คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่เจ็ด เป็นเพียงอากาศธาตุในสายตาเธอ......ช่วงเวลาแห่งคนเป็นเพื่อน
บทที่เจ็ด เป็นเพียงอากาศธาตุในสายตาเธอ......ช่วงเวลาแห่งคนเป็นเพื่อน
เกือบจะเป็นอาทิตย์แล้วที่ผมไม่ได้พบกับพี่รีไวเลย ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือพี่เขาไม่ได้กลับห้องพักเลยสักครั้ง
“เฮ้ย เอเลน....เอเลน” แจนสะกิดเรียกผมที่เหมือนวิญญาณออกจากร่างไปแล้วช่วงอาทิตย์นี้
“ไอ้พี่เตี้ยไม่ได้ติดต่อแกเลยเหรอ......”
“ไม่เลย โทรไปก็ไม่เคยรับสาย” ผมตอบพร้อมกับซบหัวลงบนไหล่มันอย่างอ่อนแรง
“เลิกรอมันเหอะไอ้พี่เตี้ยนั่น มันไม่สนใจแก แกก็ไม่ต้องไปคิดถึงมัน” แจนบ่นอย่างอารมณ์เสีย
“มันทำไม่ได้น่ะสิแจน.....”ผมถอนหายใจเสียงเบา
“แกดูสภาพแกบ้างเหอะ คิดถึงมันจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ผอมอย่างกับไม้จิ้มฟัน ดูแลตัวเองบ้างสิวะ” ยิ่งเห็นแกเป็นแบบนี้ฉันยิ่งเป็นห่วงนะเว่ย
“ถ้าได้เจอพี่เขาสักครั้งแล้วรู้ว่าเขาสบายดี ฉันก็พอใจแล้ว......แต่นี่ ไม่มีข่าวอะไรเลย ทั้งพี่มิเกะ พี่นานาบะก็ไม่เห็นใครสักคน ฉันรู้สึกกลัวว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่รีไวเป็นเพียงแค่ความฝันของฉัน พอตื่นขึ้นมาพี่เขาก็หายไปน่ะแจน”
“ถ้าจะเป็นความฝัน ไอ้พี่เตี้ยนั่นก็ถือเป็นฝันร้ายสุดสยองของฉันเลย”
“ฉันคิดถึงพี่เขาว่ะ.....แจน” ผมกอดมันไว้ มันลูบหัวผมเบาๆแล้วถอนหายใจ
“เย็นนี้ไปร่อนกันแก้เครียดเหอะ”
แจนลากผมวิ่งไปนู่นมานี่ เข้าร้านเกมร้านนั้น ออกร้านนี้ มันพยายามบิ้วท์อารมณ์ให้ผมเต็มที่แต่ผมกลับไม่มีแก่ใจอยากเล่นอะไรกับมันเลย ขณะที่ผมรอแจนซื้อน้ำอัดลมที่ตู้กดน้ำ อีกฟากของสี่แยกไฟแดงมีคนกำลังเดินมา คนกลุ่มนั้นกำลังเดินข้ามถนนมาช้าๆ พูดคุยหยอกล้อกันตามประสาเพื่อนสนิท ในกลุ่มคนพวกนั้นมีชายหนุ่มร่างสันทัดผู้ซึ่งมักจะมีสีหน้าไม่สบอารมณ์และแผ่รัศมีกดดันคนรอบข้างอยู่เสมอ ชายหนุ่มที่ผมเฝ้าคิดถึงเขามาเป็นอาทิตย์ๆ
พี่รีไว..........
ผมกำลังจะร้องเรียก แต่คนกลุ่มนั้นกลับเดินผ่านผมไปราวกับไม่เห็นผมอยู่ในสายตา ราวกับเราเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จัก พวกเขาส่งเสียงโหวกเหวกเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังของพวกเขาที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
ทำไมไม่หันกลับมาล่ะครับ.....พี่ไม่เห็นผมเหรอ.....ไม่เห็นผมอยู่ในสายตาแล้วเหรอ......
ทั้งพี่มิเกะ พี่นานาบะ และรุ่นพี่คนอื่นๆ ไม่มีใครเอ่ยทักผมสักคน
“อ้าว.....นั่นมันพวกไอ้พี่เตี้ยไม่ใช่เหรอ ใส่ชุดไปรเวทด้วย ไม่พากันไปโรงเรียนแต่แอบมากร่างกันแถวนี้เหรอเนี่ย.....อะไรของพวกนั้น....อ่ะเอเลน.....สตรอเบอร์รี่ปั่นกรุบกริบ.....ฮะ.....เฮ่ย....เอเลน!!!” แจนมันรีบกดหน้าผมซบลงกับอกมันไว้แล้วรีบลากผมออกจากทางเดินเท้าก่อนที่ทุกคนจะแตกตื่น มันกอดผมไว้แน่นใช้ร่างของมันบังผมจากสายตาของผู้คน
“เอเลน....เอเลน.....พอเถอะ” มันพูดกับผมเบาๆ
“หยุดร้องไห้เหอะ.....เดี๋ยวคนอื่นเขาจะเข้าใจว่าฉันทำอะไรแกนะ” มันปลอบพลางลูบหลังผม
“เขา.....เมินฉัน.....” ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้น
“เราสบตากัน.....แต่เขากลับเมินฉัน.....แจน.....พี่รีไวไม่สนใจฉัน......เขาเดินผ่าน.....ฉันไปเลย” ยิ่งพยายามกลั้นเสียงสะอื้นมากเท่าไหร่ น้ำตาของผมก็ยิ่งไหลออกมามากมายขึ้นเรื่อยๆ
“ไอ้พี่เตี้ยนั่น......มันน่าเตะตูดบิดจริงๆ” แจนบ่นอย่างเหลืออด มันเชยคางผมช่วยเช็ดน้ำมูกน้ำตาให้ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย
“เฮ่ยหยุดร้องก่อนเหอะ ตาบวมจมูกแดงหมดแล้ว” มันถอดเสื้อห่มคลุมให้ผมแล้วดึงฮู้ดปิดหัวผมไว้
“ไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” มันโอบไหล่ผมออกเดินไปพร้อมกัน ผมที่ทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยตามมันไปทั้งอย่างนั้น
เหตุการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มผู้เฝ้ามองอยู่โดยตลอด รีไวกำหมัดแน่นท่าทางฟึดฟัด มิเกะวางมือลงบนบ่ายึดไหล่เพื่อนไว้แน่น
“เฮ่ย.....เรามีเรื่องที่ต้องจัดการไม่ใช่รึไง”
“ฉันอยากอัดคน” รีไวกัดฟันกรอด นานาบะตบอกแน่นปึ้กของชายหนุ่มเบาๆ
“ก็กำลังจะพาไปอัดอยู่นี่ไงเล่า”
“ฉันอยากอัดตอนนี้” รีไวเอ่ยเสียงเข้ม นัยน์ตาคมจับจ้องแผ่นหลังเด็กหนุ่มทั้งสองที่เริ่มจะกลืนหายไปกับฝูงชนอย่างไม่วางตา
“เชิญครับหัวหน้า” เอิร์ดและกุนเธอร์ช่วยกันผลักออลโอออกมาหน้าสุดทันที
“ฮ....เฮ้ย....พวกแก อย่านะครับ หัวหน้า....เดี๋ยวจะเจ็บมือเปล่าๆ”
“แต่ไม่เจอกันแค่อาทิตย์เดียว ลูกชายฉันมันผอมลงไปเยอะเลยน้า.....ท่าทางจะตรอมใจ” นานาบะเอ่ยยิ้มๆเหล่มองปฏิกิริยาคนข้างกายไปด้วย
“รีบไปเหอะ เสียเวลามามากแล้ว ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจจากอยากอัดเป็นอยากฆ่าคนแทน”
ความร้อนรุ่มและกลัดกลุ้มในจิตใจดูเหมือนจะทำให้คนเจ้าอารมณ์หงุดหงิดหนักขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบเท่า
ไอ้ม้าแจนมันกล้าแตะต้องสัตว์เลี้ยงตัวโปรดที่น่ารักต่อหน้าต่อตาเจ้าของแบบนั้น วอนหาเรื่องเจ็บตัวชัดๆ เขม่นในใจด้วยความหงุดหงิด มัวแต่คิดถึงเรื่องของเด็กสองคนนั้นจนเกือบจะลืมไปแล้วว่าตอนนี้ตนกำลังจะทำอะไรอยู่ จวบจนเมื่อมีมือใหญ่ของเพื่อนสนิทวางลงบนบ่าถึงได้รู้สึกตัว
“รีไว......พวกนั้นมันมากันนานแล้วนะ” มิเกะก้มลงกระซิบกับเจ้าตัวเบาๆ พอลองกวาดตามองกลุ่มคนที่ใส่เครื่องแบบโรงเรียนต่างสถาบันเบื้องหน้าก็ได้แต่ยิ้มเย็น
“ไอ้พวกเฮบิ ไอ้พวกงูพิษรอบกัด พวกแกจะต้องเจ็บตัวกันอีกมากแค่ไหนถึงจะยอมเลิกยุ่งกับพวกฉันกันวะ!!! หรือยังยกพวกมาจมกองเท้าฉันยังไม่สมใจ คราวนี้พวกแกขนกันมาทั้งโรงเรียนรึยังไง”
ชายหนุ่มผู้มีรอยบากอยู่ที่ใต้ตาซ้ายส่งยิ้มร้ายแล้วตะโกนกลับมาเสียงเข้ม
“ไอ้เตี้ย!!!! อย่ากร่างนักเลยว่ะ คราวที่แล้วๆมาพวกฉันแพ้แกไปก็จริง แต่มันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแน่ คราวนี้คนที่จมกองตีน ต้องเป็นแกแล้วล่ะว่ะ” เสียงหัวเราะของพวกฝ่ายเฮบิเฮดังลั่น ยิ่งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดหนักขึ้นกว่าเดิม
“ไอ้พวกทุเรศ ฉันยังมีเรื่องสำคัญต้องจัดการยิ่งกว่าจะมาทำยำตีนให้พวกแกได้กินนะเว่ย!!!” ตะโกนตอบกลับไปเสียงดัง แน่นอน....เรื่องที่สำคัญกว่านั้นคือต้องกลับไปจัดการเจ้าม้าขโมยที่คิดจะคาบสัตว์เลี้ยงตัวโปรดไปกิน
“คราวนี้ถึงทีของพวกฉันโต้กลับบ้างแล้วต่างหากล่ะวะ” ชายหนุ่มผู้มีรอยแผลบนใบหน้าส่งยิ้มด้วยความสะใจจนหน้าเบี้ยว
“ยังกล้าเห่ามาได้ทั้งที่แพ้มาเป็นสิบครั้งนี่นะ......ฉันนับถือในความหน้าหนาของแกจริงๆว่ะไนล์ เป็นฉันคงไม่กล้าเสนอหน้ามาอ้อนตีนทุกสองสามวันทั้งๆที่รู้ว่าสู้ไม่ได้อย่างพวกแกจริงๆ น่าขายหน้าชะมัด” นานาบะส่งยิ้มเรื่อยเฉื่อยตามแบบฉบับของเธอไปให้ฝ่ายนั้น ราวกับว่าคำพูดเหน็บแนมเมื่อครู่นี้ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย
“ยัยผู้หญิงผิดเพศทึนทึก หุบปากไปซะ!!!” ฝ่ายนั้นตะโกนตอบกลับมาเสียงดัง
หนอย!!!!! ว่าอะไรก็ว่าได้ แต่มาว่ากันว่าเป็นผู้หญิงผิดเพศทึนทึก นานาบะไม่ยอมหรอกนะเฟ้ย!!!!
“อะไรวะ ฉันมันผิดเพศตรงไหน ฉันมีทุกอย่างที่ผู้หญิงพึงจะมีนะเฟ่ย.....ออกจะมีมากกว่าปกติด้วยซ้ำ” กำหมัดแน่นพร้อมกับสาวเท้าเข้าไปใกล้ด้วยความโมโห แต่กลับถูกมือใหญ่ของเพื่อนรั้งไหล่ไว้เสียก่อน
รีไวแทรกตัวขึ้นมาขวางหน้านานาบะกับฝ่ายตรงข้ามไว้ แล้วเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันจะไม่เสียเวลาเล่นกับแกมากไปกว่านี้อีกแล้ว นี่จะเป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ไนล์ ถ้าพวกแกแพ้จงไสหัวไปซะ อย่าโผล่หน้ามาวุ่นวายกับพวกฉันอีก”
“ได้.....ถ้าพวกเราแพ้ ฉันจะไม่วุ่นวายกับแกอีก”
“สัญญาระหว่างลูกผู้ชาย อย่ากลืนน้ำลายตัวเองเชียวล่ะไนล์ แม้แต่หมามันยังมีความซื่อสัตย์ เกิดเป็นคนทั้งที แกอย่าทำตัวให้อายหมามันเข้าล่ะ”
“เออ.....ฉันรู้หรอกนะ เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันเลยเตรียมของเล่นพิเศษมาให้แกว่ะเตี้ย เฮ้ย!!! ส่งไททันไป”
ทันทีที่จบคำ ชายร่างบึ้กสูงใหญ่ราวๆเกือบสองเมตร กล้ามตามร่างกายขึ้นเป็นลูกแน่นๆใบหน้าเหี้ยมเกรียมก็เดินแหวกฝ่าพวกโรงเรียนเฮบิออกมา ดูๆไปแล้ว ราวกับชายคนนี้หลุดออกมาจากสนามมวยปล้ำเลยทีเดียว มิเกะยิ้มเยาะด้วยความพอใจ
“ไอ้นี่....ฉันขอว่ะ” ตั้งท่าจะเดินออกไปประจันหน้าแต่กลับถูกขวางเอาไว้เสียก่อน
“ถ้าเป็นปกติ ฉันจะยกให้นายเล่น แต่ตอนนี้ฉันกำลังรีบว่ะมิเกะ.....ฉันต้องทำเวลา” ว่าพลางก้มลงหยิบท่อนไม้แห้งๆที่นอนแอ้งแม้งอยู่ใกล้ๆเท้าขึ้นมากระชับไว้ในมือทั้งสองข้าง
“ไอ้ยักษ์สมองกลวงนี่!!!! ฉันจัดการเอง”
เดินเข้าไประจันหน้ากับศัตรูที่มีความแตกต่างของความสูงถึงเกือบสี่สิบเซนติเมตร รีไวเงยหน้ามองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตานิ่งเฉยกำท่อนไม้ในมือทั้งสองข้างไว้แน่น อีกฝ่ายเองก็ก้มหน้ามองเขาแล้วหัวเราะหึๆๆ
“แกอยากถูกฉันตบด้วยมือซ้ายหรือขวากันวะเตี้ย.....ฉันจะได้จัด....อุ่ก!!!”
พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีอันต้องทรุดร่วงลงไปกองกับพื้นเมื่อเจอคลุกวงใน รีไวมุดตัวเข้าไปประเคนเข่าใส่ชายร่างยักษ์ตรงหน้าจนตัวงอแล้วตวัดศอกเสยปลายคางอีกฝ่ายจนหน้าหงาย อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำกำลังจะหงายหลังลงกับพื้นสไลด์ตัวอ้อมไปด้านหลังแล้วหวดไม้ผุๆในมือเข้ากับท้ายทอยของชายร่างยักษ์เต็มแรงจนหักกระจุย ชายผู้นั้นทรุดตัวล้มคว่ำลงกับพื้นจนฝุ่นคลุ้งน้ำลายไหลยืด ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน เพราะการต่อสู้นี้เกิดขึ้นเพียงสามกระบวนท่าเท่านั้นและก็จบลงอย่างรวดเร็ว
ก็พอจะรู้อยู่ว่ามันเก่ง......แต่นี่มันจะไม่เร็วเว่อเกินไปหน่อยรึไงฟระ!!!!!
“ฉันฟาดมันที่ท้ายทอย แค่สลบเท่านั้น ถ้าฉันตีมันสูงกว่านี้ซึ่งเป็นฐานกะโหลกหรือที่ข้างศีรษะตรงทัดดอกไม้ก็จะเป็นจุดตาย ทางที่ดีพวกแกรีบพาเจ้ายักษ์นี่ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลจะดีกว่านะ ฉันขอแนะนำ”
พวกโรงเรียนเฮบิถึงกับหน้าซีด รีไวยกไม้ในมือขึ้นชี้หน้าชายหน้าบากแล้วพูดต่อ
“ฉันบอกแล้วนะว่าฉันรีบ.....เพราะฉะนั้นต่อไปเป็นคิวของแกแล้วไนล์........เตรียมตัวตายได้เลย”
ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงอย่างหมดแรง ในขณะที่แจนมันนั่งอยู่ใกล้ๆช่วยถือน้ำแข็งโปะเบ้าตาทั้งสองข้างให้ผม
“แก....ดีขึ้นยังวะ”
มันเอ่ยถามเบาๆ ผมพยักหน้ารับ แต่หยดน้ำยังคงรินไหลออกจากหางตาไม่หยุด ผมเองก็ชักจะไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นหยดน้ำจากน้ำแข็งละลายหรือเป็นหยดน้ำตาของผมกันแน่.......
“แกกลับก็ได้นะแจน ฉันอยู่คนเดียวได้” ผมพูดกับมันเสียงบู้บี้
“ไม่หรอก ฉันอยู่กับแกดีกว่า” ปล่อยไว้คนเดียวยิ่งน่าเป็นห่วง.......
“ขอบใจว่ะเพื่อน.....”ผมหันไปยิ้มให้มัน น้ำตาไหลออกมาอีกแล้วสิเนี่ย
“เออ....อย่าคิดมากเลย” จะดีกว่านี้ถ้าแกไม่เห็นฉันเป็นแค่เพื่อน
“เวลาแบบนี้แหละ.....’เพื่อน’ คนนี้จำเป็นกับแกที่สุด”
แจนมันยิ้มแล้วลูบหัวผมเบาๆ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีใครสัมผัสผมแบบนี้ รู้สึกจะเป็นอาทิตย์แล้วสินะตั้งแต่พี่รีไวหายไปจากสาระบบชีวิตผม ผมยื่นมือไปหามัน
“ขอฉันจับมือแกหน่อยได้มั้ยวะ” ผมถามมันขณะที่แจนมันยื่นมือมากุมมือผมไว้แน่น
“เรื่องแค่นี้เอง.....มากกว่านี้ฉันก็ทำให้แกได้” ผมซุกหน้าลงซบกับมือของมันตอบเสียงเบา
“ขอบใจว่ะแจน......ขอบใจแกจริงๆ”
พอผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาดึกแล้ว แย่ล่ะ.....ผมเผลอหลับไป ก้มมองมือตัวเองที่ถูกเอเลนกุมจนชื้นเหงื่อชุ่มไปหมด
ทำไมตัวมันร้อนๆชอบกล.........
ผมยกมือขึ้นอังหน้าผากมัน.......ตัวร้อนจี๋......นี่มันเครียดจนไข้ขึ้นเลยเหรอ เอเลนมันนอนกระสับกระส่ายคงจะไม่สบายตัวเพราะเหงื่อออก ผมลุกขึ้นไปรื้อชุดนอนในตู้เสื้อผ้าแล้วยกเอาอ่างน้ำกับผ้าขนหนูเข้ามาในห้องนอนของมัน ถอดเสื้อผ้าชุดนักเรียนที่ชื้นเหงื่ออกแล้วเช็ดตัวให้มันด้วย หวังว่าอุณหภูมิกายที่สูงปรี๊ดนี่จะลดลงบ้าง เช็ดตัวเสร็จก็สวมชุดนอนชุดใหม่ให้ เอเลนดูสงบลงเล็กน้อย แต่ตัวก็ยังรุมๆอยู่ ผมบิดผ้าขนหนูหมาดๆแล้ววางโปะบนหน้าผากมัน
“พี่ครับ......ผมรักพี่.....”
มันละเมอออกมาเสียงเบา บางทีอาจจะฝันถึงไอ้พี่เตี้ยอยู่ก็เป็นได้.....หนอย...ไอ้มารฝันเอ้ย......มันน่านัก....มันน่าชกให้หน้าหล่อๆนั่นมันแหกไปเลย แต่ถ้าชกกันจริงๆคนที่แหกก็คงไม่พ้นผมล่ะ
“พี่ครับ.....”
มันละเมอขึ้นมาอีก ผมแตะริมฝีปากบางของมันเบาๆ
“แกจะเรียกหาคนที่เขาไม่สนใจแกไปทำไมเอเลน”
“ผมรักพี่” ลมหายใจอุ่นๆกระทบมือผม ผมก้มหน้าลงอยากจะสัมผัสกลีบปากบางนั่นสักครั้ง
“ฉันก็รักแก....เอเลน” ก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกัน ผมตัดสินใจเลื่อนริมฝีปากไปจูบหน้าผากของมันแทนแล้วเอ่ยกับมันยิ้มๆ
“เพราะฉันรักแก ฉันจะไม่เอาเปรียบแก หากว่าแกไม่ยินยอมด้วยตัวแกเอง ฉันก็จะไม่ทำ” บิดผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆแล้วโปะลงบนหน้าผากมันเบาๆ
“หิวว่ะ......ไปเซเว่นดีกว่า.......”
ด้วยความที่หิวจัดผมแทบจะหอบเอาของกินทุกอย่างที่ขวางหน้ายัดลงตะกร้า สาบานได้ว่าผมกินพวกนี้มันหมดแน่ๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะกินคนเดียวหรอกนะ เพราะผมซื้อไปฝากเอเลนมันด้วย ตื่นขึ้นมามันคงหิวแน่ๆ
ขณะที่กลับจากเซเว่น ผมเดินสวนทางกับพวกนักเลงหัวไม้กลุ่มหนึ่ง พวกนั้นแต่งเครื่องแบบของโรงเรียนเฮบิท่าทางสะบักสะบอมกันน่าดูทีเดียว
“จะกี่ครั้ง กี่ครั้งก็ไม่เคยชนะพวกมันเลย..น่าโมโหจริงๆ” หนึ่งในพวกมันบ่นอย่างหัวเสียพร้อมถุยน้ำลายเปื้อนเลือดลงพื้น
“เราเล่นมันซึ่งๆหน้าไม่ได้หรอก พวกนั้นมันบ้าพลัง มีแต่พวกเดนตายทั้งนั้น โดยเฉพาะไอ้เตี้ยนั่น วันนี้มันน่ากลัวเป็นบ้า อย่างกับจะฆ่าพวกเรา”
ผมรู้สึกสะดุดหูกับคำว่า ’ไอ้เตี้ย’ นั่นเหลือเกิน ผู้ชายตัวเตี้ยแต่แข็งแกร่งในโลกนี้มันจะมีสักกี่คนกันเชียววะ!!!
“ขนาดไอ้เจ้าไททันยังถูกมันเล่นเสียหมอบนอนพะงาบอยู่ในห้องไอซียูเราเล่นมันซึ่งๆหน้าไม่ได้หรอก ถอยกันก่อน .....แล้วค่อยหาทางลอบกัดมันทีหลัง ตอนนี้พักฟื้นกันก่อนค่อยว่ากันใหม่” ชายหนุ่มที่มีรอยบากอยู่ใต้ตาซ้าย หน้าตาบวมช้ำที่แขนสองข้างพันผ้าพันแผลไว้เอ่ยเสียงดังด้วยความฉุนเฉียว
“ลูกพี่......แต่ลูกพี่รับปากไอ้เตี้ยนั่นแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะเลิกยุ่งกับมันอีก นี่ถ้าลูกพี่กลับคำ ก็เลวกว่าหมาอีกนะ”
“ไอ้ห่าน ฉันจำได้หรอกเว่ยว่าพูดอะไรไปบ้าง......ฉันรับปากแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับมันอีก แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ยุ่งกับคนรอบตัวมัน ถ้าเล่นมันซึ่งๆหน้าไม่ได้ ก็ต้องเล่นคนใกล้ตัวมันแทนนั่นแหละเว่ย!!!!”
ผมค่อยๆเดินออกห่างจากคนกลุ่มนั้นมาเงียบๆ......ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราหรอกน่า……
เสียงเคาะประตูแต่เช้าตรู่ทำให้ผมที่ฟุบอยู่บนโซฟาต้องงัวเงียลุกออกไปเปิด และสิ่งแรกที่ผมไปเจอก็คือหมัดเสยตรงเข้าปลายคางผมหงายหลังลงกับพื้นเห็นดาวเต้นระบำ รู้สึกถึงแรงหน่วงๆที่คอ
“แกมาแก้ผ้าทำอะไรที่ห้องเอเลน”
ป....เปล่านะ........ผมพยายามจะตอบแต่แรงมือที่บีบอยู่บนคอทำให้ผมพูดไม่ออก ผมได้แต่ดิ้นปัดป่ายอยู่บนพื้น สะเปะสะปะจนไปชนแจกันล้มแตกลงกับพื้นเสียงดัง
“แจน!!!!” เอเลนที่เพิ่งจะงัวเงียลุกจากที่นอนตรงเข้ามาแยกผมออกจากไอ้พี่เตี้ยบ้าเลือดนี่ก่อนที่มันจะบีบคอผมตาย ผมสูดหายใจเข้าลึกๆชดเชยออกซิเจนที่ขาดไป
“พี่ทำอะไร....พี่ทำร้ายแจนทำไมครับ” เอเลนที่เสียงแหบเสียงแห้งพยายามเปล่งเสียงตวาดใส่ไอ้พี่เตี้ย พี่เตี้ยจ้องหน้าผมแล้วหันไปมองเอเลน
“แล้วเราล่ะ ทำอะไรอยู่......” พี่เตี้ยมันถามเสียงเข้ม มองผมที่อยู่ในสภาพนุ่งบอกเซอร์ตัวเดียวกับเอเลนที่สวมชุดนอนแต่ก็หลุดลุ่ยซะ.........เอเลนหน้าเจื่อนลงทันที
“พี่ครับ.....ไม่ใช่นะครับ.....”
“...............” พี่เตี้ยหรี่ตามองหน้าเราทั้งสองคน ท่าทางแบบนั้นมันคงไม่ฆ่าผมกับเอเลนหมกส้วมหรอกใช่มั้ยเนี่ย!!!!
“พี่ครับ พี่รีไว พี่ฟังผมก่อนนะครับ” เอเลนน้ำตาซึมเดินเข้าไปหาเกาะแขนพี่เตี้ยไว้แต่กลับถูกปัดออกจนล้มเซลงไปกองกับพื้นเพราะเพลียจากพิษไข้
“พี่ก็ไม่อยากจะคิดว่าเด็กดีของพี่จะทำตัวเหลวไหลแบบนี้หรอกนะ......แต่พี่เชื่อสิ่งที่พี่เห็น.....” พี่เตี้ยเดินออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูดังปัง!!!! แต่ผมกลับรู้สึกว่าเสียงหัวใจที่แตกสลายของเอเลนมันดังกว่าเสียงประตูหลายเท่านัก
“เอเลน....เฮ้ย....เอเลน” ผมรีบประคองมันไว้ก่อนที่มันจะล้มฟาดพื้น จู่ๆมันก็หน้ามืด แข้งขาก็พาลอ่อนแรงไปหมด เหนื่อยจนลืมตาแทบไม่ขึ้น
“พี่รีไวครับ พี่.....ฟังผมก่อน” เอเลนพึมพำเสียงเบา
“ไอ้บ้าเอ้ย.....อะไรจะงี่เง่ากันขนาดนี้วะ” ผมสบถขณะที่อุ้มเอเลนเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง
สัมผัสอุ่นๆที่แก้มทำให้ผมลืมตาขึ้น
“พี่รีไว?” พี่รีไวกำลังเช็ดตัวให้ผมอยู่
“แกไข้กลับนะเอเลน นอนต่อเถอะ” พอผมกระพริบตาอีกครั้งพี่รีไวกลับกลายเป็นแจน
“แกยังไม่ไปเรียนอีกเหรอ” ผมเอ่ยถามมันเสียงเบา รู้สึกเพลียมาก
“ฉันขออยู่เฝ้าแกดีกว่า.....”
“แกไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรอกนะแจน” ผมพูดกับมันทั้งๆที่รู้สึกง่วงมาก
“ฉันปล่อยแกไว้คนเดียวไม่ได้จริงๆว่ะเอเลน”
ผมได้แต่เงียบเพราะคำพูดที่แสดงถึงความห่วงใยประโยคนั้นแล้วยิ้มให้มันแทนคำขอบคุณ ตั้งแต่เล็กจนโตถึงจะแกล้งกัน ทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ แต่ข้างๆกายผมนอกจากพี่รีไวแล้วก็มักจะมีแจนอยู่ข้างๆผมเสมอ แม้แต่ในวันที่พี่รีไวหันหลังให้ผมแบบนี้แจนก็ยังคงคอยอยู่ข้างๆผมเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
“พี่รีไว กลับมาบ้างหรือเปล่า”
“ตั้งแต่ออกจากห้องไป พี่เตี้ยก็ไม่ได้โผล่หน้าเข้ามาอีกเลยว่ะ”
“เขาโกรธฉันมากเลยใช่มั้ยวะ แจน.....พี่รีไว โกรธฉันมากๆ เขาไม่เคยปัดมือฉันมาก่อนเลยนะเว่ย ไม่เคยเลยสักครั้ง” ผมพูดกับมันเสียงเบา พยายามเป็นอย่างมากที่จะกลืนก้อนสะอื้นที่มันจุกอกลงไป เพราะมือใหญ่คู่นั้นไม่เคยเลยสักครั้งที่จะแสดงท่าทีปฏิเสธผมอย่างรุนแรงเช่นในวันนี้
“ไม่เป็นไร แกนอนไปเถอะ ฉันจะอยู่ข้างๆแกเอง” แจนมันพูดกับผมเสียงเครือ ทั้งๆที่ผมพยายามที่จะไม่ร้องกลับกลายเป็นแจนที่ร้องไห้เสียเอง......ไอ้เพื่อนบ้าเอ้ย!!!!
ก่อนที่ผมจะหลับไปผมรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆบนหน้าผาก ผมรู้สึกไปเองมั้ยนะ หรือว่าแค่ฝันไป
เอเลนมันหลับไปแล้วตอนที่ผมแอบจูบหน้าผากมันอีกครั้ง ไอ้พี่เตี้ยนั่น..... มันน่าโมโหชะมัด ที่เอเลนมันตรอมใจขนาดนี้เป็นเพราะใคร......ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ผมรู้สึกสงสารมันจริงๆ เอเลนมันรักพี่เตี้ยขนาดนั้น เจอเข้าแบบนี้มันต้องทรมานใจมากแน่ๆ สำหรับผมแล้วจะอะไรก็ไม่สำคัญมากไปกว่าความสุขของเอเลนหรอกนะ เอเลนมันสำคัญต่อผมที่สุดแล้ว
ผมยอมเจ็บ......แต่จะไม่ยอมให้เอเลนมันต้องเจ็บเป็นอันขาด!!!
ผมตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้องข้างๆ เพียงไม่นานเจ้าของห้องก็มาเปิดประตู พอเห็นหน้าผมเขาก็แทบจะปิดประตูกระแทกหน้าผมทันที
“ผมมีเรื่องจะคุยกับรุ่นพี่ครับ” ผมรีบดันประตูไว้แล้วตะโกนเข้าไปหาคนในห้อง
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแก” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมดังมาจากในห้อง
“แต่เรื่องที่ผมจะพูดเนี่ย มันสำคัญนะครับ” ผมพยายามดันประตูไว้จนเท้าฟรีลื่นไถลไปกับพื้น ไอ้พี่เตี้ยนี่โคตรแรงควายเลยจริงๆ
“แกโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นไม่กลัวตายรึไง!!!”
“รุ่นพี่จะต้องเสียใจแน่ๆ ถ้าฆ่าผมก่อนที่จะฟังผมพูด ผมจะมาคุยกับพี่เรื่องเอเลน”
พอได้ยินชื่อของเอเลนหลุดออกมาก็ดูเหมือนว่าไอ้พี่เตี้ยมันจะยอมอ่อนลง เขาใช้เท้าถีบประตูเปิดออกดังปัง!!!!จ้องหน้าผมตาไม่กระพริบ พี่เตี้ยกอดอกยืนนิ่งๆ ดูเหมือนเขากำลังพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ยื่นมือมาคว้าคอผมเป็นอย่างมาก
“ระหว่างผมกับเอเลน ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย เอเลนเป็นไข้ ผมเป็นห่วงมันก็เลยนอนเฝ้ามันอยู่ที่นี่” เขายังคงนิ่งกับคำบอกเล่าของผม
“ถ้ารุ่นพี่ไม่เชื่อผม อย่างน้อยๆก็ควรจะเชื่อมัน....คนอย่างเอเลนมันหลอกใครไม่เป็น โดยเฉพาะรุ่นพี่”
“เอเลนเป็นอะไร.....”
“มันร้องไห้ฟูมฟายตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพราะรุ่นพี่ทำเมินใส่มัน มันตรอมใจจนไข้ขึ้นสูงผมก็เลยช่วยเช็ดตัวเฝ้าไข้ให้มัน ไม่ได้มีอะไรเกินเลยจริงๆ”....เอ่อ....ไม่นับรวมจูบนะ
“...............” พี่เตี้ยครับ พูดอะไรบ้างสิครับ เงียบแบบนี้ ผมเสียวสันหลังนะครับ
“รุ่นพี่ไม่อยู่ เอเลนมันก็ไม่สบาย ผมปล่อยมันไว้คนเดียวไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเอเลน เพราะเอเลนมันไม่ได้ทำอะไรเลย และไม่ใช่ความผิดของผม เพราะผมอยู่กับเอเลนในฐานะเพื่อนที่คอยดูแลเพื่อนเท่านั้น แต่คนที่ผิดก็คือรุ่นพี่......พี่ที่หนีมันไปทิ้งมันเอาไว้ให้เวิ่นเว้ออยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ผมเว้นช่วงเพื่อพักหายใจก่อนจะพูดต่อรัวเร็ว
“ในระหว่างที่รุ่นพี่ไม่อยู่ ถ้าผมกับเอเลนจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปพี่ก็ไม่มีสิทธิ์จะโทษใครได้ นั่นมันเป็นเพราะรุ่นพี่ดูแลคนของตัวเองไม่ดีพอเอง......แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถึงพี่จะทิ้งจะขว้างมันยังไง เอเลนมันก็ยังร้องหาแต่พี่คนเดียวอยู่ดี”
พี่เตี้ยเงียบไปสักพักก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา
“ฉันไม่ได้ทิ้งเอเลน”
“แต่เอเลนมันก็ติดต่อพี่ไม่ได้เลยเป็นอาทิตย์ ไม่รู้เลยว่าพี่ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน”
“ฉัน ไม่อยากให้เอเลนต้องเป็นห่วง กับสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่”
“แต่พี่ก็ทำให้มันกินไม่ได้นอนไม่หลับมาเป็นอาทิตย์แล้ว.......เอาเถอะครับ ที่ผมมาไม่ได้จะละลาบละล้วงอะไรเรื่องของรุ่นพี่หรอก แค่อยากจะมาบอกว่า ผมกับเอเลนไม่ได้มีอะไรกัน และตอนนี้เอเลนมันกำลังไข้ขึ้นเพ้อหาพี่ไม่หยุด ถ้าไม่เชื่อ.......ก็รบกวนพี่เข้าไปดูอาการมันด้วยตาของตัวเองด้วยแล้วกัน”
ได้แต่คอยเฝ้ามองประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่ไกลๆ คนหล่อถึงกับสะอื้นในใจ....คอตกแบกกระเป๋ากลับบ้านด้วยความห่อเหี่ยว
ชีวิตข้านี่มันน่าอนาถยิ่งกว่าหมาเห่าเครื่องบิน......มีเครื่องบินมาจอดรออยู่ตรงหน้ายังไม่มีโอกาสได้ขี่ แม้แต่จะฉี่จองล้อก็ยังไม่มีสิทธิ์.......
อยู่ดีไม่ว่าดีก็ดันสะแหลนไปปรับความเข้าใจให้คนที่ตัวเองแอบชอบกับศัตรูหัวใจเสียนี่.....งี่เง่าชะมัด ได้แต่ยิ้มให้กับตัวเองด้วยความสมเพช
“เอ็งนี่มันโคตรพระเอกเลยว่ะแจน.......เป็นคนดีจนน่าหมั่นไส้” พึมพำกับตัวเองเสียงเบาก่อนจะเงยหน้าขึ้นตะโกนใส่ท้องฟ้าเสียงดังจนหมาที่คุ้ยถังขยะอยู่ข้างทางถึงกับสะดุ้ง
“แล้วเมื่อไหร่สวรรค์จะทำให้คนดีๆแบบผมสมหวังบ้างไม่ได้ล่ะครับ!!!”
..........ก็ไม่รู้สินะ.......บางที อาจจะเป็นเร็วๆนี้ก็เป็นได้............
ความคิดเห็น