คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : เครื่องสำอางจากเปลือกเงาะ
นักวิจัยค้นพบเปลือกเงาะมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระตัวต้นเหตุความแก่ชรา เดินหน้าพัฒนาเทคนิคสกัดสารให้บริสุทธิ์ป้อนโรงงานเครื่องสำอาง ฝีมือครั้งนี้เป็นของ รศ.ดร.ศิริพร โอโกโนกิ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของงานวิจัยเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระจากสมุนไพรไทย เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ในการสกัดสารอนุมูลอิสระจากเปลือกผลไม้ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) เปิดเผยว่า จากการศึกษาในเบื้องต้นพบเปลือกเงาะมีสารสำคัญซึ่งมีสรรพคุณในการต้านอนุมูลอิสระสูงสุด และมีพิษต่อเซลล์ร่างกายน้อยมากเมื่อเทียบกับเปลือกผลไม้ชนิดอื่นๆ "สาเหตุที่เลือกทำวิจัยกับเปลือกผลไม้ เพราะต้องการแก้ปัญหาขยะล้นเมืองซึ่งทางแก้ส่วนใหญ่ในขณะนี้มักจะนำไปทำปุ๋ยหมัก แต่เราคิดว่าน่าจะสามารถสกัดสารจากเปลือกผลไม้มาใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ จึงทดลองศึกษาในเปลือกผลไม้หลายชนิดที่มีการบริโภคมากที่สุดได้แก่ มะพร้าว มังคุด แก้วมังกร ลองกอง กล้วยน้ำว้า เงาะ เสาวรส และทับทิม" หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว สารสำคัญที่นักวิจัยพบในเปลือกผลไม้เป็นสารประกอบในกลุ่มโพลีฟีโนลิก (polyphenolic) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยป้องกันการสะสมสารอนุมูลอิสระโดยหากร่างกายมีการสะสมสารอนุมูลอิสระมากเกินไป ก็จะก่อให้เกิดภาวะแก่ก่อนวัย หรือบางรายร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งได้ เนื่องจากสารอนุมูลอิสระเมื่อไปจับกับเซลล์ชนิดอื่นๆ ในร่างกายก็จะทำลายเซลล์นั้นๆ หรือเกิดภาวะการแบ่งตัวมากผิดปกติ เช่น หากไปจับกับเซลล์โปรตีนหรือคอลลาเจนที่ผิวหนัง ก็จะเกิดการแบ่งเซลล์มากผิดปกติ จนทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เป็นต้น ในการวิจัยพบว่าสารสกัดจากเปลือกผลไม้แต่ละชนิดมีฤทธิ์ในการต้านสารอนุมูลอิสระแตกต่างกัน โดยเปลือกมังคุด เปลือกทับทิม และเปลือกเงาะ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด และผลจากการตรวจสอบในขั้นต้นพบว่าสารอนุมูลอิสระที่พบในเปลือกผลไม้ทั้ง 3 ชนิด นั้นอยู่ในกลุ่มโพลีฟีโนลิก แต่เมื่อนำมาทดสอบความเป็นพิษกับเซลล์เม็ดเลือดขาวปกติในหลอดทดลอง พบว่าเปลือกมังคุดมีสารที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ปกติอยู่มาก ส่วนเปลือกทับทิมจะมีสารที่เป็นอันตรายรองลงมา และเปลือกเงาะพบสารที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ปกติน้อยมาก ทั้งนี้ การที่เปลือกมังคุดมีสารที่เป็นพิษอยู่มากอาจเพราะตัวทำละลายเอทานอลได้สกัดเอาสารส่วนอื่นๆ ซึ่งไม่ต้องการออกมาด้วย ดังนั้น ทีมวิจัยจึงกำลังพัฒนากระบวนการสกัดเพื่อให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระที่บริสุทธิ์มากขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนตัวทำละลาย และเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดและคัดแยก คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2549 "ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการวิจัยเบื้องต้น ยังไม่เสร็จทั้งโครงการ แต่เชื่อได้ว่าสามารถใช้สารตัวนี้ทดแทนสารนำเข้าได้ เพราะสารที่มีฤทธิ์เหมือนกันนี้น้ำหนักเพียง 1 มิลลิกรัม มีราคาเกือบหมื่นบาท ขณะที่วัตถุดิบเปลือกเงาะของเราได้มาฟรีๆ เป็นขยะที่ไม่มีใครต้องการแล้ว" รศ.ดร.ศิริพรกล่าว |
เมื่อวันที่ 2006-07-04 โดย designcolumn |
ที่มา http://www.pookpun.com/phpfile/showsearch.php?bkid=18&groupb=3
ความคิดเห็น