คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : 2-10 Episode 8
Chapter 2
– Turbulence in Royal
Capital
Episode 8 ระฆังส่งวิญญาณ
--แล้วเจ้าชายและเจ้าหญิงก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข,
ช่างน่ายินดี, ช่างน่ายินดี
◆◇◆◇
เสียงระฆังส่งวิญญาณดังกังวานไปทั่วเมืองหลวง, คาร์เดีย
ทุกผู้ทุกนาม ไม่ว่าผู้เยาว์หรือผู้ชราต่างก็รู้สึกราวจมลงไปในความโศกเศร้า
พวกเขาหันหน้าไปทางราชวัง
และสวดภาวนาให้ดวงวิญญาณที่พวกเขาเคารพเดินทางไปสรวงสวรรค์โดยสวัสดิภาพ
แน่นอนว่า
แท่นบูชาที่ด้านหน้าราชวังก็มีผู้คนหลั่งไหลมาแสดงความเสียใจทั้งจากในและนอกเมืองอย่างไม่ขาดสาย
แต่ละคนต่างนำช่อดอกไม้มามอบไม่ต่างกัน
มีทั้งคนที่หลั่งน้ำตาออกมา คนที่หลับตาลงเงียบๆ และคนที่สวดภาวนาถึงทวยเทพ
ต่างคนต่างกระทำ แต่ทั้งหมดล้วนแต่รู้สึกเช่นเดียวกัน นั่นคือ, ความเสียใจ
◆◇◆◇
“ดูเหมือนสุดท้ายก็ไม่ได้จบสวยเหมือนในนิทานสินะ –ช่างเสียดายเสียจริง
ที่สำคัญ ฉันละ เกลียดสภาพน่ารำคาญแบบนี้เสียจริง
ทำบ้าอะไรกันอยู่ได้ ดูคนถัดจากคนที่หลับตาเงียบๆนั่นสิ「โอ องค์อิออน,
ขอพระองค์โปรดรับดวงวิญญาณอันไม่บริสุทธิ์ดวงนั้นไว้ในความคุ้มครองของท่านด้วย」เหอะ
ถ้ามีพระเจ้าที่ดีงามอยู่จริง โศกนาฏกรรมแบบนี้คงไม่เกิดหรอก”
“อา? พระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเราศรัทธาคือท่าน,
องค์หญิง –ฮิยูกิ-ซามะ เท่านั้น”
“…เอ่อ
พูดเสียเหมือนเป็นศาสนาอะไรสักอย่างเลยนะ”
เด็กสาววางดอกไม้เป็นอันเสร็จพิธี เธอสวมเดรสไว้ทุกข์สีดำ
ที่คอเสื้อมีผ้านุ่มสีขาวที่พับเป็นรอนผืนหนึ่ง อีกผู้หนึ่ง,
หญิงสาวที่อายุมากกว่าอยู่ในชุดเดรสสีบางตา, ผู้ที่พาเธอมา –หรือบางที
อาจเป็นคู่เจ้านาย-ผู้ติดตาม เพราะเด็กสาวดูจะเดินนำหน้า
ส่วนหญิงสาวเดินตามมาเบื้องหลัง
ทั้งสองสวมหมวกแบบมีตาข่ายปิดหน้า ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้
อย่างไรก็ตามความโดดเด่นอันสว่างไสวของทั้งคู่ก็เปล่งประกายออกมาอย่างเด่นชัด
ท่วงท่าอันงดงามแผ่บรรยากาศสง่างามออกมาอย่างกลมกลืน
แตกต่างจากสามัญชนธรรมดาทั่วไป
“ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน
เวลาการปฏิวัติที่เจ้าชายโง่เง่านั้นพูดถึงคงจะล่าช้าไปอีกมาก
เราคงต้องปรับเปลี่ยนแผนการบางจุด”
“จะให้ล้มล้างประเทศนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ?”
ผู้ติดตามแสดงท่าทางราวกับกำลังเลือกซื้อขนมว่างยามดึก
เด็กสาวไหวไหล่เล็กน้อยแล้วตอบ “ล้มล้างไปเลยก็เป็นทางที่ง่ายดี
แต่การปกครองของพวกเราเป็นแบบรัชกาลไม่ใช่รัฐบาล อีกอย่างเมื่อเป็นแบบนี้อีกไม่นานประเทศนี้ก็จะถูกฉีกกระชากโดยประเทศข้างเคียง
ฉันไม่ชอบให้ใครมาแย่งของที่เป็นของฉัน ดังนั้นถ้าเป็นไปได้
ก็อยากจะมอบประเทศนี้ให้คนที่มีความสามารถและใช้การได้”
(TL: รัชกาล คือ
การปกครองโดยราชาหรือราชวงศ์, รัฐบาล คือ การปกครองโดยกลุ่มคนที่ถูกเลือกมาด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง)
“คนเช่นเจ้าชายหรือเจ้าค่ะ?”
“อา
อย่างเจ้าชายนั้นก็ไม่ดีหรอก ถ้าให้พูดถึงคนที่มีความสามารถละก็ หัวหน้ากิลด์
คอนราดยังดีกว่าเป็นร้อยเท่า
อย่างน้อยหัวหน้ากิลด์ก็ทำตัวสมเป็นผู้นำและใส่ใจรอบข้าง เจ้าชายบ้านั้นไม่รู้ความสามารถตัวเองแล้วยังไม่รู้จักคนของตัวเองอีก”
ขนาดบอกระวังเท้าตัวเองแล้วเชียว, ทันใดนั้นเด็กสาวก็พลันชะงักเท้า
เบื้องหน้าทั้งสอง ชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีดำ, เซอร์คาร์โล ผู้ซ่อนตัวอย่างเงียบงันอยู่ใต้ต้นไม้ข้างถนน—คุกเข่าทำความเคารพ
(TL: คาร์โลมียศเป็นเซอร์นะคะ)
◆◇◆◇
“โอ ดูไม่จืดเลยนะ”
เมื่อถูกพูดทักด้วยคำพูดเช่นนั้น เจ้าชายลำดับที่สามแห่งอาณาจักรเอมาที, แอชชิว・คราวด์・เอมาที ก็ดูจะมีความสุขดี เห็นได้จากที่เขายิ้มต่อจากนั้นเป็นเวลานาน
“…คงมีเพียงคนเดียวที่พูดเช่นนั้นกับผม,
องค์หญิงฮิยูกิ คนอื่นมีแต่พูดปลอบใจผมทั้งนั้น”
“เพราะหน้าตานาย—อา,
ถึงไม่ต่างจากปกติเท่าไร—แต่ก็ชวนให้รู้สึกว่ากำลังจะตายอยู่แล้ว ควรพูดปลอบใจอะไรสักหน่อย”
“…เหอๆ แล้วหน้าตาปกติของผมเป็นยังไงหรือ?”
“ในความทรงจำของฉันก็มีแต่รอยยิ้มโง่ๆกับท่าทางพิลึกๆของนาย
ตอนมองรูปร่างคนอื่นแบบหื่นๆ –อา ขออภัยที่ไม่สุภาพ”
ไหวไหล่เบาๆแล้วฮิยูกิก็นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเจ้าชายแอชชิว
ที่เบื้องหลังแต่ละฝ่าย มีมิโคโตะและเซอร์คาร์โลยืนคอยอยู่.
ถ้อยคำของเด็กสาวทำให้รอยยิ้มของเจ้าชายบิดเบี้ยว
แต่ทันทีที่เขาสังเกตชุดที่ฮิยูกิสวม ก็ถามออกมาอย่างสงสัย
“ชุดไว้ทุกข์…?”
โดยปกติแล้ว
ชุดไว้ทุกข์นั้นจะสวมใส่กันเฉพาะเครือญาติที่ใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิต
“อา ขอโทษด้วย
แต่เพราะฉันเห็นว่านี่เป็นงานศพของ『น้องสาว』คนหนึ่งที่เรียกฉันว่า『โอเน่-ซามะ』มันกวนใจนายงั้นหรือ?”
สะกดอารมณ์ความรู้สึกต่างๆอย่างเชื่องช้า, เจ้าชายแอชชิวส่ายหน้า
“แน่นอนว่าไม่ ถ้าหากแองเจริกาได้ยิน จะต้องยินดีมากเป็นแน่”
รอยยิ้มบนใบหน้าฮิยูกิเลือนหายไปเมื่อชื่อแองเจริกาถูกเอ่ยออกมา
“ฉันเสียใจด้วย”
เป็นคำง่ายๆแค่ไม่กี่คำ ที่พบเจอได้ตามงานศพทั่วไปแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างลึกซึ้งจนยากจะบรรยาย
ที่เบื้องหลัง, มิโคโตะค้อมศีรษะลงต่ำแทนผู้เป็นนาย
“ไม่…ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง
เรื่องมันคงไม่เกิดถ้าผมตรวจสอบพวกผู้คุ้มกันให้ดี ....ยิ่งไปกว่านั้น เหตุเกิดเพราะกลุ่มวัยรุ่นที่ผมส่งปกป้องเธอ!”
ชายหนุ่มพูดอย่างคลั่งแค้นจนราวกับจะกระอักเลือดออกมา ฮิยูกิขมวดคิ้ว
“เป็นไปได้ไหมว่า แผนการของพวกขุนนาง?”
“…ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง
ผมคงโกรธยิ่งกว่านี้อีก แต่พวกเขาเป็นคนของเราเอง วัยรุ่นอายุ 15-18 ปีทั้งสี่คนนั้น เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เยาว์ที่สนับสนุนกำลังฝ่ายเรา
ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ส่วนแรงจูงใจคือทรัพย์สินเงินทอง”
“อา แต่มันก็ไม่น่าจะ…”
“พวกเขามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยภายในบ้านพัก,「ทั้งราชวงศ์
ทั้งขุนนางต่างก็เอาแต่ฟุ่มเฟือย!」「ของพวกนี้สมควรเป็นของพวกเราต่างหาก!」「นี่คือการแก้แค้นของพวกเรา!」แล้วก็ปล้นชิงเครื่องเรือนในบ้านไป
ยิ่งไปกว่านั้น, แองเจริกา... ตอนที่พวกผู้คุ้มกันด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะ
และจับกุมคนพวกนั้น น้องสาวของผมก็ดื่มยาพิษเพื่อป้องกันตัวเองไปแล้ว” (TL: ดื่มยาพิษ เพื่อไม่ให้ถูกทำลายความบริสุทธิ์)
ฮิยูกิส่ายหัวไปมาอย่างอดไม่ได้ และนิ่งเงียบ
“บางที—ควรจะพูดว่าโชคดีที่เป็นเชื้อพระวงศ์
เรื่องอื้อฉาวแบบนี้จึงไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน และมีประกาศอย่างเป็นทางการว่า แองเจริกาเดินทางไปรับการรักษาที่บ้านพักตากอากาศที่ทะเลสาบฟลูเวีย....และจากไปที่นั้น”
“อืม-- นับว่ายังดี แล้วพวกที่ทำร้ายแองเจริกา
คงได้รับผลที่คู่ควรแล้วสินะ?”
“…ผลอย่างไม่เป็นทางการออกมาแล้ว
อีกไม่นานคงถูกประหาร”
คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฮิยูกิส่อแววประกายอันตราย
“…ช้าอย่างน่าเหลือเชื่อเลยนะ ทำไมนายไม่ลงมือเองซะละ?”
ฟังที่เธอพูดแล้ว เจ้าชายแอชชิวก็กดหัวลงเล็กน้อย,
ท่าทางราวกับกำลังข่มใจบางอย่าง, สีหน้าปนกันทั้งความเสียใจและความโกรธเกรี้ยว
“ตามจริงแล้ว ถึงได้ตัดแขนขาพวกนั้น ก็ยังไม่สาสม!! หลายต่อหลายครั้งที่ผมอยากจะถือดาบไปกำจัดพวกมันด้วยมือของผมเอง! ...แต่ว่า ถึงผมจะฆ่าพวกเขาไป แองเจริกาก็ไม่มีวันกลับมา อีกอย่าง,
คนที่บอกเพื่อนร่วมงานว่าเลือดไม่สามารถล้างได้ด้วยเลือดก็คือผมเอง
การแก้แค้นไม่ช่วยอะไร—“
“ก็จริงที่การแก้แค้นไม่ได้ก่อผลดีอะไร
แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นไม่ใช่หรอ”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว เจ้าชายแอชชิวก็เม้มปากแน่น
“อา ยังไงมันก็เป็นความรู้สึกของนาย
ฉันคงพูดอะไรมากไม่ได้ ว่าแต่นายจะทำยังไงต่อกับแผนประชาธิปไตย?
ในเมื่อไม่มีน้องสาวให้โชว์โลกที่ดีกว่าอีกแล้ว”
“…ทำต่อสิ, แองเจริกาเอง
ก็คงกำลังมองดูอยู่จากบนสวรรค์”
ฟังคำพูดเช่นนั้นแล้ว ฮิยูกิก็ยักไหล่
“แล้วแต่นายแล้วกัน แต่ก็อย่างที่ฉันเคยบอก มองดูเท้าตัวเองดีๆละ” (TL: เท้าที่พูดกัน
ใช้อุปมาถึงบริวารหรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา)
“…อืม
ตอนนี้ผมจะจารึกมันไว้ในใจแน่นอน”
มองเจ้าชายแอชชิวตกลงแล้ว ฮิยูกิก็ลุกขึ้นจากโซฟา
“จะกลับแล้วหรือ? อา คิดดูอีกที ผมเคยสัญญาไว้สินะว่าครั้งหน้าที่เจอกัน
เราจะมาสู้กันใหม่นะ จะเอายังไงดีละ?”
“ฉันขอผ่าน
ฉันไม่มีอารมณ์จะมาเล่นดาบ ที่สำคัญ
นายในตอนนี้เป็นช่วงสำคัญของคนที่กำลังคิดสั้น”
เมื่อได้ยินคำว่า「คิดสั้น」เจ้าชายแอชชิวก็พลันแสดงสีหน้าตกใจ
ถึงเขาจะแสดงท่าทางราวกับไม่เข้าใจ
แต่ท่าทางตกใจของเขาก็ปรากฏให้เห็นอยู่ตำตา
“จะว่าไปแล้ว
ฉันขอไปเจอร่างของแองเจริกาได้ไหม?”
“คงไม่ได้
ตอนนี้เธอถูกส่งไปที่สุสานหลวงของราชวงศ์แล้ว
มีแต่คนในราชวงศ์เท่านั้นที่ไปหาเธอได้, แต่เธอสวยมากๆเลยละ”
เมื่อคิดถึงน้องสาวตัวน้อย—ร่างอันสวยงามของเจ้าหญิง
เจ้าชายแอชชิวก็ยิ้มเศร้าๆ
“งั้นหรอ
ฉันตามคาร์โลมาเพราะคิดว่าอาจจะได้ลาเธอเป็นครั้งสุดท้ายเสียอีก น่าเสียดายจริง”
เธอพูดต่อ พลางชูช่อดอกไม้สีแดงที่เปล่งประกายขึ้นระดับอก
“ถ้าไม่เป็นการรบกวน ครั้งหน้าที่นายจะไปหาแองเจริกา ช่วยเอานี่ไปให้ทีได้ไหม?”
ชั่วขณะที่ฮิยูกิพูดเช่นนั้น ก็พลันปรากฏแสงสีแดงวาบผ่านดวงตาของเธอ
“--แน่นอน”
เจ้าชายแอชชิวพยักหน้าตกลง
◆◇◆◇
ที่ห้องของเขา--ในอาคารที่แยกจากพระราชวังออกมา—หลังจากสั่งให้แม่บ้านพาทั้งสองคนกลับไป
ในมือเจ้าชายแอชชิวคือช่อดอกกุหลาบที่ได้รับมาจากฮิยูกิ ขณะที่เขาหมุนและหมุนมัน
เขาก็พลันรู้สึกว่าหัวใจที่ปิดตายของเขาสว่างไสวขึ้น
--ดูเหมือนว่าเขาจะเผลอวางหัวใจไว้กับองค์หญิงผู้แปลกประหลาดผู้นั้นแล้วจริงๆ
เขาที่เชื่อว่าหัวใจของเขาได้ปิดตายไปแล้ว เมื่อสูญเสียคนสำคัญคนหนึ่งไป แต่กลับปรากฏใครบางคนในหัวใจ--คนที่เขาสามารถรักได้
ความจริงนี้ทำให้เขามีความสุข
“—เอาละ คาร์โล
ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปก็คงจะยุ่งอีกไม่น้อยเลย!”
เจ้าชายแอชชิวพูดกับเซอร์คาร์โลที่ยืนอยู่เบื้องหลัง
แต่ทันทีที่เขาลุกขึ้นยืน เสียงแทงก็ดังขึ้น จากปลายดาบที่ทะลุผ่านหน้าอกของเขา
“…คะ-คาร์โล…?”
ยิ่งกว่าความแปลกใจ, เมื่อเจ้าชายแอชชิวหันหน้าไปมอง,
มีแต่ความผิดหวังและไม่อยากจะเชื่อปรากฏอยู่เต็มใบหน้า
สิ่งที่สะท้อนในดวงตาคือชายหนุ่มที่มีสีหน้าราวกับเด็กน้อยที่กำลังหลงทาง--ผู้ที่ยืนแทงเจ้าชายแอชชิวด้วยดาบของตัวเอง,
พี่ชายบุญธรรมของเขา, ผู้ติดตามที่เขาไว้วางใจที่สุด และเพื่อนสนิทของเขา
“…ทำไม…?”
“…ผมต่างหากที่ต้องถามท่านว่าทำไม
ทำไมถึงไม่หยุดเคลื่อนไหวบ้าๆนั้น ทั้งที่แองเจริกาตายไปแล้วกัน!? ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ท่านยอมยกเลิกแผนพวกนั้น
ถ้าท่านทำเรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิด!”
“…ยะ-อย่าบอกนะว่า…แองเจริกา…นาย…ก็…”
การตอบรับที่ทำให้สิ้นหวัง, คาร์โลพยักหน้า
“ถึงผมจะไม่ได้มีส่วนโดยตรง แต่ก็เป็นหนึ่งในคนที่วางแผนนั้น”
“…ทำไม? นายถึง…กับฝ่ายขุนนาง….”
สำหรับคำถามนี้ เขาส่ายหน้า
“ไม่ขอรับ ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมก็ให้สัตย์สาบานไปแล้วว่าจะจงรักภักดีกับราชวงศ์”
“……” เจ้าชายแอชชิวแสดงสีหน้าสับสน
ก่อนที่เขาจะพลันเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง “…หรือว่า
ท่านพ่อ”
“……”
คาร์โลไม่ได้ตอบรับอะไร แต่ความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีแล้ว
ดูเหมือนว่พ่อของแอชชิว—ราชาผู้ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย จะกระดิกหางให้สภาขุนนางและเลือกจะกำจัดอุปสรรคอย่างลูกชายตัวเอง
บางทีคาร์โลเองก็รู้สึกไม่ดีที่ต้องทำตามคำสั่งเช่นนั้น
จึงไม่ได้โจมตีใส่แอชชิวโดยตรง
เขาทำลายแองเจริกาเพื่อหวังให้แอชชิวยอมแพ้จะเคลื่อนไหวทางการเมือง
แต่ทรยศกับความคาดหวังของเขา, แอชชิวตัดสินใจจะเดินหน้าต่อไป
นั่นเป็นเหตุให้เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทางนี้
「มองดูเท้าตัวเองดีๆละ」
ถ้อยคำของฮิยูกิที่เพิ่งพูดไปไม่นานดังขึ้นในโสตประสาทของแอชชิว
อา
เขายังไม่ได้ถือคำพูดของเธอเป็นจริงเป็นจังเลยสินะ…
ในขณะที่สายตาเริ่มพร่ามัว เจ้าชายแอชชิวก็พูดกับช่อดอกกุหลาบในมือ
“….ขอโทษด้วยนะ องค์หญิง..แต่ผมคงรักษา...สัญญาทั้งสอง...ไม่ได้...”
ราวกับได้ยินเสียงระฆังส่งวิญญาณ ก่อนสติ
สัมปชัญญะของเขาจะพร่าเลือนไปในความมืด
◆◇◆◇
เจ้าชายลำดับที่สามแห่งอาณาจักรเอมาที, แอชชิว・คราวด์・เอมาที ถูกลอบสังหาร
สิ่งที่เหลือไว้ในที่เกิดเหตุมีเพียงดาบเวทมนต์และดอกกุหลาบ
ทำให้สรุปว่าผู้กระทำไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจ
--วันเดียวกัน
อาณาจักรเอมาทีก็ประกาศสงครามกับอาณาจักรปีศาจ, จักรวรรดิสีเลือด
โดยไม่มีใครเลยสักคนที่จะสังเกตว่าใน 3 วันให้หลัง ร่างของเจ้าชายแอชชิวที่อยู่ในหลุมศพของสุสานหลวงหายไปอย่างกะทันหัน
End
Author Notes
สุดท้ายแล้วจ้า
ต่อไปก็สงครามละนะ
Talk: เอามาลงยั่วคะ //หัวเราะ ตอนดึกๆจะมาอีกที
Talk 2: มาแล้วคะ~~ ส่งวิญญาณมาลงเจ้าค่ะ z^z
ความคิดเห็น