ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Guardian of Dragon เทพกระบี่มังกรจอมราชันย์

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 8 รุกราน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.85K
      86
      7 ก.พ. 60

    บทที่ 8 รุกราน



                ภาพตรงหน้าของจินหลงเต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์ที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ พวกเขานั้นนอนเกลื่อนกลาดบริเวณภายในสถาบันวิญญาณฟ้า หากแต่มีหมอผู้เชี่ยวชาญทำการรักษาพวกเขาอยู่ ทุกคนที่อยู่ที่นี่มีทั้งบาดเจ็บสาหัดและบาดเจ็บเล็กน้อย ทั่วทุกบริเวณมีแต่คนบาดเจ็บ บาดแผลเต็มตัว ทุกอย่างอยู่ในความวุ่นวาย เสียงร้องโอดโอยดังคร่ำครวญในทุกทิศทาง ที่พื้นของสถาบันนองไปด้วยหยาดเลือด


                ตอนนี้หาได้มีใครสนใจจินหลงที่ออกมาจากหอตำรา ทุกคนต่างวิ่งวุ่น บางคนแบกคนเจ็บที่มีบาดแผลจากไฟเผาทั้งร่างกลับมาทั้งๆที่เจ้าตัวก็บาดเจ็บสาหัดเช่นกัน บางคนวิ่งวุ่นเพื่อนำยารักษาบาดแผลต่างๆรักษาผู้บาดเจ็บ จินหลงเหลือบมองไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งกอดศพร้องไห้เสียงดังระงม ที่มีมีทั้งคนบาดเจ็บและคนตายเต็มไปทั่วบริเวณพื้นที่โล่งของสถาบันวิญญาณฟ้า


                นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมที่สถาบันวิญญาณฟ้าถึงมีสภาพเช่นนี้ เอ๊ะนั่นเสียงอะไรน่ะ ดังมาจากรอบๆกำแพงเมือง ที่กำแพงสามารถมองเห็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ และผู้ฝึกยุทธ์กำลังปะทะกับอะไรบางอย่าง นั่นมัน! เกิดการต่อสู้ขึ้นบริเวณกำแพงเมือง หรือว่า


                จินหลงค่อยๆลอยตัวขึ้นไปบนน่านฟ้าเหนือเมืองวายุจันทรา เกิดแสงประกายของการปะทะกัน จินหลงสามารถสังเกตุเห็นได้ว่ามีผู้ฝึกวรยุทธ์กำลังทำการประทะกับสัตว์อสูรที่เข้ามารุกรานเมืองวายุคราม มันเป็นสิ่งที่จินหลงไม่อยากจะเชื่อสายตา ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยเห็นกองกำลังสัตว์อสูรมาโจมตีเมืองด้วยจำนวนที่มากเท่านี้มาก่อน บัดนี้สัตว์อสูรได้เข้ามาโจมตีเมืองจากทุกทิศทุกทาง เมื่อจินหลงทำการประมานด้วยสายตาเขาคิดว่ามันมีจำนวนนับล้านตัว!


                มันเป็นไปได้อย่างไร ทำไมสัตว์อสูรถึงบุกมาโจมตีเมืองมากมายขนาดนี้! เรื่องแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย!


                อสรพิษม่านเปลวเพลิง !” เสียงเทพมังกรดังขัดขึ้นมาความคิด อสรพิษม่านเปลวเพลิงเป็นสัตว์อสูรธาตุไฟชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับงู ลำตัวของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำทมิฬดูแข็งแรงหนาแน่น หากแต่รอบๆเกล็ดของมันยังปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงอีกชั้น


                พวกมันเป็นสัตว์อสูรที่มักอยู่รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้เมืองของเจ้าจะต้องถูกพังกำแพงเข้ามาและบ้านเมืองของเจ้าจะต้องตกอยู่ในกองเพลิงด้วยพลังเปลวเพิงของมันเป็นแน่


                จินหลงกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ พบว่าบัดนี้มีเพียงอสรพิษม่านเปลวเพลิงเท่านั้นที่ทำการรุกรานเมืองแห่งนี้อยู่ แต่เนื่องจากมีผู้ฝึกวรยุทธ์เข้าปะทะกับพวกมันอยู่ตลอดบริเวณกำแพงเมือง พวกมันจึงมิสามารถผ่านประตูเมืองเข้ามาได้ แต่บริเวณริมกำแพงเต็มไปด้วยความพินาศ


                ศิษย์ทุกคนจงฟัง! ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะพลังต่ำกว่าลมปราณก่อตั้งทุกคน จงดูแลผู้บาดเจ็บและอพยพประชาชนแต่เพียงเท่านั้น เพราะอสูรที่บุกมาครานี้ล้วนมีระดับพลังตั้งแต่ลมปราณก่อตั้งขึ้นไป หากเจ้าไม่อยากเอาชีวิตไปทิ้งอย่างไร้ค่า จงทำแต่ในสิ่งที่พวกเจ้าทำได้แต่เพียงเท่านั้น!”


    ขอรับ!”


    เสียงผู้อาวุโสสามของสถาบันวิญญาณฟ้าประกาศดังไปทั่วบริเวณ ศิษย์ทุกคนในบริเวณที่ได้ยิน ต่างส่งเสียงตอบรับคำสั่งกันโดยพร้อมเพียง


    สิ้นเสียงประกาศ ชายคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาหาผู้อาวุโสด้วยความร้อนรน


    ท่านผู้อาวุโสๆ แย่แล้วขอรับ มีคนจากตระกูลหลินและตระกูลซุนส่งข่าวมาขอความช่วยเหลือจากสถาบันว่า บัดนี้ประตูทางทิศเหนือจะต้านไว้ไม่อยู่แล้วขอรับ!”


                ประตูทิศเหนือ! ที่ประตูทิศเหนือมีตระกูลหลินกับตระกูลซุนดูแลอยู่ พวกเขาไม่สามารถต้านไว้ได้เช่นนั้นรึ!”


                มีพวกสัตว์อสูรจำนวนมากที่บริเวณทิศเหนือ เนื่องจากพวกมันเริ่มบุกมาจากทิศเหนือ ก่อนจะกระจายกำลังไปรอบกำแพงเมือง นั่นทำให้ทางประตูทิศเหนือต้องรับมือกับพวกสัตว์อสูรมาตั้งแต่ช่วงกลางดึก มาจนถึงรุ่งเช้า นั่นทำให้พวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก


                เข้าใจแล้ว ตอนนี้ศิษย์ทุกคนที่มีพลังตั้งแต่ชั้นลมปราณก่อตั้งทุกคนออกไปสู้ศึกพร้อมท่านเจ้าเมืองแล้ว ฉะนั้นข้าจะไปเอง เจ้าจงดูแลที่นี่ต่อแทนข้า และให้คนส่งข่าวไปบอกท่านเจ้าเมืองด้วย


                ทราบแล้วขอรับ ตอนนี้คนของตระกูลหลินและตระกูลซุนสองคน พวกเขากำลังรออยู่ที่หน้าสถาบันขอรับ


                จินหลงได้ยินดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งตามผู้อาวุโสสามไปที่หน้าสถาบันทันที เมื่อมาถึงบริเวณหน้าสถาบันเขาสังเกตุเห็นชายหนุ่มสองคนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความอ่อนล้า เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล


                ท่านพี่!” จินหลงวิ่งแซงผู้อาวุโสสามขึ้นไปทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า           


                จินหลง!”


                เป็นเจ้าจริงๆ จินหลง! เจ้าไปอยู่ที่ใดมา!”ชายหนุ่มตรงหน้าเขาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความงงงวย สายตาเขาเกิดความสับสนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจ


                เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะท่านพี่ ท่านพี่เสี่ยวซ่า เป็นอันใดบางขอรับ ท่านบาดเจ็บ!”


                ซุนเซี่ยวซาเป็นหลานของผู้อาวุโสซุนหย่งฉือ ที่ทำการทดสอบเขาเมื่อตอนเขา10 ขวบ เขาเปรียบเหมือนพี่ชายของเขาที่มีความสนิทสนมกันมาก ก่อนหน้านี้เสี่ยวซาได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มเจ้าสำอางใบหน้าเกลี้ยงเกลา แต่บัดนี้ร่างกายล้วนมีบาดแผล  เมื่อเห็นเสี่ยวซาได้รับบาดเจ็บเพียงนี้ จินหลงก็อดเศร้าใจไม่ได้


                เมื่อกลางดึกพวกสัตว์อสูรมันเข้ามาโจมตีเมือง พวกเราที่เป็นหนึ่งในตระกูลที่รับผิดชอบประตูทิศเหนือจึงไปปกป้องตระกูลเมือง จนถึงบัดนี้พวกเราในตระกูลล้วนบาดเจ็บบางคนถึงขั้นตกตาย ข้าไม่อาจะปกป้องทุกคนแทนเจ้าได้ ทั้งๆที่ก่อนที่เจ้าจะมาข้ารับปากกับเจ้าแท้ๆว่าจะช่วยดูแลตระกูลแทนเจ้า ข้ามันเป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่อง ข้าขอโทษนะ


                ท่านพี่อย่าพูดเช่นนั้น! แล้วตอนนี้ท่านปู่ล่ะขอรับเป็นเช่นใดบ้าง ท่านปลอดภัยดีหรือไม่


                ท่านผู้นำปลอดภัยดีและยังคงต่อสู้กับพวกสัตว์อสูรอยู่ หากแต่ท่านผู้นำเห็นว่าเกิดความสูญเสียขึ้นมากกว่าที่คิดไว้และเกรงว่าจะต้านไว้ไม่อยู่ จึงส่งข้ามาขอกำลังเสริม


                ซุนเสี่ยวซาหันไปมองทางผู้อาวุโสที่เพิ่งเดินมาถึง


                คาราวะผู้อาวุโสพวกข้าเป็นคนจากตระกูลซุนและตระกูลหลิน    


                ข้าทราบเรื่องแล้ว คนจากสถาบันล้วนไปพร้อมท่านเจ้าเมืองหมดแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปเองพร้อมกับคนของข้าบางส่วนผู้อาวุโสชำเลืองสายตามาทางจินหลงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น    


                เจ้าเป็นศิษย์สถาบันวิญญาณฟ้าหรือไม่  ระดับพลังการบ่มเพาะพลังของเจ้าอยู่เพียงชั้นกำเนิดลมปราณ เจ้าจงอยู่ดูแลคนเจ็บที่นี่ ! ” สายตาของเสี่ยวซาเต็มไปด้วยความตกใจเขาไม่อยากจะเชื่อ ด้วยเวลาเพียงหนึ่งปีที่เขาหายไป เขาสามารถบ่มเพาะพลังขึ้นมาจนถึงชั้นกำเนิดลมปราณ


                ข้าขอปฏิเสธ


                จินหลงกล่าวขึ้นทันทีที่ผู้อาวุโสพูดจบ


                ข้าเป็นคนตระกูลซุน แม้ว่าข้าจะต้องตกตาย แต่ข้าจะไม่ยอมทิ้งให้ตระกูลของข้าต้องต่อสู้โดยที่ข้าได้แต่นั่งมองอยู่เช่นนี้ และหน้าที่ดูแลประตูทิศเหนือก็เป็นหน้าที่ตระกูลซุน ข้าเป็นลูกหลานของตระกูล ไม่ว่าท่านจะพูดเช่นใดข้าก็จะกลับไปที่ประตูทิศเหนือ !”


                ไอเจ้าเด็กนี่รนหาที่ตาย สายตาของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความคุกกรุ่น ถึงแม้จะเป็นเด็กที่ดูอายุเพียงแค่13-14 แต่ก็เป็นคนที่มากล้นด้วยพรสวรรค์ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีระดับพลังถึงชั้นกำเนิดลมปราณด้วยวัยเพียงเท่านี้ ข้าเสียดายพรสวรรค์ของเจ้าเด็กนี่จริงๆ แต่ก็สมกับเป็นคนของตระกูลกระบี่สวรรค์ มันมีจิตใจของนักรบ!


                หากเจ้าอยากตายข้าก็จะไม่ห้ามเจ้า


                ขอบคุณท่านผู้อาวุโสจินหลงรับประสานมือคาราวะผู้อาวุโสสามทันที ก่อนจะเดินไปประคองเสี่ยวซา


                พวกเจ้าล่วงหน้ากันไปก่อนข้าจะไปพาคนของข้าและรีบตามเจ้าไป


                เมื่อผู้อาวุโสสามจากไป คนตระกูลหลินและพี่เสี่ยวซาก็เดินไปที่ม้าของตน จินหลงมองไปที่ม้าสองตัวที่ยืนอยู่บริเวณใกล้เคียง จริงสิทั้งคนของตระกูลหลินและท่านพี่เสี่ยวซาผู้เขามีระดับการบ่มเพาะพลังเพียงชั้นลมปราณก่อตั้งเพียงเท่านั้น ยังมิสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ผู้ที่บรรลุชะตาสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถทำเช่นนั้นได้


                เจ้าไปกับข้าละกันเสี่ยวซาเอ่ยขึ้น


                ท่านอาจารย์ตัวข้านั้นสามารถใช้พลังแรงโน้มถ่วงกับคนอื่นได้หรือไม่ ข้าเกรงว่าหากไปด้วยข้าจะมิทันการ


                จะว่าได้มันก็ได้ เจ้าทำตามที่ข้าบอกละกัน


                จินหลงเดินเขาไปหาคนตระกูลหลินและเสี่ยวซาพร้อมกับจับไปที่ข้อมือของชายทั้งสอง ก่อนที่ทั้งสามจะค่อยๆลอยขึ้นกับพื้น


                เฮ้ยๆ เกิดอะไรขึ้นเสี่ยวซา น้องเจ้าทำสิ่งใดกัน


                หลินไห่เจ้าใจเย็นก่อน! จินหลงเจ้าใช้วิชาใดกัน


                จินหลงยิ้มแล้วรีบตอบกลับ


                ท่านพี่เสี่ยวซา ท่านพี่หลินไห่ โปรดวางใจนี่เป็นวิชาของข้า ข้าสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ หากข้าแตะตัวพวกท่านไว้เช่นนี้พวกท่านก็จะสามารถเหาะไปพร้อมๆกับข้าได้ ข้าคิดว่าหากขี่ม้ากลับไปคงจะกินเวลานาน เราไปด้วยวิธีนี้จะเร็วกว่า ท่านพี่ทั้งสองเห็นด้วยหรือไม่


                ฮ่าๆ นึกไม่ถึงว่าน้องพี่จะมีความสามารถเช่นนี้  ข้าว่าเหาะไปเร็วกว่าจริงๆนั่นแหละว่าไงหลินไห่ น้องข้าเก่งใช่ไหมล่ะ

                ทำเอาข้าตกอกตกใจ อยู่แค่ชั้นกำเนิดลมปราณกลับสามารถเหาะได้ เจ้านี่โชคดีนะที่มีน้องชายมีพรสวรรค์เช่นนี้ผิดกับเจ้า ฮ่าๆ โอยยยอูยยย


                หลินไห่หัวเราะจนตัวงอ ก่อนจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะเขายังบาดเจ็บอยู่ ระหว่างทางเขาได้ทราบว่า ท่านปู่ได้พาคนในตระกูลบางส่วนที่เป็นผู้มีฝีมือไปร่วมต่อสู้ที่บริเวณกำแพงเมืองและให้บางส่วนลี้ไป ไปหลบที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว ท่านปู่นั้นเข้าปะทะกับพวกอสูรตั้งแต่ช่วงกลางดึกจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้พัก เสี่ยวซากล่าวอีกว่าตอนที่เขามาส่งข่าวท่านปู่นั้นได้รับบาดเจ็บอยู่มากพอสมควร แม้ว่าท่านปู่จะเป็นยอดยุทธ์ หากแต่สัตว์อสูรที่มามันไม่ได้มีเพียงชั้นลมปราณก่อตั้งหากแต่ยังมีพวกที่มีพลังขั้นชะตาสวรรค์อีกด้วย ท่านปู่ที่มีพลังอยู่ระดับชะตาสวรรค์ขั้น 4 จึงลำบากมิน้อยที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกที่มีพลังระดับเดียวกันหรือมากกว่า


                ท่านปู่ของข้ามีธาตุเหมันต์ ซึ่งมันเป็นธาตุที่เหมาะสมที่สุดที่จะสู้กับพวกอสูรอสรพิษม่านเพลิง เพราะเป็นธาตุที่สามารถหักล้างความสามารถซึ่งกันและกันได้ ข้านั้นหวังเพียงแค่ให้ทันปู่ข้าปลอดภัย

               

    บริเวณกำแพงเมืองทิศเหนือ


                เคร้งงๆๆ ฉับบ


                ฟุบบบ


                ด้วยการสั่งการจากผู้นำตระกูลหลินและตระกูลซุนซึ่งเป็นสองตระกูลหลักที่รับผิดชอบดูแลประตูเมืองทางทิศเหนือที่มีการรุนรานของอสูรจำนวนมาก ทำให้ประตูทางทิศเหนือที่แม้ว่าจะมีกำลังพลน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับกองกำลังของประตูทุกทิศ หากแต่จะเทียบความสามารถแล้ว ประตูทิศเหนือก็นั้นแข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน      


                หลังจากลู่หยุนกำลังเข้าปะทะกับอสูรเป็นเวลานานเขาเริ่มมีความเสียเปรียบเล็กน้อย ตอนนี้เขากำลังร่ายรำวิชากระบี่ กระบี่กระจ่างฟ้าเหมันต์เกิดประกายแสงสีขาวเรืองรองอยู่รอบกระบี่ ลู่หยุ่นฟาดดาบไปเบื้องหน้า


                กำแพงวงวนเหมันต์!” เกิดแท่งน้ำแข็งจำนวนหลายหมื่นแท่งพุ่งเข้าโจมตีใส่ฝูงอสูรอสรพิษม่ายเพลิง ทำให้พวกมันตายลงทันทีหลายพันตัว


                หลังจากนั้นลู่หยุนยังคงร่ายรำวิชากระบี่ต่อไปเรื่อยๆเขานั้นฆ่าเหลาอสูรไปนับไม่ถ้วน หากแต่เขาไม่รู้สึกว่ามันลดลงเลยแม้แต่น้อย


                ผู้นำหลิน!” ลู่หยุนตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ ระหว่างที่เขากำลังกระโดดหลบม่านเพลิงของอสูรและฟาดฟันกับอีกตัวที่โจมตีด้วยหางมาทางลู่หยุน เขาสังเกตเห็นประมุขหลินถูกอสรพิษม่านเพลิงตัวหนึ่งใช้หางของมันกำลังจะแทงลงไปที่ประมุขหลินที่พลาดท่าล้มลง


                ลู่หยุนใช้กระบี่เหมันต์เสียบเข้าที่กลางตัวของอสูร และรีบพุ่งไปที่ประมุขหลินทันที


                ตายซะเถอะ!” กระบี่กระจ่างฟ้าเหมันต์พุ่งเป็นเส้นตรงไปที่ตัวที่คร่อมอยู่บนตัวประมุขหลินทันที มันขาดใจตายทันที


                ฉวะ               

                

                ฉึบบบ


                ผู้นำซุนนน!”


                อึกก


                ซุนลู่หยุ่นค่อยๆล้มตัวลง พร้อมกับกระอักเลือดทันที เขาถูกแทงเข้าจากด้านหลัง มันเข้ามาใกล้ลู่หยุ่นโดยที่เขาไม่ทันสังเกตมัน ใช่แล้วมันคือ อสูรอสรพิษม่านเปลวเพลิงระดับลิขิตสวรรค์!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×