คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สาม ฤาสวรรค์จะลงโทษม้า.....เอ้ย.....คนคิดไม่ซื่อ
บทที่สาม ฤาสวรรค์จะลงโทษม้า.....เอ้ย.....คนคิดไม่ซื่อ
“พรุ่งนี้จะรออยู่ข้างล่างนะ ต้องให้พี่ปลุกมั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมตั้งนาฬิกาปลุกเองได้ครับ”
“อืม เจอกันพรุ่งนี้” พี่รีไวเดินออกจากห้องไป........ แต่เดี๋ยวสิพี่ลืมอะไรไปหรือเปล่าน่ะ
“พี่ครับ!!!” ผมรีบวิ่งตามออกไป พี่เขากำลังเปิดประตูห้องที่อยู่ข้างๆกันกับผมพอดี
“มีอะไรเอเลน”
“เอ่อ....คือ....พี่......พี่ลืมอะไรไปรึเปล่าครับ”
“หนังสือเหรอ” เขาทำหน้าตาสงสัยแต่ผมรีบส่ายหน้าตอบ
“หรือกระเป๋า” ผมส่ายหน้าอีกครั้งพลางก้มหน้านิ่ง...........ผมไงครับพี่ลืมบอกลาผมเหรอ
มองเจ้าเด็กตรงหน้าที่ง๊องแง๊ง งอแงแล้วก็เหมือนจะนึกได้ว่าตนลืมอะไร......
“อา.....โทษที พอดีรีบไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจจะลืมหรอกนะ” มือใหญ่วางลงบนเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มของเด็กหนุ่มแล้วยีมันเบาๆ
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้.....ราตรีสวัสดิ์นะเอเลน”
มือที่สัมผัสเส้นผมอ่อนนุ่มทำให้เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง
“ครับ ราตรีสวัสดิ์ เจอกันพรุ่งนี้นะครับพี่”
ผมยืนส่งจนกระทั่งพี่รีไวเข้าห้องไป ถ้าพี่เขาไม่บอกลาผมด้วยมืออุ่นๆคู่นั้น คืนนี้ผมต้องนอนไม่หลับแน่ๆ...........
รอฟังจนเสียงประตูห้องข้างๆปิดลง เด็กหนุ่มจึงเปิดประตูออกไปแอบส่องดูคนข้างห้องอีกครั้ง นี่แค่เขาลืมบอกลาเจ้าหนูนั่นเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำเด็กนั่นถึงกับวิ่งโร่ตามมาอ้อนขอด้วยตัวเองถึงที่ ที่มือยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นแชมพูจางๆที่เจ้าเด็กนั่นชอบใช้อยู่เลย
“บางทีก็น่ารักไปนะเอเลน”
ผมเดินกลับเข้าห้องมาด้วยอารมณ์ที่แจ่มใสกว่าเดิม
“อา......เค้กก็หมดไปแล้วสิ จะเอาอะไรไปฝากแจนดีล่ะ อุตส่าห์ใช้มันทำการบ้านให้......ทำคุกกี้ไปให้มันดีกว่า เผื่อให้พี่รีไวด้วย”
เสียงก๊องแก๊ง ปึงปังที่ดังอยู่ข้างห้องเรียกความสนใจของชายหนุ่มได้ไม่น้อย
“ไม่ใช่ว่าซุ่มซ่ามชนนั่นชนนี่จนได้แผลอีกหรอกนะ”
ลุกออกเดินไปยังระเบียงหลังห้องด้วยความเป็นห่วง
“เอเลน.....เอเลน!!!”
“ครับ....ครับพี่” เจ้าตัวรีบวิ่งปึงปังออกมาหาในสภาพที่ผ้ากันเปื้อนหลุดลุ่ย ทั้งหน้าตาเส้นผมเลอะแป้งเค้กเป็นหย่อมๆ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของเนยโชยออกมาจากตัว
“ทำอะไรเสียงดังชะมัด”
“ทำขนมครับ เอ่อ รบกวนพี่อ่านหนังสือหรือเปล่าครับเนี่ย ผมลืมไปเลยว่าพี่ต้องเตรียมสอบ”
“เปล่าหรอก เสียงดังแบบนั้นนึกว่าหกล้มหกลุกเป็นอะไรไปต่างหาก”
“เปล่าครับ ผมซุ่มซ่ามเองก็เลยเสียงดังไปหน่อย” เจ้าหนุ่มน้อยเอ่ยเขินๆ แก้มเริ่มแดงเรื่อๆ
“ก็รู้อยู่หรอกน่า”......ถึงได้เป็นห่วง ว่าพลางเกลี่ยแก้มที่เปื้อนแป้งให้เบาๆ
“เลอะเทอะไปหมด”
“ขอโทษครับๆ” เอเลนหัวเราะแหะๆพลางยกผ้ากั้นเปื้อนขึ้นเช็ดหน้าลวกๆ เสียงเตาอบส่งเสียงบอกเวลาเตือน
“อ๊า......เหมือนจะได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเอาให้พี่กินนะครับขอตัวไปดูขนมก่อน”ว่าพลางวิ่งปึงปังกลับเข้าห้องไปด้วยความรีบร้อน
คุกกี้สีสวยหอมกรุ่นถูกยกออกจากเตา คุกกี้รูปสารพัดสัตว์ส่งกลิ่นหอมฉุย
“อ่า......ใช้แม่พิมพ์รูปม้าเยอะไปหน่อยแฮะ แจนมันคงไม่คิดว่าเราประชดมันหรอกมั้ง” ค่อยๆจัดเรียงแบ่งลงถุงสองถุงเท่าๆกันแล้วผูกริบบิ้นปิดปากถุงเป็นการปิดท้าย เป็นอันเสร็จสิ้น
“พรุ่งนี้เช้าค่อยเอาให้พี่รีไวดีกว่า......”
ขณะที่กำลังนอนแช่น้ำอุ่นพลางเล่นเจ้าเป็ดเหลืองลอยน้ำไปด้วย สัญญาณเมสเซ็จจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
การบ้านแกเสร็จแล้วนะ เอเลนพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนไปร้องเกะกันเถอะ นะนะ....ขอร้องล่ะ
- แจน –
ผมกดโทรออกหาเจ้าของข้อความ เพลงรอสายดังไม่ถึงสามวิมันก็รับแล้ว อย่าบอกนะว่าแกนั่งเฝ้าโทรศัพท์อยู่น่ะ
“เฮ้ย เอเลน....ว่าไง ตกลงป่ะ”
“ขอถามพี่รีไวดูก่อน” ผมตอบขณะที่บีบลูกเป็ดน้อยในมือเล่น ให้มันส่งเสียงดัง แป้ด แป้ด ออกมา
“ทำไมต้องไปขอไอ้พี่เตี้ยนั่นด้วยเล่า มันไม่ใช่พ่อแกนี่”
“ไม่ใช่พ่อ แต่ก็เป็นพี่นี่”
“ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆสักหน่อยนี่หว่า”
ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ..........เออ ก็รู้อยู่หรอก
“แต่ก็ต้องถามพี่เขาดูก่อนอยู่ดี........”
“โหย.....ไรวะ” ถามมันก็ไม่ได้ไปน่ะสิ
“อย่าบ่นน่าแจน” มันจะว้อนท์อะไรผมนักหนาเจ้าเพื่อนคนนี้
“แกอยู่ไหนวะเอเลน ทำไมเสียงมันก้องๆ เหมือนได้ยินเสียงน้ำด้วย”
“ห้องน้ำ.......อาบน้ำอยู่”
“อ.....อาบน้ำเหรอ....ก....แก....โทรหาฉันตอนอาบน้ำเนี่ยนะ” น้ำเสียงจากปลายสายดังตะกุกตะกัก
“เออ.....ก็แล้วใครใช้ให้แกส่งข้อความหาฉันตอนนี้ล่ะ”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะวะ.....ล.....แล้ว.....แก้ผ้าอยู่....ร....เหรอ” น้ำเสียงปลายสายส่งเสียงถามมาเบาๆ
“ก็เออ บ้านแกเขาใส่เสื้อผ้าอาบน้ำกันรึไง” ถามอะไรโง่ๆเหมือนหน้าตาจริงๆไอ้นี่......ได้ยินเสียงเหมือนสูดน้ำมูกเบาๆ
“แจน แกเป็นหวัดเหรอ....”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร ไม่กวนแล้ว งั้นแค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปด้วยกันให้ได้นะเข้าใจนะ” ว่าพลางตัดบทเองเสร็จสรรพ
“อะไรของมัน ลุกลี้ลุกลนชอบกล......”
หยดน้ำสีแดงหยดลงบนพื้นเป็นวงดังแหมะ....แหมะ....
“ทิชชู่.......ทิชชู่” เด็กหนุ่มบีบจมูกตัวเองไว้พลางวิ่งหากระดาษจ้าละหวั่น พอเจอปุ๊บก็ปั้นเป็นก้อนยาวๆอุดรูจมูกทั้งสองข้างเอาไว้ หายใจทางปากแทน
“ไอ้บ้าเอ้ย.....โทรหาฉันตอนอาบน้ำเนี่ยนะ.......แกไม่สงสารฉันเหรอไง” วิ่งไปคุ้ยตู้เย็นหาก้อนน้ำแข็งมาวางโปะบนดั้งจมูกของตน นัยน์ตาพลันเหลือบไปทางประตูห้องน้ำที่เปิดอยู่ รู้สึกได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวกับไอควันลอยกรุ่นออกมาจากประตูห้องน้ำ ค่อยๆเดินเข้าไปดูใกล้ๆด้วยความประหลาดใจ ร่างขาวเนียนคุ้นตายืนหันหลังอยู่ภายใต้ฝักบัว เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มเปียกโชกแนบลู่ไปกับศีรษะได้รูป แผ่นหลังเปลือยเปล่าขาวเนียนพราวระยับไปด้วยหยดน้ำ เอวบางและสะโพกกลมกลึงถูกไอหมอกควันบดบังให้เห็นเลือนลางเพียงวับๆแวมๆ ใบหน้าขาวใสที่แลดูขึ้นสีแดงระเรื่อจากน้ำอุ่นเอียงเสี้ยวหน้าหันกลับมาถามยิ้มๆ
“มาอาบน้ำด้วยกันมั้ยแจน.....”
น้ำแข็งที่ถืออยู่พลันร่วงหลุดจากมือตกทับนิ้วหัวแม่เท้าดังปั่ก!!! เลือดกำเดาที่ถูกทิชชู่อุดไว้ทะลักทลายไหลออกมาราวกับเขื่อนแตกพร้อมกับเสียงตะโกนดังลั่นบ้าน
“อ้ากกกกกกกกกก!!! แกต้องการอะไรจากฉันวะ เอเลนนนนนนนน!!!!”
“หืม.....รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหมาหอนแว่วมาเลยแฮะ” พอเป่าผมที่เปียกจนแห้งสนิทก็เป็นอันเสร็จกิจของวันนี้
“นอนดีกว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนพร้อมพี่รีไว”
“เอ่อ เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามนายแพทย์ผู้ชราผู้มีผมสีดอกเลากับรูปร่างอ้วนท้วม
“อืม....ถูกกระแทกจนอักเสบหนักขนาดนี้ มีทางเดียวคือต้องถอดเล็บนั่นแหละครับ ลองมีเลือดคลั่งแบบนี้ปล่อยไว้เล็บต้องเน่าแน่ๆ มีทางเดียวคือต้องถอดเล็บออกเพื่อระบายเลือดเสียครับ”
“ถอดเล็บ!!! แม่ไม่เอานะ ผมกลัวอ่ะ” แจนส่ายหน้าดิกกอดเอวแม่ไว้แน่น
“แต่มันต้องรักษานะลูก” ผู้เป็นแม่ลูบหัวลูกชายเบาๆ
“ก็ผมกลัวนี่นา” คุณนายกิลชูไตน์หันไปถามนายแพทย์อีกครั้ง
“ไม่มีทางอื่นอีกเหรอคะ”
“ต้องถอดเล็บอย่างเดียวครับคุณผู้หญิง” คุณหมอยืนยันหนักแน่น
“งั้นก็ตกลงค่ะ”
“แม่อ่ะ!!!!” แจนโวยวายเสียงดัง เด็กหนุ่มผู้ขาเดี้ยงถูกเข็นตัวเข้าสู่ห้องทำหัตถการ ในขณะที่คุณหมอเฒ่ากำลังดรอยาใส่ไซริงค์ยี่สิบซีซีคอย แจนลอบกลืนน้ำลายตาเหลือก
“ค....คุณหมอครับ.....วางยาสลบใช่มั้ยครับ”
“แค่ถอดเล็บ ยาชาก็พอแล้วหนู นี่ไง” คุณหมอชูไซริ้งค์ยี่สิบซีซี ที่สะท้อนแสงไฟวาวแว่บให้ดู
“ล.....แล้วมันเจ็บมั้ยครับ”
“ก็เจ็บนิดหน่อยเดี๋ยวก็ชา” คุณหมอบรรจงเสียบเข็มลงไปบนโคนนิ้วหัวแม่เท้าของแจนเบาๆ
ค่อยยังชั่ว......ไม่เจ็บเท่าไหร่
“เอาล่ะ จะเริ่มล่ะนะ” คุณหมอยกอุปกรณ์ลักษณะเหมือนคีมขึ้นเตรียมลงมือ
“แต่คุณหมอครับ.....ผมยังไม่รู้สึกชาเลยนะครับ” อีกอย่างยาชาตั้งยี่สิบซีซี คุณฉีดให้ผมไม่ถึงสามซีซีเลยนะครับคุณหมอ
“อีกเดี๋ยวมันก็ชาเองแหละ.....คนไข้หมอเยอะ.....หมอรีบ”
“ต....แต่....ผมว่า” แจนพยายามประท้วงเหงื่อแตกซิก คุณหมอบ่นขึ้นเบาๆ
“อา.....ลืมพกแว่นมาด้วยสิ ไม่เป็นไรๆ มองเห็นอยู่ เอาล่ะนะ”
อุปกรณ์คีบถูกหนีบลงบนนิ้วเท้าในขณะที่คุณหมอออกแรงดึงสุดแรง เลือดสีแดงสดกระฉูดกระจาย
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!! คุณหมอคร้าบบบบบบ คุณถอดเล็บผมผิดนิ้วแล้ว!!!!” เสียงร้องโหยหวนของแจนดังก้องทั่วทั้งห้องฉุกเฉิน คุณหมอก้มลงมองผลงานของตนชัดๆ
“อ้าว...... นิ้วกลางหรอกเหรอ ก็เล็งหัวแม่เท้าไว้แล้วนี่นา.....ไม่เป็นไรๆ เอาใหม่ๆ ลงมือล่ะนะ”
“คุณหมอคร้าบ.....จะเสียเวลากลับไปเอาแว่นสักนิดผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะครับ!!!”
“ไม่เป็นไรๆ.....คนไข้หมอเยอะ.....หมอรีบ....เอาล่ะ” คุณหมอไม่เป็นแต่ผมน่ะสิครับที่เป็น.....
“อ้ากกกกกกกก!!!!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นขึ้นคำรบสอง
นี่คงเป็นบาปกรรมของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อที่เอาเพื่อนมาจิ้นอะไรแปลกๆสัปดนสินะ.....อาเมน.....อภัยให้ผมด้วยเถอะสวรรค์....ฉันผิดไปแล้วเอเลน......ขอโทษ!!!!!!
แย่ล่ะตื่นสายเสียได้ เมื่อคืนนอนเพลินไปหน่อย วิ่งกระหืดกระหอบหิ้วเสื้อนอกออกจากห้อง....
“อ๊ะ....คุกกี้ เกือบลืมไปแล้ว” ยัดถุงคุกกี้ลงใส่ถุงกระดาษลวกๆ แล้วรีบวิ่งออกจากห้อง ที่ลานจอดรถเด็กหนุ่มร่างสันทัดยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษครับ นอนเพลินไปหน่อย” หอบแฮ่กด้วยความรีบ เผ้าผมชี้ฟูแทบไม่เป็นทรง
“ก็ถึงได้บอกไงว่าจะปลุก” พี่รีไวบ่นเบาๆขณะที่ช่วยติดกระดุมเสื้อนักเรียนให้ผมใหม่ ตายล่ะรีบจนติดมั่วไปหมด ก้มมองใบหน้าคมคายที่ตั้งอกตั้งใจติดกระดุมเสื้อให้แล้วก็อดคิดไม่ได้
พี่รีไวน่ารักจังแฮะ......เหมือนสมัยเด็กๆเลย
“มองอะไร หน้าพี่มีอะไรติดรึไง”
“เปล่า....ฮะ แค่คิดว่าพี่น่ารักจัง”
ปึด!!!!.........คนคิ้วของคนฟังถึงกับกระตุก
“อย่างพี่ ใช้คำว่าน่ารักด้วยไม่ได้หรอกนะ ก้มหัวลงมาสิ ผมยุ่งหมดแล้ว”
“ครับๆ” มือใหญ่ค่อยๆช่วยจัดแจงทรงผมกระดกชี้ให้เข้าที่เข้าทาง แล้วลูบเบาๆ
“เสร็จแล้ว”
“ขอบคุณครับ วันนี้เอาจักรยานไปนะครับ เผื่อวันนี้ออกนอกเส้นทางกัน”
“ก็ได้ แต่เดี๋ยวพี่ปั่นเองดีกว่า”
“ผมหนักนะครับ”
“ไม่ได้มากมายอะไรหรอกน่า”
ขึ้นนั่งซ้อนท้ายพลางเกาะเอวของพี่เขาไปด้วย.......ไม่ได้อะไรหรอกนะ ก็ผมกลัวตกนี่นา
“วันหลังก็ให้พี่ปลุกเสียก็สิ้นเรื่อง”
“ก็ผมไม่อยากรบกวนพี่นี่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยเป็นไง”
“เอ๋....อะไรนะครับ ผมได้ยินไม่ถนัด” ไอ้รถบรรทุกคันเดิมมันขับผ่านมาอีกแล้ว จะตีนผีไปไหน เสียงดังจนกลบเสียงพี่รีไวไปหมด
“......ก็ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกน่ะ”
“ครับๆ วันหลังผมจะให้พี่ปลุกแล้วกันครับ”
“เอเลน.....”
“ครับ”
“จับดีๆหน่อยสิ เดี๋ยวก็ร่วงลงไปหรอก”
“ผมก็จับแน่นแล้วนะครับ”
“จับแบบนั้นเดี๋ยวก็ถูกลมพัดปลิวไปหรอก”
“โหย.....ผมไม่ได้เบาขนาดนั้นสักหน่อย”
“กอดไว้ซะ”
“ครับ?”
“เอวพี่น่ะ......กอดไว้แน่นๆ เดี๋ยวตก” ผมประสานมืออ้อมแขนไปกอดเอวพี่เขาไว้
“แบบนี้เหรอครับ” มือใหญ่จัดแจงดึงแขนผมไปใกล้จนหน้าผมนี่แนบไปกับแผ่นหลังของพี่เขาเลยทีเดียว
“อืมแบบนี้แหละ....กอดแน่นๆนะ จะซิ่งล่ะ” เด็กหนุ่มอมยิ้มกริ่มพลางเริ่มออกแรงขาถีบปั่นจักรยานด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
หวา..มิน่าล่ะถึงได้บอกให้กอดแน่น ถ้าพี่จะซิ่งขนาดนี้ล่ะก็เตือนผมล่วงหน้าไว้หน่อยก็ดีนะครับยังไงซะโรงเรียนมันก็คงไม่วิ่งหนีเราไปไหนหรอกน่ะ
พี่รีไวจอดจักรยานไว้ที่ลานจอดข้างโรงเรียน ในขณะที่ผมกำลังนั่งกุมขมับด้วยความหัวหมุนตาลาย มือใหญ่แนบสัมผัสแก้มผมเบาๆ
“ไหวมั้ยเอเลน”
“เวียนหัวนิดหน่อยฮะ.....ไม่คิดว่าพี่จะเร็วขนาดนี้” นี่ผมกำลังเมาจักรยานงั้นเหรอ.......
“โทษที” พี่เขาเอ่ยขึ้นในขณะที่ช่วยลูบหลังผมเบาๆ.....แอ่ะ.....อยากอ้วกชะมัด ผมโก่งคออาเจียนก็ยังไม่มีอะไรออกมา เมื่อเช้าผมยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่ ตื่นสายนี่นา
“โย่...ไอ้เสือ มาแต่เช้าเชียวนะ” น้ำหนักที่โถมเข้ามาทับจากทางด้านหลังทำให้รีไวต้องหันไปเอ็ดด้วยความหงุดหงิด
“ลงไปนานาบะ.....ฉันไม่ใช่ต้นมะพร้าวเอาไว้ให้ลิงอย่างเธอมาปีนเล่น มันหนัก!!!!!”
“แหมๆ หงุดหงิดแต่เช้าเชียวนะรีไว....เอ๋.....เอเลน!!!....เอเลนเป็นอะไรน่ะลูก” นานาบะเลิกก่อกวนเพื่อนร่างเล็กแล้วหันไปสนใจหนุ่มน้อยที่หน้าซีดท่าทางพะอืดพะอมนั่งทรุดกับพื้นแทน
“ผมเวียนหัวนิดหน่อยน่ะครับ” ผมเอ่ยตอบในขณะที่รู้สึกว่าตาเริ่มลายเห็นพี่นานาบะเป็นสามคน
“ว....เวียนหัว....คลื่นไส้....อาเจียนด้วยใช่มั้ยลูก...ล.....แล้วประจำเดือนเดือนนี้มารึยังลูก” เธอถามด้วยความร้อนรนช็อคสุดขีด
“เอ่อ....คือ” ผมควรจะตอบพี่เขาว่าอะไรดีล่ะครับเนี่ย พี่นานาบะวิ่งไปกระชากคอเสื้อพี่รีไวแล้วตะคอกถามเสียงดัง
“รีไว!!! นาย....นายเล่นลูกชายฉันแล้วใช่มั้ย.....ฟาดมันจนท้องแล้วเนี่ย.....นายจะไม่รับผิดชอบรึไงห๊า!!! ลูกชายฉันทั้งคนนะ ไหนจะหลานในท้องมันอีก”
“อย่าพูดบ้าๆนะเฮ่ย!!!!” พี่รีไวตะคอกกลับพลางผลักอกพี่นานาบะเสียเกือบล้ม พี่รีไวมองหน้าผมแล้วพูดออกมาเสียงดังลั่น
“ถ้าฉันทำ ฉันก็รับผิดชอบเอเลนอยู่แล้วล่ะน่า!!!”......เมียทั้งคนนี่หว่า
เอ่อ พี่รีไวครับ พี่ไม่ต้องบ้าจี้ตามพี่นานาบะไปก็ได้นะครับ
“โฮ.....โชคดีนะลูก อย่างน้อยผู้ชายตัวสั้นคนนี้มันก็ยังมีความรับผิดชอบ หนูไม่ต้องอุ้มท้องคนเดียวแล้วลูก เอเลน!!!” พี่นานาบะกอดผมทำท่าสะอึกสะอื้น นี่พวกพี่กำลังเล่นตลกยามเช้าให้ผมดูอยู่หรือยังไงครับเนี่ย
“เลิกเกาะแกะได้แล้วน่า” พี่รีไวบ่นขณะที่จับแยกพี่นานาบะโยนออกไปไกลจากผม
“ดีขึ้นรึยังเอเลน” มือใหญ่ยกอังหน้าผากผมด้วยความเป็นห่วง
“ผมว่าผมหายเมาดีกว่าครับ ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่” ผมว่าพลางหัวเราะเจื่อนๆ ในขณะที่พี่นานาบะหัวเราะจนตัวงอไปแล้ว รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆฟุดฟิดอยู่ที่ข้างหู
“เอเลน!!!......หอมน่ากิน”
“เฮ้ย!!!” ผมตกใจรีบถอยหนีจนเกือบสะดุด
“ใกล้ไปนะมิเกะ” พี่รีไวพูดกับพี่ชายร่างสูงตรงหน้าเรียบๆ พี่มิเกะแสยะยิ้มแล้วเอ่ยซ้ำ
“เอเลน......น่ากิน” ผมเผลอกุมต้นคอด้วยความขนลุกเลยทีเดียว บรื๋อ!!!!
“ไหนแกพูดใหม่ซิวะ....มิเกะ” นัยน์ตาสีเข้มหรี่เรียวด้วยความไม่พอใจ จับจ้องพี่ชายร่างสูงตรงหน้าราวกับพญาเหยี่ยวจ้องเหยื่อ
“เอเลน......น่ากิน” พี่มิเกะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ แล้วยิ้มมุมปาก
“จะไฝว้เหรอ......เตี้ย!!!”
ไม่ทันขาดคำ พี่รีไวกระโดดตัวลอยประเคนเข่าใส่ใบหน้าพี่ชายผู้มีส่วนสูงถึงร้อยเก้าสิบหกเซ็นโดยไม่บอกไม่กล่าว พี่มิเกะยกแขนขึ้นตั้งการ์ดรับแทบไม่ทัน
“ถึงฉันจะเตี้ย....ก็เตะปากกอริลล่าอย่างแกได้ว่ะ มิเกะ”
พี่ชายร่างสูงสูดปาก ซี้ด!!!! แล้วเอ่ยขำๆ
“ไม่เล่นและ......เจ็บว่ะ” เขานวดข้อแขนที่แดงเถือกของตัวเองเบาๆ ในขณะที่พี่รีไวจะตรงเข้าไปซ้ำอีกรอบ พี่นานาบะก็รีบจับสองคนนั้นแยกกันเสียก่อน
“อ้าว.....แจน อรุณสวัสดิ์” ในขณะที่กำลังมองพวกเด็กโข่ง....เอ้ย พวกรุ่นพี่แกล้งกันอยู่ ผมก็หันไปเห็นแจนเดินคอตกขากะเผลกเข้าโรงเรียนมาพอดี
“อ....เอเลน?” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม แล้วจู่ๆหน้ามันก็แดงเถือก มันยกแขนขึ้นบังหน้าตัวเองแล้วโวยวายเสียงดัง
“อ...เอเลน....ท.....ทำไม.....แกไม่....ไม่ใส่เสื้อผ้ามาโรงเรียนวะ” แจนที่หน้าแดงอยู่ดีๆเลือดกำเดาก็ไหลออกมา.......แกเป็นไรของแกวะแจน!!!! ฉันเป็นห่วงนะเนี่ย
“โฮ่ย!!!! พล่ามอะไรของแกวะ ไอ้เด็กเวร” พี่รีไวตรงเข้าไปหาแจนอย่างเอาเรื่อง ขนาดมีพี่มิเกะกับพี่นานาบะช่วยกันฉุดแล้วนะ ยังเอาไม่อยู่.......พี่ชายผมจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
“แกมโนอะไรของแกอยู่วะ ไอ้หน้าม้า.....คิดทะลึ่งอะไรอยู่รึไง”
“อ๋มอ่าวอะ(ผมเปล่านะ)” แจนพยายามเปล่งเสียงขณะที่ถูกพี่รีไวบีบกรามไว้แน่น เลือดกำเดาที่ไหลออกมาเป็นทางบังเอิญไปเลอะมือพี่เขาพอดี พี่รีไวถึงได้ยอมปล่อย
“ชิ....สกปรก” บ่นไปขณะที่เช็ดมือไปด้วย
“ผ....ผมหมายถึง.....ท.....ทำไมเอเลนไม่ใส่เสื้อนอกต่างหาก” เจ้าแจนที่หน้าแดงเถือกแก้ตัวตะกุกตะกัก
“ก็อากาศตอนเช้ากำลังดี เอาไว้ใส่ตอนเข้าแถวก็ได้นี่” ผมเอ่ยพลางยื่นกระดาษทิชชู่ส่งให้เพื่อนจอมเกรียน อากาศก็ไม่ได้ร้อนสักหน่อย ไอ้นี่มันเลือดกำเดาไหลได้ไงกัน
“อืมๆ นี่กระเป๋าแก การบ้านก็อยู่ในนั้นแหละ” มันตอบรับสั้นๆ ยื่นกระเป๋าส่งให้แต่ไม่ยักสบตาผมแฮะ
“แกไม่สบายหรือเปล่าแจน ฉันว่าวันนี้แกดูแปลกๆว่ะ”
“ก็....ก็นิดหน่อย” ผมพยายามยื่นหน้าไปมองมัน แต่มันยิ่งเอียงหน้าหนี แต่ผมเห็นนะว่าหน้ามันแดงไปถึงหูแล้ว
“เท้าแกมีผ้าพันแผลด้วยนี่ ไปทำอะไรมา” ผมนั่งลงจิ้มๆนิ้วเท้ามันเบาๆ แต่มันถึงกับสะดุ้ง....เจ็บเหรอวะ ฉันแค่แตะแกเบาๆเองนะเว่ย
“ก....ก็...ใจลอยไปหน่อยน่ะ....เลยเดินเตะโต๊ะ....เมื่อคืนไปถอดเล็บมา” มันตอบอึ่กอั่กๆ
“เจ็บแทนเลยว่ะ แต่นี่แกถอดสองนิ้วเลยเหรอ”
“ก...ก็เตะสองรอบอ่ะ!!!”
“แกโง่หรือเปล่าแจน”
“ช่างฉันเหอะน่า” มันหันมาตะคอกใส่หน้าผม แต่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นมันก็รีบหันหน้าหนี วันนี้แกแปลกๆว่ะแจน.....บอกตรง
“น่าสงสาร....เกิดมาหน้าเหมือนม้าแล้วยังขาพิการอีก”
“แรคคูนมะขามข้อเดียวอย่างรุ่นพี่ไม่มีสิทธิ์มาว่าผมนะครับ”
นั่น....ทะเลาะกันอีกแล้ว เจ้าแจนมันไม่ยอมมองหน้าผมตรงๆด้วยซ้ำแต่กับพี่รีไวนี่มันจ้องเอา จ้องเอาเชียวนะ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเขม่นกันมากไปกว่านี้ ผมตัดสินใจดึงคุกกี้จากถุงกระดาษออกมาให้แจน
“อ่ะ....ฉันให้” มันมองคุกกี้ในมือผมตาเป็นประกาย
“อ....เอเลน.....แกให้ฉันจริงอ่ะ”
“เออ ก็ตั้งใจทำมาให้นั่นแหละ.......แล้วถุงนี้ก็ของพี่ครับ” ผมยื่นถุงคุกกี้ให้พี่รีไวกับแจนคนละถุง แต่เพิ่งจะสังเกตเห็นนี่เองว่าถุงที่จะให้พี่รีไวคุกกี้มันแตกไปหลายชิ้นแล้ว คงถูกกระแทกกระทั้นระหว่างทางตอนที่มาโรงเรียน
“โทษที สลับถุงกัน” ผมรีบเปลี่ยนถุงคุกกี้เละไปให้แจน แล้วยื่นถุงคุกกี้ที่มีสภาพดีให้พี่รีไว แจนมันดูสลดลงเล็กน้อย แต่มันก็ยิ้ม นัยน์ตามันวาวๆเหมือนน้ำตาจะไหล.....แกเป็นอะไรมากมั้ยแจน!!!
“ขอบใจนะเอเลน.....ที่แกยังนึกถึงฉันน่ะ”
“เออๆ ตอบแทนเรื่องการบ้านไงล่ะ”
“อืม” แจนมันยกถุงคุกกี้ขึ้นดมแล้วกอดไว้แน่น อะไรวะ ก็แค่คุกกี้อ่ะ
“แกชอบคุกกี้ขนาดนั้นเลยเหรอวะแจน”
“อืม...ชอบสิ....ชอบมากๆเลย....” คนทำคุกกี้นะ....ชอบสุดๆ
“ไว้วันหลังจะทำมาให้อีกแล้วกัน” ผมบอกกับมันแล้วหันไปคุยกับพวกรุ่นพี่
“งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ”
“อืม” พี่รีไวพยักหน้ารับเงียบๆ
“แล้วเจอกันพักเที่ยงนะจ้ะลูกชาย” พี่นานาบะโบกไม้โบกมือให้
“กลิ่นเอเลนกลิ่นนี้แหละ.....น่ากิน” พี่มิเกะดมคุกกี้ฟุดฟิด แหม ที่แท้พี่เขาก็ได้กลิ่นคุกกี้เองหรอกเหรอ นี่สรุปว่าพี่เป็นกอริลล่าหรือเป็นหมากันแน่ครับพี่มิเกะ จมูกดีชะมัด
ผมเดินช้าๆรอแจนที่โขยกเขยกกลับห้องเรียนด้วยกัน ช้าชะมัด.........ก็เข้าใจนะว่ามันเจ็บน่ะ
“มา ฉันช่วย” ผมพูดกับมันขณะที่ยกแขนมันขึ้นประคองพาดคอ แต่มันกลับเบี่ยงตัวออกราวกับต้องของร้อน
“เฮ่ย!!! ฉ...... ฉันเดินเองได้”
“แกเดินคนเดียว เที่ยงก็คงยังไม่ถึงห้องอ่ะ อย่าเล่นตัวน่า” ผมล็อคแขนมันขึ้นพาดคอแล้วโอบเอวประคองช่วยมันเดิน
“แจน.....หน้าแกอ่ะ....ใกล้ซอกคอฉันไปมั้ย” ผมพูดกับมันเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆรดต้นคอ
“อ่ะ....โทษที” มันก้มหน้านิ่งเอ่ยขอโทษเบาๆ
“มันก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ มันก็แค่จั๊กจี้น่ะ” ผมพูดขณะที่ผลักหัวมันไปด้วย ไม่อยากให้มันสลดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
เด็กหนุ่มทั้งสองเดินประคองกันไปเงียบๆ แจนมองเสี้ยวหน้าขาวใสของเพื่อนสนิทสุดรัก(?) แล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด
ทั้งๆที่แกดีกับฉันขนาดนี้ ฉันกลับเอาแกไปมโนอะไรแปลกๆ....ขอโทษด้วยเอเลน....ฉันมันเพื่อนเลว คิดไม่ซื่อกับแก......
ผมเห็นแจนมันทำหน้าซึมๆแบบนั้นก็ยิ่งเป็นห่วง จึงหันกลับไปถามมันบ้าง
“แจนวันนี้แกเป็นอะ.....” ด้วยความที่รีบร้อนเกินไปไม่ทันระวัง ปลายจมูกของเราทั้งคู่เฉียดกันไปชั่วขณะ แจนมันถึงกับเดินผิดจังหวะขาสะดุดล้มทับมาใส่ผมทั้งตัว
“อา เจ็บว่ะ.....” ผมล้มก้นจ้ำเบ้าในขณะที่แจนมันล้มคร่อมทับผม หน้ามันแลดูตกใจมาก จากที่แดงอยู่แล้วกลับแดงหนักขึ้นกว่าเดิม มันค่อยๆโน้มหน้าลงมาใกล้ตาลอยๆชอบกล
“แจน.......” ผมพยายามผลักมันออก แต่แม่ม....ทำไมมันแรงเยอะนักล่ะ มันก้มหน้าลงมาใกล้จะติดหน้าผมแล้วเนี่ย!!!!!
“แจน!!!” ผมตะโกนใส่หูมัน แล้วบิดหูมันสุดแรง มันส่งเสียงร้องลั่น แล้ววิ่งเตลิดหนีออกไปทันที
“ขอโทษ.....ขอโทษ....ฉันขอโทษ!!!!” มันตะโกนขอโทษวิ่งหนีไปสุดทาง
“เป็นบ้าอะไรของมันกันล่ะเนี่ย......เจ็บเท้าไม่ใช่เหรอไง เปิดแน่บไปซะขนาดนั้น” ผมบ่นให้มันขณะที่ช่วยหิ้วกระเป๋าเป้ที่มันมัวแต่เตลิดหนีจนลืมเก็บไปด้วยให้
“ไอ้ม้าบ้าเอ้ย!!!!”
ความคิดเห็น