คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่สิบหก หมาป่าห่มหนังแกะ vs หมาป่าห่มหนังกระต่าย
บทที่สิบหก หมาป่าห่มหนังแกะ vs หมาป่าห่มหนังกระต่าย
“เอเลน ขนมปังปิ้งกับนมสดอยู่ที่โต๊ะนะ”
“ครับๆ”
เช้าวันนี้ดูจะผิดแผนวุ่นวายกันไปสักนิด จริงอยู่ที่วางแผนไว้ว่าจะตื่นมาทำการบ้านในตอนเช้าแต่กลับกลายเป็นว่าทั้งผมทั้งพี่รีไวต่างตื่นสายกันทั้งคู่เลยต้องเดือดร้อนให้พี่รีไวช่วยจัดเตรียมอาหารเช้าอย่างง่ายๆให้สำหรับเราสองคน เพราะกว่าผมจะทำการบ้านเสร็จก็กินเวลาไปเกือบสายแล้ว คงไปกินที่โรงอาหารไม่ทันแน่ๆ
“กระเป๋าต้องเตรียมอะไรเพิ่มมั้ย”แว่วเสียงทุ้มตะโกนดังมาจากห้องนั่งเล่น ขณะที่ผมกำลังแต่งตัวอยู่
“ไม่ครับ ผมเตรียมครบหมดแล้ว.......แต่ เอากระเป๋าอาร์มินไปด้วยนะครับ!!!” ผมตะโกนตอบกลับไป
“กระเป๋าอาร์มิน?” สายตาคมพลันเหลือบไปเห็นเป้ที่เอเลนหิ้วกลับมาด้วยเมื่อวานนี้พอดี ขณะที่คว้าฉวยเอาสายสะพายปากกระเป๋าพลันเปิดออก ข้าวของที่อยู่ข้างในเทกระจาดลงทันที เมื่อกวาดตามองสิ่งที่กองอยู่บนพื้นก็ทำให้รีไวถึงกับชะงักไปสามวิ
“หืม?” ชายหนุ่มหลุดเสียงอุทาน คว้าวัตถุโลหะสีเงินวาวที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นขึ้นมาควงอย่างเคยมือ
นี่มันใช่กระเป๋าเป้เด็กนักเรียนจริงๆหรือ............
“เสร็จแล้วครับ” เมื่อเด็กหนุ่มร่างบางกระหืดกระหอบออกมาจากห้อง รีไวรีบยัดวัตถุสีเงินลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะกวาดข้าวของที่หล่นพื้นทั้งหมดยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ
“เดี๋ยวพี่จะปั่นจักรยานเองแล้วกัน”
และด้วยพลังน่องขั้นเทพของพี่ชายหน้าหล่อก็ทำให้เรามาถึงโรงเรียนได้ภายในสิบนาที
“เดี๋ยวผมขึ้นห้องก่อนนะครับแล้วเราค่อยเจอกันตอนเที่ยง” ผมพูดกับพี่รีไวขณะที่เอื้อมมือไปรับกระเป๋าเป้แต่รู้สึกว่าพี่รีไวจะยึดมันไว้แน่น
“เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้องแล้วกัน อยากเจอเพื่อนใหม่ของเอเลนด้วย”
เห!!! พี่รีไวอยากเจออาร์มินงั้นเหรอ.......
“อ่า......เอางั้นก็ได้ครับ”
บอกตามตรงว่าวันนี้เรามาโรงเรียนค่อนข้างสาย แจนมาถึงห้องแล้วและดูเหมือนว่ากำลังจะคุยอะไรกันบางอย่างกับอาร์มินอยู่ แจนดูไม่สบอารมณ์มากๆในขณะที่อาร์มินกำลังยิ้มระรื่น
“คนไหนล่ะ เพื่อนใหม่น่ะ”
“อ๋อ คนผมบลอนด์ที่คุยกับแจนอยู่นะครับ นั่นแหละอาร์มิน”
“ไอ้เตี้ยนั่นน่ะเหรอ.......”
ถ้อยคำนี้ทำให้ผมอดเหลือบมองพี่ชายข้างตัวขึ้นมาไม่ได้.....เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกันนะครับ
“พักเที่ยง พาเพื่อนใหม่ไปด้วยนะ” พี่รีไวพูดกับผมขณะที่ยื่นกระเป๋าเป้สองใบให้ก่อนจะเดินจากไป
“หุบปากไปเลย!!!” แจนตะคอกเสียงดังขณะผลักอาร์มินล้มไปชนกับโต๊ะ แม้จะไม่รู้ว่าทั้งสองคนทะเลาะกันเรื่องอะไรแต่เพื่อนในห้องก็กรูกันเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกัน
“อย่าพูดแบบนั้นกับฉันอีก อย่าดูถูกเอเลนแบบนั้นอีก!!!” แจนชี้หน้าอาร์มินอย่างกราดเกรี้ยวขณะที่ผมเดินเข้าไปหาพอดี
“แจน เกิดอะไรขึ้น” มันไม่ยอมพูดอะไรแต่กลับโผเข้ากอดผมแน่น
“ไม่มีอะไร....แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” อาร์มินยิ้มขณะที่ยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง
“ใช่มั้ยแจน?”เขาถามพลางยิ้มเย็น
“หุบปากไปเลย!!!” แจนตะคอกเสียงดังก่อนจะก้มหน้าซุกลงกับไหล่ผม เหมือนจะได้ยินเสียงมันกระซิบเบาๆ
“ฉันไม่ชอบมันเลย......”
“แกเป็นอะไรไปวะ” ผมถามขณะที่ลูบหลังมันเบาๆ
“ฉันไม่ชอบมัน....ไม่ชอบมัน”
“โถ่!!! แจน เพื่อนกันน่า”
“ฉันไม่นับมันเป็นเพื่อน!!!” แจนพูดกับผมขณะที่ตวัดตามองอาร์มิน ไม่ว่าสองคนนี้จะทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยทีเดียว เสียงออดเริ่มคาบเรียนดังขึ้น
“วันนี้แกนั่งที่ฉันไปเลย” แจนผลักผมลงนั่งเก้าอี้ขณะที่มันเดินไปหย่อนก้นลงบนโต๊ะผมแทน
“อ้อ!!! จริงสิ อาร์มิน เมื่อวานนายลืมกระเป๋าไว้นะ” ผมชะโงกหัวข้ามแจนหันไปพูดกับคนที่นั่งถัดไป อาร์มินดูจะตกใจเล็กน้อย
“ฉันไม่ได้เปิดดูหรอกนะ....วางใจได้” ท่าทางอาร์มินจะไม่ค่อยสบายใจนักผมจึงรีบบอกกับเขา
“ขอบใจนะ” อาร์มินกำลังจะเอื้อมมือมารับเอากระเป๋าไปจากผม แต่แจนกลับคว้ามันไว้แล้วโยนโครมลงไปบนโต๊ะอาร์มิน เสียงวัตถุหนักๆกระแทกโต๊ะไม้เสียงดัง
“ไม่เป็นๆไรๆ ไม่มีของสำคัญอะไรหรอก” อาร์มินหันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปมองแจนนิ่งงัน สองคนนี้เขาทะเลาะกันเรื่องอะไรเนี่ย!!!
ควันขาวและกลิ่นที่ลอยคะคลุ้งทำให้มิเกะที่เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงค่อนข้างประหลาดใจ
ใครมาสูบบุหรี่ในห้องชมรมวะ........
แม้จะเป็นกลิ่นที่อ่อนมาก แต่สำหรับคนที่มีจมูกดีเป็นพิเศษอย่างเขาแล้วมันไม่ยากเลยที่จะรับรู้ได้ ควันสีขาวลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาจากโซฟาตัวเก่าที่มีชายหนุ่มหน้าคมนอนทอดกายเหยียดยาวอ่านฟิสิกส์ประยุกต์อย่างสบายอารมณ์อยู่บนนั้น
“ไม่ยักรู้ว่าแกก็สูบบุหรี่” หย่อนก้นนั่งลงบนพื้นที่โซฟาที่เหลือขณะที่เอื้อมมือไปดึงบุหรี่ออกจากปากเพื่อนสนิท
“ไม่ได้สูบเพราะอยากสูบ แค่สูบเพราะอยากจะจำกลิ่น แต่ดันเป็นยี่ห้อไร้กลิ่นซะนี่”
“ถึงจะบอกว่าไร้กลิ่น แต่ที่จริงแล้วมันหมายความว่ามันมีกลิ่นเฉพาะต่างหาก” มิเกะกล่าวขณะที่สูดกลิ่นควันุหรี่เข้าไปเฮือกใหญ่แล้วรีบดับทิ้ง
ก็อย่างที่รู้......บุหรี่มันไม่ดีต่อสุขภาพ
“เจอตัวการคนที่ทำร้ายเอเลนแล้วงั้นดิ”
“เรียกว่าผู้ต้องสงสัยมากกว่า”
“หวัดดี!!!” เสียงเปิดประตูห้องชมรมดังขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงสาวผมสั้นสีบลอนด์ใส่กระโปรงสั้นกุดโผล่เข้ามา
“เมื่อวานไม่ได้อ่านหนังสือเลยซักตัว แย่ชะมัด ฉันคงเครียดไปว่ะ โคตรจะปวดหัวเลย พวกนายอ่านถึงไหนแล้ว มาติวหน่อยสิ”
“เมื่อวานนอนตั้งแต่หกโมงเย็น”
“แกจะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง” นานาบะถลึงตาไปใส่เพื่อนร่างสูง ก่อนจะเบนความสนใจไปหาคนที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนโซฟา
“รีไว ติว”
“เพิ่งจะกลับมาอ่านต่อจากที่อ่านไปด้วยกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ
“เมื่อวานแกทำอะไรล่ะ”
“ย้ายห้อง”
“ย้ายไปไหน”
“ไปอยู่กับเอเลน”
“เห!!!!!” เพื่อนทั้งสองถึงกับตวัดตามองชายหนุ่มเป็นตาเดียว
นานาบะกระโดดผึงพรวดเดียวขึ้นไปนั่งอัดกันบนโซฟาเบียดมิเกะจนแทบกระเด็น
“แกย้ายไปอยู่กับลูกชายฉันแล้วเหรอวะเตี้ย!!!” เธอแหกปากถามนัยน์ตาสีเหลืองทองจ้องชายหนุ่มวาววับเป็นประกาย
“จะมีคนเข้ามาเช่าห้องฉัน ฉันเลยต้องย้าย”
“แล้วที่ไม่ได้อ่านหนังสือ แล้วขอบตาดำปื้ดขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่า.........”
“เมื่อคืนนี้ไม่ค่อยได้นอน พอจะหลับก็ใกล้เช้าแล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรไร้สาระหรอกน่า”
“แกมองว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องไร้สาระเหรอ.....ไม่เอาน่า มันเป็นการแสดงความรักของคนสองคนนะ”
“เซ็กซ์ไม่ใช่ทุกอย่างของความรัก”
“แต่ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งของความรักใช่มั้ยล่ะ ก็แล้วถ้าแกไม่ได้ทำแบบนั้นแล้วแกมัวทำอะไรอยู่”
ไม่อยากจะบอกว่ามัวแต่เผลอมองหน้าเอเลนจนหลับไม่ลง
“ก็เก็บของ จัดห้อง” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ แต่สีหน้าอึนตึงแบบนั้น เพื่อนทั้งสองจับได้ว่ามันดูมีพิรุธ
“แล้วนี่คาบเช้าจะไม่เข้าเรียนกันรึไง” นอกจากสีหน้าจะมีพิรุธยังแอบเปลี่ยนเรื่องได้อย่างไม่แนบเนียนสุดๆอีก
“ไม่ล่ะ สายแล้ว อ่านเองเข้าใจง่ายจำง่ายกว่าเยอะ” นานาบะตอบขณะที่ควักหนังสือเตรียมสอบออกมาจากเป้เอนหลังพิงมิเกะอ่านอย่างสบายอารมณ์
“งั้นไว้เข้ากันช่วงบ่าย ยังไงก็โดดกันประจำอยู่แล้วนี่ เที่ยงวันนี้ไปจับหนูก่อนก็แล้วกัน!!!”
กลายเป็นว่าช่วงเช้านี้บรรยากาศห้องเรามันอึมครึมสุดๆ กว่าทุกคนจะหายใจหายคอกันได้คล่องก็ตอนพักเที่ยงนั่นแหละ
“ไปกันเถอะเอเลน” แจนมันเอ่ยพร้อมกับดึงมือผมไปด้วย ผมรีบหันไปหาอีกคนที่อยู่ด้านหลัง
“อาร์มินไปกินข้าวด้วยกันสิ” ผมหันไปชวน ส่วนแจนมันหันมาถลึงตาใส่ผมทันที
“อย่าไปสนใจมันน่าเอเลน!!!” แจนตวาดเสียงดังอย่างหงุดหงิด อาร์มินส่งยิ้มบางๆก่อนจะตอบออกมา
“เอาสิ ไปก็ไป”
ทั้งสองคนมองสบสายตากันอย่างท้าทายก่อนที่แจนจะเป็นฝ่ายหิ้วผมออกไปจากห้องขณะที่อาร์มินไล่มาตามหลัง
อันที่จริงไม่ได้คิดจะตอบตกลงเลยสักนิด แต่ยิ่งเห็นท่าทีต่อต้านแบบนั้นมันก็เกิดความรู้สึกอยากเอาชนะขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ที่เป็นแบบนี้คงเป็นผลพวงมาจากเรื่องเมื่อตอนเช้า
วันนี้อุตส่าห์รีบมาโรงเรียนแต่เช้าตรู่เพื่อจะกลับมาหากระเป๋าเป้ที่หายไปเมื่อวาน ไม่นึกว่ามาถึงจะเจอกับชายหนุ่มหัวฟูนั่งฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะเรียนของเอเลน
ขวางหูขวางตาชะมัด!!!
“อยู่บ้านไม่มีเตียงให้นอนรึยังไง” เอ่ยทักเบาๆด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ แจนปรือตาเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างงงๆ
“เกี่ยวไรด้วย” แจนตอบเสียงเขียวขณะที่ฟุบหน้าลงอีกครั้ง
“หึ!!! หมาเห็นเครื่องบินอย่างนายนี่มันน่าสมเพชจริงๆ ไม่มีโอกาสได้กอดตัวจริงเลยต้องมากอดโต๊ะแก้ขัด......ทุเรศ”
“อะไรวะ กัดกันอยู่ได้ ฉันไปเหยียบหางแกเมื่อไหร่วะ” แจนผุดลุกขึ้นจากโต๊ะกระชากคอเสื้ออาร์มินถลึงตามองอย่างกราดเกรี้ยว แต่อาร์มินกลับยิ้มเย็น
“แกมันโง่!!! ทั้งๆที่ของที่อยากได้อยู่ตรงหน้า ยังไม่มีปัญญาจะเอามาเป็นเจ้าของ แบบนี้ไม่เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกว่าอะไร”
“.....หรือจะเรียกว่าโคตรโง่ดี!!!”
“แกไม่รู้อะไร อย่ามาทำเป็นพูดดี”
“ทำไมฉันจะไม่รู้ แกหลงเอเลนหัวปักหัวปำขนาดนั้น ใครเขาจะดูไม่ออก แต่พนันได้ว่าคนที่ทิ้งรอยไว้ที่คอของเอเลนไม่ใช่แกแน่ โง่ๆแบบแกทำอะไรนั้นไม่เป็นหรอก”
“อย่ามาดูถูกฉัน!!! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ทันแก ขอเตือนไว้ก่อนอย่ามาเกาะแกะกับเอเลน ขอเตือนไว้ถ้าแกยังไม่ยอมฟัง พี่เตี้ย.....ไม่สิ.....ฉันไม่ปล่อยแกแน่ อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก”
เอเลนมีคนที่คบอยู่ด้วยจริงๆสินะ............
“จะบอกอะไรให้นะแจน คอยดูให้ดีล่ะ เอเลนจะต้องเป็นของฉันแน่นอน คนที่เอเลนคบอยู่เป็นใครฉันไม่สน แต่ถ้าฉันจะเอา ฉันก็ต้องเอามาให้ได้ คอยดูแล้วกัน”
“........................” แจนได้แต่กัดฟันกรอด ในขณะที่อาร์มินกระซิบเสียงเย็น
“แล้วถ้าเบื่อเมื่อไหร่......ฉันจะส่งต่อให้นายก็แล้วกัน ด้วยความสงสารแกมสมเพช”
“หุบปากไปเลย!!! อย่าพูดแบบนั้นกับฉันอีก อย่าดูถูกเอเลนแบบนั้นอีก!!!” และนั่นก็เป็นจังหวะที่เอเลนเข้ามาถึงพอดี
นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองแผ่นหลังบางที่เดินนำหน้าอย่างมาดมั่น
เอเลน ฉันจะทำให้นายหันกลับมามองฉันให้ดู.........
แม้ยามเที่ยงจะเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย แต่มันก็ไม่ยากเลยสำหรับเอเลนที่จะมองหากลุ่มคนที่ออกจะโดดเด่นทั้งในรูปร่างหน้าตาและชื่อเสียงท่ามกลางความอลหม่านยามเที่ยงแบบนี้ ณ โต๊ะตัวเดิมกับคนกลุ่มเดิมที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ ออลโอกวักมือโบกเรียกขณะที่เด็กหนุ่มทั้งสามเดินเข้าไปใกล้
“ลงมาช้านะ” รีไวเอ่ยทักทันทีที่เอเลนทรุดนั่งลงข้างตัว
“คือ มัวแต่เก็บของกันอยู่นะครับ” จะบอกว่ามัวแต่ห้ามแจนกับอาร์มินทะเลาะกันก็คงไม่เหมาะ
“แล้วนั่นเหรอ เพื่อนใหม่คนที่พูดถึงน่ะ” เอ่ยถามขณะที่ส่งสายตาคมกริบไปจับจ้องเด็กหนุ่มร่างเล็กเขม็ง อาร์มินเองก็จ้องตอบอย่างท้าทายก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ
“อาร์มิน อัลเรลโต้ครับ” แม้น้ำเสียงจะฟังดูนุ่มนวล แต่แววตาและสีหน้าของเจ้าเด็กนี่กลับแข็งกระด้างขัดกับรอยยิ้มที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน
“อะไรเนี่ย!!! มีเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักโผล่มาอีกแล้ว” นานาบะส่งเสียงเกี๊ยวก๊าวเสียงดัง มิเกะลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปหย่อนก้นลงนั่งข้างอาร์มินหน้าตาเฉย ชายหนุ่มร่างใหญ่ก้มตัวลงประชิดแล้วสูดกลิ่นของเด็กหนุ่มตัวเล็กก่อนจะยิ้มกริ่ม
“หนูแถวนี้มันเยอะจริงๆนะ” มิเกะเอ่ยขึ้นมาลอยๆ อาร์มินมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
ทำบ้าอะไรของมัน.......
“เหรอ มีหนูจริงๆด้วยสินะ สงสัยต้องจัดการขั้นเด็ดขาด” รีไวกล่าวขณะที่ยิ้ม ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้จริงๆว่ารอยยิ้มแบบนั้นของชายหนุ่มนั้นเป็นยิ้มอารมณ์ไหน
“อ้าว!!! แย่ล่ะ ลืมซื้อน้ำมาด้วยอ่ะ” นานาบะอุทานขึ้นขณะที่กวาดตามองทั้งโต๊ะ
“ปกติมันเป็นหน้าที่ของแกไม่ใช่เร๊อะออลโอ” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวหันไปตวาดแว้ด ออลโอถึงกับคอหด
“เจ้!!! ก็มันลืมนี่!!!”
“ลืมหรือขี้เกียจห๊ะ”
ขณะที่ทั้งนานาบะกับออลโอกำลังถกเถียงกัน รีไวก็หันไปพูดกับเด็กหนุ่มร่างเล็ก
“เด็กใหม่........ไปซื้อมาหน่อยได้มั้ย เผื่อทุกๆคนด้วย”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะไปซื้อมาให้ก็แล้วกัน” อาร์มินตอบรับก่อนจะลุกเดินออกไป
“เดี๋ยวผมไปช่วยอาร์มินถือดีกว่าครับ” เอเลนทำท่าจะลุกตามไปอีกคนแต่กลับถูกมือใหญ่ดึงเอาไว้
“ไม่เป็นไร รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวเจ้านั่นก็กลับมา หาอะไรกินไปก่อนเลยนะ พี่ไปเข้าห้องน้ำสักครู่ เดี๋ยวกลับมา” รีไวเอ่ยกับเด็กหนุ่มขณะลุกเดินออกไปอีกคน แจนที่มองสลับชายหนุ่มรุ่นพี่กับเพื่อนร่วมชั้นด้วยสายตาตื่นๆรีบลุกตามไปทันที
“ฉัน......ฉันไปห้องน้ำนะ....เดี๋ยวมา”
อะไรจะเกิดมาปวดพร้อมกันตอนนี้ได้ล่ะ.......
แม้จะเพิ่งเดินออกมาได้ไม่นาน แต่อาร์มินก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนไล่หลังตามมา
“รุ่นพี่มีอะไรจะสั่งเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มยิ้มขณะที่เอ่ยถามอย่างร่าเริง
“แกลืมของว่ะ” รีไวตอบพลางล้วงเอาวัตถุโลหะสีเงินวาวมาควงเล่นอย่างเคยมือ อาร์มินจ้องมองชายหนุ่มรุ่นพี่เงียบๆ รอยยิ้มเสแสร้งบนใบหน้าค่อยๆเลือนหายไป มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพลางกำไว้แน่น
“แหม.......ผมก็สงสัยอยู่เชียวว่ามันหายไปไหน เอเลนบอกว่าไม่ได้เปิดกระเป๋า แต่ก็มีคนมือบอนมาล้วงไป ที่แท้ก็รุ่นพี่นี่เอง......ขี้ขโมยแบบนี้ถ้าเป็นที่ซาอุฯนี่ตัดมือทิ้งแล้วนะครับ” เอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับส่งยิ้มเหยียดไปให้
“ก็ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงของใคร แต่มันบังเอิญว่ะ กระเป๋าแกมันหล่น แล้วของข้างในก็หลุดออกมาหมด บุหรี่ มีดพับ สนับมือ.......ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่ควรจะมาอยู่ในกระเป๋าเด็กม.ปลายเท่าไหร่ แกว่ามั้ย”
“ก็แค่ของสะสมเท่านั้นแหละครับ อย่าซีเรียสไป”
“เหรอ......ถ้างั้นไอ้คราบเลือดที่มันติดอยู่บนสนับมือที่แกซ่อนไว้นั่นมันก็คงเป็นของสะสมของแกด้วยสินะ”
เฮอะ!!! จับได้แล้วหรอ............ ในเมื่อจับได้แล้วก็ไม่มีเหตุผลจะต้องปิดบังกันอีกต่อไป
“ของสะสมที่ใช้ได้จริงมันมีประโยชน์นะครับ ในยามคับขันก็เอาออกมาใช้ได้........” อาร์มินชักมือที่สวมสนับมือปลายแหลมออกมาจากกระเป๋ากำหมัดไว้แน่น
“อย่างเช่นในตอนนี้!!!” ไม่ทันขาดคำ เด็กหนุ่มร่างเล็กก็พุ่งปราดเข้าใส่
ความเร็วขนาดนี้บอกได้เลยว่าเจ้าเด็กนี่มันมีกำลังขาที่ไม่ธรรมดา รีไวก้มตัวหลบสนับมือที่วาดผ่านหน้ามาตวัดมีดพับสวนกลับไปเฉี่ยวเอาเสื้อเชิ้ตขาวของเด็กหนุ่มขาดเป็นริ้วยาว แจนที่แอบตามคนทั้งคู่มาถึงกับเหงื่อตก
ตายห่าน!!! สู้กันแล้วเว่ย.......
ไม่รอช้าเจ้าเด็กหน้าม้ารีบวิ่งย้อนกลับไปที่โรงอาหารทันที
อาร์มินก้มลงมองเสื้อที่ขาดเป็นทางยาวแล้วยิ้มเย็น ผู้ชายคนนี้เร็วชะมัด ในช่วงเวลาสั้นๆกลับสามารถมองหาลู่ทางในการโต้กลับได้อย่างว่องไว
ไวจนน่าโมโห..........
“แกโยนบุหรี่ใส่เอเลนทำไม” รีไวเอ่ยถามเสียงเข้มควงมีดพับในมืออย่างใจเย็น
“ใครบอกว่าผมโยนบุหรี่ใส่เอเลน........ผมโยนใส่พี่ต่างหาก!!!” ตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปากท้าทาย
“แกมีปัญหาอะไรกับฉันวะ”
“ทุกคนที่เข้ามาเกาะแกะกับเอเลน มีปัญหากับผมหมดแหละ โดยเฉพาะคนที่ทำให้หลังคอขาวๆนั่นเป็นรอยยิ่งอภัยให้ไม่ได้”
อาร์มินพุ่งร่างเข้าใส่อีกครั้ง แต่คราวนี้มือข้างที่สวมสนับมือถูกสกัดไว้ได้ รีไวพลิกข้อมือเรียวจับบิดให้สนับมือร่วงหลุดขณะที่อาร์มินแก้ลำกลับ ม้วนตัวพลิกแขนลอดร่างผ่านวงแขนใหญ่พลิ้วตัวหลุดออกจากการจับกุมได้อย่างง่ายดาย
หืม........ไอ้เด็กนี่มันเป็นไอคิโดเหรอ
“ไม่เลว.........” รีไวส่งยิ้มเหี้ยม โยนมีดพับในมือทิ้งไป อีกฝ่ายไม่มีอาวุธ เขาก็ไม่อยากเอาเปรียบ ตัวต่อตัวนี่แหละดีสุด
“คนตัวเล็กแรงน้อยแบบผม จะให้ไปฝึกอะไรที่มันใช้แรงเยอะๆก็คงสู้เขาไม่ได้ ไอคิโดนี่ก็มีไว้แค่ป้องกันตัวเท่านั้น ไม่ได้เคยจะไปหาเรื่องใครเขาก่อนหรอก”
เหรอ!!!.............
ดูจากแววตานั้นบอกได้เลยว่าไอ้เด็กนี่มันตอแหล แอ๊บเนียนเข้าเส้น.....ท่าทางพออกพอใจที่ได้ใช้กำลังแบบนั้น ไม่มีทางหรอกที่จะไม่เคยหาเรื่องใครก่อน
อีกอย่าง...........ไอ้เด็กนี่มันเริ่มหาเรื่องเขาก่อนเสียด้วยนี่สิ!!!!
“ที่ทำเป็นเด็กดีแอ๊บเนียนอยู่แบบนี้ เป้าหมายของแกคือเอเลนสินะ”
“เดอะวันแอนด์โอนลี่!!! ผมว่าทางที่ดี พี่อย่าขวางผมดีกว่า”
ถ้อยคำนั้นทำให้อารมณ์คุกรุ่นของคนฟังมันแล่นริ้วพุ่งทะลุจุดเดือดเลยทีเดียว
“แกไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร......เด็กนั่นมันเป็นของฉัน....เป็นมาตั้งแต่เริ่ม อย่าได้หวังมาสอด”
“อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าพี่คิดอะไร หมาป่าสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แค่เห็นสายตาที่พี่มองเอเลนผมก็รู้แล้วว่าพี่คิดไปต่อไหนถึงไหน เสแสร้งทำเป็นพี่ชายที่แสนดี ที่จริงพี่มันก็แค่หมาป่าเฝ้าแกะที่หวังจะต้อนให้มันจนมุมและกัดกินให้จมเขี้ยวใช่มั้ยล่ะ”
เออ.....ใช่......แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาเจ๋อ
“นั่นก็เพราะเราสองคนมองเอเลนด้วยสายตาแบบเดียวกันยังไงล่ะครับ” อาร์มินเอ่ยเสียงเย็น นัยน์ตาสีฟ้าใสส่อประกายคมกริบ
“ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉย สายตาที่ฉาบฉายไปด้วยความอ่อนโยนของพี่มันกลับเคลือบแฝงไปด้วยความหิวกระหาย แม้จะจ้องมองอย่างอ่อนโยน แต่ความรู้สึกหิวโหยปรารถนาจะกลืนกินคนๆนั้นมันก็ปิดไม่มิด อยากจะทะนุถนอมแต่อีกใจก็อดไม่ได้ที่จะฉีกขย้ำคนๆนั้นเอาไว้ในอุ้งมือ ใช้ความอ่อนโยนเข้าหลอกล่อผูกรั้งเอาไว้เป็นสมบัติของตัวเอง........ที่ผมพูดน่ะ ไม่ผิดใช่มั้ยครับ รุ่นพี่รีไว”
“.................” เมื่อเห็นท่าทีนิ่งเฉยไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธของชายหนุ่มก็ทำให้อาร์มินขำขึ้นมา
“ผมเข้าใจพี่นะ......ผมเข้าใจ ก็ผมบอกแล้วว่าเราสองคนมองเอเลนด้วยสายตาแบบเดียวกัน แม้อยากจะขย้ำคนๆนั้นขนาดไหน แต่พอเห็นหน้าซื่อๆแววตาอ้อนๆแบบนั้นแล้วมันก็ทำไม่ลง น่าสงสารนะครับเราสองคนเนี่ย.......แต่ผมจะเตือนอะไรให้ ว่าฝีมือการเสแสร้งของพี่ยังไม่เข้าขั้นเท่าไหร่ บางครั้งก็มีหลุดออกมาอยู่บ่อยๆ ต้องไปฝึกเพิ่มอีกนะครับจะมาขอคำแนะนำจากผมก็ได้.......เพราะหมาป่าที่ห่มหนังแกะอย่างพี่ มันเนียนสู้หมาป่าที่ห่มหนังกระต่ายอย่างผมไม่ได้หรอก!!!”
“ไอ้เด็กเปรต!!!” ร่างใหญ่ที่กำลังสาวเท้าหวังจะเข้าคลุกวงในไอ้เด็กปากเสียมีอันต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วมา
“อะไรกันแจน......แกบอกว่าจำทางไปห้องน้ำไม่ได้แล้วให้ฉันพามา แต่แกดันลากเอาๆแบบนี้เนี่ย สรุปว่าแกจำได้รึไม่ได้กันแน่วะ”
“อย่าบ่นน่าเอเลน เร็วหน่อย ฉันฉี่จะราดแล้ว” แจนเอ่ยอย่างร้อนรน
“จะราดก็ไปสิวะ จะมาลากฉันไปเพื่อ!!!........อ้าว.....พี่รีไว อาร์มิน ทำอะไรกันอยู่ครับ”
พอแจนลากผมมาถึงตู้กดน้ำข้างโรงอาหารก็เห็นอาร์มินกับพี่รีไวยืนจ้องหน้ากันอยู่เงียบๆ ทั้งคู่ต่างเหงื่อโชกตัว ที่สำคัญเสื้อเชิ้ตของอาร์มินดันขาดเป็นริ้วยาวด้วย
“เอ่อ......มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ผมเอ่ยถามขณะที่มองสลับสองคนนั้น อาร์มินเป็นฝ่ายหันมายิ้มสดใสให้ผมก่อน
“ฉันกำลังจะซื้อน้ำน่ะ พี่รีไวผ่านมาพอดีเลยจะช่วยถือ......จริงมั้ยครับ....รุ่นพี่”
“..........อืม” เหมือนจะตอบรับอย่างเสียไม่ได้
“งั้น เอเลน แกช่วยพี่เตี้ยกับเจ้านั่นมันหิ้วน้ำกลับไปเลยนะ ฉันจะไปห้องน้ำก่อน” แจนเอ่ยท่าทีเลิ่กลั่กแล้วชิ่งออกไป
“อ้าว แจน แกจำทางไปห้องน้ำได้แล้วเหรอ”
“ก็พอคร่าวๆ คิดว่าไปได้แล้ว ไม่ต้องห่วง กลับไปรอที่โรงอาหารก่อนเลยแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันกลับไป” แจนรีบชิ่งออกไปแล้ววิ่งไปหลบอยู่หลังซอกอาคาร รอจนเอเลน รีไว และอาร์มินออกจากสถานที่เกิดเหตุ เด็กหนุ่มจึงวิ่งย้อนกลับไปที่หน้าตู้กดน้ำอีกครั้ง เก็บมีดพับและสนับมือซ่อนไว้ในกระเป๋าเพื่อทำลายหลักฐาน โชคดีที่ไม่มีคนอยู่ ถ้าเมื่อครู่มีคนเห็นคงแย่แน่
ก้มมองสนับมือและมีดพับแล้วก็ได้แต่ถอนใจ
นี่ถ้าไม่พาเอเลนออกมา สองคนนั่นมันไม่ฆ่ากันตายเลยเร๊อะ!!!................แค่คิดก็สยอง
แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ตัวจะได้ระวังตัวมากขึ้น อาร์มินมันหมายตาเอเลนเอาไว้จริงๆ แค่มีพี่เตี้ยแรงควายเป็นเสี้ยนหนามหัวใจก็แทบแย่แล้ว นี่ยังมีไอ้ซาร์ดิสก์ช่างแอ๊บโผล่มาอีกคน จะอะไรกันนักหนาวะ ไม่ชอบมันเลยจริงๆ ที่สำคัญ เอเลนมันดันไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด โมโหเฟ่ย!!!!!
แจนได้แต่บ่นกับตัวเองในใจ ลำพังตัวเขาคนเดียว จะเอาอะไรไปสู้ไอ้พวกแรงวัวแรงควายชอบใช้กำลังอย่างสองคนนั้นได้กัน
“หรืองานนี้จะร่วมมือกับพี่เตี้ยดีวะเรา..........”
ความคิดเห็น