[Fic KNB] Into the soul - [Fic KNB] Into the soul นิยาย [Fic KNB] Into the soul : Dek-D.com - Writer

    [Fic KNB] Into the soul

    โดย Marzs

    มิโดริมะและทาคาโอะเกิดประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง ก่อนที่มิโดริมะจะตื่นขึ้นมาเเล้วพบว่าเขากำลังเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวอย่างไม่คาดฝัน

    ผู้เข้าชมรวม

    427

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    427

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    11
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 พ.ค. 62 / 20:04 น.

    แท็กนิยาย

    midotaka knb KurokoNoBasuke midorima takao



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
            




    Into The Soul



    Midorima Shintarou - Takao Kazunari






                   เนื่องจากได้ทำการเสพ outlast,resident evil 7 และ evil within 2 ทำให้เกิดนึกอยากแต่งแนว ๆ นี้ขึ้นมาบ้าง ตอนแรกจะให้เป็นอาคาฟุริ แต่กลัวคนเบื่อเลยเปลี่ยนเป็นเขียวเหยี่ยวแทน และเขียนเป็นเรื่องสั้นพอเพราะเป็นความอยากชั่ววูบ กลัวเขียนไม่มจบด้วย ฮ่าาาาาาาา ปล.ในฟิคนี้ทาคาโอะไม่มีน้องสาวนะฮะ ปล.2 เพลงที่นำมาแปะให้ ชื่อว่า Ordinary world เปนเพลงประกอบ evil within 2 ซึ่งเพลงนี้ก้ดัดแปลงมาจากดพลงยุค 80 อีกที ฟังครั้งแรกก็รู้สึกชอบมาก และเป็นแรงในการแต่งฟิคเรื่องนี้ด้วย อิอิ หากใครไม่เคยดูก็หาดูได้น้า เป็นเกมส์ ลองหา ๆ ดูได้ คนแคสเยอะแยะ ฮ่าาาาา 

    *แนะนำให้อ่านในบราวเซอร์เน้อ ในแอพไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรแต่เนื้อหาไม่ขึ้นงะ ;-;



       



    ขอบคุณธีมสวยๆจาก



    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                   



                     รถสีดำมันเคลื่อนที่ไปบนถนนเส้นตรง คนขับคือมิโดริมะ ชินทาโร่ ข้างกายของเขายังมีอีกคนติดตามมาด้วย นั่นคือ ทาคาโอะ คาซึนาริ มิโดริมะจำเศษเสี้ยวของความทรงจำนี้ได้ลาง ๆ ระหว่างทางได้มีอะไรบางอย่างวิ่งตัดหน้ารถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ มิโดริมะหักเลี้ยวเข้าข้างทางไม่ทันเห็นว่ามันลาดชัน รถจึงคว่ำตกลงไปด้านล่าง เขาจำได้เพียงแค่นั้น ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาในสถานที่แปลกประหลาด มีอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาแปลกใจ นั่นคือ ทั้งที่เขาประสบอุบัติเหตุตกลงมาขนาดนั้นทำไมถึงได้มีบาดแผลแค่นิดเดียว แม้แต่แว่นตาที่ตกอยู่ข้างตัวก็ไม่ยังไม่มีรอยแตกเลยด้วยซ้ำ มิโดริมะหยิบแว่นขึ้นมาสวมจึงทำให้เขาพบกับความแปลกใจอย่างที่สองคือ เขาไม่ได้อยู่ในรถแต่กลับตื่นขึ้นมาท่ามกลางสถานที่ที่ดูเหมือนเป็นหมู่บ้านร้าง เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะกระเด็นออกมาจากรถ แต่กระนั้น ก็ดูออกมาไกลเกินไปเพราะเขามองดูรอบตัวยังไม่เห็นซากรถของตัวเองเลย และถ้าอ้างอิงตามความแปลกใจอย่างแรก ก็ขัดกันอย่างสิ้นเชิง เพราะถ้าตัวเขาออกมาไกลขนาดนี้ก็ไม่มีทางที่กระดูกจะยังต่อกันครบแบบนี้แน่ ว่าตามตรง เขาควรจะต้องตายไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำแต่กลับยังมีชีวิตรอดอยู่แบบนี้ได้...หรือมันอาจจะเป็นแค่ความโชคดีโดยบังเอิญ

                  “ทาคาโอะ...” มิโดริมะพึมพำเรียกชื่อคนที่นั่งมากับเขาตลอดทาง รถคว่ำตกลงมา แม้แต่ตัวเขายังกระเด็นกระดอนมาไกลขนาดนี้ แล้วคนที่ตัวเล็กกว่าอย่างทาคาโอะล่ะ มิโดริมะนึกถึงสวัสดิภาพของอีกฝ่าย ภาวนาในใจขอให้ทาคาโอะเองก็ปลอดภัยเหมือนเขา...ปลอดภัยงั้นเหรอ มิโดริมะเปลี่ยนความคิดใหม่อย่างทันควัน ลองคิดดูดี ๆ เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในจุดที่ปลอดภัยแล้วหรือยัง “ทาคาโอะ!” ชายหนุ่มลุกขึ้น ยกมือป้องปากแล้วตะโกนเรียก หวังว่าจะมีเสียงของอีกฝ่ายตอบกลับมาบ้างแต่ก็ไร้แวว ร่างสูงจึงเดินออกจากบริเวณที่เขาตื่นขึ้นมา นัยน์ตาคมตวัดมองรอบ ๆ อีกครั้งอย่างพินิจพิเคราะห์ ที่นี่ดูเหมือนหมู่บ้านที่ถูกทิ้งร้างมานานหลายปี บ้านแต่ละหลังถูกสร้างขึ้นตามแบบบ้านทรงญี่ปุ่นโบราณ และดูจากข้าวของที่กระจัดกระจายระเกะระกะทำให้คิดว่า คนที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่จะต้องรีบพากันอพยพอย่างรวดเร็วด้วยเหตุผลบางอย่าง มิโดริมะเดินตรงเข้ามาในหมู่บ้านเรื่อย ๆ บ้านบางหลังมีร่องรอยของการถูกไฟไหม้ เขาคิดเอาเองว่า เพราะไฟไหม้หรือเปล่าคนถึงได้พากันหนี ดูท่าไฟคงลุกลามไปทั่วจนเกินกว่าจะช่วยกันดับกระมัง แต่สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่นี้ก็ไม่สำคัญเท่ากับคนคนหนึ่งที่เขากำลังตามหา “ทาคาโอะ!” มิโดริมะได้แต่ตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำ ๆ  อีกใจหนึ่งก็ฉุกคิดขึ้นว่าทาคาโอะอาจจะยังติดอยู่ในรถก็ได้ ฉะนั้นตอนนี้เขาควรที่จะเดินหารถของตัวเองจึงจะดีกว่า และการที่เขาเดินเข้ามาในหมู่บ้านร้างนี้ก็ดูจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก คิดได้ดังนั้น ร่างสูงจึงหันหลังกลับ แต่ทว่าสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้ากลับทำให้เขาต้องตระหนักถึงความน่าสะพรึงบางอย่าง

                  ท้องฟ้าสีส้มเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน แดดยามเย็นค่อย ๆ ดับลง ความมืดมิดแห่งรัตติกาลเคลื่อนที่ครอบงำอาณาบริเวณเบื้องหน้าเหมือนคลื่นยักษ์ที่กำลังก่อตัวเข้าฝั่ง และถ้าหากเขามองไม่ผิด คลื่นสีดำนั้นปรากฏเป็นรูปดวงตาสีแดงฉานกับปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวขนาดใหญ่ มันอ้าปากกว้างและกำลังเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ สัญชาตญาณบอกเขาว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้มันผิดธรรมชาติและอันตรายเกินกว่าที่จะมัวยืนจ้องมองมันกลืนกินทุกสรรพสิ่ง ร่างสูงหันกลับไปทางเดิม วิ่งหนีราวกับถูกต้อน สายลมโดยรอบพัดแรงอย่างไม่มีสาเหตุและพัดเอาสิ่งของต่าง ๆ ล้มกลิ้งกระจัดกระจายขวางทางเหมือนจงใจ แต่ด้วยทักษะนักกีฬาที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กทำให้มิโดริมะค่อนข้างว่องไวและกระฉับกระเฉงต่อการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง บวกกับขายาว ๆ ที่ทำให้ให้ตัวเขามีความสูงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบห้าเซนติเมตรก็ช่วยให้วิ่งได้เร็วมากขึ้น

                  มิโดริมะวิ่งเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง แล้วนั่งหลบใต้โต๊ะยาวที่ดูเหมือนเป็นโต๊ะอาหาร เขามองออกไปข้างนอกผ่านช่องประตูผุพังที่เขาวิ่งเข้ามาเมื่อครู่นี้ สิ่งของที่ร่วงลงบนทางเดินถูกฉีกออกเป็นชิ้นส่วนเมื่อโดนเข้ากับฟันแหลมคมของเงาดำนั้น มิโดริมะไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งที่เขากำลังเจอนี้ว่าอะไรดี หัวใจของเขาเต้นระส่ำ เขาไม่เคยเจอออะไรแบบนี้มาก่อน และก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

                  กาลเวลาถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นตอนกลางคืน ในบ้านที่มิโดริมะเข้ามานั้นมืดสนิท เขาได้กลิ่นไหม้นิด ๆ ประกอบกับกลิ่นเน่าเหมือนกองขยะ ชายหนุ่มเดินลึกเข้าไปในตัวบ้านเพื่อจะหาอะไรสักอย่างติดตัวพอให้เขาสามารถต่อสู้กับสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ เพราะเขาไม่มีอะไรติดตัวมาเลยแม้แต่อย่างเดียว นาฬิกาข้อมือแบบอนาล็อกก็ดันมาตายผิดเวลา มิโดริมะพยายามคลำทางไปเรื่อย ๆ ฝ่าความมืดมิด ในที่สุดมือของเขาก็สัมผัสเข้ากับบางอย่างที่เป็นด้ามขนาดกลาง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะที่โต๊ะไม้เบา ๆ จึงรู้ว่ามันคือมีด ดูเหมือนเขาจะเข้ามาในห้องครัวแล้ว และเหมือนโชคยังเข้าข้างอยู่บ้างที่พอคลำไปบนโต๊ะนั้นอีกครั้งเขาก็ได้ไม้ขีดไฟมากล่องหนึ่ง  มิโดริมะจัดการจุดไม้ขีดไฟขึ้นมาหนึ่งก้านถึงได้มองเห็นโดยรอบ เขากำลังอยู่ในห้องครัวจริง ๆ ด้วย ห้องครัวของที่นี่เป็นห้องครัวแบบทันสมัยผิดกับด้านนอก มีเตาแก๊ส มีหม้อ กระทะ และอุปกรณ์ทำครัวพร้อมแต่มันตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ด้านข้างที่มิโดริมะยืนอยู่มีตู้เย็นขึ้นสนิมขนาดเล็ก เขาไม่เคยคาดหวังว่ามันจะมีอาหารที่กินได้หลงเหลืออยู่ข้างใน แต่มิโดริมะก็ยังเลือกที่จะเปิดมันและเขาก็ต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกครั้ง ในตู้เย็นมีศพของผู้ชายถูกยัดเอาไว้ข้างในในสภาพเน่าเละ ตรงท้องมีไส้ไหลออกกองไว้เหมือนโดนควัก ปากและตาเปิดกว้างราวกับก่อนตายเขาได้เจอกับความน่าสะพรึงอย่างขีดสุด มิโดริมะไม่ได้รู้สึกกลัวศพในตู้เย็นนี่เลย  อาชีพแพทย์ทำให้เขาเจอกับสภาพแบบนี้หรือใกล้เคียงมานักต่อนัก ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุอย่างแรงแล้วมาเสียชีวิตต่อหน้าหรือศพในสภาพต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่สร้างความชินให้เขา  รอยเลือด รอยแผลไม่มีผลกระทบอะไรกับมิโดริมะ นับว่าเป็นเกราะชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้  มิโดริมะนั่งลงแล้วยื่นมือเข้าไปคลำทั่วตัวศพก่อนจะเจอวัตถุที่เขามั่นใจว่ามันต้องมีประโยชน์เป็นอย่างมาก และเขาก็คิดไม่ผิด มันคือปืนพกสีดำมันวาว เขาหยิบมันออกมาแล้วเหน็บไว้ข้างตัว มือข้างที่ถือก้านไม้ขีดขยับเข้าไปใกล้ศพเพื่อพินิจดู ใบหน้าของศพเน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็น เขาสวมชุดพนักงานประจำร้านอาหาร และเมื่อวินิจฉัยตามสภาพบาดแผลและสถานที่พบ ก็เดาได้ว่าผู้ตายอาจจะถูกฆาตกรรมแล้วนำมายัดเอาไว้ในตู้เย็น ...จะต้องเป็นคนประเภทไหนกันนะที่ฆ่าคนได้โรคจิตขนาดนี้ มิโดริมะรู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาเมื่อคิดว่าบางทีฆาตกรอาจจะยังอยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็ได้ ในหมู่บ้านนี้นอกจากจะมีสิ่งประหลาดอย่างเงาดำมีเขี้ยวนั่นแล้วยังมีฆาตกรโรคจิตอีกหรือ เขาชักจะวิตกแล้วว่าที่นี่ยังจะมีอะไรที่เขาคาดไม่ถึงอีกหรือไม่ ในทางเดียวกันก็นึกไปถึงว่า ในตอนที่หมู่บ้านแห่งนี้ยังมีคนอาศัยอยู่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่แบบไหนกัน

                  ไฟที่ไม้ขีดลามมาจนใกล้นิ้ว มิโดริมะเป่ามันให้ดับแล้วจะจุดก้านใหม่ ทว่า เสียงหนึ่งก็ทำให้เขาชะงัก เสียงเหมือนกับก้อนเนื้อกำลังขยับเขยื้อน ชายหนุ่มมองไปเบื้องหน้าผ่านความมืด มันเป็นจุดที่มีศพนอนอยู่ และเมื่อฟังดูดี ๆ เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อ ดูเหมือนอาชีพหมอจะไม่ช่วยอะไรเขาแล้ว เพราะเขาไม่เคยพบเจอกับเคสนี้มาก่อน เคสที่คนตายไปแล้วขยับได้เหมือนมีชีวิต....

                  หัวใจของมิโดริมะร่วงไปอยู่บนพื้น แต่ก็ยังมีสติพอที่จะยกขาขึ้นถีบศพที่ขยับได้ข้างหน้าให้เซถอยหลัง ก่อนจะชักปืนที่เพิ่งจะเหน็บไปเมื่อครู่ออกมาแล้วลั่นไกใส่มันโดยไม่มีการเล็งใด ๆ ทั้งสิ้น และแน่นอนว่าฝีมือการยิงปืนของหมอที่ในชีวิตนี้แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปืนย่อมไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน เขาเสียกระสุนฟรีไปหนึ่งลูก ในตอนนี้เองที่คนสุขุมอย่างมิโดริมะถึงกับต้องสบถออกมาอย่างไม่ใช่นิสัย “บ้าเอ๊ย!” ซากเน่าเฟะขยับร่างเข้ามาใกล้ ปากงับพะงาบ ๆ เหมือนสุนัขล่าเนื้อที่ได้กลิ่นอาหาร มันบีบให้เขาต้องพาตัวเองวิ่งลึกเข้าไปในประตูอีกด้านของห้องครัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ มิโดริมะใช้ตัวเองดันประตูเอาไว้เพื่อไม่ให้สิ่งประหลาด อีกด้านผลักเข้ามา แต่ให้ตายเถอะ ประตูบานนี้ไม่มีที่ล็อค ก็หมายความว่าไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน

                  ร่างสูงกวาดตามองหาทางหนีทีไล่ และในสถานการณ์ที่เลือกไม่ได้เช่นนี้ ทำให้มิโดริมะตัดสินใจปล่อยประตูบานนั้นแล้ววิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน ศพเดินได้ที่ชายหนุ่มเรียกมันว่าผีดิบพุ่งพรวดเข้ามาทันที มันพยามใช้ฟันไล่กัดเขาอย่างน่าหวาดเสียว โชคดีที่เขาสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่ามันมาก จึงทำให้มันไล่ตามเขาไม่ทัน มิโดริมะก้าวพรวดเข้ามาในห้องห้องหนึ่งแล้วจัดการล็อคประตูห้อง ไม่เพียงเท่านั้นเขายังดึงตู้ลิ้นชักข้างประตูมาขวางไว้อีกชั้น เสียงปึงปังดังมาจากอีกด้านของประตู ร่างสูงทรุดนั่งลงบนพื้นห้อง หายใจหอบแรงเพราะความเหนื่อยบวกกับความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เหมือนฝันร้ายนี้

                  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขา ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ตอนนี้เขากำลังเจอกับอะไร? หรือว่าเขาจะตายแล้ว?  หรือผีดิบตัวนั้นคือยมทูตที่กำลังจะมาเอาเขาไปปรโลก...ทั้งที่คิดชั้นนั้นแต่อีกใจของมิโดริมะกลับบอกว่า เขายังไม่ตาย และก็ไม่ได้กำลังฝัน...สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นี่คือเรื่องจริง

                  “อึ่ก...” จู่ ๆ มิโดริมะก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา มือหนายกขึ้นกุมศีรษะตนเอง ความเจ็บแปลบแล่นเข้าสมอง และเพียงเสี้ยวอึดใจ เขาก็ได้ยินเสียงเรียกของทาคาโอะ

                  “ชินจัง”

                  “เฮือก!” ร่างสูงไหวเยือก ก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้น เขาหันมองซ้ายขวาแต่ก็ไม่เห็นใครเลย ทั้งที่เมื่อกี้นี้เขามั่นใจว่าได้ยินเสียงของทาคาโอะกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูแท้ ๆ ชายหนุ่มหยิบไม้ขีดไฟขึ้นมาจุดอีกก้าน เขาส่องไปรอบห้องถึงได้รู้ว่าห้องนี้คือห้องนอน ตรงมุมด้านขวามือของเขามีเตียงเดี่ยวหนึ่งเตียง ด้านปลายเตียงมีกล่องใบหนึ่ง ถัดไปเป็นหน้าต่างของห้อง บนพื้นเต็มไปด้วยเศษปุยนุ่นซึ่งมิโดริมะคิดว่ามันอาจจะเป็นนุ่นจากหมอนที่ฉีกขาด โดยรวมแล้วห้องนี้เป็นห้องเล็ก ๆ ข้าวของในห้องก็ไม่มีอะไรมาก มันแทบจะเป็นจะเป็นห้องโล่ง ๆ เสียด้วยซ้ำ จะติดก็แต่สายตาที่เหลือบไปเห็นเส้นสี่เหลี่ยมบนพื้นอีกด้านหนึ่งของห้องโดยบังเอิญ ร่างสูงเดินเข้าไปตรวจดูบริเวณนั้น จึงรู้ว่ามันเป็นประตูลับที่จะนำพาไปยังอีกห้องหนึ่งข้างใต้ห้องนอนนี้

                  มีห้องลับอยู่ในห้องนอนเนี่ยน่ะหรือ? พิลึกดีแท้ เขาไม่เคยเห็นบ้านไหนนิยมมีห้องลับในห้องนอนมาก่อนเลย มิโดริมะถอยออกมา เขายอมรับกับตัวเองว่าไม่กล้าเปิดมันเพราะเกรงว่าข้างล่างอาจจะมีอะไรที่อันตรายรออยู่ ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินมายังกล่องไม้ขนาดใหญ่ปลายเตียง เขาเปิดมันออกเพื่อจะดูว่ามีอะไรที่พอจะใช้ได้บ้าง แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากตุ๊กตากระต่ายสีขาวหูยาวตัวเล็กเก่า ๆ หนึ่งตัว หูของมันขาดรุ่งริ่ง และขาก็หายไปหนึ่งข้าง มิโดริมะหยิบมันขึ้นมาดู นิ้วมือสัมผัสถึงสิ่งหนึ่งมีลักษณะเหมือนกระดาษติดอยู่ข้างหลังตุ๊กตา เขาพลิกดูทันที

                  ตาย

                  ชายหนุ่มโยนมันกลับลงไปในหีบทันทีที่เห็นข้อความนั้นบนกระดาษ มันถูกเขียนด้วยอะไรบางอย่างซึ่งเป็นสีแดงแห้ง ๆ

                  ปัง!

                  ร่างสูงสะดุ้งเฮือกอย่างใจหาย เขาหันกลับไปที่ประตูเพราะคิดว่าผีดิบที่ทุบประตูอยู่ด้านนอกพังเข้ามาเสียแล้วแต่มันไม่ใช่ นัยน์ตาใต้กรอบแว่นย้ายไปยังประตูสี่เหลี่ยมบนพื้นห้องทันที มิโดริมะกลืนน้ำลายลงคอ ใจเต้นระส่ำอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อสมองบังคับให้คิดว่ามีอะไรบางอย่างพยายามจะขึ้นมา หรือมันเพิ่งจะกลับลงไปกันแน่... และไม่ทันที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ สัญญาณบางอย่างก็ร้องเตือน ประตูห้องถูกทุบแรงมากขึ้น มิโดริมะหวั่นใจว่าผีดิบข้างนอกกำลังจะพังเข้ามาได้ และเพียงความคิดนั้นจบลง ประตูไม้ก็ถูกพังจริง ๆ อสุรกายด้านนอกสอดแขนเข้ามาทางช่องที่มันพัง ร่างสูงหยิบปืนที่เหน็บไว้ขึ้นมาเตรียมพร้อม แต่ประสบการณ์การยิงปืนเมื่อครู่บอกเขาว่า ไม่ใช่การดีนักที่เขาจะมัวยืนรอรับมือกับมัน

                  ไม่เอาน่า...ทำไมโชคชะตาต้องเล่นตลกกับเขาแบบนี้ด้วย

                  ไม่...เขาไม่มีทางลงไปทางชั้นใต้ดินนั่นเด็ดขาด ชายหนุ่มสัญญากับตัวเอง ทว่า เมื่อตู้ลิ้นชักคว่ำลง เขาก็ไม่เหลือเวลาให้คิดอะไรอีกต่อไป

                  ร่างสูงอดีตนักกีฬาพุ่งตัวไปที่ประตูลับนั้นแล้วเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสอดตัวเข้าไปด้านล่าง ขายาว ๆ กวัดแกว่งหาที่ยึดก่อนจะวางเท้าลงบนบันไดแล้วปิดประตูใส่กลอนอย่างหวุดหวิด แต่โชคก็ไม่ได้เข้าข้างมิโดริมะมากนัก เมื่อบันไดไม้เก่า ๆ ที่เขาเหยีบอยู่เกิดหักลงเพราะรับน้ำหนักตัวไม่ไหว ร่างสูงตกลงมากระแทกพื้นปูนเฉอะแฉะ แม้จะรู้สึกเจ็บตัวแต่เขาก็ไม่รีรอจนกว่าผีดิบจะพังเข้ามาได้อีกครั้ง มิโดริมะลุกขึ้น พลันเกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นชั่วขณะ ชายหนุ่มหันขวับไปทางต้นเสียงทันที ร่างของคนที่เขาตามหากำลังยืนอยู่ท่ามกลางความมืด และเมื่อเห็นว่าเขาหันไป อีกฝ่ายก็วิ่งหนีไปทันที

                  “เดี๋ยว! ทาคาโอะ” มิโดริมะร้องเรียกและไม่รอช้าที่จะวิ่งตามไป เขาไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ เลยนอกจากเสียงหัวเราะคิก ๆ ของอีกฝ่าย “หยุดเล่นเสียทีทาคาโอะ!” ทันทีที่ตะโกนออกไปแบบนั้น ร่างที่วิ่งหนีอยู่ข้างหน้าก็หยุดทันที และทั้งที่กำลังจะคว้าตัวอีกฝ่ายได้แล้ว แต่มิโดริมะกลับหยุดชะงักราวกับชั่งใจ ความรู้สึกประหลาดบางอย่างที่ออกมาจากตัวทาคาโอะทำให้เขาลังเลที่จะสัมผัสตัวอีกฝ่าย “ทาคาโอะ?” ชายหนุ่มตัดสินใจเรียกชื่ออีกครั้ง ร่างเล็กกว่าค่อย ๆ หันมาช้า ๆ แต่เป็นเพราะความมืดทำให้เขามองเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัด “รอเดี๋ยว อย่าเพิ่งไปไหนนะ” มิโดริมะเอ่ยพลางหยิบไม้ขีดไฟขึ้นมาจุดอีกก้าน แสงไฟสีส้มสว่างขึ้น “ทาคา....เฮือก!” ร่างสูงเผลอทิ้งไม้ขีดในมือเพราะความตกใจ ร่างที่เขาเห็นตรงหน้าไม่ใช่ทาคาโอะแต่กลับเป็นศพของผู้หญิงถูกหอยคอไว้ด้วยเชือกเส้นหนา ใบหน้าอืดเละจนดูไม่ออกว่าสภาพหน้าเดิมเป็นอย่างไร แต่ที่เขารู้ว่าเป็นผู้หญิงเพราะร่างนั้นสวมกะโปรงตัวยาว

                  นี่มันอะไรกัน! ที่เขาเห็นเมื่อกี้นี้มันไม่ใช่แบบนี้นี่ เขามั่นใจว่าถึงแม้ห้องใต้ดินนี่จะมืดแต่เขาก็รู้ว่าคนเมื่อครู่นี้คือทาคาโอะ แต่แล้วทำไมตอนนี้...อีกฝ่ายหายไปไหนเสียแล้ว ร่างสูงทรุดฮวบ หายใจหอบหนักเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปอย่างไม่ชอบมาพากล เขาถอยห่างจากศพที่ถูกผูกคอนั้นเรื่อย ๆ ก่อนเสียงที่คุ้นเคยจะกระซิบข้างหู

                  “ชินจัง”

                  สิ้นเสียงนั้น โดยไม่ทันที่ร่างสูงจะได้แผดเสียงร้องออกมา สติสัมปชัญญะของเขาก็หายไป

                  มิโดริมะรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งเพื่อพบว่าฝันร้ายของเขามันยังไม่สิ้นสุด เขาตื่นขึ้นมาในหนองน้ำตื้น ๆ สีแดงฉาน ร่างสูงตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน สมองก็ปวดตุบจนตัวงอไปในเวลาเดียวกัน “อือ...” ชายหนุ่มส่งเสียงครางออกมาเพราะความเจ็บปวด และไม่นานความเจ็บนั้นก็หายไปเสียดื้อ ๆ เป็นจังหวะเดียวกับเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นอีกครั้ง

                  “ชินจัง?” ร่างสูงหันขวับไปทางด้านหลังทันทีด้วยความหวาดระแวง แต่ความรู้สึกคราวนี้แตกต่างออกไป เขารู้สึกว่าคนที่กำลังยืนอยู่ในหนองน้ำแล้วมองมาทางเขาคนนั้น คือทาคาโอะจริง ๆ

                  “ทาคาโอะ” ร่างสูงลุกขึ้น สายตาลอบสังเกตเห็นว่าทาคาโอะยังอยู่ในชุดทำงานของอาชีพนักข่าวซึ่งสะอาดเรียบร้อยต่างจากเขาที่เนื้อตัวสกปรกมอมแมม

                  “ชินจัง...ทำไมกัน...ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้...?” อีกฝ่ายพึมพำ มีท่าทีตื่นกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ 

                  “เพราะฉันมาตามหานายไง ฉันต้องถามนายด้วยว่าทำไมนายมาอยู่ที่นี่ และมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น”

                  “เกิดเรื่อง...ฉัน...” อาการของทาคาโอะดูเหมือนคนกำลังสับสน แม้มิโดริมะจะมั่นใจแล้วว่านี่คือทาคาโอะตัวจริง แต่ถึงจะเป็นตัวจริงก็ราวกับว่าเป็นตัวจริงที่ไม่ใช่คนเดิม ชายหนุ่มร่างเล็กกว่ายกมือตัวเองมากุมไว้แนบอก สายตาล่อกแล่กเหมือนพยายามนึกถึงอะไรบางอย่าง

                  “ทาคาโอะ...?” มิโดริมะเรียกอีกครั้ง หวังให้อีกคนได้สติ แต่ทาคาโอะก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

                  อาการทางจิตงั้นรึ?  มิโดริมะวินิจฉัยในใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางจิตแต่ก็พอรู้มาบ้างจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งเป็นจิตแพทย์ 

                  “ทาคาโอะ ใจเย็น ๆ นะ นายไม่จำเป็นต้องคิดอะไรถ้านายคิดไม่ออก” มิโดริมะเอ่ย พลางค่อย ๆ ขยับเท้าเข้าไปใกล้ ใจหนึ่งก็สงสัยว่าตั้งแต่เมื่อไรกันที่ทาคาโอะมีอาการแบนี้

                  “ไม่...ไม่ใช่...” ทาคาโอะเริ่มตัวสั่น “ฉัน...ฉันเป็นคน..พาชินจังมาอยู่ที่นี่...”

                  ร่างสูงหยุดกึก

                  “ฆ่าฉัน...ฆ่าฉันซะ...” ชายหนุ่มที่กำลังตัวสั่นละล่ำละลัก “ฆ่าฉัน....ด้วยปืนกระบอกนั้น...” สายตาของทาตาโอะเหลือบไปที่ปืนสีดำมันวาวที่เหน็บไว้ข้างเอวของมิโดริมะ “ชินจัง...ต้องกลับไป...ฆ่าฉันซะเถอะ!

                  “ไม่...” มิโดริมะตอบ และตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบที่คนปากแข็งอย่างเขายอมพูดสิ่งที่อยู่ในใจจริง ๆ ออกมา  “ฉันมาที่นี่ก็เพื่อตามหานาย แล้วฉันจะกลับไปคนเดียวได้ยังไง?”

                  ชายหนุ่มผมดำค่อย ๆ หายตัวสั่น นัยน์สีเทาเหลือบมองคนตัวสูง “...ฉันเป็นคนทำให้ชินจังมาอยู่ที่นี่...”

                  “เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันที่หลังเถอะ...ตอนนี้เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่กัน” มิโดริมะยื่นมือให้ทาคาโอะ อีกฝ่ายมีท่าทีลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมส่งมือกลับมา ทว่า ยังไม่ทันที่จะได้วางมือลง ทาคาโอะก็ถูกคว้าเอวไว้ด้วยใครอีกคนหนึ่ง

                  “อ๊ะ...ชินจัง!

                  “ทาคาโอะ!

                  ร่างเล็กกว่าถูกดึงลงไปใต้น้ำ ทั้งที่เป็นน้ำตื้น “ทาคาโอะ!” มิโดริมะพยายามจะดึงอีกฝ่ายขึ้นมาแต่กลายเป็นว่าตัวเขาเองก็ถูกฉุดให้ลงไปด้วย

                  ใต้น้ำมืดสนิท หนองน้ำเมื่อครู่กลายเป็นน้ำลึกอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างของทาคาโอะที่เขาพยายามจะช่วยเหลือหายไปเหลือเพียงแค่ตัวเขา มิโดริมะว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำแต่แล้วอะไรบางอย่างข้างใต้ก็ฉุดดึงข้อเท้าของเขาให้จมดิ่งลงไปเรื่อย ๆ ชายหนุ่มดิ้นสุดแรง และยิ่งดิ้นมากเท่าไรเขาก็ยิ่งหมดแรงมากเท่านั้น จนในที่สุดเขาก็ไม่อาจทนกับการขาดอากาศหายใจได้...

                  “เฮือก!” แพทย์หนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้สติ สองแขวนกวัดแกว่งเพราะรู้สึกว่าตัวเองยังอยู่ในน้ำก่อนสติสัมปชัญญะจะคืนกลับมาอย่างสมบูรณ์ เขาจึงพบว่าตอนนี้ตัวเขากำลังนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำทั้งที่อยู่ในชุดเดิม ร่างสูงลุกออกจากอ่างอาบน้ำทันที เขาอยู่ในห้องน้ำของบ้านหลังหนึ่งซึ่งเขาจำได้ว่าไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อน จนกระทั่งเขาผลักประตูออกไปข้างนอกถึงได้รู้สึกว่าบ้านหลังนี้มันดูคุ้นตาขึ้นมา ใช่แล้ว...มันเป็นบ้านที่เขาเข้ามาในตอนแรกนั่นเอง เพียงแต่ว่าสภาพของบ้านในตอนนี้เป็นระเบียบและไม่ได้ผุพังเหมือนตอนแรกที่เห็น

                  “ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าให้เอามันออกไปซะตั้งแต่แรก!” มิโดริมะได้ยินเสียงผู้ชายดังมาจากชั้นบน “เพราะเธอรั้นที่จะเก็บมันไว้ แล้วเป็นไงล่ะ มันทำให้เราชิบหายกันหมดนี่ไง!

                  “เธอเป็นพ่อประสาอะไร! นั่นมันลูกของเรานะ!” เสียงผู้หญิงตะคอกกลับ และเมื่อมิโดริมะได้ยินเสียงย่ำเท้าปึงปังของทั้งคู่กำลังลงมาชั้นล่าง เขาจึงรีบออกมาจากห้องน้ำแล้วซ่อนตัวตรงมุมหนึ่งหลังชั้นวางของทันที

                  “ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นมาอยู่แล้ว! แล้วมันเองก็โตขึ้นมาเหมือนเด็กคนอื่นเสียที่ไหน เธอก็รู้นี่! คนเขากลัวจนย้ายออกกันเกือบหมดหมู่บ้านแล้วเพราะรู้ว่าบ้านเรามันมีตัวซวย” ร่างสูงแอบมองผู้หญิงและผู้ชายที่ดูมีอายุไม่มากนักผ่านช่องแคบ ๆ หลังชั้นวางของ นัยน์ตาใต้กรอบแว่นเบิกโพลงเพราะเขาเคยเห็นทั้งคู่มาก่อน ผู้ชายที่ใส่ชุดพนักงาน และผู้หญิงสวมชุดกระโปรงยาว....

                  “ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก และก็ยังไม่อยากมีลูกด้วยซ้ำ! ความฝันของฉันจบสิ้นก็เพราะมัน” เสียงชายผู้เป็นพ่อตะคอก “เธอเองก็เหมือนกัน โธ่เอ๊ย!

                  พอแอบฟังมาถึงตรงนี้ มิโดริมะก็รู้สึกเอือมระอาในความคิดของผู้เป็นพ่อขึ้นมา ผู้ชายคนนี้ไม่เหมาะสมที่จะเป็นพ่อคนเลยสักนิดเพราะความคิดแสนต่ำตม ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายทำให้หนึ่งชีวิตต้องเกิดขึ้นมาเองแท้ ๆ แต่ดันพูดเหมือนกับว่าลูกของตัวเองเกิดขึ้นมาโดยบังเอิญเสียอย่างนั้น

                  ผู้เป็นพ่อเดินเข้าไปในครัว “แล้วทำไมเธอถึงไม่เตรียมข้าวเช้าไว้ให้ฉันอีก ถ้าฉันไปทำงานสายเธอจะมารับผิดชอบไหมหา!

                  “รู้แล้วน่า!

                  “เธอไม่ได้เป็นคนทำงานหนักเหมือนฉันนะ หัดขยันซะบ้าง!

                  “พูดเหมือนเธอหาเงินมาให้ครอบครัวอย่างนั้น ได้เงินมาเท่าไรเธอก็เอาไปใช้เรื่องส่วนตัวของเองหมดไม่ใช่รึไง!?”

                  “หนอย! นางคนนี้!” ผู้เป็นพ่อง้างมือขึ้นแล้วตบฉาดที่ใบหน้าอีกฝ่ายสุดแรง ก่อนจะจับแขนหล่อนให้ยืนขึ้นแล้วลงมืออีกครั้ง

                  มิโดริมะเห็นท่าไม่ดี เขาอาจยืนมองเฉย ๆ ได้อีกต่อไป ร่างสูงก้าวออกมาจากหลังชั้นแล้วเข้าห้าม “นี่คุณ!

                  แต่ทว่า...กลับไม่มีใครมองเห็นหรือแม้แต่จะได้ยินเสียงเรียกของเขาเลย มิโดริมะไม่สามารถสัมผัสแตะต้องและหยุดสถานการณ์ตรงหน้าได้

                  “โอ๊ย ฮือๆๆๆ!” ผู้เป็นแม่ร้องครวญเพราะถูกใช้กำลังแต่เพียงฝ่ายเดียว พลันสายตาของมิโดริมะก็เหลือบขึ้นไปทางบันไดของชั้นสอง เขาเห็นเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งกำลังยืนมองเหตุการณ์นั้นด้วยแววตานิ่งเฉย เด็กคนนั้นมีเส้นผมสีดำแสกกลางระหว่างหน้าผาก เป็นใบหน้าที่มองเท่าไรก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขารู้จักเด็กคนนี้

                  “ทาคาโอะ...”

                  เด็กชายเหม่อมองไปยังพ่อที่กำลังทำร้ายผู้เป็นแม่ นัยน์ตาสีเทาไร้แววอย่างน่ากลัว

                  “พอสักที!” มิโดริมะหันกลับไปตะโกนห้ามอย่างไร้ประโยชน์ เขาไม่เคยรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนมากขนาดนี้มาก่อน ความอึดอัดใจถาโถมเมื่อตัวเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

                  กร๊อบ!

                  “โอ๊ย!!” จู่ ๆ กระดูกข้อมือข้างที่ใช้ตบของผู้เป็นพ่อก็เกิดหักเองอย่างปริศนา “โอ๊ยยยย!!” ชายผู้เป็นพ่อลงไปนอนดิ้นอย่างทรมาน “เรียกรถพยาบาลสิวะนังบ้า!” เขาร้องลั่นพลางสายตาก็มองไปยังร่างของลูกชายที่ยืนจ้องมาทางตน “แก! ไอ้ลูกไม่รักดี!” เขารู้ทันทีว่าสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้เกิดจากลูกชายของเขาเป็นคนทำ

                  มิโดริมะมองกลับไปยังทาคาโอะ หมายความว่ายังไงกัน? ทาคาโอะก็ยืนอยู่เฉย ๆไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมผู้เป็นพ่อถึงพูดเหมือนเขาเป็นคนทำอย่างนั้น...

                  “โอ๊ยยยยย!” ผู้เป็นพ่อยังคงร้องครวญคราง และในระหว่างที่รอรถพยาบาลนั้น หญิงสาวผู้เป็นแม่ก็เดินขึ้นไปหาทาคาโอะ

                  “ทำอะไรลงไป!? ทำแบบนี้ก็ยิ่งเสียค่ารักษาเพิ่มมากขึ้นสิ บ้านเราไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นนะ!” เธอตวาดทั้งน้ำตา บีบแขนลูกชายจนเด็กหนุ่มทำหน้าเหยเกเพราะเจ็บ “หยุดใช้พลังนั้นเสียที!” มิโดริมะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ถ้าลูกทำให้สิ่งที่คิดเป็นจริงได้! แล้วทำไมไม่คิดถึงแต่เรื่องดี ๆ บ้างเล่า! ทำไมกัน! อ๊ะ!” ร่างของผู้เป็นแม่ถูกสลัดจนเกือบตกบันได ดีที่เธอสามารถจับราวเอาไว้ได้ทัน เด็กหนุ่มร้องไห้แล้ววิ่งกลับเข้าไปในห้อง มิโดริมะจึงรีบตามเข้าไปทันที

                  ในห้องที่เขาเข้ามานั้นเป็นห้องนอนที่มีประตูลับ ทาคาโอะวัยเด็กกอดเข่าซุกตัวอยู่ที่มุมมืดตรงปลายเตียง ร่างเล็กสะอื้นฮักแล้วพึมพำ “ทำไม่ได้...ฮึก...ทำไม่ได้...”

                  “......” มิโดริมะย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ เด็กหนุ่ม

                  ทาคาโอะหยิบตุ๊กตากระต่ายตัวเล็ก ๆ ข้างตัวขึ้นมาแล้วพูด “ฉันพยายามแล้ว....แต่ทำไม่ได้...” เขากอดมันไว้แนบอก “...มีแค่เรื่องไม่ดีเท่านั้นที่จะทำให้เป็นจริง....” ร่างเล็กกอดตุ๊กตาแน่นแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักตามประสาเด็ก มิโดริมะยื่นมือเข้าไปบริเวณข้างแก้มที่อาบน้ำตา และเขาก็ต้องแปลกใจที่เขาสามารถสัมผัสที่แก้มของทาคาโอะได้โดยที่ทาคาโอะก็ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย นิ้วหัวแม่มือของร่างสูงเกลี่ยน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเบามือ

                  “นี่คือสิ่งที่นายอยากให้ฉันรับรู้ใช่ไหม...ทาคาโอะ” จนถึงตอนนี้เขาเริ่มที่จะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้างแล้ว และพอคิดได้เช่นนั้นสมองก็ปวดตุบขึ้นมาอีกครั้ง “อึ่ก...” มิโดริมะกุมศีรษะตัวเอง ร่างกายบิดงออย่างเจ็บปวด และก็หายไปเหมือนอย่างเคย พร้อมกับกาลเวลาที่ดูจะเปลี่ยนไปด้วย ข้างนอกฝนตกหนักพร้อมกับเสียงฟ้าร้องดังสนั่น ตอนนี้เขาปลงตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และก็ยินดีเผชิญหน้ากับความผิดปกติทั้งหลายที่จะต้องเกิดขึ้นอีกในอนาคต

                  ภายในห้องมืดลงเพราะเป็นเวลากลางคืน เบื้องหน้าของมิโดริมะไม่มีร่างของทาคาโอะนั่งอยู่อีกแล้ว เหลือเพียงตุ๊กตากระต่ายสีขาวที่ตอนนี้มอมแมมสกปรก ซ้ำขาและหูก็ขาดรุ่งริ่งทั้งที่เมื่อครู่นี้ยังอยู่ในสภาพดีแท้ ๆ ร่างสูงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกห้อง ภายในบ้านมืดสนิท และเป็นเพราะแสงจากฟ้าแลบข้างนอกทำให้มิโดริมะมองเห็นทาคาโอะยืนร้องไห้อยู่ตรงหัวบันได

                  มิโดริมะขยับเข้าไปใกล้เพื่อจะดูว่าเกิดอะไรขึ้น และพอเกิดแสงสว่างวาบเข้ามาอีกครั้งทำให้เขามองเห็นร่างของผู้เป็นแม่ผูกคอด้วยเชือกห้อยอยู่ตรงบันได

                  แม่ของทาคาโอะฆ่าตัวตาย....

                  หัวใจของมิโดริมะดิ่งวูบ เขาไม่เคยคิดเลยว่าทาคาโอะในวัยเด็กจะพบเจอกับเรื่องเลวร้ายถึงขนาดนี้ เสียงสะอื้นไห้ของเด็กชายดังอยู่ข้างตัว ไม่นานก็หยุดลงก่อนที่ร่างเล็กจะเงยหน้าขึ้นมองมิโดริมะ ชายหนุ่มใจหายทันที แววตาของทาคาโอะในตอนนี้อันตรายและน่ากลัวเหลือเกิน อีกฝ่ายขยับปากพูด “แม่ของฉันไม่ได้ฆ่าตัวตาย...”

                  ร่างของมิโดริมะแข็งทื่อ ไม่สามารถขยับได้

                  “พ่อของฉันเป็นคนทำเองทั้งหมด!” พูดจบทาคาโอะก็ผลักมิโดริมะตกบันไดทันที ร่างสูงกลิ้งขลุกขลักลงมาจากชั้นสอง และเพียงเสี้ยววินาที กาลเวลาก็เปลี่ยนไปอีกครั้งกลายเป็นตอนกลางวัน มิโดริมะไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไร เขาลุกขึ้นเหมือนปกติก่อนจะเดินเข้าไปในครัวราวกับถูกดลใจ

                  “อย่า! ออกไป!” ภาพที่ปรากฏข้างหน้าเป็นภาพของผู้เป็นพ่อในชุดพนักงานประจำร้านอาหารทรุดตัวบนพื้นแล้วถอยหนีลูกชายของตนที่ขยับเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ข้อมือของเขาถูกหักจนงอเปลี้ย “ฉันเป็นพ่อแกนะ!

                  “ทาคาโอะ!” มิโดริมะตะโกนเรียก ร่างเล็กชะงักเพียงครู่หนึ่งแล้วจึงหันมาทางเขา มีเพียงร่างเล็กเท่านั้นที่รับรู้ถึงการมีตัวตนของเขา ที่มือข้างขวาของทาคาโอะถือมีดทำครัวเล่มหนึ่งเอาไว้ “ทาคาโอะ....นั่นคือพ่อของนาย อย่าทำในสิ่งที่นายกำลังคิดนะ”

                  “.......” ร่างเล็กจ้องกลับโดยไม่ตอบอะไร แววตาน่ากลัวราวกับไม่ใช่เด็ก แล้วก็...ราวกับไม่ใช่ทาคาโอะที่เขาเคยรู้จัก

                  “หยุดนะทาคาโอะ...” มิโดริมะพยายามจะเข้าไปใกล้แต่ร่างกายของเขากลับขยับไม่ได้

                  เด็กนุ่มผมดำหันกลับไปยังผู้เป็นพ่อ และโดยไม่รอช้า เขาก็ใช้มีดในมือนั้นเสียบเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายทันที

                  “ทาคาโอะ!

                  “อั่กๆๆ!!” ชายผู้พ่อกระอักเลือดออกมาเพราะถูกกระหน่ำแทง ดวงตาของเขาเบิกโพลงและนิ่งค้างไปในที่สุด แต่ร่างเล็กตรงหน้ายังไม่หยุดการกระทำราวกับคนเสียสติ มีดแหลมคมเสียบลงบนเนื้อครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดสีแดงสดสาดกระจายเลอะเปื้อนตัวของเด็กนุ่ม มือเล็กล้วงเข้าไปแล้วดึงไส้ออกมาจากท้องอย่างน่าสยดสยอง   

                  “พอได้แล้วทาคาโอะ! หยุดเดี๋ยวนี้!” ไม่ว่ามิโดริมะจะตะโกนห้ามเท่าไร ร่างเล็กไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนกระทั่งพอใจ เด็กหนุ่มลากร่างของผู้เป็นพ่อยัดเอาไว้ในตู้เย็นที่ถูกถอดชั้นออกจนหมด เสร็จแล้วจึงปิดประตูตู้เย็นลงตามเดิม  ร่างเล็กนิ่งไป มิโดริมะสามารถขยับตัวได้อีกครั้งจึงเข้าไปคว้าตัวทาคาโอะทันที “ทาคาโอะ...” มือหนากุมศีรษะเล็กให้เงยขึ้นช้า ๆ ใบน้าของทาคาโอะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

                  “ชินจัง...” ร่างเล็กดูจะสงบขึ้นมาก ในจังหวะนั้นเอง มิโดริมะจึงดึงทาคาโอะเข้ามากอดเอาไว้

                  “...ชินจัง...” ร่างเล็กสั่นเบา ๆ เพราะร้องไห้

                  มือหนาลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม “ทาคาโอะ...นี่คืออดีตของนาย มันได้ผ่านพ้นไปแล้ว เพราะงั้นนายต้องแยกมันออกไป...นายต้องกำจัดความทรงจำที่เลวร้ายนี้ ไม่อย่างนั้น นายจะไม่สามารถควบคุมมันได้” มิโดริมะพูด และพอทาคาโอะดันตัวเองออก อีกฝ่ายก็เปลี่ยนกลับเป็นวัยปัจจุบันอีกครั้ง

                   “ชินจัง ฉัน...ฉันขอโทษ...” น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาข้างแก้ม “ฉันเป็นคนทำให้นายมาที่นี่ เป็นความผิดของฉัน...”

                  มิโดริมะยังไม่ตอบอะไรเพราะอยากให้ทาคาโอะพูดสิ่งที่อยากพูดให้จบ ร่างสูงได้แต่มองต่ำลงที่ใบหน้าของอีกฝ่าย

                  “มันเป็นเพราะฉัน...อยากให้นายได้รับรู้ความรู้สึกต่าง ๆ ที่ฉันไม่กล้าแสดงให้นายรู้...ฉันก็ไม่กล้าพูด ฉันกลัว...กลัวว่านายจะเกลียดฉัน...ฉันกลัวว่านายจะออกห่างจากฉัน...กลัวว่านายจะรังเกียจฉัน...เพราะฉันไม่ดี” ทาคาโอะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเอง “แล้วฉันเองก็ไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้...” ทาคาโอะในตอนนี้ ไม่เหมือนคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก ดูแตกต่างกันราวกับคนละคน “ฉันไม่สามารถต่อสู้กับตัวฉันในอดีตได้...”

                  “...ทาคาโอะ” เสียงทุ้มเรียกชื่อ “นั่นเป็นเพราะนายจมปลักอยู่กับมัน เพราะความกลัวและความหวาดระแวงทำให้ความคิดของนายบิดเบี้ยวนายต้องแยกมันออกไป ตอนนี้ทุกอย่างมันผ่านพ้นไปแล้ว ไม่มีใครที่จะทำร้ายนาย และนายไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป ไม่มีเหตุผลให้นายต้องคิดถึงความทรงจำที่เลวร้ายนี้” โดยปกติมิโดริมะจะเป็นคนที่ปากแข็ง ค่อนข้างเย็นชาและปากไม่ตรงกับใจมากที่สุด เขาจะไม่ค่อยพูดอะไรก็ตามที่ตัวเองคิด แต่ในเวลานี้กลับตรงกันข้าม เขากลายเป็นคนที่พูดทุกสิ่งที่เขารู้สึก และจะทำทุกสิ่งที่อยากทำ  

                  “ฉันเองก็มีสิ่งที่อยากบอกนายแต่ไม่กล้าบอกเหมือนกัน....” พูดจบ มือหนาก็ประคองใบหน้าคนตัวเล็กกว่าแล้วก้มลงแตะริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ใช่แล้ว...เขากำลังจูบคนที่เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนของเขา

                  ทาคาโอะนิ่งค้างไป ดวงตาเบิกโพลงกับสิ่งที่อีกคนกำลังกระทำ

                  มิโดริมะละริมฝีปากออกแล้วพูดต่อ “ฉันยอมรับว่าฉันก็เคยไม่ชอบนาย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน...แต่หลังจากนั้น หลังจากที่ฉันเปิดใจให้นาย ก็ทำให้ฉันได้รู้ว่า...ฉันไม่เคยรู้สึกกับเพื่อนคนไหนแบบที่รู้สึกกับนายมาก่อน ฉันยอมรับทุกอย่างที่เป็นนาย ทั้งข้อเสียของนาย หรืออะไรก็ตามแต่ อาจจะมีบางครั้งที่ฉันก็รู้สึกไม่พอใจนายบ้าง แต่ว่า...ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะทำให้ฉันกลับไปไม่ชอบนายได้อีก”

                  มิโดริมะเสมองไปทางอื่นทีหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทาคาโอะกำลังตั้งใจฟังเขาก่อนจะพูดต่อ

                  “ฉันยอมรับข้อเสียของนายทุกอย่าง แล้วนายคิดว่า ฉันจะเกลียดนายกับแค่เรื่องที่นายเคยทำในอดีตน่ะเหรอ?”

                  “ชินจัง...”

                  “ฉันเองก็เคยคิดว่าคนที่ดูอารมณ์ดีตลอดเวลาแบบนาย เวลาที่รู้สึกเศร้าจะต้องเก็บกลั้นความรู้สึกตัวเองไว้ขนาดไหนกัน สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดก็คือการที่นายบอกเล่าปัญหาของนายให้ฉันฟังบ้าง ฉันน่ะ...เป็นห่วงนายเสมอนั่นล่ะ...”

                  มือหนาเกลี่ยที่ไรผมของทาคาโอะ

                  “แต่ว่า....ฉันก็มีส่วนผิดที่ทำให้นายไม่กล้าพูดทุกอย่างกับฉัน เพราะงั้นฉันเองก็ต้อง...ขอโทษนายเหมือนกัน” มิโดริมะจับมือของทาคาโอะไว้ “กลับไปด้วยกันเถอะทาคาโอะ แล้วเราค่อย....” ร่างสูงชะงัก เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งทาคาโอะวัยปัจจุบันกลับหายไปกลายเป็นวัยเด็ก พร้อมกับสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ นัยน์ตาสีเทาเหลือกมองร่างสูงแล้วยิ้มเย็น มิโดริมะถอยออกมาทันที ความร้อนระอุจากไฟทำให้เขาต้องยกมือขึ้นบดบังใบหน้าตัวเองไว้

                  “ไหนว่าจะกลับไปด้วยกันไง แล้วชินจังหนีฉันทำไมล่ะ?” ร่างเล็กถาม แล้วก้าวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ร่างสูงถอยหนีตามย่างก้าวของอีกฝ่าย

                  “ทาคาโอะ...อย่าปล่อยให้ตัวตนเดิมครอบงำจิตใจนาย นายต้องเอาชนะให้ได้!” มิโดริมะตะโกน

                  “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ!” ร่างเล็กหัวเราะลั่น “ฉันก็คือทาคาโอะนี่ไง! อย่าพูดเหมือนฉันเป็นคนอื่นสิ”

                  “ไม่ใช่!

                  ทาคาโอะหัวเราะหึ ๆ และเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น ร่างเล็กก็พุ่งเข้ามาคว้าคอเสื้อของมิโดริมะแล้วเหวี่ยงร่างสูงลงบนพื้นอย่างง่ายดาย

                  “นายมันก็เหมือนคนอื่น ๆ นั่นแหละ คนอย่างนายจะมาเข้าใจอะไรฉัน ถ้านายรักฉันจริงล่ะก็ อยู่ที่นี่ตลอดไปสิ!” ทาคาโอะพูด สายตาของมิโดริมะลางเรือนเพราะความร้อนจากไฟ ร่างเล็กเข้ามาใกล้ บีบคอเขาแล้วชูขึ้นสุดแขน

                  “อั่ก...ทา..คาโอะ...” มิโดริมะพยายามต่อสู้ แต่คนร่างสูงอย่างเขากลับไม่สามารถสู้แรงของเด็กตัวเล็ก ๆ ได้ “อ....อั่ก....” และเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงหยิบปืนที่เหน็บไว้ออกมาแล้วยิงเฉียดที่ใบหูของทาคาโอะ ร่างเล็กเสียหลักปล่อยเขาลง ส่วนตัวเองก็ล้มลงบนพื้นเช่นกัน เลือดสีแดงไหลอาบตามลำคอ ทาคาโอะกุมบาดแผลเอาไว้แต่ไม่ร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว

                  มิโดริมะยืนขึ้น จ่อปืนไปทางอีกฝ่าย ก่อนจะสังเกตได้ว่าร่างของทาคาโอะได้เปลี่ยนไปอีกแล้ว

                  “ทาคาโอะ” ร่างสูงวิ่งเข้าไปหาทาคาโอะวัยปัจจุบันทันที เขาจับอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นแล้วพยุงเพื่อที่จะพาออกจากบ้าน

                  “ชินจัง...” ทาคาโอะเงยหน้าขึ้น “ไม่ได้...” เขาผละตัวเองออกมา และไม่ลืมที่จะฉวยปืนจากร่างสูงมาด้วย

                  “จะทำอะไรทาคาโอะ!?”

                  “มีแค่ชินจังเท่านั้นที่จะกลับไปได้...”

                  “....?” มิโดริมะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ และเขาก็ไม่อยากที่จะเสียเวลาเข้าใจอะไรอีก ร่างสูงตั้งใจจะเข้าไปคว้าตัวอีกฝ่าย แต่แล้วเพดานจากด้านบนก็ร่วงลงมาขวางไว้พร้อมกองไฟที่ลุกลาม

                  ไม่นะ....

                  และท่ามกลางเปลวไฟสูงที่เป็นดั่งกำแพงกั้นเขาสองคนนั้น มิโดริมะมองเห็นว่าทาคาโอะกำลังจ้องปืนในมือของตัวเอง

                  “อย่า! ทาคาโอะ!

                  “ขอบใจนะ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา...” ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่แสนเศร้านักสำหรับมิโดริมะ “ฉันเองก็รู้สึกเหมือนอย่างที่นายรู้สึกกับฉัน แต่ว่าตอนนี้....คงถึงเวลาแล้วที่ชินจังจะต้องกลับไป”

                  ทันใดนั้นสมองของเขาก็ปวดขึ้นมาอีกครั้ง

                  “อื้อ!!” มิโดริมะล้มลง กุมศีรษะตนเองอย่างทรมาน จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของคนหลายคนดังมาจากในหัว

                 

                  พบผู้บาดเจ็บสองคนในรถครับ! ไม่แน่ใจว่าเสียชีวิตแล้วหรือยัง!

                  รีบเอาขึ้นมาแล้วส่งให้รถพยาบาลเลย!

       

                  “อึ่ก...!” ภาพตรงหน้าของมิโดริมะเลือนราง กระนั้น เขาก็พยายามที่จะไม่ละสายตาจากอีกคนที่อยู่คนละฟาก

                  “ที่นี่เป็นโลกของฉัน ชินจังจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ถ้าฉันยังอยู่ ตัวของฉันในอดีตจะกลับมาและทำร้ายนาย เพราะงั้น...” ทาคาโอะจ่อปืนที่ขมับของตนเอง

                  “อย่า...ทาคาโอะ!

                  “ลาก่อน...ชินจัง”

                  “ไม่!

                  “ฉันรักนาย”

                 

                  ปัง!

       

                  ความเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่ร่างกายของมิโดริมะ เขาครางอือในลำคอเพราะความทรมาน กระดูกในร่างคงจะหักที่ไหนสักที่ สมองมึนเบลอเช่นเดียวกับภาพตรงหน้าที่เลือนราง มีคนหลายคนกำลังช่วยกันย้ายร่างของเขา เสียงรถพยาบาลและรถตำรวจดังสนั่น

                  “ผู้บาดเจ็บได้สติครับ!” ชายคนหนึ่งรายงานเมื่อเห็นว่าเขาลืมตาที่ปูดบวมขึ้นมาเล็กน้อย

                  “คุณหมอคะ! เข้มแข็งไว้นะคะ!

                  “เอาส่งโรงพยาบาลทันที!

                  “อีกคนเป็นยังไงบ้าง!

                  “อีกคนไม่หายใจแล้วครับ!

                  อีกคน....?

                  อีกคน.....?

                  ทาคาโอะ...

                  มิโดริมะได้ยินเพียงแค่นั้นเป็นครั้งสุดท้าย ร่างที่อยู่ในสภาพเจ็บหนักหลับตาลงช้า ๆ ก่อนที่น้ำตาหยดหนึ่งจะไหลลงมาตามขอบตา แล้วสติของเขาก็ดับหายไป

       

                  ระหว่างที่หมดสติ มิโดริมะได้ฝันถึงเรื่องราวก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ เขาสองคนนั้นมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เป็นเพราะความไม่เข้าใจและไม่ยอมปรับความเข้าใจกันทำให้ทาคาโอะคิดเสมอว่ามีพียงตัวเขาเท่านั้นที่คอยตามแต่มิโดริมะแค่คนเดียว ความเก็บกด และความน้อยใจต่าง ๆ ทำให้ทาคาโอะคิดว่าเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกับมิโดริมะได้อีก เพราะมันจะทำให้เขาทรมาน อีกทั้งมันจะส่งผลต่อความคิดและอาจจะทำให้พลังของเขาปลดปล่อยออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ทว่า เพราะมิโดริมะเองก็ไม่ได้อยากให้ทาคาโอะออกห่างตน เขาทั้งสองจึงนั่งรถออกมาด้วยกันและพูดคุยถึงเรื่องนี้

                  “บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกันทาคาโอะ นายน่ะ...เป็นคนแบบไหนกันแน่” ร่างสูงผู้เป็นฝ่ายขับรถเอ่ยปากพูด อารมณ์คุกรุ่นไปด้วยความร้อนรุ่ม บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจทาคาโอะจริง ๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เขาอยากให้ทาคาโอะพูดกับเขาบ้าง พยายามต่าง ๆ นานา บีบให้อีกฝ่ายแสดงความรู้สึกของตัวเองแต่ทาคาโอะก็ยังทำเหมือนคนที่ซ่อนงำบางอย่างไว้เสมอ ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนที่จะพูดหรือเรียกร้องอะไรมาก เหตุนี้จึงทำให้ทาคาโอะคิดไปเองว่ามิโดริมะคงไม่ได้ใส่ใจอะไรในตัวเขาเท่าไรนัก

                  นั่นสินะ ฉันเป็นคนแบบไหนกันแน่...? ทาคาโอะที่เอาแต่เหม่อมองไปนอกหน้าต่างไม่ตอบคำถาม เพราะจู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนตัวตนในตอนนี้กำลังจะถูกช่วงชิงไปโดยอีกคนหนึ่งในตัวเขา อันตราย! เขากำลังจะทำให้มิโดริมะเกิดอันตรายขึ้น! ชายหนุ่มผมดำมีท่าทีลุกลี้ลุกลน พยายามจะเปิดประตูรถแต่มิโดริมะก็คว้าแขนไว้

                  “จะทำอะไรทาคาโอะ!” ร่างสูงกำลังคิดที่จะจอดรถ ทว่า เมื่อหันกลับไปอีกทีเขาก็เห็นร่างของเด็กคนหนึ่งวิ่งตัดหน้าไป ร่างสูงเจ้าของรถหักเลี้ยวไปข้างทางอย่างกะทันหันโดยลืมไปว่าสองข้างทางนั้นเป็นป่าที่อยู่ต่ำลงไปจากระดับถนนมาก จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น

      ***************************

       

                  ร่างสูงนอนนิ่งในสภาพบอบช้ำ ทั้งตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผลกับเฝือกใส่ไว้ที่คอ แขนและขา เขาขยับตัวเล็กน้อยเมื่อได้สติ ดวงตาที่เคยปูดบวมยุบลงบ้างแล้ว

                  “สวัสดีคุณหมอชินทาโร่” เสียงของเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งทักทายเมื่อเห็นว่าเขาค่อย ๆ ลืมตา มิโดริมะนึกแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมจิตแพทย์อย่างหมอนี่ถึงมาอยู่ที่เตียงผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุได้ และสมกับเป็นจิตแพทย์ ที่แค่มองสีหน้าและแววตาของมิโดริมะ เขาก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายทันที “ฉันต้องมาตรวจสภาพจิตใจของนายน่ะ นายจำได้ใช่ไหมว่าตัวเองประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรง”

                  คนเจ็บกะพริบตาหนึ่งทีเป็นสัญญาณขั้นพื้นฐานระหว่างหมอและคนไข้ที่ยังพูดและขยับตัวไม่ค่อยได้

                  “อืม อีกอย่างหนึ่งฉันก็อยากมาดูอาการของนายด้วย ทุกคนตกใจกันหมดที่รู้ว่าหมออย่างนายต้องนอนเตียงผู้ป่วยเสียเอง ”

                  “อ..อาคา...ชิ” มิโดริมะพยายามส่งเสียงเรียกชื่ออีกฝ่าย

                  “หืม แสดงว่าสมองไม่ได้กระทบกระเทือนมาก ยังไม่ถึงกับสูญเสียความทรงจำ”

                  คราวนี้มิโดริมะทำแค่มองหน้าอีกฝ่ายเฉย ๆ

                  “นายหิวน้ำหรือเปล่า?”

                  “อือ...”

                  อาคาชิเทน้ำจากเหยือกใส่แก้วแล้วช่วยจับหลอดให้มิโดริมะดูดน้ำได้อย่างสะดวก พอรู้สึกว่าคอเริ่มหายแห้งแล้ว มิโดริมะก็พยายามที่จะพูดอีก

                  “ทา...ทาคาโอะ?”

                  ร่างสมส่วนในชุดกาวน์ชะงักไปทันทีในขณะที่กำลังจะวางแก้วลงทีเดิม มิโดริมะพยายามเหลือบตามองอาคาชิที่ดูจะหันหน้าไปทางอื่นนานแล้ว เขาอยากจะรู้อาการของทาคาโอะให้เร็วที่สุด และสุดท้ายอาคาชิก็หันกลับมา

                  “หมอทุกคนพยายามช่วยทาคาโอะอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่า...” อาคาชิทำหน้าเหมือนกำลังทำใจที่จะพูด “ช่วยได้มากที่สุด...แค่กลายเป็นเจ้าชายนิทรา”

                  “.......” มิโดริมะเหลือบตาขึ้นมองเพดานสีครีม ความโล่งใจและเสียใจปนเปกัน แต่แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างง่ายดายเมื่อเขานึกถึงช่วงเวลาในอนาคตที่จะไม่ได้ยินเสียงของทาคาโอะอีก เขาจะทำได้แค่แวะเวียนมาเยี่ยมร่างที่นอนแน่นิ่ง ไม่ได้รับการตอบกลับ ไม่สามารถไปไหนด้วยกันได้ ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายและก็ไม่มีวันรู้ว่าเมื่อไรกันที่ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น

                  “เรื่องการยินยอมต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวทาคาโอะ ฉันได้เสนอรับผิดชอบไปก่อนแล้วเพราะเขาไม่มีญาติที่ไหน แล้วฉันก็แจ้งไปแล้วว่าหลังจากนี้ค่อยคุยอีกทีหลังจากที่นายรักษาตัวเสร็จเรียบร้อย”

                  “.......” มิโดริมะไม่ได้ตอบหรือแสดงสัญญาณใด ๆ ซึ่งอาคาชิก็เข้าใจดีว่าตอนนี้สิ่งที่บอบช้ำมากไม่แพ้กันก็คือจิตใจของอีกฝ่าย

                  “ชินทาโร่ ฉัน...เสียใจด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่ายังไงนายก็ต้องเข้มแข็งและคิดในแง่ดี ว่าอย่างน้อย...ทาคาโอะก็ยังอยู่กับนาย เพียงแต่เขาอาจจะตื่นช้าไปหน่อยเท่านั้นเอง” อาคาชิพยายามพูดปลอบใจ ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู “เดี๋ยวจะมีพยาบาลเข้ามาดูแลนายต่อ จากนี้ถ้านายต้องการพูดคุยกับใครเป็นพิเศษก็ให้คุณพยาบาลมาแจ้งฉันได้ ฉันต้องไปแล้ว แล้วเจอกันใหม่นะชินทาโร่” พูดจบร่างสมส่วนก็เดินออกไป

                  มิโดริมะยังคงนอนนิ่งและจ้องมองเพดานเช่นเดิมแม้ว่าจะมีพยาบาลเข้ามาแล้วก็ตาม ร่างสูงสั่นเทาและมีเสียงสะอื้นเล็กน้อย แต่พยาบาลสาวก็ให้เวลาส่วนตัวแก่เขา ไม่ได้เข้าไปพูดอะไรทั้งสิ้น เพราะอาคาชิได้แจ้งไว้ว่า ตอนนี้คุณหมอมิโดริมะกำลังอยู่ในอาการช็อคและเสียใจมาก แต่ไม่ได้ต้องการคำพูดปลอบใด ๆ เขาต้องการเพียงแค่ได้อยู่เงียบ ๆ คนเดียวเท่านั้น

       

                  หลังจากเกิดอุบัติเหตุในวันนั้น มิโดริมะก็รักษาตัวมาได้สามเดือนแล้ว เขาสามารถพูดและขยับตัวได้แต่ยังต้องใส่เฝือกและนั่งรถเข็น ระหว่างที่รักษาตัวนั้น มีคนรู้จักของมิโดริมะหลายคนที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียน ของฝากมากมายกองสุมบนโซฟา และเมื่อใดที่หมดเวลาเยี่ยม หรือยังไม่มีใครมาหา หากอาคาชิมีเวลาว่าง จิตแพทย์หนุ่มคนนี้ก็จะเป็นฝ่ายมาดูแลมิโดริมะเอง และทันที่ที่มิโดริมะสามารถไปไหนมาไหนได้ด้วยรถเข็นแล้ว เจ้าตัวก็ขอให้อาคาชิพามายังห้องของทาคาโอะทันที

                  อาคาชิเข็นรถเข้าไปใกล้เตียง เพื่อให้มิโดริมะได้ใกล้ชิดกับร่างผอมที่นอนนิ่ง

                  “ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก” ร่างสูงซึ่งนั่งรถเข็นเอ่ย

                  “อืม” อาคาชิตอบก่อนจะเดินออกไปเงียบ ๆ และเมื่อในห้องเหลือเพียงมิโดริมะกับเจ้าชายนิทรา ร่างสูงก็เอื้อมแขนข้างขวาที่ไม่ได้ใส่เฝือกไปสัมผัสที่มือของทาคาโอะ นัยน์ตาใต้กรอบแว่นจ้องมองใบหน้านิ่งสงบด้วยความอาลัย เป็นครั้งแรกที่มิโดริมะนึกถึงเรื่องเพ้อฝันตามนิทานสมัยเด็กเช่นการจุมพิตให้ตื่นจากนิทรา หรือการขอพรนางฟ้าให้เสกอีกฝ่ายให้ตื่นขึ้น แต่กระนั้น เขาก็รู้ว่าอะไรแบบนั้นมันไม่มีจริง เขารู้ดีว่าปาฏิหาริย์มันเกิดขึ้นได้แค่ในนวนิยายเท่านั้น ทาคาโอะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกแล้ว...

                  ทำไมกันนะ...ทั้งที่ก็เหมือนคนหลับอยู่แท้ ๆ แต่ทำไมถึงไม่ยอมตื่นขึ้นมา ไม่ว่าจะบีบมือเท่าไร ไม่ว่าจะปลุกแค่ไหน อีกฝ่ายก็ไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าเขาจะรู้เหตุผลนี้ดีเพราะความรู้ทางการแพทย์ แต่เขาก็อดคิดอะไรงี่เง่าไม่ได้เลย

                  “ตื่นสักทีสิทาคาโอะ...” มิโดริมะกอบกุมมือผอมแห้งของทาคาโอะไว้ “ตื่นขึ้นมาสักที...นายคิดจะนอนไปถึงไหนกัน..ทุกคน..รวมทั้งฉัน คิดถึงนายมากนะรู้ไหม....เข้มแข็งสิทาคาโอะ...นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ นายจะจมอยู่กับอดีตอย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่าทางนี้....” มิโดริมะกลืนก้อนแข็งลงคอ “...ทางนี้...ยังมีคนที่รอคอยนายเสมอ....”

                  มือหนาบีบที่มือบางอย่างแรง เพื่อหวังลม ๆ แล้ง ๆ ให้อีกคนรู้สึกตัว แต่ผลก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

                  อาคาชิเปิดประตูเข้ามาพอดีแล้วแจ้ง “คุณหมอประจำตัวทาคาโอะจะเข้ามาแล้วล่ะ นายเองก็ได้เวลาทานยาเหมือนกัน” มิโดริมะพยักหน้า อาคาชิจึงเข้ามาเข็นรถของเขาออกจากห้องไป

                 

                  ในคืนนั้นฝนตกกระหน่ำอย่างแรง เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังสนั่นลั่นทั่วทั้งตึก และดังเข้าไปถึงประสาทการรับรู้ของของร่างผอมที่นอนแน่นิ่งมาตลอดสามเดือน ภายในร่างกายของทาคาโอะเจ็บแปลบราวกับกระดูกทั้งร่างกำลังหักละเอียด สมองเกิดการประมวลผลต่าง ๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ความทรงจำในอดีตของทาคาโอะไหลเวียนเข้ามาเหมือนน้ำที่ล้นแก้ว ทั้งความทรงจำเลวร้ายในสมัยเด็กที่เป็นเหมือนเลื่อยคมกำลังตัดกระดูกของเขาทีละชิ้น แล้วก็...ความทรงจำที่มีชายร่างสูงสวมแว่นตาหน้าบึ้งที่เป็นดั่งยาสมานบาดแผลให้เขา

                  ตื่นขึ้นมาสักทีสิทาคาโอะ

                  ทุกคนรวมทั้งฉัน คิดถึงนายมากนะ

                  ทางนี้ยังมีคนที่รอคอยนายเสมอ

                  ทาคาโอะ

                  ทาคาโอะ...

                  นายไปไหนไม่ได้

                  ภาพความทรงจำถูกตัดด้วยเสียงของตัวเขาในวัยเด็ก

                  นายมีแต่จะทำให้ชินจังเดือดร้อน

                  นายมันตัวซวย

                  ไม่มีใครต้องการนาย

                  ไม่....

                  ไม่มีใครรักนายหรอก นายมีแค่ฉันเท่านั้น

                  มีแค่ฉันเท่านั้น...

                  ไม่จริง!

                  ‘ฉันเป็นห่วงนายเสมอนั่นล่ะ...

                  ชินจัง...

                  ตื่นขึ้นมาสักที

                  ชินจัง

                  นายไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป

                  ฉัน...ฉันอยากกลับไป...

                  ทางนี้มีคนที่รอนายอยู่เสมอ

                  ฉันจะกลับไป!

                  แกทำให้ทุกคนต้องตาย! แกฆ่าทุกคน! แกมันตัวอันตราย แกตื่นไปก็มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนเท่านั้น!

                  ไม่ใช่ฉันหรอก...

                  ........

                  แต่เป็นนายต่างหาก

                  นายต่างหากที่ไม่มีใคร

                  นายต่างหากที่ไม่มีใครต้องการ

                  ไม่จริง!

                  ฉันต้องกลับไปเพราะทางนั้น....

                  อย่า...

                  ...มีคนกำลังรอฉันอยู่...

                  มีแค่ฉันที่อยู่กับนายเสมอ!

                  ลาก่อน...

                 

                  ในคืนนั้นฝนตกกระหน่ำอย่างแรง  เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังสนั่นลั่นทั่วทั้งตึก มิโดริมะสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะตกใจ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของคนข้างนอกกำลังวิ่งไปมาจ้าละหวั่น

                  อาคาชิที่พักนี้อยู่ดึกเพราะต้องการจะดูแลมิโดริมะไปในระหว่างที่อีกฝ่ายรักษาตัวหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มแล้วอ่านหนังสือไปพลางก็ต้องวางลงเมื่อห้องทำงานประจำตัวถูกเคาะ “เข้ามาได้ครับ”

                  พยาบาลสาวเดินเข้ามาในห้องแล้วรายงาน สีหน้าของเธอสื่ออย่างชัดเจนว่ามีข่าวดี “คุณหมอคะ คนไข้ที่คุณหมอให้ดิฉันดูแลและคอยรายงานตอนนี้....ได้สติแล้วนะคะ”

       

      ********************************

                  ใบไม้ใบหนึ่งจากต้นปลิดตัวเองพลิ้วร่วงลงบนพื้น ก่อนจะตามมาด้วยใบอื่น ๆ ใบแล้วใบเล่า ชายหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่บนเตียงจ้องมองใบไม้แต่ละใบที่ร่วงหล่นลงเรื่อย ๆ จนกองเต็มพื้นหญ้า เป็นสัญญาณของฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังใกล้มาถึง

                  เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่นานคุณหมอประจำตัวก็เดินเข้ามา คุณหมอที่มีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบห้าเซนติเมตร ทาคาโอะแกล้งทำเป็นนอนหลับทันที แต่ก็ดูเหมือนคุณหมอจะรู้ทัน ร่างสูงกระแอมหนึ่งทีเพื่อให้รู้ว่าคนไข้โกหกหมอไม่ได้ สุดท้ายคนไข้คนนี้ก็ยอมลืมตาขึ้นมาแต่โดยดี

                  หลังจากที่มิโดริมะได้รับข่าวดีและรักษาตัวจนกลับมาทำงานได้ปกติ เขาก็ขอเปลี่ยนมาเป็นหมอเจ้าของไข้ประจำของทาคาโอะทันที ทำให้มิโดริมะสามารถดูแลทาคาโอะได้อย่างทั่วถึง และไม่ว่าจะทำอะไร กินอะไร ไปไหน ทาคาโอะจะอยู่ในสายตาและขอบเขตการรับรู้ของคุณหมอหน้าบึ้งคนนี้เสมอ

                  “อาการเป็นยังไงบ้าง” มิโดริมะถามเสียงเรียบ

                  “ผมสบายดีครับ กลับบ้านได้แล้ว” ทาคาโอะตอบเสียงทะเล้นเป็นปกติ

                  “จริงรึ? แต่ผมว่าคุณยังดูไม่ปกติอยู่ส่วนหนึ่งนะ”

                  “เอ๋??”

                  “สมองไงครับ เพราะงั้นคุณต้องอยู่รักษาสมองให้เป็นปกติก่อนผมถึงจะให้กลับได้” ได้ยินอย่างนั้นคนไข้ทาคาโอะก็ทำหน้าบึ้ง ทำเป็นหายใจแรงเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่พอใจ

                  “ว่าไง? สรุปว่าอาการมันเป็นยังไงบอกหมอสิ?”

                  “ก็หายดีแล้วนี่ไง...” ทาคาโอะตอบ

                  “แน่ใจเหรอ?”

                  “อื้ม”

                  ร่างสูงยังคงจ้องด้วยแววตาดุ ๆ จนทาคาโอะรู้สึกสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย

                  “อ...อะไรกันเล่า...ก็เราสัญญากันไปแล้วไงว่าต่อไปนี้มีอะไรจะพูดตามจริงเสมอ ชินจังไม่เชื่อฉันเหรอ..?” พอพูดอย่างนั้น คุณหมอหน้าดุก็มีสีหน้าอ่อนลง

                  “ขอตรวจหัวใจหน่อย” ร่างสูงดึงหูฟังที่ห้อยไว้ที่คอขึ้นมาทำท่าจะใช้ตรวจหัวใจของทาคาโอะแต่คนไข้ของเขาก็แกล้งเล่นอีกแล้ว

                  “อ๊ะๆ ถ้าจะตรวจหัวใจไม่ต้องใช้เจ้านั่นหรอก” ทาคาโอะดึงมือมิโดริมะแล้ววางลงบนหน้าอกตำแหน่งที่ตรงกับหัวใจของเขา “ใช้สัมผัสก็พอแล้ว”

                  “.........”

                  อิอิ...นิ่งไปเลย เขินละซี้ชินจัง ทาคาโอะคิดอย่างผู้มีชัย แต่ทว่า เมื่อคุณหมอร่างสูงเผยยิ้มบาง ๆ แสนอ่อนโยนซึ่งหายากยิ่งกว่าใบโคลเวอร์สี่แฉกออกมาเท่านั้น ก็กลับกลายเป็นทาคาโอะเสียเองที่ต้องนิ่งค้าง

                  ราวกับโลกทั้งใบได้ระเบิดเป็นเสี่ยงไปแล้วเพราะรอยยิ้มบาง ๆ ของผู้ชายคนนี้

                  มิโดริมะใช้หูฟังตรวจหัวใจของคนไข้จอมทะเล้นของเขาที่นอนตาค้างไปแล้วเสร็จก็ขีด ๆ เขียน ๆ ลงในบันทึกแล้วพูดไปพลาง “หัวใจเต้นแรงผิดปกติ สงสัยต้องจัดยาเพิ่มให้หนัก ๆ แล้วมั้ง”

                  “.................”

                  พอเขียนเสร็จมิโดริมะก็เงยหน้าขึ้นมาบอก “เดี๋ยวพยาบาลจะเอาอาหารมาให้ ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามกินให้หมด แล้วอย่าลืมกินยาให้ตรงเวลาด้วย พักผ่อนให้เพียงพอ ขาดเหลืออะไรก็บอกคุณพยาบาล เข้าใจไหม?”

                  “........” ทาคาโอะพยักหน้าช้า ๆ

                  ร่างสูงหันหลังจะเดินกลับแต่ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เขาหันกลับมาหาทาคาโอะและไม่ให้คนป่วยได้ทันตั้งตัว คุณหมอร่างสูงก็ก้มลงจุมพิตเบา ๆ ที่หน้าผากของคนป่วยทันที “สุดท้ายก็หายไว ๆ ล่ะ” พูดจบมิโดริมะก็เดินจากออกไป ทิ้งให้คนไข้แทบจะหัวใจวายตายเพราะโดนแดเมจถึงสองรอบ

                  ทาคาโอะค่อย  ๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงจมูกเหมือนต้องการเก็บซ่อนสีหน้าของตัวเองไว้ทั้งที่ในห้องไม่มีใครแท้ ๆ

                  บ้าจริง...โดนเองจนได้ มือบางกำผ้าห่มแน่น ทำแบบนี้ใจสั่นนะเจ้าบ้าชินจังเอ๊ย

                  ริมฝีปากใต้ผ้าห่มคลี่ยิ้มจนแก้มปริ ก่อนจะค่อย ๆ คลายลงเมื่อรู้สึกเขินจนหนำใจ

                  ทาคาโอะนึกถึงวันแรกที่เขาฟื้นขึ้นมา ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บน้อยกว่ามิโดริมะซึ่งตัวเขาก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าใดนัก วันแรกที่มีสติและเห็นร่างของคนที่ทำให้เขาอยากลืมตาขึ้นบนโลกนี้อีกครั้ง ความรู้สึกผิดต่าง ๆ ก็ถาโถมเมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่าย ทว่า มิโดริมะกลับเลื่อนรถเข็นเข้ามาใกล้แล้วกุมมือเขาไว้ และเพียงเขาได้เห็นน้ำตาที่คลออยู่หลังกรอบแว่นของคนที่แสนเย็นชาอย่างมิโดริมะแล้ว ความรู้สึกผิดก็ค่อย ๆ จางหายไป แปรเปลี่ยนเป็นการขอบคุณ และความรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากแค่ไหน

                  ตอนนี้มิโดริมะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

                  นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

                  เขาจดจำคำพูดของมิโดริมะได้เป็นอย่างดี ใช่แล้ว...เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เพราะความจริงแล้ว เขาก็ไม่เคยอยู่คนเดียวเลยสักครั้ง

                  มือบางคลำไปใต้หมอน แล้วหยิบบางอย่างออกมา มันคือตุ๊กตากระต่ายขาขาดสีมอมแมม เขาพลิกดูข้างหลังเพื่ออ่านข้อความบนกระดาษที่ถูกเขียนด้วยสีแดงแห้ง ๆ  

                  ฉันจะอยู่กับนายเสมอ

       

       

                 

                   

                              

      ***************************

       

      ใครงงขอเสียง 5555555

       

                  

                 

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×