ภพอมฤต : The Amarit (Yaoi) จินตนิมิตร-ดราม่า-ไซไฟ-ไสยศาสตร์-ชาตินิยม-ศาสนา-อาถรรพ์-ทริลเลอร์

โดย Sittathakhot

เรื่องราวของทหารอากาศสองพี่น้องที่อยู่รักษาชีวิตไว้เป็นร้อยปี! เพื่อรอการกลับมาของคนรักที่จากไป! พร้อมเฝ้าคอยปฏิบัติหน้าที่ต่อแผ่นดินด้วยความภักดีแห่งหัวใจที่จงรักอย่างแท้จริง...

อ่านนิยาย

รีวิวจากนักอ่าน

รีวิว

"ภพอมฤต" หนึ่งในวรรณกรรม อันทรงคุณค่าทางภาษา ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา และชาตินิยม.

รีวิวถึงลำดับตอนที่ 16

เยี่ยมมาก
"ภพอมฤต" หนึ่งในวรรณกรรม ผสมผสานแบบใหม่ อันทรงคุณค่าทางภาษา ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา และชาตินิยม.
เริ่มแรก อาตมา มีเพื่อนเกลอที่ปฏิบัติธรรมร่วมกันมากว่าสิบปี เธอเป็นเพศที่สาม แต่ถ้าจะให้เล่ารายละเอียดคงจะนอกเรื่องจากบทวิจารณ์เป็นแน่ แต่สาเหตุที่ได้เข้ามาอ่านนวนิยายเรื่องนี้ก็มาจากเพื่อนคนนั้นนั่นแหละ เขาได้แนะนำอาตมามา เพราะอาตมาเองก็ชอบอ่านวรรณคดีร้อยกรองเป็นปกติอยู่แล้ว เลยบอกได้คำเดียวว่าในเรื่องประสบการณ์การอ่านหนังสือทั้งไทยและเทศ ก็ออกตัวได้ว่าไม่เป็นรองใครแน่นอน
เมื่อได้เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ในบทแรก ให้อารมณ์แปลก ๆ เหมือนกับอ่านวรรณคดีอยู่ เพราะเปิดบทนำมา ก็เกริ่นเรื่องได้น่าตื่นเต้นด้วยบทร้อยกรอง ที่มีลักษณะคล้ายการกล่าวปฏิญญาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็ทำให้เข้าใจได้ว่าคนประพันธ์เรื่องนี้ย่อมเป็นนักอ่านชั้นเลิศแน่นอน ทั้งมีความรู้ทางด้านภาษาที่ค่อนข้างอยู่ในระดับศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว ในตอนแรกที่อาตมารู้ว่านักเขียนอายุ 24 ปี เท่านั้น! ก็แทบไม่อยากเชื่อว่าเด็กยุคนี้จะมีความสามารถได้ถึงขนาดนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงปฏิเสธไม่ได้เพราะเขาได้แสดงความสามารถของเขาผ่านทางเรื่องราวออกมาได้อย่างละเอียดลออไม่เป็นรองศิลปินแห่งชาติเลยทีเดียว
เจาะประเด็นแรก ที่รู้สึกได้ชัดเจนของเรื่องนี้ คือนวนิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายที่มี "ตัวละครเอกเล่าเรื่อง" แต่บางครั้งบางทีที่ได้อ่าน ถ้าเกิดฉากไหนที่ตัวละครเอกผู้เล่าเรื่องไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ผู้ประพันธ์ก็จออกโรงมาเล่าเรื่องแทนตัวละครเอกเอง... ดูคล้ายกับผู้ประพันธ์ต้องการให้คนอ่านได้เข้าใจว่า ตัวละครเอกนั้น แม้จะเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เพียงใด แต่ก็ไม่ใช่ผู้เหนือกฎแห่งวัฏสงสารที่จะล่วงรู้เหตุการณ์ภายนอกไปได้, และการเล่าเรื่องแบบนี้ยังเป็นที่นิยมกันในนวนิยายต่างประเทศอีกหลายต่อหลายเรื่อง ดูทำให้เกิดความตื่นเต้นได้ในหลายฉากติดต่อกันไป และยังสรุปได้ว่า มันสมจริงมากขึ้นแม้จะอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ
ประเด็นที่ 2 คือ เนื้อหาของเรื่อง ที่แม้จะเข้าใจยากสำหรับผู้ที่ไม่ชอบนิยายหลากรส แต่ก็ทำให้คนเข้ามาอ่านได้จำนวนครึ่งพัน แม้จะเป็นเรื่องแรกที่กวีแต่ง แต่ก็รู้สึกนิยมในเนื้อหาอันทรงคุณค่าทางภาษา ที่ใช้คำตามสมัยนิยม และคำโบราณมาผสมกัน ซึ่งจะทำให้เด็กยุคนี้เข้าใจในภาษาไทยโบราณได้มากขึ้น แม้บางคำจะต้องใช้ความชำนาญด้านภาษามาตีความ แต่นั้นก็ทำให้ผู้อ่าน ได้ไปศึกษาค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลทุติยภูมิว่าคำเหล่านั้นมีความหมายว่าอย่างไร อันจะทำให้มีความรู้ประดับสมองมากขึ้น, ส่วนเนื้อหาของแก่นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพราหมณ์ ก็ยอมรับได้ว่าละเอียดจริงๆ ในเรื่องของความเชื่อของไทย ที่นำพุทธกับพราหมณ์มาผสมกันจนแยกไม่ออก เพราะศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาที่ทำให้เกิดศาสนาพุทธ ดังนั้นความสำคัญของพราหมณ์จึงมีค่ามากตามประวัติศาสตร์สังคมไทย และความรู้ที่นักเขียนใส่เข้าไปในแต่ละไดอะล็อคก็ทำให้ได้ความรู้ในเรื่องของประเพณีโบราณ รวมถึงเนื้อหาทางการทหาร ที่จะทำให้คนอ่านได้สำนึกในบุญคุณของบรรพบุรุษผู้ปกป้องแผ่นดินไทยไว้ด้วยชีวิต แม้บางค่านิยมผิด ๆ จะมาทำให้คนมองสถาบันทั้งสามเปลี่ยนไป แต่ถ้าได้อ่านนิยายเรื่องนี้แล้ว โยมทั้งหลาย จะทราบซึ้งในบุญคุณแห่งแผ่นดินที่คุ้มกะลาหัวมาตั้งแต่สมัยน่านเจ้าได้เต็มภาคภูมิ
ส่วนประเด็นสุดท้าย คือประเด็นเรื่องความรัก ที่อาตมามองว่า รักคือความดีที่ค้ำจุนโลก รักเป็นเสมือนลมหายใจที่ทำให้โลกหมุนต่อไป รักมอบให้ได้ไม่จำกัดเพศ เชื้อชาติ ศาสนา สังคม และฐานะ, ทั้งนี้ ภพอมฤตยังเป็นนิยายที่มีตัวละครเอกเป็น "ชายรักชาย" มาแต่กำเนิด (ตรงนี้อาตมามองว่า แม้ความรักจะไม่จำกัดเพศ แต่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะให้ผู้ที่มีกำเนิดเป็น Heterosexuality มารักเพศเดียวกันเอง เพราะความเป็นไปได้คือศูนย์ นอกเสียจากว่าคนคนนั้นจะเป็นไบเซ็กชวลหรือแพนเซ็กชวลมาตั้งแต่กำเนิดเท่านั้น ถึงจะสามารถรักเพศเดียวกันได้ตามกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติและมนุษย์วิทยา) ต่างจากนวนิยายแนววายเรื่องอื่น ๆ ที่มักจะให้ผู้ที่รักได้แต่เพศตรงข้ามมาแต่กำเนิด หันมาชอบเพศเดียวกันเองเพียงเพราะความพอใจ ซึ่งมันไร้เหตุผลที่เป็นความจริง ผิดจากนิยายเรื่องนี้และนิยายวายต่างประเทศที่ระบุเหตุผลอันเป็นวิทยาศาสตร์ไว้ชัดเจนถึงสาเหตุที่ชายต้องมารักชาย หรือหญิงต้องมารักหญิง ว่ามันเป็นเพราะเขาคนนั้นเป็นไบเซ็กชวล หรือเป็นโฮโมเซ็กชวลอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นนิยายวายเรื่องอื่น จึงหาสาระไม่ได้ต่างจากเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง,
นวนิยายเรื่องนี้รวมความรักไว้หลายแบบ ทั้งความรักของชายรักชาย ทั้งความรักของชายกับหญิง "แต่ความรักใด ๆ ในโลกนี้ ก็ไม่สู้ความรักต่อแผ่นดินเกิด" ซึ่งตัวละครเอกของเรา ได้แสดงผ่านชีวิตอมตะของเขาได้อย่างชัดเจนเห็นภาพและซาบซึ้งถึงใจผู้อ่านเช่นอาตมา.
reviewer author
@บุญญพลัง
31 ก.ค. 61 / 12:37 น.

0

นวนิยายแฝงปรัชญานุรักษ์ประชาศาสน์ เป็นได้ทั้งนิยาย กวีนิพนธ์ วรรณคดี และคัมภีร์ทางศาสนาในเรื่องเดียว

รีวิวถึงลำดับตอนที่ 22

เยี่ยมมาก

บอกตรงๆ ว่าหลงเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ อ่านตอนแรกทำไมพล็อตมันแปลกพิกล อ่านแล้วรู้สึก เหมือนกับนักเขียนเป็นอาจารย์สอนสังคม และนักภาษาศาสตร์ในบุคคลคนเดียว บรรยายได้ละเอียดมากละเอียดทุกเม็ด แล้วใช้คำที่เป็นศัพท์เฉพาะ บรรยายได้เห็นภาพชัดเจน และก็ภาษาสวยงามมากๆ แล้วก็เกิดติดพัน ถึงจะไม่ได้หวานแหววแนวเราชอบอ่านก็ตาม เหตุก็เพราะ ดังนี้ค่ะ

ขอคารวะนักเขียนที่ฉีกทุกกฎ เป็นนิยายที่เต็มไปด้วย พุทธศาสตร์ คาถา ไสยเวทย์ เดวา บทสวดบูชา ตรงนี้สารภาพว่าอ่านข้ามค่ะ ช่างไม่คุ้มกับที่นักเขียนสรรสร้าง

แต่ไปอ่านอย่างพิจารณา และได้อรรถรสตรงพงศาวดารเชิงชาตินุรักษ์ ประวัติศาสตร์ไทย ที่แทรกในวรรณกรรมเข้ามา ทั้งอรรถรสที่ได้รับฟังและได้อ่าน จากความจริงอิงนิทานที่นักเขียนหรือผู้แต่งได้แทรกเข้ามาในนวนิยาย เพื่อให้ความรู้เชิงปรัชญาแก่ผู้อ่าน ทั้งนักเขียนยังได้นำความรู้ จริตมนุษย์ กามารมณ์ และสัจธรรม รวมถึงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่สามารถใช้ได้จริงๆมาบวกเข้ากับวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันให้คละเคล้ากันไป

ขอคาระวะอีกรอบกับการกล้าเขียนเรื่องปฏิวัติ ณ. เวลานี้ สะใจกับการที่ทหารชนะผู้ร้ายในนิยาย เพราะในความจริงดูข่าวสูญเสียครั้งใด พาให้นึกถึงครอบครัวผู้กล้าทุกครา

และก็แปลกใจเช่นกันว่าทำไมนิยายดีๆแบบนี้ถึงมีคนอ่านน้อยมากทั้งๆที่ควรเป็นนิยาย ที่ควรค่าแก่การบรรจุลงในหลักสูตรภาษาไทยของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเช่นวรรณคดีต่างๆ เลยทีเดียว เพราะนวนิยายเรื่องนี้เป็นทั้งวรรณกรรมเยาวชน วรรณกรรมเชิงปรัชญา วรรณคดีเชิงร้อยแก้ว รวมทั้งวิทยานิพนธ์ และกวีนิพนธ์ในเรื่องเดียวกัน เพราะการบรรยายของนักเขียน ไม่ได้มีแค่บรรยายเพื่อให้ความบันเทิงจากเรื่องตามจินตนาการเท่านั้น แต่ผู้ประพันธ์ ได้บรรยายให้รู้สึกประหนึ่งเหมือนว่าเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ เพราะว่าเราได้แสวงหาความรู้ไปกับตัวละครด้วย ตัวละครรู้สึกอะไรเราก็รู้สึกและสัมผัสด้วย ตัวละครศึกษาอะไรเราก็ได้ศึกษาในสิ่งที่ตัวละครศึกษาด้วยจริงๆ

นักเขียนมีความสามารถมากทั้งในเรื่องของการเรียบเรียงร้อยแก้วออกมา และในการแต่งบทประพันธ์ร้อยกรองออกมาใช้ในเนื้อหาในเรื่องก็ทำผลงานออกมาได้ดีมาก รวมทั้งเป็นคนที่มีภูมิปัญญาและวุฒิความรู้มากที่จะนำมาใช้ในการประพันธ์นิยายไม่ว่าจะเป็นในความรู้ในเรื่องทางการทูต ทางการทหาร ทางภาษา ทางวัฒนธรรม ประเพณี และประวัติศาสตร์ ชาติพันธ์

อีกทั้งตัวละครเองก็ยังมีเสน่ห์ และมีที่มาที่ไปละเอียดลออมาก ไม่ว่าจะเป็น ปภพ โชติกุล ตัวละครเอกของเรื่อง ที่ผู้เขียนให้การบรรยายเอาไว้ได้ละเอียดเสียจนนึกว่าเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงๆ เลยทีเดียว ดังข้อความบรรยายที่ดิฉันได้ขออนุญาติผู้แต่งมาในคำวิจารณ์นี้ ความว่า.....

ปภพ โชติกุล นายทหารอากาศผู้ไม่มีวันตาย อายุนับสองร้อยปี มีประสงค์อยู่เพื่อปกป้องประเทศ และรอคอยคนรักกลับมา

อุปนิสัย เจ้าระเบียบ มีความคิดของตัวเอง มีสภาวะความเป็นผู้นำสูงมากๆ แต่ไม่ชอบบังคับคน ไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่งกับตัวเองเพราะกูแน่... ประหนึ่งว่าหักได้ไม่ยอมงอกับเรื่องของระเบียบการทางหาร เป็นคนเด็ดเดี่ยวใจสู้ไม่เกรงกลัวต่อความชั่วร้ายที่กำลังจะทำร้ายตนเอง แต่อีกมุมมองหนึ่งเขาจะเป็นคนที่รักน้อง ครอบครัว และคนรอบข้างมาก

แม้จะไม่กลัวภัยร้ายที่จะทำลายตนเองก็ตาม แต่เขาจะกลัวตลอดเวลาถ้าเกิดมีภัยร้ายกำลังจะเกิดขึ้นกับคนที่เขารัก ยอมตายแทนคนอื่นได้แม้คนๆ นั้นจะไม่รู้จักกันมาก่อนเลย ถ้าเกิดคนๆ นั้นเป็นประชาชน และผู้บริสุทธิ์ ปภพก็ขอยอมพลีชีวิตถ้าเกิดจะให้คนๆ นั้นมีชีวิตรอดได้ หนักแน่นในหน้าที่การงาน แต่เวลาอยู่กับคนรักจะเป็นคนขี้เล่นสนุกสนาน และมีมุมหน้ารักเวลาอยู่กับสามี(ปภพเป็นเกย์)

และยังเป็นผู้มีวิชาอาคมขั้นสูง สามารถกตาภินิหารได้ และยังมีอิทธิฤทธิ์จากการฝึกกรรมฐานจนชำนาญ มีภพภูมิที่แท้จริงเป็นพรหม จึงมีผู้คนยำเกรง และยังทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของโลก และมีอำนาจอิทธิฤทธิ์ทรงพลัง แต่ต้องทรมานกับการรอคอยคนรัก ที่ไม่รู้เลยว่าจะได้พบกันอีกเมื่อใด

ลักษณะรูปร่างหน้าตา

น้ำหนัก 63

สูง 176

รอบอก 49' มีกล้ามเนื้อหน้าอกและซิกแพกแน่นนันต์ งามล้ำเลิศ เชิดปฐพี

รอบเอว ๓๔

ดวงตาแววเพชรแพรวพราวราวเทวะ สมชาติทหารไทยไร้หม่นหมอง

ไร้ยีนส์ด้อยไม่กร่อยกายละม้ายทอง ดวงหน้าผ่องผิวทองคมคล้ำสมชาย

จมูกโด่งสันคมพ่องามหล่อนัก มีรูปพักตร์ลักษณ์องอาจบาดแหลมหลาย

ปากกระจับกระชับไซร้เพชรพริ้งพราย โสภณกายเห็นแจ้งเด่นไม่เร้นคม

เกศาเส้นเช่นเทวา ดกดำหนาหน้าคมคาย

ใครเห็นเป็นละลาย อิจฉาชายนายคนดี

คางเรียวเพรียวลบเหลี่ยม หน้าใสเยี่ยมเปี่ยมราศรี

ผิวคล้ำแต่พอดี บารมีอร่ามตา

เนื้อมวลแกร่งแข็งแรง เห็นชัดแจ้งแหล่งมังสา

กล้ามทรงองค์ชายชา- ตรีค่าดั่งนพรัตน์พลอย

ปฏิบัติขจัดหนาม จิตใจทรามปรามไว้ก่อน

ธำรงอยู่คู่บวร รู้ถาวรในพระธรรม

สันดานปภพบา- รมีกล้าแกร่งแรงธรรม

คงฌานอยู่คู่กรรม ขอตรากตรำเพื่อคนไทย

มั่นคงตรงสัตย์ซื่อ ยึดถือคือรักยิ่งใหญ่

รักแท้นิรันดร์ใจ มิแปรไปจากใจตน

บุญเก่าเจ้าภพมี กรรมดีนี้มียุคล

แผ่นดินถิ่นชาติชน อยู่คู่ฟ้ามาพันปี

ภูมิแน่แท้คือพรหม แต่ยอมตรมขมชีวี

เพื่อสยามที่รักนี้ ภพยอมพลีชีวิตตาย

อำนาจจิตฤทธา สูงวิชาฤทธิ์มากมาย

พระเวทย์และญาณนาย คู่ดวงจิตนิตย์นิรันดร์

ใจรักและภักดี ในรักนี้ชั่วอานันท์

ใจภพดำรงมั่น ไม่ผันจากกฤตติวงศ์

ดิฉัน ศรีวรา จึงขอยกให้นวนิยายเรื่องรักอมฤตนี้ เป็น

“นวนิยายแฝงปรัชญาชาตินุรักษ์ ประชาศาสน์แห่งทศวรรษ ฉีกทุกกฎแห่งนวนิยายไทย เป็นได้ทั้งวรรณกรรม กวีนิพนธ์ และวรรณคดีเชิงสัจธรรม และคัมภีร์ทางศาสนาในเรื่องเดียวอย่างไม่อาจจะมีคำไหนเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว แล้วท่านล่ะ ได้เข้า ไปดำเนินชีวิต กับปภพ โชติกุล แล้วหรือยัง?

reviewer author
@Sriwara
17 ก.ค. 60 / 16:55 น.

0