คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : บทที่ 33 กฎ
บทที่
33 กฎ
เนื่องจากเวลาการทดสอบใกล้จะหมดลง
เหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์ที่เข้าร่วมการทดสอบเริ่มทะยอยกันเข้ามายังพื้นที่จุดรวมพลกันมากขึ้น
และจินหลงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
เขายังคงกวาดสายตามองหาเจี้ยนเหาที่บัดนี้ยังคงมาไม่ถึงจุดรวมพล
นั่นทำให้เขาเกิดความกังวลใจเล็กน้อย
พื้นที่แห่งนี้แม้จะเริ่มเต็มไปด้วยผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบ ที่กลับมายังจุดรวมพล
แน่นอนว่าที่แห่งนี้มีกฎพิเศษว่าห้ามทำการปะทะกันอย่างเด็ดขาด
พื้นที่แห่งนี้จึงอยู่ในความสงบไม่มีการต่อสู้ใดใด
หากจะมองไปยังเหล่าผู้เข้าร่วมจะบอกได้ทันทีว่า
พวกเขาไม่ได้ผ่านการทดสอบในการรวบรวมแผ่นป้ายอย่างแน่นอน
แต่ที่พวกเขากลับมายังจุดรวมพลนั่นแปลว่าพวกเขานั้นยอมแพ้เสียแล้ว
จินหลงลอบมองเหล่าศิษย์นอกกลุ่มหนึ่งที่ดูหยิ่งผยองไม่สนใจใคร
พวกเขามีกันอยู่4-5 แน่นอนว่าพวกเขาถือแผ่นป้ายอยู่ในมือมากมาย
ราวกับต้องการจะประกาศศักดาว่าตนนั้นมีความสามารถเก่งกาจเพียงใด
จินหลงไม่ได้สนใจคนพวกนี้มากมายนัก
เขาจึงหันไปยังเหล่าผู้คนธรรมดาเฉกเช่นเขาที่มาเข้าร่วมการทดสอบ
พวกเขาล้วนแต่มีบาดแผลตามร่างกาย บางคนถึงขั้นบาดเจ็บสาหัดแต่บางคนก็มีเพียงบาดแผลเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเหล่านี้จะต้องเข้าปะทะกับเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์ด้วยกัน
และผลของการต่อสู้ก็จะต้องจบลงที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แพ้
จินหลงถอนหายใจออกมาเมื่อมองยังภาพตรงหน้า
เขาเห็นถึงประกายความสิ้นหวังจากหลายๆคนที่ไม่สามารถรวบรวมแผ่นป้ายได้
ในใจลึกๆเขาเองก็อยากจะช่วย
แต่เขายังไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงเรื่องราวที่เขามีแผ่นไม้อยู่ 23 แผ่น
และแผ่นป้ายสีขาวอยู่อีกถึง 7 แผ่นป้าย
“อย่าเข้ามาใกล้ข้า!เจ้าขอทาน!”
ชายคนหนึ่งหน้าตามอมแมม
ร่างกายได้รับบาดเจ็บทั่วร่างถูกชายร่างกายกำยำถีบจนกระเดน
ร่างกายของเขาเสียดสีเข้ากับพื้นจนเกิดเป็นรอยแผลใหม่ขึ้นในทันที
แต่ชายคนนั้นกลับมิส่งเสียงร้องแต่อย่างใด เขาทำเพียงก้มหน้านิ่งๆ
เมื่อชายร่างกำยำเห็นว่าชายคนนั้นไม่มีท่าทีโต้ตอบเขาจึงใช้กำลังทุบตีชายตรงหน้าอยู่เป็นนานสองนาน
ท่ามกลางความวุ่นวายและเสียงการทุบตีกลับไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปช่วย
ไม่ใช่ว่าไม่มีใครกล้ายื่นมือไปช่วย
แต่พวกเขาไม่สนใจการกระทำของชายร่างกำยำนี้เสียมากกว่า
“เจ้าคิดว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใดกัน”
เสียงราบเรียบเปี่ยมไปด้วยความไพเราะ
แม้จะเป็นเสียงที่เรียบนิ่งแต่มันกลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม แม้บนใบหน้านางจะถูกปกปิดด้วยผ้าแพรไหมสีเหลืองนวล
และมันก็มิสามารถบดบังรัศมีความงามของนางได้แม้แต่น้อย แม้จะไม่เห็นใบหน้าชัดๆ
แต่ทุกคนในที่นี้ต่างสัมผัสได้ว่า นางเป็นคนที่งดงามมาก
ชายร่างกายกำยำหยุดการกระทำ แม้เขาจะยังไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นใคร
แต่นางดูไม่ธรรมดา
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ชายคนนั้นหยุดการกระทำแล้วรีบเดินหายกลับไปยังกลุ่มคนทันที
โดยมิหันกลับมามองอีกเลย หลังจากที่หญิงสาวเดินจากไป
ไม่นานนักเหตุกาณ์ก็กลับสู่ความปกติอีกครั้ง
เมื่อไร้ความสนใจจากคนรอบข้าง
จินหลงจึงเดินเข้าไปหาชายขอทานที่บัดนี้นั่งหลบอยู่หลังต้นไม้ในมุมมืด
“ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ”
จินหลงนั่งลงตรงหน้าของชายขอทานก่อนจะทำการรักษาโดยการถ่ายเทพลังงานธาตุแสงสว่างลงไปไม่นาน
ร่างกายของชายขอทานกลับฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่องรอยบาดแผลต่างๆถูกรักษาจนบาดแผลเริ่มปิด
เมื่อเขาทำการรักษาชายขอทาน เขาก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
ชายคนนี้มีบาดแผลทั่วร่างกายแต่ภายในร่างกายกลับมิได้รับบาดเจ็บอะไรเลย เส้นชีพจร
และจุดตันเถียรทุกอย่างล้วนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ อาจจะเป็นเพราะชายขอทานนี้ยังไม่ใช้วรยุทธ์ไม่เป็น
หรือการต่อสู้ที่ผ่านมาเขามิได้ใช้วรยุทธ์เลยหรือ
“ขอบใจ”
ชายขอทานลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะเดินหายไปอีกทาง
ซึ่งจินหลงเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับชายขอทานมากนัก
เขาเพียงแค่ต้องการช่วยในสิ่งที่ช่วยได้ ก็แค่นั้น
นี่มันก็ใกล้จะหมดเวลาการทดสอบแล้ว เหตุใดพี่ใหญ่ยังมิกลับมาอีก
จินหลงตัดสินใจออกจากเขตจุดรวมพลอีกครั้ง
เขาต้องการไปดูให้แน่ใจว่าเจี้ยนเหานั้นปลอดภัยดี หลังจากวิ่งผ่านเข้าป่าไปได้ไม่นานนัก
เขาก็พบกับเจี้ยนเหาที่กำลังมุ่งหน้ามายังจุดรวมพลพอดี
“พี่ใหญ่!”
“เจ้าคงไม่ได้มารอรับข้าหรอกนะ”
“ข้าเห็นพี่ใหญ่หายไปนาน
นี่ก็ใกล้จะหมดเวลาการทดสอบแล้ว ท่านสะสมแผ่นป้ายได้ครบแล้วใช่หรือไม่”
จินหลงถามด้วยเสียงกระตือรือร้น
เจี้ยนเหาไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด แต่เขากลับหยิบเอาแผ่นป้ายไม้5 แผ่นออกมาแทน
“ถ้าเช่นนั้นเรารีบกลับไปยังจุดรวมพลกันเถิด”
จินหลงกล่าวขึ้นด้วยเสียงยินดี
และหันหลังเตรียมกลับไปยังจุดรวมพลทันทีระหว่างทางจินหลงแอบโยนแผ่นป้ายทั้งหมดที่เขามีทิ้งและเหลือเพียงแผ่นไม้ธรรมดาเพียงห้าป้าย
“หากผู้ใดพบแผ่นป้ายพวกนี้
ก็ถือซะว่าพวกเจ้ามีโชคชะตาที่จะเข้าเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับข้าก็แล้วกัน” จินหลงทิ้งแผ่นป้ายพวกนั้นโดยปราศความลังเลใจใดใดทั้งสิ้น
“ข้าขอประกาศ ! ปิดการทดสอบ ณ บัดนี้”
เมื่อเวลาหมดหลง ผู้อาวุโสของสำนักก็ปรากฎกายขึ้นอย่างกระทันหัน
แสงสีขาวสว่างวูบก่อนที่จินหลงจะโผล่เข้ามายังอีกที่หนึ่ง
มองไปรอบกายไม่เพียงแต่เขาที่ยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ แต่กลับเป็นเหล่าผู้ที่ผ่านการทดสอบเข้าเป็นศิษย์
ทุกคนถูกส่งเข้ามายังที่แห่งนี้
และดูเหมือนแท้จริงแล้วที่นี่คือทางเข้าที่แท้จริงของสำนัก
ผู้อาวุโสของสำนักกวาดตามองเหล่าศิษย์ที่ผ่านการทดสอบ
พร้อมแววตาที่ฉายแววฉงน
“ช่างอ่อนแอยิ่ง ! เหล่าศิษย์นอกพวกเจ้าสามารถผ่านการทดสอบได้เพียงเท่านี้เองหรือ!”
เสียงของหนึ่งในผู้อาวุโสตวาดดังลั่น
พร้อมกับมองไปยังเหล่าศิษย์นอกที่ผ่านการทดสอบเพียงแค่สิบกว่าคน
“ศิษย์ใหม่ 4 คน กับศิษย์นอกอีก 7
คนอืมม พวกเจ้าทำได้ดีมาก แม้พวกเจ้าจะเพิ่งเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์
แต่พวกเจ้าก็นับว่าทำได้ไม่เลว”
“ท่านไม่คิดว่ามันแปลกเช่นนั้นหรือ
ข้าว่าจากจำนวนผู้เข้าร่วม ผู้ผ่านการทดสอบควรจะมีมากกว่านี้”
“หรือไม่เด็กพวกนั้น คงไม่กลับมาตามกำหนดเวลา”
ผู้อาวุโสต่างพากันถอนหายใจพวกเขาคิดว่า
ปีนี้จะได้ศิษย์นอกฝีมือดีเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ในอีกหลายคน
แต่ศิษย์นอกหลายคนที่เขาคาดไว้ว่าจะผ่านการทดสอบ กลับไม่ปรากฎตัวเมื่อถึงกำหนดเวลา
“ยินดีกับพวกเจ้าทุกคนที่สามารถผ่านการทดสอบของสำนักได้ ข้าจะไม่พูดอะไรให้มากความ
สำนักของเรามีกฎอยู่สองข้อ ข้อแรก
เมื่อเจ้าเข้าเป็นศิษย์ของสำนักเจ้าต้องตระหนักว่า พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน พวกข้าเปรียบเสมือนผู้ใหญ่ในบ้านของพวกเจ้า
หากมีอะไรเกิดขึ้นพวกเจ้าสามารถปรึกษาพวกข้าได้ กลับกัน! หากพวกเจ้าคิดไม่ซื่อ
คิดหักหลังหรือมีจุดประสงค์ที่ไม่ดีต่อสำนัก
สิ่งเดียวที่พวกข้าจะมอบให้ก็คือความตาย!”
นี่สินะคือจุดเด่นของสำนักมังกรใต้หล้า
ว่ากันว่ากฎของที่นี่นั้นรุนแรงมาก บัดนี้จินหลงนั้นได้ตระหนักถึงปัจจัยหลักของสำนักมังกรใต้หล้าแล้ว
จากที่เขาสัมผัส ผู้อาวุโสทุกคนล้วนดูสนิทสนมกันดี รวมถึงเหล่าศิษย์นอก
แม้พวกเขาจะต้องต่อสู้กันเพื่อเข้าไปเป็นศิษย์หลักแต่เมื่อการทดสอบใกล้จะจบไป ที่ลานจุดรวมพล
ก่อนที่จะย้ายสถานที่มาที่แห่งนี้
มีหลายคนที่เข้าไปช่วยเหลือดูอาการให้กับคนที่บาดเจ็บ
ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเขาเองก็เลือกปฏิบัติเช่นกัน
พวกเขาไม่สนใจพวกหน้าใหม่ที่มาร่วมการทดสอบ แต่กับศิษย์นอกด้วยกันนั้นต่างกันออกไป
จินหลงเองสัมผัสถึงความผูกพันธ์กันได้อย่างชัดเจน พวกเขาล้วนช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี
“กฎข้อสอง
ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ยืนอยู่เหนือผู้อื่น!”
สีหน้าของเหล่าศิษย์นอกนั้นไม่แปรเปลี่ยนไปเลยแม้ได้น้อย
พวกเขาตระหนักถึงกฎข้อนี้ดี เนื่องจากทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้ฝึกฝนวรยุทธ์
และมันเองก็มีอยู่อย่างจำกัด แม้ว่าสำนักมังกรใต้หล้าจะเป็นสำนักที่มีชื่อเสียง
แต่ทุกอย่างก็ต้องย่อมมีขีดจำกัด พวกเขาจึงแบ่งออกเป็นศิษย์นอก และศิษย์ใน
ศิษย์นอกนั้นเทียบไม่ได้กับศิษย์ในเลยแม้แต่นิดเดียว
ข้อนี้สำหรับเหล่าศิษย์นอกพวกเขารู้ดี! เพราะพวกเขาผ่านมันมาแล้ว
แม้การเข้าสำนักแห่งนี้ได้จะเป็นความภูมิใจแต่หากพวกเขาติดอยู่กับการเป็นศิษย์นอก
พวกเขาจะไม่มีวันแข็งแกร่งขึ้นได้
“นี่คือของขวัญสำหรับพวกเจ้า”
วงแหวนมิติ 4 วง ปรากฎขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้ง 4
คนที่เป็นผู้เข้าร่วมหน้าใหม่
“นี่คือทรัพยากรที่เหมาะสมสำหรับพวกเจ้าในตอนนี้
ข้าอยากให้พวกเจ้ารีบฝึกฝนพลังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป
เพื่อวันหน้าพวกเจ้าจะได้เป็นกำลังสำคัญให้กับสำนักเรา”
เมื่อมองดูในวงแหวนมิติ
แม้มันจะไม่ได้มีค่าอะไรมากมายแต่มันก็บ่งบอกถึงความมั่งคั่งของสำนักได้เป็นอย่างดี
แม้ในวงแหวนมิติจะมีแต่เพียงหยกศิลาสำหรับการบ่มเพาะพลังแต่มันก็มีจำนวนมากพอสำหรับคนคนนึง
“วันนี้พวกเจ้าแยกย้ายได้
ส่วนพวกเจ้าที่เหลือตามข้ามา”
ผู้อาวุโสทั้งหมดล้วนจากไปพร้อมกับศิษย์นอกที่ได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์ใน
รวมถึงสองคนที่ผ่านการทดสอบร่วมกับจินหลงและเจี้ยนเหาก็จากไปเช่นกัน
ทำให้เหลือเพียงเขาและเจี้ยนเหา
“ข้าดีใจเหลือเกินที่เราสองคนผ่านการทดสอบด้วยกันทั้งคู่”
“ข้าเองก็เช่นกันพี่ใหญ่
อ่อจริงสิ ท่านไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่”
“ฮ่ะๆ ก็นิดหน่อย แต่เจ้าอย่าลืมว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นถึงทายาทของตระกูลเฉิน
ตระกูลนักปรุงยาอันเก่าแก่เชียวล่ะ”
เจี้ยนเหาโบกมือขึ้นอย่างอารมณ์ดี ท่าทีของเขาดูสบายดีนั่นก็ทำให้จินหลงเบาใจ
“จริงสิ เจ้าสนใจจะไปลานใต้หล้าหรือไม่”
เจี้ยนเหาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ มันเป็นลานที่พวกศิษย์ของสำนักมังกรใต้หล้าจะเอาพวกของมาขายกัน มันมีทั้งตำราวรยุทธ์ ศาสตราวุธต่างๆ ยาสมุนไพร หรือแม้แต่ทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการบ่มเพาะ ก็มี ข้าล่ะได้ยินชื่อเสียงของลานใต้หล้ามานานแล้ว และที่นี่เปิดให้เฉพาะศิษย์ของสำนักเข้าเท่านั้น และตอนนี้พวกเราก็ได้เข้าเป็นศิษย์ของสำนักแล้ว ไม่ว่าจะศิษย์นอกหรือศิษย์ในก็สามารถไปยังลานใต้หล้าได้! ”
ความคิดเห็น