ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru

    ลำดับตอนที่ #26 : 2-07 Episode 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.02K
      103
      18 ก.พ. 60

    Chapter 2Turbulence in Royal Capital

    Episode 6 คมดาบที่ร่วงลงมาใต้แสงจันทร์

    ความเงียบโรยตัวลงในรถม้า

    หลังจากที่ทหารเข้ามาตรวจ—ถ้าให้พูดกันจริงๆก็ ถูกสภาขุนนางส่งมา แลเห็นเจ้าชายแอชชิวก็ดูจะเต็มไปด้วยกระหายที่จะฆ่าและเตรียมดาบในมือ

    เขาอยู่นั่น! กบฏแอชชิว! ฆ่าเขาซะ!”
    ใครฆ่าได้จะได้รางวัลทุกอย่างตามที่ต้องการ!”
    ล้อมไว้! จับผู้หญิงเป็นตัวประกัน!!”
    พวกเขาพุ่งโจมตีเข้ามาพร้อมตะโกนอะไรแบบนั้น

    อาหะ, เจ้าชายแสดงท่าทางอย่างคนโง่เขลา
    เจ้าชาย? กำลังพูดถึงอะไรงั้นหรอ ฉันเป็นแค่นักดาบสวมหน้ากากปริศนา ผู้กำลังหวาดกลัว!”
    สปิริตสูงจริง

    อา, งั้นผมลงไปเล่นด้วยแล้วกัน
    เช่นเดียวกัน, นักดาบปริศนาที่ผ่านทางมา, หน้ากากกุหลาบ ปรากฏตัว!  ถ้าไม่เสียดายชีวิตก็เข้ามา!”
    หยุด-ไม่ต้องว่ากันเลยนะ ก็มันจำเป็นนี่!
    อุ ผมสำนึกผิดก็ได้ (TL: อาการจูนิเบียวกำเริบคะ //หัวเราะ)

    พุ่งผ่านวงล้อมของศัตรูออกไปอย่างง่ายดาย ร่วมกับเจ้าชายแอชชิวทั้งที่ยังสวมหน้ากาก หลบหนีออกจากโรงละครโอเปร่า

    ทันทีที่คาร์โลวางแองเจริกาลงนั่งและกระโดดไปทำหน้าที่คนขับรถม้า ผมก็หันไปเรียกมิโคโตะที่กำลังไล่ฆ่าตามคำสั่ง—ของเธอเอง อืม บางทีปล่อยให้เธออยู่ถ่วงเวลา (หรืออาจจะสังหารหมู่) แล้วไปนั่งคุยเล่นกับคุณเจ้าชายอาจจะดีกว่า—พวกเรานอกจากมิโคโตะ จึงหลบหนีออกจากเมืองหลวงอย่างง่ายดาย

    บางครั้งผมก็เห็นแสงไม่ก็ได้ยินเสียงระเบิดจากด้านหลัง บางทีอาจจะมีใครเล่นดอกไม้ไฟก็ได้

    จุดหมายของพวกเราเป็นไปตามที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้, สถานที่พักร้อนของราชวงศ์--ทะเลสาบฟลูเวีย
    เพราะไม่ได้เปลี่ยนม้ามาตลอดคืน พอถึงกลางทางความเร็วจึงตกลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ตามการคาดการณ์ของเจ้าชายแอชชิว พวกเราคงจะถึงประมาณเที่ยงคืน

    แน่นอนว่า การออกจากเมืองหลวงมีอุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ต้องใช้ใบรับรองที่อยู่กับผม มิโคโตะจึงต้องใช้ทางออกอื่น อย่างบินเหนือบาเรีย แล้วมาสมทบกับพวกเรา อีกอย่างยังมีข้อกำหนดเรื่องระยะห่างระหว่างเจ้านายกับสัตว์เลี้ยงอยู่ด้วย, มันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

    (TL: ข้อกำหนดเรื่องระยะห่างระหว่างเจ้านายกับสัตว์เลี้ยง อย่างสัตว์เลี้ยงอยู่ห่างเจ้านายได้ไม่เกิน 10 เมตรแล้วจะถูกวาร์ปมาใกล้ๆเจ้านาย หรือถูกทิ้งไว้ห่างจากตัวเจ้านายเกิน 30 เมตรเป็นเวลา 5 นาทีจะถูกถือว่าสัตว์เลี้ยงตาย อะไรประมาณนี้; อันนี้ยกตัวอย่างเฉยๆนะ ไม่เกี่ยวกับฮิยูกิจ้า)

    อา สำหรับวิธีที่มิโคโตะใช้หนี ถึงบาเรียจะครอบคลุมไปถึงท้องฟ้า แต่สำหรับมิโคโตะแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากฟองสบู่ ที่คุกคามอะไรไม่ได้อยู่แล้ว จึงไม่น่าห่วงอะไร นอกจากความวุ่นวายที่เกิดจากเธอแล้ว ก็ไม่ส่งผลอะไรกับพวกเราทั้งนั้น

    หลังถอดหน้ากาก ขณะหยุดพัก ภายในรถม้าก็ตกอยู่ในความเงียบใบหน้าแองเจริกากลายเป็นสีฟ้า เนื่องจากยังช๊อกจากการถูกโจมตีอยู่ เจ้าชายแอชชิวโอบกอดและพยายามปลอบเธอ ในขณะที่ผมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมองไปพวกเขา เจ้าชายแอชชิวที่ไม่สามารถทนกับความเงียบและสายตาของผมได้จึงยักไหล่ขำๆ

    อา องค์หญิงฮิยูกิ ไยพระพักตร์อันงดงามราวดอกกุหลาบของท่านจึงดูน่ากลัวเพียงนั้น

    “…ประมาณ 3 ถึง 7”

    “—ห๊ะ?”

    จำนวนศัตรูที่เราสู้ก่อนจะมาถึงรถม้า ถ้าเป็นฉันนำ คงจะแตกต่างออกไป

    ไม่ ไม่หรอก ถึงเป็นเธอนำก็คงไม่ต่างกัน บางทีอาจจะดีกว่า, เพราะหัวของผมเป็นเป้าหมาย อาจจะต่างอยู่สัก 2-3 คน  …เอ่อ, ทำไมถึงแสดงสีหน้าเช่นนั้นละ องค์หญิงฮิยูกิ?”

    ในฐานะหนึ่งในคนที่ต่อสู้อยู่เมื่อครู่ ถึงจะเสียเปรียบ อย่างมากก็ควรจะเป็น 4 ถึง 6 แต่นี่อะไร? ทั้งที่ฟาดฟันออกไปแท้ๆ กลับยั้งมือ จนไม่มีใครบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิตเลยนี่? –เพราะงั้นถึงมองเป็น 3 ถึง 7” (TL: ประมาณว่าถ้าสู้กันจริงๆเมื่อกี้ ต่อให้เสียเปรียบ อย่างมากก็ฆ่าคนละ 4-6 คน ตามจริงอาจแค่คนละ 2-3 คน แต่เพราะแอชชิวไม่ยอมฆ่า อีกฝ่ายเลยกลับมาสู้ใหม่ได้ จนต้องฆ่าเพิ่มเป็นคนละ 3-7 คน)

    อา— ผมไม่คิดว่าจะเกิดผลต่างขนาดนั้น... อืม ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นประชาชนของผม เพียงแต่ต้องทำตามคำสั่งของสภาขุนนาง
    เจ้าชายเกาแก้มอย่างเป็นทุกข์

    เหอะ ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเขาทำเพื่อเงินหรือชื่อเสียง ใครก็ตามที่คิดแลกชีวิตเพื่อพวกมัน ฉันก็คิดว่าเหมาะสมที่ฆ่าพวกเขาแล้ว ในเมื่อพวกเขาเลือกทำงานแบบนี้ก็ไม่มีที่ ให้ร้องขอชีวิตแล้ว มันคงดีกว่าถ้าหากพวกเขาหายไปจากโลกนี้ –ยิ่งไปกว่านั้น, เมื่อตอนอายุ 11นายไม่ได้ฆ่าคนทั้งแปดคนที่เข้ามาทำร้ายหรือไง

    “…ใช่ เวลานั้นเพื่อปกป้องแองเจริกาสุดชีวิตแล้ว ผมจึงไม่รู้สึกเสียใจ

    เขาถอนหายใจยาว

    แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็รู้สึกสำนึกเสียใจในภายหลัง ผมแสดงด้านที่น่ารังเกียจให้แองเจริกาน้อยเห็น, ด้านน่ารังเกียจที่ต้องฆ่าหรือเป็นผู้ฆ่าของโลกนี้ เป็นเพราะความอ่อนแอของผมเอง ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะปกป้องแองเจริกา, นำสิ่งที่ดีงามมายังมนุษย์บนโลก และแสดงแต่สิ่งสวยงามให้แองเจริกา”

    มองเห็นความแน่วแน่ในดวงตาเขาแล้ว. ผมก็ได้แต่เงียบ
    ไม่ได้หมายความว่าผมกลัวหรือไม่สามารถต่อแย้งคำพูดของเขาได้ เพียงแต่ผมรู้สึกว่าการพูดคุยกับเขาในเรื่องนี้ไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นมุมมองความคิดที่แตกต่างกัน –ถ้าให้มองแบบนั้น เมื่อผมฟาดฟันมนุษย์คนถัดไป ผมก็คงไม่ต่างอะไรไปจากฆาตกรเลือดเย็น!? (TL: เพราะเดิมทีฮิยูกิเป็นมนุษย์ ถ้าให้มองแบบคนทั่วไปก็ต่างไปจากฆาตกร แต่เพราะฮิยูกิถือว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์แล้วจึงไม่สนใจนั่นแล)

    “—อย่างที่คิด นายนี่น่าเบื่อเสียจริง

    อา ผมเสียใจนะ... อยากให้ผมทำยังไงละ องค์หญิง?”

    ได้ยินดังนั้นแล้ว ผมก็นิ่งคิด
    ครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงเกี่ยวกับคุณเจ้าชายนักรบ
    เอาละ มาคุยกันตามแบบประเทศของผมเถอะ

    ไหนๆก็ออกจากเขตเมืองมาแล้ว ตอนนี้ไม่มีคนติดตามมา ทิศที่มุ่งหน้าไปก็เป็นดินแดนรกร้าง อาจจะมืดนิดหน่อย แต่คงไม่เป็นปัญหากับพวกเราหรอก? จะว่ายังไงถ้าพวกเราจะหยุดแล้วเล่นกันสักยก?”

    แองเจริกาอ้าปากค้างกับข้อเสนอของผม
    เจ้าชายแอชชิวพับแขนเข้าตัวด้วยสีหน้าปั้นยาก
     “…ถ้าหากเลื่อนไปวันอื่นละ?”

    ก็แค่สู้กันเล่นๆ ไม่ถึงชีวิตหรอก แต่ดูจากสีหน้าแล้ว ถ้าไม่ได้สู้ นายก็คงเป็นอีกคนที่เสียใจไม่น้อย"

    ถ้าหากนั้นช่วยบรรเทาความไม่พอใจของเธอได้ แต่จากสถานการณ์นี้เอาเป็นชกสักครั้งสองครั้ง จะได้หรือไม่?”

    จะพูดว่าเชิญเลยแล้วให้ฉันตบนะเหรอ ขอโทษทีนะ, ฉันไม่ใช่ฮิสทีเรีย แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ ฉันไม่ยินดีถ้าหากนายไม่ได้โจมตีภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน

    (TL: ฮิสทีเรีย หรือ Hysteria เป็นชื่อเรียกของอาการทางประสาทชนิดหนึ่ง เกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์  จิตสำนึกด้านการกระทำ ถือว่าเป็นชนิดหนึ่งในประเภทของ โรควิตกกังวล หรือจะเป็น โรคขาดความอบอุ่น ก็ได้; ในที่นี้ฮิยูกิหมายถึง ขาดความอบอุ่นจนต้องใช้ความรุนแรงเรียกร้องความสนใจ)

    ถึงจะไม่เข้าใจว่าต่างกันตรงไหนก็เถอะ... แต่ดูท่าทางผมคงไม่มีทางเลือกแล้ว
    ด้วยสีหน้าพ่ายแพ้, เจ้าชายแอชชิวมองออกไปนอกหน้าต่าง สั่งให้คาร์โลที่นั่งคุมรถม้าอยู่ หยุดอยู่ที่นอกเส้นทางหลวง

    ◆◇◆◇

    ในดินแดนรกร้างที่มีเพียงลมกลางคืนพัดพาดไปมา
    แองเจริกาและคาร์โลทอดมองไปข้างหน้าด้วยสายตาเป็นกังวล แต่ด้วยมีเพียงแสงจากตะเกียงรถม้าที่จอดอยู่ห่างออกไป พวกเขาจึงไม่สามารถมองเห็นว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง

    เธอจะสู้ด้วยชุดแพงๆพวกนั้นจริงๆหรอ?”

    ห่างออกประมาณ 5 เมตร เจ้าชายแอชชิวพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลทั้งที่ยังสวมชุดสูทยาวสำหรับเต้นรำ

    ไม่ต้องกังวล ทำตามสบายเถอะ”

    …….
    อืม-หึ แน่นอนว่าผมพูดบอกตัวเองด้วย ที่ต้องใส่ชุดประโปรงที่พริ้วไหวไปตามแรงลมแบบนี้
    จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ผมเป็นฮิยูกิ ผมก็ยังไม่เคยใส่กางเกงเลยสักครั้ง
    อืม เอาละตัวผม กลายเป็นกังวลอย่างมากไปซะแล้ว (TL: เจ้าตัวเพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยคิดกลับไปใส่กางเกงเลยสักครั้งคะ //ยิ้มขำ)

    ถ้าอย่างนั้น ผมจะไม่ยั้งมือละนะ
    ขณะพูด เจ้าชายแอชชิวก็กระชับดาบสายลมที่ผมมอบให้ไป

    “—นี่ไม่ใช่แค่เกมหรอกหรอ? จำเป็นต้องจริงจังด้วยหรือ?”

    ชั่วขณะนั้น เจ้าชายแอชชิวแสดงรอยยิ้มขมขื่น
    “…ถ้าเธอมองแบบนั้น

    อีกครั้งหนึ่ง, เขาหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ในมือถือดาบ ทั่วร่างเต็มไปด้วยกรุ่นไอเวทมนต์ เขากล่าวบางอย่างกับตัวเองราวกับร่ายมนต์หรือสะกดจิตตัวเอง

    หาที่เปรียบไม่ได้ อยู่ยงคงกระพัน ไร้ผู้ต่อกร --กำจัดศัตรูทุกคนที่ขวางหน้า!!

    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์ (นักดาบเวทย์)
    ชื่อ :
    แอชชิวคราวด์เอมาที
    อาชีพ : เจ้าชายลำดับที่สามแห่งอาณาจักรเอมาที / นักผจญภัยแห่งอาณาจักรเอมาที (Rank S)
    HP : 21,500 70,950
    MP : 9,200 30,360

    นี่มันสมแล้วที่เป็น Rank S ใกล้เคียงขีดจำกัดสูงสุดของเผ่ามนุษย์มากจริงๆ
    แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นเพียงมนุษย์
    พูดกันตามตรง ค่าสเตตัสของเขาก็เหมือนผู้เล่นที่ไม่เคยจุติเลยสักครั้ง

    เธอแน่ใจหรือว่าจะรับมันได้?”

    อืม ตามจริงแล้ว ฉันคิดว่านักดาบเวทเป็นพวกที่ใช้เวทมนต์ประเภทหลอมรวมเสียอีก ดูจากที่นายใช้เวทมนต์เสริมร่างกายแบบนั้น ถ้านายโจมตีฉันได้ ฉันคงชนะทั้งที่บาดเจ็บแน่

    ถ้าโจมตีเธอได้?”

    ใช่ ถ้าโจมตีได้ –ถึงจะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ถึงจะเป็นเรื่องร้ายแรงถึงแก่ชีวิตก็ไม่ต้องละเว้น มิโคโตะสามารถรักษาได้ในพริบตาอยู่แล้ว ไม่ต้องยั้งมือ
    พยักหน้าแล้ว กระชับดาบสายน้ำในมือ

    เข้าใจแล้ว โล่งอกที่ได้ยินแบบนั้นถ้างั้น ผมไปละนะ

    ทันใดนั้นจากท่วงท่าที่ปราศจากซึ่งกลิ่นไอต่อสู้ เจ้าชายแอชชิวก็พลันเข้ามาใกล้ผมในระยะประชิด

    ในขณะเดียวกัน เส้นแสงสดสว่างก็เปล่งประกายวาวพร้อมกับแววดาบที่เหวี่ยงลงมาอย่างไร้ปราณี ราวกับต้องการจะตัดตัวผมเป็นสองซีก

     

    End

    Author Notes

    ขอโทษด้วย สำหรับคนที่หวังสำหรับฉากฮิยูกิกับเจ้าชายบู้ในโรงละคร

    เพราะฉันวางให้เจ้าชาย TUEEEE เกินไป (TL : เทพเกินไป; TUEEEE คำนี้มักพบได้ในอนิเมะญี่ปุ่นเป็นเชิงแข็งแกร่งมากๆๆ) และเป็นคนของประชาชน (TL: คนดีจิตใจงามเหมือนนางงามรักเด็ก) จนคนอื่นๆยังต้องจุกในอก, มันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้

    ความจริงหลังชื่อเจ้าชายเดิมวางไว้ คือเงากับเจ้าชายผู้เป็นตำนาน

    Talk: อยากบอกว่าแปลตอนนี้แล้วค้างมากคะ เห็นตอนถัดไปแล้วอยากโดดข้ามจริงๆ //ต่อไปเป็น Interlude

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×