ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Attack On Titan Fic:Levi x Eren } My sweet puppy

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่สิบหก หมาป่าห่มหนังแกะ vs หมาป่าห่มหนังกระต่าย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 964
      16
      10 พ.ค. 57

    บทที่สิบหก หมาป่าห่มหนังแกะ vs หมาป่าห่มหนังกระต่าย

     

    “เอเลน ขนมปังปิ้งกับนมสดอยู่ที่โต๊ะนะ”

    “ครับๆ”

    เช้าวันนี้ดูจะผิดแผนวุ่นวายกันไปสักนิด จริงอยู่ที่วางแผนไว้ว่าจะตื่นมาทำการบ้านในตอนเช้าแต่กลับกลายเป็นว่าทั้งผมทั้งพี่รีไวต่างตื่นสายกันทั้งคู่เลยต้องเดือดร้อนให้พี่รีไวช่วยจัดเตรียมอาหารเช้าอย่างง่ายๆให้สำหรับเราสองคน เพราะกว่าผมจะทำการบ้านเสร็จก็กินเวลาไปเกือบสายแล้ว คงไปกินที่โรงอาหารไม่ทันแน่ๆ

    “กระเป๋าต้องเตรียมอะไรเพิ่มมั้ย”แว่วเสียงทุ้มตะโกนดังมาจากห้องนั่งเล่น ขณะที่ผมกำลังแต่งตัวอยู่

    “ไม่ครับ ผมเตรียมครบหมดแล้ว.......แต่ เอากระเป๋าอาร์มินไปด้วยนะครับ!!!” ผมตะโกนตอบกลับไป

     

    “กระเป๋าอาร์มิน?” สายตาคมพลันเหลือบไปเห็นเป้ที่เอเลนหิ้วกลับมาด้วยเมื่อวานนี้พอดี ขณะที่คว้าฉวยเอาสายสะพายปากกระเป๋าพลันเปิดออก ข้าวของที่อยู่ข้างในเทกระจาดลงทันที เมื่อกวาดตามองสิ่งที่กองอยู่บนพื้นก็ทำให้รีไวถึงกับชะงักไปสามวิ

    “หืม?” ชายหนุ่มหลุดเสียงอุทาน คว้าวัตถุโลหะสีเงินวาวที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นขึ้นมาควงอย่างเคยมือ

    นี่มันใช่กระเป๋าเป้เด็กนักเรียนจริงๆหรือ............

     

    “เสร็จแล้วครับ” เมื่อเด็กหนุ่มร่างบางกระหืดกระหอบออกมาจากห้อง รีไวรีบยัดวัตถุสีเงินลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะกวาดข้าวของที่หล่นพื้นทั้งหมดยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ

    “เดี๋ยวพี่จะปั่นจักรยานเองแล้วกัน”

     

    และด้วยพลังน่องขั้นเทพของพี่ชายหน้าหล่อก็ทำให้เรามาถึงโรงเรียนได้ภายในสิบนาที

    “เดี๋ยวผมขึ้นห้องก่อนนะครับแล้วเราค่อยเจอกันตอนเที่ยง” ผมพูดกับพี่รีไวขณะที่เอื้อมมือไปรับกระเป๋าเป้แต่รู้สึกว่าพี่รีไวจะยึดมันไว้แน่น

    “เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้องแล้วกัน อยากเจอเพื่อนใหม่ของเอเลนด้วย”

    เห!!! พี่รีไวอยากเจออาร์มินงั้นเหรอ.......

    “อ่า......เอางั้นก็ได้ครับ”

    บอกตามตรงว่าวันนี้เรามาโรงเรียนค่อนข้างสาย แจนมาถึงห้องแล้วและดูเหมือนว่ากำลังจะคุยอะไรกันบางอย่างกับอาร์มินอยู่ แจนดูไม่สบอารมณ์มากๆในขณะที่อาร์มินกำลังยิ้มระรื่น

    “คนไหนล่ะ เพื่อนใหม่น่ะ”

    “อ๋อ คนผมบลอนด์ที่คุยกับแจนอยู่นะครับ นั่นแหละอาร์มิน”

    “ไอ้เตี้ยนั่นน่ะเหรอ.......”

    ถ้อยคำนี้ทำให้ผมอดเหลือบมองพี่ชายข้างตัวขึ้นมาไม่ได้.....เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกันนะครับ

    “พักเที่ยง พาเพื่อนใหม่ไปด้วยนะ” พี่รีไวพูดกับผมขณะที่ยื่นกระเป๋าเป้สองใบให้ก่อนจะเดินจากไป

    “หุบปากไปเลย!!!” แจนตะคอกเสียงดังขณะผลักอาร์มินล้มไปชนกับโต๊ะ แม้จะไม่รู้ว่าทั้งสองคนทะเลาะกันเรื่องอะไรแต่เพื่อนในห้องก็กรูกันเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกัน

    “อย่าพูดแบบนั้นกับฉันอีก อย่าดูถูกเอเลนแบบนั้นอีก!!!” แจนชี้หน้าอาร์มินอย่างกราดเกรี้ยวขณะที่ผมเดินเข้าไปหาพอดี

    “แจน เกิดอะไรขึ้น” มันไม่ยอมพูดอะไรแต่กลับโผเข้ากอดผมแน่น

    “ไม่มีอะไร....แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” อาร์มินยิ้มขณะที่ยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง

    “ใช่มั้ยแจน?”เขาถามพลางยิ้มเย็น

    “หุบปากไปเลย!!!” แจนตะคอกเสียงดังก่อนจะก้มหน้าซุกลงกับไหล่ผม เหมือนจะได้ยินเสียงมันกระซิบเบาๆ

    “ฉันไม่ชอบมันเลย......”

    “แกเป็นอะไรไปวะ” ผมถามขณะที่ลูบหลังมันเบาๆ

    “ฉันไม่ชอบมัน....ไม่ชอบมัน”

    “โถ่!!! แจน เพื่อนกันน่า”

    “ฉันไม่นับมันเป็นเพื่อน!!!” แจนพูดกับผมขณะที่ตวัดตามองอาร์มิน ไม่ว่าสองคนนี้จะทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยทีเดียว เสียงออดเริ่มคาบเรียนดังขึ้น

    “วันนี้แกนั่งที่ฉันไปเลย” แจนผลักผมลงนั่งเก้าอี้ขณะที่มันเดินไปหย่อนก้นลงบนโต๊ะผมแทน

    “อ้อ!!! จริงสิ อาร์มิน เมื่อวานนายลืมกระเป๋าไว้นะ” ผมชะโงกหัวข้ามแจนหันไปพูดกับคนที่นั่งถัดไป อาร์มินดูจะตกใจเล็กน้อย

    “ฉันไม่ได้เปิดดูหรอกนะ....วางใจได้” ท่าทางอาร์มินจะไม่ค่อยสบายใจนักผมจึงรีบบอกกับเขา

    “ขอบใจนะ” อาร์มินกำลังจะเอื้อมมือมารับเอากระเป๋าไปจากผม แต่แจนกลับคว้ามันไว้แล้วโยนโครมลงไปบนโต๊ะอาร์มิน เสียงวัตถุหนักๆกระแทกโต๊ะไม้เสียงดัง

    “ไม่เป็นๆไรๆ ไม่มีของสำคัญอะไรหรอก” อาร์มินหันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปมองแจนนิ่งงัน สองคนนี้เขาทะเลาะกันเรื่องอะไรเนี่ย!!!

     

     

    ควันขาวและกลิ่นที่ลอยคะคลุ้งทำให้มิเกะที่เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงค่อนข้างประหลาดใจ

    ใครมาสูบบุหรี่ในห้องชมรมวะ........

    แม้จะเป็นกลิ่นที่อ่อนมาก แต่สำหรับคนที่มีจมูกดีเป็นพิเศษอย่างเขาแล้วมันไม่ยากเลยที่จะรับรู้ได้ ควันสีขาวลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาจากโซฟาตัวเก่าที่มีชายหนุ่มหน้าคมนอนทอดกายเหยียดยาวอ่านฟิสิกส์ประยุกต์อย่างสบายอารมณ์อยู่บนนั้น

    “ไม่ยักรู้ว่าแกก็สูบบุหรี่” หย่อนก้นนั่งลงบนพื้นที่โซฟาที่เหลือขณะที่เอื้อมมือไปดึงบุหรี่ออกจากปากเพื่อนสนิท

    “ไม่ได้สูบเพราะอยากสูบ แค่สูบเพราะอยากจะจำกลิ่น แต่ดันเป็นยี่ห้อไร้กลิ่นซะนี่”

    “ถึงจะบอกว่าไร้กลิ่น แต่ที่จริงแล้วมันหมายความว่ามันมีกลิ่นเฉพาะต่างหาก” มิเกะกล่าวขณะที่สูดกลิ่นควันุหรี่เข้าไปเฮือกใหญ่แล้วรีบดับทิ้ง

    ก็อย่างที่รู้......บุหรี่มันไม่ดีต่อสุขภาพ

    “เจอตัวการคนที่ทำร้ายเอเลนแล้วงั้นดิ”

    “เรียกว่าผู้ต้องสงสัยมากกว่า”

    “หวัดดี!!!” เสียงเปิดประตูห้องชมรมดังขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงสาวผมสั้นสีบลอนด์ใส่กระโปรงสั้นกุดโผล่เข้ามา

    “เมื่อวานไม่ได้อ่านหนังสือเลยซักตัว แย่ชะมัด ฉันคงเครียดไปว่ะ โคตรจะปวดหัวเลย พวกนายอ่านถึงไหนแล้ว มาติวหน่อยสิ”

    “เมื่อวานนอนตั้งแต่หกโมงเย็น”

    “แกจะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง” นานาบะถลึงตาไปใส่เพื่อนร่างสูง ก่อนจะเบนความสนใจไปหาคนที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนโซฟา

    “รีไว ติว”

    “เพิ่งจะกลับมาอ่านต่อจากที่อ่านไปด้วยกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ

    “เมื่อวานแกทำอะไรล่ะ”

    “ย้ายห้อง”

    “ย้ายไปไหน”

    “ไปอยู่กับเอเลน”

    “เห!!!!!” เพื่อนทั้งสองถึงกับตวัดตามองชายหนุ่มเป็นตาเดียว

    นานาบะกระโดดผึงพรวดเดียวขึ้นไปนั่งอัดกันบนโซฟาเบียดมิเกะจนแทบกระเด็น

    “แกย้ายไปอยู่กับลูกชายฉันแล้วเหรอวะเตี้ย!!!” เธอแหกปากถามนัยน์ตาสีเหลืองทองจ้องชายหนุ่มวาววับเป็นประกาย

    “จะมีคนเข้ามาเช่าห้องฉัน ฉันเลยต้องย้าย”

    “แล้วที่ไม่ได้อ่านหนังสือ แล้วขอบตาดำปื้ดขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่า.........”

    “เมื่อคืนนี้ไม่ค่อยได้นอน พอจะหลับก็ใกล้เช้าแล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรไร้สาระหรอกน่า”

    “แกมองว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องไร้สาระเหรอ.....ไม่เอาน่า มันเป็นการแสดงความรักของคนสองคนนะ”

    “เซ็กซ์ไม่ใช่ทุกอย่างของความรัก”

    “แต่ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งของความรักใช่มั้ยล่ะ ก็แล้วถ้าแกไม่ได้ทำแบบนั้นแล้วแกมัวทำอะไรอยู่”

    ไม่อยากจะบอกว่ามัวแต่เผลอมองหน้าเอเลนจนหลับไม่ลง

    “ก็เก็บของ จัดห้อง” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ แต่สีหน้าอึนตึงแบบนั้น เพื่อนทั้งสองจับได้ว่ามันดูมีพิรุธ

    “แล้วนี่คาบเช้าจะไม่เข้าเรียนกันรึไง” นอกจากสีหน้าจะมีพิรุธยังแอบเปลี่ยนเรื่องได้อย่างไม่แนบเนียนสุดๆอีก

    “ไม่ล่ะ สายแล้ว อ่านเองเข้าใจง่ายจำง่ายกว่าเยอะ” นานาบะตอบขณะที่ควักหนังสือเตรียมสอบออกมาจากเป้เอนหลังพิงมิเกะอ่านอย่างสบายอารมณ์

    “งั้นไว้เข้ากันช่วงบ่าย ยังไงก็โดดกันประจำอยู่แล้วนี่ เที่ยงวันนี้ไปจับหนูก่อนก็แล้วกัน!!!

     

     

    กลายเป็นว่าช่วงเช้านี้บรรยากาศห้องเรามันอึมครึมสุดๆ กว่าทุกคนจะหายใจหายคอกันได้คล่องก็ตอนพักเที่ยงนั่นแหละ

    “ไปกันเถอะเอเลน” แจนมันเอ่ยพร้อมกับดึงมือผมไปด้วย ผมรีบหันไปหาอีกคนที่อยู่ด้านหลัง

    “อาร์มินไปกินข้าวด้วยกันสิ” ผมหันไปชวน ส่วนแจนมันหันมาถลึงตาใส่ผมทันที

    “อย่าไปสนใจมันน่าเอเลน!!!” แจนตวาดเสียงดังอย่างหงุดหงิด อาร์มินส่งยิ้มบางๆก่อนจะตอบออกมา

    “เอาสิ ไปก็ไป”

    ทั้งสองคนมองสบสายตากันอย่างท้าทายก่อนที่แจนจะเป็นฝ่ายหิ้วผมออกไปจากห้องขณะที่อาร์มินไล่มาตามหลัง

     

    อันที่จริงไม่ได้คิดจะตอบตกลงเลยสักนิด แต่ยิ่งเห็นท่าทีต่อต้านแบบนั้นมันก็เกิดความรู้สึกอยากเอาชนะขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ที่เป็นแบบนี้คงเป็นผลพวงมาจากเรื่องเมื่อตอนเช้า

     

    วันนี้อุตส่าห์รีบมาโรงเรียนแต่เช้าตรู่เพื่อจะกลับมาหากระเป๋าเป้ที่หายไปเมื่อวาน ไม่นึกว่ามาถึงจะเจอกับชายหนุ่มหัวฟูนั่งฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะเรียนของเอเลน

    ขวางหูขวางตาชะมัด!!!

     

    “อยู่บ้านไม่มีเตียงให้นอนรึยังไง” เอ่ยทักเบาๆด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ แจนปรือตาเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างงงๆ

    “เกี่ยวไรด้วย” แจนตอบเสียงเขียวขณะที่ฟุบหน้าลงอีกครั้ง

    “หึ!!! หมาเห็นเครื่องบินอย่างนายนี่มันน่าสมเพชจริงๆ ไม่มีโอกาสได้กอดตัวจริงเลยต้องมากอดโต๊ะแก้ขัด......ทุเรศ”

    “อะไรวะ กัดกันอยู่ได้ ฉันไปเหยียบหางแกเมื่อไหร่วะ” แจนผุดลุกขึ้นจากโต๊ะกระชากคอเสื้ออาร์มินถลึงตามองอย่างกราดเกรี้ยว แต่อาร์มินกลับยิ้มเย็น

    “แกมันโง่!!! ทั้งๆที่ของที่อยากได้อยู่ตรงหน้า ยังไม่มีปัญญาจะเอามาเป็นเจ้าของ แบบนี้ไม่เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกว่าอะไร”

    “.....หรือจะเรียกว่าโคตรโง่ดี!!!

    “แกไม่รู้อะไร อย่ามาทำเป็นพูดดี”

    “ทำไมฉันจะไม่รู้ แกหลงเอเลนหัวปักหัวปำขนาดนั้น ใครเขาจะดูไม่ออก แต่พนันได้ว่าคนที่ทิ้งรอยไว้ที่คอของเอเลนไม่ใช่แกแน่ โง่ๆแบบแกทำอะไรนั้นไม่เป็นหรอก”

    “อย่ามาดูถูกฉัน!!! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ทันแก ขอเตือนไว้ก่อนอย่ามาเกาะแกะกับเอเลน ขอเตือนไว้ถ้าแกยังไม่ยอมฟัง พี่เตี้ย.....ไม่สิ.....ฉันไม่ปล่อยแกแน่ อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก”

    เอเลนมีคนที่คบอยู่ด้วยจริงๆสินะ............

    “จะบอกอะไรให้นะแจน คอยดูให้ดีล่ะ เอเลนจะต้องเป็นของฉันแน่นอน คนที่เอเลนคบอยู่เป็นใครฉันไม่สน แต่ถ้าฉันจะเอา ฉันก็ต้องเอามาให้ได้ คอยดูแล้วกัน”

    “........................” แจนได้แต่กัดฟันกรอด ในขณะที่อาร์มินกระซิบเสียงเย็น

    “แล้วถ้าเบื่อเมื่อไหร่......ฉันจะส่งต่อให้นายก็แล้วกัน ด้วยความสงสารแกมสมเพช”

    “หุบปากไปเลย!!! อย่าพูดแบบนั้นกับฉันอีก อย่าดูถูกเอเลนแบบนั้นอีก!!!” และนั่นก็เป็นจังหวะที่เอเลนเข้ามาถึงพอดี

     

    นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองแผ่นหลังบางที่เดินนำหน้าอย่างมาดมั่น

    เอเลน ฉันจะทำให้นายหันกลับมามองฉันให้ดู.........

     

    แม้ยามเที่ยงจะเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย แต่มันก็ไม่ยากเลยสำหรับเอเลนที่จะมองหากลุ่มคนที่ออกจะโดดเด่นทั้งในรูปร่างหน้าตาและชื่อเสียงท่ามกลางความอลหม่านยามเที่ยงแบบนี้ ณ โต๊ะตัวเดิมกับคนกลุ่มเดิมที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ ออลโอกวักมือโบกเรียกขณะที่เด็กหนุ่มทั้งสามเดินเข้าไปใกล้

    “ลงมาช้านะ” รีไวเอ่ยทักทันทีที่เอเลนทรุดนั่งลงข้างตัว

    “คือ มัวแต่เก็บของกันอยู่นะครับ” จะบอกว่ามัวแต่ห้ามแจนกับอาร์มินทะเลาะกันก็คงไม่เหมาะ

    “แล้วนั่นเหรอ เพื่อนใหม่คนที่พูดถึงน่ะ” เอ่ยถามขณะที่ส่งสายตาคมกริบไปจับจ้องเด็กหนุ่มร่างเล็กเขม็ง อาร์มินเองก็จ้องตอบอย่างท้าทายก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ

    “อาร์มิน อัลเรลโต้ครับ” แม้น้ำเสียงจะฟังดูนุ่มนวล แต่แววตาและสีหน้าของเจ้าเด็กนี่กลับแข็งกระด้างขัดกับรอยยิ้มที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน

    “อะไรเนี่ย!!! มีเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักโผล่มาอีกแล้ว” นานาบะส่งเสียงเกี๊ยวก๊าวเสียงดัง มิเกะลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปหย่อนก้นลงนั่งข้างอาร์มินหน้าตาเฉย ชายหนุ่มร่างใหญ่ก้มตัวลงประชิดแล้วสูดกลิ่นของเด็กหนุ่มตัวเล็กก่อนจะยิ้มกริ่ม

    “หนูแถวนี้มันเยอะจริงๆนะ” มิเกะเอ่ยขึ้นมาลอยๆ อาร์มินมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง

    ทำบ้าอะไรของมัน.......

    “เหรอ มีหนูจริงๆด้วยสินะ สงสัยต้องจัดการขั้นเด็ดขาด” รีไวกล่าวขณะที่ยิ้ม ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้จริงๆว่ารอยยิ้มแบบนั้นของชายหนุ่มนั้นเป็นยิ้มอารมณ์ไหน

    “อ้าว!!! แย่ล่ะ ลืมซื้อน้ำมาด้วยอ่ะ” นานาบะอุทานขึ้นขณะที่กวาดตามองทั้งโต๊ะ

    “ปกติมันเป็นหน้าที่ของแกไม่ใช่เร๊อะออลโอ” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวหันไปตวาดแว้ด ออลโอถึงกับคอหด

    “เจ้!!! ก็มันลืมนี่!!!

    “ลืมหรือขี้เกียจห๊ะ”

    ขณะที่ทั้งนานาบะกับออลโอกำลังถกเถียงกัน รีไวก็หันไปพูดกับเด็กหนุ่มร่างเล็ก

    “เด็กใหม่........ไปซื้อมาหน่อยได้มั้ย เผื่อทุกๆคนด้วย”

    “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะไปซื้อมาให้ก็แล้วกัน” อาร์มินตอบรับก่อนจะลุกเดินออกไป

    “เดี๋ยวผมไปช่วยอาร์มินถือดีกว่าครับ” เอเลนทำท่าจะลุกตามไปอีกคนแต่กลับถูกมือใหญ่ดึงเอาไว้

    “ไม่เป็นไร รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวเจ้านั่นก็กลับมา หาอะไรกินไปก่อนเลยนะ พี่ไปเข้าห้องน้ำสักครู่ เดี๋ยวกลับมา” รีไวเอ่ยกับเด็กหนุ่มขณะลุกเดินออกไปอีกคน แจนที่มองสลับชายหนุ่มรุ่นพี่กับเพื่อนร่วมชั้นด้วยสายตาตื่นๆรีบลุกตามไปทันที

    “ฉัน......ฉันไปห้องน้ำนะ....เดี๋ยวมา”

    อะไรจะเกิดมาปวดพร้อมกันตอนนี้ได้ล่ะ.......

     

    แม้จะเพิ่งเดินออกมาได้ไม่นาน แต่อาร์มินก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนไล่หลังตามมา

    “รุ่นพี่มีอะไรจะสั่งเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มยิ้มขณะที่เอ่ยถามอย่างร่าเริง

    “แกลืมของว่ะ” รีไวตอบพลางล้วงเอาวัตถุโลหะสีเงินวาวมาควงเล่นอย่างเคยมือ อาร์มินจ้องมองชายหนุ่มรุ่นพี่เงียบๆ รอยยิ้มเสแสร้งบนใบหน้าค่อยๆเลือนหายไป มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพลางกำไว้แน่น

    “แหม.......ผมก็สงสัยอยู่เชียวว่ามันหายไปไหน เอเลนบอกว่าไม่ได้เปิดกระเป๋า แต่ก็มีคนมือบอนมาล้วงไป ที่แท้ก็รุ่นพี่นี่เอง......ขี้ขโมยแบบนี้ถ้าเป็นที่ซาอุฯนี่ตัดมือทิ้งแล้วนะครับ” เอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับส่งยิ้มเหยียดไปให้

    “ก็ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงของใคร แต่มันบังเอิญว่ะ กระเป๋าแกมันหล่น แล้วของข้างในก็หลุดออกมาหมด บุหรี่ มีดพับ สนับมือ.......ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่ควรจะมาอยู่ในกระเป๋าเด็กม.ปลายเท่าไหร่ แกว่ามั้ย”

    “ก็แค่ของสะสมเท่านั้นแหละครับ อย่าซีเรียสไป”

    “เหรอ......ถ้างั้นไอ้คราบเลือดที่มันติดอยู่บนสนับมือที่แกซ่อนไว้นั่นมันก็คงเป็นของสะสมของแกด้วยสินะ”

    เฮอะ!!! จับได้แล้วหรอ............ ในเมื่อจับได้แล้วก็ไม่มีเหตุผลจะต้องปิดบังกันอีกต่อไป

    “ของสะสมที่ใช้ได้จริงมันมีประโยชน์นะครับ ในยามคับขันก็เอาออกมาใช้ได้........” อาร์มินชักมือที่สวมสนับมือปลายแหลมออกมาจากกระเป๋ากำหมัดไว้แน่น

    “อย่างเช่นในตอนนี้!!!” ไม่ทันขาดคำ เด็กหนุ่มร่างเล็กก็พุ่งปราดเข้าใส่

    ความเร็วขนาดนี้บอกได้เลยว่าเจ้าเด็กนี่มันมีกำลังขาที่ไม่ธรรมดา รีไวก้มตัวหลบสนับมือที่วาดผ่านหน้ามาตวัดมีดพับสวนกลับไปเฉี่ยวเอาเสื้อเชิ้ตขาวของเด็กหนุ่มขาดเป็นริ้วยาว แจนที่แอบตามคนทั้งคู่มาถึงกับเหงื่อตก

    ตายห่าน!!! สู้กันแล้วเว่ย.......

    ไม่รอช้าเจ้าเด็กหน้าม้ารีบวิ่งย้อนกลับไปที่โรงอาหารทันที

     

    อาร์มินก้มลงมองเสื้อที่ขาดเป็นทางยาวแล้วยิ้มเย็น ผู้ชายคนนี้เร็วชะมัด ในช่วงเวลาสั้นๆกลับสามารถมองหาลู่ทางในการโต้กลับได้อย่างว่องไว

    ไวจนน่าโมโห..........

    “แกโยนบุหรี่ใส่เอเลนทำไม” รีไวเอ่ยถามเสียงเข้มควงมีดพับในมืออย่างใจเย็น

    “ใครบอกว่าผมโยนบุหรี่ใส่เอเลน........ผมโยนใส่พี่ต่างหาก!!!” ตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปากท้าทาย

    “แกมีปัญหาอะไรกับฉันวะ”

    “ทุกคนที่เข้ามาเกาะแกะกับเอเลน มีปัญหากับผมหมดแหละ โดยเฉพาะคนที่ทำให้หลังคอขาวๆนั่นเป็นรอยยิ่งอภัยให้ไม่ได้”

    อาร์มินพุ่งร่างเข้าใส่อีกครั้ง แต่คราวนี้มือข้างที่สวมสนับมือถูกสกัดไว้ได้ รีไวพลิกข้อมือเรียวจับบิดให้สนับมือร่วงหลุดขณะที่อาร์มินแก้ลำกลับ ม้วนตัวพลิกแขนลอดร่างผ่านวงแขนใหญ่พลิ้วตัวหลุดออกจากการจับกุมได้อย่างง่ายดาย

    หืม........ไอ้เด็กนี่มันเป็นไอคิโดเหรอ

    “ไม่เลว.........” รีไวส่งยิ้มเหี้ยม โยนมีดพับในมือทิ้งไป อีกฝ่ายไม่มีอาวุธ เขาก็ไม่อยากเอาเปรียบ ตัวต่อตัวนี่แหละดีสุด

    “คนตัวเล็กแรงน้อยแบบผม จะให้ไปฝึกอะไรที่มันใช้แรงเยอะๆก็คงสู้เขาไม่ได้ ไอคิโดนี่ก็มีไว้แค่ป้องกันตัวเท่านั้น ไม่ได้เคยจะไปหาเรื่องใครเขาก่อนหรอก”

    เหรอ!!!.............

    ดูจากแววตานั้นบอกได้เลยว่าไอ้เด็กนี่มันตอแหล แอ๊บเนียนเข้าเส้น.....ท่าทางพออกพอใจที่ได้ใช้กำลังแบบนั้น ไม่มีทางหรอกที่จะไม่เคยหาเรื่องใครก่อน

    อีกอย่าง...........ไอ้เด็กนี่มันเริ่มหาเรื่องเขาก่อนเสียด้วยนี่สิ!!!!

    “ที่ทำเป็นเด็กดีแอ๊บเนียนอยู่แบบนี้ เป้าหมายของแกคือเอเลนสินะ”

    “เดอะวันแอนด์โอนลี่!!! ผมว่าทางที่ดี พี่อย่าขวางผมดีกว่า”

    ถ้อยคำนั้นทำให้อารมณ์คุกรุ่นของคนฟังมันแล่นริ้วพุ่งทะลุจุดเดือดเลยทีเดียว

    “แกไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร......เด็กนั่นมันเป็นของฉัน....เป็นมาตั้งแต่เริ่ม อย่าได้หวังมาสอด”

    “อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าพี่คิดอะไร หมาป่าสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แค่เห็นสายตาที่พี่มองเอเลนผมก็รู้แล้วว่าพี่คิดไปต่อไหนถึงไหน เสแสร้งทำเป็นพี่ชายที่แสนดี ที่จริงพี่มันก็แค่หมาป่าเฝ้าแกะที่หวังจะต้อนให้มันจนมุมและกัดกินให้จมเขี้ยวใช่มั้ยล่ะ”

    เออ.....ใช่......แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาเจ๋อ

    “นั่นก็เพราะเราสองคนมองเอเลนด้วยสายตาแบบเดียวกันยังไงล่ะครับ” อาร์มินเอ่ยเสียงเย็น นัยน์ตาสีฟ้าใสส่อประกายคมกริบ

    “ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉย สายตาที่ฉาบฉายไปด้วยความอ่อนโยนของพี่มันกลับเคลือบแฝงไปด้วยความหิวกระหาย แม้จะจ้องมองอย่างอ่อนโยน แต่ความรู้สึกหิวโหยปรารถนาจะกลืนกินคนๆนั้นมันก็ปิดไม่มิด อยากจะทะนุถนอมแต่อีกใจก็อดไม่ได้ที่จะฉีกขย้ำคนๆนั้นเอาไว้ในอุ้งมือ ใช้ความอ่อนโยนเข้าหลอกล่อผูกรั้งเอาไว้เป็นสมบัติของตัวเอง........ที่ผมพูดน่ะ ไม่ผิดใช่มั้ยครับ รุ่นพี่รีไว”

    “.................” เมื่อเห็นท่าทีนิ่งเฉยไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธของชายหนุ่มก็ทำให้อาร์มินขำขึ้นมา

    “ผมเข้าใจพี่นะ......ผมเข้าใจ ก็ผมบอกแล้วว่าเราสองคนมองเอเลนด้วยสายตาแบบเดียวกัน แม้อยากจะขย้ำคนๆนั้นขนาดไหน แต่พอเห็นหน้าซื่อๆแววตาอ้อนๆแบบนั้นแล้วมันก็ทำไม่ลง น่าสงสารนะครับเราสองคนเนี่ย.......แต่ผมจะเตือนอะไรให้ ว่าฝีมือการเสแสร้งของพี่ยังไม่เข้าขั้นเท่าไหร่ บางครั้งก็มีหลุดออกมาอยู่บ่อยๆ ต้องไปฝึกเพิ่มอีกนะครับจะมาขอคำแนะนำจากผมก็ได้.......เพราะหมาป่าที่ห่มหนังแกะอย่างพี่ มันเนียนสู้หมาป่าที่ห่มหนังกระต่ายอย่างผมไม่ได้หรอก!!!

    “ไอ้เด็กเปรต!!!” ร่างใหญ่ที่กำลังสาวเท้าหวังจะเข้าคลุกวงในไอ้เด็กปากเสียมีอันต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วมา

    “อะไรกันแจน......แกบอกว่าจำทางไปห้องน้ำไม่ได้แล้วให้ฉันพามา แต่แกดันลากเอาๆแบบนี้เนี่ย สรุปว่าแกจำได้รึไม่ได้กันแน่วะ”

    “อย่าบ่นน่าเอเลน เร็วหน่อย ฉันฉี่จะราดแล้ว” แจนเอ่ยอย่างร้อนรน

    “จะราดก็ไปสิวะ จะมาลากฉันไปเพื่อ!!!........อ้าว.....พี่รีไว อาร์มิน ทำอะไรกันอยู่ครับ”

    พอแจนลากผมมาถึงตู้กดน้ำข้างโรงอาหารก็เห็นอาร์มินกับพี่รีไวยืนจ้องหน้ากันอยู่เงียบๆ ทั้งคู่ต่างเหงื่อโชกตัว ที่สำคัญเสื้อเชิ้ตของอาร์มินดันขาดเป็นริ้วยาวด้วย

    “เอ่อ......มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ผมเอ่ยถามขณะที่มองสลับสองคนนั้น อาร์มินเป็นฝ่ายหันมายิ้มสดใสให้ผมก่อน

    “ฉันกำลังจะซื้อน้ำน่ะ พี่รีไวผ่านมาพอดีเลยจะช่วยถือ......จริงมั้ยครับ....รุ่นพี่”

    “..........อืม” เหมือนจะตอบรับอย่างเสียไม่ได้

    “งั้น เอเลน แกช่วยพี่เตี้ยกับเจ้านั่นมันหิ้วน้ำกลับไปเลยนะ ฉันจะไปห้องน้ำก่อน” แจนเอ่ยท่าทีเลิ่กลั่กแล้วชิ่งออกไป

    “อ้าว แจน แกจำทางไปห้องน้ำได้แล้วเหรอ”

    “ก็พอคร่าวๆ คิดว่าไปได้แล้ว ไม่ต้องห่วง กลับไปรอที่โรงอาหารก่อนเลยแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันกลับไป” แจนรีบชิ่งออกไปแล้ววิ่งไปหลบอยู่หลังซอกอาคาร รอจนเอเลน รีไว และอาร์มินออกจากสถานที่เกิดเหตุ เด็กหนุ่มจึงวิ่งย้อนกลับไปที่หน้าตู้กดน้ำอีกครั้ง เก็บมีดพับและสนับมือซ่อนไว้ในกระเป๋าเพื่อทำลายหลักฐาน โชคดีที่ไม่มีคนอยู่ ถ้าเมื่อครู่มีคนเห็นคงแย่แน่

    ก้มมองสนับมือและมีดพับแล้วก็ได้แต่ถอนใจ

    นี่ถ้าไม่พาเอเลนออกมา สองคนนั่นมันไม่ฆ่ากันตายเลยเร๊อะ!!!................แค่คิดก็สยอง

    แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ตัวจะได้ระวังตัวมากขึ้น อาร์มินมันหมายตาเอเลนเอาไว้จริงๆ แค่มีพี่เตี้ยแรงควายเป็นเสี้ยนหนามหัวใจก็แทบแย่แล้ว นี่ยังมีไอ้ซาร์ดิสก์ช่างแอ๊บโผล่มาอีกคน จะอะไรกันนักหนาวะ ไม่ชอบมันเลยจริงๆ ที่สำคัญ เอเลนมันดันไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด โมโหเฟ่ย!!!!!

    แจนได้แต่บ่นกับตัวเองในใจ ลำพังตัวเขาคนเดียว จะเอาอะไรไปสู้ไอ้พวกแรงวัวแรงควายชอบใช้กำลังอย่างสองคนนั้นได้กัน

    “หรืองานนี้จะร่วมมือกับพี่เตี้ยดีวะเรา..........”

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×