ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Guardian of Dragon เทพกระบี่มังกรจอมราชันย์

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 11 วีรบุรุษผู้กอบกู้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.55K
      77
      7 ก.พ. 60

    บทที่ 11 วีรบุรุษผู้กอบกู้


                แม้ว่าศึกประตูทางทิศเหนือจะจบลงแล้ว แต่บัดนี้รอบเมืองทางประตูทิศอื่นๆยังคงต่อสู้กับสัตว์อสูรอยู่ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จะคงประจำการอยู่ที่ประตูทางทิศเหนือเผื่อในกรณีฉุกเฉิน


                บัดนี้ซุนหย่งฉือผู้อาวุโสของตระกูลซุน ยังคงทำการสั่งการต่างๆบนกำแพงเมือง แม้ว่าจะจัดการอสูรหมดแล้วแต่เหตุการณ์ก็ยังไม่หน้าไว้วางใจ  ตอนนี้เขาเปรียบเสมือนผู้สั่งการในเวลาปัจจุบันที่ไม่มีทั้งสองผู้นำคอยกำกับดูแล ระหว่างที่เขากำลังจะให้คนส่งข่าวไปยังประตูทิศต่างๆว่าบัดนี้ประตูทิศเหนือได้รับชัยชนะแล้ว กลับปรากฏกองกำลังกลุ่มหนึ่งมุ่งตรงมาทางพวกเขา นำโดยผู้อาวุโสสามของสถาบันวิญญาณฟ้า กองกำลังที่นำมาแม้จะไม่ได้มากมาย หากแต่กะประมาณคร่าวๆพบว่ามีประมาณร้อยกว่าคน


                กองกำลังทั้งหมดเริ่มลงจากหลังม้า ผู้อาวุโสสามรวมถึงคนอื่นๆล้วนมีแววตาฉงนและแปลกใจ นอกจากเศษซากความเสียหาย พวกเขาไม่พบสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว พวกเขาพบแต่ผู้คนที่กำลังเก็บกวาดความเสียหายและคนเจ็บที่มีทั้งรอการรักษาและกำลังรักษาอยู่แต่เพียงเท่านั้น ไม่นานนัก ซุนหย่งฉือรีบเดินเข้าไปหาพวกเขาทันที


                ขอบคุณผู้อาวุโสสามแห่งสถาบันวิญญาณฟ้าที่อุส่ามา


                ซุนหย่งฉือเมื่อมาหยุดยืนต่อหน้าผู้อาวุโสสาม เขาทำการคาราวะผู้อาวุโสสามทันที


                การต่อสู้จบแล้วรึ พวกท่านกำจัดพวกมันได้หมดแล้ว ผู้อาวุโสถามด้วยความแปลกใจ สายตายังคงกวาดตามองไปรอบๆ


                ขอรับทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว บัดนี้ประตูทางทิศเหนือปราศจากอสูรร้ายแล้วขอรับ แต่เนื่องจากทั้งผู้นำซุนและผู้นำหลินได้รับบาดเจ็บสาหัด จึงเป็นข้าเองที่คอยสั่งการที่นี่


                หลังจากนั้นซุนหย่งฉือก็เล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้พูดถึงจินหลงเลยแม้แต่น้อย เขาบอกแค่เพียงว่ามีผู้เชี่ยวชาญลึกลับมาช่วยพวกเขาทั้งหมดไว้ หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนนั้น ประตูทิศเหนือคงแตกไปแล้ว


                เมื่อได้ฟังดังนั้น ผู้อาวุโสสามจึงบอกให้ซุนหย่งฉือดูแลประตูทางทิศเหนือต่อไป โดยที่ไม่ต้องส่งกำลังไปทางประตูทิศอื่นๆ เนื่องจากพวกสัตว์อสูรอาจจะอ้อมมาทางประตูทิศเหนืออีกก็เป็นได้ หลังจากคุยกันเสร็จเรียบร้อย ผู้อาวุโสสามจึงรีบนำกองกำลังไปสบทบกับประตูทิศอื่นๆแทน เนื่องจากยังคงเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงอยู่


                จริงๆแล้วแม้ว่าประตูทิศเหนือจะมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง แต่มันกลับเป็นประตูที่น่าจะถูกตีแตกได้เร็วที่สุด เพราะว่าจำนวนผู้ฝึกยุทธ์ที่อาศัยอยู่แถบประตูทิศเหนือค่อนข้างน้อย มีกำลังคนเพียงแค่หนึ่งในสามเมื่อเทียบกับประตูทางทิศอื่นๆ เมื่อผู้อาวุโสสามเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างที่จะวางใจ ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญคนนั้นจะเป็นใคร แต่เขาคือหนึ่งในวีรบุรุษที่ช่วยเมืองนี้ไว้

     



                เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งวันเต็มตั้งแต่พวกสัตว์อสูรบุก แน่นอนชัยชนะเป็นของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากเมืองวายุจันทรา แต่ต้องแลกมาด้วยความเสียหายอย่างใหญ่หลวง สิ่งก่อสร้างภายในเมืองรวมไปถึงสถาบันวิญญาณฟ้าเองก็ค่อนข้างที่จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้อันรุนแรง แต่ทรัพย์สินสิ่งก่อสร้างที่เสียหายเหล่านั้นไม่ได้สร้างบาดแผลในจิตใจของผู้คนในเมืองได้เท่ากับผู้คนที่สละชีวิตปกป้องเมืองนี้ไว้ บรรยากาศภายในเมืองเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ญาติพี่น้องของพวกเขาหลายคนต้องตกตายไป นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว


                ด้วยการนำของเจ้าเมืองวายุจันทรา ทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกจากนี้เจ้าเมืองยังคงช่วยปลอบขวัญและให้กำลังใจกับเหล่าผู้สูญเสียเหล่านั้น และได้ออกประกาศให้วางกำลังบางส่วนไว้รอบเมือง ให้ตรวจสอบอย่างละเอียด ทำการสังเกตการณ์เผื่อว่าพวกอสูรจะย้อนกกลับมาอีก และยังสั่งให้แบ่งกำลังคนทั้งผู้ฝึกยุทธ์และชาวบ้านธรรมดามาช่วยกันฟื้นฟูซ่อมบำรุงอาคารต่างๆที่ได้รับความเสียหาย และตัวเมืองเองก็ลงมาร่วมซ่อมบำรุงสถานที่ต่างๆด้วยเช่นกัน ด้วยความเมตตาเหล่านั้น นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คนในเมืองนั้นรักและเคารพเจ้าเมืองเป็นอย่างมาก

     


    1 อาทิตย์ต่อมา


                หลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ สิ่งที่ทำให้คนจากตระกูลซุนและตระกูลหลินยินดีที่สุดคือ ผู้นำของตระกูลทั้งสองได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว รวมถึงจินหลงด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งสามคน ได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดจากตระกูลหลินที่มีธาตุแสงนั่นเอง ธาตุแสงเป็นธาตุที่ใช้สำหรับการรักษา ทุกคนในตระกูลหลินจะมีพลังการรักษาโดยใช้พลังของธาตุแสงเป็นหลัก พวกเขาใช้ทั้งยาเม็ดวิญญาณแขนงต่างๆและใช้พลังธาตุแสงเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณภายในที่ได้รับความเสียหายและใช้สมุนไพรต่างๆมาสกัดเป็นตัวยาเพื่อนำมาปรุงยา และใช้ทาบาดแผลภายนอกที่บาดเจ็บรวมถึงบาดแผลไฟไหม้ต่างๆ


                เนื่องจากการดูแลรักษาจากผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหรือนักปรุงยาจากตระกูลหลินทำให้อาการทั้งสามดีขึ้นตามลำดับ คนที่ดูจะกระชับกระเฉงฟื้นตัวได้เร็วที่สุดเป็นจินหลง อาจจะเป็นเพราะเขายังหนุ่มยังแน่นอยู่ก็เป็นได้ทำให้เขาฟื้นฟูได้เร็ว


                เมื่อจินหลงรู้สึกตัวเขา เขาพยายามติดต่อกับจิตของเทพมังกรที่อยู่ในมิติกระบี่แต่กลับไม่ได้รับเสียงตอบกลับมาเลย จินหลงได้ย้ายตัวเองเข้ามาในมิติกระบี่ เมื่อเข้ามาถึงจินหลงกลับเห็นเทพมังกรหลับตาและนั่งขัดสมาธิอยู่ เพียงแต่เทพมังกรที่เขาเห็นตอนนี้กับมีร่างกายที่โปร่งใส ใบหน้าดูซีดขาว จินหลงพยายามเรียกเทพมังกรหลายครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาเลย เมื่อจินหลงจะเอามือไปสัมผัสตัวเทพมังกร มือของจินหลงกลับทะลุผ่านตัวเทพมังกรไป


                นี่มันอะไรกันทำไมข้าถึงสัมผัสตัวท่านอาจารย์ไม่ได้ล่ะ ทำไมท่าทางของท่านอาจารย์ไร้ชีวิตชีวาราวกับคนตายก็ไม่ปาน หรือว่าเป็นเพราะท่านอาจารย์ใช้พลังมากเกินไปจนเกิดผลกระทบกับพลังวิญญาณกัน


                ท่านอาจารย์ โปรดตอบศิษย์ด้วย ท่านเป็นเช่นใดบ้าง


                จินหลงยังคงพยายามเรียกอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาเลย ร่างของเทพมังกรยังคงโปร่งใสเช่นเดิม หลังจากเวลาผ่านไปทุกครั้งเมื่อมีโอกาสจินหลงจะร้องเรียกอาจารย์ของเขา บางทีจินหลงก็จะเข้ามาในมิติกระบี่เพื่อมาดูอาจารย์ของเขา แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม


               


                จินหลง ปู่ของเจ้าเรียกให้ไปหาน่ะ

                ระหว่างที่เข้ากำลังจะเดินไปที่สวน เสี่ยวซาก็เดินเข้ามาหา ตอนนี้ปู่ของเขาฟื้นจากอาการบาดเจ็บแล้วแต่ยังคงต้องพักฟื้นอยู่ในห้อง ดังนั้นจินหลงจึงเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังห้องนอนของปู่เขา


                หลังจากจินหลงฟื้นขึ้นมา ผู้คนในตระกูลรวมถึงผู้อาวุโสล้วนแต่แวะมาเยี่ยมเยียนจินหลงและถามจินหลงเกี่ยวกับพลังที่จินหลงใช้ในตอนนั้น ตัวจินหลงเองไม่สามารถบอกเรื่องราวเกี่ยวกับเทพมังกรรวมถึงเรื่องพลังนั้นได้ จินหลงจึงตอบกลับไปเพียงว่าตัวเขานั้นสลบไปตั้งแต่ตอนที่เกราะกำแพงภูผาของเขาพังลงหลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย เมื่อจินหลงยืนกรานเช่นนั้นหลายคนจึงได้แต่ถอนหายใจและเดินจากไป พวกเขา พวกเขาได้ลงความเห็นกันว่าอาจจะผู้เชี่ยวชาญคนอื่นที่ใช้พลังวิญญาณกำจัดพวกสัตว์อสูรแต่จินหลงดันบังเอิญถูกสัตว์อสูรโจมตีจนกระเดนลอยไปบนอากาศประจวบเหมาะกับตอนที่มีแรงดันวิญญาณมหาศาลสังหารสัตว์อสูรพอดี เพราะจากที่เขาสัมผัสถึงพลังวิญญาณของจินหลง จินหลงมีพลังวิญญาณเพียงแค่ชั้นกำเนิดลมปราณเท่านั้น ไม่มีทางที่จินหลงจะสามารถสังหารสัตว์อสูรได้ในพริบตาเช่นนั้น

               

                ข้ามาแล้วขอรับท่านปู่


                จินหลงเดินเข้าไปภายในห้องของปู่ของเขา ซุนลู่หยุนยังคงนั่งอยู่บนเตียงของเขา สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อได้ยินจินหลงที่ส่งเสียงเรียก เขาจึงถอนสายตาออกจากหน้าต่างและหันมาทางจินหลงแทน


                อืม หลานรัก ร่างกายเจ้าไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่


                แน่นอนท่านปู่ ข้านั้นหายดีแล้ว ท่านปู่เล่าเป็นเช่นใด ข้าทราบมาว่าท่านปู่บาดเจ็บภายในเสียยิ่งกว่าข้าและท่านปู่ห้าวไห่เสียอีก


                ฮ่าๆ ปู่ของเจ้าแข็งแรงเจ้าก็รู้ชายชราหัเราะออกมาเบาๆ พร้อมส่งยิ้มน้อยๆ


                แค่นี้ปู่ก็วางใจ จริงสิตั้งแต่ปู่ฟื้นขึ้นมาปู่ยังไม่ถามเจ้าเลยว่า เจ้าหายไปไหนมาเกือบหนึ่งปีมานี้เจ้าไปอยู่ที่ใด


                แม้จินหลงจะไม่อยากโกหกปู่ของเขาแต่เขาก็ไม่มีทางเลือก เรื่องเทพมังกรเป็นเรื่องที่ไม่สามารถบอกใครได้ จินหลงจึงบอกกล่าวกับปู่เขาเป็นอีกอย่างแทนที่จะบอกความจริงทั้งหมด


                ข้าติดอยู่ในหอตำราธาตุภูผา จินหลงกล่าวพร้อมส่งยิ้มแหยๆไปให้ปู่ของเขา จากนั้นจินหลงก็สร้างเรื่องว่าเขานั้นไม่ถูกเลือกจากตำรายุทธ์ที่อยู่ในหอฝึกวรยุทธ์เขาจึงทำการบ่มเพาะพลังอยู่ในนั้นเพื่อให้ตำราวรยุทธ์ที่อยู่ในนั้นเลือกเขาให้ได้ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนานถึงหนึ่งปี


                ข้าต้องขอโทษท่านปู่ด้วยที่ทำให้ท่านเป็นห่วง


                ซุนลู่หยุนขยับเข้าไปใกล้จินหลงก่อนจะลูบหัวจินหลงอย่างแผ่วเบา


                ไม่เป็นไร เอาเถอะๆ แค่เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะ


                ความรักความอบอุ่นความห่วงใยที่ถ่ายทอดมายังฝ่ามือมาที่หัวของจินหลง ทำให้จินหลงรู้สึกผิดอย่างมากที่ทำห้ปู่ของเขาเป็นห่วงขนาดนี้ หลังจากนั้นจินหลงก็นั่งพูดคุยกับปู่ของเขาหลายเรื่องรวมไปถึงเรื่องผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่กางอาณาเขตเกราะภูผาปกป้องทั้งสามคนไว้ด้วย


                เมื่อพูดถึงเรื่องนั้นจินหลงได้แต่ทำหน้าว่างเปล่าและแกล้งทำสีหน้าตกใจตื่นเต้น ตามปู่ของเขา ปู่ของเขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณผู้เชี่ยวชาญลึกลับคนนั้นมาก จินหลงถูกโจมตีจนกระเด็นลอยขึ้นไปบนฟ้า เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้เชี่ยวชาญนั้นใช้พลังในการสังหารสัตว์อสูรพอดี หากไม่เป็นเช่นนั้นจินหลงอาจจะตกตายด้วยฝีมืออสูรร้ายไปแล้ว


                หากมีโอกาสในภายภาคหน้า เจ้าจะต้องตอบแทนผู้เชี่ยวชาญคนนั้นนะรู้ไหม พวกเราตระกูลซุนล้วนเป็นหนี้ชีวิตเขาแล้ว


                จินหลงได้แต่พยักหน้ารับปากปู่ของเขา

     

                ทุกคนในเมืองวายุจันทราต่างทราบถึงเหตุการณ์ทางทิศประตูเหนือที่มีชัยเป็นที่แรกว่า มีผู้เชี่ยวชาญลึกลับโผล่เข้ามาช่วย ท่านเจ้าเมืองได้ออกคำสั่งให้ตามหาผู้เชี่ยวชาญคนนั้นให้ได้ เพราะเขาต้องการที่จะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ แต่ก็ไร้วี่แววเขาไม่สามารถหาข่าวเกี่ยวกับคนคนนั้นได้เลย แต่วีรกรรมของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้เล่าลือไปทั่วทั้งเมืองและผู้เขาได้เรียกผู้เชี่ยวชาญนั้นว่า วีรบุรุษผู้กอบกู้


                ตอนนี้สถาบันวิญญาณฟ้ายังคงได้รับความเสียจึงได้ปิดตัวลงชั่วคราวเพื่อทำการบูรณะ และซ่อมแซม เหล่าศิษย์ต่างๆได้ทยอยกลับบ้านเกิดหลังจากจบสงคราม ก่อนหน้านี้ศิษย์สถาบันวิญญาณได้ถูกแบ่งออกไปช่วยเหลือประตูเมืองทิศต่างๆ ส่วนคนที่มีพลังบ่มเพาะระดับต่ำจะช่วยเหลือเรื่องการอพยพและดูและชาวเมืองแทน ทำให้พวกไม่รู้เลยว่าครอบครัวของเขาเป็นเช่นใด เมื่อมีประกาศปิดสถาบันชั่วคราว เหล่าศิษย์ทั่วทั้งสถาบันจึงทยอยกันออกจากสถาบันเพื่อตรงกลับบ้านทันที


                เด็กหนุ่มคนหนึ่งมุ่งตรงกลับไปยังบริเวณอาณาเขตของตระกูลมู่อย่างรีบเร่ง โชคดีที่ครอบครัวของเขาทุกคนยังปลอดภัยดี รอบพื้นที่ของตระกูลมู่ หยางติงยังเจอคนจากตระกูลหลินและคนจากตระกูลซุน สองตระกูลหลักทางประตูทิศเหนือได้ส่งกำลังคนภายในตระกูลไปช่วยเหลือตระกูลเล็กๆตระกูลอื่นที่อยู่บริเวณพื้นที่ของฝั่งประตูทิศเหนือ หยางติงซาบซึ้งในการกระทำนี้มาก เพราะตระกูลมู่นั้นเป็นเพียงตระกูลเล็กๆและยากจน แต่พวกเขายังปฏิบัติกับพวกเขาอย่างดีไม่ต่างกับตระกูลใหญ่อื่นๆ ไม่เพียงแต่หยางติง ทุกคนในตระกูลมู่รวมถึงตระกูลเล็กๆทั้งหมดพวกเค้าต่างซาบซึ้งและสำนึกบุญคุณของสองตระกูลใหญ่


    นอกจากนี้เขายังทราบข่าวคราวของจินหลงว่าจินหลงกลับมาแล้ว หยางติงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเพราะจินหลงนั้นหายตัวไปถึงหนึ่งปี เขารออยู่ที่ทางเข้าหอตำราผู้ฝึกยุทธ์อยู่นานก่อนจะออกไปตามหาตามที่ต่างๆ และเป็นเขาเองที่ส่งข่าวบอกตระกูลซุนว่าจินหลงหายตัวไป พวกเขาออกตามหากันอย่างบ้าคลั่งแต่กลับไร้วี่แวว จนมาถึงวันนี้จินหลงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง! หยางติงรีบจัดการความเรียบร้อยในตระกูลมู่เสร็จ หยางติงจึงตรงไปยังตระกูลซุนทันที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×