ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hell Twins คู่นรก ส่งมาเกิด [Yaoi Fiction 18+]

    ลำดับตอนที่ #2 : Hell Twins คู่นรก ส่งมาเกิด : Chapter 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 422
      3
      3 เม.ย. 55

    Title : Hell Twins คู่นรก ส่งมาเกิด
    Chapter 1
    Writer : PePo_Zaffer
    Introduction : เป็นฟิคอิมเมจแบบจริงๆจังเรื่องแรก อ่านและเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยเน้อ ^_^




    ************************************************************






    ทันทีที่ปลายเท้าเรียวแตะพื้นสนามบิน เด็กหนุ่มก็รับรู้เลยว่าประเทศนี้เป็นประเทศที่เขาคงทำตัวให้คุ้นยาก!!! อากาศร้อน อุณหภูมิระหว่าง 35.0 'เซลเซียส - 39.9 'เซลเซียส บางวันก็ทะลุ 40 ‘เซลเซียส ต่างกับที่นิวยอร์คลิบลับที่อุณภูมิอบอุ่นไปจนถึงหนาวเย็นติดลบ “กังฟู” เดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองด้วยความรีบร้อน พลางถอดแจ็กเก็ตของตัวเองออก ก็อากาศน่ะร้อนขนาดนี้ ใครจะไปทนได้!

    ริมฝีปากเรียวฉีกยิ้มเมื่อเห็นพี่ชายสุดหล่อของเขายืนรอรับอยู่ที่ด้านนอก “เนี้ยบ” ยืนพิงลีมูซีนคันงามสีดำมันวับพร้อมสูบซิการ์ ทั้งคู่กอดกันอยู่นานก่อนจะขึ้นรถ ลูกน้องของเนี้ยบเดินเอากระเป๋าเดินทางใบโตสองใบไปเก็บไว้ที่รถติดตามอีกคัน เปิดประตูให้สองพี่น้องเข้าไปนั่งในรถก่อนที่เบนซ์สีดำจะขับนำหนึ่งคัน ตามด้วยลีมูซีนที่เขานั่ง และตามด้วยเบนซ์อีกหนึ่งคัน


    “ทำไมผมต้องกลับมาอยู่ประเทศที่อากาศร้อนแบบนี้ด้วยพี่เนี้ยบ?”

    “เพราะพี่คิดถึงนายไง” เนี้ยบพ่นควันสุดท้ายออกจากปากก่อนจะดับซิการ์ลง

    “ไม่ค่อยมีเหตุผลเลยนะ!”

    “ไม่จริงหรอก พี่ทำอะไรด้วยเหตุผลเสมอ” เขาหันมายิ้มให้น้องชาย “เจ็ทแล็กไหม? อยากทำไรก่อนดี?”

    “อยากกลับนิวยอร์ค” กังฟูบอกพร้อมกับใบหน้าที่บอกบุญไม่รับ

    มือยาวเอื้อมไปขยี้หัวตั้งๆของน้องชาย กังฟูร้องพลางปัดมือพี่ชายเขาออก ‘ผมยุ่งหมด!’

    “เราไม่เจอกันตั้ง 10 ปีนะ ไม่ดีใจหรอที่เจอพี่?”

    “พี่ก็ไปเยี่ยมผมที่บ้านคุณป้าทุกคริสมาสต์นิ แค่เราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ประเทศเดียวกันเท่านั้น!”

    “ก็จริง! แต่ตอนนี้พี่ก็ไม่ต้องทนนั่งเครื่อง 15 ชม.เพื่อไปฉลองคริสมาสต์กับนายแล้ว”

    “ ใช่! และผมก็ต้องมาทนอยู่ในประเทศที่มีอากาศเหมือนตู้อบแบบนี้ไง” เด็กหนุ่มทำหน้าบึ้ง “พี่บังคับให้ผมมานะ! ไว้พี่เผลอเมื่อไหร่ผมจะแอบบินกลับ คอยดู!!”

    “นายทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก” เนี้ยบยิ้มอบอุ่นให้น้องชาย หากในความอบอุ่นนั้นกังฟูก็สำผัสได้ถึงรังศีอำมหิตที่แผ่มาปกคลุมทั่วรถ แน่หละ...คนอย่างเนี้ยบสั่งอย่างได้ต้องได้อย่างนั้น ชี้นิ้วให้ใครตายคนนั้นก็ต้องตาย ด้วยเหตุผลที่พี่ชายเขาเผด็จการแบบนี้เขาถึงต้องมาอยู่ที่นี่ยังไง


    ไม่แฟร์เลยจริงๆกับการที่บอกให้คุณลุงและคุณป้าตัดค่าขนมเขาจนกว่าเขาจะบินกลับมาอยู่ที่ไทยด้วย แล้วคนอย่างกังฟูน่ะหรอที่จะอยู่ได้โดยไม่ใช้เงิน เสื้อผ้า อาหาร ค่าน้ำมันรถ ค่าอื่นๆอีกจิปาถะ อยู่บ้านเฉยๆก็เสียเงิน ฉะนั้นการโดนตัดค่าขนมก็เปรียบเสมือนฝันร้ายสำหรับเขา ถ้าถามว่าทำไมไม่ไปหางานทำน่ะหรอ? เหอะ! เลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย แค่ทำความสะอาดห้องตัวเองยังไม่เคยทำ อย่าหวังว่าจะให้คนอย่างกังฟูไปรับใช้คนอื่น

    เนี้ยบและกังฟูมีนิสัยเหมือนกันหลายอย่าง เช่น ชอบความเพอร์เฟ็ค ไม่ชอบให้ใครขัดใจ ต้องการแบบไหนก็ต้องได้ ที่สำคัญ...สองพี่น้องนี้เป็นพวกขาแข็ง!! ไม่เคยคุกเข่าให้ใครและไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้ใคร ต่อให้โดนมีดจ่อคอ โดนปืนจ่อขมับก็ตาม




    “หวัดดีกังฟู~” เสียงของใครบางคนทักด้วยน้ำเสียงร่าเริง ทันทีที่เด็กหนุ่มก้าวขาลงจากรถ

    “นายเป็นใคร?”

    “ฉันชื่อน้ำแร่” ชายหนุ่มผิวสีแทนแนะนำตัวพลางยื่นมือไปจับ หากกังฟูไม่จับตอบ เขาเดินหนีเข้าบ้าน เนี้ยบเดินมาตบไหล่คนหน้าแตกก่อนจะโอบไหล่พาเข้าบ้าน

    “เด็กของพี่หรอ?”

    “ห๊า!! หน้าตาหล่อๆอย่างฉันนี่ดูเหมือนคนที่จะมีรสนิยมแย่ๆขนาดชอบไอ้เนี้ยบหรอ?” น้ำแร่ถามเสียงดัง

    “เห้ย!! ไอ้น้ำแร่ ไหงพูดงี้ กูไม่ดีตรงไหน หล่อ รวย เท่ห์ มีทุกอย่าง” เนี้ยบถาม

    “มึงมันสติไม่สมประกอบไง” น้ำแร่สบถใส่ก่อนจะหันมาพูดกับกังฟูต่อ “ฉันเป็นเพื่อนพี่นายทำงานอยู่กับพี่นาย ไม่ใช่เด็กหรือคู่นอนของพี่นาย เข้าใจ๊??”




    กังฟูพยักหน้าส่งๆ น้ำแร่จะเป็นอะไรกับเนี้ยบก็ไม่ใช่เรื่องของเขาหรอก เขาไม่จำเป็นต้องสนใจ ตาเรียวสำรวจมองรอบบ้าน เขาจากที่นี่ไปตั้งแต่อายุ 10 ขวบ หลังจากที่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิต กังฟูก็ถูกลุงและป้าที่นิวยอร์ครับไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ส่วนเนี้ยบก็อยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อเพื่อสืบทอดกิจการของที่บ้านโดยมีคุณปู่คอยช่วยเหลือและสอนทุกอย่าง ซึ่งตอนนี้คุณปู่ของพวกขาก็ได้เสียไปแล้ว...

    “ห้องผมอยู่ไหน ผมอยากอาบน้ำ เหนื่อย ร้อนด้วย!!” เด็กหนุ่มหันมาถามพี่ชาย

    “เดี๋ยวให้ลูกน้องพี่พาขึ้นไป” เนี้ยบบอกพลางพยักหน้าให้ชายหนุ่มหน้าตาเคร่งขรึมในชุดสูทสีดำเดินนำน้องชายเขาไปที่ห้องนอน “วันนี้กินข้าวเที่ยงคนเดียวนะเพราะพี่มีงานต้องไปทำ”

    “พี่ให้ผมกลับมาอยู่ที่นี่...เพื่อให้ผมกินข้าวคนเดียว?” กังฟูถอนหายใจใส่

    “เอาน่า งานนี้มันสำคัญจริงๆ พี่สัญญาว่าจะกลับมากินข้าวเย็นกับนาย อยากกินอะไรสั่งพ่อครัวได้เลย พ่อครัวคนนี้ทำรีซอตโต้ของโปรดนายอร่อยมากๆเลยนะ” เนี้ยบพยายามเกลี้ยกล่อม

    “หรือถ้านายอยากออกกำลังกายก็ไปที่ยิมสิ” น้ำแร่แนะ ชี้นิ้วไปที่ข้างบ้าน

    “ใช่ พี่สร้างยิมในบ้านเรา มีทางเชื่อมอยู่ที่ชั้นสอง ลองไปดูนะ” ชายหนุ่มจูบหน้าผากน้องชายเบาๆก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

    “บ๊ายบาย กังฟู” น้ำแร่บอกลาก่อนจะวิ่งตามเนี้ยบไป




    ลำแขนตวัดมาโอบเอวเพื่อนรักที่อยู่ข้างๆ น้ำแร่รีบผลักเนี้ยบออก

    “มึงเลิกแต๊ะอั๋งกูซะทีไอ้เวร!! ขนลุกชิบหาย!” น้ำแร่ตวาดใส่ 'หน้ากูเหมือนเคะมากหรือไงวะอยากรู้!'

    “ก็มึงน่ารักอะ!” 

    “ขืนมึงชมกูว่าน่ารักอีกกูต่อยปากมึงแน่!”

    “มึงน่ากินอะ!”

    “พ่อ มึง!!! กูไม่ใช่ผู้ชายตามบาร์ที่ขายน้ำแลกเงิน ไม่ใช่คนที่มึงพามากกด้วยบ่อยๆ ขืนมึง...”

    “เออๆ กูรู้แล้ว กูแซวมึงไปงั้นแหละ วันนี้กูอารมณ์ดี” เนี้ยบเปิดประตู ก้าวขึ้นไปนั่งในรถ น้ำแร่เข้าไปนั่งข้างๆ “มึงรู้ตัวเปล่าว่าเวลามึงหน้าแดงแล้วน่ารัก” ชายหนุ่มยังไม่เลิกแกล้ง

    “หุบปาก!! คิดบทพูดของมึงไว้ดีๆเถอะ ถ้างานนี้ไม่สำเร็จ มึงงานเข้าแน่ๆ” ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนและต้องทำงานกับมัน ไอ้หน้าเป็นนี่โดนปาดคอแล้วจริงๆ

    “สำเร็จแน่” เรียวปากได้รูปยิ้ม







    __________ __________ __________ __________ __________







    ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเสื้อยีนส์แขนยาว กางเกงสีดำและรองเท้าผ้าใบเข้าชุด ชายหนุ่มยืนส่องกระจกมองตัวเองอยู่ในห้องน้ำ มือหนาหยิบเมจิกอายไลเนอร์ขึ้นมาเขียนขอบตา เอกลักษณ์ของเขาคือการเขียนขอบตาเพราะมันทำให้ลูกน้องในกลุ่มเกรงกลัว บางวันที่ลืมเขียน...คนแทบจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

    เมื่อจัดการกับการแต่งตัวของตัวเองเสร็จแล้วเขาก็เดินออกจากบ้านที่เป็นตึกแถวสามชั้น อันที่จริงเขาก็มี ‘บ้าน’ ที่เป็นหลังใหญ่ๆเหมือนกัน หากด้วยพอโตขึ้น ความรับผิดชอบมากขึ้น เขาก็ไม่อยากที่จะรบกวน ‘พ่อบุญธรรม’ ที่เขาเรีบกว่า ‘ป๋า’ อีกต่อไป จึงมาเช่าบ้านอยู่ซึ่งมันไม่ไกลจากที่ทำงานของเขามากนัก

    ดวงตาคมกริบมองร้านขายดอกไม้ที่เป็นกระจกใสฝั่งตรงข้ามก่อนจะยิ้มให้คนที่นั่งอยู่ในร้าน ล็อคบ้านของตัวเองแล้วเดินข้ามถนน...เพื่อซื้อดอกไม้




    “มาร์ติน” หยุดยืนดูดอกไม้หน้าร้าน ‘Flower&I’ ทันใดนั้นเจ้าของร้านก็เดินออกมาต้อนรับ “ไอหมอก” มองหน้าร่างสูงลูกค้าประจำก่อนถาม

    “รับดอกไม้อะไร?” แม้เสียงและหน้าตาจะหวาน หากสิ่งที่ออกมาจากริมฝีปากหยักสีชมพูได้รูปนั้นก็เป็นเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ห้วนๆ เด็กหนุ่มไม่ใช่คนหยาบคาย เขาแค่...เป็นคนประหยัดคำพูด

    ชายหนุ่มร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยนั้นแล้วอึ้งไปนิดๆ ใบหน้าที่ราวกับถูกปั้น ทั้งสวยและได้รูปแบบผู้หญิง ทั้งชื่อก็ออกแนวผู้หญิง หน้ายังสวยอีก จนบางครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าไอหมอกคือผู้หญิง 

    “ดอกทานตะวันหนึ่งช่อเหมือนเดิม” มาร์ตินตอบออกไป

    “รอซักครู่” เด็กหนุ่มหน้าสวยเดินเข้าร้านไปจัดดอกไม้ตามที่มาร์ตินสั่ง ร่างสูงหนีอากาศร้อนด้านนอกเข้ามานั่งในร้านที่มีโซฟาคอยต้อนรับและติดแอร์เย็นฉ่ำ

    “ไออุ่นไม่อยู่หรอ?”

    “พี่อุ่นไปรับดอกไม้” ไปหมอกตอบสั้นๆ “เอาโบว์สีอะไร?”

    “เอ่อ...” ชายหนุ่มคิด เอาสีอะไรดีล่ะ แล้วสายตาคมก็สะดุดที่รองเท้าของอีกฝ่าย “สีชมพู”

    ไอหมอกจัดช่อดอกไม้ให้มาร์ตินอย่างเงียบๆ ไม่นาน...ช่อดอกไม้ก็ถูกจัดจนเสร็จ

    “300บาท” มือเรียวยื่นช่อดอกทานตะวันให้

    “ขอบใจนะ” เขาควักเงินให้ รับดอกไม้มาก่อนจะนั่งลงตามเดิม ตาเรียวสวยหันมามองอย่างงงๆ คล้ายจะถามว่าได้ของแล้วทำไมไม่ไป? “คือ...ฉันขอนั่งอยู่นี่ซักพักก่อนนะ รอเพื่อนมารับ ข้างนอกมันร้อน”

    หน้าสวยพยัก คงไม่เสียหายอะไร เพราะมาร์ตินก็เป็นพื่อนกับไออุ่นพี่ชายของเขา และยังอยู่แค่บ้านตรงข้ามนี้เอง

    “รองเท้าสวยนะ” ชายหนุ่มพยายามหาเรื่องชวนคุยเพื่อลดความตึงเครียดในบรรยากาศ

    “ขอบคุณ”

    “ใครซื้อให้หรอ?”

    “พี่อุ่น”

    “ราคาเท่าไหร่?”

    “สี่พัน”

    “เข้ากับนายดี” 

    ประโยคนั้นทำให้หน้าสวยเงยหน้าขึ้นมอง จนไม่ทันระวังโดนคัตเตอร์ที่วางอยู่บาดมือเข้า มาร์ตินทิ้งดอกไม้แล้วรีบวิ่งมาดูร่างบาง ปลายนิ้วก้อยถูกบาดเป็นทางยาว โชคดีที่ไม่ลึกถึงขนาดต้องเย็บ ชายหนุ่มวิ่งไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลเหนือหัวมาทำแผลให้

    เด็กหนุ่มรีบชักมือกลับ “อย่า!!”

    “ถ้าไม่รีบล้างแผลนายอาจจะเป็นบาดทะยักนะ!” ร่างโปร่งปรามในน้ำเสียง ชุบสำลีกับแอลกอฮอลล์แล้วเช็ดไปที่แผล

    ร่างบางร้องเสียงดัง “โอ๊ย! แสบ!!”

    “อดทนหน่อย”

    ชายหนุ่มพยายามทำแผลอย่างเบามือ หยิบผ้าพันแผลมาพันนิ้วเรียวให้แล้วติดทับด้วยเทปกาว เลี่ยงเอาสำลีที่เปื้อนเลือดและแอลกอฮอลล์ไปทิ้ง ไปหมอกมองตามมาร์ตินที่ทำทุกอย่างให้เขา

    “ขอบคุณ...ครับ” เสียงหวานพูดเบาๆ หากก็ดังพอที่อีกฝ่ายจะได้ยินและยิ้มรับคำขอบคุณนั้น

    “ไม่เป็นไร ฉันมีส่วนทำให้นายเจ็บตัว”




    “เจ็บตัวอะไรกันหรอ?” เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นพร้อมๆกับร่างหนาเจ้าของเสียง “ไออุ่น” เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับกุหลาบหลายกำ มาร์ตินรีบไปช่วยถือ

    “คือ...น้องมึงเขาทำคัตเตอร์บาดมือตัวเอง”

    “หา? เป็นอะไรมากหรือเปล่า?” ชายหนุ่มหันมาถามน้องชาย

    ไอหมอกส่ายหน้า

    “กูล้างแผลให้แล้ว ไม่ลึก”

    “ขอบใจมึงมาก แล้วนี่ยังไม่ไปร้านอีกหรอ?” ไออุ่นถามอีกฝ่าย ปรกติมาร์ตินจะไปที่ร้านก่อนห้าโมงเย็น แต่นี่มันเกือบห้าโมงครึ่งแล้ว

    “กูรอ...”




    ปี๊น!!! ปี๊น!!!




    รถพอร์ชสีแดงมาจอดอยู่ที่หน้าร้านพร้อมกับบีบแตรเรียก เจ้าของรถลดกระจกลง ถอดแว่นดำ ก่อนจะกวักมือเรียกมาร์ตินให้รีบมาขึ้นรถ

    “ตายยากชิบ! กูไปละนะ” มาร์ตินบอกไออุ่น “ฉันไปก่อนนะ” เขาหันมาบอกไปหมอก ร่างบางพยักหน้าให้

    “เดี๋ยว!” เสียงหวานท้วงไว้ ไอหมอกวิ่งมาหยิบช่อดอกทานตะวันที่มาร์ตินสั่งและเสียเงินซื้อไปแล้วขึ้นมาให้ กระดาษห่อยับเล็กน้อย แต่ก็ถูกเด็กหนุ่มจัดเข้าที่แล้ว

    “ขอบใจ”


    “น้ำกลั่น” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับสูทสีดำและรองเท้าหนังเข้ากันหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบอย่างสบายอารมณ์ รอมาร์ตินเดินมาขึ้นรถ ขาก็ยาวแต่เดินช้าชิบหาย!

    “เลทไป 20 นาทีนะมึงอะ!!” มาร์ตินว่า

    “มึงก็เดินช้าเหลือเกินนะ ทำไม! หนุ่มน้อยผมบลอนด์ในร้านทำสติกระเจิงหรอ?” เขาถามเย้าพลางออกรถ

    “พ่อ มึงสิกระเจิง!” เสียงทุ้มสบถใส่ “มัวแต่เห่า รีบขับรถไปเร็วเข้า มีงานสำคัญรออยู่”

    “ไอ้เวรแค่นี้ต้องด่าพ่อ! รู้แล้วเว้ยว่างานนี้สำคัญ เกาะดีๆล่ะ กูเหยียบเร็วๆแล้วอย่ากรี๊ดเข้าใจไหม?”

    “เลิกพูดเล่นได้แล้วกูรำคาญ!” คำนั้นได้ผล น้ำกลั่นยักไหล่และขับรถออกไปเงียบๆ







    __________ __________ __________ __________ __________







    ชายหนุ่มร่างสูง ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะผ่านการฝึกฝนและออกกำลังกาย ผิวสีแทนธรรมชาติที่เกิดจากพันธุกรรมขับให้รูปร่างและหน้าตาของชายหนุ่มดูเคร่งขรึมและน่าเกรงขามมากขึ้น นัยน์ตาคมกริบที่ไม่รับแขก บอกชัดกับคำว่า ‘เอาเรื่อง’ 

    เสื้อกล้ามสีดำถูกแต่งเข้าคู่กับยีนส์ตัวเก่งและรองเท้าผ้าใบ เครื่องประดับมีเพียงนาฬิกาข้อมือและสร้อยคอรูปกะโหลกเท่านั้น รอยสักรูปมังกรที่ไล่ด้านขวายาวไปจนเกือบถึงข้อศอก ผมด้านหน้ายาวจนมาระดวงตา 

    มีดพกขนาดพอดีมือถูกชักออกมา ขายาวก้าวเร็วๆไปประชิดร่างของชายหนุ่มรูปร่างสันทัดคนนึงที่เดินอยู่คนเดียวในตรอกแคบๆ เขาล็อคคออีกฝ่ายจากด้านหลัง ใช้มีกดลงที่คอพลางกระซิบข้างหู

    “จำกูได้ไหม?”

    ชายหนุ่มคนนั้นไม่ทันตั้งตัว เขาตัวสั่นด้วยความกลัว เสียงแบบนี้...ทำไมเขาจะจำไม่ได้ มีอยู่คนเดียว

    “จะ...จำได้”

    “กูดีใจนะที่มึงจำกูได้ วันนี้เล่นได้เท่าไหร่เอาเงินมาแบ่งกูใช้บ้างสิ!” เขากดมีดลงไปทำให้เลือดเริ่มซิบๆที่คอของชายหนุ่ม

    “พะ...พี่ปล่อยผมก่อนแล้วผมจะหยิบให้”

    “มึงคงรู้ใช่ไหมว่าถ้าคิดหนีจะเป็นยังไง”

    “ระ...รู้”

    ชายหนุ่มจับคอตัวเองที่มีเลือดไหลซิบออกมาแล้วก็ตาโต แม้จะเข้าไม่ลึกหากก็สร้างความเจ็บให้ได้ไม่น้อย เขารีบหยิบกระเป๋าเงินจากในเป้ ดึงเงินออกมาปึกใหญ่แล้วยื่นให้อีกฝ่าย

    “สองหมื่นพอไหม?” เขาถามเสียงสั่น

    “เมื่อวานมึงโกงกูไปแสนกว่าบาท จะให้กูคืนแค่สองหมื่นนี่หรอ?”

    ปลายมีดถูกไล้ที่ปลายคางของคนตัวเตี้ยกว่า “งะ...เงินที่เหลือผมต้องเอาไปใช้หนี้คนของเจสัน”

    “หนี้ของมึง ไม่เกี่ยวกับกู!!” มือหยาบแย่งกระเป๋าเป้มาไว้ในมือ เท่าที่คำนวณด้วยสายตาในเป้คงมีเงินไม่ต่ำกว่าห้าแสนแน่ๆ “ทั้งหมดนี่...ของกู!” เขากล่าวพร้อมกับเดินออกมา

    ฝ่ายที่โดนปล้นยืนกำมือตัวเองแน่น ปรี่เข้าไปหมายจะต่อยไอ้โจรชั่วนี่ หากอีกฝ่ายรู้ทัน ร่างสูงหันกลับมา ก่อนจะแทงมีดเข้าที่ช่องท้องของอีกฝ่าย ชายหนุ่มตาโต เงยหน้ามองอีกฝ่าย คนถือมีดบิดปลายมีดเผื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายตายสนิทเพิ่มความเจ็บปวดให้เข้าไปอีก

    ชายหนุ่มโดนแทงล้มลง เลือดไหลมากมายจนนองที่พื้น ร่างสูงชักมีดตัวเองกลับ เช็ดใบมีดที่เสื้อของคนที่นอนกองอยู่ เตะปลายเท้าอีกทีเข้าที่แผลให้มันกระอักเลือดตาย ยิ่งมาตายในตรอกแบบนี้...เรียกให้ตายก็ไม่มีใครมาช่วย!

    “คนอย่างมึง...ตายไปซะก็ดี”

    ริมฝีปากยกยิ้มก่อนจะสะพายเป้แล้วเดินกลับบ้านตัวเองอย่างสบายใจ ปล่อยให้อีกฝ่ายนอนตายจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น พรุ่งนี้เช้าถ้าจะมีข่าวลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ว่ามีการแทงกันตายเขาก็จะไม่แปลกใจ เพราะคนที่กล้าแหยมกับเขา...มันสมควรตาย
















    __________ __________ __________ TBC… __________ _________ __________ 




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×