ตอนที่ 32 : ตอนที 24 : การเดิมพันธ์ของโอกะ
7.4.2019 (สำหรับนักอ่านใหม่ที่อยากจะเสพเนื้อหาต่อผมก็จะเปิดให้อ่านนะครับ)
เรื่องนี้เป็นเรื่องเเรกที่เขียน....... นักเขียนยังคงไม่ทิ้งผลงานนี้ครับ เเค่พักงานไว้ก่อน เเต่เอาจริง ๆ ช่วงนี้หมดไฟ มัวเเต่ติดหนังสือการ์ตูนกับดูอนิเมะ เห้อ... อยากจะกลับมาเขียนเร็ว ๆ จัง เเต่ยังมีงานเก่าค้างอยู่ จะพยามกลับมาเขียนให้เร็วให้นะครับ หากอ่านเเล้วสนุกเพลิดเพลินก็ดีใจเเล้วครับ ^_^
ซึ่งสีหน้าของโอกะในตอนนี้ถึงจะนิ่ง ๆ แต่ข้างในไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกล่ามโซ่อยู่ ราวกับว่าถูกเหนี่ยวรั้งไว้จากคนที่คอยจับตาดูเขา มิไรที่จ้องมองโอกะตาไม่กระพริบ พรางยิ้มก่อนจะกล่าวว่า
“เตรียมพร้อม …ระวัง..ไป!” สิ้นสุดคำพูดจากเสียงตะโกนของมิไร
คานาเดะที่ล่ายเวทเพื่มความเร็วทางกายภาพไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จึงออกตัวไวก่อนโอกะ ขณะที่เขาตามหลังอย่างไวเช่นกัน โอกะดูเหมือนจะช้าลงกว่าเมื่อก่อน แต่ก็ยังพอตามทัน แล้วเวลาก็ทำได้ดีด้วยทั้งสองคน คานาเดะที่ตัดสินใจว่าจะเอาจริงเอาจังกับโอกะจึงใช้เวท <Best running physical stombypart> เมื่อเธอก้าวเท้าไปข้างหน้า เพียงชั่วพริบตา ร่างกายเธอก็เปร่งสะเก็ดเวทสีน้ำเงินราวกับอัญมณีที่แตกออก แล้วทันทีที่ก้าวเท้าเหยียบที่พื้นวงเวทสีแดงฉานขึ้น คานาเดะก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างไวขณะที่ทั้งสองคนก่อนหน้านี้อยู่ติดกันมาก
ซึ่งจากที่เธอใช้เวทนั้นผ่านหน้าโอกะไปขณะที่เขาตกตะลึงกับความเร็วของคานาเดะ จนตาค้าง ในวินาทีนั้นราวกับทุกอย่างช้าลง โอกะจ้องมองอย่างหน้าประหลาดใจ
“ระ…เร็ว โครต!!” โอกะเอ๋ยขึ้น
วินาทีนั้นคานาเดะวิ่งนำหน้าด้วยความเร็วสูง อย่างเหลือเชื่อ โอกะที่มองจากข้างหลังอย่างประหลาดใจ เกิดเหม่อลอยในขณะนั้นด้วยความไม่คาดคิดและทึ่งมาก พรางไม่ได้สติ ถึงความเร็วของโอกะจะตามสปีดไม่ทันแต่ก็ยังทำเวลาได้อยู่ แต่เมื่อโอกะเหม่อรอยวินาทีนี้แล้วล่ะก็ เวลาที่มีก็อาจจะเสียไปเยอะ
โอกะที่ประคองสติกลับคืนมาแล้วนึกไว้แล้วว่าพลาดอย่างแรง ส่วนคานาเดะก็ววิ่งเข้าเส้นชัยไปในที่สุด
เวลา 8:26 วินาที เวลาของคานาเดะ
เวลา 13:89 วินาที กับเวลาของโอกะ
ขณะที่โอกะพึ่งจะวิ่งเข้าสู่เส้นชัยเอาก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองนั้นด้อยกว่า และอ่อนแอกว่า ความรู้สึกนั้นมันไหลเข้ามาในตัวเขา ตั้งแต่ที่ตัวเองนั้นไม่ค่อยมั่นใจ แล้วมันก็ค่อยๆ ขยายมากึ้นเมื่อโอกะประมาท โอกะรู้ตัวเองดีว่าตัเขายังต้องแกร่งให้มากกว่านี้ แต่เขากลับทำไม่ได้ ยืนอยู่ที่จุด ๆ เดิม ไม่ขยับไปใหน
โอกะที่หยุดการเคลื่อนใหว ทรุดตัวลงกับพื้นพรางหอบหายใจช้า ๆ มองไปยังพื้นสนาม
นี่เรา..ยังแกร่งไม่พองั้นสินะ ..ไม่แปลกเลยที่ถูกลดขั้นตำแหน่ง แล้วทุกคนก็ดูพยามกันมากด้วยกับการทดสอบในครั้งนี้ ขณะที่เราไม่เอาใหนซะเลย แบบนี้มีหวังถูกไล่ออกแน่!
โอกะกังวลเรื่องนั้นด้วย เรื่องที่ว่าใครที่สอบตกจะถูกไลออกในทันที ซึ่งแย่หน่อยสำหรับโอกะที่กำลังสูญเสียความมุ่นใจในตัวเองมากเข้าอีก ต่างกับเมื่อก่อนที่มีความมั่นใจเปี่ยมล้น
เด็กใหม่ที่ว่า ที่เชื่อ ชิโด้ เดินเข้ามาข้าง ๆ กับโอกะพรางเท้าเอวมองโอะอย่างหน้าสมเพช เมื่อโอกะเงิยหน้าขึ้นมองมิ่น ๆ ก็เห็นใบหน้าที่เย็นชาของเขา ราวกับว่าชิโด้ไม่ค่อยชอบขี้หน้าโอกะ ก่อนเขาจะบอกกล่าวไปว่า
“ใช้พลังเวทไม่ได้งั้นเหรอ น่าสมเพชซะจริง ..” ดูถูกเหยียดหยามโอกะขณะที่เขามองอยู่
โอกะที่ได้ยินไปพราง ๆ จึงกำหมัดแน่น แล้วกัดฟันตัวเอง ที่ทำตัวอ่อนแอน่าเพช จนคนอื่นเดินมาดูถูกถึงที่
“ทำใจไว้ได้เลย มาซามูเนะ โอกะ นายโดนเด้งแน่” น้ำเสียงเย็นชาจากเขา
ชิโด้มองโอกะด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะเดินจากไปพรางมองข้าง แล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงรู้จักกับโอกะได้ นั้นก็เพราะเขาอยู่ห้องเดียวกัน ห้อง A ปี 1 ดังนั้นแล้วก็ไม่ใช่เรื่องหน้าแปลกใจอะไร ชิโด้มีเพื่อนที่คุยด้วยอยู่เป็นประจำหนึ่งคน เธอเป็นผู้หญิงผมสีทอง ดวงตาสีเขียวราวกับอัญมี เจิดจะรัดมาก เป็นผู้หญิงน่ารักคนนึง ทำตัวเป็นสาวน้อยใจดี เป็นมิตร แถมยังเป็นเพื่อนสนิทของชิโด้อีก ซึ่งโอกะเองก็เคยคุยเรื่องงานกับเธอ เป็นคนที่ใจกว้างมาก ๆ
โธ่เว้ย! … ต้องพยามให้มากกว่า เรื่องการใช้พลังเวทของเราก็อ่อนมากด้วย สงสัยคงต้องเข้าถึงเรื่องศาสตร์เวทให้มากกว่านี้แล้ว
บ้านของโอกะ
กึก! เสียงกัดฟันของโอกะ ขณะที่เวลามืดตอนพระจันทร์ขึ้นแล้ว แต่โอกะก็ยังออกมาข้างนอกมาฝึกใช้พลังเวทให้ได้อยู่เรื่อย ๆ มาก โอกะทดลองแล้วทดลองอีก มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เรื่อง ขนาดเป็นเวทพื้นฐาน ก็ยังยากกว่าปรอกกล้วยซะอีก สำหรับโอกะที่โตบโตมาพร้อมกับทักษะของดาบที่คุณแม่ของเขาสอนให้ แต่ก็ยังไม่เคยใช้เวทมนต์มาก่อนเลยซักครั้ง แต่จะว่าไปเวทมนต์ที่เคยใช้ก็เป็นเวทที่รวมพลังไว้ที่จุด ๆ เดียว รอให้ถึงจังหวะแล้วจึงทำให้เกิดพลังมหาศาลได้หลังจากที่โจมตีออกไปด้วยร่างกายส่วนได ก็ตอนที่โอกะสู้กับบาทหลวงชิเงมูระด้วยใช้ท่านั้นตามคานาเดะ
โอกะแบบฝ่ามือไปข้างหน้าด้วยแขนขวา ขณะที่มือซ้ายจับแขนขวาไว้แน่น พร้อมออกกำลังเหมือนเบ่ง ๆ อะไรซักอย่าง ออกจากมือขวาของเขา ซึ่งมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย เป็นเพราะโอกะยังเป็นแค่มือสมัครเล่นเรื่องแบบนี้อยู่ ก็เลยยังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะทำแบบนี้ได้
เมื่อเขาวางมือในอากาศลงเหนือหัวเขาแบบห้อยต่องแต่ง พรางเสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เหมือนโอกะจะฝืนร่างกายมากไป สำหรับการฝึกใช้เวทตามที่คานาเดะแนะนำมา ซึ่งมันยากไป โอกะไม่ได้อะไรจากการฝึกนี้เลย เขาฝึกข้างบ้านไกล้กับรั้วหนังปูน
เสียงหอบหายใจในอากาศขณะเขา อ้าปากค้างลมหายใจก็ปล่อยออกมาเป็นไอหนาว จากที่โอกะใส่แค่เสื้อผ้าธรรมดาไม่ได้กันหนาวอะไร เขารู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นในอากาศที่มากขึ้น มันแพร่ความหนาวเย็นซ่านไปทั่วร่างกายเขา จนเริ่มช้าเต็มที่ ไม่แปลกเลยเพราะฤาดูหนาวก็ไกล้เข้ามาแล้ว โอกะแสบผิวหนังทั่วทั้งร่างกายเพราะความเย็นมันซึมซับเข้าไปในผิวของหนังของเขา จึงทำให้ร่างกายของเขามีอุณภูมิเย็น 8 องศา เซลเซียด ซึ่งถือว่าหนาวจนตัวสั่นขณะที่ไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาวเลย
โอกะขมวดคิ้วไม่ค่อยขึ้น แต่ก็เริ่มตัวสั่นเต็มทน เขาพยามฝืนอดทดร่างกายไว้ ขณะซีดไปหมดทั้งตัว พรางพึมพำคนเดียวเพียงในใจ
ยากจังแหะ นี่เป็นเพียงเวทพื้นฐานง่ายแล้วแท้ ๆ ขนาดนี้เรายังทำไม่ได้เลย อุสาทำตามที่คานาเดะแนะนำมาแล้วนะเนี่ย
หลังจากที่วันนี้มีการทดสอบความสามารถของเด็กนักเรียนในห้อง ซึ่งโอกะก็ทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าไหร่ แถมยังโดนชิโด้ที่เป็นเด็กใหม่พูดดูถูกเหยียดหยามอย่างน่าสมเพช โอกะทีใช้พลังเวทไม่ได้ในเมื่อไม่มีดาบ เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนนึงที่ไร้พลัง มีทางเดียวที่เขาจะแข็งแกร่งขึ้นได้ก็คือการ ฝึกทั้งเวทและดาบไปพร้อมกัน ซึ่งการทดสอบก็ยังไม่จบเท่านี้ยังเหลืออีก 3 การทดสอบ ที่จะเป็นบทสรุปว่าเขาจะอยู่หรือไป
เพียงตอนนี้ที่โอกะพยามอย่างหนักขึ้นมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จริงอยู่ที่โอกะเป็นอัจฉริยะเรื่องการต่อสู้ด้วยอาวุธประชิดตัวอย่างดาบคู่ใจของเขา แต่ถ้าไม่มีสิ่งพวกนั้นความสามารถของเขามันก็ไร้ค่า พลังเวทที่มีอยู่ในตัวของโอกะก็ล้นเหลือขณะที่เขาใช้พลังเวทไม่ได้เลย ถึงมีไปมันก็ไร้ค่า ดังนั้นจึงทำให้โอกะลุกขึ้นเริ่มฝึกใช้พลังเวทจากการไปปรึกษาคานาเดะแล้วกลับมาลองฝึกที่บ้านเอง
โอกะหมกวุ่นอยู่กับเรื่องที่จะแข็งแกร่งขึ้นโดยการฝึกใช้พลังเวท เขาแบฝ่ามือไปข้างหน้า แล้วลองใหม่อีกครั้ง ทว่าจังหวะที่เขาพยามงัดพลังเวทออกมา ก็ดันนึกถึงเรื่องของวันนี้ขึ้นมา
‘ใช้พลังเวทไม่ได้งั้นเหรอ น่าสมเพชซะจริง’ ดูถูกเหยียดหยาม ‘ทำใจไว้ได้เลย มาซามูเนะ โอกะ นายโดนเด้งแน่’ น้ำเสียงเย็นชาจากเขา หลังจากที่ระลึกภาพในความทรงจำระหว่างเขากับชิโด้ที่เป็นเด็กใหม่ไป ก็ทำให้โอกะไขว้เขว จนสมาธิหลุดไปจังหวะนั้น เพียงแค่นึกเรื่องของวันนี้ก็ทำให้โอกะเจ็บใจมาก ครั้งนี้เขาดึงมือกลับมาก่อนจะกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง พรางบ่นพึมพำในใจ
โธ่เฟ้ย! มันเป็นความจริง! หมอนั้นพูดถูก เราจะโดนไล่ออก แถมยังปกป้องพวกพ้องไม่ได้ เราอ่อนแอ เราต้องแกร่งให้มากกว่านี้..
เสียงลมหายใจดัง คลื่อ ๆ ความหนาวเย็นซึมซับ แล้วปล่อยออกจากทางปาก โอกะแทบทนไม่ได้ใหว ต้องเข้าไปในบ้านในที่สุด ถึงไม่ว่ายังไงก็ต้องมีขีดจำกัด เพียงแค่เขาขยับร่างกายก็รู้สึกได้เลยว่า มันหนาวเหน็ดเข้าไปถึงกระดูก แค่ขยับร่างกายก็รู้สึกเจ็บราวกับกระดูกเริ่มร้าว
หลังจากที่โอกะเข้ามาข้างในบ้านไปอาบน้ำอุ่นร้อน ๆ เพื่อให้ร่างกายสบายตัว และสบายใจ ความหนาวเย็นค่อย ๆ หายไปช้า ๆ ทันที่ที่รู้ว่าร่างกายเริ่มรู้สึกอุ่นโอกะก็ใส่เสื้อฮูดกันหนาวไปแล้ว เขาถือของร้อนที่มือ มันคือถ้วยม่า ๆ พลาสติก เหมือนกับแก้วใหญ่ ๆ ข้างในมีม่าที่ต้มเรียบร้อยแล้ว เหมือนว่าอาหารมื้อดึกของโอกะจะเป็นม่าม่าร้อน ๆ พอได้สัมผัสที่ถ้วยก็รู้สึกอุ่น ๆ ขณะเดินขึ้นบันไดไปยังห้อง ข้างบนชั้นสอง
ชั้นแรกมีไฟเปิดแค่ตรงบันไดทางเดิน นอกเหนือจากนั้นมืดตึดตื่อ ทั้งห้องครัว ห้องนั่งเล่น ดูเงียบเหงา และโดดเดี๋ยว บรรยากาศที่บ้านของโอกะ อารมณ์ค่อยตาม เพลิดเพลิน นิ่ง ๆ บรรยากาศ ชวนเงียบเหงา ทอดแสงไฟจากหลอดกลมเล็ก ๆ เหนือเพดานตรงบันได แสงไฟสรั่ว ๆ ดูอบอุ่น เย็น ๆ เขาอยู่ตัวคนเดียวขณะที่คุณพ่อทำงานอยู่นอกเมือง โอกะต้องหาอะไรกินเอง ทำอาหารถึงเขาะจะไม่ค่อยถนัด แต่ก็อร่อยพอกินได้ แต่เขามักจะไม่ค่อยทำเพราะขี้เกียด ส่วนมากจะชอบกินแต่อาหารที่ซื้อมาจากห่าง
อย่างม่าม่าที่พึ่งจะซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อนอกซอย ประตูเปิดออกทันที ก่อนนโอกะจะเดินเข้าไปในห้อง ในห้องของโอกะดูเป็นห้องที่มีความเป็นผู้ชาย เตียงนอน ตู้เสื้อ โปสเตอร์อนิเมชั้นที่ชื่นชอบ โตะคอม หน้าต่าง เขานั่งลงบนเก้ากี้โตะคอมพิวเตอร์อย่างเย็น รวม ๆ แล้วคอมพิวเตอร์ของโอกะดูทันสมัยมาก มีด้วยกันสามหน้าจอ แป้นคีบอร์ดมีไฟ แต่โอกะกลับปิดไว้ หยิบผ้าห่มอุ่นมาปิดทับกับเสื้อไว้อีกชั้น เมื่อหน้าจอคอมมีแสงสว่างเห็นเป็นหน้า Desktop นั่นจากที่โอกะเอานิ้วชี้ยืนออกมาจากผ้าห่มอุ่น ๆ เอานิ้วจิ้มลงไปบนคีบอร์ด
โอกะใช้ซ้อมเกี๋ยวม่ามาในถ้วยขึ้นมาเข้าปาก ก่อนจะดูดเส้นซด ซีด! พรางเลื่อนเม้าไปยังข้อความที่เด้งขึ้น เขาเปิดมันขึ้น ด้วยสายตานิ่ง ๆ ก่อนจะเห็นข้อความจากเพื่อนในกลุ่มทีกำลังคุยกันในเรื่องการทดสอบวันนี้
สเตล่า : (การทดสอบของวันนี้ ฉันว่าทำได้สวยเลยนะ)
โซระ : ( นั้นสินะครับ ^&^)
คายาบะ : ( ทุกคนพยามอย่างหนักเลยเนาะ ^*^)
โซระ : ( งั้นเหรอครับ ผมยังพยามไม่สุดเลยนะครับเนี่ย)
คายาบะ : ( นักเลงคีบอร์ดชัด ๆ อย่าดีแต่พิมพ์สิฟ --)
คานาเดะ : (???? 555)
สเตล่า : (☹ ^^)
ข้อความพวกนั้นทำให้โอกะขำจนสำลักน้ำม่าม่า เล็กน้อย เขายิ้มได้อย่างอารมณ์ขัน ในเมื่อก่อนหน้านี้เขายังดูเครียดอยู่เลย แล้วโอกะก็ซดม่าม่า ที่แสนอร่อยต่อ ขณะนั้นเขาก็เปิดตาค้าง ขณะดูดเส้น เขาเอาหน้าเข้าไปไกล้หน้าจอ ขณะดูดเส้นม่าม่าเข้าปากจนหมด
คานาเดะ : (+_+ วันนี้โอกะดูแปลก ๆ นะ ฉันว่าเขาอาจจะกำล..)
คายาบะ : ( นั้นสิ! ฉันก็ว่างั้น!)
โอกะเอาพยามเพ่งสายตามอง ข้อความที่คานาเดะยังพิมพ์ไม่เส็จ แล้วพิมพ์ต่อ
คานาเดะ : ( โอกะวันนี้ดูเอาจริงเอาจังมาก ..เขาดูเคร่งเครียดและอึดอัดใจมาก เหมือนว่าโอกะคุง กำลังขาดกำลังใจ)
สเตล่า : (ไม่มีความมั่นใจ คงจะคิดมากนั้นแหละนั้น ถ้าไม่พยามจะถูกไล่ออก เห็นช่วงนี้บ่นอยู่ว่าจะต้องเกร่งขึ้น ไม่แน่นะ โอกะตอนนี้อาจจะกำลังพยามอย่างหนักอยู่ก็ได้ แต่ว่าเขาจะพยามไปเพื่ออะไรกันน่ะ)
คานาเดะที่อยู่บ้านของเธอที่กำลังหยุดฉะงัก เธอจ้องไปที่หน้าจอมืถือในห้องที่มืดสนิดพรางคิดถึงความร้สึกของโอกะในตอนนี้ ก่อนจะพิมพ์ไป
คานาเดะ : (ไม่รู้สิ..อยากจะทำเพื่อใครซักคนที่อยากจะปกป้องให้ได้ล่ะมั้ง? ฉันเห็นหน้าแบบนั้นหลายต่อหลายครั้งตอนที่ต่อสู้กับชายสวมผ้าคุม สีหน้าของเขาตอนที่พวกเราจนมุม ดู…เหมือนกับว่าเขาอยากจะปกป้องให้ได้แต่ทำอะไรไม่ได้มาก และก็คงจะเป็นเรื่องการโดนไล่ออกนั้นด้วยล่ะ)
โซระ : ( เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ จะทำอะไรต่อ แต่ควรจะยิ้มให้กันเสมอ แค่ยิ้มก็กำจัดความกังวลและเรื่องอื่น ๆ ไปหมดแล้ว)
โอกะจ้องมองข้อความพวกนั้นอย่างซึม ๆ ซึ้ง ๆ เล็กน้อย น้ำตาเกือบจะคลอเบ้า แต่ก็อดกลั่นไว้ ข้อความพวกนั้นเข้าถึงตัวโอกะจริง ๆ ไม่งั้นเขาคงจะไม่วางม่าม่าลงแล้ว จะพิมพ์ข้อความลงไป แต่ก็ต้องหยุดลงเพราะความรู้สึกทะมัดทะแมง เขาควรจะอยู่เฉยไม่ตอบข้อความ กลัวจะเสียฟอมเอาได้
โอกะยังคงกินม่าม่าต่อไป พรางมองรูปถ่ายที่อยู่กรอบตั้งอยู่กับโตะคอมทางขวา มันคือรูปถ่ายครอบครัวของโอกะ ก่อนจะถือมันไว้บนมือ โอกะมอง พ่อ แม่ และตัวในไวเด็ก สถานที่ที่ถ่ายก็เป็นข้างบ้าน พวกเขานั่งอยู่ตรงกระจกที่เลื่อนออกได้ โอกะหลี่ตาลงมองไปยังแม่ของเขาที่ยังเป็นสาวสายน่ารักอยู่ ผมสีแดงอ่อน ๆ กับดวงตาสสีฟ้าเข้ม กับเสียงของคุณแม่ของโอกะ เขายังจำเสียงนุ่ม ๆ นั้นได้อยู่ สายตาอันเย้ายวน กับรอยยิ้มที่มองมา โอกะระลึกภาพเมื่อตอนนั้นได้ จนลืมเรื่องต่าง ๆ ที่คิดมากไป ตอนที่ได้มองยังรูาภาพนี้ ทำให้เขานึกถึงคุณแม่ของเขาขึ้นมา ความรู้สึกกับความคิด การที่อยากจะแข็งแกร่ง มันก็เป็นแรงบันดาลใจที่ได้จากคุณแม่ของเขาที่เป็นนักดาบที่เปรียบสะเหมือนอัศวินที่สง่างามดั่งนภา โอกะทิ้งเรื่องแบบนั้นไปทั่วขณะให้เปลื่ยนเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับคุณแม่ของเขา
การทดสอบ เควี้ยงลูกตุ้มเหล็ก
วันต่อมา เด็กนักเรียนคนอื่นก็ต่างทดสอบกันอย่างเต็มที่ พยามอย่างสุดกำลัง มันคือการเดิมพันธ์เพื่อการอยู่รอด พวกเพื่อน ๆ ในห้องต่างก็เควี้ยงลูกตุ้มไปให้ไกลที่สุดเทาที่จะทำได้กันทุก ๆ คน โอกะเองก็ทำคะแนนไม่ถึงกับแย่อะไรมาก แต่ก็น้อยอยู่ดี ขณะทีพวกเพื่อน ๆ ใช้พลังเวทกัน ส่วนโอกะเวี่ยงด้วยแรงธรรมดา ซึ่งมันไปไม่ได้ไกล ดังนั้นคะแนนจะน้อยก็ไม่แปลกอะไร
เขามองที่มือตัวเอง แล้วเคร่งสีหน้า ขณะที่คานาเดะมองดูอย่างน่าเป็นห่วงพร้อมกับเพื่อน ๆ การทดสอบต่อไปโอกะพยามอย่างสุดกำลังเช่นกัน
คนที่ทดสอบด้วยดาบหินยาว หนัก ๆ ฟันหุ่นกระบอกเป็นเป็นราสบอสที่อยู่ตรงหน้า แล้วยังต้องผ่านหุ่นกระบอกเล็ก ๆ ที่เป็นลูกสมุนไปให้ได้ ซึ่งพวกนี้จะโพล่ขึ้นมาจากพื้นด้วยเวทของ อาโออิ ราวกับกลไกลบางอย่าง โอกะพยามโจมตีหุ่นที่ผุดขึ้นมาจากพื้น ด้วยดาบ ฟันให้ขาด การทดสอบที่โอกะพอจะได้เปรียบก็คือการทดสอบที่เป็นดาบ แต่ก็เหมือนว่าทุกคนก็ทำได้ดีเหมือนดี ริวจิเองก็ไม่ถนัดซะด้วยต่างกับโอกะที่ดูคร่องเคร่ว และไวกว่า แถมดาบหินนั้นหนักมากทำให้โอกะควบคุมได้ยาก
การทดสอบเดียวกันคายาบะกับสเตล่าก็ทำได้ดีเช่นกัน ทั้งสองจู่โจมด้วยกันได้อย่างสามักคีในขณะที่ฝั่งโอกะจู่โจมด้วยตัวคนเดียว อย่างหนักหน่วงและยากลำบาก ความหนักอึ่งของหินทำให้ความเร็วต้นของโอกะลดลงมาก ในขณะที่ริวจอต้องรับศึกหนักจากหุ่นกระบอกที่เข้ามรุ่มล้อมจนทำให้เขาขยับร่างกายไม่ได้เพราะ ดาบไม้หลายเล่มได้หยุดการเคลื่อนใหวของเขาไว้
เช่นเดียวกับสเตล่าที่โดนหยุดไว้ด้วยหุ่นกระบอกที่เข้ามารายล้อมก่อนจะโดนลุม ทว่าเธอก็เอาตัวรอดได้ด้วยกันแหวกทางออกมา ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะมีไม้แท่งยาว ๆ ออกมาจากพื้น ซึ่งเท้าของสเตล่าก็ไปสดุดล้มตรงนั้น จนโดนหุ่นกระบอกรุมล้อมเข้าโจมตี จนสเตล่าต้องครางร้องเสียงอุทานออกมา
ขณะที่คายาบะรู้แล้วว่าสเตล่าโดนเล่นงานไปแล้ว และเขาต้องเผชิญหน้ากับราสบอสใหญ่ของหุ่นกระบอกที่บุกมาอยู่ตรงหน้าด้วยตัวเอง ก่อนที่มันจะง่างดาบไม้อันใหญ่ยักขึ้น ทำให้คายาบะอึ่งจนร้องเสียงอุทานออกทำเช่นเดียวกับสเตล่าในสภาพเดียวกันกับสเตล่าที่โดนไป
ทว่าการทดสอบนี้ค่อยค้าง ฮาร์ดคอเกินไป จึงทำให้นักเรียนหลายคนที่สอบก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีใครผ่านได้ ไม่สิ ไม่มีใครผ่านเลยตังหาก ถึงตาที่โอกะจะสร้างปรากฏการให้ดูแล้ว บางที่โอกะอาจจะทำให้ได้ คมดาบหินของเขาฟาดยังคงฟาดฟันต่อไปในตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียว ส่วนริวจิพ่ายแพ้ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ซึ่งโอกะต้องสู้คนเดียวในท่ามกลางหุ่นกระบอกที่รายล้อมเข้าไม่หยุด โอกะถีบไปกับพื้นแล้วพุ่งเข้าจู่ โจมหุ่นกระบอกอย่างเฉียบคม หุ่นกระบอกตัวหนึ่งเข้าข้างหลังพร้อมดาบไม้ แต่โอกะก็ก้มหลบดาบนั้นได้ แล้วฟันหุ่นกระบอกตัวอื่นที่พยามเข้าจู่ โจม โอกะก้าวเท้าจนไม่ระวังเจอกับท้อนไม้ที่ใช้กับสเตล่าไปก่อนหน้านี้ จนโอกะเสียสมดุล แต่ก็ยังไม่ล้ม พยามตั้งสิตประคองตัว แล้วพุ่งเข้าจู่โจมหุ่นตัวอื่นต่อไป จนได้เข้าสู้กับหุ่นกระบอกราสบอส สีหน้าของโอกะยังเคร่งเหมือน กัดฟัน ก่อนจะเวี่ยงดาบลง แล้วย่อตัวลง ก่อนจะพุ่งออกไปเข้าปะทะกับหุ่นกระบอกตัวใหญ่ พร้อมจับดาบไว้ทั้งสองมืออย่างมั่นคง จากนั้นดัง เคร้ง!
หลังจากที่การทดสอบเควี้ยงลูกตุ้มจบลง นักเรียนทุกคนมาร่วมตัวกันข้างหน้าของ นามิคาเสะ มิไร กับอาโออิ อาจารย์ของเขาพวกเขา ซึ่งผลคะแนนของทุกคนก็ขึ้นอยู่กับการทดสอบรอบต่อไปนี้ การทดสอบสุดท้ายของเหล่านักเรียน
“พยามกันได้ดีมาก..ทุกคนต่างก็ดึงความสามารถออกมาอย่างสุดกำลัง” มิไรกล่าว
“การทดสอบก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะยากไปสำหรับเด็กนักเรียนอย่างพวกเธอ จริง ๆ ฉันก็ตั้งใจให้มันยากแบบนั้น หวังว่าจะได้เห็นใครสักคนผ่านไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครผ่านการทดสอบสู้กับหุ่นกระบอก กะไว้แล้วถึงไม่มีใครผ่าน คนที่ทำได้ดีจะได้ดีจะได้คะแน่พิเศษ” อาโออิพูดด้วยความรู้สึกที่สิ้นหวัง
“คนที่ทำได้ไม่เลว และได้คะแนนพิเศษที่จะได้ไป ..โอกาฮาชิ คานาเดะ อิชิดะ คายาบะ โนระ ฮานาบิ และมาซามูเนะ โอกะ พวกเธอจะได้รับคะแนนพิเศษไปในกรณีที่ทำได้ดีกว่าคนอื่นและมีโอกาสที่จะชนะมากที่สุด ส่วนคนอื่นก็พยามให้ดีมาก แล้วก็พยามดึงศักยภาพออกมาให้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ล่ะ” อาโออิพยามให้กำลังใจเด็กนักเรียนทุกคน
“การทดสอบต่อไป คงจะเข้าใจกันดีแล้วนะ ..อย่างแรกเลย การต่อสู้กันระหว่างนักเรียน จะมีข้อจำกัดหลายอย่าง โดยจุดที่จะไปดวลกันจะเป็นสนามที่เป็นสนามที่กว้างโดยประมาณ พอให้ได้สู้และถอยกันพอฟัดพอเหวี่ยง พื้นสนามจะสูงกว่าพื้น 1 เมตร ถ้าใครตกจากสนามถือว่าแพ้ หรือไม่ตกจากสนามจนมุมจริง ๆ แล้วจะบอกยอมแพ้เลยก็ได้” อาจารย์มิไร อธิบายให้ฟังจนเห็นภาพกันทุกคน
“แล้วนอกจากนี้ ต้องมีกฎกติกา ซึ่งการต่อสู้ในครั้งนี้จะถูกห้ามไม่ให้ใช้อาวุธ”
โอกะที่ได้ยินขนาดนั้นแล้วจึง กังวลเป็นอย่างมาก มิไรพยามบีบให้โอกะจนมุมจริง ๆ งั้นเหรอ หรือเขาอาจจะแค่อยากทดสอบความสามารถของโอกะ สิ่งที่โอกะถนัดมากที่สุดก็ถูกตั้งเป็นข้อห้ามซะงั้น การทดสอบในครั้งนี้ก็คงจะกลายเป็นการทดสอบหินที่ยากที่สุดสำหรับโอกะแล้ว สำหรับคนที่ใช้พลังเวทไม่ได้อย่างโอกะ ถึงโอกะจะสู้ระยะประชิดตัวเป็น แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าคนที่มีฝีมือในด้านนั่น ก็จบ
และโอกะถึงกับเผยสีหน้าให้กับมิไรเห็น ใบหน้าที่ไม่รู้จะทำยังไงดี จนมุมจริง ๆ
“และสามารถใช้พลังเวทได้ แต่ว่า…การใช้พลังเวทจะมีขอบเขตที่จำกัด นั้นก็คือวิชาเวทจะสามารถใช้ได้แค่ 2 ครั้ง เข้าใจตรงกันนะ แล้วต้องพยามให้เต็มที่ด้วยล่ะ!”
หลังจากที่มิไรได้แจ้งไปเรียบร้อยแล้ว อาโออิ ก็เริ่มล่ายเวททันที แบ ฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าก่อนจะมีวงเวท ขึ้นรอบตัวเธอ วงเวทกับอักษรเวทที่แตกต่างกันพรางเสียงพูด
จากนั้นบางอย่างก็ปรากฏขึ้น เพ่ง! เสียงนึงดังขึ้น ปรากฎสิ่งที่คล้ายกับดินกับแป้งที่ผสมกันเข้าด้วยกัน รวมรูปร่างกลายเป็นสนามประลองสีขาวที่ยาวประมาณ 10 เมตร สูง ครึ่งเมตร พร้อมบันไดขึ้นสู่สนามกว้าง มันคือปูนพื้นสนามที่เรียบมาก แถมยังทนทาน เด็กนักเรียนหลายต่อหลายคนต่างก็ตกตะลึงกับเวทแปลก ๆ แบบนั้น มันสุดยอดและตงานตาสุด ๆ จนบางคนต้องพูดออกมาเลยว่า
“สุดยอด เวทสร้างสนาม”
“กว้างน่าดูเลยแหะ!”
ขณะโอกะจ้องมองอย่างเฉย ๆ กังวลเล็กน้อย แต่เขาก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้ในที่สุด สิ่งที่ยากกว่าการต่อสู้ก็คือความกังวลที่ยังติดค้างอยู่ในตัวเขา ความมุ่งมั่นในดวงตาสีดำของเขาเริ่มเจิดจะรัดแต่มันยังน้อย แล้วเรื่องของคนที่เป็นผู้ต่อสู้เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร แต่ถึงเขาจะเป็นใคร โอกะก็จะพยามอย่างเต็มที่
“เอาล่ะ ฉันกับอาจารย์อาโออิได้เลือกแล้ว ว่าใครจะได้สู้กับใคร..” มิไรประกาศเมื่อนักเรียนมารวมตัวกันครบทั้งหมดแล้ว
“ผู้ต่อสู้ในคู่แรก จะเป็น ชิโด้ กับโอกะ!!”
สิ้นสุดคพูด โอกะถึงกับตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะได้สู้เป็นคู่แรกในสนามกับการทดสอบในครั้งนี้ แถมคนที่สู้ด้วยยังเป็นคนที่เคยดูพูดดูถูกโอกะ เป็นอะไรที่ยากที่จะยอมรับ แต่โอกะก็ไม่ปฎิเสธการต่อสู้ในครั้งนี้ เพราะเขาอยากจะอัดหน้าไอ้หมอนี้มาตั้งนานแล้ว ชิโดเงิยหน้ามามองโอกะด้วยสายตาอันเย็นชาพรางทำหน้าไม่ค่อยจะชอบใจนัก ก่อนจะยิ้มรอยยิ้มที่น่าสยดสยองพร้อมกับความไม่แยแส
โอกะรู้ดีว่าจะได้อัดหน้าไอ้หมอนั้นวันนี้ แล้วเขาก็รู้ในทันทีว่าไอ้หมอนั้นมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา ถึงจะหนักเอาการที่ใช้พลังเวทไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องการต่อสู้ในระยะเข้าประชิดตัวเข้าไม่แพ้แน่
แต่ก่อนที่จะขึ้นบนสนามเพื่อที่จะสู้นั้น โอกะก็วอมร่างกายให้พร้อมก่อน ให้เครื่องมันเริ่มอุ่น ๆ เขาก้มตัวลงไปผูกเชือกรองเท้าให้แน่นพร้อมที่จะลุย ขณะนั้นก็มีเสียงฝีเท้าของคนสามคนเดินเข้ามาตรงหน้าของโอกะ เมื่อโอกะเงิยหน้าขึ้นก็พบกับ คายาบะ โซระ สเตล่า โอกะแปลกใจที่คานาเดะไม่มาด้วย ทั้งสามคนเดินเข้ามาหาโอกะเพื่อจะพูดคุยบางอย่าง
“ดูเหมือนจะมีความมัน่ใจแล้วสินะครับ” โซระกล่าวหลังจากที่โอกะยืนขึ้น
ขณะทุกคนยิ้ม ก่อนคายาบเดะจกล่าวต่อ
“โอกะ นายใหวแน่เหรอ?”
“นั้นสิ นั้นสิ! ทางนั้นเขาใช้พลังเวทได้ แต่นายไม่มีคุณสมบัติในเรื่องนั้น” สเตล่ากล่าว
ตอนนี้โอกะไม่ได้ยิ้ม แต่กำลังเก็บความรู้สึกบางอย่างไว้เพียงในใจ
“ตลอดทีผ่านมา ฉันพยามมาตลอดเพื่อจะแข็งแกร่งขึ้นให้เหมือนกับคุณแม่ของฉัน แล้วจะแข็งแกร่งจนก้าวข้ามท่านไปอีก จนตอนนี้ฉันก็ก้าวอยู่กับที่ไม่ขยับไปใหน พยามแล้วพยามอีก..กว่าจะก้าวไปทีละก้าวได้ มันยากมากนะรู้ใหม” โอกะเหมือนจะระบายให้ฟัง
ในขณะทุกคนเริ่มจะไม่ยิ้มกันแล้ว โอกะก็ขยับริมฝีปาก ฉีกรอยยิ้มให้เห็น
“แต่ฉันก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้หรอกนะ..! ต่อให้ท้อแท้สักแค่ใหน ฉันก็จะไม่ยอมแพ้ ถึงการต่อสู้ในครั้งนี้จะยากไปสำหรับฉัน ..แต่บอกให้รู้ไว้เลย แค่นี้น่ะ” โอกะหันหลัง มองเข้าสนามในจังหวะนั้น พร้อมกับร้อยยิ้ม
ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นทางมือซ้าย ขณะที่สายลมพัดผ่านร่างกายของเขาไปอย่างเย็นสบาย โอกะก็ขยับริมฝีปากพูด
“..ไม่ทำ ให้ฉันแพ้ได้หรอก!! ..ต่อให้กระดูกหักทั้งร่างกายร้าว ฉัน ก็จะพยาม..จนถึงที่สุด!!” น้ำเสียงแห่งความมั่นใจที่ออกจากปากของชายผู้ไม่ยอมแพ้ ทั้งสามคนอึ่งที่โอกะพูดแบบนั้นไป
คายาบะต้องฉีกยิ้ม เมื่อเห็นความตั้งใจของโอกะ ก่อนจะหายใจทิ้งแล้วเอ๋ยขึ้น
“ให้ตายสิ สมกับเป็นนายจริง ๆ เลยนะ โอกะ ..ถ้างั้น..ก็ ลุยเลย!!”
สิ้นสุดคำพูด เมื่อโอกะหันมองข้างพรางพยักหน้า พร้อมเปร่งเสียง
“เอื้อ!!”
ทั้งสองคนโอกะกับชิโด้ เดินขึ้นบันไดคนละฝั่ง สเตล่ากังวลและเป็นห่วงมองโอกะพรางพูดออกไปว่า
“โอกะคุงจะไม่เป็นไรแน่น่ะเหรอ”
คายาบะที่เห็นบางอย่างในตัวโอกะยิ้มซักพัก ขณะโอกะเดินขึ้นบนสนามด้วยสีหน้ามั่นใจอย่างเอาจริงเอาจัง เขานึกถึงแววตาที่เติมเต็มไปด้วยความปราทณาอันแรงกล้าของโอกะ มีความตั้งใจ ความไม่ยอมแพ้ และทีสำคัญ ความกล้าหาญในตัว เพราะว่าโอกะมีบางสิ่งที่ไม่เหมือนใคร
“โอกะน่ะ..ไม่เป็นไรหรอกน้า..!! เพราะหมอนั้นีสิ่งที่ไม่เหมือนใคร”
สเตล่าส่งสัยไปพร้อมกับโซระที่ดันแว่นขึ้น
ด้วยที่ว่าโอกะมีสีหน้าที่มั่นใจเปี่ยมล้นไปด้วยความพยาม ทางชิโด้เองก็มีสีหน้าที่มั่นแพ้กัน ถึงสายตาของเขาจะเขม็งดูถูกมาก อารมณ์ของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ขณะที่มีเสียงคนตะโกนเชียร์ส่งเสียงเชียร์อยู่รอบ ๆ สนาม ทั้งคนจากห้องอื่น หรือปีอื่นด้วยเช่นกัน แม้แต่ท่านผู้อำนวยการอากิระ กับประธานนักเรียนปากดีก็มาชมศึกการต่อสู้กับ ระหว่าง โอกะกับชิโด้
“พอได้ตั้งใจทำอะไรแล้ว ต่อให้ยากลำบากซักแค่ใหน ..ก็จะทำให้สำเร็จ ..นั้นแหละคือหมอนั้น”
ผู้คนส่งเสียงเชียร์ ถึงแม้โอกะจะไม่ได้ยินเพราะตัวเองอยู่กับตัวเอง คิดบางอย่างพรางรวบรวมสมาธิ เขาก็หันหน้าไปมองคานาเดะที่มองมายังเขาขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม โอกะยิ้มตอบกลับก่อนจะหันกลับมามองมือตัวเององตัวเองซักพัก ก่อนจะกำหมัดแน่นเพื่มความมั่นใจ ถึงเขาดูมีความมั่นใจที่สีหน้ากับคำพูดมากมาย แต่ในลึก ๆ แล้ว เขากำลังกดดันตัวเองอยู่ ไม่มั่นใจ พยามยับยั้งความคิดและความรู้สึกเหล่านั้นไว้ข้างใน การที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นนั้น ต้องพยามให้มากขึ้น โอกะเงิยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองไปยังชิโด้ ด้วยความที่ตัวเองนั่น จะต้องโค่นชายที่อยู่ตรงหน้าให้ได้เพื่อที่ตัวเองจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
เมื่อเสียงของมิไรกล่าวขึ้น การต่อสู้ของจริงจึงเริ่มขึ้น