Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ

โดย Chocolate Witch

เรื่องราวความ 'ฮา บ้า เพี้ยน' ของพนักงานปีศาจทั้งห้ากับคดี 'ปริศนา' ที่เกิดขึ้นในเมืองกำลังรอให้คุณได้สัมผัสไปพร้อมกับพนักงานน้องใหม่ของร้านนามว่า 'เซซิล' [update: ประกาศหยุดเขียน]

อ่านนิยาย

รีวิวจากนักอ่าน

รีวิว

"แฟนตาซีอัดแน่นความลับของพนักงานหลากหลายเผ่าพันธุ์ที่คุณไม่ควรพลาด!

รีวิวถึงลำดับตอนที่ 28

เยี่ยมมาก

1. โครงเรื่อง : ยอมรับโดยไร้ซึ่งข้อโต้แย้งใดๆเลยค่ะ ว่าคุณตั้งชื่อเรื่องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้น่าสนใจและชวนสงสัยมากๆ 'Evil Demon Café พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ' ชักอยากรู้แล้วสิว่าเหล่าปีศาจผู้แสนชั่วร้าย (แต่อาจจะนิสัยดีก็ได้ใครจะไปรู้) จะเปิดร้านขายอะไรกัน สำหรับงานบริการที่สุดแสนละเอียดอ่อนนี้ พวกเขาจะทำให้ลูกค้าประทับใจหรือทำให้ลูกค้าตื่นกลัวกันแน่? นักอ่านทั้งหลายคงต้องตามไปลุ้นกันเองแล้วล่ะ

                พอได้อ่านการเกริ่นนำยิ่งทำให้เราประหลาดใจสุดๆ เฮ้ย! นี่พวกเขากำลังขายขนมหวานให้มนุษย์หรือว่าปีศาจด้วยกันอยู่ล่ะเนี่ย มีการใส่เลือดด้วยล่ะ แบบนี้มนุษย์หน้าไหนจะกล้ากิน แต่ถ้าเป็นปีศาจด้วยกันก็ว่าไปอย่าง  ส่วนคำโปรยที่ลงไว้ไนข้อมูลเบื้องต้นก็ดึงความสนใจนักอ่านให้สงสัยใคร่รู้กับเรื่องง่ายๆ ที่นำมาซึ่งความวุ่นวายต่อชีวิตการหนีออกจากบ้านของตัวเอก นามว่า 'เซซิล' ด้วยสิ่งที่เรียกว่า... น้ำเพียงแก้วเดียว หนำซ้ำเมืองที่เขาเร่ร่อนมาอยู่ยังเกิดคดีประหลาดที่ไม่อาจหาคำตอบได้ว่าใครเป็นผู้กระทำ ความวุ่นวายและอันตรายรอบด้านต่างถาโถมเข้ามาทันทีที่เขาเหยียบย่างเข้ามา ณ สถานที่แห่งนี้ แล้วแบบนี้เขาควรจะเร่ร่อนไปเมืองอื่นที่ดีกว่า หรือลงหลักปักฐานที่เมืองแห่งนี้เพราะถูกใจอะไรบางอย่างดีล่ะ?

                และแล้วเราก็อ่านนิยายของคุณตั้งแต่บทนำจนกระทั่งบทส่งท้ายเสร็จสิ้น ซึ่งเรียกได้ว่าน่าลุ้น และชวนสงสัยใคร่รู้ในความลึกลับซับซ้อนของพระเอกรวมถึงเหล่าตัวเอกทั้งห้าอยู่ตลอดเวลา จากชื่อเรื่องและชื่อภาค (บุรุษลึกลับกับคาเฟ่ปีศาจ) ที่สื่ออกมา นักอ่านทั้งหลายอาจรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้ชวนเครียดเกินไปหรือเปล่า บรรยากาศที่สื่อออกมาชวนอึกอัดและมัวหมองแน่ๆ คุณคิดผิดอย่างแรง! เพราะถ้าลองได้อ่านจริงๆแล้วนักอ่านจะเข้าใจตรงกันว่าจริงๆแล้วภาคนี้ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ความตึงเครียดได้มากทีเดียว แถมบรรยากาศของเหตุการณ์สถานที่ก็ออกแนวสดใสสบายๆไม่ใช่เล่นอีกต่างหาก สังเกตได้จากการที่นักเขียนผสมผสานความสนุกสนานเฮฮา บ้า รั่ว เข้าไปในบุคลิกของเหล่าตัวเอกตามแต่สถานการณ์ต่างๆที่เอื้ออำนวย ว่าบทรั่วๆนั้นควรจะส่งให้ใครจึงจะเหมาะสม ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการส่งบทดังกล่าวก็สามารถผลักดันให้นักอ่าน(อย่างเรา)มีอารมณ์ร่วม(ฮา)ตามได้ไม่ยาก ไหนจะเรื่องโกลาหลที่เกิดขึ้นภายในร้าน ซึ่งมีที่มาจากเรื่องการล้างจานเล็กๆแต่กลับกลายเป็นความวุ่นวายขนาดใหญ่ ไหนจะเรื่องความวุ่นว่ายภายนอกร้าน ซึ่งเกิดจากบางสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ส่งผลให้ตัวละครทั้งหมดที่เคยสิงสถิตอยู่แต่ในร้านขนมหวานเพียงอย่างเดียวได้ออกไปโลดแล่นภายนอกร้านบ้าง ก่อเกิดเป็นเรื่องราวหลากหลายรสชาติ ทั้งโหด มัน ฮา ท้าทาย รวมถึงไหวพริบ และการต่อสู้สุดแสนดุเดือดจนกระทั่งจบภาคหนึ่ง บอกได้คำเดียวว่าอย่างกลั้นหายใจอ่าน (เอ๊ะ! ยังไง) เด็ดขาด

2. ตัวละคร : ถ้าพูดถึงตัวเอกทั้งห้าในร้านขนมหวาน บอกได้คำเดียวว่าคุณสามารถเขียนบรรยายลักษณะนิสัยของทั้งหมดออกมาได้เป็นอย่างดีและมีมิติ ไม่ว่าจะเป็น

มิเนอร์วา แม่มดผู้จัดการร้านจอมงก และจอมโวยวาย ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เธอก็รักและห่วงใยพวกพ้องมากกว่าตัวเอง นอกจากนี้เธอยังดำรงตำแหน่งเป็นแม่ครัวประจำร้าน ทั้งๆที่ฝีมือการทำอาหาร(ห่วยแตก)เข้าขั้นตกเหว แต่เพราะมีเวทมนตร์ดลบันดาลได้แทบทุกสิ่ง ส่งผลให้รสชาติของหวานเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นสวรรค์วิมานกันเลยทีเดียว

เอส ผีหัวขาดวัยละอ่อนจอมซุ่มซ่าม ดำรงตำแหน่งเด็กเสิร์ฟประจำร้าน นอกจากจะทำข้าวของภายในร้านเสียหายอยู่บ่อยๆแล้ว ยังชอบทำหัวตัวเองหลุดออกจากบ่าอีกต่างหาก ภายนอกที่ใครๆเห็นว่าเป็นเด็กน้อยน่ารัก แววตาใสซื่อ แท้จริงแล้วเขามีความคิดความอ่านสุดแสนแยบยลเกินกว่าวัยและใบหน้า เล่นเอาคนรอบข้างหลายๆคนตามแทบไม่ทันเลยล่ะ

วิกเตอร์ แวมไพร์ผู้รั้งตำแหน่งเด็กล้างจานประจำร้าน ชายหนุ่มขยาดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิง (เพราะความโหดร้ายอันหาที่สิ้นสุดไม่ได้ของพวกหล่อน) กลัวแสง ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่เราไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้ จริงๆแล้ว อ่อนโยนใจดี ขี้เล่น หรือหยิ่งทะนง กันแน่ นั่นเพราะภาคนี้เขาค่อนข้างมีบทบาทน้อย และมีบางอย่างแฝงอยู่ จึงไม่สามารถเข้าใจความเป็นตัวตนหรือลักษณะนิสัยโดยแท้จริงของแวมไพร์ผู้นี้ได้เท่าที่ควร

อากิระ ภูติหิมะหนุ่มหน้าหวานดำรงตำแหน่งแคชเชียร์ และบริการเครื่องดื่มหลากรสหลายรูปแบบประจำร้าน ชายหนุ่มชื่นชอบความงามของสตรี เกลียดคนเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง แต่ชุดประจำเผ่าที่เขาชอบใส่ดูๆไปไม่ต่างจากเสื้อผ้าของมนุษย์ผู้หญิงสักเท่าไหร่  

ยูชัว มัมมี่หนุ่มผู้เงียบขรึมหรือซื่อบื้ก็ไม่แน่ใจ รับหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับประจำร้าน มัมมี่ผู้นี้เงียบจริงๆ เงียบชนิดที่ว่า คนอ่านอย่างเราเกิดคำถามขึ้นมาทุกครั้งที่อ่านเจอเขาคนนี้ จริงๆแล้วเขาพูดได้แต่ไม่ยอมพูด (และใช้สีหน้าท่าทางรวมถึงความสามารถพิเศษที่ใครก็ลอกเลียบแบบไม่ได้สื่อสารแทน) หรือเขาเป็นใบ้กันแน่ ก็คงต้องสงสัยกันต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องสงสัยคือ ความรอบรู้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ของร้านก็มิปาน

                แต่พอพูดถึงพระเอกของภาค1หรือของเรื่องนี้นามว่า เซซิล พนักงานใหม่ประจำร้านผู้รั้งตำแหน่งเด็กเสิร์ฟมือวางอันดับสองแล้ว ลักษณะท่าทางและนิสัยใจคอของเขา ในความรู้สึกของเรา เราคิดว่าผู้ชายคนนี้ยังไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่ จะว่าสงบนิ่งหรือก็ไม่ใช่ จะว่าอ่อนโยนใจดีหรือก็ไม่เชิง สภาพจิตใจและสภาพอารมณ์ยังสองแง่สองง่ามอยู่ อาจเป็นเพราะความลับมากมายที่เขาซุกซ่อนไว้ ส่งผลให้ตัวเขาเองยังไม่สามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้เท่าที่ควร แต่สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้และคิดว่าน่าจะใช่เขามากที่สุด นั่นคือ นิสัยสอดรู้สอดเห็น เฮ้ย! เราหมายถึงนิสัยอย่างรู้อยากเห็นน่ะ เขามักจะกระตือรือร้นกับสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอๆ

3. การใช้ภาษา : อ่านบทนำไปได้สองย่อหน้า เราก็คิดไปไกลว่าเรื่องนี้คงจะใช้การบรรยายโดยบุรุษที่สาม พอเจอคำว่า 'ผม' เท่านั้นแหล่ะ เล่นเอาเรานิ่งค้างไปครึ่งวิ เฮ้ย! เรื่องนี้ใช้บุรุษที่หนึ่งหรอกหรือ จริงๆแล้วจะบรรยายด้วยบุรุษไหนก็ไม่สำคัญหรอก เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือสำนวนภาษาที่คุณใช้ และลักษณะการบรรยายที่คุณสื่อผ่านตัวละครหรือเหตุการณ์สถานที่ต่างๆ มันช่างสละสวย สบายๆกับประโยคหรือถ้อยคำที่อ่านเข้าใจง่าย ลื่นไหล ไม่สะดุด ไม่ยืดเยื้อ ชวนติดตาม สามารถอ่านได้เรื่อยๆ ไม่รู้จักเบื่อ นั่นเพราะคุณมีการทิ้งปมความสงสัยมากมายลงไปแทบจะทุกตอน ไม่ว่าจะเป็น เหตุผลที่พระเอกหนีออกจากบ้าน ทำไมพระเอกไม่พกเสื้อผ้ามาด้วยเยอะๆ แต่กลับเลือกที่จะขนอาวุธสารพัดชนิดมาแทน เหตุใดร้านขนมหวานที่ตัวเอกตกกระไดพลอยโจรเข้ามาทำงานถึงได้มีแต่ปีศาจ ตัวเอกทั้งห้าเป็นแค่พนักงานร้านขนมหวานจริงหรือ คดีปริศนาที่เกริ่นไว้ตอนต้นเกิดจากฝีมือใคร และสิ่งที่นักอ่านสงสัยสุดๆคงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า ตกลงแล้วพระเอกของเรื่องเป็นใคร และเป็นปีศาจเผ่าพันธุ์ไหนกันแน่ คำถามเหล่านี้หลอกล่อความสงสัยใคร่รู้ของเหล่านักอ่านให้พากันจดจ่อรออ่านตอนต่อไปอย่างไม่มีเงื่อนไข

ต่อมาในบทที่14 ก็ดำเนินเรื่องโดยการใช้บุรุษที่สามเข้ามาร่วมในการบรรยาย นั่นเพราะตัวละครสำคัญบางส่วน อยู่เหนือการควบคุมของพระเอก จึงจำเป็นต้องใช้บุรุษที่สามเข้ามาช่วย ซึ่งการบรรยายก็ทำได้ดีไม่มีที่ติเช่นเดียวกัน ที่สำคัญนักอ่านยังสามารถมองเห็นภาพตามได้กว้างมากยิ่งขึ้นไปอีกแทนที่จะเป็นการรับรู้จากคำบอกเล่าของตัวเอกฝ่ายเดียว การดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ของคุณจะอาศัยตัวละครเป็นสื่อให้เขาและเธอต้องออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆแล้วก่อเกิดเป็นเรื่องราวซึ่งตั้งอยู่บนเหตุการณ์ โดยเฉพาะการต่อสู้อันสมจริง ดุเดือด และเข้มข้น ซึ่งมีการจัดวางลำดับก่อนหลังเอาไว้เป็นอย่างดี อ่านแล้วจึงไม่รู้สึกงง หรือคิดว่าเรื่องราวที่คุณสื่ออกมาไม่ปะติดปะต่อ ตรงกันข้าม มันสอดคล้องและดำเนินไปในทิศทางเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด สรุปแล้วนักอ่านยิ่งอยากอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆ

ไม่ขอพูดถึงเรื่องคำผิด เพราะดูท่าแล้วคุณน่าจะตรวจทานเป็นอย่างดี อาจมีคำตกหล่นบ้างก็แค่นิดหน่อย นิดหน่อยเท่านั้น ขอเอ่ยถึงสิ่งที่เราสงสัยดีกว่า...

บทนำ เกี่ยวกับแว่นของหนุ่มมัมมี่ เราเห็นคุณหนึ่งบรรยายว่าแว่นไร้กรอบ (หมายถึงรอบนอกของตัวแว่น เมื่อมองแล้วก็จะเห็นว่าแว่นไม่มีโครงน่ะนะ) แปลกๆเหมือนกันแฮ่ะ หรือคุณหนึ่งหมายถึงเลนส์แว่นรึเปล่า ถ้าใช่ แนะนำแก้ไขสักนิด บทที่1 โบกมือไล่ให้รีบไป???ลูกค้าฯ บทที่5 ผมเคยได้ยินมาเรื่องแบบนี้มาก่อนจริงๆ รบกวนเรียบเรียงใหม่ด้วยค่ะ อ่านแล้วงง / ฮอรัส เปลี่ยนเป็น ยูชัว แล้วไม่ใช่เหรอ ในบทนี้ยังมีชื่อเก่าให้เห็นอยู่นะ

ข้อเสียของการเขียนด้วยบุรุษที่1 เวลาที่คุณทิ้งประเด็นหรืออากัปกิริยาบางอย่างของบุคคลอื่นหรือบุคคลภายนอก โดยใช้ประโยคที่ว่า... โดยไม่รู้เลยว่าฯ เพื่อสื่อให้คนอ่านทราบว่ามีคนกำลังลอบสักเกตพฤติกรรมพระเอกอยู่โดยที่พระเอกไม่รู้ตัว หรือสายตาคนอื่นที่จ้องมองมามีปฏิกิริยาเปลี่ยนไปจากเดิมโดยที่พระเอกไม่ทันสังเกตเห็น แม้นักอ่านจะเข้าใจและเชื่อตามสิ่งที่คุณสื่อว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เราก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าพระเอกรู้ทุกอย่างหรือรู้ทุกความเคลื่อนไหวของบุคคลอื่นๆ รวมถึงสายตาที่จับจ้องมา ส่งผลให้ความสมจริงของฉากตอนนั้นๆลดน้อยลงไปพอสมควร พอๆกับความรู้สึกที่ควรจะคล้อยตามมันก็หดหายไปด้วย (ในความคิดเรานะ-O-;) จะดีกว่าไหมหากคุณจะใช้บุรุษที่สามเข้ามาแทรกแทนในกรณีที่คุณต้องการสื่อให้นักอ่านทราบแต่ตัวเอกไม่มีโอกาสรู้ 

จะว่าไปแล้วนิยายเรื่องนี้มีความแปลกและแตกต่างไปจากนิยายเรื่องอื่นๆที่เราเคยได้อ่านอยู่มากมายเหลือเกิน เอาแค่ว่าขนาดชื่อเรื่องอย่างเดียวยังแหวกและกระแทกตาจนต้องหยุดอ่านกันเลยทีเดียว ไหนจะเรื่องราวเกี่ยวกับการค้าเสรีที่เรียกว่าการค้ามนุษย์(ค้ามนุษย์จริงๆนะ)ก็คงไม่ผิด ปีศาจสิงปีศาจ(ไม่ขอระบุนะว่าใครถูกสิง)ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ แต่คุณหนึ่งก็ทำให้มันเป็นไปได้จนได้สิน่า สารภาพตรงๆ แม้จะอ่านจบจนกระทั่งมานั่งวิจารณ์เราก็ยังไม่อาจเชื่อสนิทใจได้อยู่ดีว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับปีศาจได้ (แหะๆๆ)

4. แก่นเรื่อง : หลังจากอ่านเนื้อเรื่องตั้งแต่บทนำจนกระทั่งบทส่งท้าย ซึ่งถือว่าจบภาคแรกของเรื่อง เราก็พอสรุปที่มาที่ไปและใจความสำคัญของแก่นเรื่องได้คร่าว หากพูดถึงองค์ประกอบหลักของเรื่องที่กล่าวว่า 'พนักงานร้านนี้มีแต่ปีศาจ' ก็คงจะกล่าวถึงตัวเอกทั้ง5 อันประกอบด้วย มิเนอร์วา, เอส, วิกเตอร์, อากิระ และ ยูชัว ดูเผินๆทั้งหมดถือเป็นพียงพนักงานธรรมดา แต่มีความลับมากมายที่ไม่ธรรมดา ความลัพธ์ที่ว่าอย่างแรกนั่นคือ พวกเขาเป็นปีศาจ เหตุผลที่เหล่าปีศาจต้องเปิดร้านขนมหวานนั่นเพราะเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยมนุษย์ซะส่วนใหญ่ และพวกเขาอยู่ว่างๆมากเกินไปจึงต้องหาอะไรทำแก้เซ็ง หนำซ้ำการเปิดกิจการครั้งนี้ยังสร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ พอๆกับความเจริญรุ่งเรืองของกิจการที่นับวันจะมีลูกค้าทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่แวะเวียนมาลิ้มรสกันอย่างไม่ขาดสาย ส่วนจุดประสงค์หลักที่ทำให้ทั้งห้าต้องมารวมตัวกัน ณ สถานที่แห่งนี้ คงต้องให้นักอ่านติดตามอ่านกันเอง

                คราวนี้มาพูดถึงแก่นเรื่องของภาค1 ที่กล่าวถึง บุรุษลึกลับกับคาเฟ่ปีศาจ กันดีกว่า บุรุษลึกลับนามว่า เซซิล มีเหตุให้ต้องหนีออกจากบ้าน เพื่อตามหาบางสิ่งบางอย่าง เพราะการพักดื่มน้ำเพียงแก้วเดียวเป็นเหตุให้การเดินทางของเขาสิ้นสุดลง ณ เมืองแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยมนุษย์ และมีปีศาจบ้างประปราย ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร และจุดหมายปลายทางคือที่ไหนกันแน่ แต่ที่แน่ๆเขาดันกลายมาเป็นพนักงานของร้านขนมหวานโดยไม่ทันตั้งตัว หนำซ้ำร้านดังกล่าวยังมีแต่พนักงานที่เป็นปีศาจทั้งสิ้น เรื่องวุ่นวายระหว่างเขากับเหล่าพนักงานในร้านขนมหวานค่อยๆเริ่มต้นขึ้น พร้อมๆกับความลับของเขาที่กำลังจะถูกเปิดเผย

สารภาพตรงๆ ขนาดเราอ่านงานเขียนของคุณจนกระทั่งจบภาค1 (บุรุษลึกลับกับคาเฟ่ปีศาจ) ไปเรียบร้อยแล้ว เราก็ยังไม่หมดสิ้นความสงสัยในตัวพระเอก และคิดว่านักอ่านท่านอื่นๆคงคิดไม่ต่างกัน (สื่อได้ชัดแจ้งว่าคุณหนึ่งสามารถสร้างความซับซ้อนซ่อนเงื่อนผ่านตัวละครตลอดจนใส่ปมปริศนาในเนื้อหานิยายได้อย่างแยบยล) ถ้าถามว่าพระเอกเป็นใครนักอ่านทั้งหลายคนได้คำตอบจากการอ่านตอนจบของภาคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าจะถามว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคืออะไร? มีส่วนเกี่ยวข้องหรือต้องมาข้องเกี่ยวกับตัวเอกทั้งห้าอีกครั้งด้วยเหตุอันใด?! จากบุคคลอันตรายจะกลับกลายมาเป็นความหวังของผู้คนนับไม่ถ้วนได้อย่างไร?!! สำหรับความสงสัยไม่มีที่สิ้นสุดนี้ คงต้องให้นักอ่านติดตามและร่วมค้นหาคำตอบเหล่านั้นกันในภาคต่อๆไปแล้วล่ะ

 

0