คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : 3-03 Episode 3
Chapter 3
– Beast King of Borderland
Episode 3 เสียงคำรามของสิงโต
***ตอนนี้ฮิยูกิ-จังไม่ได้ออกละ
ความเจ็บปวดเกิดขึ้นแทบทุกจุดของร่างกาย
ทั่วทั้งร่างปรากฏรอยแผล ความรู้สึกเปียกชุ่มกระจายอยู่ใต้เกราะหนังจนเหนอะหนะ (TL: เปียกเหงื่อเปียกเลือด)
สิ่งที่เข้ามาสู่ด้วยตามีแต่สีแดงของเปลวเพลิง,
แต่แล้วไงล่ะ!
ชายผู้เอาชนะเด็กสาวแล้วคิดจะลักพาตัวเธอไปด้วยรอยยิ้มอันต่ำช้า
ไม่มีทางยอมหรอก!!
ถึงจะถูกมองอย่างดูถูก,
ฉันจะทำให้นายต้องเสียใจและเอาคืนให้ฮิยูกิ!
สะบัดดาบออกไปก่อนที่จะทันได้คิด,
เมื่อหมัดนั้นใกล้เข้ามา
ถึงไม่หันไปดูรอบข้าง,
ฉันก็รู้ดีว่าถ้ารับหมัดนั้นละก็ หัวของฉันก็คงไม่ต่างไปจากผลทับทิม
แต่จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย,
ฉันจะไม่ยอมแพ้, ต่อให้ต้องแลกด้วยพลังทั้งหมดก็ตาม!
แต่ถึงอย่างนั้น
สวนทางกับความตั้งใจของโจอี้, ดาบของฮิยูกิที่อยู่ในมือเขา『กุหลาบแห่งเหล่าคนบาป』ก็ฟาดได้แต่อากาศ
--เป็นไปไม่ได้งั้นหรอ, ขอโทษนะฮิยูกิ
ขณะที่คิดเช่นนั้น,
ในดวงตาที่เบิกกว้างอยู่ตลอดของโจอี้,
ฉับพลันร่างของชายคนนั้นก็กระเด็นไปในอากาศราวกับลูกวอลเลย์
โจอี้นิ่งค้างไปในท่าตวัดดาบ
ก่อนที่จะรู้สึกตัวก็เห็นแผ่นหลังของชายคนหนึ่งอยู่ตรงหน้า
...…ใคร?
เขากระพริบตาด้วยดวงตาที่พร่ามัว,
ดูว่าใครคือเจ้าของแผ่นหลังนั้น
ชายคนนั้น—หรือบางทีอาจควรเรียกว่าชายแก่—สวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม
สูงกว่า 2 เมตรและมีเรือนผมสีขาว มนุษย์สัตว์ที่เพียงมองดูก็รู้ว่ามาจากเผ่าสิงโตส่งร่างเล็กๆของฮิยูกิที่ชิงมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
ให้กับโจอี้อย่างนุ่มนวล แล้วหันไปมองอานิมารุด้วยสายตาที่อ่านยาก
ทันใดนั้น,
โจอี้ก็ปล่อย『กุหลาบแห่งเหล่าคนบาป』แล้วโอบร่างฮิยูกิไว้ด้วยสองแขน
“…ถูกแล้ว, ละทิ้งดาบ แล้วดูแลผู้หญิงให้ดี --เจ้าหนุ่ม”
ใบหน้าเคร่งเครียดของชายแก่เผยรอยยิ้มพอใจออกมาเป็นครั้งแรก
“หนอยแก, ใครกัน?! อย่ามาขัดความสนุกคนอื่นสิห๊ะ!”
ลุกขึ้นและสะบัดเศษฝุ่นออกจากร่าง,
อานิมารุขู่คำรามอย่างกรุ่นโกรธ
ใบหน้าชายแก่พลันเปลี่ยนกลับสู่ความสงบนิ่ง
“---ช่างเป็นพวกน่ารังเกียจเสียจริง”
“…ห๊ะ? เหอะ, แกไม่รู้สินะว่าข้าคนนี้เป็นใคร?”
“ข้าไม่อยากรู้, แล้วไม่คิดว่าจำเป็นต้องรู้ด้วย”
หมัดของชายแก่ผู้ขยับเข้ามาใกล้พุ่งเข้าสู่หน้าอานิมารุ
“เหอ, คิดว่าหมัดช้าๆพันธุ์นี้----วะ, เหวออ--!?!”
ยังไม่ทันที่อานิมารุจะพูดจบ,
เปลวเพลิงที่ไร้ที่มาก็ปรากฏขึ้น, หมัดของชายแก่ลุกไหม้
ใบหน้าของเขาถูกอัดลงไปติดพื้นจนเด้งกลับ,
แต่เพราะความอดทนและพลังกาย,
เขาจึงลุกขึ้นแล้วถอยร่นออกมาจากชายแก่ได้อย่างรวดเร็ว
“ตายซะ!”
เขาพุ่งเข้าหาและปล่อยห่าฝนหมัดออกไป『หมัดรัว』ยังร่างของชายแก่
แต่ทว่า, ร่างชายแก่ที่ควรจะอยู่ตรงหน้าเขาพลันหายไป
“อะไรนะ!?”
ถึงสูญเสียเป้าหมายไป,
หมัดของเขาก็ยังพุ่งทะยานออกไป ชายแก่ที่ปรากฏตัวขึ้นที่จุดบอดตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้—ที่ด้านข้าง,
ขัดขาของอานิมารุจนเสียหลักแล้วทุบตีไปยังร่างที่ไร้การป้องกันและข้อศอกด้วยแรงทั้งหมด
เสียงดังสนั่นราวฟ้าผ่า,
ร่างของอานิมารุครึ่งหนึ่งจมลงในดิน
“แก…แฮก…!”
ไมว่าจะพยายามลุกเท่าไร,
เท้าทั้งสองก็สั่นสะท้านจนไม่อาจยืนได้
“ไม่มีทาง, ก็ฉันมีค่าตัวเลขมากกว่าตั้งเยอะเลยนี่ ....... แต่ทำไม,
เจ้าแก่นี่ถึงได้”
ไม่แม้แต่คิดจะลงดาบสุดท้ายปิดฉาก,
ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ
“เหอะ… ถึงจะดูมีพลังแข็งแกร่ง แต่เจ้าก็ยังห่างจากคำว่าแข็งแกร่งมากนัก”
“แกพูดอะไร…!?”
“สไตล์การต่อสู้ของเจ้าเป็นแบบกดดันอีกฝ่ายด้วยพลังที่สูงกว่า ที่มันยังได้ผลดีคงเพราะเจ้าเอาแต่คุกคามผู้อ่อนแอกว่า
เจ้าไม่เคยประสบคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าจนต้องเสี่ยงชีวิต เมื่อเจ้าไม่รู้วิธีต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งกว่า,
เจ้าก็ไม่มีวันเอาชนะได้, เข้าใจไหม?”
ถึงจะยังมีความหวาดกลัวในแววตา
แต่ด้วยทิฐิ, อานิมารุถ่มน้ำลายและเลือดลงพื้น
“—จะบอกว่าแข็งแกร่งกว่างั้นเหรอ? งั้นเจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้าได้ละทิ้งนามของตนไปแล้ว แต่ผู้คนล้วนเรียกขานข้าว่า『ราชาสัตว์ป่า』”
โจอี้ที่มองเหตุการณ์อยู่พร้อมกับอุ้มฮิยูกิไว้ในอ้อมกอด,
ถึงกับครางไม่ได้ศัพท์
---ราชาสัตว์ป่า, เจ้าของ Rank SSS หนึ่งในห้าของโลกคนนั้นเหรอ?!
อานิมารุเลิกคิ้วขึ้น
“ห๊า--?! ราชาสัตว์ป่า? นั่นคือฉันต่างหาก!”
“ผิดแล้ว, ถ้าหากมีเจ้าเป็นราชา คงเป็นเรื่องชวนปวดท้องไม่น้อย” (TL:
น่าขำจนเจ็บท้อง)
ด้วยร่างฟื้นฟูจนใกล้จะสมบูรณ์,
อานิมารุยันตัวขึ้นยืนอีกครั้ง
“ถ้างั้นฉันจะฆ่าแก, แล้วสอนให้รู้เองว่าใครกันแน่ที่เป็นของจริง!”
◆◇◆◇
สักแห่งหนึ่งแถบทุ่งราบชานเมืองของเมืองหลวงอาระ,
มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งวิ่งตัดผ่านอย่างเร่งรีบ เกิดเป็นกลุ่มฝุ่นควันดินคละคลุ้ง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?! ทำไมถึงยังติดต่อองค์หญิงไม่ได้อีก!?”
เท็นไกที่อยู่ในรูปกึ่งมนุษย์กึ่งมังกร
วิ่งโดยไม่สนใจพระอิฐพระปูนหน้าไหนทั้งนั้น, เขาหันไปถามชายเจ้าของเรือนผมสีขาวและหน้าตาไม่สนโลก,
อิคารุกะ (ร่างจริงของอิคารุกะคือยอก-โซธอท, อันนี้เป็นร่างแยก)
ที่วิ่งอยู่ข้างๆ (TL: ตามตำนานยอก-โซธอทก็สามารถปรากฏตัวหลายที่ในเวลาเดียวกันได้เช่นกัน)
“ไม่รู้สิ แล้วก็ดูเหมือนทุกคนจะถูกโค่นโดยไม่สามารถต้านทานได้ด้วย”
“ไม่สามารถต้านทานได้?! ไม่มีทาง, ไม่ว่าใครก็ตามในเวลานี้ไม่มีปัญญาพอจะสู้พวกเราได้หรอก,
แล้วพวกนั้นยังเป็นชนชั้นสูงจากอาณาจักรเราด้วย! ไม่มีทางที่จะถูกโค่นอย่างไม่สามารถต้านทานได้ด้วยฝีมือมนุษย์
…...”
ฟังเท็นไกพูดเสียงต่ำ
อิคารุกะก็จมอยู่ในความคิดบางอย่าง ชั่วครู่, เขาก็พูดบางอย่าง
“แน่นอนว่าถ้าเป็นผู้คนจากประเทศนี้ย่อมไม่สามารถ—แต่ว่าถ้าเป็นเทคนิคที่สืบทอดจากผู้ข้ามพ้น
(ผู้เล่น) ละก็...”
“ผู้ข้ามพ้น (ผู้เล่น)?! นั่นมันไม่---“
ความเป็นไปได้ก็ไม่เชิงเท่ากับศูนย์,
อย่างน้อยก็ตามที่ฮิยูกิพบเกี่ยวกับเหรียญยุคเก่าและยุคที่สาบสูญ
--บางทีถ้าสืบเรื่องนี้ให้จริงจังกว่านี้, ไม่สิ ต่อให้ต้องเผชิญกับศัตรูขององค์หญิงก็ต้องไม่หวั่น!
เขารู้ดีว่าต่อให้รู้สึกเสียใจตอนนี้ก็แก้อะไรไม่ได้แล้ว
เขาได้แต่ขบฟันแน่น
ที่สำคัญ,
แทนที่จะวิ่งช้าๆอยู่บนพื้นเช่นนี้ เขาอยากจะบินตรงไปเสียมากกว่า
แต่เพราะนี้เป็นแขนแดนระหว่างอาณาจักรสีเลือดกับเอมาทีจึงไม่สามารถบินไปลงจอดใกล้เมืองหลวงได้
ถ้าเขายังคิดฝ่าฝืนกระทำก็ไม่ต่างจากการสาดโคลนใส่หน้าองค์หญิง (TL: แบบตรากฎมาอย่างนี้ แต่ลูกน้องกระทำผิดเสียเอง
ฮิยูกิก็เสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย)
ขณะกล้ำกลืนความเหนื่อยล้าที่เพิ่มพูนขึ้นช้าๆ,
เท็นไกก็ส่งแรงไปที่ขา
ถ้าคงสภาพนี้ไว้ได้
อีกไม่ถึง 1 นาทีก็คงจะถึงเมืองอาระ,
หลังจากนั้น--
“สุภาพบุรุษ, สุภาพสตรีทั้งหลาย! ไปดูให้แน่ชัดว่าองค์หญิงปลอดภัยดีหรือไม่,
และคุ้มครององค์หญิงด้วย! อย่ายอมให้ใครขวางทางได้! ทำลายทุกคนที่ขวางหน้าเสีย! ต่อให้ต้องทำลายทั้งเมืองอาระแล้วฆ่าทุกคนทิ้งเสียก็อย่าได้เกรง!!”
แรงใจพุ่งสูงขึ้น100%, กลุ่มผู้ติดตามส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
แต่ทว่า,
ตรงหน้าทิศทางที่ต้องไปก็ปรากฏชายในชุดเกราะสีฉูดฉาดและผ้าคลุดสีแดงสว่าง,
ผู้ที่ดูราวกัยอัศวินนั้นก้มหน้าลงจนมองไม่เห็นใบหน้า
ถึงจะรู้สึกว่าร่างตรงหน้าดูคุ้นตา
“ออกไปจากทางซะ! หลีก!!”
เท็นไกตะโกน,
ทว่าชายคนนั้นกลับไม่ยอมขยับไปจากที่เดิมแม้แต่น้อย
“หลีก--!”
หนึ่งในกลุ่ม,มันติคอร์ผู้มีหน้าเยี่ยงมนุษย์และร่างอย่างสิงโต
สยายปีกค้างคาว กระโจนไปหน้าชายคนนั้น
(TL: มันติคอร์ หรือ Manticore เป็นสัตว์ที่เกิดจากจากการผสมพันธุ์ระหว่างคนกับสัตว์
มีหน้าเป็นคน ตัวเป็นสิงโต ปีกเป็นค้างคาว หางเป็นแมงป่อง กล่าวกันว่าช้างเป็นสัตว์ชนิดเดียว
ที่มันติคอร์จะไม่ทำร้าย ตามบันทึกพบว่าเมื่อ 700 ปีก่อนในอินเดียมีการเรียกสัตว์ชนิดหนึ่งว่า
มาร์ติคอรัส)
ทันใดนั้น
ดาบยักษ์ในมือชายคนนั้นก็ตัดผ่านร่างมันติคอร์
“อ๊ากกก--?!”
เมื่อถูกแทง,
มันติคอร์ก็ร่วงสู่พื้น
ลมหายใจรวยระริน,
ถ้าทิ้งไว้ไม่นานคงต้องตายเป็นแน่
ครู่ต่อมา,
พิกซี่ตัวน้อยก็ถลาบินลงมาและรักษามัน
แต่เดิมมันติคอร์ก็ถือได้ว่าเป็นมอนเตอร์ระดับสูง
ผ่านการวิวัฒนาการมาสามครั้ง, ความสามารถแทบจะใกล้เคียงกับเจ็ดสัตว์ร้ายแห่งภัยพิบัติ
ถึงกับเอาชนะได้ง่ายดายเพียงนี้…!
(TL: พิกซี่ หรือ pixie หนึ่งในเชื้อสายเผ่าพันธ์แฟรี่ มีลักษณะเป็นภูตตัวเล็กๆ
มีปีกแบบแมลง สามารถหดขยายขนาดตัวเองได้)
โดยไม่รู้ตัว,
ทุกคนพลันชะงักเท้าหยุดนิ่ง ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
อีกด้านหนึ่ง,
ชายคนนั้นพูดราวกับยกย่อง
“โอ๋, ช่างน่าอัศจรรย์, ไม่นึกเลยว่าทั้งที่รับการโจมตีไปแล้วจะไม่ตาย”
ชายคนนั้นแกว่งดาบยักษ์ครั้งหนึ่งกลับเข้าที่เอว,
แล้วเงยหน้าขึ้น
เมื่อได้เห็นใบหน้านั้น,
ก็ราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้ากลุ่มผู้บ้าคลั่ง
อันที่จริง,
คนที่เปลี่ยนสีหน้ามีแต่สมาชิกระดับสูงของอาณาจักรสีเลือด
และคนที่รู้จักชายคนนั้นมากที่สุดคนหนึ่ง,
เท็นไก เบิกตากว้างอย่างพิจารณา
“....ลาโปกุ-ซามะ”
ชายหนุ่มที่ดูราวอายุ
20 เจ้าของความอ่อนเยาว์และเรือนผมสีทองตอบเสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย
“หืม, ดูเหมือนว่าถึงจะวิวัฒนาการตัวเองไปแล้ว แต่สัญญาณระบุความเป็นพันธมิตรจะยังใช่ได้สินะ”
“เฮ้, นั่นใครนะ?”
อย่างคนไม่รู้,
เจ้าหญิงออร์ค โซเฟียมองคนหนุ่มที่ทำเอาเท็นไกหายใจไม่สะดวก, ตบไหล่ถามอิคารุกะ
อิคารุกะดูจะสงบลงเล็กน้อย,
ตอบด้วยสีหน้ามึนงง
“ท่านผู้นั้นเป็นหนึ่งในผู้มาจากสวรรค์เช่นองค์หญิง, ผู้ข้ามพ้น ลาโปกุ-ซามะ”
“? ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร, แต่เขาขวางทางพวกเราอยู่ ไม่ต้องโค่นลงหรอ?”
“ทำไม่ได้หรอก!” อิคารุกะตอบอย่างจนปัญญาพร้อมส่ายหัว
“ท่านผู้นั้นเป็นเสนาธิการขององค์หญิง เป็นคนที่พวกเรา—ทุกคนในอาณาจักรสีเลือดรับใช้ถัดจากองค์หญิง,
พวกเราไม่มีทางหันคมดาบใส่ได้”
“อ่านะ, ก็ประมาณนั้นละ”
ราวกับได้ยินบทสนทนา,
ลาโปกุยักไหล่แล้วพยักหน้า
“ลาโปกุ-ซามะ, มีความเป็นไปได้ว่าขณะนี้องค์หญิงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง
ถ้าหากท่านจะกรุณา โปรดหลบทางด้วยขอรับ?”
คำขออย่างไม่คิดจะอดทนต่อไปของเท็นไก,
ลาโปกุส่ายหัวอย่างเสียใจ
“ขอโทษที, ในฐานะฝ่ายเดียวกัน ฉันเองก็เป็นห่วงฮิยูกิเหมือนกัน
แต่ฉันได้รับคำสั่งให้มาหยุดพวกนายที่นี้”
“—คำสั่ง? ท่านเป็นเสนาธิการขององค์หญิง,
ในเมื่อองค์หญิงยังไม่ได้สั่งท่านสักครั้ง แล้วใครเป็นผู้มอบคำสั่งให้ท่านกัน?”
“นายค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว …ฉันควรจะพูดว่าพระเจ้าของโลกนี้หรืออะไรดีละ”
ลาโปกุตอบด้วยสีหน้าเย้ยหยันตัวเอง
ถ้าพวกเขาไม่สามารถโจมตีได้ละก็,
พวกเราจะ... ด้วยคิดเช่นนั้น โซเฟียและพวกที่เหลือ-,
แต่ทว่าอิคารุกะกลับสังเกตเห็นและหยุดพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“หยุด, จะเอาชีวิตไปทิ้งหรืออย่างไรกัน”
“อีกฝ่ายเป็นแค่มนุษย์, ทำไมไม่ให้พวกเราลองดูก่อนละ?”
“ผลลัพธ์มันเห็นกันอยู่แล้ว ถ้าจะให้พูด, องค์หญิงมีอีกนามว่า『ท่านหญิงแห่งฟากฟ้า』 (เท็นโจเท็นเก๊ะ) คนตรงหน้าก็มีอีกนามว่า『ชายหนึ่งกองทัพ』 (โดคุดันเช็นโกะ) เพียงเขาเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่โค่นร่างหลักของฉันแล้ว,
ท่านผู้นี้คือผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้เสมือนพระเจ้า”
ทุกคนกลายเป็นคนโง่งมทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
ทุกคนต่างรู้พลังของร่างหลักของอิคารุกะในสงครามครั้งล่าสุดดี,
เขาสู้คนเดียวจริงดิ!?
“-----ดูน่าสนุกดีนี่น่า”
เวลานั้นเอง,
ชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากกลุ่มอย่างเชื่องช้า มาหยุดต่อหน้าลาโปกุ
“…ใครนะ?”
เผชิญหน้าลาโปกุที่ขมวดคิ้วอย่างสับสน
ชายคนนั้น--มาโรโดะกระชับดาบ
“วงศ์วานและผู้ติดตามขององค์หญิง, มาโรโดะ, อ๊ะ เป็นเด็กใหม่นะ”
“หืม, วงศ์วานของฮิยูกิ คิดว่าคนที่เป็นชนชั้นต่ำกว่าฮิยูกิอย่างนาย,
จะเอาชนะฉันที่แข็งแกร่งกว่าฮิยูกิไดหรอ?”
ลาโปกุพูดพลางวาดดาบออกจากเอว
“อา, อย่างน้อยก็ลองก่อนถึงจะรู้ละนะ”
สีหน้าของมาโรโดะไม่มีแม้แต่เสี้ยวของความกระตือรือร้น
“มาโรโดะ—“
บางทีอาจจะลองห้าม,
มาโรโดะเหลือบมองเท็นไก
“ดาบของลาโปกุ-ซามะแข็งแกร่งกว่าดาบขององค์หญิง『กุหลาบแห่งเหล่าคนบาป』เสียอีก
ดาบของเจ้าใช้ได้ไม่นานหรอก, ระวังตัวด้วย”
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของลาโปกุได้
แต่ก็ต้องไปยืนยันสถานการณ์ของฮิยูกิ
นั่นคือ,
ขีดจำกัดสูงสุดที่เขาจะสามารถตัดสินใจทำได้
เบื้องหน้าเท็นไกที่มีสีหน้าทุกข์ตรม,
มาโรโดะยิ้มแล้วชูนิ้วโป้งให้เขา
End
Author Notes
เหตุผลในการสร้างคุณราชาสิงโตนะเหรอ,
ก็แค่อยากสร้างตัวละครผู้ใหญ่บ้างเท่านั้นละ (วู้ว)
สัญญาณระบุความเป็นพันธมิตรคงถูกยกเลิก
ถ้าฮิยูกิพูดอะไรอย่าง “ลาโปกุ-ซัง? อยากฆ่าก็ฆ่าสิ☆" แต่มันเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงยังไม่สามารถฆ่าเขาได้
แน่นอนว่าถ้าเจอกับเท็นไกในโหมดคลั่งละก็ นอกจากเขาจะแพ้แล้ว เมืองหลวงคงหายไปด้วย
Talk: รีบปั่น, เอางานมาส่งจ้า น่าเสียดาย~ ตอนนี้ฮิยูกิจังไม่ออก
เอ๊ะ
เรารีบปั่นทำไมนะเหรอ? ก็อย่างที่บอกเมื่อคราวที่แล้ว
เรากำลังจะสอบอีกแล้ว
ก็เลยคิดว่าน่าจะได้เวลาอ่านหนังสือแล้ว
อืม
เอาเป็นว่าประกาศหยุดไปสักพักน้า สอบเสร็จไปเที่ยวปีใหม่~!!
ป.ล.ยังไม่มีกำหนดอัพครั้งถัดไป
แต่เจอกันหลังปีใหม่เลยแล้วกัน~!!
ความคิดเห็น