หน้าที่ 1
 
ใครแต่ง : inthedarkz
9 ม.ค. 56
60 %
14 Votes  
#1 REVIEW
 
เห็นด้วย
6
จาก 6 คน 
 
 
ชอบฉากในกอนดอม

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 23 พ.ย. 55
ขอติก่อน เป็นความรู้สึกส่วนตัว มีหลายๆอย่างที่สะกิดใจครับ ตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว นึกถึง Diablo ทุกทีเลย ชื่อตัวละครบางตัวก็คุ้นหูมากๆ คือมันเป็นชื่อที่ไพเราะ จำง่าย แต่ก็ให้คุ้นหูจริงๆ



โดยธีมเรื่องน่าจะแฟนตาซีมากๆ ก็เลยรู้สึกขัดใจที่ดินแดนแอสทราศิวิไลซ์เกิน โดยเฉพาะในเมืองเมโทรโปลิส(แปลว่าเมืองหลวงใช่ไหม) บรรยากาศห้องเช่าของกีสก็เหมือนตรอกเล็กๆในนิวยอร์ค หนำซ้ำยังมีโทรทัศน์(มีรีโมทด้วย) มีมือถือ ผมก็เลยจินตนาการไปว่าผู้คนคงจะมีวิถีชีวิตเหมือนนิวยอร์คในปัจจุบัน ซึ่งอารมณ์มันขัดกันมากกับการมีอยู่ของ ดิออร์เดอร์ฯและการปรากฏตัวของอสูรกาย อ่านฉากเปิดเรื่องแล้วนึกถึง Devil may cry แต่พอไปอ่านฉากกอนดอมหรือเรื่องของเฮคทรอส ทำให้นึกถึงเกมแนว RPG อย่าง Final Fantasy



อีกอย่างที่ขัดใจคือบทสนทนาของเหล่าอัศวินหรือผู้คนในแอสทรา มันเป็นวิถีชีวิตที่ใกล้เคียงปัจจุบันมากจริงๆ ต่างจากพวกกอมดอมที่จะสนทนากันด้วยคำสวยและภาษาโบราณ อาจเป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่จะสร้างความแตกต่างทางด้านอารายะ ให้แอสทราเต็มไปด้วยวิทยาการ และให้กอนดอมเป็นโลกโบราณ แต่หากเป็นอย่างนั้น เหล่าดิออร์เดอร์น่าจะใช้อาวุธที่ทันสมัยหรือล้ำยุคอลังการงานสร้างกว่านี้ แค่ดาบกับปืนตาข่ายมันทำให้รู้สึกขัดใจ ไม่มั่นใจว่าจะเก่งจริงรึเปล่า ยิ่งตอนที่กีสโดนล้อมแล้วหยิบมือถือขึ้นมาจะโทรเรียกเพื่อน มันทำให้ผมหมดอารมณ์สนุกเลย ฮาๆ คือภาพแฟนตาซีอันบรรเจิดมันดับหายไปทันที



เห็นบอกว่าแอสทราไม่รู้เรื่องการมีอยู่จริงของกอนดอม แล้วพวกเขาเคยสงสัยไหมว่าเหล่าอสูรกายมาจากไหน เสียงร่ำลือเล่าอ้างเป็นยังไง ทั้งหมดนี้ก็เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ติติงไปแล้ว ก็อยู่ที่วิจารณญาณของผู้เขียน ทีนี้ก็ขอชื่นชมบ้าง



เห็นภาพชัดเจนมากโดยเฉพาะการปรากฏตัวของฟาร์เนียร์กับภาพนิมิตของวิหารอาเดียร์ รวมทั้งตอนที่เฮคทรอสเรียกให้วาลเกียปรากฏตัวขึ้นมา อยากจะบอกว่าผู้เขียนทำได้ดีมากในการเขียนด้านแฟนตาซี ผมจึงคาดหวังอยากให้เรื่องนี้เปลี่ยนธีมมาเป็นแฟนตาซีเต็มตัว จะได้อรรถรสมาก ฉากแอ๊คชั่นก็ทำได้ดี เร้าใจและเห็นภาพชัดพอสมควรเลย



ตอนนี้ปมที่น่าติตดามที่สุดน่าจะเป็นความลับของเฮคทรอส ไม่รู้สินะ ปมใหญ่อาจจะเป็นเรื่องการขโมยวิญญาณบรรพกาล แต่ผมกลับชอบปมปริศนาในตัวเฮคทรอสมากกว่า เป็นจ้าวอสูรแห่งกอนดอม ควบคุมพลังมืดมิด แต่กลับปลอมตัวเป็นชาวแอสทราในฐานะอัศวินชุดขาว น่าสนใจมาก อยากรู้ว่าเขามีประสงค์อะไร และในบรรดาคาแร็คเตอร์ของตัวละครทั้งหมด ผมชื่นชอบเฮคทรอส(ในร่างกีสด้วย) และอยากเห็นบทของวาลเกียกับฟาร์เนียร์อีก(ผมชอบแฟนตาซี ก็เลยชอบพวกอสูร ฮาๆ)



ส่วนเรื่องสำนวนหรือคำผิด เป็นหน้าที่ผู้เขียน คงได้ขัดเกลาอีกตอนรีไรท์นะครับ :)



     
 
ชื่อเรื่อง :  Throne of Unicia
ใครแต่ง : SCORPIO KID.
17 ก.ค. 55
80 %
2 Votes  
#2 REVIEW
 
เห็นด้วย
4
จาก 4 คน 
 
 
คาแร็คเตอร์โดนใจมาก

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 24 พ.ย. 55
ความเห็นส่วนตัวนะครับ



จากที่อ่านมาทั้งหมด มีบางจุดที่รู้สึกสะดุด ผมว่าอายุของไอซ่าน้อยไปหน่อยนะ ห้าขวบดูเป็นเด็กเล็กมาก ไม่ใช่แค่แรงกาย แต่วุฒิภาวะทางความคิดยังเด็กมากๆ ไม่เคยเจอโลกกว้างด้วย แต่ทำงานบ้านได้ทุกอย่าง(หมักเนื้อได้อีก) ที่สะดุดมากๆคือเธอผ่าฟืนมาตั้งแต่สองสามปีก่อน(เสียงผ่าฟืนเป็นเสียงที่เธอคุ้นชินมาสองสามปีแล้ว) นั่นหมายความว่าเธอเริ่มผ่าฟืนตั้งแต่อายุ2-3ขวบ... ผมว่าเด็กเกินไปนะครับ อายุแค่นี้บางคนยังเดินไม่แข็งด้วยซ้ำ(อาจจะยังพูดไม่ชัดด้วย) สมมติว่าพ่อของเธอบีบคั้นจริงๆ แต่ด้วยวุฒิภาวะของเด็กจะไม่เข้าใจในคำสอนหรือคำสั่ง



ลองขยับอายุขึ้นมาอีกสักนิด อาจจะสัก7-8ขวบ ก็ยังดูไร้เดียงสาน่ารักครับ



ตอนที่ไอซ่าถูกอัศวินพาตัวไปห้องซ้อม มันขัดๆครับ เพียงเพราะเห็นเด็กยกถังน้ำได้แล้วจับไปเป็นเครื่องมือพนัน รับแรงหวดขวานไม้จากอัศวินร่างยักษ์ เหตุผลยังไม่หนักแน่นพอ เพราะถังน้ำกับแรงหวดขวาน มันคนละเรื่องกันเลย



อีกจุดหนึ่งที่สะดุดคือกอร์ดอนถูกพิษงู อัศวินที่หิ้วร่างกอร์ดอนมาส่งห้องพยาบาล บอกปัดแล้วรีบหนีจากไปไม่ช่วยยกน้ำเพราะกลัวการสัมผัสพิษงู (แต่กลับหิ้วร่างมาจนถึงห้องพยาบาล...) ก็เลยกลายเป็นไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่



จุดสุดท้ายที่สะดุดคือคำสองสามคำ กิลด์,เควสท์,ตุ๊ด สองคำแรกเป็นคำที่คนเล่นเกมรู้จักเป็นอย่างดี แต่ถ้าไม่เคยเล่นเกมแนวRPGหรือMMORPG คงจะงงและคิดว่าเป็นศัพท์ใหม่ ผมสะดุดเพราะว่าธีมเรื่องแฟนตาซีมาก มีการร่ายมนตร์ มีอัศวิน มีนักผจญภัย ช่วงที่เอ็กไซล์พาสำรวจทั่วตึกกิลด์วาลฮาลล่า ทำให้รู้สึกเหมือนอ่านนิยายเกมเลย ส่วนคำว่าตุ๊ด ผมว่าไม่ค่อยเหมาะกับธีมแฟนตาซี ถ้าสบประมาทด้วยการไล่ให้ไปสวมชุดกระโปรง อันนี้เข้าท่า แต่สบประมาทด้วยคำว่าตุ๊ด มันทำให้นักผจญภัยอย่างเอ็กไซล์กลายเป็นนักเรียนอาชีวะในพริบตาเดียว



ก็เป็นความรู้สึกสะดุดส่วนตัวของผมนะครับ สุดแล้วแต่วิจารณญาณของผู้เขียน



ทีนี้มาชื่นชมกันบ้าง บอกตามตรงว่าผมรักเด็ก ฮาๆ ชอบคาแร็คเตอร์ของไอซ่ามาก อยากมีลูกสาว เอ๊ย น้องสาวแบบนี้ น่ารักมาก ไร้เดียงสา หัวไว ผู้เขียนถ่ายทอดความเป็นไอซ่าได้แจ่มชัดมาก ชื่นชมจริงๆ รู้สึกรักและเอ็นดูเด็กน้อย ผมยังชอบคาแร็คเตอร์ของเอ็กไซล์ โคตรเท่ ปกติไม่ค่อยชมคาแร็คเตอร์พระเอกนะ แต่ต้องยอมรับว่าผู้เขียนถ่ายทอดเอ็กไซล์ได้เท่ระเบิดระเบ้อมาก เจ้าสำราญ รักการผจญภัย แถมยังรักเด็กอีก ชายในอุดมคติของสาวๆเลยนะนั่น



คาแร็คเตอร์ตัวละครอีกหลายตัวก็ค่อนข้างชัดเจนและชวนยิ้ม อย่างฮิลดากับเฟรย์ ท่าทางจะงามทั้งคู่แต่ผู้เขียนก็เก่งมากที่ทำให้ผมเห็นความแตกต่างของทั้งสอง (นางพยาบาลกับอัศวินหญิง) ไฮม์ดัลกับอูลล์ก็มีคาแร็คเตอร์ที่น่าสนใจมาก ชอบการทดสอบของอูลล์ กำลังคิดอยู่ว่าผู้เขียนจะลงเอยการทดสอบของอูลล์ยังไง ชื่นชมจริงๆว่าลงเอยได้แนบเนียนมาก สอนใจผมไปด้วย



อยากให้คงความเป็นแฟนตาซีเอาไว้ รู้สึว่าแก่นเรื่องกลวงไปนิด เพราะชื่อเรื่องแปลว่า บัลลังก์แห่งยูนีเซีย แต่ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกี่ยวกับวงศ์ๆวังๆ แต่มันเพิ่งไม่กี่ตอนนี่เนาะ ไว้จะรออ่านบทต่อๆไป สาเหตุที่อยากให้คงความเป็นโลกแฟนตาซีเอาไว้เพราะไม่อยากให้มีแนวคิดเรื่องนิยายเกมเข้ามาแทรก



นิยายเรื่องนี้อาจเป็นแฟนตาซีที่งดงามอีกเรื่องหนึ่ง ผู้เขียนทำให้ผมหลงเสน่ห์ไอซ่ากับเอ็กไซล์ ผมจึงอยากเห็นทั้งคู่มีชีวิตในโลกแฟนตาซีจริงๆ



ส่วนเรื่องสำนวนกับคำผิด ขอปล่อยเป็นหน้าที่ผู้เขียนขัดเกลาและตรวจทานเองนะครับ คำผิดค่อนข้างน้อย แต่ก็อยากจะแนะนำนิดหนึ่งว่าไม่ต้องบรรยายท้ายบทสนทนาทุกบทก็ได้นะครับ มันทำให้จังหวะการเล่าชะงัก



จะมาติดตามอีกครับ :)

     
 
ชื่อเรื่อง :  ไม่มีบทความ
ใครแต่ง : Pippin
8 ก.ค. 58
80 %
5 Votes  
#3 REVIEW
 
เห็นด้วย
3
จาก 3 คน 
 
 
ปมปริศนาน่าสนใจมาก

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 24 พ.ย. 55
ความเห็นส่วนตัวนะครับ



บทนำเรื่องเขียนได้น่าสนใจมากครับ กลิ่นแฟนตาซีสุดๆ แต่ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในคนที่นับถือพระเจ้า ก็เลยจะรู้สึกแปลกๆไปบ้างในช่วงที่เรียกเทพซีเนียร์ว่า 'มัน' ผมกำลังสงสัยว่าเทพซีเนียร์อยู่ในฐานะพระเจ้าผู้สร้าง หรือพระศาสดาผู้ให้กำเนิดศาสนา หรือเทพเจ้าผู้เป็นที่กราบไหว้



พระเจ้ากับเทพเจ้า คนละความหมายนะครับ การเป็นเทพเจ้าอาจไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาก็ได้ ผมเข้าใจอารมณ์ของโฮเนส เขาเป็นผู้ที่ไม่ถือเทพเจ้าซีเนียร์ ในขณะที่คนทั่วไปนับถือพระองค์ ซึ่งจากที่อ่าน โฮเนสไม่น่าจะใช่ผู้ที่ก้าวร้าวหยาบคาย ผมว่าน่าจะเขียนในประเด็นขัดแย้งของโฮเนสกับเทพเจ้าซีเนียร์ จะดีกว่าเขียนให้เขาขัดแย้งกับศาสนา



เคยดูหนังเรื่อง Titan อารมณ์คล้ายๆกันคือมนุษย์ต่อต้านเทพเจ้า โดยไม่มีเรื่องของศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง ในความรู้สึกของผมจึงคิดว่าโฮเนสน่าจะต่อต้านเทพเจ้าซีเนียร์มากกว่า



จะบอกว่าชายชราให้ความรู้สึกราวกับเทพซีเนียร์แปลงกายมา ฮาๆ ปิดท้ายบทนำได้น่าสนใจมากครับ สกิลค้างแบบนี้ทำให้อยากอ่านต่อ ไว้เพิ่มมาหลายๆบทแล้วจะมาบอกเล่าความรู้สึกให้รับทราบอีกทีนะครับ



ส่วนเรื่องสำนวนกับคำผิด ขอปล่อยเป็นหน้าที่ผู้เขียน คงได้ขัดเกลาช่วงรีไรท์นะครับผม
     
 
ใครแต่ง : Lunatic'sLament
24 พ.ย. 56
80 %
2 Votes  
#4 REVIEW
 
เห็นด้วย
2
จาก 2 คน 
 
 
พล็อตเรื่องน่าสนใจมาก

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 24 พ.ย. 55
ความเห็นส่วนตัวนะครับ (แก้ไข 26 ธ.ค. 54)



กลิ่นแฟนตาซีตั้งแต่ย่อหน้าแรกเลย ถูกใจมาก ตอนนี้ผู้อ่านรู้แล้วว่าสงครามของสามเผ่าพันธุ์ุกำเนิดขึ้นได้อย่างไร เยี่ยมครับ ติดใจนิดตรงการต่อรองของเฮลฟ่านี่แหละ



ถ้าให้แนะนำ มีสองประเด็นนะครับที่น่าจะลงตัว หนึ่งคือน่าจะย้ำลงไปหน่อยว่าเฮลฟ่ากำราบมังกรกับปีศาจได้ทั้งที่เป็นเผ่ามนุษย์ผู้อ่อนแอ เฮลฟ่าเป็นวีรบุรุษผู้กล้าและไม่ล้างเผ่าพันธุ์มังกรกับปีศาจ จึงตกลงเจรจาเพื่อสันติ



หรือจะเลือกอีกประเด็นคือ ถ้าให้มนุษย์อ่อนแอและเสียเปรียบในสงคราม(แบบว่าเฮลฟ่าเก่งอยู่คนเดียว) การเจรจาเพื่อสันติ น่าจะมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรสักอย่างให้มังกรกับปีศาจ เพราะถ้าเสียเปรียบและอ่อนแอ มังกรกับปีศาจคงไม่ยอมเจรจาโดยง่าย



แนะนำประเด็นแรกครับ เขียนง่ายสุด ประเด็นหลังมีข้อดีคือคิดต่อยอดเป็นพล็อตใหม่ๆเพื่อเพิ่มความเข้มข้นได้



การแก้ไขสรรพนามทำได้ดีครับ สรรพนามค่อนข้างสำคัญ มันช่วยเสริมบรรยากาศแฟนตาซีอย่างมาก



อยากให้เพิ่มเหตุผลมารองรับการดำเนินเรื่องด้วยนะครับ ถึงจะเป็นแฟนตาซี แต่มันก็เป็นโลกที่มีอยู่จริงในจินตนาการ



ก็เป็นคำแนะนำส่วนตัวนะครับ สุดแล้วแต่วิจารณญาณของผู้เขียน



มาชื่นชมกันบ้าง ชอบพล็อตมากเลยครับ โดยเฉพาะการจับสามเผ่าพันธุ์นี้มาเป็นเผ่าพันธุ์ยิ่งใหญ่ มังกร ปีศาจ มนุษย์ แค่นึกภาพตามก็ยิ้มแล้วครับ จะต้องสนุกแน่ๆ อีกจุดที่ชื่นชอบคือดาบมีชีวิต เป็นพล็อตที่น่าสนใจมาก ยิ่งเพิ่มปมปริศนาเข้าไปว่าเหตุใดเฮลฟ่าคนล่าสุดจึงล้างผลาญชีวิต ยิ่งทำให้พล็อตน่าสนใจ อ่านแล้วตื่นเต้น ชอบกลิ่นแฟนตาซีแบบนี้มากครับ



สำนวนพอกล้อมแกล้มอ่านได้ แต่คำซ้ำเยอะไป ฟุ้งเฟ้อ ลองอ่านออกเสียงนะครับ จะพบคำซ้ำเยอะมากทีเดียว



บทที่ 1 สำนวนสนุกดีครับ ติดตรงสรรพนาม 'เขาเยอะไปนิด' เปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่ม หนุ่มน้อยผมสีน้ำเงิน ฯ ก็จะทำให้มีเสน่ห์ในการเล่ามากขึ้นครับ



:)
     
 
ชื่อเรื่อง :  Miracle...ปาฎิหาริย์รัก
ใครแต่ง : rain-arm
24 ธ.ค. 54
100 %
1 Votes  
#5 REVIEW
 
เห็นด้วย
2
จาก 2 คน 
 
 
บอกได้เลยว่าอบอุ่นมาก

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 24 พ.ย. 55
นานๆครั้งผมจะมองหานิยายรักสักเรื่อง ปกติอ่านแฟนตาซี ผจญภัย ไม่ก็สืบสวน หลังจากอ่านจนจบแล้ว ก็ขออนุญาตวิจารณ์นะครับ



ขอติก่อนแล้วกันนะ เรื่องคำผิดให้เป็นหน้าที่ผู้เขียนตรวจทานเองนะครับ สิ่งที่อยากจะแนะนำคือเรื่องการใช้คำ ผมว่าคำซ้ำเยอะมากถึงมากที่สุดเลย อ่านแล้วสะดุกกระฉึกกระฉักเป็นรถไฟตกรางเลย ฮาๆ อยากให้ลดทอนการใช้คำซ้ำ กระชับประโยคเข้ามาหน่อย ดูจากลวดลายการใช้ภาษาของผู้เขียน เป็นสไตล์ที่ละมุนละไมเบาสบาย ฉะนั้นการกระชับตัวประโยค ตัดคำฟุ่มเฟือย ตัดคำซ้ำหรือเยิ่นเย้อ จะช่วยทำให้การเล่าเรื่องของผู้เขียนลื่นไหลยิ่งขึ้น



สรรพนามในตอนต้นไม่หลากหลาย ลองค้นหาสรรพนามมาเพิ่มเสน่ห์การเล่านะครับ น้ำรินอาจหมายถึง หญิงสาวร่างบาง หญิงสาวผมสีน้ำตาล ฯ การเรียกชื่อน้ำรินบ่อยครั้งทำให้ผมอิ่มจนพุงกาง ฮาๆ น้ำรินทีไรก็หยิบน้ำขึ้นมาดื่มทุกทีเลย



การบรรยายความรู้สึกของตัวละคร ถ้าบรรยายความรู้สึกของหลายๆตัวละครในย่อหน้าเดียวกัน อาจทำให้ผู้อ่านงง ตอนแรกพูดถึงความคิดของน้ำริน แต่จู่ๆก็เปลี่ยนไปพูดถึงความคิดของเขต สลับไปมาในย่อหน้าเดียวกันก็ยิ่งงง วิธีแก้คือ ให้ตัดเป็นย่อหน้าใหม่ เพราะผู้เขียนบรรยายความรู้สึกของตัวละครทุกตัว เรียบเรียงไปคนละย่อหน้าเลยจะดีกว่าครับ จะทำให้อ่านแล้วลื่นไหลมาก



นอกจากการย่อหน้าเพื่อแยกความรู้สึกของแต่ละตัวละคร ผู้เขียนควรตัดย่อหน้าให้เหมาะสมและกระชับ เพราะย่อหน้าที่ยาวเหยียดเป็นสิบบรรทัด ทำให้การอ่านล้าไปเหมือนกันนะครับ น่าจะตัดย่อหน้าใหม่ เช่นว่า ย่อหน้านี้บรรยายถึงสิ่งนี้ แล้วก็ย่อหน้าใหม่เพื่อบรรยายถึงอีกสิ่งหนึ่ง



หางเสียงควรใช้ให้ถูก น่ะ, ค่ะ, คะ, ล่ะ, ละ ลองอ่านทวนดูนะครับ และคำว่า หน่ะ, หล่ะ ไม่ควรใช้นะครับ เพราะผิดหลักภาษา ผู้อ่านบางคนอาจไม่คิดอะไร แต่สำหรับวรรณกรรมที่อบอุ่นแบบนี้ ผมคิดว่าควรใช้คำที่ถูกต้องจะดีกว่า



มีช่วงหนึ่งที่รู้สึกขัดมากคือตอนที่น้ำรินพบภูติปาฏิหาริย์ครั้งแรก สิ่งที่แปลกประหลาดในสายตา แถมยังส่องวูบวาบแบบนั้น ไม่น่าจะกล้าหาญหยิบขึ้นมาไว้ในอุ้งมือนะครับ ตามสัญชาตญาณมนุษย์น่าจะระวังภัยไว้ก่อน และเมื่อภูติน้อยเผยร่างกลางฝ่ามือ ยิ่งขัดเข้าไปใหญ่ เพราะถ้าคิดตามความรู้สึกของหญิงสาวจริงๆ น่าจะตกใจแล้วโยนออกจากมือมากกว่าจะปล่อยให้มันดุ๊กดิ๊กอยู่ในมือโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร แต่นี่นอกจากน้ำรินจะไม่ตกใจ กลับยังถือไว้ในมืออีก ฮาๆ



อีกจุดที่ขัดมากคือตอนที่เธอไปร้านแว่นของน้าสาว (เธอถอดแว่นไปใช่ไหม) เธอควรจะสวยตั้งแต่น้าสาวเห็นว่าเธอถอดแว่น เพราะคอนแท็คเลนส์ไม่ได้ช่วยให้คนใส่ดูเปลี่ยนแปลงเลยสักนิดครับ (นอกจากใส่เลนส์สีหรือบิ๊กอาย) ถ้าใส่เลนส์ใสธรรมดา ใบหน้าก็เหมือนเดิมครับ เพราะฉะนั้น แม้ว่าเธอจะใส่เลนส์แล้วส่องกระจก น้าสาวก็ไม่น่าชื่นชมขนาดนั้น มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเธอเลยจริงๆ แต่อารมณ์ที่น้าสาวชมราวกับว่าน้ำรินกำลังสวมชุดเจ้าหญิงก็ไม่ปาน



สุดท้าย ไม่ใช่เรื่องขัดหรือสะดุด แค่อยากจะบอกว่าพล็อตเดาง่ายไปนิด ทันทีที่ภูติน้อยบอกว่าขอพรข้อที่สี่แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ผู้อ่านก็เดาได้เลยว่าน้ำรินจะใช้พรข้อที่สี่ยังไง (เดาพลาดไปนิด นึกว่ามาริสาจะใช้ปืน ฮาๆ)



ติติงไปตามความรู้สึกนะครับ สุดแล้วแต่วิจารณญาณของผู้เขียน ต่อไปขอชื่นชมบ้าง



อบอุ่นมากถึงมากที่สุด จะรู้ตัวไหมว่าผู้เขียนรังสรรค์ให้น้ำรินเป็นหญิงสาวที่มีหัวใจที่อบอุ่นมาก ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกประทับใจในความบอบบางแต่กล้ายอมรับโลกใบนี้ เธอมีความฝัน มีความกลัว มีความปรารถนาที่จะให้คนที่รักมีความสุข หลายครั้งที่เธอดูอ่อนแอ ดูแคลนตัวเอง แต่เธอก็เลือกมองหาความสุขเล็กๆที่ไม่ต้องล้นเหลืออะไรมาก ชอบบทของเธอตอนที่ตอบคำถามบนเวทีที่สุด อ่านแล้วอิ่มเอมใจ และเข้าใจทันทีว่าผู้เขียนกำลังจะสื่อสิ่งใดให้ผู้อ่าน



เปิดเรื่องได้ดี เริ่มที่เหตุการณ์เลวร้ายที่ทำให้น้ำรินต้องเสียใจและอับอาย (ลองเกลาภาษาดูนะครับ มันจะช่วยให้เป็นบทเปิดเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก) แม้สุดท้ายจะไม่รู้รายละเอียดนักว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ตอนหลังก็พบว่ามีเรื่องที่น่าสนใจและสำคัญกว่า ทำให้ผู้อ่านติดตามตลอดว่าน้ำรินจะจัดการกับพรวิเศษหรือจัดการกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในตัวเองยังไง



แอบยิ้มทุกครั้งที่เขตกับน้ำรินมีโอกาสได้เดินมาพบและเจอกัน แม้จะไม่ได้คุยอะไรกันมาก แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ผู้เขียนก็สามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่อบอุ่นละมุนละม่อมจนผู้อ่านยิ้มตาม น่ารักจริงๆ



อารมณ์ของตัวละครชัดเจนมากทีเดียว ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้เขียนถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครทุกตัวได้แจ่มชัดมาก ไม่ใช่แค่เขตกับน้ำริน แต่ยังรวมไปถึงมาริสา ใบตาล กระทั่งเจเจ (แม้แต่สายตาของผู้เป็นแม่ในยามที่มองลูกสาว) และชื่นชมจริงๆที่ถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ผู้ชายได้ตรงจุดมาก ผมเห็นนิยายรักหลายเรื่องมักจะเน้นตัวละครชายให้หล่อรวยบะล่ำบะเหลือ แต่เรื่องนี้กลับถ่ายทอดอีกมุมหนึ่งของผู้ชายธรรมดาที่มีหัวจิตหัวใจ ทำให้ผู้อ่านที่เป็นผู้ชายอย่างผม รู้สึกอ่านได้อย่างมีความสุขโดยไม่ขัดสายตา(คือถ้ามันรวยและหล่อขั้นเทพ ผมจะไม่อยากอ่านทันที ฮาๆ)



ตอนนี้ผมซึมซับคำว่าปาฏิหาริย์อย่างมาก ภูติน้อยอาจให้พรได้จำกัด แต่ถ้าคนเรามองหาปาฏิหาริย์ดีๆจากคนที่เรารักและจากคนที่รักเรา มันจะกลายเป็นพรวิเศษที่ไม่มีข้อจำักัดใดใดเลย



อบอุ่นมาก คืนนี้คงจะนอนไม่ห่มผ้า เย้ยย สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ พระเจ้าก็มอบปาฏิหาริย์ให้เราได้เหมือนกันนะ :)

     
 
หน้าที่ 1