หลายปีมาแล้ว เพื่อนคนนึงเคยถามผม
"เฮ้ย ทำไมถึงอยากเป็นนักเขียนวะ? ไปเป็นหมอหรือทำธุรกิจไม่ดีกว่าหรอ?"
ตอนนั้นผมเอานิยายที่ผมแต่งเองให้มันอ่านเป็นครั้งแรก ผมจำได้ว่าสายตาของมันตอนนั้นมองผมแบบแปลกใจมาก เพราะแทนที่จะสนใจอาชีพที่มั่นคงอย่างรับราชการหรืออาชีพที่มีโอกาสเป็นเศรษฐีหน้าใหม่อย่างทำธุรกิจส่วนตัว แต่ผมกลับมีความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียนแฟนตาซี ที่ไม่มีทั้งรายได้หรือสวัสดิการที่แน่นอน รวมไปถึงโอกาสที่จะรวยมหาศาลด้วยเช่นกัน
และดีไม่ดี อาจจะไม่มีใครอ่านนิยายของผมด้วยซ้ำ
"ก็เพราะว่าชอบอ่ะดิ อีกอย่างถ้าไม่มีอาชีพนักเขียน ใครจะเขียนนิยายสนุกๆให้เด็กรุ่นใหม่อ่านกันวะ? รวมไปถึงหนังสือที่กระทรวงเอามาออกข้อสอบโอเน็ตด้วยนะเว้ย ฮ่าๆๆ"
"ไม่มีก็ดี จะได้ไม่ต้องสอบ"เพื่อนของผมขมวดคิ้ว เบ้ปากทำหน้าตายู่ยี่ "สมัยนี้ใครจะยังอ่านนิยายกันอยู่วะ? ไร้สาระน่า เอาจริงๆนะเว้ย เดี๋ยวนี้เค้าไม่อ่านนิยายกันแล้ว ยิ่งนิยายแนวแฟนตาซีแบบที่แกเขียนเนี่ยยิ่งแทบจะไม่มีคนอ่านเลย คือแบบ.. แมร่งเพ้อฝันไปว่ะ"
มันยื่นสมุดนิยายของผมคืนกลับมาแล้วยังไม่วายบ่นต่อ(ด้วยความหวังดี)
"หรือว่าท่าแกจะมาแนวนี้จริงๆ อย่างน้อยก็วาดเป็นการ์ตูนไปเลยดีกว่าว่ะ อย่างน้อยเด็กๆมันก็ยังพออ่านอยู่บ้าง"
"ไม่ล่ะ ไม่ได้วาดรูปเก่งขนาดนั้น"
เสียงกริ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเวลาพักเที่ยงได้หมดลงแล้ว เพื่อนผมลุกขึ้นพร้อมกับถือสมุดการบ้านของผมที่เจ้าตัวออกปากขอยืมตั้งแต่ยังไม่จบคาบไว้ในมือ
"หมดคาบพักเที่ยงละ เอาไว้เจอกันในคาบนะเว้ย ขอบใจสำหรับการบ้าน"
"อืม เอาเลขไปลอกแล้วอย่าลืมส่งการบ้านให้ด้วยนะ"ผมยิ้มในขณะที่มองส่งแผ่นหลังนั้นไปจนลับสายตา ก่อนที่จะก้มลงมองสมุดสีฟ้าที่นอนนิ่งอยู่ในมือ สมุดเล่มนั้นมีตัวอักษรเขียนเอาไว้ชัดเจนว่า Black Cat ชื่อของนิยายเล่มแรกของผมที่เขียนเนื้อเรื่องด้วยมือ และผมเองก็พึ่งจะแต่งไปได้เพียงไม่กี่ตอนเท่านั้น
'สมัยนี้ใครมันยังอ่านนิยายกันอยู่วะ?'แม้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีจะเดินหายไปจากสายตาแล้ว แต่คำพูดขวานผ่าซากนั้นยังคงดังก้องอยู่ภายในหัว แน่นอนว่าผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเก็บสมุด พร้อมกับเดินกลับห้องเพื่อเตรียมที่จะเรียนในวิชาต่อไป
ที่เพื่อนผมพูดเตือนมา ผมรู้ดี.. ว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าขำเลย
ผมรู้ตัวดีว่าเส้นทางที่ผมเลือกเดินมันเสี่ยงแค่ไหนที่จะพบกับความล้มเหลวและความผิดหวัง
และผมก็รู้.. ว่าการที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเขียนที่มีคุณภาพได้นั้นมันยากสักแค่ไหน
ในนักเขียนนับร้อยพันคน จะมีสักกี่คนกันที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นจนสะกดสายตาของคนรอบข้างได้ อาจจะมีแค่สิบ น้อยกว่าสิบ เพียงหนึ่ง หรืออาจจะไม่มีเลยก็เป็นได้
แต่ถึงกระนั้น ผมก็จะยังคงฝันกลางวันต่อไป ด้วยความหวังในใจว่าสักวันหนึ่งผมจะเขียนหนังสือที่สนุกสนาน และทำให้คนอ่านเพลินจนวางไม่ลงขึ้นมาให้ได้อย่างน้อยสักเล่มหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ผมจึงยังไม่หยุดที่จะวิ่งไล่ตามความฝัน ที่จะเป็นนักเขียนนิยายแฟนตาซีระดับแถวหน้า
ไม่ใช่แค่ระดับแถวหน้าของประเทศ แต่เป็นระดับแถวหน้าของโลกใบนี้..
เพราะผมเชื่อว่ามีแค่อาชีพเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนโลกทั้งใบได้ ด้วยปากกาแค่เพียง1แท่ง กับสมุดเพียง1เล่ม
อาชีพนั้นคือนักเขียน
ด้วยเหตุนั้น ผมถึงหยุดไม่ได้ และจะยังคงก้าวเดินตามความฝันต่อไปอย่างไม่มีวันหยุดเดิน อาจจะมีก้าวเร็วบ้าง ก้าวช้าบ้าง แต่ผมมั่นใจว่าการเดินทางนี้จะไม่มีการสิ้นสุดลงอย่างแน่นอน
อย่างน้อยก็จนกว่า.. ช่วงชีวิตที่แสนสั้นของของผมจะสิ้นสุดลง
แด่ความฝัน ความศรัทธา และความเชื่อ
เจ้าของนามปากกากวินโนเวีย
10 ก.พ. 60
**คำเตือน**
ถึงข้อมูลเบื้องต้นจะอ่านแล้วเหมือนดูดี แต่เนื้อหาด้านในทั้งรั่ว เกรียนและเสื่อมเข้าขั้นแย่เลยนะเออ! อย่าได้ถูกเปลือกนอกหลอกเอาง่ายๆล่ะ!!
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น