ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Guardian of Dragon เทพกระบี่มังกรจอมราชันย์

    ลำดับตอนที่ #33 : บทที่ 33 กฎ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.15K
      54
      29 มิ.ย. 60

    บทที่ 33 กฎ


                เนื่องจากเวลาการทดสอบใกล้จะหมดลง เหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์ที่เข้าร่วมการทดสอบเริ่มทะยอยกันเข้ามายังพื้นที่จุดรวมพลกันมากขึ้น และจินหลงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น


                เขายังคงกวาดสายตามองหาเจี้ยนเหาที่บัดนี้ยังคงมาไม่ถึงจุดรวมพล นั่นทำให้เขาเกิดความกังวลใจเล็กน้อย พื้นที่แห่งนี้แม้จะเริ่มเต็มไปด้วยผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบ ที่กลับมายังจุดรวมพล แน่นอนว่าที่แห่งนี้มีกฎพิเศษว่าห้ามทำการปะทะกันอย่างเด็ดขาด พื้นที่แห่งนี้จึงอยู่ในความสงบไม่มีการต่อสู้ใดใด หากจะมองไปยังเหล่าผู้เข้าร่วมจะบอกได้ทันทีว่า พวกเขาไม่ได้ผ่านการทดสอบในการรวบรวมแผ่นป้ายอย่างแน่นอน แต่ที่พวกเขากลับมายังจุดรวมพลนั่นแปลว่าพวกเขานั้นยอมแพ้เสียแล้ว


                จินหลงลอบมองเหล่าศิษย์นอกกลุ่มหนึ่งที่ดูหยิ่งผยองไม่สนใจใคร พวกเขามีกันอยู่4-5 แน่นอนว่าพวกเขาถือแผ่นป้ายอยู่ในมือมากมาย ราวกับต้องการจะประกาศศักดาว่าตนนั้นมีความสามารถเก่งกาจเพียงใด จินหลงไม่ได้สนใจคนพวกนี้มากมายนัก เขาจึงหันไปยังเหล่าผู้คนธรรมดาเฉกเช่นเขาที่มาเข้าร่วมการทดสอบ พวกเขาล้วนแต่มีบาดแผลตามร่างกาย บางคนถึงขั้นบาดเจ็บสาหัดแต่บางคนก็มีเพียงบาดแผลเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเหล่านี้จะต้องเข้าปะทะกับเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์ด้วยกัน และผลของการต่อสู้ก็จะต้องจบลงที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แพ้ จินหลงถอนหายใจออกมาเมื่อมองยังภาพตรงหน้า เขาเห็นถึงประกายความสิ้นหวังจากหลายๆคนที่ไม่สามารถรวบรวมแผ่นป้ายได้ ในใจลึกๆเขาเองก็อยากจะช่วย แต่เขายังไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงเรื่องราวที่เขามีแผ่นไม้อยู่ 23 แผ่น และแผ่นป้ายสีขาวอยู่อีกถึง 7 แผ่นป้าย


                อย่าเข้ามาใกล้ข้า!เจ้าขอทาน!”


                ชายคนหนึ่งหน้าตามอมแมม ร่างกายได้รับบาดเจ็บทั่วร่างถูกชายร่างกายกำยำถีบจนกระเดน ร่างกายของเขาเสียดสีเข้ากับพื้นจนเกิดเป็นรอยแผลใหม่ขึ้นในทันที แต่ชายคนนั้นกลับมิส่งเสียงร้องแต่อย่างใด เขาทำเพียงก้มหน้านิ่งๆ เมื่อชายร่างกำยำเห็นว่าชายคนนั้นไม่มีท่าทีโต้ตอบเขาจึงใช้กำลังทุบตีชายตรงหน้าอยู่เป็นนานสองนาน ท่ามกลางความวุ่นวายและเสียงการทุบตีกลับไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปช่วย ไม่ใช่ว่าไม่มีใครกล้ายื่นมือไปช่วย แต่พวกเขาไม่สนใจการกระทำของชายร่างกำยำนี้เสียมากกว่า


                เจ้าคิดว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใดกัน


                เสียงราบเรียบเปี่ยมไปด้วยความไพเราะ แม้จะเป็นเสียงที่เรียบนิ่งแต่มันกลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม แม้บนใบหน้านางจะถูกปกปิดด้วยผ้าแพรไหมสีเหลืองนวล และมันก็มิสามารถบดบังรัศมีความงามของนางได้แม้แต่น้อย แม้จะไม่เห็นใบหน้าชัดๆ แต่ทุกคนในที่นี้ต่างสัมผัสได้ว่า นางเป็นคนที่งดงามมาก


                 ชายร่างกายกำยำหยุดการกระทำ แม้เขาจะยังไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นใคร แต่นางดูไม่ธรรมดา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ชายคนนั้นหยุดการกระทำแล้วรีบเดินหายกลับไปยังกลุ่มคนทันที โดยมิหันกลับมามองอีกเลย หลังจากที่หญิงสาวเดินจากไป ไม่นานนักเหตุกาณ์ก็กลับสู่ความปกติอีกครั้ง


                เมื่อไร้ความสนใจจากคนรอบข้าง จินหลงจึงเดินเข้าไปหาชายขอทานที่บัดนี้นั่งหลบอยู่หลังต้นไม้ในมุมมืด


                ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ


                จินหลงนั่งลงตรงหน้าของชายขอทานก่อนจะทำการรักษาโดยการถ่ายเทพลังงานธาตุแสงสว่างลงไปไม่นาน ร่างกายของชายขอทานกลับฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่องรอยบาดแผลต่างๆถูกรักษาจนบาดแผลเริ่มปิด เมื่อเขาทำการรักษาชายขอทาน เขาก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ชายคนนี้มีบาดแผลทั่วร่างกายแต่ภายในร่างกายกลับมิได้รับบาดเจ็บอะไรเลย เส้นชีพจร และจุดตันเถียรทุกอย่างล้วนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ อาจจะเป็นเพราะชายขอทานนี้ยังไม่ใช้วรยุทธ์ไม่เป็น หรือการต่อสู้ที่ผ่านมาเขามิได้ใช้วรยุทธ์เลยหรือ


                ขอบใจ


                ชายขอทานลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะเดินหายไปอีกทาง ซึ่งจินหลงเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับชายขอทานมากนัก เขาเพียงแค่ต้องการช่วยในสิ่งที่ช่วยได้ ก็แค่นั้น


                นี่มันก็ใกล้จะหมดเวลาการทดสอบแล้ว เหตุใดพี่ใหญ่ยังมิกลับมาอีก จินหลงตัดสินใจออกจากเขตจุดรวมพลอีกครั้ง เขาต้องการไปดูให้แน่ใจว่าเจี้ยนเหานั้นปลอดภัยดี หลังจากวิ่งผ่านเข้าป่าไปได้ไม่นานนัก เขาก็พบกับเจี้ยนเหาที่กำลังมุ่งหน้ามายังจุดรวมพลพอดี


                พี่ใหญ่!”


                “เจ้าคงไม่ได้มารอรับข้าหรอกนะ


                “ข้าเห็นพี่ใหญ่หายไปนาน นี่ก็ใกล้จะหมดเวลาการทดสอบแล้ว ท่านสะสมแผ่นป้ายได้ครบแล้วใช่หรือไม่


                จินหลงถามด้วยเสียงกระตือรือร้น เจี้ยนเหาไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด แต่เขากลับหยิบเอาแผ่นป้ายไม้5 แผ่นออกมาแทน


                ถ้าเช่นนั้นเรารีบกลับไปยังจุดรวมพลกันเถิด


                จินหลงกล่าวขึ้นด้วยเสียงยินดี และหันหลังเตรียมกลับไปยังจุดรวมพลทันทีระหว่างทางจินหลงแอบโยนแผ่นป้ายทั้งหมดที่เขามีทิ้งและเหลือเพียงแผ่นไม้ธรรมดาเพียงห้าป้าย


                หากผู้ใดพบแผ่นป้ายพวกนี้ ก็ถือซะว่าพวกเจ้ามีโชคชะตาที่จะเข้าเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับข้าก็แล้วกันจินหลงทิ้งแผ่นป้ายพวกนั้นโดยปราศความลังเลใจใดใดทั้งสิ้น


     

                ข้าขอประกาศ ! ปิดการทดสอบ ณ บัดนี้


                เมื่อเวลาหมดหลง ผู้อาวุโสของสำนักก็ปรากฎกายขึ้นอย่างกระทันหัน  แสงสีขาวสว่างวูบก่อนที่จินหลงจะโผล่เข้ามายังอีกที่หนึ่ง มองไปรอบกายไม่เพียงแต่เขาที่ยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ แต่กลับเป็นเหล่าผู้ที่ผ่านการทดสอบเข้าเป็นศิษย์ ทุกคนถูกส่งเข้ามายังที่แห่งนี้ และดูเหมือนแท้จริงแล้วที่นี่คือทางเข้าที่แท้จริงของสำนัก


                ผู้อาวุโสของสำนักกวาดตามองเหล่าศิษย์ที่ผ่านการทดสอบ พร้อมแววตาที่ฉายแววฉงน


                ช่างอ่อนแอยิ่ง ! เหล่าศิษย์นอกพวกเจ้าสามารถผ่านการทดสอบได้เพียงเท่านี้เองหรือ!”


                เสียงของหนึ่งในผู้อาวุโสตวาดดังลั่น พร้อมกับมองไปยังเหล่าศิษย์นอกที่ผ่านการทดสอบเพียงแค่สิบกว่าคน


                ศิษย์ใหม่ 4 คน กับศิษย์นอกอีก 7 คนอืมม พวกเจ้าทำได้ดีมาก แม้พวกเจ้าจะเพิ่งเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์ แต่พวกเจ้าก็นับว่าทำได้ไม่เลว


                ท่านไม่คิดว่ามันแปลกเช่นนั้นหรือ ข้าว่าจากจำนวนผู้เข้าร่วม ผู้ผ่านการทดสอบควรจะมีมากกว่านี้


                “หรือไม่เด็กพวกนั้น คงไม่กลับมาตามกำหนดเวลา


                ผู้อาวุโสต่างพากันถอนหายใจพวกเขาคิดว่า ปีนี้จะได้ศิษย์นอกฝีมือดีเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ในอีกหลายคน แต่ศิษย์นอกหลายคนที่เขาคาดไว้ว่าจะผ่านการทดสอบ กลับไม่ปรากฎตัวเมื่อถึงกำหนดเวลา


                “ยินดีกับพวกเจ้าทุกคนที่สามารถผ่านการทดสอบของสำนักได้ ข้าจะไม่พูดอะไรให้มากความ สำนักของเรามีกฎอยู่สองข้อ ข้อแรก เมื่อเจ้าเข้าเป็นศิษย์ของสำนักเจ้าต้องตระหนักว่า พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน   พวกข้าเปรียบเสมือนผู้ใหญ่ในบ้านของพวกเจ้า หากมีอะไรเกิดขึ้นพวกเจ้าสามารถปรึกษาพวกข้าได้ กลับกัน! หากพวกเจ้าคิดไม่ซื่อ คิดหักหลังหรือมีจุดประสงค์ที่ไม่ดีต่อสำนัก สิ่งเดียวที่พวกข้าจะมอบให้ก็คือความตาย!”


                นี่สินะคือจุดเด่นของสำนักมังกรใต้หล้า ว่ากันว่ากฎของที่นี่นั้นรุนแรงมาก บัดนี้จินหลงนั้นได้ตระหนักถึงปัจจัยหลักของสำนักมังกรใต้หล้าแล้ว จากที่เขาสัมผัส ผู้อาวุโสทุกคนล้วนดูสนิทสนมกันดี รวมถึงเหล่าศิษย์นอก แม้พวกเขาจะต้องต่อสู้กันเพื่อเข้าไปเป็นศิษย์หลักแต่เมื่อการทดสอบใกล้จะจบไป ที่ลานจุดรวมพล ก่อนที่จะย้ายสถานที่มาที่แห่งนี้ มีหลายคนที่เข้าไปช่วยเหลือดูอาการให้กับคนที่บาดเจ็บ ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเขาเองก็เลือกปฏิบัติเช่นกัน พวกเขาไม่สนใจพวกหน้าใหม่ที่มาร่วมการทดสอบ แต่กับศิษย์นอกด้วยกันนั้นต่างกันออกไป จินหลงเองสัมผัสถึงความผูกพันธ์กันได้อย่างชัดเจน พวกเขาล้วนช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี


                กฎข้อสอง ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ยืนอยู่เหนือผู้อื่น!”


                สีหน้าของเหล่าศิษย์นอกนั้นไม่แปรเปลี่ยนไปเลยแม้ได้น้อย พวกเขาตระหนักถึงกฎข้อนี้ดี เนื่องจากทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้ฝึกฝนวรยุทธ์ และมันเองก็มีอยู่อย่างจำกัด แม้ว่าสำนักมังกรใต้หล้าจะเป็นสำนักที่มีชื่อเสียง แต่ทุกอย่างก็ต้องย่อมมีขีดจำกัด พวกเขาจึงแบ่งออกเป็นศิษย์นอก และศิษย์ใน ศิษย์นอกนั้นเทียบไม่ได้กับศิษย์ในเลยแม้แต่นิดเดียว ข้อนี้สำหรับเหล่าศิษย์นอกพวกเขารู้ดี! เพราะพวกเขาผ่านมันมาแล้ว แม้การเข้าสำนักแห่งนี้ได้จะเป็นความภูมิใจแต่หากพวกเขาติดอยู่กับการเป็นศิษย์นอก พวกเขาจะไม่มีวันแข็งแกร่งขึ้นได้


                นี่คือของขวัญสำหรับพวกเจ้า


                วงแหวนมิติ 4 วง ปรากฎขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้ง 4 คนที่เป็นผู้เข้าร่วมหน้าใหม่


                นี่คือทรัพยากรที่เหมาะสมสำหรับพวกเจ้าในตอนนี้ ข้าอยากให้พวกเจ้ารีบฝึกฝนพลังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป เพื่อวันหน้าพวกเจ้าจะได้เป็นกำลังสำคัญให้กับสำนักเรา


                เมื่อมองดูในวงแหวนมิติ แม้มันจะไม่ได้มีค่าอะไรมากมายแต่มันก็บ่งบอกถึงความมั่งคั่งของสำนักได้เป็นอย่างดี แม้ในวงแหวนมิติจะมีแต่เพียงหยกศิลาสำหรับการบ่มเพาะพลังแต่มันก็มีจำนวนมากพอสำหรับคนคนนึง


                วันนี้พวกเจ้าแยกย้ายได้ ส่วนพวกเจ้าที่เหลือตามข้ามา


                ผู้อาวุโสทั้งหมดล้วนจากไปพร้อมกับศิษย์นอกที่ได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์ใน รวมถึงสองคนที่ผ่านการทดสอบร่วมกับจินหลงและเจี้ยนเหาก็จากไปเช่นกัน ทำให้เหลือเพียงเขาและเจี้ยนเหา


                ข้าดีใจเหลือเกินที่เราสองคนผ่านการทดสอบด้วยกันทั้งคู่


                ข้าเองก็เช่นกันพี่ใหญ่ อ่อจริงสิ ท่านไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่


                “ฮ่ะๆ ก็นิดหน่อย แต่เจ้าอย่าลืมว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นถึงทายาทของตระกูลเฉิน ตระกูลนักปรุงยาอันเก่าแก่เชียวล่ะ เจี้ยนเหาโบกมือขึ้นอย่างอารมณ์ดี ท่าทีของเขาดูสบายดีนั่นก็ทำให้จินหลงเบาใจ


                จริงสิ เจ้าสนใจจะไปลานใต้หล้าหรือไม่


                เจี้ยนเหาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


                มันเป็นลานที่พวกศิษย์ของสำนักมังกรใต้หล้าจะเอาพวกของมาขายกัน มันมีทั้งตำราวรยุทธ์ ศาสตราวุธต่างๆ ยาสมุนไพร หรือแม้แต่ทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการบ่มเพาะ ก็มี ข้าล่ะได้ยินชื่อเสียงของลานใต้หล้ามานานแล้ว และที่นี่เปิดให้เฉพาะศิษย์ของสำนักเข้าเท่านั้น และตอนนี้พวกเราก็ได้เข้าเป็นศิษย์ของสำนักแล้ว ไม่ว่าจะศิษย์นอกหรือศิษย์ในก็สามารถไปยังลานใต้หล้าได้!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×