คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : [SF] The Tyrant and His Rebel
ภายในอพาร์ตเมนท์สีขาว พื้นมันปลาบสีเทาสะท้อนเงารองเท้าหนังสีดำหุ้มข้อที่กำลังก้าวฉับๆ ตรงไปยังลิฟ ขาเพรียวก้าวออกมาเมื่อลิฟท์จอดที่ชั้นเจ็ด เลี้ยวขวาถัดไปสี่ห้องเจ้าของรองเท้าสวยก็ทิ้งกระเป๋าสองใบที่หิ้วมาด้วยดังตุ้บ พลันกดกริ่งรัวประหนึ่งปืนกลลั่นกระสุน
ประตูไม่ได้เปิดรวดเร็วดังใจ ซ้ำใบหน้าของคนที่โผล่มาดูเหมือนจะไม่ต้อนรับเขาสักเท่าไร
“ให้เดานะ ทะเลาะกันอีกแล้วหรอ?” ไม่มีคำทักทายใดจากเจ้าของบ้านนอกจากสมมติฐานเดิมๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
“อือ”
“แล้วทำไมต้องมาบ้านผมด้วย บ้านคนอื่นก็มี ทงเฮ มินโฮ แอมเบอร์” หนุ่มร่างสูงโปร่งที่ยืนค้ำประตูอยู่ เกาหัวยุ่ง พลางไล่ชื่อลิ่วล้อในสังกัดของแขกไม่ได้รับเชิญ แสดงให้เห็นว่าตัวผู้มาเยือนเป็นลูกบอลที่ใครๆ ต่างก็ผลัดกันโยน แต่วันนี้แจ็กพ็อตดันมาแตกที่เขา ซวยเสียไม่มีดี
“พวกนั้นแม่งไม่เปิดประตูให้ว่ะ” คนที่มายืนกดกริ่งจนแทบพรุนเท้าสะเอวบอก
คยูฮยอน นึกในใจ ‘เออ แล้วทำไมเขาต้องเปิดประตูให้ด้วยวะ หายนะมาเยือนแท้ๆ’ แต่ครั้นจะปิดประตูก็ไม่ทันแล้วเมื่อแขกไม่ได้รับเชิญรีบเดินเข้ามาในห้องพร้อมทิ้งสัมภาระเป็นกระเป๋าหลุยส์สองใบให้เจ้าของบ้านแบกเข้ามา
“ให้มันได้อย่างนี้สิ”
มาถึงก็ปีนขึ้นไปนั่งพาดขาบนเคาท์เตอร์ เอื้อมมือไปหยิบเครื่องดื่มใต้บาร์มาผสมกินเองเสร็จสรรพ
เด็กหนุ่มส่ายหัว เมื่อบั้นท้ายตึงของอีกคนอยู่ไม่ห่างจากแก้วสวารอฟสกีที่เขาดื่มเสร็จก็ตั้งทิ้งไว้ โดยที่อีกคนก็ไม่คิดจะเลื่อนออกให้เลย
“ตรงนั้นมันใช่ที่นั่งหรือไง ทำตัวปกติเหมือนคนไม่เป็นเหรอ” ว่าพลางก็โยนกระเป๋ากองไว้ตรงเขตที่พ้นประตูบ้านหน่อยหนึ่งแล้วเขาเท้าเขี่ยประตูให้ปิด
คนถูกว่ากัดปากพร้อมกับชี้หน้าทำนองว่าอย่ามาพูดจาสามหาวอย่างนี้
“หวงไม่เข้าเรื่อง แก้วนี่เหนียวจะตาย อยากรู้ว่าฟาดหัวแกจะแตกไหม”
“มาบ้านคนอื่นแต่พูดจาหมาไม่รับประทานอย่างนี้ระวังเขาเตะออกจากบ้านนะ...” ว่าเป็นพิธีก่อนจะถามเข้าเรื่อง “ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ ให้เวลาสิบนาทีรีบๆ เล่ามาให้จบแล้วไปซะ” ทำเป็นอยากรู้ไปงั้นแหละ ความจริงคืออยากให้รีบเสด็จย้ายก้นออกไปต่างหาก
ฮยอกแจ ฮึกๆ ฮักๆ ทำท่าเหมือนจะวีนแต่ก็เงียบลงคล้ายว่ากำลังเปลี่ยนโหมด ดูจากริมฝีปากที่ห่อเข้าหากัน กับจมูกที่ย่นขึ้นเล็กน้อย ทายได้เลยว่าน่าจะเป็นโหมดดราม่า คยูฮยอนเดินอ้อมไปด้านหลังเคาท์เตอร์บาร์แล้วหยิบเครื่องดื่มมาชงบ้าง ก่อนจะนั่งลงบนสทูลใกล้กับฮยอกแจจะได้ฟังถนัด
“เล่ามาสิพี่ หายใจเข้าลึกๆ คิดช้าๆ รู้สึกอะไรก็พูดออกมา”
ฮยอกแจรวบรวมพลังอยู่สองสามวิก็โพล่งออกมา ทำคนที่นั่งข้างกันแก้วหูเกือบแตก
“นิ-สัย-ไม่-ดี จอม-เผด็จ-การ เอา-แต่-ใจ บัด-ซบ!!!”
“นี่พี่!”
“อะไร”
“พูดเบาๆ จะได้ไหมทำอย่างกับว่าอยู่ภูเขาคนละลูก ต้องตะโกนใส่กัน”
“ไอ้นี่!” ฮยอกแจพองลมโมโห พูดไปก็คงจะไม่สำนึกหรอกคยูฮยอนเลยชวนคุยต่อ
“ลองคิดดีๆ สิว่าผัวพี่เป็นใคร”
“ชเวซีวอน หัวหน้าแก๊งส์มาเฟียอันดับหนึ่งของเกาหลี” ตะเบ็งเสียงดังเหมือนเดิมแต่เบากว่าครั้งแรกหน่อย
“จะให้มาติงต๊อง ง้องแง้งได้ไหม”
อีกฝ่ายเงียบ เหมือนจะคิดได้ว่าจริง
“ก็ ก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้น...” ฮยอกแจเริ่มทำหน้าเศร้าอีกครั้ง “แต่ทำไมไม่อบอุ่น โรแมนติกเหมือนคนอื่นเขาบ้าง... ทำไมเวลาทำผิดอะไรแล้วไม่เคยขอโทษ ทำไมไม่ปลอบเวลาที่ฉันเสียใจ กอดแล้วก็ลูบหัวฉันบ้าง...ทำไม... บางทีก็แข็งกระด้างซะจนเหมือนไม่มีหัวใจ”
เฮ้อ คยูฮยอนก็ตอบไม่ได้เหมือนกันแต่มาโหมดนี้ฮยอกแจที่เปรี้ยวซ่ากลับดูบอบบางลง จนคยูฮยอนอดสงสัยไม่ได้ว่า...ซีวอนจะใจแข็งขนาดปลอบฮยอกแจไม่ลงเลยหรอ เท่าที่รู้ซีวอนพิศวาสฮยอกแจมาก ไม่นับความรักความผูกพันที่มีให้กันหลายปี คงจะไม่น้อยจนเอ็นดูฮยอกแจไม่ได้หรอก
“พี่...”
“อะไร”
“ทำไมไม่เก็บคำพูดนี้ไปบอกเขาเอง...”
“ไอ้นี่!” ฮยอกแจกำลังจะสวนแต่ก็เงียบลงเมื่อคยูฮยอนห้ามไว้
“พี่เคยร้องไห้ต่อหน้าเขาหรือเปล่า...”
“คนที่ทำให้ฉันเจ็บ ไม่มีวันได้เห็นน้ำตาของฉัน” ฮยอกแจขบฟันพูด จริงๆ คุณพ่อเคยสอนไว้ว่า อย่าให้ใครเห็นน้ำตาลูกผู้ชายเด็ดขาด ทว่าตั้งแต่เป็นเด็กยันโต ฮยอกแจมีต่อมน้ำตาที่เซนซิทีฟมากจึงเปลี่ยนสโลแกนใหม่เป็น ร้องไห้กับใครก็ได้ยกเว้นคนที่ทำให้ตัวเองเสียใจ
คยูฮยอนก้มดูนาฬิกาก่อนจะสรุปคำแนะนำแบบเร่งรัดเท่าที่สมองระดับกุนซือคิดออกในเวลาน้อยนิด
“นี่จะบอกให้ ผู้ชายเวลาเห็นน้ำตาของคนที่ตัวเองรักแล้วมันโคตรหวั่นไหว ถ้าซีวอนทำอะไรให้ไม่พอใจละก็ บีบน้ำตาลูกเดียว เข้าใจไหม”
“แต่...”
คยูฮยอนรีบตัดบทด้วยการเดินไปหยิบกระเป๋าของฮยอกแจมายัดใส่มือ แต่ฮยอกแจกลับโยนมันทิ้ง
“ยังไม่เสร็จเรื่อง”
“อะไรอีกล่ะ ห้านาทีพอไหม”
“อือ กอด...” ฮยอกแจทำหน้าเหมือนหมาเหงาก่อนจะโดดจากเคาท์เตอร์มานั่งตักคยูฮยอนแล้วซุกหัวลงไปกับไหล่น้องร่วมสาบาน เหมือนเด็กขาดความอบอุ่นไม่มีผิด
“กอดแล้ว พอใจหรือยัง”
“ลูบหัว”
นอกจากเป็นเด็กแล้วฮยอกแจยังชอบเป็นหมาอีก คยูฮยอนกลอกตา
“ผมไม่ใช่ผัวพี่นะ อะ ลูบก็ลูบ ไปได้หรือยัง”
“อย่าเพิ่งไล่สิ ขอกอดนานๆ หน่อยไม่ได้หรอไง นายเป็นน้องรักฉันนะ”
ขณะที่กำลังกอด ไม่มีจูบ มีแต่ลูบนิดหน่อย เสียงประตูหน้าโดนเขย่าก็ดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงวัตถุขนาดใหญ่กระแทก คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมอง ยังไม่ทันได้ทำอะไร เพียงแค่เสี้ยววินาทีประตูก็ขาดกระเด็นออกจากกันพร้อมเสียงระเบิด...
เศษไม้ปลิวกระจายชวนให้นึกถึงฉากในภาพยนตร์แอ็กชัน ทว่าประตูที่ออกแบบมาอย่างดียังคงตั้งอยู่ แต่มีรูโบ๋ขนาดใหญ่พอที่สิงโตจะกระโดดรอดเข้ามาได้ รองเท้ามันเงาของใครก็ไม่ทราบช่วยถีบยันส่วนที่เหลือให้หลุดออก กลายเป็นทางเข้าสวยงาม(?)
“เคลียร์” ได้ยินเสียงมาจากหน้าประตู “ระเบิดชนิดอ่อนสุดแล้วครับท่าน”
ชายชุดดำห้าหกคนนำหน้าเข้ามาสำรวจต้นทาง ก่อนจะตามด้วยชายร่างสูง กล้ามเนื้อหนั่นแน่นแทบล้นเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกางเกงแสล็กสีดำ รองเท้าเงาปลาบ สายตาที่ชายผู้นั้นมองคยูฮยอนและฮยอกแจแทบลุกเป็นไฟ
ทั้งฮยอกแจและซีวอนมองหน้ากันอยู่สักพัก เหมือนเล่นเกมใครกระพริบตาก่อนแพ้ เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น ซีวอนเลยหันมาจ้องคนที่ฮยอกแจนั่งตักบ้าง คยูฮยอนนึกได้จึงค่อยๆ ประคองฮยอกแจลงพื้นก่อนยกมือเสมอบ่า สองขาก้าวถอยหลังไปยืนหลังเคาท์เตอร์ ปล่อยให้คู่สามีภรรยาเขาเคลียร์กันเอง ส่วนเขาขออยู่ในมุมสงบไม่ยุ่งด้วย
“ฮยอกแจกลับบ้าน!”
“ไม่!”
ใบหน้าหล่อจัดของซีวอนเครียดขมึง ชายหนุ่มก้าวเข้ามาหาคนรักช้าๆ
“กลับ”
“ไม่”
ซีวอนกวักมือเรียกลูกน้องคนสนิท มันส่งปืนสั้นสีดำให้เจ้านายอย่างรู้งาน แม้คยูฮยอนจะเริ่มชินกับวิถีของมาเฟียบ้างแล้วแต่ก็อดตกใจไม่ได้ที่ซีวอนจะเถื่อนขนาดเอาปืนมาขู่คนรัก นึกแล้วก็สงสารฮยอกแจ
“กลับ”
“ไม่”
“ไม่กลับไอ้นี่ตาย”
แล้วแจ็คพอตก็ดันพลิกล็อกเมื่อเป้ากระสุนกลายเป็นหัวของคยูฮยอนแทน คิดไปคิดมาฮยอกแจไม่น่าสงสารหรอก คนรอบข้างฮยอกแจน่าเวทนากว่าเยอะ
“ตายก็ตายสิ”
เฮ้ย พูดแบบนี้ไม่ได้นะ คิดในใจก่อนจะใช้เวลาเศษเสี้ยววินาทีหลบให้พ้นทางปืนแล้วเอาเท้าสะกิดยันให้ฮยอกแจเซเข้าใส่ซีวอน ซีวอนก็ต้องรับไว้ตามระเบียบ รู้สึกโล่งอกเมื่อฮยอกแจอยู่ในอ้อมแขนซีวอน นั่นหมายความว่าปืนของซีวอนไม่ได้เล็งหัวคยูฮยอนแล้ว แต่ของลูกน้องซีวอนกลับตรงกันข้าม
“อย่ามาแตะเมียกู” ซีวอนเข่นเสียงลอดไรฟัน
‘ไม่ได้แตะครับ รองเท้าแตะ’ เด็กหนุ่มได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าพูด
ฮยอกแจดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนของซีวอน เมื่อเนื้อเข้าปากเสือแล้วก็ยากที่เสือจะคาย ซีวอนรวบตัวฮยอกแจไว้โดยมีชายชุดดำล้อมหน้าล้อมหลังทึมทึบเต็มไปหมด
“ปล่อยฉัน” ฮยอกแจกรีดเสียงแต่ก็ไม่ได้รับความเห็นใจ ซีวอนจัดการลากตัวภรรยาสุดที่รักผ่านประตูที่ไม่มีบานพับออกไปพร้อมกับลูกสมุน คงเหลือไว้แต่เศษซากหายนะให้คยูฮยอนดูเล่น
ให้ตายเถอะ วันหยุดของเขาและบ้านของเขาต้องพังลงเพราะชนวนระเบิดเคลื่อนที่อย่างฮยอกแจ มีสามีเป็นมาเฟียว่าร้ายแล้ว แต่ร้ายกว่านั้นคือการมีพี่ร่วมสาบานที่มีสามีเป็นมาเฟีย
----------------------------------------------------
เลกซัสสีดำจอดหน้าคฤหาสน์ตระกูลชเวโดยที่ฮยอกแจไม่เต็มใจโดยสารมาด้วย แย่ที่สุดคือสามีสุดห่วยของเขายังใส่กุญแจมือไม่ให้เขาหลบหนีระหว่างทาง ฮยอกแจอยากจะบ้า เขาจะทนจอมเผด็จการพรรค์นี้ไหวได้อย่างไร อุตส่าห์ตั้งใจหนีให้อีกฝ่ายตามมาง้อ นี่ดันไม่ง้อไม่แง้อะไรเลย ไปถึงก็ถล่มบ้านคยูฮยอนแล้วลากตัวเขากลับมา แม้แต่คำพูดคำจาดีๆ ก็ไม่มีให้สักคำ กระทำต่อเขาไม่ต่างจากสิ่งของ น่าน้อยใจจริงๆ
“ขอร้องเถอะครับคุณฮยอกแจ อย่าคิดหนีอีกเลยครับ”
ลูกน้องของซีวอนพยายามต้อนนายหญิง(?)เข้าบ้านตามคำสั่งนายใหญ่ ขณะที่นายใหญ่แยกตัวออกไปคุยโทรศัพท์กับท่านรัฐมนตรีทิ้งให้ฮยอกแจแผลงฤทธิ์ซัดเด็กๆ ในบ้านแก้โมโห
มือทั้งสองข้างถูกล็อกไขว้ไว้ด้านหลัง ฮยอกแจจึงอาศัยปลายขาสะบัดตบหน้าทุกคนที่เข้ามา สลับกับถีบยอดอก ยอดหน้า แม้ตัวจะบางอ้อนแอ้นแต่ก็มือเท้าหนักสมกับเป็นทายาทนักฆ่า ทำเอาลูกน้องของซีวอนหน้ายับไปตามๆ กัน ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้นอกจากวิ่งเข้าชน ดักซ้าย ดักขวาไม่ให้ฮยอกแจหนี พวกมันต่างกลัวโทษจากซีวอนจึงไม่กล้าแตะต้องฮยอกแจ
“ไม่ห้ามสักหน่อยหรอครับ” มือขวาของซีวอนถามขึ้นขณะที่เห็นนายใหญ่อมยิ้มมองความร้ายกาจของภรรยาตัวเอง
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็หมดแรงเอง”
“จัดการหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่มีใครอยู่สนองงานท่านเพราะเข้าโรงพยาบาลกันหมด”
ซีวอนยิ้มนิดหนึ่งก่อนเดินเข้าไปสาธิตวิธีจับนางแมวด้วยมือเปล่า ร่างสูงเผชิญหน้าอย่างเปิดเผย ฮยอกแจเห็นแล้วแยกเขี้ยว แม้ว่าจะเป็นคนรักแต่ซีวอนก็ไม่ได้รับการละเว้น ร่างบางสะบัดขาใส่ แต่ซีวอนก้มศรีษะหลีกก่อนจะรวบท่อนขาทั้งสองข้างเอาไว้ แขนที่แข็งแรงจับร่างบางยกขึ้นพาดหลัง ง่ายดายราวกับจับลูกหมู
“ปล่อย!” ฮยอกแจที่ถูกจับได้ยังไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ สองมือพยายามตีซีวอนให้โดนหากก็ยากเพราะถูกล็อกไขว้หลังไว้
ร่างบางถูกโยนลงบนเตียงกว้าง กระนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ใช้สองขาถีบสุ่มจนซีวอนต้องเอาน้ำหนักตัวกดคร่อมไว้
“ที่รักชักจะเก่งไปแล้วนะ” ฝ่ามืออุ่นเชยใบหน้าขาวนวล “รู้หรือเปล่าว่าฉันชอบที่นายเก่ง แต่ก็ไม่ควรเก่งกับฉัน”
“ไม่” ร่างบางกรีดเสียง
“เป็นเมียทำไมถึงไม่เชื่อฟังสามีล่ะ”
“ปล่อยฉัน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่” ฮยอกแจว่า “ไม่อยากอยู่กับนาย คนขี้บังคับ”
จากที่อยู่ในอารมณ์หยอกล้อก็กลับกลายเป็นโกรธ
“จะไปไหน ไปอยู่บนตักคนอื่นอย่างที่ทำเมื่อกลางวันน่ะหรอ”
“ไม่ใช่เรื่อง” ฮยอกแจว่าก่อนจะเอามือที่ไขว้หลังอยู่ลอดขาแล้วยกขึ้นเกี่ยวคอซีวอนลงมา ร่างบางอาศัยความพลิ้วพลิกตัวขึ้นกดซีวอนไว้ด้านล่างก่อนใช้เข่ากระแทกท้องที่เต็มไปด้วยลอนกล้าม
ซีวอนเก็บปืนไว้ในลิ้นชักข้างเตียง ฮยอกแจโจนเข้าไปหาหวังหยิบมาลั่นไกให้กุญแจมือขาดออกจากกัน ทว่าเสียเชิงเมื่อถูกซีวอนจับขาได้แล้วดึงกลับมา
“จะพยศไปถึงไหน จะต้องล่ามด้วยอะไรถึงจะอยู่”
ฮยอกแจโกรธจัด เมื่อแอบคิดว่าซีวอนทำกับเขาไม่ต่างจากสิ่งของ โกรธจนเลือดขึ้นหน้า หูแดง ตาแดง น้ำตาคลอ
"เอาสิ ล่ามฉันไว้เลย ผูกเชือกฉันติดไว้กับนาย นายไปไหนฉันจะได้ไปด้วย จะไปหา คู่ค้า รัฐมนตรี อีหนู ฉันจะได้อยู่กับนายทุกที่"
แล้วพลันคิดถึงคำที่คยูฮยอนว่า
‘ผู้ชายเวลาเห็นน้ำตาของคนที่ตัวเองรักแล้วมันโคตรหวั่นไหว’
หรือเขาจะลองใช้น้ำตาแห่งความโกรธให้เป็นประโยชน์ดูสักครั้ง ร่างบางเอื้อนเอ่ยต่อ พยายามลดเสียงให้ฟังดูแผ่ว บีบเค้นน้ำตาที่คลออยู่นิดนึงให้ไหลลงมาเป็นหยด
อีฮยอกแจก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า...
"ทำอย่างที่ทำอยู่นี่แหละ ไม่ต้องรับรู้ว่าฉันเจ็บ ฉันเสียใจ น้อยใจที่มีคนรักอย่างนาย" ร่างบางว่า
หากน้ำตาที่บีบออกกลับเล็กมาก เมื่อล้นออกก็กระจายหายไปอย่างรวดเร็วจนซีวอนอาจจะมองไม่ทัน
ฮยอกแจจนปัญญาเพราะเขาไม่ได้ถนัดเรื่องจริตมารยาอย่างคยูฮยอน
"เสียใจเรื่องอะไรกัน ฉันไม่คิดจะล่ามนายไว้ด้วยโซ่ ด้วยตรวน สิ่งเดียวที่ฉันจะล่ามนายไว้คือแขนของฉันต่างหาก"
“แขนที่เอาแต่ใจ ชอบบังคับน่ะหรอ แขนที่ใส่กุญแจมือฉัน แบกฉันขึ้นมาแล้วก็ดักไว้ไม่ให้ไปไหน” ฮยอกแจว่า
ซีวอนกระชากกุญแจมือของฮยอกแจจนขาดออกจากกัน ร่างบางพบว่ามันเปราะเสียยิ่งกว่าอะไร
“แขนที่ปลดพันธนาการนายออก แล้วคล้องนายเอาไว้แทน อย่าพูดมากนักเลย นายผิดที่หนีไปเอง มาดูซิโทษของนายวันนี้จะทำให้นายตายในอ้อมแขนฉันหรือเปล่า”
ฮยอกแจตั้งถ้าจะเถียงว่าซีวอนมีสิทธิ์อะไรมาลงโทษเขาแต่ก็ถูกปิดปากด้วยจูบร้อน ร่างบางขยับขัดขืนก็ยิ่งถูกทับให้กลืนลงไปในที่นอน ซีวอนแข็งกระด้างทุกอย่างยกเว้นสิ่งเดียว รสรักของซีวอน
“อืม”
ฮยอกแจที่ขัดขืนมาทุกขั้นตอนดูเหมือนจะคลายฤทธิ์ลงเมื่อถูกซีวอนปรนเปรอด้วยริมฝีปากอุ่น ร่างบางปล่อยให้ซีวอนกระทำตามใจ อาการดิ้นเป็นเดาะสะโพกขึ้นลงตามจังหวะ
“เร็วๆ สิซีวอน”
กำลังจะถึงฝั่งก็ถูกเบรกเมื่อซีวอนถอนริมฝีปากออก แล้วแทนที่ด้วยสัมผัสร้อนวาบที่สะโพก จังหวะรักไม่ได้ถูกควบคุมโดยฮยอกแจอีกต่อไป
ร่างบางนอนซมเป็นแมวสิ้นฤทธิ์ ความรักของซีวอนทำให้ฮยอกแจเย็นลงขั้นหนึ่งก็จริงแต่ก็ไม่อาจทำให้ลืมประเด็นเรื่องที่ฮยอกแจหนีออกจากบ้าน
น้ำเสียงเครือแผ่วเอื้อนเอ่ย
“ซีวอน เมื่อเช้านายว่าฉัน....” พูดไม่ทันจบประโยคซีวอนก็ปิดริมฝีปากเจ่อแดงอีกครั้งด้วยการทำให้มันเจ่อแดงยิ่งขึ้น
“เมื่อเช้าก็เป็นเรื่องของเมื่อเช้า ฉันไม่จำอะไรที่มันผ่านมาแล้วหรอก ยกเว้นมันจะสำคัญจริงๆ”
“แต่ฉัน...” ฮยอกแจยังไม่ทันขัดซีวอนก็ขัดขึ้นก่อน
“นอนซะ พักผ่อนจะได้มีแรง”
ซีวอนจูบเปลือกตาทั้งสองแล้วส่งฮยอกแจเข้านอนทั้งที่ยังค้างคาใจ แต่ความเหนื่อยล้าพาเอาแมวหมดแรงอย่างฮยอกแจนอนนิ่งเหมือนถูกปิดสวิตซ์ สัมผัสสุดท้ายก่อนหลับใหลคืออ้อมแขนของซีวอน
แสงแดดกระทบเปลือกตาให้เห็นเป็นสีส้ม ฮยอกแจเลยหรี่ตาขึ้นดูก็ถูกกดด้วยสัมผัสแผ่วเบาบนเปลือกตา ร่างบางหลับมันลงพริ้มก่อนจะเปิดมันอีกครั้ง สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของซีวอน
“อรุณสวัสดิ์”
“อืม” ฮยอกแจว่า ทำท่าจะพลิกตัวหันหลังให้แสงแล้วหลับต่อ แต่เอ...เมื่อกี้เขาเห็นอะไรแปลกไป บรรยากาศห้องไม่นี้ไม่เหมือนห้องนอนของเขากับซีวอนที่คฤหาสน์
ร่างบางกวาดตาไปรอบๆ ก็ยิ่งไม่คุ้นเคย
“ที่ไหน” ฮยอกแจถามแต่ไม่รอคำตอบ เขาดีดตัวขึ้นมาจากอ้อมแขนซีวอนแล้วสำรวจรอบๆ
ห้องกว้าง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบๆ ผนังห้องบุด้วยไม้ เพดานเป็นไม้ หน้าต่างรายรอบที่สำคัญกว่านั้น วิวนอกหน้าต่างคือท้องฟ้าสีอ่อนตัดกับทะเลสีน้ำเงินเข้ม ดอกไม้สีเหลืองบานสะพรั่งเลียบชายฝั่ง
“เชจู” หันหน้าไปถามซีวอน
“อืม”
“ตั้งแต่เมื่อไร”
“มาถึงตั้งแต่แปดชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว”
“ยังไง”
“ก็มีเครื่องบินส่วนตัวไว้ทำอะไรล่ะ”
อีฮยอกแจยิ้ม ยิ้มเล็กๆ พยายามจะไม่ให้ซีวอนเห็น
วันก่อนโน้นเขาบ่นกับซีวอนเองว่าอยากมาเที่ยวเชจู อยากกินส้มเชจู อยากดูดอกไม้บาน แต่ซีวอนก็ไม่สนใจมัวเอาเวลาไปให้คู่ค้าหรือไม่ก็ใครไม่รู้ที่ซีวอนอ้างว่าเป็นเรื่องงาน ไหนจะเรื่องที่ซีวอนชอบพูดจาขวานผ่าซาก ปากหนัก ไหนจะเรื่องที่ชอบบังคับให้ฮยอกแจอยู่ในกฎระเบียบที่ซีวอนสร้าง ไหนจะอะไรอีกมากมาย
ก่อนจะมาระเบิดบูมตอนเช้าเมื่อวาน เมื่อซีวอนพูดว่า
‘คิดแต่เรื่องของตัวเอง’ แปลความได้ว่าเขาว่าฮยอกแจเห็นแก่ตัว มันเป็นการใส่ร้ายที่รุนแรง เพราะความจริงฮยอกแจอยากให้ซีวอนได้พักผ่อนต่างหาก เขาหมดความอดทนและชิ่งหนีไปหาน้องๆ ในสังกัดแต่ก็ไม่มีใครอยากต้อนรับสักคน ทุกคนต่างกลัวซีวอน
“อยู่ดีๆ ก็ลากฉันมาที่นี่ไม่บอกไม่กล่าว นายน่ะเป็นจอมบงการรู้ไหม” ฮยอกแจว่า
ซีวอนที่นอนตะแคงอยู่บนที่นอนลุกขึ้นแล้วเดินมาหา ยกมือขึ้นเชยคางมน
“นายก็เป็นจอมพยศเหมือนกัน เราเสมอกันกันที่รัก”
ว่าดังนั้นก่อนจะจุมพิตรับอรุณ เย้ยแสงแดดและเกลียวคลื่นบนเกาะเชจู
ไม่มีคำขอโทษที่ชัดเจน
แต่ฮยอกแจก็ไม่ถือสา
ชเวซีวอนเป็นคนปากหนัก เอาแต่ใจ จอมเผด็จการก็จริง แต่สิ่งที่ทำให้ฮยอกแจไม่เสียใจที่ได้อยู่กับซีวอนก็เพราะ...
ซีวอนทำเขาเป็นคนพิเศษ...
กว่าทุกคน
“อื้อ ซีวอนยังไม่ได้ปิดม่านเลย” ฮยอกแจที่ถูกยกลงไปวางบนเตียงอีกรอบท้วงขึ้น
ซีวอนหยิบปืนสั้นที่ซ่อนไว้ตรงหัวเตียงออกมา จ่อไปที่รางม่านโดยไม่ต้องเล็ง
ปัง
รางม่านห้อยตะแคงสามสิบองศา พาให้ผ้าม่านไหลตามราง ปิดหน้าต่างโดยอัตโนมัติ
“ซีวอนยังเหลืออีกสี่บาน”
ปัง ปัง ปัง ปัง...
“นัดที่เหลือเก็บไว้ให้ฮยอกแจแล้วนะ”
“จะยิงฉันหรอ”
“ยิงระยะประชิดเลยล่ะ”
สีหน้าของฮยอกแจเปลี่ยนเป็นสีชมพูเมื่อเข้าใจความหมายที่แท้จริง
“อย่าทำฉันพรุนก็แล้วกัน...”
End.
ฟิคค่อนข้างจะบ๊องเหมือนคนเขียนนะคะ อิอิ
ความคิดเห็น