ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru

    ลำดับตอนที่ #30 : 2-10 Episode 8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.22K
      107
      18 ก.พ. 60

    Chapter 2Turbulence in Royal Capital

    Episode 8 ระฆังส่งวิญญาณ

    --แล้วเจ้าชายและเจ้าหญิงก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข, ช่างน่ายินดี, ช่างน่ายินดี

    ◆◇◆◇

    เสียงระฆังส่งวิญญาณดังกังวานไปทั่วเมืองหลวง, คาร์เดีย

    ทุกผู้ทุกนาม ไม่ว่าผู้เยาว์หรือผู้ชราต่างก็รู้สึกราวจมลงไปในความโศกเศร้า พวกเขาหันหน้าไปทางราชวัง และสวดภาวนาให้ดวงวิญญาณที่พวกเขาเคารพเดินทางไปสรวงสวรรค์โดยสวัสดิภาพ

    แน่นอนว่า แท่นบูชาที่ด้านหน้าราชวังก็มีผู้คนหลั่งไหลมาแสดงความเสียใจทั้งจากในและนอกเมืองอย่างไม่ขาดสาย แต่ละคนต่างนำช่อดอกไม้มามอบไม่ต่างกัน

    มีทั้งคนที่หลั่งน้ำตาออกมา คนที่หลับตาลงเงียบๆ และคนที่สวดภาวนาถึงทวยเทพ ต่างคนต่างกระทำ แต่ทั้งหมดล้วนแต่รู้สึกเช่นเดียวกัน นั่นคือ, ความเสียใจ

    ◆◇◆◇

    ดูเหมือนสุดท้ายก็ไม่ได้จบสวยเหมือนในนิทานสินะ –ช่างเสียดายเสียจริง
    ที่สำคัญ ฉันละ เกลียดสภาพน่ารำคาญแบบนี้เสียจริง ทำบ้าอะไรกันอยู่ได้ ดูคนถัดจากคนที่หลับตาเงียบๆนั่นสิ
    โอ องค์อิออน, ขอพระองค์โปรดรับดวงวิญญาณอันไม่บริสุทธิ์ดวงนั้นไว้ในความคุ้มครองของท่านด้วยเหอะ ถ้ามีพระเจ้าที่ดีงามอยู่จริง โศกนาฏกรรมแบบนี้คงไม่เกิดหรอก

    อา? พระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเราศรัทธาคือท่าน, องค์หญิง –ฮิยูกิ-ซามะ เท่านั้น

    “…เอ่อ พูดเสียเหมือนเป็นศาสนาอะไรสักอย่างเลยนะ

    เด็กสาววางดอกไม้เป็นอันเสร็จพิธี เธอสวมเดรสไว้ทุกข์สีดำ ที่คอเสื้อมีผ้านุ่มสีขาวที่พับเป็นรอนผืนหนึ่ง อีกผู้หนึ่ง, หญิงสาวที่อายุมากกว่าอยู่ในชุดเดรสสีบางตา, ผู้ที่พาเธอมา –หรือบางที อาจเป็นคู่เจ้านาย-ผู้ติดตาม เพราะเด็กสาวดูจะเดินนำหน้า ส่วนหญิงสาวเดินตามมาเบื้องหลัง

    ทั้งสองสวมหมวกแบบมีตาข่ายปิดหน้า ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ อย่างไรก็ตามความโดดเด่นอันสว่างไสวของทั้งคู่ก็เปล่งประกายออกมาอย่างเด่นชัด ท่วงท่าอันงดงามแผ่บรรยากาศสง่างามออกมาอย่างกลมกลืน แตกต่างจากสามัญชนธรรมดาทั่วไป

    ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน เวลาการปฏิวัติที่เจ้าชายโง่เง่านั้นพูดถึงคงจะล่าช้าไปอีกมาก เราคงต้องปรับเปลี่ยนแผนการบางจุด

    จะให้ล้มล้างประเทศนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ?

    ผู้ติดตามแสดงท่าทางราวกับกำลังเลือกซื้อขนมว่างยามดึก เด็กสาวไหวไหล่เล็กน้อยแล้วตอบ “ล้มล้างไปเลยก็เป็นทางที่ง่ายดี แต่การปกครองของพวกเราเป็นแบบรัชกาลไม่ใช่รัฐบาล อีกอย่างเมื่อเป็นแบบนี้อีกไม่นานประเทศนี้ก็จะถูกฉีกกระชากโดยประเทศข้างเคียง ฉันไม่ชอบให้ใครมาแย่งของที่เป็นของฉัน ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะมอบประเทศนี้ให้คนที่มีความสามารถและใช้การได้

    (TL: รัชกาล คือ การปกครองโดยราชาหรือราชวงศ์, รัฐบาล คือ การปกครองโดยกลุ่มคนที่ถูกเลือกมาด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง)

    คนเช่นเจ้าชายหรือเจ้าค่ะ?”

    อา อย่างเจ้าชายนั้นก็ไม่ดีหรอก ถ้าให้พูดถึงคนที่มีความสามารถละก็ หัวหน้ากิลด์ คอนราดยังดีกว่าเป็นร้อยเท่า อย่างน้อยหัวหน้ากิลด์ก็ทำตัวสมเป็นผู้นำและใส่ใจรอบข้าง เจ้าชายบ้านั้นไม่รู้ความสามารถตัวเองแล้วยังไม่รู้จักคนของตัวเองอีก

    ขนาดบอกระวังเท้าตัวเองแล้วเชียว, ทันใดนั้นเด็กสาวก็พลันชะงักเท้า

    เบื้องหน้าทั้งสอง ชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีดำ, เซอร์คาร์โล ผู้ซ่อนตัวอย่างเงียบงันอยู่ใต้ต้นไม้ข้างถนน—คุกเข่าทำความเคารพ (TL: คาร์โลมียศเป็นเซอร์นะคะ)

    ◆◇◆◇

    โอ ดูไม่จืดเลยนะ

    เมื่อถูกพูดทักด้วยคำพูดเช่นนั้น เจ้าชายลำดับที่สามแห่งอาณาจักรเอมาที, แอชชิวคราวด์เอมาที ก็ดูจะมีความสุขดี เห็นได้จากที่เขายิ้มต่อจากนั้นเป็นเวลานาน

    “…คงมีเพียงคนเดียวที่พูดเช่นนั้นกับผม, องค์หญิงฮิยูกิ คนอื่นมีแต่พูดปลอบใจผมทั้งนั้น

    เพราะหน้าตานาย—อา, ถึงไม่ต่างจากปกติเท่าไร—แต่ก็ชวนให้รู้สึกว่ากำลังจะตายอยู่แล้ว ควรพูดปลอบใจอะไรสักหน่อย”

    “…เหอๆ แล้วหน้าตาปกติของผมเป็นยังไงหรือ?”

    ในความทรงจำของฉันก็มีแต่รอยยิ้มโง่ๆกับท่าทางพิลึกๆของนาย ตอนมองรูปร่างคนอื่นแบบหื่นๆ –อา ขออภัยที่ไม่สุภาพ
    ไหวไหล่เบาๆแล้วฮิยูกิก็นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเจ้าชายแอชชิว
    ที่เบื้องหลังแต่ละฝ่าย มีมิโคโตะและเซอร์คาร์โลยืนคอยอยู่.

    ถ้อยคำของเด็กสาวทำให้รอยยิ้มของเจ้าชายบิดเบี้ยว แต่ทันทีที่เขาสังเกตชุดที่ฮิยูกิสวม ก็ถามออกมาอย่างสงสัย
    ชุดไว้ทุกข์…?”

    โดยปกติแล้ว ชุดไว้ทุกข์นั้นจะสวมใส่กันเฉพาะเครือญาติที่ใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิต

    อา ขอโทษด้วย แต่เพราะฉันเห็นว่านี่เป็นงานศพของน้องสาวคนหนึ่งที่เรียกฉันว่าโอเน่-ซามะมันกวนใจนายงั้นหรือ?”

    สะกดอารมณ์ความรู้สึกต่างๆอย่างเชื่องช้า, เจ้าชายแอชชิวส่ายหน้า
    แน่นอนว่าไม่ ถ้าหากแองเจริกาได้ยิน จะต้องยินดีมากเป็นแน่”

    รอยยิ้มบนใบหน้าฮิยูกิเลือนหายไปเมื่อชื่อแองเจริกาถูกเอ่ยออกมา
    ฉันเสียใจด้วย
    เป็นคำง่ายๆแค่ไม่กี่คำ ที่พบเจอได้ตามงานศพทั่วไปแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างลึกซึ้งจนยากจะบรรยาย
    ที่เบื้องหลัง, มิโคโตะค้อมศีรษะลงต่ำแทนผู้เป็นนาย

    ไม่ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง เรื่องมันคงไม่เกิดถ้าผมตรวจสอบพวกผู้คุ้มกันให้ดี ....ยิ่งไปกว่านั้น เหตุเกิดเพราะกลุ่มวัยรุ่นที่ผมส่งปกป้องเธอ!”

    ชายหนุ่มพูดอย่างคลั่งแค้นจนราวกับจะกระอักเลือดออกมา ฮิยูกิขมวดคิ้ว
    เป็นไปได้ไหมว่า แผนการของพวกขุนนาง?”

    “…ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมคงโกรธยิ่งกว่านี้อีก แต่พวกเขาเป็นคนของเราเอง วัยรุ่นอายุ 15-18 ปีทั้งสี่คนนั้น เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เยาว์ที่สนับสนุนกำลังฝ่ายเรา ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ส่วนแรงจูงใจคือทรัพย์สินเงินทอง

    อา แต่มันก็ไม่น่าจะ…”

    พวกเขามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยภายในบ้านพัก,ทั้งราชวงศ์ ทั้งขุนนางต่างก็เอาแต่ฟุ่มเฟือย!」「ของพวกนี้สมควรเป็นของพวกเราต่างหาก!」「นี่คือการแก้แค้นของพวกเรา!แล้วก็ปล้นชิงเครื่องเรือนในบ้านไป ยิ่งไปกว่านั้น, แองเจริกา... ตอนที่พวกผู้คุ้มกันด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะ และจับกุมคนพวกนั้น น้องสาวของผมก็ดื่มยาพิษเพื่อป้องกันตัวเองไปแล้ว” (TL: ดื่มยาพิษ เพื่อไม่ให้ถูกทำลายความบริสุทธิ์)

    ฮิยูกิส่ายหัวไปมาอย่างอดไม่ได้ และนิ่งเงียบ

    บางที—ควรจะพูดว่าโชคดีที่เป็นเชื้อพระวงศ์ เรื่องอื้อฉาวแบบนี้จึงไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน และมีประกาศอย่างเป็นทางการว่า แองเจริกาเดินทางไปรับการรักษาที่บ้านพักตากอากาศที่ทะเลสาบฟลูเวีย....และจากไปที่นั้น

    อืม-- นับว่ายังดี แล้วพวกที่ทำร้ายแองเจริกา คงได้รับผลที่คู่ควรแล้วสินะ?”

    “…ผลอย่างไม่เป็นทางการออกมาแล้ว อีกไม่นานคงถูกประหาร

    คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฮิยูกิส่อแววประกายอันตราย
    “…ช้าอย่างน่าเหลือเชื่อเลยนะ ทำไมนายไม่ลงมือเองซะละ?”

    ฟังที่เธอพูดแล้ว เจ้าชายแอชชิวก็กดหัวลงเล็กน้อย, ท่าทางราวกับกำลังข่มใจบางอย่าง, สีหน้าปนกันทั้งความเสียใจและความโกรธเกรี้ยว
    ตามจริงแล้ว ถึงได้ตัดแขนขาพวกนั้น ก็ยังไม่สาสม!! หลายต่อหลายครั้งที่ผมอยากจะถือดาบไปกำจัดพวกมันด้วยมือของผมเอง! ...แต่ว่า ถึงผมจะฆ่าพวกเขาไป แองเจริกาก็ไม่มีวันกลับมา อีกอย่าง, คนที่บอกเพื่อนร่วมงานว่าเลือดไม่สามารถล้างได้ด้วยเลือดก็คือผมเอง การแก้แค้นไม่ช่วยอะไร—“

    ก็จริงที่การแก้แค้นไม่ได้ก่อผลดีอะไร แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นไม่ใช่หรอ

    ได้ยินเช่นนั้นแล้ว เจ้าชายแอชชิวก็เม้มปากแน่น

    อา ยังไงมันก็เป็นความรู้สึกของนาย ฉันคงพูดอะไรมากไม่ได้ ว่าแต่นายจะทำยังไงต่อกับแผนประชาธิปไตย? ในเมื่อไม่มีน้องสาวให้โชว์โลกที่ดีกว่าอีกแล้ว

    “…ทำต่อสิ, แองเจริกาเอง ก็คงกำลังมองดูอยู่จากบนสวรรค์

    ฟังคำพูดเช่นนั้นแล้ว ฮิยูกิก็ยักไหล่
    แล้วแต่นายแล้วกัน แต่ก็อย่างที่ฉันเคยบอก มองดูเท้าตัวเองดีๆละ (TL: เท้าที่พูดกัน ใช้อุปมาถึงบริวารหรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา)

    “…อืม ตอนนี้ผมจะจารึกมันไว้ในใจแน่นอน

    มองเจ้าชายแอชชิวตกลงแล้ว ฮิยูกิก็ลุกขึ้นจากโซฟา

    จะกลับแล้วหรือ? อา คิดดูอีกที ผมเคยสัญญาไว้สินะว่าครั้งหน้าที่เจอกัน เราจะมาสู้กันใหม่นะ จะเอายังไงดีละ?”

    ฉันขอผ่าน ฉันไม่มีอารมณ์จะมาเล่นดาบ ที่สำคัญ นายในตอนนี้เป็นช่วงสำคัญของคนที่กำลังคิดสั้น”

    เมื่อได้ยินคำว่าคิดสั้นเจ้าชายแอชชิวก็พลันแสดงสีหน้าตกใจ
    ถึงเขาจะแสดงท่าทางราวกับไม่เข้าใจ แต่ท่าทางตกใจของเขาก็ปรากฏให้เห็นอยู่ตำตา

    จะว่าไปแล้ว ฉันขอไปเจอร่างของแองเจริกาได้ไหม?”

    คงไม่ได้ ตอนนี้เธอถูกส่งไปที่สุสานหลวงของราชวงศ์แล้ว มีแต่คนในราชวงศ์เท่านั้นที่ไปหาเธอได้, แต่เธอสวยมากๆเลยละ”
    เมื่อคิดถึงน้องสาวตัวน้อย—ร่างอันสวยงามของเจ้าหญิง เจ้าชายแอชชิวก็ยิ้มเศร้าๆ

    งั้นหรอ ฉันตามคาร์โลมาเพราะคิดว่าอาจจะได้ลาเธอเป็นครั้งสุดท้ายเสียอีก น่าเสียดายจริง
    เธอพูดต่อ พลางชูช่อดอกไม้สีแดงที่เปล่งประกายขึ้นระดับอก
    ถ้าไม่เป็นการรบกวน ครั้งหน้าที่นายจะไปหาแองเจริกา ช่วยเอานี่ไปให้ทีได้ไหม?”

    ชั่วขณะที่ฮิยูกิพูดเช่นนั้น ก็พลันปรากฏแสงสีแดงวาบผ่านดวงตาของเธอ

    “--แน่นอน
    เจ้าชายแอชชิวพยักหน้าตกลง

    ◆◇◆◇

    ที่ห้องของเขา--ในอาคารที่แยกจากพระราชวังออกมา—หลังจากสั่งให้แม่บ้านพาทั้งสองคนกลับไป ในมือเจ้าชายแอชชิวคือช่อดอกกุหลาบที่ได้รับมาจากฮิยูกิ ขณะที่เขาหมุนและหมุนมัน เขาก็พลันรู้สึกว่าหัวใจที่ปิดตายของเขาสว่างไสวขึ้น
    --ดูเหมือนว่าเขาจะเผลอวางหัวใจไว้กับองค์หญิงผู้แปลกประหลาดผู้นั้นแล้วจริงๆ

    เขาที่เชื่อว่าหัวใจของเขาได้ปิดตายไปแล้ว เมื่อสูญเสียคนสำคัญคนหนึ่งไป แต่กลับปรากฏใครบางคนในหัวใจ--คนที่เขาสามารถรักได้
    ความจริงนี้ทำให้เขามีความสุข

    —เอาละ คาร์โล ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปก็คงจะยุ่งอีกไม่น้อยเลย!”
    เจ้าชายแอชชิวพูดกับเซอร์คาร์โลที่ยืนอยู่เบื้องหลัง แต่ทันทีที่เขาลุกขึ้นยืน เสียงแทงก็ดังขึ้น จากปลายดาบที่ทะลุผ่านหน้าอกของเขา

    “…คะ-คาร์โล…?”
    ยิ่งกว่าความแปลกใจ, เมื่อเจ้าชายแอชชิวหันหน้าไปมอง, มีแต่ความผิดหวังและไม่อยากจะเชื่อปรากฏอยู่เต็มใบหน้า สิ่งที่สะท้อนในดวงตาคือชายหนุ่มที่มีสีหน้าราวกับเด็กน้อยที่กำลังหลงทาง--ผู้ที่ยืนแทงเจ้าชายแอชชิวด้วยดาบของตัวเอง, พี่ชายบุญธรรมของเขา, ผู้ติดตามที่เขาไว้วางใจที่สุด และเพื่อนสนิทของเขา

    “…ทำไม…?”

    “…ผมต่างหากที่ต้องถามท่านว่าทำไม ทำไมถึงไม่หยุดเคลื่อนไหวบ้าๆนั้น ทั้งที่แองเจริกาตายไปแล้วกัน!? ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ท่านยอมยกเลิกแผนพวกนั้น ถ้าท่านทำเรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิด!”

    “…ยะ-อย่าบอกนะว่าแองเจริกานายก็…”

    การตอบรับที่ทำให้สิ้นหวัง, คาร์โลพยักหน้า
    ถึงผมจะไม่ได้มีส่วนโดยตรง แต่ก็เป็นหนึ่งในคนที่วางแผนนั้น

    “…ทำไม? นายถึงกับฝ่ายขุนนาง….”

    สำหรับคำถามนี้ เขาส่ายหน้า
    ไม่ขอรับ ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมก็ให้สัตย์สาบานไปแล้วว่าจะจงรักภักดีกับราชวงศ์

    “……” เจ้าชายแอชชิวแสดงสีหน้าสับสน ก่อนที่เขาจะพลันเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง “…หรือว่า ท่านพ่อ

    “……”
    คาร์โลไม่ได้ตอบรับอะไร แต่ความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีแล้ว
    ดูเหมือนว่พ่อของแอชชิว—ราชาผู้ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย จะกระดิกหางให้สภาขุนนางและเลือกจะกำจัดอุปสรรคอย่างลูกชายตัวเอง

    บางทีคาร์โลเองก็รู้สึกไม่ดีที่ต้องทำตามคำสั่งเช่นนั้น จึงไม่ได้โจมตีใส่แอชชิวโดยตรง เขาทำลายแองเจริกาเพื่อหวังให้แอชชิวยอมแพ้จะเคลื่อนไหวทางการเมือง

    แต่ทรยศกับความคาดหวังของเขา, แอชชิวตัดสินใจจะเดินหน้าต่อไป
    นั่นเป็นเหตุให้เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทางนี้

    มองดูเท้าตัวเองดีๆละ
    ถ้อยคำของฮิยูกิที่เพิ่งพูดไปไม่นานดังขึ้นในโสตประสาทของแอชชิว

    อา เขายังไม่ได้ถือคำพูดของเธอเป็นจริงเป็นจังเลยสินะ

    ในขณะที่สายตาเริ่มพร่ามัว เจ้าชายแอชชิวก็พูดกับช่อดอกกุหลาบในมือ

    “….ขอโทษด้วยนะ องค์หญิง..แต่ผมคงรักษา...สัญญาทั้งสอง...ไม่ได้...”

    ราวกับได้ยินเสียงระฆังส่งวิญญาณ ก่อนสติ สัมปชัญญะของเขาจะพร่าเลือนไปในความมืด

    ◆◇◆◇

    เจ้าชายลำดับที่สามแห่งอาณาจักรเอมาที, แอชชิวคราวด์เอมาที ถูกลอบสังหาร

    สิ่งที่เหลือไว้ในที่เกิดเหตุมีเพียงดาบเวทมนต์และดอกกุหลาบ ทำให้สรุปว่าผู้กระทำไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจ

    --วันเดียวกัน อาณาจักรเอมาทีก็ประกาศสงครามกับอาณาจักรปีศาจ, จักรวรรดิสีเลือด

     

    โดยไม่มีใครเลยสักคนที่จะสังเกตว่าใน 3 วันให้หลัง ร่างของเจ้าชายแอชชิวที่อยู่ในหลุมศพของสุสานหลวงหายไปอย่างกะทันหัน

     

    End

     

    Author Notes

    สุดท้ายแล้วจ้า ต่อไปก็สงครามละนะ

    Talk: เอามาลงยั่วคะ //หัวเราะ ตอนดึกๆจะมาอีกที

    Talk 2: มาแล้วคะ~~ ส่งวิญญาณมาลงเจ้าค่ะ z^z

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×