ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru

    ลำดับตอนที่ #43 : 3-03 Episode 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.16K
      70
      16 ม.ค. 60

    Chapter 3Beast King of Borderland

    Episode 3 เสียงคำรามของสิงโต

    ***ตอนนี้ฮิยูกิ-จังไม่ได้ออกละ

    ความเจ็บปวดเกิดขึ้นแทบทุกจุดของร่างกาย ทั่วทั้งร่างปรากฏรอยแผล ความรู้สึกเปียกชุ่มกระจายอยู่ใต้เกราะหนังจนเหนอะหนะ (TL: เปียกเหงื่อเปียกเลือด)

     

    สิ่งที่เข้ามาสู่ด้วยตามีแต่สีแดงของเปลวเพลิง, แต่แล้วไงล่ะ!

    ชายผู้เอาชนะเด็กสาวแล้วคิดจะลักพาตัวเธอไปด้วยรอยยิ้มอันต่ำช้า

     

    ไม่มีทางยอมหรอก!!

     

    ถึงจะถูกมองอย่างดูถูก, ฉันจะทำให้นายต้องเสียใจและเอาคืนให้ฮิยูกิ!

     

    สะบัดดาบออกไปก่อนที่จะทันได้คิด, เมื่อหมัดนั้นใกล้เข้ามา

    ถึงไม่หันไปดูรอบข้าง, ฉันก็รู้ดีว่าถ้ารับหมัดนั้นละก็ หัวของฉันก็คงไม่ต่างไปจากผลทับทิม

    แต่จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย, ฉันจะไม่ยอมแพ้, ต่อให้ต้องแลกด้วยพลังทั้งหมดก็ตาม!

     

    แต่ถึงอย่างนั้น สวนทางกับความตั้งใจของโจอี้, ดาบของฮิยูกิที่อยู่ในมือเขากุหลาบแห่งเหล่าคนบาปก็ฟาดได้แต่อากาศ

     

    --เป็นไปไม่ได้งั้นหรอ, ขอโทษนะฮิยูกิ

     

    ขณะที่คิดเช่นนั้น, ในดวงตาที่เบิกกว้างอยู่ตลอดของโจอี้, ฉับพลันร่างของชายคนนั้นก็กระเด็นไปในอากาศราวกับลูกวอลเลย์

     

    โจอี้นิ่งค้างไปในท่าตวัดดาบ

    ก่อนที่จะรู้สึกตัวก็เห็นแผ่นหลังของชายคนหนึ่งอยู่ตรงหน้า

     

    ...ใคร?

     

    เขากระพริบตาด้วยดวงตาที่พร่ามัว, ดูว่าใครคือเจ้าของแผ่นหลังนั้น

    ชายคนนั้น—หรือบางทีอาจควรเรียกว่าชายแก่—สวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม สูงกว่า 2 เมตรและมีเรือนผมสีขาว มนุษย์สัตว์ที่เพียงมองดูก็รู้ว่ามาจากเผ่าสิงโตส่งร่างเล็กๆของฮิยูกิที่ชิงมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ให้กับโจอี้อย่างนุ่มนวล แล้วหันไปมองอานิมารุด้วยสายตาที่อ่านยาก

     

    ทันใดนั้น, โจอี้ก็ปล่อยกุหลาบแห่งเหล่าคนบาปแล้วโอบร่างฮิยูกิไว้ด้วยสองแขน

     

    “…ถูกแล้ว, ละทิ้งดาบ แล้วดูแลผู้หญิงให้ดี --เจ้าหนุ่ม”

     

    ใบหน้าเคร่งเครียดของชายแก่เผยรอยยิ้มพอใจออกมาเป็นครั้งแรก

     

    หนอยแก, ใครกัน?! อย่ามาขัดความสนุกคนอื่นสิห๊ะ!”

    ลุกขึ้นและสะบัดเศษฝุ่นออกจากร่าง, อานิมารุขู่คำรามอย่างกรุ่นโกรธ

     

    ใบหน้าชายแก่พลันเปลี่ยนกลับสู่ความสงบนิ่ง

    ---ช่างเป็นพวกน่ารังเกียจเสียจริง

     

    “…ห๊ะ? เหอะ, แกไม่รู้สินะว่าข้าคนนี้เป็นใคร?”

     

    ข้าไม่อยากรู้, แล้วไม่คิดว่าจำเป็นต้องรู้ด้วย

    หมัดของชายแก่ผู้ขยับเข้ามาใกล้พุ่งเข้าสู่หน้าอานิมารุ

     

    เหอ, คิดว่าหมัดช้าๆพันธุ์นี้----วะ, เหวออ--!?!”

    ยังไม่ทันที่อานิมารุจะพูดจบ, เปลวเพลิงที่ไร้ที่มาก็ปรากฏขึ้น, หมัดของชายแก่ลุกไหม้

     

    ใบหน้าของเขาถูกอัดลงไปติดพื้นจนเด้งกลับ, แต่เพราะความอดทนและพลังกาย, เขาจึงลุกขึ้นแล้วถอยร่นออกมาจากชายแก่ได้อย่างรวดเร็ว

     

    ตายซะ!”

     

    เขาพุ่งเข้าหาและปล่อยห่าฝนหมัดออกไปหมัดรัวยังร่างของชายแก่ แต่ทว่า, ร่างชายแก่ที่ควรจะอยู่ตรงหน้าเขาพลันหายไป

    อะไรนะ!?”

    ถึงสูญเสียเป้าหมายไป, หมัดของเขาก็ยังพุ่งทะยานออกไป ชายแก่ที่ปรากฏตัวขึ้นที่จุดบอดตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้—ที่ด้านข้าง, ขัดขาของอานิมารุจนเสียหลักแล้วทุบตีไปยังร่างที่ไร้การป้องกันและข้อศอกด้วยแรงทั้งหมด

     

    เสียงดังสนั่นราวฟ้าผ่า, ร่างของอานิมารุครึ่งหนึ่งจมลงในดิน

    แกแฮก…!”

     

    ไมว่าจะพยายามลุกเท่าไร, เท้าทั้งสองก็สั่นสะท้านจนไม่อาจยืนได้

    ไม่มีทาง, ก็ฉันมีค่าตัวเลขมากกว่าตั้งเยอะเลยนี่ ....... แต่ทำไม, เจ้าแก่นี่ถึงได้

     

    ไม่แม้แต่คิดจะลงดาบสุดท้ายปิดฉาก, ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ

    เหอะถึงจะดูมีพลังแข็งแกร่ง แต่เจ้าก็ยังห่างจากคำว่าแข็งแกร่งมากนัก

     

    แกพูดอะไร…!?”

     

    สไตล์การต่อสู้ของเจ้าเป็นแบบกดดันอีกฝ่ายด้วยพลังที่สูงกว่า ที่มันยังได้ผลดีคงเพราะเจ้าเอาแต่คุกคามผู้อ่อนแอกว่า เจ้าไม่เคยประสบคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าจนต้องเสี่ยงชีวิต เมื่อเจ้าไม่รู้วิธีต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งกว่า, เจ้าก็ไม่มีวันเอาชนะได้, เข้าใจไหม?”

     

    ถึงจะยังมีความหวาดกลัวในแววตา แต่ด้วยทิฐิ, อานิมารุถ่มน้ำลายและเลือดลงพื้น

     

    “—จะบอกว่าแข็งแกร่งกว่างั้นเหรอ? งั้นเจ้าเป็นใครกัน?”

     

    ข้าได้ละทิ้งนามของตนไปแล้ว แต่ผู้คนล้วนเรียกขานข้าว่าราชาสัตว์ป่า

    โจอี้ที่มองเหตุการณ์อยู่พร้อมกับอุ้มฮิยูกิไว้ในอ้อมกอด, ถึงกับครางไม่ได้ศัพท์

     

    ---ราชาสัตว์ป่า, เจ้าของ Rank SSS หนึ่งในห้าของโลกคนนั้นเหรอ?!

    อานิมารุเลิกคิ้วขึ้น

    ห๊า--?! ราชาสัตว์ป่า? นั่นคือฉันต่างหาก!”

     

    ผิดแล้ว, ถ้าหากมีเจ้าเป็นราชา คงเป็นเรื่องชวนปวดท้องไม่น้อย” (TL: น่าขำจนเจ็บท้อง)

     

    ด้วยร่างฟื้นฟูจนใกล้จะสมบูรณ์, อานิมารุยันตัวขึ้นยืนอีกครั้ง

    ถ้างั้นฉันจะฆ่าแก, แล้วสอนให้รู้เองว่าใครกันแน่ที่เป็นของจริง!”

    ◆◇◆◇

    สักแห่งหนึ่งแถบทุ่งราบชานเมืองของเมืองหลวงอาระ, มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งวิ่งตัดผ่านอย่างเร่งรีบ เกิดเป็นกลุ่มฝุ่นควันดินคละคลุ้ง

     

    นี่มันเรื่องอะไรกัน?! ทำไมถึงยังติดต่อองค์หญิงไม่ได้อีก!?”

    เท็นไกที่อยู่ในรูปกึ่งมนุษย์กึ่งมังกร วิ่งโดยไม่สนใจพระอิฐพระปูนหน้าไหนทั้งนั้น, เขาหันไปถามชายเจ้าของเรือนผมสีขาวและหน้าตาไม่สนโลก, อิคารุกะ (ร่างจริงของอิคารุกะคือยอก-โซธอท, อันนี้เป็นร่างแยก) ที่วิ่งอยู่ข้างๆ (TL: ตามตำนานยอก-โซธอทก็สามารถปรากฏตัวหลายที่ในเวลาเดียวกันได้เช่นกัน)

     

    ไม่รู้สิ แล้วก็ดูเหมือนทุกคนจะถูกโค่นโดยไม่สามารถต้านทานได้ด้วย

     

    ไม่สามารถต้านทานได้?! ไม่มีทาง, ไม่ว่าใครก็ตามในเวลานี้ไม่มีปัญญาพอจะสู้พวกเราได้หรอก, แล้วพวกนั้นยังเป็นชนชั้นสูงจากอาณาจักรเราด้วย! ไม่มีทางที่จะถูกโค่นอย่างไม่สามารถต้านทานได้ด้วยฝีมือมนุษย์ …...”

     

    ฟังเท็นไกพูดเสียงต่ำ อิคารุกะก็จมอยู่ในความคิดบางอย่าง ชั่วครู่, เขาก็พูดบางอย่าง

     

    แน่นอนว่าถ้าเป็นผู้คนจากประเทศนี้ย่อมไม่สามารถ—แต่ว่าถ้าเป็นเทคนิคที่สืบทอดจากผู้ข้ามพ้น (ผู้เล่น) ละก็...”

    ผู้ข้ามพ้น (ผู้เล่น)?! นั่นมันไม่---“

    ความเป็นไปได้ก็ไม่เชิงเท่ากับศูนย์, อย่างน้อยก็ตามที่ฮิยูกิพบเกี่ยวกับเหรียญยุคเก่าและยุคที่สาบสูญ

     

    --บางทีถ้าสืบเรื่องนี้ให้จริงจังกว่านี้, ไม่สิ ต่อให้ต้องเผชิญกับศัตรูขององค์หญิงก็ต้องไม่หวั่น!

     

    เขารู้ดีว่าต่อให้รู้สึกเสียใจตอนนี้ก็แก้อะไรไม่ได้แล้ว เขาได้แต่ขบฟันแน่น

     

    ที่สำคัญ, แทนที่จะวิ่งช้าๆอยู่บนพื้นเช่นนี้ เขาอยากจะบินตรงไปเสียมากกว่า แต่เพราะนี้เป็นแขนแดนระหว่างอาณาจักรสีเลือดกับเอมาทีจึงไม่สามารถบินไปลงจอดใกล้เมืองหลวงได้ ถ้าเขายังคิดฝ่าฝืนกระทำก็ไม่ต่างจากการสาดโคลนใส่หน้าองค์หญิง (TL: แบบตรากฎมาอย่างนี้ แต่ลูกน้องกระทำผิดเสียเอง ฮิยูกิก็เสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย)

     

    ขณะกล้ำกลืนความเหนื่อยล้าที่เพิ่มพูนขึ้นช้าๆ, เท็นไกก็ส่งแรงไปที่ขา

    ถ้าคงสภาพนี้ไว้ได้ อีกไม่ถึง 1 นาทีก็คงจะถึงเมืองอาระ, หลังจากนั้น--

     

    สุภาพบุรุษ, สุภาพสตรีทั้งหลาย! ไปดูให้แน่ชัดว่าองค์หญิงปลอดภัยดีหรือไม่, และคุ้มครององค์หญิงด้วย! อย่ายอมให้ใครขวางทางได้! ทำลายทุกคนที่ขวางหน้าเสีย! ต่อให้ต้องทำลายทั้งเมืองอาระแล้วฆ่าทุกคนทิ้งเสียก็อย่าได้เกรง!!”

     

    แรงใจพุ่งสูงขึ้น100%, กลุ่มผู้ติดตามส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

     

    แต่ทว่า, ตรงหน้าทิศทางที่ต้องไปก็ปรากฏชายในชุดเกราะสีฉูดฉาดและผ้าคลุดสีแดงสว่าง, ผู้ที่ดูราวกัยอัศวินนั้นก้มหน้าลงจนมองไม่เห็นใบหน้า

     

    ถึงจะรู้สึกว่าร่างตรงหน้าดูคุ้นตา

    ออกไปจากทางซะ! หลีก!!”

    เท็นไกตะโกน, ทว่าชายคนนั้นกลับไม่ยอมขยับไปจากที่เดิมแม้แต่น้อย

     

    หลีก--!”

    หนึ่งในกลุ่ม,มันติคอร์ผู้มีหน้าเยี่ยงมนุษย์และร่างอย่างสิงโต สยายปีกค้างคาว กระโจนไปหน้าชายคนนั้น

    (TL: มันติคอร์ หรือ Manticore เป็นสัตว์ที่เกิดจากจากการผสมพันธุ์ระหว่างคนกับสัตว์ มีหน้าเป็นคน ตัวเป็นสิงโต ปีกเป็นค้างคาว หางเป็นแมงป่อง กล่าวกันว่าช้างเป็นสัตว์ชนิดเดียว ที่มันติคอร์จะไม่ทำร้าย ตามบันทึกพบว่าเมื่อ 700 ปีก่อนในอินเดียมีการเรียกสัตว์ชนิดหนึ่งว่า มาร์ติคอรัส)

     

    ทันใดนั้น ดาบยักษ์ในมือชายคนนั้นก็ตัดผ่านร่างมันติคอร์

    อ๊ากกก--?!”

     

    เมื่อถูกแทง, มันติคอร์ก็ร่วงสู่พื้น

    ลมหายใจรวยระริน, ถ้าทิ้งไว้ไม่นานคงต้องตายเป็นแน่

     

    ครู่ต่อมา, พิกซี่ตัวน้อยก็ถลาบินลงมาและรักษามัน

    แต่เดิมมันติคอร์ก็ถือได้ว่าเป็นมอนเตอร์ระดับสูง ผ่านการวิวัฒนาการมาสามครั้ง, ความสามารถแทบจะใกล้เคียงกับเจ็ดสัตว์ร้ายแห่งภัยพิบัติ

    ถึงกับเอาชนะได้ง่ายดายเพียงนี้…!

    (TL: พิกซี่ หรือ pixie หนึ่งในเชื้อสายเผ่าพันธ์แฟรี่ มีลักษณะเป็นภูตตัวเล็กๆ มีปีกแบบแมลง สามารถหดขยายขนาดตัวเองได้)

     

    โดยไม่รู้ตัว, ทุกคนพลันชะงักเท้าหยุดนิ่ง ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

     

    อีกด้านหนึ่ง, ชายคนนั้นพูดราวกับยกย่อง

    โอ๋, ช่างน่าอัศจรรย์, ไม่นึกเลยว่าทั้งที่รับการโจมตีไปแล้วจะไม่ตาย

    ชายคนนั้นแกว่งดาบยักษ์ครั้งหนึ่งกลับเข้าที่เอว, แล้วเงยหน้าขึ้น

     

    เมื่อได้เห็นใบหน้านั้น, ก็ราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้ากลุ่มผู้บ้าคลั่ง

    อันที่จริง, คนที่เปลี่ยนสีหน้ามีแต่สมาชิกระดับสูงของอาณาจักรสีเลือด

     

    และคนที่รู้จักชายคนนั้นมากที่สุดคนหนึ่ง, เท็นไก เบิกตากว้างอย่างพิจารณา

     

    ....ลาโปกุ-ซามะ

     

    ชายหนุ่มที่ดูราวอายุ 20 เจ้าของความอ่อนเยาว์และเรือนผมสีทองตอบเสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย

     

    หืม, ดูเหมือนว่าถึงจะวิวัฒนาการตัวเองไปแล้ว แต่สัญญาณระบุความเป็นพันธมิตรจะยังใช่ได้สินะ

     

    เฮ้, นั่นใครนะ?”

    อย่างคนไม่รู้, เจ้าหญิงออร์ค โซเฟียมองคนหนุ่มที่ทำเอาเท็นไกหายใจไม่สะดวก, ตบไหล่ถามอิคารุกะ

     

    อิคารุกะดูจะสงบลงเล็กน้อย, ตอบด้วยสีหน้ามึนงง

    ท่านผู้นั้นเป็นหนึ่งในผู้มาจากสวรรค์เช่นองค์หญิง, ผู้ข้ามพ้น ลาโปกุ-ซามะ

     

    “? ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร, แต่เขาขวางทางพวกเราอยู่ ไม่ต้องโค่นลงหรอ?”

     

    ทำไม่ได้หรอก!” อิคารุกะตอบอย่างจนปัญญาพร้อมส่ายหัว “ท่านผู้นั้นเป็นเสนาธิการขององค์หญิง เป็นคนที่พวกเรา—ทุกคนในอาณาจักรสีเลือดรับใช้ถัดจากองค์หญิง, พวกเราไม่มีทางหันคมดาบใส่ได้

     

    อ่านะ, ก็ประมาณนั้นละ

    ราวกับได้ยินบทสนทนา, ลาโปกุยักไหล่แล้วพยักหน้า

     

    ลาโปกุ-ซามะ, มีความเป็นไปได้ว่าขณะนี้องค์หญิงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง ถ้าหากท่านจะกรุณา โปรดหลบทางด้วยขอรับ?”

     

    คำขออย่างไม่คิดจะอดทนต่อไปของเท็นไก, ลาโปกุส่ายหัวอย่างเสียใจ

    ขอโทษที, ในฐานะฝ่ายเดียวกัน ฉันเองก็เป็นห่วงฮิยูกิเหมือนกัน แต่ฉันได้รับคำสั่งให้มาหยุดพวกนายที่นี้

     

    “—คำสั่ง? ท่านเป็นเสนาธิการขององค์หญิง, ในเมื่อองค์หญิงยังไม่ได้สั่งท่านสักครั้ง แล้วใครเป็นผู้มอบคำสั่งให้ท่านกัน?”

     

    นายค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวฉันควรจะพูดว่าพระเจ้าของโลกนี้หรืออะไรดีละ”

    ลาโปกุตอบด้วยสีหน้าเย้ยหยันตัวเอง

     

    ถ้าพวกเขาไม่สามารถโจมตีได้ละก็, พวกเราจะ... ด้วยคิดเช่นนั้น โซเฟียและพวกที่เหลือ-, แต่ทว่าอิคารุกะกลับสังเกตเห็นและหยุดพวกเขาอย่างรวดเร็ว

     

    หยุด, จะเอาชีวิตไปทิ้งหรืออย่างไรกัน”

     

    อีกฝ่ายเป็นแค่มนุษย์, ทำไมไม่ให้พวกเราลองดูก่อนละ?”

     

    ผลลัพธ์มันเห็นกันอยู่แล้ว ถ้าจะให้พูด, องค์หญิงมีอีกนามว่าท่านหญิงแห่งฟากฟ้า (เท็นโจเท็นเก๊ะ) คนตรงหน้าก็มีอีกนามว่าชายหนึ่งกองทัพ (โดคุดันเช็นโกะ) เพียงเขาเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่โค่นร่างหลักของฉันแล้ว, ท่านผู้นี้คือผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้เสมือนพระเจ้า

    ทุกคนกลายเป็นคนโง่งมทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

     

    ทุกคนต่างรู้พลังของร่างหลักของอิคารุกะในสงครามครั้งล่าสุดดี, เขาสู้คนเดียวจริงดิ!?

     

    “-----ดูน่าสนุกดีนี่น่า

    เวลานั้นเอง, ชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากกลุ่มอย่างเชื่องช้า มาหยุดต่อหน้าลาโปกุ

     

    “…ใครนะ?”

     

    เผชิญหน้าลาโปกุที่ขมวดคิ้วอย่างสับสน ชายคนนั้น--มาโรโดะกระชับดาบ

    วงศ์วานและผู้ติดตามขององค์หญิง, มาโรโดะ, อ๊ะ เป็นเด็กใหม่นะ

     

    หืม, วงศ์วานของฮิยูกิ คิดว่าคนที่เป็นชนชั้นต่ำกว่าฮิยูกิอย่างนาย, จะเอาชนะฉันที่แข็งแกร่งกว่าฮิยูกิไดหรอ?”

    ลาโปกุพูดพลางวาดดาบออกจากเอว

     

    อา, อย่างน้อยก็ลองก่อนถึงจะรู้ละนะ

    สีหน้าของมาโรโดะไม่มีแม้แต่เสี้ยวของความกระตือรือร้น

     

    มาโรโดะ—“

    บางทีอาจจะลองห้าม, มาโรโดะเหลือบมองเท็นไก

    ดาบของลาโปกุ-ซามะแข็งแกร่งกว่าดาบขององค์หญิงกุหลาบแห่งเหล่าคนบาปเสียอีก ดาบของเจ้าใช้ได้ไม่นานหรอก, ระวังตัวด้วย

     

    แม้ว่าเขาจะไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของลาโปกุได้ แต่ก็ต้องไปยืนยันสถานการณ์ของฮิยูกิ

    นั่นคือ, ขีดจำกัดสูงสุดที่เขาจะสามารถตัดสินใจทำได้

     

    เบื้องหน้าเท็นไกที่มีสีหน้าทุกข์ตรม, มาโรโดะยิ้มแล้วชูนิ้วโป้งให้เขา

     

    End

    Author Notes

    เหตุผลในการสร้างคุณราชาสิงโตนะเหรอ, ก็แค่อยากสร้างตัวละครผู้ใหญ่บ้างเท่านั้นละ (วู้ว)

    สัญญาณระบุความเป็นพันธมิตรคงถูกยกเลิก ถ้าฮิยูกิพูดอะไรอย่าง “ลาโปกุ-ซัง? อยากฆ่าก็ฆ่าสิ" แต่มันเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงยังไม่สามารถฆ่าเขาได้ แน่นอนว่าถ้าเจอกับเท็นไกในโหมดคลั่งละก็ นอกจากเขาจะแพ้แล้ว เมืองหลวงคงหายไปด้วย

     

    Talk: รีบปั่น, เอางานมาส่งจ้า น่าเสียดาย~ ตอนนี้ฮิยูกิจังไม่ออก

    เอ๊ะ เรารีบปั่นทำไมนะเหรอ? ก็อย่างที่บอกเมื่อคราวที่แล้ว

    เรากำลังจะสอบอีกแล้ว ก็เลยคิดว่าน่าจะได้เวลาอ่านหนังสือแล้ว

    อืม เอาเป็นว่าประกาศหยุดไปสักพักน้า สอบเสร็จไปเที่ยวปีใหม่~!!

     

    ป.ล.ยังไม่มีกำหนดอัพครั้งถัดไป แต่เจอกันหลังปีใหม่เลยแล้วกัน~!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×