ลำดับตอนที่ #34
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : ลิงสู้ยักษ์
ศึกเทพอสูรมหาสงคราม
ตอนที่ ๓๔ ลิงสู้ยักษ์
    ใกล้จะรุ่งเช้าของวันใหม่ บาลมารอสูร ออกมายืนอยู่นอกโดมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยกทัพข้ามภูเขาทั้ง ๒ ลูก เขามองดูเหล่าทหารที่อยู่ในชุดทำศึกเดินกันไปมาภายในค่าย ทหารบางกลุ่มกำลังขนย้ายข้าวของหลายชิ้นและผูกรัดตึงสัมภาระ ทหารบางกลุ่มก็จัดตั้งแถวเพื่อรอคำสั่งออกเดินทาง ถึงแม้ทหารเหล่านี้จะเดินทางรอนแรมมาไกลหลายวันแล้วแต่ทุกคนกลับมีท่าทางคึกคักพร้อมทำศึกอยู่ทุกเมื่อ ไม่มีท่าทางอ่อนล้าให้ได้เห็น
“ มองอะไรอยู่ บาลมารอสูร? “
เทวิณา เดินเข้ามาเงียบๆและเอ่ยทักขึ้น นางเองก็อยู่ในชุดทำศึกเช่นกัน  ท่าทางการเดินของนางดูทะมัดทะแมงไม่น้อย หากมองดูอยู่ไกลๆคงไม่มีใครมองออกว่านางเป็นผู้หญิง  จะขัดกันก็แต่ชุดทำศึกสีดำที่นางสวมใส่อยู่ช่างตัดกับผิวขาวๆของนางจนแลดูไม่เข้ากัน กระทั่งบนใบหน้าก็ไม่มีเครื่องประทินโฉมอย่างที่ผู้หญิงทั่วไปจะต้องใช้แต่งแต้มยามออกมาข้างนอก แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้นางดูขี้ริ้วขี้เหล่แต่อย่างใด ด้าน บาลมารอสูร เมื่อได้ยินเสียงร้องทักจึงได้หันหลังกลับมามอง ก่อนเดินเข้าไปหา เหล่าทหารที่เดินอยู่ต่างหลีกทางให้กับแม่ทัพใหญ่
“ ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็ยืนแค่ยืนดูพวกทหารเตรียมตัวออกเดินทางเท่านั้นเอง “
ในน้ำเสียงที่ดูปกตินั้นเป็นเรื่องจริงเพียงแค่ครึ่งเดียว
“ เจ้ามีอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า? “ 
บาลมารอสูร จะไม่กล้าที่จะตอบนางตอบนาง เพราะจริงๆแล้วเขากำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่
“ เปล่า “ บาลมารอสูร ท้าวแขนลงบนรั้วไม้ที่ใช้ล้อมทำเป็นคอกม้า
“ โกหก “ นางเปล่งเสียงออกมาเต็มคำ มีแต่ต่อหน้านางเท่านั้นที่ บาลมารอสูร จะโกหกอะไรก็ไม่เคยแนบเนียนเลย
“ เฮ้อ! จะมีครั้งไหนที่ข้าหลอกเจ้าได้บ้างนะ “ บาลมารอสูร บ่นเบาๆ
เทวิณา กลั้วหัวเราะเยาะเขาพลางพูดว่า
“ ต่อให้อีกกี่ร้อยครั้ง เจ้าก็ยังหลอกข้าไม่ได้หรอก “
“ ก็คงจะเป็นอย่างนั้น “ บาลมารอสูร รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
“ เจ้าคงคิดเรื่องของ มหิงสูร อยู่ล่ะสิท่า“ เทวิณาลองคาดเดาดู
บาลมารอสูร พยักหน้ารับ
“ มหิงสูร โมโหเจ้าน่าดู ตอนเจ้าสั่งให้เขาไปบัญชาการรบที่ นครอัญจารี แทนเจ้า ป่านนี้ไม่รู้ว่าหายโกรธเจ้าแล้วหรือยัง “
พูดถึง มหิงสูร แล้ว บาลมารอสูร ก็รู้สึกหนักใจไม่น้อย
“ มหิงสูร กับ พิณตะลาสูร ก็เหมือนน้ำมันกับไฟ ขืนให้อยู่ด้วยกันมีหวังทำอะไรเอาแต่อารมณ์ ยิ่ง ชาเรกัณฐ์ ตายไป เจ้านั้นก็คงคุ้มคลั่งจนเจียนบ้า “ บาลมารอสูรว่า
“ แน่ล่ะ ทั้ง ชาเรกัณฐ์  พลาสูร  มหิงสูร เข้ามาเป็นขุนพลมารพร้อมกัน ถึงไม่ใช่พี่น้องกันก็เหมือนพี่น้องกัน “
อยู่ดีๆสีหน้าของ บาลมารอสูร กลับเศร้าลง
“ .......นั้นสินะเจ้าสามคนนั้นเหมือนพี่น้องกันจริงๆ “ บาลมารอสูร รำพึงเบาๆ เทวิณา รู้ว่าคำพูดของนางสะกิดใจเขาแต่คิดจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาก็ไม่ทันเสียแล้ว
“  ตั้งแต่ บาลนรดี ตายไป ข้าเองก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว “
คำพูดประโยคนี้ก็ทำให้ เทวิณา มีสีหน้าหมองเศร้าและหดหู่ลงเช่นกัน
“ ข้าเองก็ยังคิดถึงเขาอยู่เสมอ “ เทวิณา แอบกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ออกมา นางไม่อยากให้ใครได้รู้ว่าแท้จริงแล้วนางไม่ได้เข็มแข็งอย่างที่ใครๆเห็น
“ ลูกเจ้าอายุกี่ขวบแล้ว? “
เมื่อนึกถึงลูก เทวิณา รู้สึกคิดถึงเขาขึ้นมาจับใจนานหลายเดือนแล้วที่นางไม่ได้กลับไปดูแลลูกของนางเลย
“ สิบขวบแล้ว “
“ เผลอแผล็บเดียวสิบปีแล้วอย่างนั้นหรือ?  “ ดวงตาของ บาลมารอสูร เหม่อลอย เหมือนกำลังรำลึกถึงอดีตครั้งเก่า ภาพของ บาลนรดี ปะปนกับภาพของเขาในอดีตเมื่อครั้งสมัยยังเป็นเด็ก
“ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเป็นขุนพลมารเหมือนยังข้าเลย บาลนรดีเอง ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันกับข้า “
เทวิณา พูดอย่างช้าดวงตามีแววโศกเศร้าปนอยู่
“ ข้าหากไม่ยิ่งใหญ่พอ ลูกของข้าก็คงต้องอยู่อย่างลำบาก หญิงหม้ายอย่างข้าไม่มีทางเดินให้เลือกมากนักหรอก “
คำว่าหญิงหม้ายที่อยู่คู่กับนางมาจนถึงป่านนี้ ยังเสียดแทงใจไม่รู้หาย หากเป็นคนอื่นจะทนรับได้อย่างนางหรือ
“ เจ้าเริ่มต้นมันใหม่ได้นี้นา “
นางส่ายหน้า
“ ไม่มีใครเขาต้องการหญิงหม้ายอย่างข้าหรอก ถึงมีข้าก็ทำไม่ได้ “
เทวิณา ผ่อนตัวลง เอาแขนทั้งสองข้าง วางกับรั้วไม้เหมือนกับ บาลมารอสูร
“ ไม่รังแกเขาก็ถูกเขารังแก โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมมาตั้งแต่ต้นแล้ว “ สายตาของเทวิณา มองมาที่ บาลมารอสูร ตรงๆ ในแววตาเหมือนคล้ายจะตัดพ้อต่อโชคชะตา แต่ลึกๆก็ขอบคุณเขาอยู่ในที
นับตั้งแต่ บาลนรดี สามีของนางตายไป นางต้องทนทุกข์อยู่กับความว้าเหว่ เดียวดาย และหวาดระแวงมาตลอดเวลา นั้นเป็นเพราะสามีของนางมีตำแหน่งเป็นถึงขุนพลมารในกองทัพอสูร นางจึงต้องแบกรับภาระนี้หลังจากที่เขาตายโดยทั้งที่ใจจริงไม่อยากจะรับ มีหลายคนที่คัดค้านและต้องการโค่นล้ม อีกหลายคนก็ใฝ่หาและต้องการที่จะได้ตัวนางมาครอบครอง จะมีเพียงก็แต่ บาลมารอสูร ที่ดูจะเห็นอกเห็นใจนางและเขาใจนางยิ่งกว่าใคร
“ ข้าว่าข้าควรไปเก็บข้าวของได้แล้ว “ นางพยายามสลัดความรู้สึกนั้นเองและฝืนทำตัวให้ร่าเริงก่อนกลับเข้าไปในโดมอีกครั้งแต่บาลมารอสูร จับแขนของนางไว้
“ เจ้าเริ่มต้นมันใหม่ได้ เทวิณา “
“ มันสายไปแล้วล่ะ บาลมารอสูร มันสายมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำไปตั้งแต่ข้าเจอเขา “
ในใจของนางคิดอะไรอยู่ไม่มีใครรู้
“ เจ้าก็น่าจะรู้นี้น่า ว่าคิดอย่างไรกับเจ้า “
“ เจ้าเองก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ จะฝืนรอข้าไปทำไมอีก “
“ ลืมเขาเสียเถอะ “ บาลมารอสูร บอก
“ ข้าลืมเขาได้ แต่เจ้าลืมพี่ชายของเจ้าได้หรือ? “
ประโยคนี้ ถึงกลับทำให้ ขุนพลมาร ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาตอบอะไรไม่ถูก
“ เอ้อ!..... ข้า...... “
“ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ยังไม่อาจลืมได้ว่า ข้าเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า “
บาลมารอสูร จนด้วยถ้อยคำ จำใจปล่อย เทวิณา ไป โชคชะตามักเล่นตลกกับทุกคนเสมอรวมถึงเขาด้วย หากเขาตัดใจจากนางได้เขาคงไม่ต้องทนทุกข์ใจอยู่เช่นนี้ ถึงเขาจะพยายามแค่ไหนดูเหมือนความต้องการของเขาจะไม่มีวันสมหวังเลยตลอดกาล
“ ลืมข้าเสียเถอะ บาลมารอสูร แล้วหาคนที่คู่ควรกับเจ้า “ เทวิณาบอกกับเขาเบาๆโดยหารู้ไม่ว่าในใจของบาลมารอสูร ยังคงต้องการนางอยู่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
‘ จะอีกกี่ร้อยกี่พันปีข้าก็จะรอเจ้า เทวิณา ’
------------------------------------------
กองทัพอสูร ภายใต้การนำของทั้งสามแยกออกเป็นสองสาย นำทัพบุกเข้านครเตมินทร์ บาลมารอสูร และ พิณตะลาสูร ยังทำตามแผนเดิม เดินทางยกทัพข้ามภูเขาทั้ง ๒ ลูก ส่วน เทวิณา นำกำลังไม่ต่ำกว่า ๑๕๐,๐๐๐ ยกพลประชิดแม่น้ำใหญ่สายหลักที่ไหลผ่านใกล้กับนครเตมินทร์  เวลาล่วงมาถึงวันที่ ๓ บาลมารอสูรก็นำทัพมาถึงเส้นทางลงจากภูเขาลูกสุดท้ายแล้ว เพียงไม่กี่อึดใจกองทัพอสูรภายใต้การนำของพวกเขาก็จะลงมาถึงเขตชายแดนนครเตมินทร์ตามที่ได้วางแผนไว้ บาลมารอสูร มองลงไปยังพื้นข้างล่างเป็นเวลานานแล้วดูเหมือนว่าเขากำลังจะเล็งเป้าหมายหรือมองหาที่ตั้งรวมพลแต่แท้ที่จริงแล้วเขากำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ต่างหาก
“ อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะลงถึงเขตชายแดนนครเตมินทร์แล้ว บอกให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมและระวังตัวด้วย “  นายกองอสูรทีมุน ออกคำสั่ง และเดินกลับมารายงานให้กับขุนพลมาร บาลมารอสูร ทราบ
“ อีกเดี๋ยวพวกเราจะลงไปข้างล่างแล้ว ขอท่านขุนพลมารโปรดสั่งการด้วย “
บาลมารอสูร ประกาศคำสั่งในทันที
“ ตั้งแถวพร้อมรบ เป็นแนวสองแถว กองทัพม้าอยู่ข้างหลัง กองรบดินอยู่ข้างหน้า กระจายกำลังกันทะลายทางข้างหน้าให้ราบลงไป “
สิ้นคำสั่ง ขบวนทัพถูกจัดตั้งอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว
“ เคลื่อนทัพได้ “
ธงรบของเหล่าอสูรโบกสะบัดขึ้น เวลานี้กองทัพของพวกเขาพร้อมรบอย่างเต็มที่ กองรบดินเป็นหน่วยปะทะหน่วยแรกที่ถูกส่งไว้ข้างหน้า กองรบดินนอกจากจะถูกฝึกมาเพื่อใช้มือเปล่าในการต่อสู้แล้วการใช้อาวุธก็ถือว่าอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม ป่าที่รกทึบถูกคลี่จนเปิดเป็นเส้นทางเดินขนาดใหญ่ กองทัพอสูรเคลื่อนพลลงมาเรื่อยๆ โดยสะดวก แต่ทั้งหมดก็ยังระแวดระวังป้องกันการถูกจู่โจมอยู่ตลอดเวลา กองทัพอสูรเดินทัพมาได้เป็นเวลาครู่ใหญ่ยิ่งมองก็ยิ่งพบว่าเหลืออีกไม่เท่าไรทางเดินก็จะเปิดถึงพื้นข้างล่างแล้ว ด้านกองรบดินยังคงเปิดทางลงมาเรื่อยๆ แต่เมื่อเท้าของเหล่าอสูรถูกเถาวัลย์เส้นเล็กๆที่อยู่บนพื้นเท่านั้น พลันจู่ๆ ก็เกิดเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมา
“ แช็คคค “ เสียงของกลไกบางอย่างกำลังทำงาน
“ ฟ้าวววววววว  ฉึกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก “
“ อ๊าคคคคคคคคคค “
ห่าลูกธนูห่าใหญ่พุ่งออกมารอบทิศ เหล่าอสูรที่ไม่ระวังก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ที่หลบได้ก็พยายามทำลายลูกธนูเหล่านั้น แต่ยังไม่ทันพักหายใจ กับดักตัวอื่นก็ทำงานอีก
“ ครืนนนนนนน “
เกิดหลุมใหญ่พังทะลายลง ทหารจำนวนไม่น้อยตกลงไป ถูกเหล็กแหลมเสียบจนทะลุ ต่างส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
“ อ๊าคคคคคคคค “
“ อย่าเพิ่งบุกลงไป ถอยกลับขึ้นมาก่อน “ นายกองอสูรทีมุนเห็นท่าไม่ดีออกคำสั่งให้เหล่าทหารถอยกลับมาตั้งหลัก พร้อมกับสร้างแนวป้องกันมีลักษณะรูปครึ่งวงกลมป้องกันการบุกโจมตีของฝ่ายตรงข้าม แต่ยังไม่ทันเสร็จดี อีกฝ่ายก็เริ่มบุกเข้ามาหาแล้ว
“ เฮๆๆๆ พวกเราบุก “
ทหารกองใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ โผล่ออกมาจากแนวป่า พร้อมๆกับบนต้นไม้ก็มีเสียงร้องของวานรจำนวนหลายพันหลายหมื่นตัวดังขึ้น
“ เจี๊ยกๆๆๆๆๆๆๆๆ “
เหล่าวารนรทั้งหลาย กระโจนตัวลุกจากต้นไม้เข้าเล่นงานเหล่าอสูรในทันที แต่ใช่ว่าพวกเขาจะจู่โจมฝ่ายตรงข้ามได้แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะกองทัพอสูรก็มีหน่วยรบที่ร้ายกาจไม่ยิ่งหย่อนเช่นกัน
“ กองรบทมิฬประจัญบานได้ “ 
เหล่าอสูร มีปีกจำนวนมากทะยานตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าพุ่งโฉมเข้าเล่นงานเหล่าศัตรูที่อยู่เบื้องล่าง แต่ทั้งคนและวานรก็หาเกรงกลัวไม่ ทั้งหมดต่างผนึกกำลังกันต่อต้านกองรบดินและกองรบทมิฬกันเป็นอย่างดี
“ ทีมุน เจ้าสั่งการอยู่ที่นี้ หาทางตีพวกมันให้ร่นถอยลงไปให้ได้ “
บาลมารอสูร รีบหันมาบอกกับ พิณตะลาสูร
“ พิณตะลาสูร เจ้ามากับข้า ไปลากคอหัวหน้าของพวกมันออกมา “
พิณตะลาสูรเองก็ต้องการเช่นนั้นอยู่แล้ว
“ ข้ารอคำๆนี้มานานแล้ว “
อสูรทั้งสองเหาะข้ามเหล่าทหารไป แต่ก็ถูกเหล่าวานรสกัดกั้นเอาไว้
“ เจี๊ยกๆๆๆๆ “ 
เหล่าวานรทั้งฝูงกระโจนเข้าเล่นงานเขาทั้งสอง ต่างถืออาวุธและแยกเขี้ยวเข้าทำร้าย แต่ระดับฝีมืออย่าง บาลมารอสูร และ พิณตะลาสูร แล้ว เพียงแค่นี้จะทำอะไรพวกเขาได้
“ ไสหัวไปให้หมด “  พิณตะลาสูร ผนึกพลังไว้ที่กรงเล็บซัดพลังออกมาเป็นแนวทางยาวถูกเหล่าทหารและวานร กระเด็นออกไป
“ อ๊าคคคคคค  เจี๊ยกกกกกกกกกกกกก “
บาลมารอสูร สะบัดโซ่ที่ถืออยู่ทั้งสองข้างเข้าหาศัตรูที่ดาหน้ากันเข้ามา ปลายของโซ่ทั้งสองนั้นมีลักษณะคล้ายกับปลายของคมอาวุธประเภทหอก คมอาวุธนั้นแทงถูกเหล่าวานรไปหลายตัว
“ ไอ้พวกลิงกังนี้ ไม่รู้จักเจียมตัว “ บาลมารอสูร สะบัดโซ่อย่างเร็ว สังหารวานรไปไม่ต่ำกว่าครึ่งร้อย
พูดยังไม่ทันจบ เงาร่างสองร่างก็โฉมมาใกล้ตัวอย่างรวดเร็วและยังว่องไวจนตามองแทบไม่ทัน ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรก็ถูกเงาร่างทั้งสองโจมตีเสียแล้ว
“ หนอยหาว่าพวกข้าไม่รู้จักเจียมอย่างนั้นหรือ? “
หมัดหรือเท้าก็ไม่ทราบแน่ชัด ซัดเข้ามาเต็มแรง จนทั้งสองต้องเหาะหลบลงไปที่พื้น
“ ฝีมือดีใช้ได้ “
หนึ่งในสองเงาร่างทะยานตามมาติดๆ
“ อย่าดูถูกกันให้มากนักสิเฟ้ย “
“ เปรี้ยงงงงง “
หากไม่ใช้แขนทั้งสองต้านรับไว้ก็คงโดนเข้าไปเต็มรัก แต่ถึงกระนั้น บาลมารอสูร ก็ถอยครูดเป็นทางยาว ส่วนเจ้าของฝีมือค่อยๆหยุดฝีเท้าก่อนตั้งท่าหยั่งเชิงศัตรู
“ ไอ้จ๋อเผือก  อยู่ดีๆไม่ชอบ ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน อยากตายมากนักหรือไง? “
รังมานุ ใช้มือเกาคาง พลางพูดว่า
“ ใครกันแน่ที่จะตาย  แก่ใกล้จะลงโลงอยู่แล้วนอนตายที่บ้านดีๆไม่ชอบหรือไงล่ะลุง ถึงได้หาเรื่องออกมาให้ถูกพวกข้า ฆ่าเล่นแบบนี้ “
บาลมารอสูร ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป
“ ไอ้ลิงเผือกปากเสีย อีกเดี๋ยวข้าจะเลาะทั้งฟันทั้งกระดูกของเจ้าออกมาให้หมดเลย “
อาวุธในมือพุ่งออกมาในทันที
“ โซ่อสูรสังหาร กระบวนที่ ๑ โซ่เป็นโซ่ตาย “
โซ่ทั้งสองเส้น เลื้อยฉกเหมือนงูก็มิป่าน พุ่งเข้าหาวานรเผือก  รังมานุ ได้แต่หลบไปหลบมาไม่กล้าเข้าใกล้  โดยปกติแล้วโซ่เป็นอาวุธที่ทั้งเบาและหนักอยู่ในตัว ยามไม่ใช่จะดูหนักและควบคุมยากแต่เมื่อใช้แล้วจะน้ำหนักจะเบาแต่อำนาจทำลายล้างไม่รุนแรง ดังนั้นผู้ที่ใช้อาวุธประเภทนี้นอกจากสามาธิต้องดีแล้วข้อมือก็ต้องแข็งแรงเป็นพิเศษจึงจะสามารถบังคับโซ่ให้หนักเบาได้ตามความต้องการ ซึ่งแสดงให้เห็นฝีมือการใช้โซ่ที่เข้าขั้นพิสดารของ บาลมารอสูร เป็นอย่างดี โซ่ ของ บาลมารอสูร ทำจากเหล็กกล้าชั้นดี ทั้งเหนียวและคงทน เมื่อประสานกับกระบวนท่าที่เขาคิดค้นขึ้นเองแล้ว ยังทำให้ศัตรูคำนวณทิศที่จะจู่โจมไม่ออก บาลมารอสูร คิดค้นกระบวนท่าการใช้โซ่นี้จากการเคลื่อนไหวของเหล่าอสรพิษ และบัญญัติขึ้นเป็นวิชา โซ่อสูรสังหาร ซึ่งมีด้วยกัน ๖ กระบวนคือ
กระบวนที่๑ โซ่เป็นโซ่ตาย            โซ่พุ่งราวกับอสรพิษล่อหลอกไปมา
กระบวนที่๒ คล้องโซ่ผ่อนหนัก            โซ่คล้องรัดพร้อมทั้งทิ่มแทงทำร้าย
กระบวนที่ ๓ บดรัดดีเดือด            โซ่พันทั่งร่างบดรัดจนแหลกเหลว
กระบวนที่ ๔ หล่อหลอมเหล็กกล้า         โซ่พุ่งเป็นเส้นตรงเหมือนลูกธนู
กระบวนที่ ๕ ล้อมหน้าล้อมหลัง            โซ่พุ่งเป็นสายปิดสกัดทางถอยหนี
กระบวนที่ ๖ ทะลวงเมฆฉีกวิหค            โซ่พุ่งแหวกอากาศอานุภาพสุดรุนแรง
รังมานุ พยายามหลบไปซ้ายขวา ตามแนวต้นไม้แต่ก็ยังไม่อาจแก้กระบวนได้ หน่ำซ้ำต้นไม้เหล่านั้นยังถูกโซ่อสูรสังหารตัดจนขาดวิ่น
‘ ร้ายกาจชะมัด ไม่มีช่องโหว่ให้โต้กลับเลย พับผ่าสิ ’
หลบโซ่หนึ่งได้ ก็เจออีกโซ่หนึ่งตามมา เหมือนพาตัวเองเขาหาคมมีดโดยปริยาย ยิ่งหลบก็ยิ่งเหนื่อย เพียงก้าวช้าไปเพียงนิดเดียว โซ่อันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใกล้ตัวห่างเพียงแค่สองคืบถึง
“ ย๊ากกกกกกก “ รังมานุ ออกลูกเตะสะกัดเปลี่ยนทิศทางของโซ่ได้ทันเวลา โซ่อสูรสังหาร เสียจังหวะเพียงเล็กน้อย ก็พอให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบแล้ว
“ ลองดูของข้าบ้าง “
รังมานุ สะบัดลูกเตะอย่างกับพายุกระหน่ำ เพียงชั่วเสี้ยวเวลาเงาเท้านับไม่ถ้วนก็ปกคลุมอยู่ตรงหน้าของ บารมารอสูร จนแทบไม่มีที่ให้หลบ
“ บาทาวานรแปดทิศ “
บาลมารอสูร หลบหลีกไม่ทันรีบปรับเปลี่ยนกระบวน ควงโซ่อสูรสังหาร เป็นโล่ตั้งรับ แต่ รังมานุ ก็ฝ่าแนวกำแพงป้องกันเข้ามาได้
“ ย๊ากกกกกกกกก “  เสียงร้องที่ดังก้องมานั้นมาพร้อมกับอีกหนึ่งเท้า
“ บาทาวารนรแปดทิศ หนึ่งทิศจีรัง “
ลูกเตะที่สุดรุนแรงเกินต้านรับเกือบจะถูก บาลมารอสูร แล้ว แต่ถูกโซ่อสูรสังหาร พันมัดไว้เสียก่อน บาลมารอสูร ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ผนึกพลังไว้ที่โซ่อีกข้างหนึ่ง  หมายจัดการศัตรูให้สิ้น
“ โซ่อสูรสังหาร กระบวนที่ ๔ หล่อหลอมเหล็กกล้า “
ตัวโซ่ เปลี่ยนเป็นเส้นตรงพุ่งเข้ามาอย่างเร็ว รังมานุ เหมือนเศษเนื้อที่กำลังจะถูกเหล็กเสียบ
“ ฝันไปเถอะ “
รังมานุ พลิกตัวไปอีกทาง หลบไปได้ทันเวลา พร้อมกับโต้กลับอย่างฉับไว เท้าที่เหลืออีกข้างเล็งเป้าที่หัวของฝ่ายตรงข้าม
“  บาทาวานรแปดทิศ สองทิศไม่ยั้ง “
เท้าเดียวแต่ใช้ออกเหมือนกับสองเท้า ความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หากโดนเข้าไปเต็มๆ ต่อให้เป็น บาลมารอสูร ก็คงสิ้นชื่อ
“ เปรี้ยงงงงงงงงงงง “
เสียงดังสนั่นจนแสบแก้วหู รังมานุ ตีลังกาถอยห่างออกมา ส่วน บาลมารอสูร ยังคงยืนอยู่กับที่
‘ เกือบไปแล้ว ’
โชคดีที่ บาลมารอสูร ดึงโซ่อสูรสังหารกลับมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นคงไม่มีหัวตั้งอยู่บนบ่าแล้ว  วิชาของ รังมานุ และ นิลสาร เอง ก็มิใช่ธรรมดา เนื่องจากทั้งสองต่างเป็นวานรที่มีความว่องไว และเคลื่อนตัวไปมาได้รวดเร็ว จึงคิดค้นวิชาการใช้เท้าและมือขึ้นมาชุดหนึ่ง มีชื่อว่า เทพหัตถ์เทพบาทา แต่เนื่องจากทั้งสองมือของทั้งคู่มักจะถืออาวุธในการสู้รบเสียเป็นส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยได้ใช้เทพหัตถ์ในการต่อสู้มากนัก จึงหันมาฝึกฝนเทพบาทแทน จนในที่สุดก็กลายมาเป็น บาทาวานรแปดทิศ ซึ่งมีด้วยกันอยู่ทั้งหมด ๘ ท่าคือ
หนึ่งทิศจีรัง            เตะพลิกแพงได้รอบตัว
สองทิศไม่ยั้ง            เตะพลิกแพงรุนแรงเป็นสองเท่า   
สามทิศไร้เหลี่ยม            เตะทุกมุมเหลี่ยม(ชื่อบอกไร้เหลี่ยมแต่ใช้เตะทุกมุมเหลี่ยม)
สี่ทิศสู้เอียง            เตะโฉบฉวยขณะประชิดตัว
ห้าทิศแค้นเคือง            เตะเป็นวงพายุ
หกทิศเหยียบซ้ำ            เตะหกจุดแยกเป็นหกร่าง
เจ็ดทิศระกำ            เตะหน้าและพลิกเตะหลังสลับไปมา
แปดทิศชอกช้ำฤดี        เตะกระหน่ำคลุมทุกทิศ
บาลมารอสูร ยังคงหยุดนิ่งไม่กล้าผลีผลาม แต่ด้าน รังมานุ กลับขยับตัว
“ ระวังหัวด้วยนะลุง “
รังมานุ มาเร็วจนเหลือเชื่อ ส่งเข่าลอยเข้าหา บาลมารอสูร เต็มๆ ด้าน บาลมารอสูร ไม่กล้าปะทะด้วย ใช้โซ่อสูรสังหาร ต้านเข่ารับ รังมานุ เอาไว้ พร้อมทั้งหลบหลีกออกมา แต่ทั้งหมดอยู่ในการคำนวณของ รังมานุ แล้ว วานรเผือก หันหลังกลับสุดแรงใช้สองมือยันพื้น สองพุ่งเข้าหาช่องว่างที่เห็นในทันที
“ บาทาวานรแปดทิศ สี่ทิศสู้เอียง “
หนึ่งเท้าโดนหน้า อีกหนึ่งเท้าโดนอก เข้าเต็มเป้า
“ อัคคคคคคคคคคค “  บาลมารอสูร กระเด็นถอยอย่างหมดท่า เลือดไหลออกจากมุมปาก แต่ก็ยังฝืนกัดพัน ส่งโซ่อสูรสังหาร เข้าเล่นงานศัตรู
“ โซ่อสูรสังหาร กระบวนที่ ๕ ล้อมหน้าล้อมหลัง “
เหมือนกับทั่วทั้งตัวของ รังมานุ ปกคลุมไปด้วย โซ่ ไม่ว่าจะออกหนีไปทางไหนก็ไม่อาจหลุดพ้น พร้อมทั้งโซ่ทั้งสองเส้นก็พุ่งตรงเข้าทิ่มแทงทำร้าย รังมานุ หลบไปมาได้มานานก็ถูกโซ่ทั้งสองเส้นฟาดกระเด็นไปมา
“ ปึ๊กๆๆๆๆ “
“ อัคคคคคคคคๆๆๆ  “
รังมานุ พยายามตั้งหลัก พร้อมทั้งหาทางโต้
“ เจ็บชะมัด “
เงาเท้าที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมโหมเข้าปะทะด้วย
“ บาทาวานรแปดทิศ ห้าทิศแค้นเคือง “ พายุลูกเตะวงใหญ่ก่อตัวขึ้นในทันที
ถึงแม้ลูกเตะของ รังมานุ จะสกัดโซ่อสูรสังหารไว้ได้ แต่ตัวเขาก็ยังไม่อาจหลบออกจากวงล้อมของโซ่ที่ล้อมเขาไว้ได้เลย อีกด้านหนึ่ง นิลสาร กำลังเปิดศึกอยู่กับ พิณตะลาสูร
“ กรงเล็บอสูรแปรปรวน ท่าที่๑ คิมหันต์มาเยือน “  พลังจากกรงเล็บแฝงพลังความร้อนเข้าเผาผลาญศัตรู
“ บาทาวานรแปดทิศ หกทิศเหยียบซ้ำ “ นิลสาร เอง ก็โต้ตอบไม่ยอมแพ้ หกร่างปิดสกัดพลังที่พุ่งมา
ช่วงจังหวะนั้น พิณตะลาสูร ก็มองเห็น อนันตวาโย เข้า
“ ไอ้หนูผมยาว “
“ ฮะฮ่า เจอกันอีกแล้วนะพี่ชาย “
พิณตะลาสูร เค้นเขี้ยวขบฟัน
“ คราวนี้เจ้าตายแน่ “
อนันตวาโย ก็หาเกรงกลัวไม่
“ มีปัญญาก็เข้ามาเลย “
พิณตะลาสูร พุ่งตัวเข้าหา อนันตวาโย ในทันที
“ เปรี้ยงงงงงง “ ยังไม่ทันปะทะด้วยร่างของ พิณตะลาสูร ก็ถูกแรงกระแทกกระเด็นไปไกล
“ อย่ามั่วสิโว้ย คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า เอาไว้ให้ชนะข้าได้ก่อนถึงค่อยท้าสู้กับ อนันตวาโย “
ความอดทนของ พิณตะลาสูร มาถึงขีดสุดแล้ว
“ ใครขวางข้าตาย “
“ กรงเล็บอสูรแปรปรวน ท่าที่ ๘ อาทิตย์ส่องแสง “
ร่างของ นิลสาร ถูกฉุดเข้าศูนย์กลางของแสงที่สว่างจ้า ไม่อาจดิ้นหลุดออกจากสนามพลังที่เกิดขึ้นได้
“ เฮ้ย! เล่นทีเผลอนี้น่า “ นิลสาร โวย พยายามจะหลุดเหาะหลุดจากสนามพลังที่เกิดขึ้นแต่ไม่อาจทำได้สุดท้ายก็ลอดละลิ่วเข้าหา พิณตะลาสูร ร่างทั้งร่างเหมือนกับถูกแยกออกจากกันแม้แต่วิญญาณก็แทบจะแตกสลาย
“ อ๊าคคคคคค “  เสียงร้องของ นิลสาร ดังก้องไปทั่วป่า อนันตวาโย รีบผนึกพลังเข้าไปช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่ทันการเสียแล้ว
“ นิลสาร!!!!!!! “
นิลสาร ไม่อยู่รอความตาย กระหน่ำเท้าหนักยิ่งกว่าเดิม
“ บาทาวานรแปดทิศ ห้าทิศแค้นเคือง “
ลูกเตะหมุนวนดั่งพายุ ต้านกระแสพลังที่ดึงดูดเขาเอาไว้ พอหลุดออกมาได้ ก็รีบใช้คืนทันที
“ เอาของข้ากลับไปบ้าง “
“ บาทาวานรแปดทิศ หกทิศเหยียบซ้ำ “
เหมือนกับ นิลสาร แยกร่างออกเป็นหกร่างประเคนเท้าให้ พิณตะลาสูร เต็มแรง ตัวของ พิณตะลาสูร เหมือนถูกอัดอยู่กับที่ โดนไปหลายลูกติดๆกัน
“ อัคคคคคคคคๆๆๆ “
นิลสาร ยังไม่หน่ำใจ ประเคนให้อีกเท่าตัว
“ หกทิศเหยียบซ้ำ พลังทวีคูณ “
จาก หก เป็น สิบสอง จาก สิบสอง เป็น ยี่สิบสี่ จาก ยี่สิบสี่ เป็น สี่สิบแปด จาก สี่สิบแปด เป็น เก้าสิบหก พิณตะลาสูร กระดูกเกือบหักไปทั้งร่าง พิณตะลาสูร เหวี่ยงกรงเล็บไปมาดูเหมือนมั่วๆ แต่ก็ถูก นิลสาร เข้าจนได้
“ อัคคค “  นิลสาร กระเด็นถอยกลับ มีเลือดไหลอยู่ที่มุมปากแต่ พิณตะลาสูร ดูอาการจะหนักกว่า
“ ดูออกด้วยหรือ? “ วานรสีนิล บ้วนเลือดออกจากปาก
“ ก็ในกลุ่มแกหลบเก่งที่สุดนี้น่า “
แววตาของ นิลสาร แววโรจน์ อย่างพอใจ
“ ตาถึงใช้ได้ งั้นมาเริ่มของจริงกันเถอะ “
จบตอนที่ ๓๔ ครับ
ตอนที่ ๓๔ ลิงสู้ยักษ์
    ใกล้จะรุ่งเช้าของวันใหม่ บาลมารอสูร ออกมายืนอยู่นอกโดมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยกทัพข้ามภูเขาทั้ง ๒ ลูก เขามองดูเหล่าทหารที่อยู่ในชุดทำศึกเดินกันไปมาภายในค่าย ทหารบางกลุ่มกำลังขนย้ายข้าวของหลายชิ้นและผูกรัดตึงสัมภาระ ทหารบางกลุ่มก็จัดตั้งแถวเพื่อรอคำสั่งออกเดินทาง ถึงแม้ทหารเหล่านี้จะเดินทางรอนแรมมาไกลหลายวันแล้วแต่ทุกคนกลับมีท่าทางคึกคักพร้อมทำศึกอยู่ทุกเมื่อ ไม่มีท่าทางอ่อนล้าให้ได้เห็น
“ มองอะไรอยู่ บาลมารอสูร? “
เทวิณา เดินเข้ามาเงียบๆและเอ่ยทักขึ้น นางเองก็อยู่ในชุดทำศึกเช่นกัน  ท่าทางการเดินของนางดูทะมัดทะแมงไม่น้อย หากมองดูอยู่ไกลๆคงไม่มีใครมองออกว่านางเป็นผู้หญิง  จะขัดกันก็แต่ชุดทำศึกสีดำที่นางสวมใส่อยู่ช่างตัดกับผิวขาวๆของนางจนแลดูไม่เข้ากัน กระทั่งบนใบหน้าก็ไม่มีเครื่องประทินโฉมอย่างที่ผู้หญิงทั่วไปจะต้องใช้แต่งแต้มยามออกมาข้างนอก แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้นางดูขี้ริ้วขี้เหล่แต่อย่างใด ด้าน บาลมารอสูร เมื่อได้ยินเสียงร้องทักจึงได้หันหลังกลับมามอง ก่อนเดินเข้าไปหา เหล่าทหารที่เดินอยู่ต่างหลีกทางให้กับแม่ทัพใหญ่
“ ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็ยืนแค่ยืนดูพวกทหารเตรียมตัวออกเดินทางเท่านั้นเอง “
ในน้ำเสียงที่ดูปกตินั้นเป็นเรื่องจริงเพียงแค่ครึ่งเดียว
“ เจ้ามีอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า? “ 
บาลมารอสูร จะไม่กล้าที่จะตอบนางตอบนาง เพราะจริงๆแล้วเขากำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่
“ เปล่า “ บาลมารอสูร ท้าวแขนลงบนรั้วไม้ที่ใช้ล้อมทำเป็นคอกม้า
“ โกหก “ นางเปล่งเสียงออกมาเต็มคำ มีแต่ต่อหน้านางเท่านั้นที่ บาลมารอสูร จะโกหกอะไรก็ไม่เคยแนบเนียนเลย
“ เฮ้อ! จะมีครั้งไหนที่ข้าหลอกเจ้าได้บ้างนะ “ บาลมารอสูร บ่นเบาๆ
เทวิณา กลั้วหัวเราะเยาะเขาพลางพูดว่า
“ ต่อให้อีกกี่ร้อยครั้ง เจ้าก็ยังหลอกข้าไม่ได้หรอก “
“ ก็คงจะเป็นอย่างนั้น “ บาลมารอสูร รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
“ เจ้าคงคิดเรื่องของ มหิงสูร อยู่ล่ะสิท่า“ เทวิณาลองคาดเดาดู
บาลมารอสูร พยักหน้ารับ
“ มหิงสูร โมโหเจ้าน่าดู ตอนเจ้าสั่งให้เขาไปบัญชาการรบที่ นครอัญจารี แทนเจ้า ป่านนี้ไม่รู้ว่าหายโกรธเจ้าแล้วหรือยัง “
พูดถึง มหิงสูร แล้ว บาลมารอสูร ก็รู้สึกหนักใจไม่น้อย
“ มหิงสูร กับ พิณตะลาสูร ก็เหมือนน้ำมันกับไฟ ขืนให้อยู่ด้วยกันมีหวังทำอะไรเอาแต่อารมณ์ ยิ่ง ชาเรกัณฐ์ ตายไป เจ้านั้นก็คงคุ้มคลั่งจนเจียนบ้า “ บาลมารอสูรว่า
“ แน่ล่ะ ทั้ง ชาเรกัณฐ์  พลาสูร  มหิงสูร เข้ามาเป็นขุนพลมารพร้อมกัน ถึงไม่ใช่พี่น้องกันก็เหมือนพี่น้องกัน “
อยู่ดีๆสีหน้าของ บาลมารอสูร กลับเศร้าลง
“ .......นั้นสินะเจ้าสามคนนั้นเหมือนพี่น้องกันจริงๆ “ บาลมารอสูร รำพึงเบาๆ เทวิณา รู้ว่าคำพูดของนางสะกิดใจเขาแต่คิดจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาก็ไม่ทันเสียแล้ว
“  ตั้งแต่ บาลนรดี ตายไป ข้าเองก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว “
คำพูดประโยคนี้ก็ทำให้ เทวิณา มีสีหน้าหมองเศร้าและหดหู่ลงเช่นกัน
“ ข้าเองก็ยังคิดถึงเขาอยู่เสมอ “ เทวิณา แอบกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ออกมา นางไม่อยากให้ใครได้รู้ว่าแท้จริงแล้วนางไม่ได้เข็มแข็งอย่างที่ใครๆเห็น
“ ลูกเจ้าอายุกี่ขวบแล้ว? “
เมื่อนึกถึงลูก เทวิณา รู้สึกคิดถึงเขาขึ้นมาจับใจนานหลายเดือนแล้วที่นางไม่ได้กลับไปดูแลลูกของนางเลย
“ สิบขวบแล้ว “
“ เผลอแผล็บเดียวสิบปีแล้วอย่างนั้นหรือ?  “ ดวงตาของ บาลมารอสูร เหม่อลอย เหมือนกำลังรำลึกถึงอดีตครั้งเก่า ภาพของ บาลนรดี ปะปนกับภาพของเขาในอดีตเมื่อครั้งสมัยยังเป็นเด็ก
“ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเป็นขุนพลมารเหมือนยังข้าเลย บาลนรดีเอง ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันกับข้า “
เทวิณา พูดอย่างช้าดวงตามีแววโศกเศร้าปนอยู่
“ ข้าหากไม่ยิ่งใหญ่พอ ลูกของข้าก็คงต้องอยู่อย่างลำบาก หญิงหม้ายอย่างข้าไม่มีทางเดินให้เลือกมากนักหรอก “
คำว่าหญิงหม้ายที่อยู่คู่กับนางมาจนถึงป่านนี้ ยังเสียดแทงใจไม่รู้หาย หากเป็นคนอื่นจะทนรับได้อย่างนางหรือ
“ เจ้าเริ่มต้นมันใหม่ได้นี้นา “
นางส่ายหน้า
“ ไม่มีใครเขาต้องการหญิงหม้ายอย่างข้าหรอก ถึงมีข้าก็ทำไม่ได้ “
เทวิณา ผ่อนตัวลง เอาแขนทั้งสองข้าง วางกับรั้วไม้เหมือนกับ บาลมารอสูร
“ ไม่รังแกเขาก็ถูกเขารังแก โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมมาตั้งแต่ต้นแล้ว “ สายตาของเทวิณา มองมาที่ บาลมารอสูร ตรงๆ ในแววตาเหมือนคล้ายจะตัดพ้อต่อโชคชะตา แต่ลึกๆก็ขอบคุณเขาอยู่ในที
นับตั้งแต่ บาลนรดี สามีของนางตายไป นางต้องทนทุกข์อยู่กับความว้าเหว่ เดียวดาย และหวาดระแวงมาตลอดเวลา นั้นเป็นเพราะสามีของนางมีตำแหน่งเป็นถึงขุนพลมารในกองทัพอสูร นางจึงต้องแบกรับภาระนี้หลังจากที่เขาตายโดยทั้งที่ใจจริงไม่อยากจะรับ มีหลายคนที่คัดค้านและต้องการโค่นล้ม อีกหลายคนก็ใฝ่หาและต้องการที่จะได้ตัวนางมาครอบครอง จะมีเพียงก็แต่ บาลมารอสูร ที่ดูจะเห็นอกเห็นใจนางและเขาใจนางยิ่งกว่าใคร
“ ข้าว่าข้าควรไปเก็บข้าวของได้แล้ว “ นางพยายามสลัดความรู้สึกนั้นเองและฝืนทำตัวให้ร่าเริงก่อนกลับเข้าไปในโดมอีกครั้งแต่บาลมารอสูร จับแขนของนางไว้
“ เจ้าเริ่มต้นมันใหม่ได้ เทวิณา “
“ มันสายไปแล้วล่ะ บาลมารอสูร มันสายมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำไปตั้งแต่ข้าเจอเขา “
ในใจของนางคิดอะไรอยู่ไม่มีใครรู้
“ เจ้าก็น่าจะรู้นี้น่า ว่าคิดอย่างไรกับเจ้า “
“ เจ้าเองก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ จะฝืนรอข้าไปทำไมอีก “
“ ลืมเขาเสียเถอะ “ บาลมารอสูร บอก
“ ข้าลืมเขาได้ แต่เจ้าลืมพี่ชายของเจ้าได้หรือ? “
ประโยคนี้ ถึงกลับทำให้ ขุนพลมาร ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาตอบอะไรไม่ถูก
“ เอ้อ!..... ข้า...... “
“ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ยังไม่อาจลืมได้ว่า ข้าเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า “
บาลมารอสูร จนด้วยถ้อยคำ จำใจปล่อย เทวิณา ไป โชคชะตามักเล่นตลกกับทุกคนเสมอรวมถึงเขาด้วย หากเขาตัดใจจากนางได้เขาคงไม่ต้องทนทุกข์ใจอยู่เช่นนี้ ถึงเขาจะพยายามแค่ไหนดูเหมือนความต้องการของเขาจะไม่มีวันสมหวังเลยตลอดกาล
“ ลืมข้าเสียเถอะ บาลมารอสูร แล้วหาคนที่คู่ควรกับเจ้า “ เทวิณาบอกกับเขาเบาๆโดยหารู้ไม่ว่าในใจของบาลมารอสูร ยังคงต้องการนางอยู่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
‘ จะอีกกี่ร้อยกี่พันปีข้าก็จะรอเจ้า เทวิณา ’
------------------------------------------
กองทัพอสูร ภายใต้การนำของทั้งสามแยกออกเป็นสองสาย นำทัพบุกเข้านครเตมินทร์ บาลมารอสูร และ พิณตะลาสูร ยังทำตามแผนเดิม เดินทางยกทัพข้ามภูเขาทั้ง ๒ ลูก ส่วน เทวิณา นำกำลังไม่ต่ำกว่า ๑๕๐,๐๐๐ ยกพลประชิดแม่น้ำใหญ่สายหลักที่ไหลผ่านใกล้กับนครเตมินทร์  เวลาล่วงมาถึงวันที่ ๓ บาลมารอสูรก็นำทัพมาถึงเส้นทางลงจากภูเขาลูกสุดท้ายแล้ว เพียงไม่กี่อึดใจกองทัพอสูรภายใต้การนำของพวกเขาก็จะลงมาถึงเขตชายแดนนครเตมินทร์ตามที่ได้วางแผนไว้ บาลมารอสูร มองลงไปยังพื้นข้างล่างเป็นเวลานานแล้วดูเหมือนว่าเขากำลังจะเล็งเป้าหมายหรือมองหาที่ตั้งรวมพลแต่แท้ที่จริงแล้วเขากำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ต่างหาก
“ อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะลงถึงเขตชายแดนนครเตมินทร์แล้ว บอกให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมและระวังตัวด้วย “  นายกองอสูรทีมุน ออกคำสั่ง และเดินกลับมารายงานให้กับขุนพลมาร บาลมารอสูร ทราบ
“ อีกเดี๋ยวพวกเราจะลงไปข้างล่างแล้ว ขอท่านขุนพลมารโปรดสั่งการด้วย “
บาลมารอสูร ประกาศคำสั่งในทันที
“ ตั้งแถวพร้อมรบ เป็นแนวสองแถว กองทัพม้าอยู่ข้างหลัง กองรบดินอยู่ข้างหน้า กระจายกำลังกันทะลายทางข้างหน้าให้ราบลงไป “
สิ้นคำสั่ง ขบวนทัพถูกจัดตั้งอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว
“ เคลื่อนทัพได้ “
ธงรบของเหล่าอสูรโบกสะบัดขึ้น เวลานี้กองทัพของพวกเขาพร้อมรบอย่างเต็มที่ กองรบดินเป็นหน่วยปะทะหน่วยแรกที่ถูกส่งไว้ข้างหน้า กองรบดินนอกจากจะถูกฝึกมาเพื่อใช้มือเปล่าในการต่อสู้แล้วการใช้อาวุธก็ถือว่าอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม ป่าที่รกทึบถูกคลี่จนเปิดเป็นเส้นทางเดินขนาดใหญ่ กองทัพอสูรเคลื่อนพลลงมาเรื่อยๆ โดยสะดวก แต่ทั้งหมดก็ยังระแวดระวังป้องกันการถูกจู่โจมอยู่ตลอดเวลา กองทัพอสูรเดินทัพมาได้เป็นเวลาครู่ใหญ่ยิ่งมองก็ยิ่งพบว่าเหลืออีกไม่เท่าไรทางเดินก็จะเปิดถึงพื้นข้างล่างแล้ว ด้านกองรบดินยังคงเปิดทางลงมาเรื่อยๆ แต่เมื่อเท้าของเหล่าอสูรถูกเถาวัลย์เส้นเล็กๆที่อยู่บนพื้นเท่านั้น พลันจู่ๆ ก็เกิดเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมา
“ แช็คคค “ เสียงของกลไกบางอย่างกำลังทำงาน
“ ฟ้าวววววววว  ฉึกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก “
“ อ๊าคคคคคคคคคค “
ห่าลูกธนูห่าใหญ่พุ่งออกมารอบทิศ เหล่าอสูรที่ไม่ระวังก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ที่หลบได้ก็พยายามทำลายลูกธนูเหล่านั้น แต่ยังไม่ทันพักหายใจ กับดักตัวอื่นก็ทำงานอีก
“ ครืนนนนนนน “
เกิดหลุมใหญ่พังทะลายลง ทหารจำนวนไม่น้อยตกลงไป ถูกเหล็กแหลมเสียบจนทะลุ ต่างส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
“ อ๊าคคคคคคคค “
“ อย่าเพิ่งบุกลงไป ถอยกลับขึ้นมาก่อน “ นายกองอสูรทีมุนเห็นท่าไม่ดีออกคำสั่งให้เหล่าทหารถอยกลับมาตั้งหลัก พร้อมกับสร้างแนวป้องกันมีลักษณะรูปครึ่งวงกลมป้องกันการบุกโจมตีของฝ่ายตรงข้าม แต่ยังไม่ทันเสร็จดี อีกฝ่ายก็เริ่มบุกเข้ามาหาแล้ว
“ เฮๆๆๆ พวกเราบุก “
ทหารกองใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ โผล่ออกมาจากแนวป่า พร้อมๆกับบนต้นไม้ก็มีเสียงร้องของวานรจำนวนหลายพันหลายหมื่นตัวดังขึ้น
“ เจี๊ยกๆๆๆๆๆๆๆๆ “
เหล่าวารนรทั้งหลาย กระโจนตัวลุกจากต้นไม้เข้าเล่นงานเหล่าอสูรในทันที แต่ใช่ว่าพวกเขาจะจู่โจมฝ่ายตรงข้ามได้แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะกองทัพอสูรก็มีหน่วยรบที่ร้ายกาจไม่ยิ่งหย่อนเช่นกัน
“ กองรบทมิฬประจัญบานได้ “ 
เหล่าอสูร มีปีกจำนวนมากทะยานตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าพุ่งโฉมเข้าเล่นงานเหล่าศัตรูที่อยู่เบื้องล่าง แต่ทั้งคนและวานรก็หาเกรงกลัวไม่ ทั้งหมดต่างผนึกกำลังกันต่อต้านกองรบดินและกองรบทมิฬกันเป็นอย่างดี
“ ทีมุน เจ้าสั่งการอยู่ที่นี้ หาทางตีพวกมันให้ร่นถอยลงไปให้ได้ “
บาลมารอสูร รีบหันมาบอกกับ พิณตะลาสูร
“ พิณตะลาสูร เจ้ามากับข้า ไปลากคอหัวหน้าของพวกมันออกมา “
พิณตะลาสูรเองก็ต้องการเช่นนั้นอยู่แล้ว
“ ข้ารอคำๆนี้มานานแล้ว “
อสูรทั้งสองเหาะข้ามเหล่าทหารไป แต่ก็ถูกเหล่าวานรสกัดกั้นเอาไว้
“ เจี๊ยกๆๆๆๆ “ 
เหล่าวานรทั้งฝูงกระโจนเข้าเล่นงานเขาทั้งสอง ต่างถืออาวุธและแยกเขี้ยวเข้าทำร้าย แต่ระดับฝีมืออย่าง บาลมารอสูร และ พิณตะลาสูร แล้ว เพียงแค่นี้จะทำอะไรพวกเขาได้
“ ไสหัวไปให้หมด “  พิณตะลาสูร ผนึกพลังไว้ที่กรงเล็บซัดพลังออกมาเป็นแนวทางยาวถูกเหล่าทหารและวานร กระเด็นออกไป
“ อ๊าคคคคคค  เจี๊ยกกกกกกกกกกกกก “
บาลมารอสูร สะบัดโซ่ที่ถืออยู่ทั้งสองข้างเข้าหาศัตรูที่ดาหน้ากันเข้ามา ปลายของโซ่ทั้งสองนั้นมีลักษณะคล้ายกับปลายของคมอาวุธประเภทหอก คมอาวุธนั้นแทงถูกเหล่าวานรไปหลายตัว
“ ไอ้พวกลิงกังนี้ ไม่รู้จักเจียมตัว “ บาลมารอสูร สะบัดโซ่อย่างเร็ว สังหารวานรไปไม่ต่ำกว่าครึ่งร้อย
พูดยังไม่ทันจบ เงาร่างสองร่างก็โฉมมาใกล้ตัวอย่างรวดเร็วและยังว่องไวจนตามองแทบไม่ทัน ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรก็ถูกเงาร่างทั้งสองโจมตีเสียแล้ว
“ หนอยหาว่าพวกข้าไม่รู้จักเจียมอย่างนั้นหรือ? “
หมัดหรือเท้าก็ไม่ทราบแน่ชัด ซัดเข้ามาเต็มแรง จนทั้งสองต้องเหาะหลบลงไปที่พื้น
“ ฝีมือดีใช้ได้ “
หนึ่งในสองเงาร่างทะยานตามมาติดๆ
“ อย่าดูถูกกันให้มากนักสิเฟ้ย “
“ เปรี้ยงงงงง “
หากไม่ใช้แขนทั้งสองต้านรับไว้ก็คงโดนเข้าไปเต็มรัก แต่ถึงกระนั้น บาลมารอสูร ก็ถอยครูดเป็นทางยาว ส่วนเจ้าของฝีมือค่อยๆหยุดฝีเท้าก่อนตั้งท่าหยั่งเชิงศัตรู
“ ไอ้จ๋อเผือก  อยู่ดีๆไม่ชอบ ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน อยากตายมากนักหรือไง? “
รังมานุ ใช้มือเกาคาง พลางพูดว่า
“ ใครกันแน่ที่จะตาย  แก่ใกล้จะลงโลงอยู่แล้วนอนตายที่บ้านดีๆไม่ชอบหรือไงล่ะลุง ถึงได้หาเรื่องออกมาให้ถูกพวกข้า ฆ่าเล่นแบบนี้ “
บาลมารอสูร ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป
“ ไอ้ลิงเผือกปากเสีย อีกเดี๋ยวข้าจะเลาะทั้งฟันทั้งกระดูกของเจ้าออกมาให้หมดเลย “
อาวุธในมือพุ่งออกมาในทันที
“ โซ่อสูรสังหาร กระบวนที่ ๑ โซ่เป็นโซ่ตาย “
โซ่ทั้งสองเส้น เลื้อยฉกเหมือนงูก็มิป่าน พุ่งเข้าหาวานรเผือก  รังมานุ ได้แต่หลบไปหลบมาไม่กล้าเข้าใกล้  โดยปกติแล้วโซ่เป็นอาวุธที่ทั้งเบาและหนักอยู่ในตัว ยามไม่ใช่จะดูหนักและควบคุมยากแต่เมื่อใช้แล้วจะน้ำหนักจะเบาแต่อำนาจทำลายล้างไม่รุนแรง ดังนั้นผู้ที่ใช้อาวุธประเภทนี้นอกจากสามาธิต้องดีแล้วข้อมือก็ต้องแข็งแรงเป็นพิเศษจึงจะสามารถบังคับโซ่ให้หนักเบาได้ตามความต้องการ ซึ่งแสดงให้เห็นฝีมือการใช้โซ่ที่เข้าขั้นพิสดารของ บาลมารอสูร เป็นอย่างดี โซ่ ของ บาลมารอสูร ทำจากเหล็กกล้าชั้นดี ทั้งเหนียวและคงทน เมื่อประสานกับกระบวนท่าที่เขาคิดค้นขึ้นเองแล้ว ยังทำให้ศัตรูคำนวณทิศที่จะจู่โจมไม่ออก บาลมารอสูร คิดค้นกระบวนท่าการใช้โซ่นี้จากการเคลื่อนไหวของเหล่าอสรพิษ และบัญญัติขึ้นเป็นวิชา โซ่อสูรสังหาร ซึ่งมีด้วยกัน ๖ กระบวนคือ
กระบวนที่๑ โซ่เป็นโซ่ตาย            โซ่พุ่งราวกับอสรพิษล่อหลอกไปมา
กระบวนที่๒ คล้องโซ่ผ่อนหนัก            โซ่คล้องรัดพร้อมทั้งทิ่มแทงทำร้าย
กระบวนที่ ๓ บดรัดดีเดือด            โซ่พันทั่งร่างบดรัดจนแหลกเหลว
กระบวนที่ ๔ หล่อหลอมเหล็กกล้า         โซ่พุ่งเป็นเส้นตรงเหมือนลูกธนู
กระบวนที่ ๕ ล้อมหน้าล้อมหลัง            โซ่พุ่งเป็นสายปิดสกัดทางถอยหนี
กระบวนที่ ๖ ทะลวงเมฆฉีกวิหค            โซ่พุ่งแหวกอากาศอานุภาพสุดรุนแรง
รังมานุ พยายามหลบไปซ้ายขวา ตามแนวต้นไม้แต่ก็ยังไม่อาจแก้กระบวนได้ หน่ำซ้ำต้นไม้เหล่านั้นยังถูกโซ่อสูรสังหารตัดจนขาดวิ่น
‘ ร้ายกาจชะมัด ไม่มีช่องโหว่ให้โต้กลับเลย พับผ่าสิ ’
หลบโซ่หนึ่งได้ ก็เจออีกโซ่หนึ่งตามมา เหมือนพาตัวเองเขาหาคมมีดโดยปริยาย ยิ่งหลบก็ยิ่งเหนื่อย เพียงก้าวช้าไปเพียงนิดเดียว โซ่อันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใกล้ตัวห่างเพียงแค่สองคืบถึง
“ ย๊ากกกกกกก “ รังมานุ ออกลูกเตะสะกัดเปลี่ยนทิศทางของโซ่ได้ทันเวลา โซ่อสูรสังหาร เสียจังหวะเพียงเล็กน้อย ก็พอให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบแล้ว
“ ลองดูของข้าบ้าง “
รังมานุ สะบัดลูกเตะอย่างกับพายุกระหน่ำ เพียงชั่วเสี้ยวเวลาเงาเท้านับไม่ถ้วนก็ปกคลุมอยู่ตรงหน้าของ บารมารอสูร จนแทบไม่มีที่ให้หลบ
“ บาทาวานรแปดทิศ “
บาลมารอสูร หลบหลีกไม่ทันรีบปรับเปลี่ยนกระบวน ควงโซ่อสูรสังหาร เป็นโล่ตั้งรับ แต่ รังมานุ ก็ฝ่าแนวกำแพงป้องกันเข้ามาได้
“ ย๊ากกกกกกกกก “  เสียงร้องที่ดังก้องมานั้นมาพร้อมกับอีกหนึ่งเท้า
“ บาทาวารนรแปดทิศ หนึ่งทิศจีรัง “
ลูกเตะที่สุดรุนแรงเกินต้านรับเกือบจะถูก บาลมารอสูร แล้ว แต่ถูกโซ่อสูรสังหาร พันมัดไว้เสียก่อน บาลมารอสูร ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ผนึกพลังไว้ที่โซ่อีกข้างหนึ่ง  หมายจัดการศัตรูให้สิ้น
“ โซ่อสูรสังหาร กระบวนที่ ๔ หล่อหลอมเหล็กกล้า “
ตัวโซ่ เปลี่ยนเป็นเส้นตรงพุ่งเข้ามาอย่างเร็ว รังมานุ เหมือนเศษเนื้อที่กำลังจะถูกเหล็กเสียบ
“ ฝันไปเถอะ “
รังมานุ พลิกตัวไปอีกทาง หลบไปได้ทันเวลา พร้อมกับโต้กลับอย่างฉับไว เท้าที่เหลืออีกข้างเล็งเป้าที่หัวของฝ่ายตรงข้าม
“  บาทาวานรแปดทิศ สองทิศไม่ยั้ง “
เท้าเดียวแต่ใช้ออกเหมือนกับสองเท้า ความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หากโดนเข้าไปเต็มๆ ต่อให้เป็น บาลมารอสูร ก็คงสิ้นชื่อ
“ เปรี้ยงงงงงงงงงงง “
เสียงดังสนั่นจนแสบแก้วหู รังมานุ ตีลังกาถอยห่างออกมา ส่วน บาลมารอสูร ยังคงยืนอยู่กับที่
‘ เกือบไปแล้ว ’
โชคดีที่ บาลมารอสูร ดึงโซ่อสูรสังหารกลับมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นคงไม่มีหัวตั้งอยู่บนบ่าแล้ว  วิชาของ รังมานุ และ นิลสาร เอง ก็มิใช่ธรรมดา เนื่องจากทั้งสองต่างเป็นวานรที่มีความว่องไว และเคลื่อนตัวไปมาได้รวดเร็ว จึงคิดค้นวิชาการใช้เท้าและมือขึ้นมาชุดหนึ่ง มีชื่อว่า เทพหัตถ์เทพบาทา แต่เนื่องจากทั้งสองมือของทั้งคู่มักจะถืออาวุธในการสู้รบเสียเป็นส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยได้ใช้เทพหัตถ์ในการต่อสู้มากนัก จึงหันมาฝึกฝนเทพบาทแทน จนในที่สุดก็กลายมาเป็น บาทาวานรแปดทิศ ซึ่งมีด้วยกันอยู่ทั้งหมด ๘ ท่าคือ
หนึ่งทิศจีรัง            เตะพลิกแพงได้รอบตัว
สองทิศไม่ยั้ง            เตะพลิกแพงรุนแรงเป็นสองเท่า   
สามทิศไร้เหลี่ยม            เตะทุกมุมเหลี่ยม(ชื่อบอกไร้เหลี่ยมแต่ใช้เตะทุกมุมเหลี่ยม)
สี่ทิศสู้เอียง            เตะโฉบฉวยขณะประชิดตัว
ห้าทิศแค้นเคือง            เตะเป็นวงพายุ
หกทิศเหยียบซ้ำ            เตะหกจุดแยกเป็นหกร่าง
เจ็ดทิศระกำ            เตะหน้าและพลิกเตะหลังสลับไปมา
แปดทิศชอกช้ำฤดี        เตะกระหน่ำคลุมทุกทิศ
บาลมารอสูร ยังคงหยุดนิ่งไม่กล้าผลีผลาม แต่ด้าน รังมานุ กลับขยับตัว
“ ระวังหัวด้วยนะลุง “
รังมานุ มาเร็วจนเหลือเชื่อ ส่งเข่าลอยเข้าหา บาลมารอสูร เต็มๆ ด้าน บาลมารอสูร ไม่กล้าปะทะด้วย ใช้โซ่อสูรสังหาร ต้านเข่ารับ รังมานุ เอาไว้ พร้อมทั้งหลบหลีกออกมา แต่ทั้งหมดอยู่ในการคำนวณของ รังมานุ แล้ว วานรเผือก หันหลังกลับสุดแรงใช้สองมือยันพื้น สองพุ่งเข้าหาช่องว่างที่เห็นในทันที
“ บาทาวานรแปดทิศ สี่ทิศสู้เอียง “
หนึ่งเท้าโดนหน้า อีกหนึ่งเท้าโดนอก เข้าเต็มเป้า
“ อัคคคคคคคคคคค “  บาลมารอสูร กระเด็นถอยอย่างหมดท่า เลือดไหลออกจากมุมปาก แต่ก็ยังฝืนกัดพัน ส่งโซ่อสูรสังหาร เข้าเล่นงานศัตรู
“ โซ่อสูรสังหาร กระบวนที่ ๕ ล้อมหน้าล้อมหลัง “
เหมือนกับทั่วทั้งตัวของ รังมานุ ปกคลุมไปด้วย โซ่ ไม่ว่าจะออกหนีไปทางไหนก็ไม่อาจหลุดพ้น พร้อมทั้งโซ่ทั้งสองเส้นก็พุ่งตรงเข้าทิ่มแทงทำร้าย รังมานุ หลบไปมาได้มานานก็ถูกโซ่ทั้งสองเส้นฟาดกระเด็นไปมา
“ ปึ๊กๆๆๆๆ “
“ อัคคคคคคคคๆๆๆ  “
รังมานุ พยายามตั้งหลัก พร้อมทั้งหาทางโต้
“ เจ็บชะมัด “
เงาเท้าที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมโหมเข้าปะทะด้วย
“ บาทาวานรแปดทิศ ห้าทิศแค้นเคือง “ พายุลูกเตะวงใหญ่ก่อตัวขึ้นในทันที
ถึงแม้ลูกเตะของ รังมานุ จะสกัดโซ่อสูรสังหารไว้ได้ แต่ตัวเขาก็ยังไม่อาจหลบออกจากวงล้อมของโซ่ที่ล้อมเขาไว้ได้เลย อีกด้านหนึ่ง นิลสาร กำลังเปิดศึกอยู่กับ พิณตะลาสูร
“ กรงเล็บอสูรแปรปรวน ท่าที่๑ คิมหันต์มาเยือน “  พลังจากกรงเล็บแฝงพลังความร้อนเข้าเผาผลาญศัตรู
“ บาทาวานรแปดทิศ หกทิศเหยียบซ้ำ “ นิลสาร เอง ก็โต้ตอบไม่ยอมแพ้ หกร่างปิดสกัดพลังที่พุ่งมา
ช่วงจังหวะนั้น พิณตะลาสูร ก็มองเห็น อนันตวาโย เข้า
“ ไอ้หนูผมยาว “
“ ฮะฮ่า เจอกันอีกแล้วนะพี่ชาย “
พิณตะลาสูร เค้นเขี้ยวขบฟัน
“ คราวนี้เจ้าตายแน่ “
อนันตวาโย ก็หาเกรงกลัวไม่
“ มีปัญญาก็เข้ามาเลย “
พิณตะลาสูร พุ่งตัวเข้าหา อนันตวาโย ในทันที
“ เปรี้ยงงงงงง “ ยังไม่ทันปะทะด้วยร่างของ พิณตะลาสูร ก็ถูกแรงกระแทกกระเด็นไปไกล
“ อย่ามั่วสิโว้ย คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า เอาไว้ให้ชนะข้าได้ก่อนถึงค่อยท้าสู้กับ อนันตวาโย “
ความอดทนของ พิณตะลาสูร มาถึงขีดสุดแล้ว
“ ใครขวางข้าตาย “
“ กรงเล็บอสูรแปรปรวน ท่าที่ ๘ อาทิตย์ส่องแสง “
ร่างของ นิลสาร ถูกฉุดเข้าศูนย์กลางของแสงที่สว่างจ้า ไม่อาจดิ้นหลุดออกจากสนามพลังที่เกิดขึ้นได้
“ เฮ้ย! เล่นทีเผลอนี้น่า “ นิลสาร โวย พยายามจะหลุดเหาะหลุดจากสนามพลังที่เกิดขึ้นแต่ไม่อาจทำได้สุดท้ายก็ลอดละลิ่วเข้าหา พิณตะลาสูร ร่างทั้งร่างเหมือนกับถูกแยกออกจากกันแม้แต่วิญญาณก็แทบจะแตกสลาย
“ อ๊าคคคคคค “  เสียงร้องของ นิลสาร ดังก้องไปทั่วป่า อนันตวาโย รีบผนึกพลังเข้าไปช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่ทันการเสียแล้ว
“ นิลสาร!!!!!!! “
นิลสาร ไม่อยู่รอความตาย กระหน่ำเท้าหนักยิ่งกว่าเดิม
“ บาทาวานรแปดทิศ ห้าทิศแค้นเคือง “
ลูกเตะหมุนวนดั่งพายุ ต้านกระแสพลังที่ดึงดูดเขาเอาไว้ พอหลุดออกมาได้ ก็รีบใช้คืนทันที
“ เอาของข้ากลับไปบ้าง “
“ บาทาวานรแปดทิศ หกทิศเหยียบซ้ำ “
เหมือนกับ นิลสาร แยกร่างออกเป็นหกร่างประเคนเท้าให้ พิณตะลาสูร เต็มแรง ตัวของ พิณตะลาสูร เหมือนถูกอัดอยู่กับที่ โดนไปหลายลูกติดๆกัน
“ อัคคคคคคคคๆๆๆ “
นิลสาร ยังไม่หน่ำใจ ประเคนให้อีกเท่าตัว
“ หกทิศเหยียบซ้ำ พลังทวีคูณ “
จาก หก เป็น สิบสอง จาก สิบสอง เป็น ยี่สิบสี่ จาก ยี่สิบสี่ เป็น สี่สิบแปด จาก สี่สิบแปด เป็น เก้าสิบหก พิณตะลาสูร กระดูกเกือบหักไปทั้งร่าง พิณตะลาสูร เหวี่ยงกรงเล็บไปมาดูเหมือนมั่วๆ แต่ก็ถูก นิลสาร เข้าจนได้
“ อัคคค “  นิลสาร กระเด็นถอยกลับ มีเลือดไหลอยู่ที่มุมปากแต่ พิณตะลาสูร ดูอาการจะหนักกว่า
“ ดูออกด้วยหรือ? “ วานรสีนิล บ้วนเลือดออกจากปาก
“ ก็ในกลุ่มแกหลบเก่งที่สุดนี้น่า “
แววตาของ นิลสาร แววโรจน์ อย่างพอใจ
“ ตาถึงใช้ได้ งั้นมาเริ่มของจริงกันเถอะ “
จบตอนที่ ๓๔ ครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น