คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่สิบเอ็ด คำว่าขอโทษมันคงไม่เพียงพอ
บทที่สิบเอ็ด คำว่าขอโทษมันคงไม่เพียงพอ
“ยังเจ็บอยู่มั้ยวะ” ผมเอ่ยถามแจนที่นั่งหน้าปูดอยู่บนโซฟาขณะที่ยื่นผ้าชุบน้ำแข็งผืนใหม่ไปให้มันประคบหน้า
“โคตรจะเจ็บว่ะ” แจนตอบพร้อมกับซี้ดปากเบาๆ
“ขอโทษนอกจากจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วแกยังเจ็บตัวเพราะช่วยฉันอีก”
“ก็ยังดีกว่าปล่อยให้แกเจ็บหนักล่ะวะ” แจนตอบพร้อมกับผลักหัวผมเบาๆอย่างหยอกๆ
“แต่พี่รีไวคงไม่ดีใจแน่ที่ตื่นมาเจอสภาพแบบนี้ของแก......” ผมตอบมันกลับไปเสียงเบา แจนมองหน้าผมนิ่งก่อนจะกัดฟันพูดกับผมจริงๆจังๆ
“เอเลน....ฉันคิดว่าแกกับพี่เตี้ยกำลังพากันเข้าใจอะไรสักอย่างผิดๆอยู่.....คือ.....ความจริงแล้ว......”
“ว้ากกกกกก” เสียงร้องของพี่นานาบะดังลั่นเสียจนเราสองคนสะดุ้ง มือเรียวแต่แรงออกจะหนักยกโบกพี่เอิร์ดที่กำลังใส่ยาตรงมุมปากให้
“มันเจ็บนะเว่ย!!! แกจะเบามือกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอวะเอิร์ด!!!”
“ขอโทษครับเจ้.....นี่ผมพยายามค่อยที่สุดแล้วนะครับ” พี่เอิร์ดยกมือป้องศีรษะที่ถูกพี่นานาบะกระหน่ำทุบเอาไว้ หลังจากที่ได้ระบายจนหนำใจเธอก็ทรุดนั่งลง
“เพราะแบบนี้ฉันถึงเกลียดผู้ชาย ดีแต่ใช้กำลัง ไม่อ่อนหวาน ไม่น่ารักเอาเสียเลย.....พวกแกเห็นเอเลนมั้ย เห็นน้องมันรึเปล่า หัดทำตัวทำหน้าให้มันน่าเจี๊ยะเหมือนน้องมันบ้างสิวะ” คนถูกพาดพิงถึงกับสะดุ้ง
ไอ้ที่ว่าน่าเจี๊ยะนี่มันแบบไหนกันเหรอครับ.....
พวกหนุ่มๆในแก๊งมองหน้ากันเงียบๆก่อนจะก้มลงมองพื้น ได้แต่ตัดพ้อในใจตัวเอง
อย่างกับเจ้ไม่ชอบใช้กำลังเลยแหน่ะ.......เห็นทุบเอาๆ
“เจ็บโว้ย!!!! เจ็บ......เจ็บ!!!!” พี่นานาบะแหกปากตะโกนเสียงดังลั่นห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ยิ่งแกแหกปากมันก็จะยิ่งเจ็บหนักกว่าเดิม” พี่มิเกะที่กำลังนวดยานวดลงบนข้อศอกตอบกลับเรียบๆ
“ก็มันเจ็บนี่......แล้วเมื่อไหร่ไอ้เตี้ยตัวการที่ซ้อมเรามันจะตื่นสักทีวะน่าโมโหชะมัด”
“ฉันซัดมันไปเต็มแรง คงยังไม่ตื่นง่ายๆหรอก” พี่มิเกะตอบขณะที่เป่าลมลงบนข้อศอกที่แดงเถือกของตัวเองเบาๆ
“แกแน่ใจมั้ยว่าไม่มีใครตาย” พี่นานาบะยื่นเท้าไปสะกิดไหล่พี่มิเกะแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าเครียด
“ฉันคิดว่าไม่ ป่านนี้สามสาวนั่นคงเรียกรถพยาบาลมาเก็บซากพวกมันไปแล้วล่ะ”
“อย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่มีใครต้องตายเพราะฝีมือไอ้เตี้ย.......พวกเราเองก็เกือบไม่รอด” พี่นานาบะเปรยขึ้นมาลอยๆ ผมก็เห็นด้วยกับเธอถ้ามีคนต้องตายจริงๆเรื่องมันคงจะวุ่นวายกว่านี้แน่ๆ นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ผมเพิ่งจะได้เห็นความน่ากลัวของพี่รีไว คงโมโหมากสินะครับที่เห็นแจนถูกทำร้าย ในขณะที่ผมเองก็เป็นห่วงพี่มากเหมือนกัน
“ฉันขอเข้าไปดูพี่รีไวหน่อยแล้วกัน” ผมบอกกับแจนเบาๆขณะที่ลุกขึ้นถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องนอนของพี่รีไว
“เฮ้ยเอเลน ฉันยังคุยกับแกไม่จบเลยนะเว่ย” แจนตะโกนไล่หลังผมเข้ามาในขณะที่ผมปิดประตูห้องนอนลง
ห้องทั้งห้องมืดสลัวเพราะหน้าต่างที่ปิดสนิทและไฟที่ไม่ได้เปิด มองเห็นเงาตะคุ่มๆของร่างที่คุ้นตานอนเหยียดยาวอยู่บนที่นอน ผมเอื้อมมือไปกดเปิดสวิตช์ไฟ ร่างใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตนักเรียนเปื้อนเลือดนอนตะแคงหันหลังนิ่งสนิทอยู่บนเตียงนอน ทั่วทั้งร่างยังถูกพันธนาการด้วยเชือกป่านเส้นโต ผมทรุดตัวนั่งลงบนที่ว่างข้างเตียงนอน ยื่นมือไปสัมผัสกลุ่มผมสีเข้มชื้นเหงื่อของพี่ชายข้างห้องเบาๆ
“ผมขอโทษครับพี่......ผมขอโทษ” ผมพูดขณะที่ก้มลงซบหน้ากระซิบข้างใบหูของพี่ชายที่แกล้งหลับอยู่
“เพราะความไม่ระวังตัวของผม ทุกคนเลยต้องเดือดร้อนกันหมด.....ผมขอโทษจริงๆครับ” ผมกระซิบบอกคนที่แกล้งทำเมินอีกครั้ง คราวนี้ผมโถมทั้งตัวเข้าไปกอดร่างที่ถูกพันธนาการเอาไว้ ซบหน้าลงกับแผ่นหลังที่เกร็งแน่นของพี่รีไว รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายสูดหายใจลึกก่อนจะตอบกลับมาเสียงเบา
“พี่ต่างหาก ที่ต้องขอโทษ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะพี่” แม้น้ำเสียงจะทุ้มนุ่มอย่างที่เคย แต่กระแสเสียงกลับสั่นเครือราวกับผู้พูดกำลังต้องการปิดบังกระแสความเศร้าเอาไว้
“มันเป็นเหตุสุดวิสัยครับ.....ผมเข้าใจ พี่อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ....มันไม่ใช่ความผิดของพี่เลย” ผมตอบขณะที่กอดรัดร่างของพี่ชายแน่นขึ้น ซุกหน้าลงประทับจูบบนหลังแผงคอแน่นกล้ามของพี่รีไวเบาๆ
อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ....มันไม่ใช่ความผิดของพี่สักนิด
“พวกที่มันทำร้ายเอเลน มันสมควรตายเพื่อชดใช้ แต่คนที่มันสมควรตายยิ่งกว่าก็คือพี่......พี่ทำร้ายเอเลน พี่ที่ชกเอเลนด้วยมือของพี่เอง........ สมควรตายที่สุด”
“ไม่เลยครับ พี่ไม่ได้ทำร้ายผม ผมไม่เจ็บอะไรเลยด้วยซ้ำ มันไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด ไม่เชื่อ พี่ลองมองหน้าผมสิครับ หันกลับมามองหน้าผมดูแล้วพี่จะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรเลย” ผมกระซิบเสียงแผ่วซุกหน้าลงกับซอกคอวิงวอนขอทั้งน้ำตา
ได้โปรดเถอะครับพี่......แค่เพียงเล็กน้อยก็ยังดี หันกลับมามองผมหน่อย.....ได้โปรดเถอะ
“พี่.....ทำร้ายเอเลน” เสียงทุ้มกัดฟันตอบเสียงเครือ
“ไม่มีอะไรจะทำร้ายผมมากไปกว่าการที่พี่หันหลังให้ผมแบบนี้อีกแล้วนะครับ ขอร้องล่ะครับพี่มองผมหน่อยแค่สักนิดก็ยังดี.......ผมรักพี่นะครับ พี่รีไว” เหมือนคำพูดของผมจะไปสะกิดต่อมอะไรบางอย่าง พี่รีไวนิ่งแข็งค้างไปทันที ผมซุกตัวเบียดเข้าหาร่างใหญ่แล้วยื่นปากไปคลอเคลียข้างแก้มขาวแล้วขบเม้มใบหูของอีกฝ่ายเบาๆกระซิบถ้อยคำที่คิดว่าชาตินี้จะไม่มีวันพูดออกไปให้พี่รีไวได้ยินชัดๆ
“ผมรักพี่นะครับ.....ผมรักพี่.....อย่าใจร้ายกับผมด้วยการหันหลังให้กันแบบนี้เลยครับ มองผมหน่อย มองผมสักนิด แค่เพียงนิดเดียวก็ยังดี” ผมอ้อนวอนขณะที่เลื่อนริมฝีปากไปคลอเคลียกับกลีบปากหยักได้รูปบดคลึงเบาๆเป็นเชิงเว้าวอน
“อย่าเมินผมนะครับ.....ได้โปรด อย่าเมินผม” รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดเบาๆที่ริมฝีปาก พี่รีไวขบเม้มดูดดึงริมฝีปากผมเบาๆแล้วเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“เอเลนพูดอะไรน่ะ......พูดใหม่สิ” เอ่ยถามเสียงพร่าขณะที่คลอเคลียริมฝีปากซึ่งกันและกัน
“ผมรักพี่ครับ......” ผมกระซิบบอกแล้วจุมพิตกลีบปากหยักได้รูปของพี่ชายข้างห้องเบาๆ
“อย่าเมินผมนะครับ ถึงแม้เรื่องนี้มันจะไม่ถูกต้อง ถึงแม้พี่จะมีใครอยู่ แต่ผมก็รักพี่..ผมขอเป็นที่สองรองจากอื........” รู้สึกถึงริมฝีปากที่บดเบียดเข้ามาด้วยความรุนแรงและดุดัน รสจูบนี้ทำให้ผมถึงกับไปไม่เป็น ได้แต่หลับตาแน่นปล่อยให้ริมฝีปากถูกช่วงชิงไปอย่างหิวกระหาย ได้ยินเสียงคำรามรอดไรฟันก่อนจะรู้สึกว่าถูกมือใหญ่จับพลิกร่างกดให้จมลงกับที่นอนนุ่ม
“บอกรักพี่แบบนี้เตรียมใจเอาไว้แล้วใช่มั้ยเอเลน” พี่รีไวกระซิบเสียงพร่าในขณะที่คร่อมทับร่างของผมเอาไว้ เสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดถูกถอดทิ้งโยนส่งไปไกลๆ แผงอกแน่นมัดกล้ามขึ้นลอนหอบกระเพื่อมตามแรงหายใจของเจ้าตัว
“พี่ไม่รู้ว่าคำว่า ‘รัก’ ในความหมายของเอเลนมันหมายถึงอะไร แต่พี่จะตีความในแบบของพี่” ว่าพลางก้มลงจุมพิตกลีบปากบางสีสดของเด็กหนุ่มที่อยู่ใต้ร่างอีกครั้ง ลิ้นอุ่นๆชอนไชเข้าไปทักทายสำรวจโพรงปากหวาน คราบหยาดน้ำใสไหลซึมออกมาจากมุมปากของเด็กหนุ่มผู้อ่อนด้อยประสบการณ์ ทิ้งระยะเปิดโอกาสให้ได้หายใจหายคอกันอยู่เป็นครู่ก่อนจะเริ่มรุกรานกลีบปากบางสีฉ่ำอีกครั้ง ริมฝีปากที่หวานล้ำต่อให้ได้ลองลิ้มอีกสักกี่ยกก็ไม่เพียงพอ กลีบปากหยักจุมพิตพวงแก้มใสแล้วขบเม้มใบหูนิ่มของเด็กหนุ่มจนเกิดรอยแดง ลมหายใจอุ่นๆเป่ารินรดเข้าไปยังใบหูบางจนเด็กหนุ่มสั่นสะท้าน
“พ....พี่ครับ...ข....ข้างนอก....มีคน” เอเลนกระซิบเสียงแผ่วยามเมื่อมือใหญ่สอดไล้เข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางลูบไล้ผิวเนียนมือแผ่วเบา
“เอเลนอย่าเสียงดังสิครับ.....” เสียงทุ้มของคนที่กำลังหน้ามืดเพราะคำว่ารักตอบกลับมาเบาๆ ขณะที่ดูดดึงซอกคอขาวเนียนจนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำ
“ผม.....คือ.....ผม” ทำไม่ได้นี่ครับ!!!! เอเลนหอบหายใจขณะที่พยายามจะตอบออกไป แล้วตัวช่วยใกล้มือก็ถูกยื่นส่งมาให้ถึงปาก
“คาบไว้!!!” ชายหนุ่มหน้าคมเอ่ยสั่งเสียงเข้ม เอเลนถลึงตามองของที่ถูกยื่นจ่อมาให้ถึงปาก
“เอ่อ.....เชือกป่าน?......จะดีเหรอครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามเสียงเบา จำได้ว่าเศษเชือกเส้นนี้มันเป็นม้วนเดียวกับที่มัดร่างพี่ชายหน้าหล่อเอาไว้นี่นา แล้วมันหลุดออกจากร่างพี่รีไวตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วที่สำคัญ ทำไมมันขาดกระจุยอย่างนั้นล่ะ เมื่อเห็นสีหน้าตื่นๆของเด็กหนุ่มแล้วก็เป็นอันให้หมดความอดทน
“ถ้าเอเลนไม่คาบไว้......พี่จะมัดล่ะนะ” มือใหญ่ยื่นมาหาหมายว่าจะมัดเชือกคาดปากเขาอย่างที่บอกจริงๆ เดือดร้อนถึงเด็กหนุ่มต้องส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“คาบครับ.....ผมจะคาบไว้ครับ” ยื่นหน้าไปกัดเชือกที่ถูกส่งมาให้ด้วยความอับอายยามเมื่อชายหนุ่มก้มลงมากระซิบข้างหู
“กัดไว้ให้แน่นๆ ถ้าทนไม่ไหวจริงๆก็บอกพี่นะ....เอเลน” กระซิบบอกแล้วจูบเปลือกตาของเด็กหนุ่มเบาๆ เอเลนหยีตาพยักหน้ารับจนคอแทบหลุด
มือใหญ่ลูบไล้สะกิดผ่านติ่งไตเล็กบนแผ่นอกเนียนเบาๆ เด็กหนุ่มถึงกับสูดหายใจสะท้านเฮือก ลิ้นร้อนเลียไล้ผ่านเสื้อเชิ้ตผืนบางสะกิดเขี่ยจนเชิ้ตขาวเปียกโชกปรากฏยอดตุ่มไตสีหวานให้เห็นอยู่รำไร สัมผัสอุ่นชื้นผ่านเนื้อผ้าที่รุกเร้าทำให้เด็กหนุ่มส่งเสียงครางเครือโดยไม่ได้ตั้งใจ
มือใหญ่เลื่อนไล้มาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเปื้อนดินของเด็กหนุ่มออก ค่อยๆเผยเรือนกายขาวเนียนที่มีร่องรอยฟกช้ำออกมาช้าๆ รอยสีม่วงคล้ำกับรอยแดงเป็นปื้นทำให้ชายหนุ่มชะงัก
ดอกไม้งามแรกแย้มดอกนี้ไม่สมควรจะมีตำหนิชอกช้ำ........
ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตผิวกายช้ำม่วงเบาๆกระซิบเสียงแผ่ว
“พี่ขอโทษครับ.....เอเลน.....พี่ขอโทษ”
มือเรียวยื่นไปสัมผัสใบหน้าคมคายแผ่วเบา ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตคลอเครือหยาดน้ำตาช้อนมองชายหนุ่มราวกับจะปลุกปลอบว่าไม่เป็นไร........ มือใหญ่กุมมือเรียวแนบกระชับใบหน้าของตนเอาไว้แล้วจุมพิตฝ่ามือขาวเนียนเบาๆ
“พี่ขอโทษ......จะไม่ยอมให้เอเลนห่างตัวอีกแล้ว.....จะไม่ให้ใครแตะต้องเอเลนอีกแล้ว พี่สัญญา” กระซิบเสียงแผ่วขณะที่ก้มลงจูบลาดไหล่เนียน
“รักนะครับ......พี่รีไวรักเอเลนนะครับ” กลีบปากหยักพรมจูบลาดไหล่เนียนมาจนถึงแผ่นอกบาง ดูดดึงผิวอ่อนนุ่มที่ชอกช้ำเบาๆ ลิ้นร้อนค่อยๆโลมไล้ยอดอกสีหวานที่ชูชันท้าสัมผัสเรียวลิ้นเบาๆ เอเลนกัดเชือกป่านแน่นสกัดกั้นเสียงที่กำลังจะหลุดออกมาแต่ก็สุดจะทานทนเมื่อริมฝีปากอุ่นครอบครองดุนดันยอดประทุมถันนุ่มลิ้นพลางขบกัดติ่งไตเล็กเบาๆ แผ่นหลังขาวเนียนแอ่นโค้งรับแรงสัมผัสอย่างลืมตัว จุดที่ไวต่อสัมผัสแห่งนี้ดูจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของชายหนุ่มยิ่งนัก แทบจะไม่เปิดโอกาสให้ได้หายใจหายคอ มือใหญ่ค่อยๆลูบคลำแผ่นอกเนียนมือลากไล้แผ่วเบาผ่านหน้าท้องแบนราบซุกซ่อนสอดไล้ฝ่ามือใหญ่ผ่านเข้าไปทางขากางเกงบดคลึงโคนขาขาวเน้นสลับหนักเบาปลุกปั่นคลื่นอารมณ์หฤหรรษ์ของเด็กหนุ่ม เด็กน้อยเผลอตัวยกสะโพกมนบดเบียดหน้าขาแน่นกล้ามของชายหนุ่ม มือใหญ่ที่หมายจะเลื่อนไปบดคลึงสะโพกนุ่มมีอันต้องชะงักเมื่อเจอกับเสียงหวีดร้องด้วยความสะพรึงดังลั่น
“ว้าก!!!!!!!!!”
นานาบะที่เปิดประตูห้องเข้ามาส่งเสียงหวีดร้องลั่นเสียจนคนที่อยู่ในอารมณ์พิศวาสเจือพิศวงมึนงงต้องสะดุ้งเฮือก พวกที่ขลุกกันอยู่ที่ห้องรับแขกวิ่งกรูกันเข้ามาในห้องด้วยความตกใจแล้วก็ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นร่างเด็กหนุ่มที่กำลังจะถูกลอกคราบหมดตัวนอนคาบเส้นเชือกป่านถูกคร่อมทับด้วยชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้ที่เปลือยท่อนบนส่วนกางเกงท่อนล่างก็จะหลุดมิหลุดแหล่ มือขวาสอดไล้ผ่านขากางเกงนักเรียนสีเข้มของเด็กหนุ่มล้วงควักเข้าไปถึงไหนต่อไหน ส่วนมือซ้ายก็ยังคงบดคลึงยอดอกสีอ่อนนุ่มมือไม่เลิก ทุกคนถึงกับเกิดอาการใบ้กินไปชั่วขณะ
“หยุด!!! หยุดเลยนะ รีไว.....หยุดเดี๋ยวนี้เลย!!!” พี่นานาบะตีหน้าถมึงทึงชี้หน้าพี่รีไวจนมือสั่น
“อะไรครับ....เกิดอะไรขึ้น.....โวยวายอะไรกัน” แจนที่วิ่งฝ่าดงรุ่นพี่ที่ยืนออกันอยู่หน้าประตูห้องหลุดพรวดเข้ามาถึงในห้องนอน สภาพของผมกับพี่รีไวที่มันเห็นตอนนี้ทำให้มันถึงขั้นเอ๋อวิญญาณหลุดออกจากร่าง
“แกหยุดเลย!!!” พี่นานาบะตะเบ็งเสียงดังก่อนจะกระทืบเท้าออกจากห้องด้วยความหงุดหงิด
“อ๊า!!! กล้อง.....กล้อง.....ไม่มี๊.....มือถือ มือถือฉันอยู่ไหน.....ใครมันเอาไปหนาย!!!!!” เสียงรื้อค้นข้าวของตึงตังดังโครมครามมาจากด้านนอกก่อนที่เธอจะกลับเข้ามาในห้องอีกรอบพร้อมโทรศัพท์มือถือในมือ
“โอเค.....พร้อม......ต่อได้เลย” เธอยื่นมือถือมาจ่อถ่ายเราสองคนที่อยู่ในท่วงท่าล่อแหลมแล้วแอบเช็ดน้ำลายที่ย้อยออกมาจากมุมปากตัวเองไปด้วย
พี่รีไวเริ่มตีหน้ายุ่ง ร่างใหญ่ผละออกไปจากผมคว้าโทรศัพท์ของพี่นานาบะมาบีบจนหน้าจอแตกเพราะแรงโมโหที่ถูกขัดจังหวะ
“ทำบ้าอะไรวะ!!!” พี่นานาบะตะโกนเสียงกร้าวเมื่อเห็นโทรศัพท์ลูกรักหน้าแหก
“แกสิวะทำบ้าอะไร นานาบะ พรวดพราดเข้ามาทำไม”
“ก็ฉันจะรู้มั้ยล่ะว่าแกกำลังบ๊ะทึ่งบ๊ะกับเด็กมันอยู่น่ะ” เถียงกลับมาด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน
“แกรู้จักมารยาทการเคาะประตูก่อนเข้าห้องคนอื่นมั้ยวะ”
“รู้จักแต่ไม่เคยทำเว่ย!!! มีปัญหาอะไรมั้ย”
ผมถือโอกาสที่พี่รีไวกับพี่นานาบะกำลังทะเลาะกันและคนอื่นๆกำลังยืนช็อคกันอยู่หอบเอาเสื้อแสงที่หลุดลุ่ยระเห็จร่างตัวเองออกจากห้องพี่รีไวกลับไปสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องตัวเองอยู่เงียบๆ รู้สึกหมดแรงเข่าอ่อนจนถึงกับทรุดอยู่หน้าประตู ค่อยๆหอบหายใจลึกพยายามควบคุมหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัวให้มันสงบลงให้ได้ เสียงทะเลาะกันตึงตังดังออกมาจากห้องข้างๆให้ได้ยินเป็นระยะ ยิ่งได้ยินน้ำเสียงทุ้มที่ติดจะหงุดหงิดของพี่ชายข้างห้องก็ทำให้หัวใจดวงน้อยมันกระหน่ำเต้นรัวหนักขึ้นกว่าเดิม..........ผมนี่มันเกินเยียวยาแล้วสินะ ได้ยินแค่เสียงก็ยังตื่นเต้นขนาดนี้ พอคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้ก็รู้สึกร้อนหน้าราวกับมีคนมาสุมไฟกองโตใส่ให้ทรมานเล่น ได้แต่ซุกหน้าลงกับเข่าตัวเองอยู่เงียบๆ
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ.........”
“แล้วพวกแกมาขลุกอะไรกันอยู่ห้องฉันนี่!!! ทำไมไม่ไสหัวกันกลับบ้านกลับช่องไปวะ” ด้วยความที่อารมณ์เสียที่ถูกขัดจังหวะทำให้คนเจ้าอารมณ์เริ่มพาลใส่เพื่อนใส่ฝูงไปทั่ว
“อ๋อ.....ก็ถ้าไม่ใช่พวกฉันที่ยืนขวางหูขวางตาเป็นก้างขวางคอ ช่วยกันทุบหัวแล้วลากตัวแกกลับห้องมาเนี่ย แกคิดว่าแกจะมีโอกาสได้ต้อยเอเลนเหมือนเมื่อกี้เหรอวะ มีหวังแกได้ทุบเอเลนจนหน้าแหกก่อนจะได้แ_กแน่ๆ” นานาบะขึ้นเสียงพร้อมกับเซ็นเซอร์คำหยาบเองให้เรียบร้อย เดี๋ยวมันจะไประคายหูเยาวชน
“หัดสำนึกในบุญคุณกันบ้างนะเฟ่ย!!! เล็กๆน้อยๆขอถ่ายเก็บเป็นที่ระลึกหน่อยก็ไม่ยอม” หญิงสาวยังคงบ่นให้เพื่อนสนิทไม่เลิก รีไวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับที่นอนซึ่งยับยู่ยี่
“เออ ขอโทษ ฉันผิดเองที่หงุดหงิดใส่พวกแก.....ก็คนมันกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มนี่หว่า” ปาหมอนไปใส่เพื่อนสาวด้วยความหงุดหงิด
“อะไรกันวะ ฉันยังไม่ทันได้เห็นด้ายเห็นเข็มแกกับเอเลนสักเส้นเลยด้วยซ้ำ แกจะโวยวายทำไม” นานาบะค่อนขอดเบาๆ
“แล้วแกทำแบบนั้นกับน้อง แกแน่ใจแล้วเหรอวะรีไว.....” มิเกะกอดอกเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่บนเตียงนิ่งๆ
“เอเลน.....บอกว่ารักฉัน........แค่นั้นมันไม่เพียงพอรึไง” รีไวตอบกลับเสียงเรียบมิเกะพยักหน้ารับ ก็พอจะเข้าใจอยู่ว่ามันรอคอยเวลานี้มานานแค่ไหน.....แทบจะเรียกได้ว่ารอมานานจนแทบหมดหวัง แต่อยู่ดีๆประตูสวรรค์ก็เปิดอ้ามาตรงหน้าแบบนี้ มันจะไม่รีบซุกหัวเข้าไปก็แปลกแล้ว
“ผมไม่ยอม.....ไม่ยอมเด็ดขาด....ยังไงผมก็ไม่ยอม!!!” แจนที่เหมือนจะวิญญาณกลับเข้าร่างแล้วตะโกนเสียงดังทะลุกลางปล้อง
“แกมีปัญหาอะไรวะไอ้ม้า!!!” รีไวจับหมอนข้างเขวี้ยงไปฟาดหัวเกรียนๆของแจนจนฟูกระเจิง
“ผมไม่ยอม.....ให้รุ่นพี่....บ๊ะทึ่งบ๊ะ....เอเลนหรอก.....ไม่ยอมเด็ดขาด ถึงตายก็ไม่ยอม!!!!” แจนกัดฟันน้ำตาคลอ โวยวายเสียงสะอื้น ด้วยความหมั่นไส้รีไวตั้งท่าจะลุกขึ้นมาประเคนเท้าให้ถึงที่ แต่ถูกมิเกะกับนานาบะตะครุบตัวไว้ได้ก่อน ส่วนแจนก็ถูกพวกออลโอลากออกไปร้องไห้โฮอยู่นอกห้อง
“ปล่อย.....ฉันจะไปสงเคราะห์ให้มันตายสมใจ” ชายหนุ่มเข่นเขี้ยวด้วยความหงุดหงิด
“เฮ้ย....สงสารเด็กมันหน่อย เจอเข้าไปเต็มตาแบบนั้น เป็นใครก็คงจะยอมรับได้ยากล่ะวะ อีกอย่างต้องขอบใจแจนมันด้วย ก่อนที่เราจะไปถึงแจนมันปกป้องเอเลนสุดชีวิตถึงขั้นเอาตัวเข้าไปรับตีนแทน แกก็เห็นใจมันบ้างเหอะว่ะ......บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าแจนมันน่าสงสารอยู่นา” มิเกะพูดกับเพื่อนสนิทด้วยท่าทางจริงจัง
“ถึงมันจะไม่มีความดี แต่ก็ยังมีความชอบตรงที่มันช่วยปกป้องเอเลนไว้นะ แกยังจะรังแกมันอีกเหรอวะรีไว ขอเหอะ ลองเอเลนได้บอกรักแกแล้ว ต่อให้แจนมันจะทำยังไงก็หมดสิทธิ์ในตัวเอเลนโดยสมบูรณ์ แกก็เลิกแกล้งแจนมันสักทีเหอะ” นานาบะโอบไหล่เพื่อนแล้วตบป้าบๆลงบนไหล่หนานั้นแรงๆ
“ฉันก็ไม่ได้เกลียดอะไรมัน แค่รู้สึกหมั่นไส้มันก็เท่านั้น แล้วอีกอย่างเวลาแกล้งมันก็สนุกดีด้วย” รีไวยักไหล่ขณะที่ทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอน
“แล้วแผลแกเป็นไงบ้าง” นานาบะเอ่ยถามพลางบุ้ยปากไปยังผ้าก๊อสปิดแผลที่หน้าท้องแน่นกล้ามที่เริ่มมีเลือดซิบซึมออกมาน้อยๆ
“ก็นิดหน่อย แต่ไม่ได้ถูกแทงลึกอะไร” มือใหญ่ลูบแผลตัวเองเบาๆ
“นั่นสินะ ถ้ามันสาหัสจริงแกคงไม่มีปัญญากดน้องหมาน้อยลอกคราบลงกับเตียงจนเกือบล่อนจ้อนไปได้หรอก” นานาบะยิ้มกว้างขณะที่ยกมือถือหน้าแหกเปิดคลิปขนาดความยาวสามวินาทีที่ถ่ายเอาไว้ได้ก่อนจะถูกเจ้าของคลิปทำลายโทรศัพท์ขึ้นดูยิ้มๆ
“หนักกว่านี้ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยให้เอเลนหลุดมือ” รีไวตอบกลับลอยๆพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ มิเกะยื่นหน้ามาดมเพื่อนฟุดฟิดก่อนจะตีหน้ายุ่ง
“กลิ่นแกอย่างกับหมาติดสัด!!!” รีไวประเคนเท้าไปให้เพื่อนสนิทในขณะที่นานาบะหัวเราะจนตัวงอ ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เธอจะสงบสติอารมณ์ลงได้
“ก็พอจะรู้ว่าแกมันเจ้าอารมณ์ ขี้โมโหขนาดไหน แต่คิดไม่ถึงว่าแกจะหื่นขนาดนี้” นานาบะเอ่ยกลั้วหัวเราะเบาๆ
“ความหื่นมันไม่เข้าใครออกใคร แกก็รู้ว่าฉันต้องใช้ความอดทนกับเอเลนขนาดไหน แล้วโอกาสมาถึงทั้งที จะปล่อยให้พลาดได้ไง”
“หมายความว่าแกบอกเอเลนไปแล้วสิว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาแกเลี้ยงต้อยมานานแค่ไหน”
“ก็บอกไปแล้ว”
“แล้วเอเลนว่าไง”
“ก็อย่างที่พวกแกเห็น ถ้าไม่ใช่เพราะแกโผล่หัวเข้ามาก่อนป่านนี้ก็เรียบร้อยไปแล้ว”
“เพื่อนฉันมันร้ายว่ะ” นานาบะยิ้มเผล่แล้วออกกำปั้นชกไหล่แน่นกล้ามของเพื่อนอย่างหยอกๆ
“ฉันชักจะไม่มั่นใจแล้วว่ะ ว่าแกมันเป็นพระเอกรึตัวร้ายกันแน่......ไอ้เด็กแจนมันน่าสงสารชะมัด!!!” มิเกะบอกขณะที่เกาหัวตัวเองแกรกๆ
“จะตัวร้ายรึพระเอกก็ไม่สำคัญ.....ขอแค่ฉันได้เอเลนแค่นั้นฉันก็ไม่สนอะไรแล้ว” ตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์
“โอเค เอาเป็นว่า ขอบใจพวกแกที่ช่วย กลับไปได้แล้ว ลากไอ้เด็กม้านั่นไปให้พ้นหน้าฉันด้วย เห็นแล้วมันหงุดหงิด”
“เออๆ รู้!!! ไล่จริง แล้วแกจะเอาไง”
“ฉันยังมีบทเรียนฝึกสัตว์เลี้ยงภาคปฏิบัติที่ต้องรีบไปฝึกอยู่ ไสหัวกันกลับไปได้แล้ว!!!!!”
ตวาดเสียงดังพลางยกเท้าถีบเพื่อนทั้งสองออกจากห้องแล้วถีบประตูปิดดัง ปัง!!!! ด้วยความรำคาญเสียงไอ้เด็กม้าที่มันโหวกเหวกฟูมฟายโวยวายอยู่นอกห้องเสียเหลือเกิน
ผมรักพี่นะครับ............
ถ้อยคำบอกรักแผ่วๆยังทำให้รู้สึกอุ่นๆในอก........สัมผัสหวานๆจากเรือนกายบางยังคงชัดเจนในความรู้สึก ความพยายามอดทนอดกลั้นทั้งหมดพังทลายลงเพียงเพราะคำว่ารักสั้นๆเพียงคำเดียวจากคนที่เฝ้าคอยมาทั้งชีวิต
ความรู้สึกหวานๆนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเจ้าเด็กน้อยคนนั้นก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารเด็กน้อยที่หลงเดินเข้ามาติดอยู่ในหลุมพรางที่ขุดเอาไว้รอคอยแทบจะทั้งชีวิต แต่อีกใจก็อดที่จะรอคอยเวลาที่จะได้ฉีกกระชากขย้ำเหยื่อตัวน้อยนั้นแทบไม่ไหว
ชายหนุ่มแสยะยิ้มพร้อมกับพึมพำกับตนเองเบาๆ
“คงต้องหาปลอกคอมาใส่ให้จริงๆเสียแล้วสินะ ถ้าแค่ปลอกคอไม่ไหวก็คงต้องหาโซ่มาล่ามไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก”
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
รู้สึกว่าช่วงนี้เยอะไปนะ.....แต่ปั่นเรื่องนี้ทีไรแล้วมันเพลินมือจริงๆ พร่างพรูมากมาย
ท่านพี่รีไว ความจริงแล้วท่านเป็นคนแบบนี้เองสินะ!!! o_O
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ความคิดเห็น