังเล่นจ้องตากับเจ้าเด็กผมดำอยู่ ทั้ง ๆ ที่กำลังจะออกปากห้ามแต่ก็กลายเป็นดันเต้ที่ตัดบทเขาไปซะนี่
“จะไปโรงเรียนกันอยู่แล้วใช่ไหม งั้นขึ้นรถเถอะ สายมากแล้ว”
“ผมไม่ไป”
ฮิบาริค้านขึ้นมาทันควันก่อนจะออกตัวเดินแต่แล้วก็ติดคนตัวใหญ่ผมทองที่มายืนขวางหน้าไว้ แถมยังมองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกันอีกต่างหาก
“ไปขึ้นรถ”
“ไม่ไป”
“เดินไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้”
“ก็บอกว่าไม่ไป”
“ฉันบอกว่า...”
“ฮิบาริ ไปขึ้นรถได้แล้ว สายมากแล้วเห็นไหม”
อเลาดิบอกก่อนจะลากแขนคนร่างเล็กให้เดินตามไปขึ้นรถ แต่เจ้าตัวดันปัดมือเขาออกซะนี่แถมยังหันมาทำตาเขียวใส่อีก แต่ขอโทษเถอะมือเขามันเหนียวปัดยังไงก็ไม่ออกหรอก แต่สุดท้ายก็เดือดร้อนให้ดีโน่ต้องมาคว้าแขนอีกข้างหนึ่งแล้วลากขึ้นรถไปจนได้เพราะก็ใช่ว่าคนตัวเล็ก ๆ แบบนี้จะแรงน้อยซะที่ไหน
“ปล่อยนะ ปล่อยเลย อาจารย์บ้าไม่มีจรรยาบรรณ บังคับขืนใจลูกศิษย์แบบนี้ได้ยังไงกันนะห๊ะ!!!”
“เงียบ ๆ แล้วขึ้นรถดี ๆ จะได้ไหมเธอนะ”
อเลาดิว่าก่อนจะเปิดประตูหลังแล้วเข้าไปนั่งก่อน จากนั้นก็รับตัวเจ้าเด็กเจ้าปัญหามาจากดีโน่ซึ่งพอส่งตัวให้เขาเสร็จเจ้าตัวก็รีบวิ่งไปนั่งข้างคนขับทันที พอเห็นแบบนี้ดันเต้เลยเหยียบคันเร่งออกตัวไปเลย
ตอนนี้คนร่างเล็กผมดำกำลังนั่งหน้าตูมอยู่บนรถสปอร์ตคันหรู ไม่ยอมคุย ไม่ยอมมองหน้าใครทั้งนั้นแม้แต่อเลาดิ คนสามคนเหลือบมองมาเป็นระยะ ๆ แล้วก็ต้องหันไปถอนใจกันเป็นระยะ ๆ ด้วยความเหนื่อยใจกับความรั้น ความเอาแต่ใจของคน ๆ นี้
ฮิบาริเหลือบมองคนสามคนที่ถอนหายใจออกมาพร้อมกันก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ทำอย่างกับเขาสร้างปัญหาให้มากมายนักนี่(นี่ยังไม่รู้ตัวอีกหรือคะเคียว ๆ) เป็นคนลากเขามาเองไม่ใช่หรือไง แล้วจะมาทำท่าทางแบบนั้นกันทำไมเนี่ย
“จะถอนหายใจกันไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย ถ้าอยากถอนมากนักนะก็ถอน ๆ ไปให้มันไม่ต้องหายใจกันอีกเลยสิ...ฮึ้ย!!!”
อเลาดิหันมองคนที่นั่งข้าง ๆ กันแล้วก็เจอเข้าเต็ม ๆ กับสายตาไม่พอใจที่ส่งออกมา เขาเลยต้องถอนหายใจออกมาอีกรอบกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคนหน้าสวยคนนี้
“เธอดูนิสัยตัวเองก่อนสิ แล้วค่อยมาบ่นคนอื่นเขา”
“รับไม่ได้ก็ปล่อยผมลงสิ รู้อยู่นี่ว่าผมนิสัยยังไงแล้วจะลากมาด้วยทำไม ถ้าจะพาผมมาแล้วก็ทำท่าเหนื่อยใจใส่แบบนี้นะทีหลังก็ไม่ต้องมายุ่งกับผม”
“ทุกคนเขาหวังดี เธอหัดเข้าใจซะบ้างสิ”
“ไม่เข้าใจหรอ ผมเนี่ยนะที่ไม่เข้าใจ เอาแต่ว่าผมแบบนั้นกันแล้วถามหน่อยว่ามีใครคิดจะเข้าใจผมบ้างไหม ผมต้องการอะไร ผมรู้สึกยังไง เคยถามเคยเข้าใจผมกันบ้างหรือเปล่า!!!”
คนร่างเล็กหอบหายใจอย่างหนักกับการตะโกนคำพูดเมื่อกี้ออกไป ตอนนี้รถจอดสนิทแล้ว แต่ยังคงไม่ถึงโรงเรียน ไม่ว่าจะดันเต้ ดีโน่ หรืออเลาดิต่างหันมามองคนร่างเล็กผมดำที่กำลังนั่งหอบน้อย ๆ อยู่
“ฮิบาริ”
“อย่ามายุ่งกับผม”
พูดจบเจ้าตัวก็เปิดประตูรถแล้ววิ่งลงไปเลย เหลือไว้เพียงคนสามคนที่นั่งทบทวนคำพูดของเจ้าตัวที่ทิ้งไว้ ก่อนดีโน่จะเปิดประตูแล้ววิ่งตามไปอีกคน ทั้งรถจึงเหลือเพียงอเลาดิและดันเต้เท่านั้น
“คุณบอกว่าเคยคบกับเขามาก่อน แล้วพอจะบอกผมได้ไหมว่าทางบ้านของเขามีปัญหาอะไร”
“ผมก็ไม่รู้อะไรมากหรอกเพราะตอนที่คบกันเขาแทบจะไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของเขาให้ผมฟังเลย”
“งั้นหรอ”
ดันเต้มองคนหน้าสวยที่ก้มหน้านิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างที่มันสำคัญมาก ๆ แต่เขาก็พอจะรู้ว่าคน ๆ นี้กำลังคิดอะไร จะยังไงก็คงไม่พ้นเรื่องของคนผมดำที่เพิ่งวิ่งออกไปเมื่อกี้นี้หรอก
“ผมจะไปส่งคุณที่โรงเรียนนะ”
“ตอนเที่ยงคุณว่างไหม มารับผมไปด้วยได้หรือเปล่า”
“หือ?”
อเลาดิมองคนที่เลิกคิ้วถามเขาก่อนจะพยักหน้าตกลงกลับมา เขาเลยต้องย้ายตัวเองไปนั่งที่เบาะข้างคนขับจากนั้นก็มุ่งหน้าไปโรงเรียนกันต่อ
“เคียวยะ”
ดีโน่วิ่งตามคนตัวเล็กที่เลี้ยวหายไปทางสวนสาธารณะข้างโรงเรียน เขาวิ่งตามอีกฝ่ายมาตั้งแต่ลงจากรถแล้ว ทั้งที่คิดว่าตัวเองได้เปรียบเพราะขายาวกว่า แต่ที่ไหนได้อีกฝ่ายดันวิ่งเร็วกว่าเขาซะงั้นนะ
“นี่เคียวยะ รอกันก่อนสิ”
“ไม่ต้องตามมาจะได้ไหม”
ฮิบาริตะโกนกลับไปทั้งที่ไม่ได้หันไปมอง เขาวิ่งหนีมาตั้งนานแล้วนะ ทำไมยังสะบัดอีกฝ่ายไม่หลุดเสียที จะบ้าวิ่งตามมาทำไมก็ไม่รู้ ตอนนี้เขาอยากอยู่คนเดียวนะอยู่คนเดียว หัดเข้าใจกันบ้างสิ
“เธอก็หยุดก่อนสิ ฉันจะได้ไม่ต้องตาม”
“ถ้าอาจารย์ยังจะตาม ผมก็ไม่หยุด”
ทั้งคู่วิ่งกันไป หอบกันไป คุยกันไปแบบนั้น โชคดีที่เวลานี้ใกล้เข้าเรียนเต็มทีคนถึงได้ไม่ค่อยมีให้เห็น แต่ถึงจะเห็นก็อยู่ไกลกันมาก เพราะตรงที่พวกเขากำลังวิ่งไปมันเป็นเขตที่ไม่ค่อยมีคนผ่านสักเท่าไหร่
“โอ้ย”
ฮิบาริร้องขึ้นเมื่อร่างทั้งร่างถูกรวบตัวไปกอดไว้แล้วล้มลงกับพื้นอย่างแรง ดีโน่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายพุ่งตัวเข้าใส่อีกฝ่าย และด้วยขนาดตัวคนรับที่เล็กกว่าเขามากเลยทำให้รับน้ำหนักไม่ไหวล้มลงไปกลิ้งที่พื้นด้วยกันทั้งคู่
“ทำบ้าอะไรเนี้ย”
คนร่างเล็กลุกขึ้นมาลูบแขน ลูบขา ลูบตัวเสียยกใหญ่ เลอะก็เลอะ เจ็บก็เจ็บ อยู่ ๆ ก็พุ่งเข้ามาแบบนี้ถ้าเขาเจ็บตัวมากกว่านี้จะทำยังไงกันเล่า เจ้าครูไม่มีสมอง
“ก็เธอไม่อยากหยุดเองนี่”
ดีโน่ว่าทั้งที่ตอนนี้ก็ลูบหัว ลูบตัวไม่ต่างจากอีกคนหนึ่งนัก แต่แล้วสายตาดันไปสะดุดกับตรงข้อศอกของอีกฝ่าย เจ้าตัวรีบฉวยมาจับไว้จนคนโดนร้องลั่น
“โอ้ย จะทำอะไรอีกเนี้ย”
“เลือดออก”
ฮิบาริเหลือบมองข้อศอกตัวเอง ตอนนี้เสื้อนักเรียนสีขาวของเขาเป็นรอยขาดแหว่ง ๆ เพราะครูดกับพื้นหินทางเดินตอนที่ล้มลงมา แถมยังเลยเข้าไปถึงเนื้อให้เลือดไหลออกมาอีกด้วย ยังดีที่มีแค่ส่วนนี้เท่านั้นที่โดนพื้นหิน ส่วนอื่นลงตรงพื้นหญ้าทั้งหมดเลยมีแค่รอยช้ำเท่านั้น
“ก็ใช่ไง แล้วใครทำ”
ดีโน่มองคนที่จ้องเข้าอย่างไม่พอใจแล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น เขาเลยต้องฉุดให้อีกฝ่ายยืนขึ้นแล้วพาไปนั่งตรงม้านั่งใกล้ ๆ ซึ่งคราวนี้ได้รับความร่วมมือแต่โดยดีไม่มีขัดขืนแต่ประการใด
“รออยู่ตรงนี้ ฉันจะไปซื้อยาล้างแผลแล้วก็พลาสเตอร์”
ฮิบาริขมวดคิ้วมองหน้าอาจารย์ทีมองแผลตัวเองทีแล้วสุดท้ายก็ส่ายหน้า ก่อนจะยืนขึ้นแล้วบอกสิ่งที่ตัวเองจะทำ
“ผมจะกลับไปทำแผลที่บ้าน เพราะยังไงก็ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ดี ชุดเลอะแบบนี้คงไม่คิดจะให้ผมไปเรียนหรอกนะ”
“...งั้นฉันจะไปด้วย”
ดีโน่หยุดคิดนิดนึงแล้วบอกออกไป ซึ่งคนหน้าสวยก็ทำเพียงยักไหล่ไม่พูดอะไรแล้วเดินนำไปเฉย ๆ โดยไม่หันไปมองสักนิดว่าอีกคนจะเดินตามมาจริง ๆ หรือเปล่า
.................................................................................
Writer talk : สวัสดีคะ เอาอีกตอนมาลงให้แล้วนะ เนื้อเรื่องยังไม่ไปถึงไหนเลยแฮะ ดูอืด ๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ แต่ว่าตอนนี้เคียว ๆ ดูซึนดีมากเลยเนาะ เวลาที่เขียนเจ้าตัวอยู่กับอเลาจังทีไรไรท์เตอร์ก็มักจะเกิดความรู้สึกเอ็นดูแบบนี้ตลอดเลย เวลาเขาอยู่ด้วยกันมันน่ารักมากเลยเนาะคะว่าไหม
ปล.พรุ่งนี้วันเกิดไรท์เตอร์ละ 30 มี.ค. อายุเพิ่มขึ้นมาอีกปีแล้วสิ ถ้ายังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาลงรูปของคู่นี้ให้แล้วกันนะคะ
ความคิดเห็น