ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกเทพอสูรมหาสงคราม

    ลำดับตอนที่ #46 : พยัคฆ์ตกที่นั่งลำบาก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 281
      0
      22 ธ.ค. 48

    ศึกเทพอสูรมหาสงคราม

    ตอนที่ ๔๖ พยัคฆ์ตกที่นั่งลำบาก



        เปมิกา รู้สึกอายไม่น้อยถึงแม้นางจะรู้ว่าที่ หัสกัณฐ์ กอดนางเอาไว้นั้นก็เพื่อป้องกันนางไม่ให้ได้รับอันตรายจากพลังของดาบมารเปลี่ยนแสงแต่ถึงกระนั้นก็มิอาจห้ามความรู้สึกเอาไว้ได้



    ‘ ถึงขนาดใช้เกราะพลังป้องกันเลยอย่างนั้นหรือ? แสดงผู้หญิงคนนี้ต้องมีความสำคัญกับมันมาก ’



    แม้นเกราะพลังจะเลือนลางมากแต่ แสงฤทธิ์ ก็ยังมองเห็นได้ว่าพลังคุ้มกายของ หัสกัณฐ์ แผ่ออกมาห่อหุ้มตัวเขาและหญิงสาวคนนั้นเอาไว้



    ‘ เจ็บชะมัด ’



    แผลที่ขุนพลมารแสงฤทธิ์ได้รับ แม้เป็นบาดแผลเล็กๆและไม่บาดลึกแต่ก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว



    “ ย๊าก ”



    ขุนพลมารเปล่งพลังเวทย์ทั่วร่างปรากฏแสงเรืองรอง พริบตาเดียวบาดแผลก็สมานกันจนเกือบหายเป็นปกติ



    ‘ นอกจากกระบวนดาบแล้วเวทย์รักษาตัวของมันก็ไม่ใช่ธรรมดาคิดจะฆ่ามันให้ตายภายใน ๑๐๐ กระบวน ก็ยังไม่แน่ว่าจะทำได้ ’



    เมื่อเห็นศัตรูกำลังเริ่มหายจากอาการบาดเจ็บ หัสกัณฐ์ ก็อดถาม เปมิกา ไม่ได้



    “ เจ้าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า? ”



    เปมิกา ยิ้มและบอกว่า



    “ หม่อมฉันไม่รับบาดเจ็บเพคะ ขอบพระทัยพระองค์ที่ทรงเป็นห่วงเพคะ ”



    “ เป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้ว ”



    ดูไปแล้วคล้ายกับทั้งสองจะลืมไปว่าเวลานี้ทั้งเขาและนางอยู่ในสมรภูมิรบมิใช่ภายในตำหนักหรือวังแต่อย่างใด



    “ ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”  แสงฤทธิ์ เปล่งเสียงหัวเราะดังลั่น



    เสียงหัวเราะของเขา ทำให้ทั้งสองคนต้องหันมามอง



    “ เจ้าหัวเราะอะไร? ”



    “ น่าสนใจ ช่างน่าสนใจจริงๆ ”



    คำตอบช่างไม่ตรงกับคำถามหรือไม่ก็ไม่คิดจะตอบ



    “ พวกเจ้าสองคนนี้รักกันดีจริงๆ จนข้านึกอิจฉาขึ้นมา ”



    “ ข้ากับนางรักกันแล้วเจ้าจะทำไม? ” หัสกัณฐ์ ถาม



    แววตาของ แสงฤทธิ์ ทอประกายเหมือนได้พบเรื่องอะไรที่ถูกใจ



    “ ข้าจะแย่งนางมา ”



    “ อะไรนะ? ”



    ทั้งสองต่างมองหน้ากันต่างไม่เข้าใจและไม่รู้ว่าแสงฤทธิ์ คิดจะมาไม้ไหน



    “ ไม่ต้องทำหน้าสงสัยอย่างนั้นหรอก ”



    แสงฤทธิ์ พาดดาบไว้ที่บ่าพลางพูดว่า



    “ เป็นธรรมดาในการทำสงคราม ผู้ที่เฉพาะย่อมได้ทุกสิ่ง ส่วนผู้ที่พ่ายแพ้ต้องยอมมอบข้าวของและเครื่องบรรณาการแม้กระทั่งลูกเมียก็ต้องถูกริบ ”



    หัสกัณฐ์ แค่นเสียงหัวเราะเล็กน้อย



    “ กฎนั้นมีไว้ใช้กับการรบเยี่ยงกษัตริย์ แต่กับพวกอสูรที่ทำตัวเยี่ยงโจรถ่อยเช่นพวกเจ้า ทำไมต้องทำตามกฎนั้นด้วย ”



    “ ก็ไม่เห็นเป็นไรข้าพูดให้เจ้าฟังเพื่อจะได้เข้าใจง่ายๆเท่านั้นเอง กฎเกณฑ์ใดๆ ในโลกนี้ สำหรับข้า แสงฤทธิ์ ไม่เคยคิดที่จะยึดถืออยู่แล้ว เพราะข้าเกิดขึ้นมาเพื่อแหกกฎเกณฑ์ทั้งหลายโดยเฉพาะ ”



    นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ไม่ว่าจะยึดถือหรือไม่ สำหรับคนที่ชั่วร้ายย่อมทำตามใจตนเองเป็นธรรมดา



    “ ถ้าเช่นนั้นข้าคงปล่อยให้เจ้าทำตามอำเภอใจไม่ได้ซะแล้ว ”



    หัสกัณฐ์ ปล่อย เปมิกา พลางเดินขึ้นมาข้างหน้า



    “ สมควรส่งเจ้าไปอยู่ในปรโลกในดาบนี้ ” หัสกัณฐ์ ชี้ดาบไปข้างหน้าเตรียมฟาดฟันอีกครั้ง



    แสงฤทธิ์ ยกดาบขวางลำตัว ตั้งท่ารับมือ



    “ เก็บคำพูดนี้ไว้ให้ตัวเองจะดีกว่ามั๊ง ”



    ไม่ว่าเรื่องที่พูดมาจะจริงเท็จแค่ไหนก็ตามแต่ เปมิกา ก็เตรียมพร้อมสู้รบอยู่ข้าง หัสกัณฐ์ เพราะว่าศึกนี้พวกนางจะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด



    ------------------------------------



        …….. พยัคฆ์วารี นำกำลังกองรบพยัคฆ์สวรรค์ จำนวน ๑,๐๐๐ แอบลอบเข้ามาภายในค่ายอสูรหวังช่วยเหลือผู้คนที่ถูกจับเป็นเชลย กำลังที่มีถูกแบ่งออกครึ่งหนึ่งแยกย้ายกันบุกเข้าไปในที่คุมขังทั้งสองแห่งที่อยู่ภายในค่าย  แต่เนื่องจากมีเวรยามตรวจตราอย่างหนาแน่น พยัคฆ์วารี จึงยังไม่ลงมือกลับเปลี่ยนใจรอดูสถานการณ์ภายในค่ายอสูรก่อน



    ‘ เวรยามของพวกมันมีจำนวนไม่น้อย แสดงว่าภายในค่ายยังคงมีคนบังคับบัญชาอยู่ ’



    จากการคาดเดาของ พยัคฆ์วารี เขาค่อนข้างแน่ใจว่าความคิดของตนเองไม่น่าจะผิดพลาด



    ‘ รอดูท่าทีของพวกมันก่อน หากเป็นไปได้ก็ขอให้ใครก็ตามที่บังคับบัญชาอยู่ภายในค่ายออกไปนอกค่ายเป็นดีที่สุด ’



    พยัคฆ์วารี ไม่ประมาทสั่งให้กองรบพยัคฆ์สวรรค์ คอยดูท่าทีก่อน เพราะหน้าที่ของเขาคือการนำตัวเชลยออกจากค่ายอสูร หากเป็นไปได้เขาไม่ต้องการที่จะเสียเวลาอยู่ในค่ายอสูรนานนักหากจะต้องลงมือ พยัคฆ์วารี แอบซุ่มดูการเคลื่อนไหวเป็นเวลาเกือบเทียน ๑ เล่มดับ ก็ได้ยินเสียงการสู้รบดังมาแต่ไกล



    “ เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”



    “ โฮกกกกกกกกก ”



    เสียงการต่อสู้นี้เขารู้ดีว่ากองรบพยัคฆ์สวรรค์หน่วยแรก เปิดฉากต่อสู้กับกองทัพอสูรแล้ว ทางทหารอสูรที่อยู่ในค่ายเมื่อได้ยินเสียงการสู้รบต่างพากันมายืนชะเง้อมองดูการต่อสู้จากบนกำแพงค่ายของพวกตัวเอง



    ‘ รอช้าไม่ได้แล้วไม่ว่าใครจะอยู่ในค่ายก็ตามหากพวกมันยกเรื่องเชลยขึ้นมาข่มขู่หรือสั่งให้พวกเชลยออกรบด้วยต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ’



    พยัคฆ์วารี ตัดสินใจส่งสัญญาณมือสั่งให้กองรบพยัคฆ์สวรรค์เข้าจู่โจม



    “ โจมตีได้ ”



    “ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”



    กองรบพยัคฆ์สวรรค์ ทะยานออกมาที่ซ่อนแยกกันจู่โจมตามแผนพยายามสร้างสถานการณ์ที่วุ่นวายแต่เป้าหมายหลักยังคงอยู่ที่ ที่คุมขังของเหล่าเชลยทั้งสองที่



    “ พวกนี้มันมาได้ยังไง? ”



    กองรบมารที่อยู่เฝ้าดูแลค่ายต่างตกใจเมื่อจู่ๆ มีเสือมีปีกจำนวนหลายร้อยเหาะเข้ามาภายในค่าย ทหารอสูรที่เฝ้ายามเป็นกลุ่มแรกที่เข้าปะทะกับศัตรูหรืออีกในหนึ่งก็คือกลุ่มแรกที่โดนจู่โจม



    “ บับๆๆๆ ”



    “ อ๊ากกกกกกกกกกก ”



    กรงเล็บของเหล่าพยัคฆ์ ตะปบเข้าที่หน้าและลำตัว ยังผลให้เพียงเวลาไม่กี่วินาทีพวกอสูรล้มตายลงหลายสิบตน



    “ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”



    กองรบพยัคฆ์สวรรค์ โจมตีอย่างสะเปะสะปะ เพื่อสร้างความวุ่นวายในค่ายในให้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็ทำตามแผนบุกเข้าไปยังที่คุมขังเชลยเพื่อช่วยเหลือ และแล้ว พยัคฆ์วารี ก็มาถึงที่คุมขังเชลยกลุ่มแรกที่เป็นเด็กและก็ผู้หญิง



    “ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”



    กองรบพยัคฆ์สวรรค์ ฆ่าทหารยามที่เฝ้าคุมอยู่หน้าประตู ก่อน พยัคฆ์วารี จะเข้าทำลายโซ่ตรวน



    “ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด ”



    “ พวกท่านไม่ต้องกลัว ข้ามาเพื่อช่วยเหลือพวกท่านออกไป ”



    ทุกคนต่างพากันกรูออกเมื่อได้รับอิสรภาพ แต่ทว่า.....



    “ เหอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”



    ผู้คนที่ พยัคฆ์วารี ช่วยออกมานั้น ขณะที่กรูกันออกมากลับกลายร่างเป็นอสูรไปทั้งหมด



    “ แย่แล้ว หลงกลพวกมันแล้ว ”



    “ ฉึกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”



    “ กรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร ”



    กองรบพยัคฆ์สวรรค์ ที่อยู่ใกล้ โดนอาวุธก่อนเป็นกลุ่มแรก ก่อนจะล้มลงสิ้นใจตาย เห็นได้ชัดว่าเป็นแผนที่ถูกเตรียมการมาอย่างดี



    “ ถอยก่อนเร็วเข้า ”  



    พยัคฆ์วารี รีบสั่งการเวลานี้พวกเขาเสียท่าพวกอสูรแล้ว



    “ จะหนีไปไหน วันนี้พวกเจ้าไม่รอดแน่ ” เสียงของเหล่านายกองอสูร ดังขึ้นพร้อมกับกองรบมารจำนวนนับไม่ถ้วนที่โผล่มาอย่างมืดฟ้ามัวดิน



    หลังจากที่ถูกล้อม พยัคฆ์วารี ถึงได้รู้ตัวว่า ตนเอง หลงกลฝ่ายตรงข้ามเต็มเปา



    ‘ ถูกล้อมจนได้.......ทีนี้จะทำอย่างไรดี? ’ ไม่ว่าจะเหลียวมองไปทางไหนก็เห็นเงาของพวกอสูรอยู่เต็มไปหมด



    “ กรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร ”  เสียงคำรามของเสือมีปีก พยายามข่มขู่พวกอสูรแต่หาได้ผลอะไรไม่เพราะเวลานี้สถานการณ์ของฝ่ายตรงข้ามเป็นต่อเป็นอย่างมา



    ขณะที่ลูกพยัคฆ์กำลังคิดหาทางออกอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา



    “ เจ้าหนู เจ้ากล้ามากที่บุกเข้ามาภายในค่ายอสูรของข้า ”



    ไม่รู้ว่าขุนพลมาร อังกลาตู โผล่เมื่อไรแต่เวลานี้เจ้าของเสียงกำลังนั่งอยู่บนกำแพงค่ายทั้งยังแผ่ซ่านพลังความชั่วร้ายออกมาจน พยัคฆ์วารี รู้สึกได้



    “ เจ้าคือใคร? ”



    “ บังอาจ .....กล้าพูดจาสามหาวกับท่านขุนพลมารเช่นนี้เชียวหรือ? ”



    เหล่านายกองทหารกองรบมารต่างพากันชักอาวุธเข้ามาใกล้หมายจะสับ พยัคฆ์วารี ให้สิ้น



    “ เจ้านั้นนะหรือขุนพลมาร? อย่าพูดตลกไปหน่อยเลย อย่างมากก็แค่อสูรถ่อยๆตนหนึ่งเท่านั้นเอง ” น้ำเสียงของ พยัคฆ์วารี มีความรู้สึกดูถูกปนอยู่



    “ หนอย เจ้านี้วอนซะแล้ว ” ลูกน้องโมโหแทนเจ้านาย แต่ผู้ที่ถูกกล่าวถึงกลับนั่งพูดอยู่ข้างบนอย่างใจเย็น



    “ หึๆๆ เจ้าหนูปากดีมากไปแล้ว ข้านี้แหละขุนพลมาร อังกลาตู ผู้ดูแลค่ายอสูรแห่งนี้ ดูท่าเจ้าจะมีความเกี่ยวข้องกับเทพพยัคฆ์กระมัง ถึงมีความสามารถบ่งการกองรบพยัคฆ์สวรรค์ได้ จะว่าไปนิสัยของเจ้าก็คล้ายๆมันเหมือนกัน นิสัยที่อวดดีแบบนี้หามีใครเหมือนได้น้อยเต็มที ”



    “ เจ้ารู้จักเสด็จพ่อของข้าด้วยหรือ? ” ถามขึ้นด้วยความสงสัย



    “ ที่แท้เจ้าเป็นลูกเทพพยัคฆ์เองหรอกหรือ ”



    อังกลาตู ดีดนิ้วเคาะเป็นเสียงก่อนพูดว่า



    “ ข้ากับพ่อของเจ้าเคยพบกันมาครั้งหนึ่งแต่นานมาแล้ว ช่างน่าสมเพชเสียจริงๆเทพพยัคฆ์ ออกจะฉลาด แต่กลับมีลูกที่โง่เง่าแบบนี้หากเป็นลูกของข้าคงไม่งี่เง่าถึงขนาดพาตัวเองและลูกน้องเข้ามาติดกับเป็นนี้หรอก ”



    พยัคฆ์วารี โมโหจนเลือดขึ้นหน้าไม่พูดไม่จาอีกต่อไป พุ่งตัวเข้าหา อังกลาตู พร้อมทั้งชัก ดาบเขี้ยวพยัคฆ์ ออกจากฝัก



    “ ก่อนที่จะสมเพชใคร หัดสมเพช ตัวเองก่อนดีกว่ามั๊ง ”



    ดาบคู่ทั้งสอง เหมือนมีชีวิต เปล่งทั้งแสงและเสียงออกมา



    “ วิชาสี่พยัคฆ์คำรณ พยัคฆ์ฟ้าก้องคำราม ”



    “ กรรรรรรรรรรรรรรร โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก ”



    อานุภาพการทำลายที่เปล่งออกจากดาบคู่ สุดที่ใครจะต้านได้



    “ เหวออออออออออออออ ”



    “ ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ”



    “ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”



    เพียงกระบวนเดียวก็ทลายกำแพงค่ายที่อยู่ตรงหน้าลงจนหมด ทั้งยังสังหารเหล่าอสูรล้มตายลงไปถึงครึ่งร้อย เพียงแค่ พยัคฆ์วารี ลงมือ กองรบพยัคฆ์สวรรค์ ก็เข้าตะลุ่มบอนกับกองรบมารในทันที



    “ ฆ่ามัน ”



    “ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”



    การสู้รบภายในค่ายก็ดุเดือดไม่น้อยไปกว่าการสู้รบที่ทุ่งราบเลยแม้แต่น้อย



    “ ฝีมือดีใช้ได้ แต่ว่าเจ้าเล็งไปที่ไหนกัน? ”



    อังกลาตู กระโดดหลบและพลิ้วตัวเข้ามาหาด้วยความเร็วที่เกิดคาดคิด



    “ วิชาสี่พยัคฆ์คำรณ  พยัคฆ์ฟ้าก้องคำราม ” พยัคฆ์วารี รีบตวัดดาบกลับคืนคิดอาศัยพลังจากดาบปิดสกัดท่าร่างของ อังกลาตู เอาไว้



    แววตาของ อังกลาตู ไม่มีความหวั่นเกรงแม้แต่น้อย ซัดหมัดเข้าหาดาบเขี้ยวพยัคฆ์ อย่างแม่นยำ



    “ พลังอสุรมาร  โลกีย์ญาณปรปักษ์ ”



    “ เคร้งงงงงงงงงงงงงงงงงงง ”



    เสียงดาบกระทบกับหมัดดังคล้ายกับเสียงโลหะกระทบกัน ดาบเขี้ยวพยัคฆ์เล่มที่ปะทะด้วยสั่นสะท้านจนชาไปถึงแขนของ พยัคฆ์วารี



    ‘ ฝีมือมันร้ายกาจจริงๆ ’ ตอนนี้ พยัคฆ์วารี ถึงได้รู้ความน่ากลัวของ อังกลาตู



    ยังไม่ทันได้ตั้งตัว นิ้วมือสองนิ้วของ อังกลาตู ก็พุ่งเข้ามาที่ตาของเขาแล้ว



    “ อย่าเพิ่งได้ใจ ” พยัคฆ์วารี รีบข่มความหวาดกลัวเปล่งเสียงคำรามอีกครั้ง



    “ วิชาสี่พยัคฆ์คำรณ พยัคฆ์คำรามแปดทิศ ”



    ปรากฏภาพมายาของเสือร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนอ้าปากสกัดนิ้วทั้งสองที่พุ่งเข้ามาหาทั้งรุมล้อมเข้าขย้ำ อังกลาตู



    “ วิชาหลอกเด็กกลับเอาไว้ใช้ในนรกเถอะ ”



    อังกลาตู  ปรับเปลี่ยนกระบวนพลิกหงายข้อมือเข้าจู่โจมภาพมายาที่หน้าอก



    “ พลังอสุรมาร  ปุณฑริกสราญรมย์ ”



    พลังที่แฝงอยู่ในกรงเล็บที่เตรียมขยุ้มนั้นเปล่งประกายลำแสงสีดำออกมา



    ‘ กระบวนท่าของมันช่างอำมหิตนัก ’



    นอกจากต้านทานพลังที่เข้ามาหาแล้วไม่มีทางเลือกอื่นอีก



    “ วิชาสี่พยัคฆ์คำรณ พยัคฆ์ลำพองยอดขุนเขา ”



    ดาบเขี้ยวพยัคฆ์ เปล่งพลังต้านทานพร้อมเสียงคำราม ปรากฏรูปพยัคฆ์กำลังกางกรงเล็บเตรียมตะปบ



    “ ฮะๆๆๆๆ ใช้ได้ ”



    อังกลาตู หัวเราะชอบใจ เร่งพลังอสุรมาร ขึ้นอีกเท่าตัว



    “ พลังอสุรมาร โลกีย์ญาณล่องลอย ”



    ดั่งปรากฏเทวะรูปมารออกมาจากร่าง ทำลายร่างพยัคฆ์จนแหลกเหลว ก่อนที่พลังอันมหาศาล จะกระแทกถูกร่างของ พยัคฆ์วารี กระเด็นไปไกล



    “ อ๊อคคคคคค ” พยัคฆ์วารี กระอักเลือด พลังในร่างถูกกดลดลงไปถึงครึ่งหนึ่ง ทั้งยังหายใจติดขัด



    “ สู้ได้ดี แต่ครั้งนี้เจ้าไปตายได้แล้ว ”



    พลังอสุรมาร ในร่างของ อังกลาตู เกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งพลังมาปรากฏเป็นก้อนพลังอยู่ที่ฝ่ามือ ก่อนที่จะขยายใหญ่ขึ้น



    “ พลังอสุรมาร มหาภูมิมารทำลายโลก ”



    “ ตายซะเจ้าหนู ”



    ก้อนพลังหลุดออกจากมือ พุ่งเข้ามาหา พยัคฆ์วารี



    “ ย๊ากกกกกกกกกกกกกก ”



    พยัคฆ์วารี ไม่ยอมแพ้ สลายพลังอสุรมารที่อยู่ในร่างเท่าที่ทำได้ เร่งพลังโต้กลับ



    “ วิชาสี่พยัคฆ์คำรณ พยัคฆ์ทลายไตรภูมิ ”



    ปรากฏร่างราชาพยัคฆ์ตัวใหญ่มหึมา กลืนกินลูกพลังก่อนกลืนกิน อังกลาตู ที่ลอยอยู่กลางอากาศเข้าไปด้วย



    “ สำเร็จ ”  พยัคฆ์วารี มีสีหน้าดีใจที่กำจัดศัตรูได้



    แต่ทว่า......



    “ เปรี๊ยะๆๆๆๆ ”



    จู่ๆที่ท้องของ  ราชาพยัคฆ์  เกิดขยายใหญ่ขึ้นก่อนระเบิดออกมา



    “ ตูมมมมมมมมมมมมมมมม ”



    ร่างของ  ราชาพยัคฆ์สูญสลาย แทนที่ด้วยร่างของ  อังกลาตู ก่อนดูดเศษพลังเข้ามาเป็นกลุ่มก้อน



    “ ไม่จริง...... ”  พยัคฆ์วารี แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง



    “ เอากลับคืนไปซะ ”



    “ พลังอสุรมาร ศรมหามารนฤบดี ”



    พลังอสุรมาร ที่รวมกับพลังของ พยัคฆ์วารี พุ่งเข้ามาดุจศรออกจากคันธนูพุ่งทะลุร่างไปอย่างแรง



    “ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ”



    พยัคฆ์วารี นอนกองอยู่ตรงนั้น เจ็ดปวดเกินบรรยาย ขยับตัวแทบไม่ได้



    “ โอรส!!!! ” กองรบพยัคฆ์สวรรค์ ที่มองเห็นต่างตกใจ รีบพากันเข้ามาช่วยคุ้มกันแต่ไม่มีใครต้านทานพลังอสุรมารได้ซักคนเดียว



    “ เปรี้ยงงงงงงงงงง  ”



    “ อ๊ากกกกกกกกกก ”



    “ ยังไม่ตายอีกหรือ? ”



    อังกลาตู ลอยลงมายืนอยู่ที่พื้นก่อนเดินเข้าไปหา พยัคฆ์วารี



    “ กรอดดดดดดดดดดดดดด ”  พยัคฆ์วารี กัดฟัดด้วยความเครียดแค้นจน อังกลาตู สังเกตเห็น



    “ โฮ่ๆๆ  อย่างนี้ๆเองเจ้าเองก็มีจิตใจที่แค้นเคืองอย่างนั้นด้วยหรือ? น่าสนุกๆ จริงๆ หึๆๆ ”



    “ จะฆ่าข้าก็รีบฆ่าข้าซะ มัวชักช้าอยู่ทำไม ” พยัคฆ์วารี รู้ตัวดีว่าไม่มีปัญญาที่จะตอบโต้อะไรได้



    “ จุ๊ๆๆ อย่าพูดอย่างนั้นสิ ฆ่าเจ้ามันก็น่าเสียดาย ข้าว่าเรามาเล่นอะไรสนุกๆกันหน่อยดีกว่า ”



    อังกลาตู ยืนมือทั้งสองออกมา ก่อนปล่อยพลังอสุรมารเข้าสู่ร่างของ พยัคฆ์วารี



    “ เจ้าจะทำอะไรข้า โอ๊ย..... ”



    “ ก็บอกแล้วไง ทำอะไรที่มันสนุกๆ อย่างไรเล่า ฮะๆๆๆ ”



    “ พลังอสุรมาร ภูติจุติแดนมาร ”



    พยัคฆ์วารี ถูกพลังของ อังกลาตู เข้าแทรกซึม รู้สึกปวดหัวเหมือนจะระเบิด



    “ อ๊ากกกกกกกกกกกกกก   เจ็บเหลือเกิน อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ”



    “ โอรส!!! ” เหล่ากองรบพยัคฆ์สวรรค์ที่เหลืออยู่ ต่างพยายามเข้าไปช่วยเหลือแต่มิอาจฝ่าวงล้อมของเหล่าอสูรเข้าไปหาได้



    “ จะปลดปล่อยออกมา ปล่อยชั่วร้ายที่อยู่ภายในจิตใจออกมา ”



    “ อ๊ากกกกกกก ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”



    “ จะเก็บมันเอาไว้ทำไมจงปลดปล่อยมันออกมา  ......ออกมาซิ ”



    “ อ๊ากกกกกกกกกก  ”



    พยัคฆ์วารี กลิ้งตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด เวลานี้จิตมารเริ่มเข้าควบคุมเขา บังเกิดภาพหลอนที่ไม่เป็นจริง



    “ เจ้าพี่ เจ้าพี่ พระเจ้าข้า ”



    “ .....เพชรพยัคฆ์ ” ภาพของน้องชายที่ยืนเคียงคอกับคนที่เขารักกำลังผุดขึ้นในหัวสมอง



    “ เพชรพยัคฆ์ ช่วยด้วย .......ช่วยพี่ด้วย ”  พยัคฆ์วารี ยื่นมือไขว้คว้าของความช่วยเหลือ



    “ ได้สิพระเจ้าข้า น้องจะช่วย  จะช่วยเจ้าพี่ ” ทั้งสีหน้าและแววตาของ เพชรพยัคฆ์เต็มไปด้วยความน่ากลัว



    ไม่รู้ว่า เพชรพยัคฆ์ หยิบดาบขึ้นมาจากไหน ก่อนที่จะกระหน่ำแทงไปที่ร่างของ พยัคฆ์วารี



    “ ฉึกๆๆๆๆๆๆๆๆ ”



    “ อ๊ากกกกกกกกก  ......เพชรพยัคฆ์  ” สีหน้าของ พยัคฆ์วารี ทั้งเจ็ดปวดและไม่เชื่อ



    “ ตายซะ ตายไปซะเถอะเจ้าพี่  ฮะๆๆๆๆ ”



    ด้านเกลียวสวรรค์ เดินเข้ามาจูบกับเพชรพยัคฆ์พลางพูดว่า



    “ เสด็จพี่ ผ่าเอาหัวใจของโอรสออกมาให้น้องดูหน่อยสิเพคะ น้องอยากเห็นเหลือเกิน ”



    “ ได้สิ ถ้าเจ้าต้องการ ”



    “ ไม่ อย่า.......... อ๊ากกกกกกกกกกกกก ”



    “ นี้ไงล่ะ หัวใจของเจ้าพี่ ฮะๆๆๆ ”



    พยัคฆ์วารี ส่งเสียงร้องอย่างโหยหวนก่อนที่ หัวใจ ของเขาจะถูกกระชากออกมา เกลียวสวรรค์ รับหัวใจ ของ พยัคฆ์วารี มาถือ ก่อนบีบจนแหลกคามือท่ามกลางเสียงหัวเราะของทั้งสอง พยัคฆ์วารี มองดูทั้งสองด้วยความเครียดแค้นและเจ็บปวด



    “ ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”



    “ โอรส!!!! ”



    เหล่ากองรบพยัคฆ์สวรรค์ ส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นภาพของ พยัคฆ์วารี ที่กระตุกตัว อย่างแรง



    “ ไม่.....ไม่..... ” พยัคฆ์วารี พูดเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนแน่นิ่งไป



    แต่เพียงแค่ครู่เดียว พยัคฆ์วารี ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา ทั้งๆยังได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนัก



    “ โอรส ”



    ในทีแรกทุกคนต่างดีใจที่เขาลุกขึ้นมาได้ทำให้กำลังใจฮึดสู้กลับมาอีกครั้งแต่ก็ต้องต่างพากันถอยกรูเมื่อเห็นพยัคฆ์วารี มีท่าทีแปลกๆไป



    “ เจ้าหนู เจ้าเป็นใคร? เจ้าจำได้หรือเปล่า? ”



    เสียงของ อังกลาตู เอ่ยถาม ด้วยสีหน้าที่สุดแสนเจ้าเล่ห์



    “ ข้าเป็นใคร? ” พยัคฆ์วารี ทวนคำอย่างช้าๆ ก่อนส่ายหน้าด้วยดวงตาที่เหม่อลอย



    “ ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงหันไปมองพวกนั้นซิ ”



    พยัคฆ์วารี เหมือนกลายเป็นหุ่นเชิดไม่ว่า อังกลาตู จะสั่งอะไรก็ทำตามเสียทุกอย่าง



    “ เจ้าเห็นอะไรไหม? ”



    “ เห็น...... ข้าเห็นเสือ ” พยัคฆ์วารี ตอบอย่างช้าๆ



    “ ดี เสือพวกนั้นแหละคือศัตรู ของเจ้า จงฆ่า ฆ่า พวกมันสิ ฆ่า พวกมันให้หมด ”



    “ ศัตรู ”



    พยัคฆ์วารี ค่อยๆ เดินเข้าหากองรบพยัคฆ์สวรรค์



    “ โอรส!!! ไม่พระเจ้าข้า ทรงเข้มแข็งไว้ ”



    “ ศัตรู? ”



    “ ฆ่า  ต้องฆ่าให้หมด ”



    “ โอรส!!!! ” ยิ่ง พยัคฆ์วารี เข้ามาใกล้ พวกเขายิ่งถอย



    “ ศัตรู ต้องฆ่า ฆ่า ฆ่าให้หมด ”



    ทั้งสีหน้าและแววตาของ พยัคฆ์วารี มีแต่รังสีที่เข่นฆ่าอย่างรุนแรง



    “ ฆ่า ฆ่าให้หมด ”



    “  ฮะๆๆ ดี  ...ใช่แล้ว ฆ่า จงฆ่า พวกมันซะ ”



    “ ไม่พระเจ้าข้า โอรส!!!!!!!!!!! ”



    “ ฉับบบบบบบบบบบบ ”



    ไม่มีคำตอบใดๆหลุดออกจากปากของ พยัคฆ์วารี นอกจากเสียงของดาบต้องกับอากาศเท่านั้น



    “ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ”  กองรบพยัคฆ์สวรรค์ ที่อยู่ใกล้ที่สุดถูกสังหารตายภายในดาบเดียว เลือดพุ่งกระฉูดออกจากร่างเหมือนเขื่อนที่พังทลาย



    กองรบพยัคฆ์สวรรค์ ตัดสินใจถอยหนีรีบเหาะขึ้นสู่ท้องฟ้า พยัคฆ์วารี ที่ได้รับบาดเจ็บภายในเมื่อออกแรงถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น



    “ ไปซะ ไปฆ่าพวกมัน ข้าสั่งเจ้าได้ยินไหม? ”



    พยัคฆ์วารี ที่ตอนนี้ไม่เป็นตัวของตัวเอง แม้บาดเจ็บหนักแต่ก็ทำตาม อังกลาตู สั่ง ยิ่งเขาขยับตัวอาการก็ยิ่งทรุดแต่กลับไม่แสดงสีหน้าความเจ็ดปวดใดๆออกมา



    “ ดีมาก ”



    อังกลาตู หันมาสั่งกองรบมาร



    “ พวกเจ้าอยู่เฝ้าค่ายที่นี้แค่ ๒,๐๐๐ ก็พอ ที่เหลือตามข้ามา เราจะไปร่วมกำลังกับแสงฤทธิ์ และถล่มนครอัญจารีให้ราบเป็นหน้ากลอง ”



    “ เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ” กองรบมารโห่ร้องด้วยความยินดี ท่ามกลางแววตาที่เลื่อนลอยของ พยัคฆ์วารี



    จบตอนที่ ๔๖ ครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×