ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาณาจักรพฤกษามหาเวท (ออนไลน์)

    ลำดับตอนที่ #18 : เหตุการณ์ที่ลุกลาม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.13K
      16
      3 ต.ค. 56

    เหตุการณ์ที่ลุกลาม

              อนันต์และหน่วยอาสาเริ่มเข้ากวาดล้างเมืองต่างๆ หลายเมือง บางเมืองเป็นมหานครของโลกปัจจุบันที่มีประชากรหลายล้าน ซอมบี้และซอมบี้ยักษ์จำนวนมาก นับเป็นความสูญเสียที่ประเมินไม่ได้สำหรับโลก

              ด้วยเมล็ดพืชที่ทุกคนใช้ทำให้หน่วยอาสาได้รับความเสียหายกันเพียงเล็กน้อย ทุกคนต่างดีใจที่สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ แม้จะพบผู้รอดชีวิตไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์ของจำนวนคนทั้งหมด

              ......

              “รายงานข่าวด่วนค่ะ หมอกบริเวณตรงกลางของวงเวททั้งหก ได้ก่อตัวหนาขึ้นกลายเป็นสัตว์อสูรขนาดยักษ์ มองดูจากดาวเทียมเห็นขนาดชัดเจนเลยค่ะ มันมีขนาดตัวพอๆ กับเมือง เมืองหนึ่งเลยค่ะ คาดว่าความสูงคงมากกว่าสามกิโลเมตรค่ะ ...” เสียงรายงานข่าวช่องฉุกเฉิน

              ภาพที่เห็นจากกล้องบนดาวเทียม แสดงให้เห็นสัตว์ยักษ์ที่เป็นโครงกระดูกสีขาวโพลน หมอกสีดำจางๆ ครอบคลุมไปทั่วคล้ายกับเป็นผิวหนัง มีหมอกมืดเข้มดำพวยพุ่งออกมาจากโครงกระดูกเป็นระยะ ปีกโครงกระดูกค่อยๆ กางออกกว้าง ระยะปลายหัวถึงปลายหางยาวกว่าสิบกิโลเมตร มังกรโครงกระดูกสเกลเลตันดรากอน

              ทุกคนที่เห็นภาพล้วนพากันตื่นตะลึง หลายคนมีปฏิกิริยาท่าทางตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด บ้างก็เข่าอ่อนทรุดลงไป บ้างก็เป็นลมล้มลง หรือร่างกายสั่นเทา มีหนักถึงขั้นที่บังคับอวัยวะการขับถ่ายไม่ได้ บางคนกลับมีปฏิกิริยาตรงข้าม ปลุกปลอบตัวเองให้เข้มแข็ง เตรียมตัวเข้าต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่แทบจะไม่เห็นทางชนะ

              แทบจะไม่มีเลยที่จะมองสิ่งที่เห็นด้วยจิตที่ปล่อยวาง แม้อนันต์เอง ที่คิดว่าตนเองฝึกฝนจิตใจมาอย่างเข้มแข็งแล้วก็ตาม เมื่อมองเห็นครั้งแรก เขายังตกตะลึงเสียววาบไปทั้งตัว ก่อนที่จะสงบระงับใจ ไม่ให้ตื่นกลัว หรือโกรธ อันเป็นข้อห้ามของผู้ฝึกจิต พยายามคิดหาวิธีกำราบสัตว์ร้าย แต่ก็นึกไม่ออกแม้แต่วิธีเดียว

              “พื้นที่แถวนั้นมันบริเวณหุบเหวมรณะ แหล่งอันเดท ที่ตั้งกิลด์เนโครแมนเซอร์” ชายคนหนึ่งให้ข้อมูลกับคนรอบข้าง พวกเขาทุกคนขณะนี้อยู่มหานครปราชญ์ กำลังเตรียมตัวที่จะไปกวาดล้างซอมบี้ที่เมืองต่างๆ ดังเช่นที่ผ่านมา

              “เมืองที่ใกล้ที่สุดก็คือเมืองพาฟโรดา(Pavlodar) คาซัคสถาน” อีกคนที่หาข้อมูลจากแผนที่ดาวเทียมกล่าว

              “แผนที่เกมจะบอกได้ดีกว่า เมืองที่มีวงเวทวาร์ปที่ใกล้ที่สุดคือเมืองสเกล รองลงมาคือมหานครกายา” ชายคนแรกให้ข้อมูลเพิ่ม

              “พวกเราไปล่าเจ้าตัวนี้กัน พวกเราไปหาพรรคพวกมาให้เยอะๆ” ชายอีกคนในชุดอัศวินแสงระดับสูง มือถือทวนแสงสว่างจ้า ชูทวนขึ้นสูงประกาศก้อง คนรอบข้างต่างพากันกระเหี้ยนกระหือรือ ด้วยทักษะผู้นำของชายผู้นั้น ต่างพากันโห่ร้องตะโกนก้อง

              “เดี๋ยวก่อน ทุกท่านจะสู้กับเจ้ามังกรยักษ์นี่ยังไง” อนันต์ที่ไม่ถูกครอบงำไปด้วยพลังแห่งทักษะผู้นำ ตะโกนถาม ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันเงียบครุ่นคิด ไม่ว่าดูอย่างไรมันก็เหมือนกับมดที่จะไปหาญสู้กับตัวกินมดอย่างนั้น

              “ผมมีวิธี” เสียงดังขึ้นจากด้านหนึ่ง เรียกทุกคนหันไปมองกันถ้วนหน้า หัวหน้าจีเอ็มในชุดนักเวทสีขาว เปล่งแสงสว่างจับตา ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ

              “ผมต้องการให้ทุกคนช่วย ผมมีมหาเวทสองบทที่เป็นสุดยอดเวทในเกม มหาเวทประสานโกเล็มเพลิงสุริยะ กับมหาเวทประสานเนตรเพลิงสุริยะ มหาเวททั้งสองบทนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเวทก็ร่ายได้ ใครต้องการช่วยขอเชิญมายืนรอบๆ ตัวผม ผมจะใช้เวทเคลื่อนย้ายทุกท่านไปยังมหานครมนตรา” หัวหน้าจีเอ็มกล่าว แทบทุกคนที่ได้ยินพากันเดินไปรวมกลุ่มกันรอบๆจีเอ็มทันที ไม่เว้นแม้แต่อนันต์

              “ทุกคนพร้อมแล้วนะ” หัวหน้าจีเอ็มกล่าว วงเวทสีขาวสว่างเปล่งแสงขึ้นบนพื้นเป็นวงกว้าง ทุกคนที่ยืนอยู่ภายในต่างพากันเปล่งแสงตามแสงสว่างของวงเวท

              ทันใด แสงสว่างทั้งหมดก็ดับไป เหมือนกับมองไปยังดวงไฟที่ถูกปิดสวิทช์ เมื่อคนที่เหลือปรับสายตาได้ ก็ไม่เห็นสิ่งใดและผู้ใดอยู่ในพื้นที่ตรงนั้นอีกเลย

              ...มหานครมนตรา...

              ทุกคนถูกจัดให้ยืนเป็นแถววงกลมรอบๆ ศูนย์กลางของมหานคร ซ้อนกันหลายวง ขณะที่หัวหน้าจีเอ็มไปรวบรวมคนจากมหานครกายา และมหานครมนัสมาเพิ่ม กว่าทุกอย่างจะพร้อมก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง

              “ขณะนี้มังกรโครงกระดูกได้ทำลายเมืองพาฟโรดา เมืองสเกล และเมืองใกล้เคียงราบไปหมดแล้วค่ะ กำลังมุ่งหน้าไปยังมหานครกายา..” เสียงรายงานข่าวมาจากช่องฉุกเฉินในอายโฟนของทุกคนดังมาเป็นระยะๆ ทำให้หลายคนกระสับกระส่าย ไม่เว้นแม้กระทั่งจีเอ็ม

              “ผมจะส่งคำร่ายไปยังอายโฟนของทุกท่าน ขอให้ทุกท่านร่ายตามนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วเวทนี้จะร่ายอัตโนมัติเอง กินเวลาทั้งสิ้นหนึ่งชั่วโมง หวังว่ามังกรโครงกระดูกยังมาไม่ถึงที่นี่ก่อนที่เราจะร่ายเสร็จ” หัวหน้าจีเอ็มแจกจ่ายสำเนามหาเวทประสานให้ทุกคน ก่อนที่จะเริ่มต้นมหาเวทโกเล็มเพลิงสุริยะ

              เพียงแค่ทุกคนเริ่มร่ายบทสวดนั้นพร้อมๆ กันไปไม่กี่คำ วงแหวนเวทขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏออกมาครอบคลุมพื้นที่ของมหานครมนตราไว้แทบทั้งหมด หอคอยวงเมฆาที่อยู่ตรงใจกลางของเมือง ส่องแสงสีแดงเป็นลำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าลิบ เมฆหมอกสีดำที่ปกคลุมไปทั่ว แหวกเป็นทางกว้างให้เมืองได้รับแสงสว่างจากสุริยะ

              เพียงได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ วงเวทก็พลันส่องแสงสีส้มแดงอ่อนๆ พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เช่นเดียวกับหอคอยวงเมฆา ในตำแหน่งของแต่ละคนมีความเข้มของแสงไม่เท่ากัน ยิ่งผู้ที่มีพลังเวทสูงจะมีแสงความเข้มสูง

              ทุกคนเริ่มขยับตัวเต้นรำไปเหมือนกัน ปากก็ร่ายบทสวดออกมาเป็นเสียงสูงต่ำ โดยบังคับไม่ได้ ดูสวยงามราวกับระบำแปรขบวนในงานเปิดตัวมหกรรมกีฬาระดับโลก ทุกคนเดินแปรขบวนเป็นรูปวงเวท เปลี่ยนไปมาอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย

              หอคอยวงเมฆาพลันยุบตัวลงไปใต้พื้นพิภพ ร่างที่เปล่งพลังเวทสูงทุกคนถูกดึงดูดเข้ามาร่ายรำด้วยกันในใจกลางวงเวท ทุกคนที่เข้ามาเป็นศูนย์กลางพากันเปล่งแสงสว่างขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งหากใครมีพลังไม่พอก็จะไม่สามารถเพิ่มแสงสว่างขึ้นได้ และจะค่อยๆ เดินร่ายรำแปรขบวนออกไปจากศูนย์กลาง

              เมื่อมองขึ้นไปสูงลิบตามระยะของแสงสว่างที่พุ่งขึ้นไป จะเห็นเหมือนกับมีดวงดาว ส่องแสงสว่างไกลลิบ และค่อยๆ ขยายขนาดขึ้นช้าๆ

              ในที่สุดก็เหลือเพียงคนสุดท้ายที่อยู่ใจกลางวงเวทที่ร่ายรำแปรปรวนไปอย่างพิสดาร หัวหน้าจีเอ็ม กระแสพลังเข้มข้นล้อมรอบร่างของเขาจนเห็นเป็นเหมือนไอแดด

              เมื่อการร่ายเวทประสานผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ดวงดาวที่เห็นไกลลิบ ก็อยู่ห่างพอที่จะเห็นว่าเป็นดวงสูรย์อีกดวงที่ประดับฟากฟ้า ขณะที่วงเวทก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

              ร่างของชายหนุ่มที่เคยมีต้นฝอยทองเลื้อยพันรอบตัวก้าวเข้ามาแทนที่หัวหน้าจีเอ็ม ส่วนต้นฝอยทองนั้นหลุดลอยหายออกไปยังป่านอกเมือง

              ทันใดเหมือนกดปุ่มเร่งภาพ ทุกสิ่งถูกเร่งเร็วขึ้น จากการร่ายรำช้าๆ กลับคล้ายการออกท่าทางต่อสู้ และเปลี่ยนเป็นเส้นแสง ดวงสูรย์ที่เห็นบนฟากฟ้าพุ่งลงมาราวกับอุกาบาต ตกลงยังใจกลางเมือง

              “บรึม โอมมมม” ควันสีแดงรูปดอกเห็ดพุ่งขึ้นจากพื้น ก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็ว ทุกผู้คนล้มลงนอนหงายโดยไม่ได้นัดหมาย กระแสความร้อนวูบผ่านไปทั้งเมือง ก่อนที่จะมีเสียงร้องสรรเสริญเทพขึ้นมาจากใจกลางวงเวท

              ใจกลางวงเวทปรากฏเทพร่างใหญ่โตสมส่วนดังในวรรณคดีไทย ผิวสีทอง สี่พักตร์ สวมชฎา กรทั้งแปดถืออาวุธสุดพิสดารเกินที่จะเห็นในปกติวิสัย บ่วงบาศ จักร สังข์ ตรีศูล ศร พิณ  ลูกประคำ ขรรค์ ทุกปากท่องบทสวดอันไม่ทราบความหมาย เสียงประสานราวกับคนนับร้อยช่วยกันท่อง ขณะที่พิณสั่นรัวพร้อมกับเสียงดนตรีอันไพเราะเพราะพริ้งเข้ากับบทสวด ขณะที่ดวงเนตรทั้งแปดปิดสนิท

              เสียงเพลงบทสวดอันไพเราะสร้างความชุ่มชื่นให้แก่ทุกคนที่ได้ยิน พลังปราณ จิต เวท ฟื้นฟูขึ้นมาเต็มเปี่ยมอย่างรวดเร็ว

              “นี่มันไม่ใช่โกเล็ม” เสียงหัวหน้าจีเอ็มเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ

              ในมโนสติของอนันต์ จิตของเขาค่อยๆ จมดิ่งสู่สมาธิ ไม่ว่าจะก้าวเดินหรือร่ายเวท เขาก็ปล่อยให้ร่างกายดำเนินการไป โดยไม่ก้าวล่วงไปบังคับ เหลือเพียงสติรับรู้

              ดังนั้นเมื่อเขาก้าวเข้าไปสู่ตำแหน่งใจกลาง พลังมหาศาลก็โอบอุ้มตัวเขา ด้วยสติที่มีพลังมหาศาล สมาธิอันลึกซึ้ง ใจที่รับรู้ทุกสิ่ง และวางเฉยต่อทุกสรรพสิ่ง นิ่งสนิทเป็นเอกัคคตารมณ์ เต็มไปด้วยความสว่างไสว เขาจึงได้ร่างสถิตย์มหาเทพ ไม่ใช่ร่างโกเล็มอันต่ำต้อย

              ดวงเนตรทั้งแปดค่อยเปิดออกอย่างช้าๆ วรกายบางอ้อนแอ้นมีประกายทองลอยตัวขึ้นจากพื้น มุ่งหน้าสู่สถานที่มังกรดึกดำบรรพ์ปรากฏออกมา ด้วยรัศมีที่สาดส่องออกมาจากเศียร หมอกเมฆทั้งหลายต่างแหวกเป็นช่องทางกว้าง

              เมื่อห่างจากสัตว์อสูรประมาณสามร้อยกิโลเมตร ร่างเทพก็ชูจักรขึ้นฟ้า จักราวุธพลันหลุดพุ่งออกไปเบื้องหน้าราวสายฟ้าฟาด เสียงโซนิคดังครืนครั่นตามหลัง

              “เปรี้ยง” เสียงจักรตัดฝ่าอากาศสู่ร่างของมังกรกระดูกขณะกำลังบินถล่มเมืองไป ร่างของมังกรไร้หัวร่วงสู่พื้นราวนกปีกหัก

              “ตูม ครืนนนนน” เสียงมังกรตกลงมาจากที่สูง ปลุกผู้คนที่ยังตื่นตะลึงทุกคนให้รีบล้อมวงเพื่อมหาเวทประสานบทต่อไป

              “กุมะอะสินะ...” เสียงบทสวดที่กระชั้นเร่งร้อนดังขึ้นมาจากทุกสารทิศ เมฆหมอกสีดำแปรปรวนพุ่งเข้าไปในร่างของมังกรโครงกระดูก ชั่วขณะจิต มังกรร้ายก็คืนสภาพ หัวที่ขาดออกไป กลับลอยมาเชื่อมต่อกันสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

              “เปรี้ยงๆๆๆๆ” สายฟ้าแหวกกลุ่มหมอกมืด ฟาดลงไปยังร่างของมังกรร้ายติดๆ กันนับสิบสาย มังกรกระดูกล้มฟาดกับพื้นอีกครั้ง กระดูกถึงกับไหม้หลอมละลาย เมื่อเทพยกกรที่จับตรีศูรขึ้นไปกวัดแกว่งบนฟ้า

              “...กะกุนะสะริ...” เสียงสวดนั้นไม่หยุดชะงักขาดตอน หมอกรวมตัวเป็นก้อนปกคลุมยังร่างมังกร มันคืนสภาพอย่างรวดเร็ว

              “ควับ ตูม” มือเรียวงามโยนบ่วงบาศรัดร่างมังกรกระดูกไว้จนไม่อาจจะกระดิกได้ ก่อนที่จะปรากฏร่างเหนือมังกรกระดูก พร้อมเหยียบซ้ำลงจนจมดินลงไปเกือบครึ่งตัว รัศมีอันโชติช่วงแผดเผาหมอกดำมืดในบริเวณนั้นจนสลายสิ้น ขรรค์ในมือตวัดฟันด้วยความไวที่ไม่อาจจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า

              “เปรี้ยง” เสียงโซนิคดังขึ้นอีกครั้ง ร่างมังกรกระดูกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

              “ซูม..” วรกายสีทองพลันหายไปจากพื้น ปรากฏอยู่บนฟากฟ้าเด่นสง่า ก่อนที่หมอกมืดเข้มข้นจะพุ่งทะลักขึ้นมาแทนที่บริเวณนั้น

              หมอกมืดมัวพลันแปรสภาพกลายเป็นยมฑูตในชุดคลุมสีดำ มือถือเคียวใหญ่ จำนวนกว่าหกตน ทุกตัวสูงใหญ่เช่นเดียวกับมังกรกระดูกยักษ์

              พวกมันกวัดแกว่งเคียวฉวัดเฉวียน ก่อนที่จะปาใส่ร่างมหาเทพ เพียงขยับตรีศูล สายฟ้าหกเส้นก็ฟาดเข้าใส่เคียวที่ถูกขว้างเข้าใส่จนกระเด็นออกไป เมื่อขยับอีกครั้งสายฟ้าอีกหกสายก็ฟาดเข้าใส่ร่างของยมฑูตทั้งหกจนสลายเป็นหมอกควัน

              “...คะมะนิอิอุ มหาเวทแดนมิคสัญญี บทย่อยกลืนฟ้า” เสียงสวดที่ไม่ทราบที่มายังดังไม่ขาดสาย ร่างเทพพลันหม่นแสง พลังในร่างลดลงไปสามส่วนสิบ ขณะที่เกิดยมฑูตขึ้นใหม่อีกหกร่าง

              แต่ไม่ว่ายมฑูตจะเกิดขึ้นอีกกี่ร่าง เพียงการขยับตรีศูลร่างเหล่านั้นก็ถูกทำลายสลายไปอย่างง่ายดาย

              ขณะเดียวกัน ใจกลางของมหาเวทแดนมิคสัญญี ก็พลันหมุนเป็นวงเหมือนใจกลางของพายุเฮอริเคน พร้อมกับเสียงสวดที่ดังระงมไปทุกอนูของพื้นที่ในวงมหาเวทแดนมิคสัญญี

              ร่างของซอมบี้ที่ช่วยร่ายมหาเวทเริ่มล้มลงทีละตัว ซึ่งถ้าผู้ใดมีความสามารถในการเห็นวิญญาณ ก็จะเห็นวิญญาณหลุดออกจากร่างของเหล่าซอมบี้พุ่งเข้าสู่ใจกลางพายุ

              กายามหาเทพล่วงรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ขณะที่จะเข้าไปยับยั้ง ยมฑูตจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นมาป้องกันถึงแม้ว่ายมฑูตเหล่านั้นจะยับยั้งได้ไม่นาน แต่จำนวนที่มหาศาลก็ทำให้ร่างสถิตย์เทพเคลื่อนที่ไปยังใจกลางพายุได้อย่างเชื่องช้า

              เสาแสงพลันโผล่พุ่งขึ้นมาจากมหานครมนตราอีกครั้ง ในเสาแสงนั้นมีดวงตาดวงโตอยู่ภายใน เมื่อดวงตานั้นเปิดขึ้น มองไปยังยมฑูตตนใด ยมฑูตตนนั้นก็จะสว่างขึ้นและสลายเป็นแสงไปภายในชั่วกระพริบตา ช่วยให้เทพผู้มีแปดกรพุ่งตัวเข้าไปยังใจกลางพายุได้อย่างรวดเร็ว

              ร่างมหาเทพชูจักรขึ้นสู่ฟากฟ้า พร้อมกับตรีศูร สายฟ้านับหมื่นเส้นและจักรใหญ่ยักษ์พุ่งเข้าสู่ใจกลางของพายุด้วยความรวดเร็วที่เกือบเทียบเท่าแสง

              พายุพลันพัดเร็วขึ้นกว่าเดิม สายฟ้าพลันกระจัดกระจายออกพ้นอาณาเขตใจกลางพายุ ขณะที่จักรกลับแฉลบออกข้าง ซอมบี้ในพื้นที่แดนมิคสัญญีทั้งหมดล้วนล้มลง หมอกมืดพุ่งขึ้นเป็นเสาจรดฟ้า มหาเทพดีดกายออกห่างอย่างรวดเร็ว

              “..อะกินะยุติ  มหาเวทแดนมิคสัญญี บทย่อยสังเวยอสูร” หมอกมืดทั้งหมดพลันสลายตัว ปรากฏร่างมารสูงใหญ่แต่ก็สมส่วนดังภาพบนจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์ ผิวสีนิล กอปรด้วยเศียรนับสิบ เปล่งรัศมีสีดำทมิฬ ถืออาวุธแตกต่างกันไปทั้งยี่สิบกร สังวาลย์ไม่ได้ประดับด้วยอัญมณี แต่แทนที่ด้วยหัวกระโหลกของมนุษย์และสัตว์ เนตรทั้งยี่สิบเบิกโพลง ร่ายคาถาเร็วเร่ง

              “ฮะๆๆ ฮ่าๆๆ อย่าคิดว่าเจ้าจะมีอำนาจเหนือข้า ในเขตแดนนี้ ข้าจึงเป็นใหญ่ที่สุด” ร่างมารร้ายอำมหิตเอ่ยปาก เหมือนคนนับสิบพูดออกมาพร้อมๆ กัน

              “ท่านสร้างมหาวิบากไว้มาก หากท่านสำนึก โปรดปลดเขตแดน เพื่อให้ทุกชีวิตได้อยู่อย่างสงบสุขเถิด หยุดทุกอย่างก่อนที่จะสายเกินไป” ร่างสถิตย์สีทองเอื้อนเอ่ย

              “มันสายเกินไปนานแล้ว บาปนี้ เจ้าเป็นผู้ก่อกึ่งหนึ่ง” มารตอบโต้ด้วยโวหาร

              “หากบาปนั้นเป็นของข้า ข้ายินดีรับโทษทัณฑ์ และหยุดยั้งมันไว้เพียงเท่านั้น เหลือแต่ท่านที่ยังไม่หยุดยั้ง” เทพกล่าวยอมรับผิด

              “อย่าเสียเวลาเกลี้ยกล่อมข้า ผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้สิทธิ์ในการตัดสินโลกใบนี้ เข้ามา” มารกล่าวท้าทาย ปักไม้เท้าที่มีหัวกระโหลกประดับลงบนพื้น ก่อนที่จะนำไปน้าวศรอย่างรวดเร็ว

              “ครืน แดนมิคสัญญี มือปิศาจตรึงร่าง” มือขนาดยักษ์นับหมื่นแสนสีดำสนิทยื่นชูขึ้นจากพื้นพิภพ ไขว่คว้าไปมาบนอากาศ

              “ศรอสนีบาต เปรี้ยงๆๆ” เสียงลูกศรถูกยิงออกไปติดต่อกันด้วยความเร็วสูงดังขึ้น เป้าหมายกลับเป็นท้องฟ้าเบื้องบน

              กายสีทองชูลูกประคำขึ้นสู่ฟ้า ปากก็สาธยายมนตร์ ลูกประคำลูกหนึ่งพลันเปล่งแสง ก่อนที่จะสร้างบาเรียสีรุ้งทรงโค้งขึ้นมากลางอากาศ

              “เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆ” สายฟ้าเส้นโตสามเส้น พลันฟาดลงมาสู่บาเรียติดต่อกันนับสิบครั้ง ในขณะที่เทพแปดกรน้าวศรยิงตอบโต้กลับไปบ้าง

              “ศรส่งวิญญาณ ศรวิรุณ วุบๆๆ บรึมๆๆๆ” ศรสามดอกถูกยิงหายออกไปในอากาศ ก่อนที่จะปรากฏแผ่นยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนปลิวตกลงยังพื้นทั่วทุกบริเวณ เมื่อกระทบเข้ากับมือยักษ์ ก็จะเกิดการระเบิดเป็นพลังอัดอากาศทำลายมือยักษ์หายไปอย่างง่ายดาย ส่วนที่ยังไม่โดนมือยักษ์ก็จะวางเรียงรายอยู่บนพื้น

              ต่อจากนั้นฝนก็ตกลงมาอย่างมากมาย เมื่อฝนตกแห่งใดหมอกสีดำก็จะสลายหายไปจากบริเวณนั้น น่าแปลกที่ร่างเทพและมารกลับไม่โดนฝนแม้แต่น้อย

              “หึ คิดจะทำลายสภาพแวดล้อมของแดนมิคสัญญีของข้าหรือ ฝันไปเถอะ เพลิงอาญา” มือหนึ่งของร่างมารอวตารปล่อยลูกไฟที่ถือไว้ในมือลงพื้น มันลุกพรึบ ลามไปทั่วราวกับน้ำมันที่โดนเปลวเพลิง ทำให้น้ำฝนและแผ่นยันต์ถูกแผดเผาไปจนหมด จนแผ่นดินกลายเป็นเหมือนนรกแห่งเปลวไฟ

              ร่างมารหายวับปรากฏตัวต่อหน้าเทพ กระบองสีดำสนิทฟาดเข้าใส่อย่างรุนแรง

              “เปรี้ยง เปรี้ยง” วรกายสีทองใช้คันศรต้านรับไว้ แล้วใช้ขรรค์ตวัดกึ่งแทงกึ่งฟันเข้าด้านข้าง อีกฝ่ายต้านด้วยโล่ห์ทรงกลมที่ประดับหน้าโล่ห์ไว้ด้วยหน้าปิศาจ การปะทะของทั้งคู่ทำให้เกิดกระแสลมพัดอย่างรุนแรงหวีดหวิว ต้นไม้รอบข้างล้มระเนระนาด

              จังหวะนั้นร่างสีนิลพลันพุ่งหอกเข้าแทงอีกฝ่าย เมื่ออีกฝ่ายปัดป้องด้วยสังข์ ด้วยมือที่มีมากกว่าก็คว้าหมับไปที่หัตถ์ของอีกฝ่าย ยกเท้าขึ้นเหยียบไปบนชานุ(เข่า) เพื่อที่จะตรึงไม่ให้อีกฝ่ายสามารถเคลื่อนไหวได้

              ดังนกรู้ อีกฝ่ายพลันพลิกชานุออกข้าง ทำให้เท้าที่เหยียบลงพลาดเป้า ส่วนหัตถ์ที่โดนจับพลันบิดพลิกหลุดออกได้อย่างปาฏิหาริย์ ส่วนข้างที่ถือจักรชูขึ้นฟ้า พิณถูกดีดอย่างเร่งร้อนส่งกระแสพลังกระแทกออกไป พร้อมกับตรีศูลที่ทิ่มแทงออกไปเบื้องหน้า ขณะที่ขรรค์ถูกดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว

              ร่างมารก็ไม่ได้น้อยหน้า กดกระบองทับไปบนคันศร มือกว่าสี่ข้างพุ่งอาวุธยาวออกไปเป้าหมายคือทรวงของอีกฝ่าย เท้าที่เหยียบพลาดยกขึ้นบังคลื่นกระแสพิณ ตรีศูลพุ่งเข้าไปขัดกับตรีศูลของอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามา

              ......

              เวลาเดียวกัน ยมฑูตจำนวนมากปรากฏร่างรายล้อมมหานครมนตรา ต่างพยายามทำลายเกราะประจำเมือง ในขณะที่มหาเวทเนตรเพลิงสุริยะก็มองไปยังยมฑูตให้กลายเป็นแสงไปทีละตัวอย่างรวดเร็ว

              .......

              “...ขอแทรกข่าวเพิ่มเติมนะคะ สำหรับทุกท่านที่กำลังรับชมการต่อสู้ของเทพและมาร ขณะนี้มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กลับกลายเป็นอาณาเขตเวทอีกจุดแล้วค่ะ ดูจากหมอกมืดที่กระจายออกมาเป็นรูปวงพายุค่ะ ขอให้ทุกท่านที่อยู่ในเมืองอื่นๆ โปรดระวังภัยพิบัติระดับสูงสุดค่ะ...” เสียงจากช่องทางฉุกเฉินดังขึ้น

              มีภาพแสดงมหานครนิวยอร์กที่กำลังถูกคุกคาม ซอมบี้จำนวนมากวิ่งทะลักออกมาไล่กัดประชาชน ขณะที่ผู้ที่มีความสามารถทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปรปักษ์กันหรือไม่ ต่างต้องร่วมมือกันต่อต้านซอมบี้ที่เกิดขึ้นนับแสนอย่างพร้อมใจกัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ปล. ชื่อเมืองต่างๆ ผมอาจจะสะกดไม่ถูกต้อง ฝากผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×