คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 11 วีรบุรุษผู้กอบกู้
บทที่
11
วีรบุรุษผู้กอบกู้ แม้ว่าศึกประตูทางทิศเหนือจะจบลงแล้ว
แต่บัดนี้รอบเมืองทางประตูทิศอื่นๆยังคงต่อสู้กับสัตว์อสูรอยู่
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จะคงประจำการอยู่ที่ประตูทางทิศเหนือเผื่อในกรณีฉุกเฉิน บัดนี้ซุนหย่งฉือผู้อาวุโสของตระกูลซุน
ยังคงทำการสั่งการต่างๆบนกำแพงเมือง แม้ว่าจะจัดการอสูรหมดแล้วแต่เหตุการณ์ก็ยังไม่หน้าไว้วางใจ
ตอนนี้เขาเปรียบเสมือนผู้สั่งการในเวลาปัจจุบันที่ไม่มีทั้งสองผู้นำคอยกำกับดูแล
ระหว่างที่เขากำลังจะให้คนส่งข่าวไปยังประตูทิศต่างๆว่าบัดนี้ประตูทิศเหนือได้รับชัยชนะแล้ว
กลับปรากฏกองกำลังกลุ่มหนึ่งมุ่งตรงมาทางพวกเขา
นำโดยผู้อาวุโสสามของสถาบันวิญญาณฟ้า กองกำลังที่นำมาแม้จะไม่ได้มากมาย
หากแต่กะประมาณคร่าวๆพบว่ามีประมาณร้อยกว่าคน กองกำลังทั้งหมดเริ่มลงจากหลังม้า
ผู้อาวุโสสามรวมถึงคนอื่นๆล้วนมีแววตาฉงนและแปลกใจ นอกจากเศษซากความเสียหาย
พวกเขาไม่พบสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว
พวกเขาพบแต่ผู้คนที่กำลังเก็บกวาดความเสียหายและคนเจ็บที่มีทั้งรอการรักษาและกำลังรักษาอยู่แต่เพียงเท่านั้น
ไม่นานนัก ซุนหย่งฉือรีบเดินเข้าไปหาพวกเขาทันที “ขอบคุณผู้อาวุโสสามแห่งสถาบันวิญญาณฟ้าที่อุส่ามา” ซุนหย่งฉือเมื่อมาหยุดยืนต่อหน้าผู้อาวุโสสาม
เขาทำการคาราวะผู้อาวุโสสามทันที “การต่อสู้จบแล้วรึ พวกท่านกำจัดพวกมันได้หมดแล้ว”
ผู้อาวุโสถามด้วยความแปลกใจ สายตายังคงกวาดตามองไปรอบๆ “ขอรับทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว บัดนี้ประตูทางทิศเหนือปราศจากอสูรร้ายแล้วขอรับ
แต่เนื่องจากทั้งผู้นำซุนและผู้นำหลินได้รับบาดเจ็บสาหัด
จึงเป็นข้าเองที่คอยสั่งการที่นี่” หลังจากนั้นซุนหย่งฉือก็เล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
โดยไม่ได้พูดถึงจินหลงเลยแม้แต่น้อย
เขาบอกแค่เพียงว่ามีผู้เชี่ยวชาญลึกลับมาช่วยพวกเขาทั้งหมดไว้
หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนนั้น ประตูทิศเหนือคงแตกไปแล้ว เมื่อได้ฟังดังนั้น
ผู้อาวุโสสามจึงบอกให้ซุนหย่งฉือดูแลประตูทางทิศเหนือต่อไป
โดยที่ไม่ต้องส่งกำลังไปทางประตูทิศอื่นๆ
เนื่องจากพวกสัตว์อสูรอาจจะอ้อมมาทางประตูทิศเหนืออีกก็เป็นได้ หลังจากคุยกันเสร็จเรียบร้อย
ผู้อาวุโสสามจึงรีบนำกองกำลังไปสบทบกับประตูทิศอื่นๆแทน
เนื่องจากยังคงเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงอยู่ จริงๆแล้วแม้ว่าประตูทิศเหนือจะมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง
แต่มันกลับเป็นประตูที่น่าจะถูกตีแตกได้เร็วที่สุด
เพราะว่าจำนวนผู้ฝึกยุทธ์ที่อาศัยอยู่แถบประตูทิศเหนือค่อนข้างน้อย มีกำลังคนเพียงแค่หนึ่งในสามเมื่อเทียบกับประตูทางทิศอื่นๆ
เมื่อผู้อาวุโสสามเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างที่จะวางใจ ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญคนนั้นจะเป็นใคร
แต่เขาคือหนึ่งในวีรบุรุษที่ช่วยเมืองนี้ไว้ เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งวันเต็มตั้งแต่พวกสัตว์อสูรบุก
แน่นอนชัยชนะเป็นของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากเมืองวายุจันทรา
แต่ต้องแลกมาด้วยความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
สิ่งก่อสร้างภายในเมืองรวมไปถึงสถาบันวิญญาณฟ้าเองก็ค่อนข้างที่จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้อันรุนแรง
แต่ทรัพย์สินสิ่งก่อสร้างที่เสียหายเหล่านั้นไม่ได้สร้างบาดแผลในจิตใจของผู้คนในเมืองได้เท่ากับผู้คนที่สละชีวิตปกป้องเมืองนี้ไว้
บรรยากาศภายในเมืองเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ญาติพี่น้องของพวกเขาหลายคนต้องตกตายไป
นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ด้วยการนำของเจ้าเมืองวายุจันทรา
ทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกจากนี้เจ้าเมืองยังคงช่วยปลอบขวัญและให้กำลังใจกับเหล่าผู้สูญเสียเหล่านั้น
และได้ออกประกาศให้วางกำลังบางส่วนไว้รอบเมือง ให้ตรวจสอบอย่างละเอียด
ทำการสังเกตการณ์เผื่อว่าพวกอสูรจะย้อนกกลับมาอีก
และยังสั่งให้แบ่งกำลังคนทั้งผู้ฝึกยุทธ์และชาวบ้านธรรมดามาช่วยกันฟื้นฟูซ่อมบำรุงอาคารต่างๆที่ได้รับความเสียหาย
และตัวเมืองเองก็ลงมาร่วมซ่อมบำรุงสถานที่ต่างๆด้วยเช่นกัน ด้วยความเมตตาเหล่านั้น
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คนในเมืองนั้นรักและเคารพเจ้าเมืองเป็นอย่างมาก 1 อาทิตย์ต่อมา หลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ
สิ่งที่ทำให้คนจากตระกูลซุนและตระกูลหลินยินดีที่สุดคือ
ผู้นำของตระกูลทั้งสองได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว รวมถึงจินหลงด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งสามคน
ได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดจากตระกูลหลินที่มีธาตุแสงนั่นเอง
ธาตุแสงเป็นธาตุที่ใช้สำหรับการรักษา ทุกคนในตระกูลหลินจะมีพลังการรักษาโดยใช้พลังของธาตุแสงเป็นหลัก
พวกเขาใช้ทั้งยาเม็ดวิญญาณแขนงต่างๆและใช้พลังธาตุแสงเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณภายในที่ได้รับความเสียหายและใช้สมุนไพรต่างๆมาสกัดเป็นตัวยาเพื่อนำมาปรุงยา
และใช้ทาบาดแผลภายนอกที่บาดเจ็บรวมถึงบาดแผลไฟไหม้ต่างๆ เนื่องจากการดูแลรักษาจากผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหรือนักปรุงยาจากตระกูลหลินทำให้อาการทั้งสามดีขึ้นตามลำดับ
คนที่ดูจะกระชับกระเฉงฟื้นตัวได้เร็วที่สุดเป็นจินหลง
อาจจะเป็นเพราะเขายังหนุ่มยังแน่นอยู่ก็เป็นได้ทำให้เขาฟื้นฟูได้เร็ว เมื่อจินหลงรู้สึกตัวเขา
เขาพยายามติดต่อกับจิตของเทพมังกรที่อยู่ในมิติกระบี่แต่กลับไม่ได้รับเสียงตอบกลับมาเลย
จินหลงได้ย้ายตัวเองเข้ามาในมิติกระบี่
เมื่อเข้ามาถึงจินหลงกลับเห็นเทพมังกรหลับตาและนั่งขัดสมาธิอยู่
เพียงแต่เทพมังกรที่เขาเห็นตอนนี้กับมีร่างกายที่โปร่งใส ใบหน้าดูซีดขาว
จินหลงพยายามเรียกเทพมังกรหลายครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาเลย
เมื่อจินหลงจะเอามือไปสัมผัสตัวเทพมังกร มือของจินหลงกลับทะลุผ่านตัวเทพมังกรไป นี่มันอะไรกันทำไมข้าถึงสัมผัสตัวท่านอาจารย์ไม่ได้ล่ะ
ทำไมท่าทางของท่านอาจารย์ไร้ชีวิตชีวาราวกับคนตายก็ไม่ปาน หรือว่าเป็นเพราะท่านอาจารย์ใช้พลังมากเกินไปจนเกิดผลกระทบกับพลังวิญญาณกัน “ท่านอาจารย์ โปรดตอบศิษย์ด้วย ท่านเป็นเช่นใดบ้าง” จินหลงยังคงพยายามเรียกอยู่หลายครั้ง
แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาเลย ร่างของเทพมังกรยังคงโปร่งใสเช่นเดิม
หลังจากเวลาผ่านไปทุกครั้งเมื่อมีโอกาสจินหลงจะร้องเรียกอาจารย์ของเขา
บางทีจินหลงก็จะเข้ามาในมิติกระบี่เพื่อมาดูอาจารย์ของเขา
แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม “จินหลง ปู่ของเจ้าเรียกให้ไปหาน่ะ” ระหว่างที่เข้ากำลังจะเดินไปที่สวน
เสี่ยวซาก็เดินเข้ามาหา ตอนนี้ปู่ของเขาฟื้นจากอาการบาดเจ็บแล้วแต่ยังคงต้องพักฟื้นอยู่ในห้อง
ดังนั้นจินหลงจึงเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังห้องนอนของปู่เขา หลังจากจินหลงฟื้นขึ้นมา
ผู้คนในตระกูลรวมถึงผู้อาวุโสล้วนแต่แวะมาเยี่ยมเยียนจินหลงและถามจินหลงเกี่ยวกับพลังที่จินหลงใช้ในตอนนั้น
ตัวจินหลงเองไม่สามารถบอกเรื่องราวเกี่ยวกับเทพมังกรรวมถึงเรื่องพลังนั้นได้
จินหลงจึงตอบกลับไปเพียงว่าตัวเขานั้นสลบไปตั้งแต่ตอนที่เกราะกำแพงภูผาของเขาพังลงหลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
เมื่อจินหลงยืนกรานเช่นนั้นหลายคนจึงได้แต่ถอนหายใจและเดินจากไป พวกเขา
พวกเขาได้ลงความเห็นกันว่าอาจจะผู้เชี่ยวชาญคนอื่นที่ใช้พลังวิญญาณกำจัดพวกสัตว์อสูรแต่จินหลงดันบังเอิญถูกสัตว์อสูรโจมตีจนกระเดนลอยไปบนอากาศประจวบเหมาะกับตอนที่มีแรงดันวิญญาณมหาศาลสังหารสัตว์อสูรพอดี
เพราะจากที่เขาสัมผัสถึงพลังวิญญาณของจินหลง จินหลงมีพลังวิญญาณเพียงแค่ชั้นกำเนิดลมปราณเท่านั้น
ไม่มีทางที่จินหลงจะสามารถสังหารสัตว์อสูรได้ในพริบตาเช่นนั้น “ข้ามาแล้วขอรับท่านปู่” จินหลงเดินเข้าไปภายในห้องของปู่ของเขา
ซุนลู่หยุนยังคงนั่งอยู่บนเตียงของเขา สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อได้ยินจินหลงที่ส่งเสียงเรียก
เขาจึงถอนสายตาออกจากหน้าต่างและหันมาทางจินหลงแทน “อืม หลานรัก ร่างกายเจ้าไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่” “แน่นอนท่านปู่ ข้านั้นหายดีแล้ว ท่านปู่เล่าเป็นเช่นใด ข้าทราบมาว่าท่านปู่บาดเจ็บภายในเสียยิ่งกว่าข้าและท่านปู่ห้าวไห่เสียอีก” “ฮ่าๆ ปู่ของเจ้าแข็งแรงเจ้าก็รู้” ชายชราหัเราะออกมาเบาๆ
พร้อมส่งยิ้มน้อยๆ “แค่นี้ปู่ก็วางใจ จริงสิตั้งแต่ปู่ฟื้นขึ้นมาปู่ยังไม่ถามเจ้าเลยว่า
เจ้าหายไปไหนมาเกือบหนึ่งปีมานี้เจ้าไปอยู่ที่ใด” แม้จินหลงจะไม่อยากโกหกปู่ของเขาแต่เขาก็ไม่มีทางเลือก เรื่องเทพมังกรเป็นเรื่องที่ไม่สามารถบอกใครได้
จินหลงจึงบอกกล่าวกับปู่เขาเป็นอีกอย่างแทนที่จะบอกความจริงทั้งหมด “ข้าติดอยู่ในหอตำราธาตุภูผา”
จินหลงกล่าวพร้อมส่งยิ้มแหยๆไปให้ปู่ของเขา
จากนั้นจินหลงก็สร้างเรื่องว่าเขานั้นไม่ถูกเลือกจากตำรายุทธ์ที่อยู่ในหอฝึกวรยุทธ์เขาจึงทำการบ่มเพาะพลังอยู่ในนั้นเพื่อให้ตำราวรยุทธ์ที่อยู่ในนั้นเลือกเขาให้ได้
โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนานถึงหนึ่งปี “ข้าต้องขอโทษท่านปู่ด้วยที่ทำให้ท่านเป็นห่วง” ซุนลู่หยุนขยับเข้าไปใกล้จินหลงก่อนจะลูบหัวจินหลงอย่างแผ่วเบา “ไม่เป็นไร เอาเถอะๆ แค่เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะ” ความรักความอบอุ่นความห่วงใยที่ถ่ายทอดมายังฝ่ามือมาที่หัวของจินหลง
ทำให้จินหลงรู้สึกผิดอย่างมากที่ทำห้ปู่ของเขาเป็นห่วงขนาดนี้
หลังจากนั้นจินหลงก็นั่งพูดคุยกับปู่ของเขาหลายเรื่องรวมไปถึงเรื่องผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่กางอาณาเขตเกราะภูผาปกป้องทั้งสามคนไว้ด้วย เมื่อพูดถึงเรื่องนั้นจินหลงได้แต่ทำหน้าว่างเปล่าและแกล้งทำสีหน้าตกใจตื่นเต้น
ตามปู่ของเขา ปู่ของเขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณผู้เชี่ยวชาญลึกลับคนนั้นมาก
จินหลงถูกโจมตีจนกระเด็นลอยขึ้นไปบนฟ้า เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้เชี่ยวชาญนั้นใช้พลังในการสังหารสัตว์อสูรพอดี
หากไม่เป็นเช่นนั้นจินหลงอาจจะตกตายด้วยฝีมืออสูรร้ายไปแล้ว “หากมีโอกาสในภายภาคหน้า เจ้าจะต้องตอบแทนผู้เชี่ยวชาญคนนั้นนะรู้ไหม
พวกเราตระกูลซุนล้วนเป็นหนี้ชีวิตเขาแล้ว” จินหลงได้แต่พยักหน้ารับปากปู่ของเขา ทุกคนในเมืองวายุจันทราต่างทราบถึงเหตุการณ์ทางทิศประตูเหนือที่มีชัยเป็นที่แรกว่า
มีผู้เชี่ยวชาญลึกลับโผล่เข้ามาช่วย
ท่านเจ้าเมืองได้ออกคำสั่งให้ตามหาผู้เชี่ยวชาญคนนั้นให้ได้
เพราะเขาต้องการที่จะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ แต่ก็ไร้วี่แววเขาไม่สามารถหาข่าวเกี่ยวกับคนคนนั้นได้เลย
แต่วีรกรรมของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้เล่าลือไปทั่วทั้งเมืองและผู้เขาได้เรียกผู้เชี่ยวชาญนั้นว่า
วีรบุรุษผู้กอบกู้ ตอนนี้สถาบันวิญญาณฟ้ายังคงได้รับความเสียจึงได้ปิดตัวลงชั่วคราวเพื่อทำการบูรณะ
และซ่อมแซม เหล่าศิษย์ต่างๆได้ทยอยกลับบ้านเกิดหลังจากจบสงคราม ก่อนหน้านี้ศิษย์สถาบันวิญญาณได้ถูกแบ่งออกไปช่วยเหลือประตูเมืองทิศต่างๆ
ส่วนคนที่มีพลังบ่มเพาะระดับต่ำจะช่วยเหลือเรื่องการอพยพและดูและชาวเมืองแทน
ทำให้พวกไม่รู้เลยว่าครอบครัวของเขาเป็นเช่นใด เมื่อมีประกาศปิดสถาบันชั่วคราว
เหล่าศิษย์ทั่วทั้งสถาบันจึงทยอยกันออกจากสถาบันเพื่อตรงกลับบ้านทันที เด็กหนุ่มคนหนึ่งมุ่งตรงกลับไปยังบริเวณอาณาเขตของตระกูลมู่อย่างรีบเร่ง
โชคดีที่ครอบครัวของเขาทุกคนยังปลอดภัยดี รอบพื้นที่ของตระกูลมู่ หยางติงยังเจอคนจากตระกูลหลินและคนจากตระกูลซุน
สองตระกูลหลักทางประตูทิศเหนือได้ส่งกำลังคนภายในตระกูลไปช่วยเหลือตระกูลเล็กๆตระกูลอื่นที่อยู่บริเวณพื้นที่ของฝั่งประตูทิศเหนือ
หยางติงซาบซึ้งในการกระทำนี้มาก เพราะตระกูลมู่นั้นเป็นเพียงตระกูลเล็กๆและยากจน
แต่พวกเขายังปฏิบัติกับพวกเขาอย่างดีไม่ต่างกับตระกูลใหญ่อื่นๆ ไม่เพียงแต่หยางติง
ทุกคนในตระกูลมู่รวมถึงตระกูลเล็กๆทั้งหมดพวกเค้าต่างซาบซึ้งและสำนึกบุญคุณของสองตระกูลใหญ่ นอกจากนี้เขายังทราบข่าวคราวของจินหลงว่าจินหลงกลับมาแล้ว
หยางติงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเพราะจินหลงนั้นหายตัวไปถึงหนึ่งปี
เขารออยู่ที่ทางเข้าหอตำราผู้ฝึกยุทธ์อยู่นานก่อนจะออกไปตามหาตามที่ต่างๆ
และเป็นเขาเองที่ส่งข่าวบอกตระกูลซุนว่าจินหลงหายตัวไป
พวกเขาออกตามหากันอย่างบ้าคลั่งแต่กลับไร้วี่แวว
จนมาถึงวันนี้จินหลงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง! หยางติงรีบจัดการความเรียบร้อยในตระกูลมู่เสร็จ
หยางติงจึงตรงไปยังตระกูลซุนทันที
ความคิดเห็น